เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

26 พ.ค. 2024

       เรื่องราวนี้ ‘คุณต้น’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอน มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษภาคม 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘ของฝากจากเพื่อนเก่า’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย!

       คุณต้นเล่าว่านี่เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คน คือ ลุงชัย เมียลุงชัย และลูกสาว (นามสมมุติ) ชาวบ้านในระแวกนั้นมักจะรู้กันดีว่าลุงชัยมีอาชีพเป็นช่างทำมีดและดาบที่เก่ง วันหนึ่งมีเพื่อนสมัยวัยรุ่นมาหาลุงชัย ชื่อว่าลุงแดง (นามสมมุติ) เมื่อเจอหน้ากันก็ทักทายกันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน หลังจากที่พูดคุยกันไปสักพัก ลุงแดงก็นำสิ่งของบางอย่างมาให้ลุงชัย ลักษณะเป็นแท่งเหล็กสีหม่น ๆ ยื่นให้ลุงชัย แล้วลุงแดงก็บอกกับลุงชัยว่า

       “ข้าได้ยินฝีมือการตีมีดของเอ็งมานาน วันนี้ที่มามีเรื่องจะวานให้เอาเหล็กท่อนนี้ไปเปลี่ยนเป็นมีดได้ไหม?”

       ลุงชัยเห็นเหล็กก็รู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่ามันก็คือเหล็กทั่วไป จึงรับมา จากนั้นลุงแดงก็บอกลุงชัยว่า

       “เดี๋ยวกลับก่อนออกมานานไม่ได้ อาทิตย์หน้าจะมาเอามีด” 

       แล้วลุงแดงก็กลับไป

       ลุงชัยเล่าว่าลักษณะนิสัยของลุงแดงจะเป็นคนชอบดื่ม อีกทั้งยังเป็นคนเล่นของ มีคาถาอาคมเป็นของตัวเอง ซึ่งคืนแรกหลังจากที่ลุงชัยรับเหล็กแท่งนั้นมา ในระหว่างที่ลุงชัยกำลังนอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนเดินอยู่บนบ้าน สักพักหนึ่งก็ได้ยินเหมือนเสียงคนวิ่ง จนเมื่อเสียงเงียบไปลุงชัยจึงหลับ เมื่อถึงตอนเช้าลุงชัยก็ตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะไปตีมีดตามปกติ ลุงชัยได้ไปนำเหล็กที่ลุงแดงเอามาให้มาตี แต่เมื่อตีไปตีมา แกก็รู้สึกว่าทำไมมีดเล่มนี้ตียาก ขึ้นรูปยาก แต่ลุงชัยก็พยายามตีต่อไป แต่ด้วยความที่มันขึ้นรูปยาก ทำให้ไม่ว่าจะตียังไงมีดเล่มนี้ก็เบี้ยว คด ไม่เป็นรูปเสียที

       เมื่อถึงช่วงเวลาพักของลุงชัย ลูกสาวของลุงชัยมักจะนำอาหารมาให้ แต่ในระหว่างที่ลูกสาวเดินมานั้นก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง ทำให้อาหารที่ลูกสาวถือมาร่วงหล่นไปทั้งหมด ลุงชัยจึงถามลูกสาวว่า

       “เป็นอะไร ใจลอยไปไหนข้าวหกหมดแล้ว”

       เพราะเห็นหน้าลูกสาวที่ซีดแปลกตาไป เมื่อเก็บอาหารที่ตกเสร็จ ลูกสาวก็รีบออกไปทันที ลุงชัยสังเกตเห็นว่าข้าวที่ตกลงไปที่พื้นนั้นค่อย ๆ หายไปทีละเม็ด ลุงชัยรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้อะไร

       คืนนั้นลุงชัยเข้านอนปกติ แต่นอนไม่ค่อยหลับ เพราะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว ลุงชัยก็ได้ฝันว่าในขณะที่ลุงชัยตีมีดอยู่นั้น เหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างในบริเวณที่ลุงชัยตีมีดอยู่ ลุงชัยจึงสะดุ้งตื่นและคิดว่าฝันแปลก ๆ

       เมื่อตื่นขึ้นมาลุงชัยก็ไปตีมีดต่อและนึกในใจว่า ‘วันนี้ก็วันที่ 2 แล้วยังไงก็ต้องตีให้เสร็จให้ได้’ แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับเมื่อวาน คือไม่สามารถขึ้นรูปได้ จนถึงเวลาเที่ยง ลุงชัยรู้สึกตาพร่ามัว รู้สึกหนักแขนเหมือนมีคนฉุดรั้งไว้ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาเดิมที่ลูกสาวของลุงชัยจะเอาอาหารมาให้ จังหวะที่ลูกสาวเดินเข้ามาในประตูแล้วเห็นลุงชัย ลูกสาวก็กรี๊ดออกมา ลุงชัยก็ถามลูกสาวว่า

       “เป็นอะไร!”

       ลูกสาวจึงเล่าว่า “เห็นคนกำลังจับแขนซ้ายและแขนขวาของพ่ออยู่!”

       เหมือนกับว่าพยายามไม่ให้ลุงชัยตีมีด และแต่ละคนสภาพเป็นศพที่มีคราบเลือดและคราบน้ำเหลือง คนหนึ่งพยายามจับแขนลุงชัย อีกคนขี่คอและเอามือปิดตาลุงชัยไว้  ในตอนแรกลุงชัยไม่เชื่อลูกสาว ลุงชัยจึงไปกินข้าวตามปกติ หลังจากกินเสร็จก็กลับมาตีดาบต่อ พอตีไปได้สักพักลุงชัยก็รู้สึกเจ็บหน่วง บริเวณหน้าอกจึงตัดสินใจเลิกตีมีด แล้วรีบกลับไปนอนในช่วงหัวค่ำ

       ในระหว่างที่นอนลุงชัยก็รู้สึกไม่สบายตัว เจ็บหน้าอก และไอ อาการคล้ายกับคนจะไม่สบาย แต่เมื่อถึงกลางดึกลุงชัยก็สะดุ้งตื่น สิ่งที่ลุงชัยเห็นเป็นอย่างแรกเมื่อลืมตา คือผู้หญิงยืนเหยียบอยู่บนหน้าอกของลุงชัย และเมื่อหันไปฝั่งซ้ายก็เห็นผู้ชายสูงอายุนั่งทับแขนลุงชัยอยู่ ฝั่งขวาเป็นผู้หญิงตาแดงก่ำจ้องมาที่ลุงชัย!

       ในตอนที่ลุงชัยกำลังตกใจ ผู้หญิงที่เหยียบหน้าอกลุงชัยอยู่ก็ค่อย ๆ ยื่นมือมาล้วงปากลุงชัยเหมือนจะดึงลิ้นของลุงชัยออกมา ลุงชัยก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ส่วนร่างที่ทับแขนลุงชัยอยู่ทั้งสองฝั่งเหมือนขึงลุงชัยไว้ ก็เอาค้อนมาทุบที่มือลุงชัยจนเลือดไหลออกมา ลุงชัยกำลังจะหันไปเรียกเมียแต่ก็ไม่สามารถเรียกได้เพราะร่างที่เหยียบบนหน้าอกล้วงปากอยู่! ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลูกสาวเดินมาดู บรรดาร่างที่อยู่ด้านซ้ายและขวาของลุงชัยก็หายไปเหลือเพียงแต่ร่างที่เหยียบหน้าอกของลุงชัย ลูกสาวลุงชัยบอกว่า

       “ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาทั้งบนบ้าน และข้างล่างเพราะนึกว่าพ่อตีมีดอยู่”

       แต่ความเป็นจริงกลับเห็นพ่ออาเจียนออกมาเป็นเลือด มือทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด ในขณะนั้นเมียของลุงชัยก็ตื่นและบอกว่าได้ยินเสียงลุงชัยไอแต่ลุกขึ้นมาดูไม่ได้เพราะมีคนแก่สองคนจับตัวเมียลุงชัยไม่ให้หันไปช่วย!

       จนตอนเช้าลุงชัยก็รีบไปหาหลวงตาที่วัดและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งในระหว่างที่เล่าอยู่ลุงแดงก็ตามมาที่วัด เพราะลุงแดงไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอ หลวงตาจึงบอกให้ลุงชัยถามลุงแดงว่าให้อะไรมา เพราะถ้ามาช้ากว่านี้เขาเอาถึงตายนะ ลุงชัยจึงพยายามถามลุงแดง ลุงแดงจึงตัดสินใจบอกว่า

       “เหล็กที่ให้ไป เป็นเหล็กที่เอามาจากตะปูตอกฝาโลงศพ”

       เพราะลุงแดงเป็นคนเล่นของจึงสะสมตะปูมานาน และงานที่ลุงแดงทำ คือสัปเหร่อ และแกคิดว่าถ้าเอาตะปูที่ใช้ตอกฝาโลงศพมาทำมีดน่าจะขลัง หลวงพ่อจึงบอกให้เอาเหล็กชิ้นนี้ไปทิ้งหรือทำลาย ด้วยคาวมที่ลุงแดงเสียดาย จึงนำเหล็กนั้นกลับไป ส่วนลุงชัยก็ขอให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ หลังจากวันนั้นลุงแดงก็หายหน้าหายตาไป แต่ลุงชัยก็ได้ข่าวหลังจากนั้น 4-5 เดือนว่าลุงชัยนั้นเสียสติไปแล้ว เวลาเดินผ่านตะปูที่ไหนก็จะงัดออกมาทุกครั้ง..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากเฌอปราง ‘เงาที่ทอดไป 5 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

16 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากเฌอปราง ‘เงาที่ทอดไป 5 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ’เฌอปราง’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘เงาที่ทอดไป 5 ชั้น’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! เฌอปรางเล่าว่า ย้อนกลับไปตอนอายุ 5 ขวบ ช่วงสุดสัปดาห์ไปอยู่คุณปู่ที่อพาร์ทเม้นท์ที่ไม่ได้ไปบ่อยนัก ตอนนั้นหลังกลับจากเที่ยวห้างและสวนสัตว์กับคุณปู่ ทางกลับจะเป็นซอยเข้าไปลึก ทางเปลี่ยว ไม่ค่อยมีผู้คน และเป็นอพาร์ทเม้นท์หลายตึก ตอนนั้นเป็นช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม ทุกอย่างมืดมาก ต้องเปิดไฟ สองปู่หลานเดินจูงมือกันไปตามทาง เดินผ่านซอกอพาร์ทเม้นท์ที่เป็นถนนที่ต้องเดินผ่าน ด้านข้างเป็นผนังสีขาว โล่ง ๆ สูงประมาณตึก 5 ชั้น ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นทางที่ผ่านประจำ แต่ครั้งนี้เฌอปรางรู้สึกแปลกไปกว่าเดิม ไม่รู้อะไรดลใจ เท่าที่จำได้ เฌอปรางเห็นตั้งแต่เริ่มเดินเข้าไปในซอกนั้น เป็นเงารูปคนสูงเท่าตึก แขนและขา ยาว ผอม เฌอปรางก็มองแล้วคิดในใจตามประสาเด็กว่า “มันคืออะไร” พอพยายามมองไปรอบ ๆ ก็เจอไฟที่ส่องมา แต่ไม่เจอต้นกำเนิดหรือเจ้าของเงา พอเดินไปต่ออีกประมาณ 5 นาที ระหว่างนั้นก็เดินแล้วก็มองอยู่หลายครั้ง เงานั้นก็อยู่เฉย ๆ ตอนนั้นคิดว่าน่าจะรู้สึกกลัวเลยไม่ได้ถามคุณปู่ เฌอปรางจำได้ว่าหลังจากนั้นก็กลัวที่จะเดินผ่านซอกนั้น และระแวงซอกที่คล้าย ๆ ตอนนั้นไปเลย จนทุกวันนี้ยังจำได้อยู่เลย 5-6 ปีผ่านไป พอโตขึ้นมาก็ได้ยินเรื่องเล่าว่า ‘มันมีสิ่งมีชีวิตที่ตัวสูงเท่าตึก แขน-ขา ยาว ผอมแห้ง ปากเท่ารูเข็ม เรียกว่าเปรต’ เฌอปรางจึงเอะใจว่าวันนั้นที่เราเจอมันจะใช่ไหมนะ จึงถามว่า ”ตอนนั้นตอนเด็ก หนูเจอที่อพาร์ทเม้นท์ปู่เนี่ย มันใช่ไหมคะ“ เขาก็บอกว่า ”เฌอไปทำบุญเถอะ เขาน่าจะมาขอส่วนบุญ“ และนี่เป็นไม่กี่เรื่องที่เฌอปรางยังจำได้ตั้งแต่เด็ก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ลุงข้างบ้านที่ไม่ได้เจอกันนาน พอกลับมาเจอทุกครั้ง ลุงยังทักทายและยิ้มให้ พอรู้ความจริง ขนหัวลุกไม่หยุด!

26 ก.พ. 2024

ลุงข้างบ้านที่ไม่ได้เจอกันนาน พอกลับมาเจอทุกครั้ง ลุงยังทักทายและยิ้มให้ พอรู้ความจริง ขนหัวลุกไม่หยุด!

เรื่องนี้ ‘คุณออโต้’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลุงข้างบ้านที่ไม่ได้เจอกันนาน พอกลับมาเจอกันอีก ลุงก็ทักทายและยิ้มให้เสมอ แต่พอมารู้ความจริงถึงกับช็อก เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย! โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เคยเจอกับตัวเองของคุณออโต้เมื่อ 25 ปีก่อน เป็นช่วงที่กำลังเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรกที่ไปเรียน คุณออโต้ก็ได้ทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย จึงไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน จนกระทั่งสอบปลายภาคเสร็จแล้วปิดเทอม จึงได้กลับบ้าน บ้านคุณออโต้อยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่เป็นข้าราชการ จึงไม่ค่อยอยู่บ้าน คุณออโต้จึงตัดสินใจนั่งรถกลับบ้านแต่จะไปลงที่บ้านเพื่อนก่อน เพื่อรอให้พ่อแม่กลับบ้านแล้วคุณออโต้ถึงจะกลับ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม เพื่อน ๆ ต่างมหาวิทยาลัย ก็ได้นัดมารวมตัวกันเพื่อดื่มสังสรรค์ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 ทุ่ม คุณออโต้ก็คิดว่าถ้าดึกไปมากกว่านี้ กลัวว่าพ่อแม่จะเข้านอนก่อน ซึ่งจะเข้าบ้านไม่ได้ คุณออโต้ก็เลยขอให้ ‘คุณบี’ (นามสมมติ) ขับรถไปส่งที่บ้าน ส่วนตัวของคุณบีเป็นคนกลัวผีมาก พอขับรถไปส่งคุณออโต้ถึงแค่หน้าปากซอยก็ขอกลับทันที ก่อนกลับคุณบีก็บอกกับคุณออโต้ว่า “ไอ้โต้ มึงเดินเข้าบ้านมึงเองนะ” คุณออโต้ที่เกรงใจเพื่อนมากจึงตอบไปว่า “ได้ ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินเข้าบ้านเอง” บ้านคุณออโต้ห่างจากปากซอยประมาณ 800-900 เมตร และสามารถเลือกเส้นทางเดินกลับบ้านได้ 2 เส้นทางคือ เส้นทางแรกต้องเดินผ่านวัด ผ่านกำแพงวัดที่มีโกฐกระดูกของผู้เสียชีวิต และเส้นทางที่ 2 คือ ทางเล็ก ๆ ที่ต้องเดินลัดเลาะตามบ้านของคนอื่น ซึ่งในเวลานั้นคุณออโต้ก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ 2 ก่อนที่จะถึงบ้านคุณออโต้ จะต้องเดินผ่านบ้านของ ‘ลุงเพชร’ ที่เป็นช่างเย็บเสื้อผ้า ซึ่งลุงเพชรรู้จักกับคุณออโต้มานานและเย็บชุดนักเรียนให้คุณออโต้มาตั้งแต่สมัยมัธยม ในขณะที่คุณออโต้กำลังเดินผ่านไปข้างหลังบ้านลุงเพชร ก็ได้ยินเสียงไอขึ้นมา “แค่ก ๆ” คุณออโต้จึงหันไปมองที่ต้นเสียง ปรากฏว่าเป็นลุงเพชรที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่ตรงสวนหลังบ้าน คุณออโต้ตกใจจึงพูดกับลุงเพชรไปว่า “โห้ลุง! ทำไมยังไม่นอน” ลุงเพชรก็ยิ้มให้ แล้วตอบกลับมาว่า “ออโต้พึ่งกลับมาบ้านหรอ” คุณออโต้ที่กำลังรีบกลับบ้านเพราะกลัวพ่อแม่จะนอนหลับก่อนแล้วจะเข้าบ้านไม่ได้ จึงตอบส่ง ๆ ไปว่า “ครับ ๆ” พอถึงบ้านคุณออโต้ก็ทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็ขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน พอไม่ได้กลับบ้านนาน ก็รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ จึงออกไปดูวิวที่ระเบียง ปรากฏว่าคุณออโต้ยังเห็นลุงเพชรนั่งอยู่บนแคร่เหมือนเดิม คุณออโต้รู้สึกแปลกใจ เพราะต่างจังหวัดคนมีอายุจะเข้านอนเร็ว คุณออโต้ก็คิดในใจสักพัก ก็ได้ยินเสียงน้องชายตะโกนขึ้นมาว่า “พี่ออโต้ มาดูคอมให้หน่อย” จากนั้นคุณออโต้ก็ลงไปดูคอมให้น้อง เวลาผ่านไปสักพักก็เดินกลับมาที่เดิม แต่ครั้งนี้ก็ไม่เจอลุงเพชรแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ปิดเทอม คุณออโต้ก็มีการไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนเป็นประจำ กลับบ้านทีก็ 4-5 ทุ่ม ซึ่งคุณออโต้ก็ใช้จะเส้นทางเดิมที่ลัดเลาะตามบ้านของคนอื่น และทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้าน ก็จะเจอลุงเพชรทักทายและยิ้มให้ตลอด จนเวลาผ่านไปใกล้ถึงวันที่จะเปิดเทอม คุณออโต้มีชุดนักศึกษาตัวหนึ่งที่ซื้อมาผิดไซส์ จึงตั้งใจว่าจะเอาไปให้ลุงเพชรซ่อมให้ วันนั้นคุณออโต้ก็ตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะขอเงินแม่ไปจ่ายค่าซ่อมชุด แม่ก็ถามว่า “จะเอาไปซ่อมที่ไหน” คุณออโต้ก็ตอบไปว่า “กับลุงเพชรไงครับ” พอแม่ได้ยินก็มีท่าทีที่ตกใจ และสีหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ แม่ก็ถามย้ำอีกรอบหนึ่งว่า “จะเอาไปซ่อมที่ไหน” คุณออโต้ก็ตอบเหมือนเดิมว่า “ลุงเพชรไงครับ ลุงที่อยู่ข้างบ้านเรา” พอพูดจบแม่ก็เดินมาตีคุณออโต้ แล้วก็ตวาดใส่คุณออโต้ว่า “จะไปแก้กับลุงเพชรได้ยังไง ลุงเพชรตายไปตั้งแต่แกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยช่วงแรก ๆ แล้ว” ซึ่งคุณออโต้ไม่เชื่อ เพราะเจอลุงเพชรทุกวันและลุงเพชรก็ยังทักทายคุณออโต้ปกติ แม่ก็ยังบอกอีกว่า “อย่าโกหกนะ แม่กลัว” คุณออโต้คิดว่าแม่ตัวเองขี้เหนียวหาว่าจนนั้นกุเรื่องคนเสียชีวิตมาพูดแทน คุณออโต้หัวเสียจึงเดินออกจากบ้านแล้วเจอพ่อ คุณออโต้ก็เดินไปขอเงินพ่อ พ่อเลยถามว่า “จะเอาเงินไปทำอะไร” คุณออโต้ก็ตอบไปว่า “จะเอาไปจ่ายค่าซ่อมชุดนักศึกษา” ซึ่งพ่อก็ถามคำถามเดียวกับแม่ว่า “จะเอาไปซ่อมที่ไหน” คุณออโต้ก็ตอบเหมือนเดิมว่า “ลุงเพชรไงครับ ลุงที่อยู่ข้างบ้านเรา” พอพ่อได้ยินก็นิ่งไปสักพัก พ่อก็พูดขึ้นมาว่า “ลุงเพชรแกเสียแล้วนะ” หลังจากนั้นพ่อก็เดินเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างในบ้าน แล้วยื่นให้คุณออโต้ดู ปรากฏว่าเป็นซองงานศพของลุงเพชร พอคุณออโต้เห็นถึงกับช็อก ทำตัวไม่ถูก ซึ่งคุณออโต้จึงกลับมาคิดกับตัวเองว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณออโต้เจอลุงเพชรทุกวัน ลุงเพชรก็ยังทักทายและยิ้มให้ปกติ แล้วพ่อก็เล่าให้คุณออโต้ฟังว่า “ก่อนที่ลุงเพชรจะเสียชีวิต ลุงเพชรถามหาออโต้ด้วย” คุณออโต้ก็คิดว่า ด้วยความที่สนิทกันกับลุงเพชรและรู้จักกันมานาน ตั้งแต่เด็ก ๆ ลุงเพชรอาจอยากมาลาคุณออโต้ก็ได้(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงกระซิบว่า “ช่วยด้วย..” ไม่กี่วันคนร้ายมอบตัว เพราะลุงมาบอกว่าจะเอาชีวิต!

13 มี.ค. 2023

ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงกระซิบว่า “ช่วยด้วย..” ไม่กี่วันคนร้ายมอบตัว เพราะลุงมาบอกว่าจะเอาชีวิต!

(WARNING : เนื้อหานี้มีความรุนแรง, การทำร้ายร่างกาย และเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน) เรื่องราวฆาตกรรมสุดโหดที่เกิดขึ้นนี้คือประสบการณ์หลอนที่ “คุณบี” ได้พบเจอกับตัวเอง และได้โทร.เข้ามาเล่าในรายการ “อังคารคลุมโปง X” (7 มีนาคม 2566) ที่ผ่านมา เป็นเรื่องของ “ลุงแถวบ้าน” ที่เสียชีวิตด้วยเหตุฆาตกรรมสุดโหดโชกไปด้วยเลือด..! คุณบีเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว คุณลุงแถวบ้านท่านนี้ ทำอาชีพดักจับหนู โดยปกติเมื่อตกเย็นก็มักจะล้อมวงสังสรรค์กับคนละแวกนั้นอยู่เสมอ คืนหนึ่งในวงสังสรรค์นั้น ก็มี “คู่อริเก่า” นั่งรวมอยู่ด้วย เรื่องของเรื่องก็คือคุณลุงท่านนี้เคยไปต่อว่าแม่ของคู่อริเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พอน้ำเมาเริ่มทำงาน การสังสรรค์ก็เริ่มจะสังเสีย ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ทันใดนั้นฝ่ายคู่อริก็กลับบ้าน เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า คุณลุงคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วก็เลยจะออกไปดักหนูตอนกลางคืนตามปกติ จึงปั่นจักรยานออกไปห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร ไม่นานนัก ก็เจอเข้ากับคนร้ายดักฟันเข้าไปที่คอจากด้านหลัง! เท่านั้นยังไม่พอ คนร้ายยังจับเงยหน้าแล้วฟันที่คอ จนคอเกือบขาด! เหลือแค่ตรงกระดูกเพียงนิดเดียวเท่านั้น.. เช้าวันต่อมา เวลาประมาณตี 4 คนแถวนั้นที่ออกไปทำงานแต่เช้าก็พบศพของคุณลุงและรีบโทรแจ้งตำรวจ สภาพที่เกิดเหตุจะเห็นคราบเลือดเป็นวงกลม แสดงให้เห็นว่าก่อนสิ้นลม คุณลุงเจ็บปวดและทรมานเพียงใด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็ได้สอบถามคนละแวกใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่เจอบุคคลน่าสงสัย แต่ทางด้านตำรวจก็ยังคงทำหน้าที่สืบคดีอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปไม่กี่วัน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอยู่นั้น ทางด้านคุณบีเอง ก็ได้ขับรถมาที่บ้านแฟนซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่หลังจากที่เกิดเหตุ คุณบีเล่าว่า “หนูขี่ไป แล้วเห็นผู้ชายคนนึง ลักษณะคือผมขาวแต่ไม่ทั้งหัวนะคะ ใส่เสื้อสีเหลือง ใส่กางเกงขาม้า แล้วก็..ยืนยิ้มอยู่ตรงต้นขนุน” คุณบีบอกว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็เลยขับรถผ่านแล้วเข้าบ้านแฟนไป และเล่าให้แฟนฟังว่า “เนี่ย เห็นเขายืนยิ้มอยู่ ทำไมเขาไม่เข้าบ้าน มันดึกแล้วนะ” ทั้งสองคนไม่ได้คิดอะไร และปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป.. วันถัดมา คุณบีก็ขับรถมาทางเดิมอีกครั้ง รอบนี้คุณบีได้ยินชาวบ้านคุยกันถึงเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น คุณบีที่อยากรู้จึงเข้าไปร่วมวงสนทนา และขอดูรูป พอเห็นรูปคุณบีถึงกับตกใจ! เธอบอกว่าคนในรูปคือคนเดียวกับที่เห็น! พอเล่าให้คนในครอบครัวของแฟนฟัง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ คุณบีจึงเงียบไป 2 วันถัดมา คุณบีขับรถมาทางเดิมอีกครั้ง แต่รอบนี้มีเพื่อนมาด้วยหนึ่งคน ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน พอขับผ่านบ้านของคุณลุงที่เสียชีวิตไปประมาณ 3-400 เมตร เพื่อนของคุณบีก็สะกิดบอกคุณบีว่า “มึง.. ลุงเขาบอกให้ช่วย” คุณบีเล่าเสริมอีกว่าอยู่ ๆ เพื่อนก็พูดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คุยอะไรกัน และไม่มีเสียงอะไรด้วย! เพื่อนคุณบีบอกว่า “ลุงเขาบอกว่า ไปบอกลูกสาวเขาหน่อย ว่าคนคนเนี้ย เป็นคนฆ่า แล้วเขาหนีไปที่ไหน” คุณบีได้ยินดังนั้นก็ขนลุกไปทั้งแขน แล้วก็รีบพากันขับรถกลับบ้านทันที! ทั้งสองคนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้บอกใคร ผ่านไปไม่กี่วันคนร้ายก็เข้ามามอบตัวกับตำรวจ แล้วก็บอกว่า “อยู่ไม่ได้ ลุงเขาไปกวน ลุงเขาจะเอาชีวิตให้ได้เลย” ทางด้านลูกสาวของผู้เสียชีวิตก็ถามว่าทำไมต้องฆ่าคุณลุง คนร้ายก็บอกว่า โมโหที่คุณลุงเคยต่อว่าแม่ของเขาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งคนร้ายคนนั้นก็คือ “คู่อริ” ที่ทะเลาะกันในคืนนั้นนั่นเอง คุณบียังเล่าเสริมอีกว่า คนร้ายคนนั้นก็คือคนที่คุณลุงบอกกับเพื่อนของคุณบีจริง ๆ แล้วคุณบีก็พึ่งมารู้ทีหลังว่าวันที่เจอคุณลุงพร้อมกับเพื่อนนั้น คุณลุงเขาวิ่งตามรถจนเกือบไปถึงวัด ด้วยสภาพที่เหมือนกับวันที่ถูกฆาตกรรม! ในตอนนั้นเพื่อนคุณบียังบอกให้รีบขับเร็ว ๆ แต่คุณบีไม่คิดว่าจะมีอะไรจึงไม่ได้ใส่ใจ ดีเจเจ็มถามย้อนกลับไปในวันแรกที่คุณบีเห็นคุณลุงสวมเสื้อสีเหลือง ตอนนั้นคุณลุงยังอยู่ในสภาพปกติ คุณบีจึงบอกว่า “อาจจะตอนนั้นเขายังไม่รู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่จำหน้าคุณลุงได้ชัดเลย”ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’คืนสยองวันรับน้อง‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

13 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’คืนสยองวันรับน้อง‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณนนท์ อินทนนท์‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (9 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’คืนสยองวันรับน้อง‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณนนท์เล่าว่า ตนเป็นรุ่นพี่ที่ไปดูรุ่นน้องในค่ายรับน้อง 3 วัน 2 คืน จึงจองรีสอร์ทกับเพื่อน ซึ่งเป็นรีสอร์ทกลางนา ในห้องน้ำมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางห้อง ส่วนห้องนอนรวมกันประมาณ 7 คน เเละสุนัขของเพื่อนอีก 1 ตัว หลังจากเหนื่อยจากการรับน้องจึงแยกย้ายกันไปอาบน้ำเเล้วมาเข้านอน คืนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งตื่นมาเวลาประมาณตี 2 เเล้วก็สังเกตเห็นใครบางคนกำลังแสดงอะไรบางอย่างอยู่ในห้อง แล้วสุนัขก็เห่าเเล้วมองไปทางเดียวกันกับที่เพื่อน จนคุณนนท์ตื่นเเล้วมองไปที่สุนัข เเต่ก็ไม่เห็นอะไร เพื่อนถามคุณนนท์ว่า “มึง มึงไม่เห็นหรอ เขารำใหญ่เลย” ตนจึงตอบไปว่า “ใครรำ ใครจะรำตอนนี้ บ้าปะเนี่ย” เพื่อนจึงบอกให้คุณนนท์ตั้งสติ เเล้วคุณนนท์ก็เห็นเป็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่วางทีวี หัวของร่างนั้นติดอยู่ตรงพัดลมที่กำลังส่าย คุณนนท์เเละเพื่อนรู้สึกช็อคจึงสวดมนต์กับเพื่อน สักพักร่างนั้นก็หายไป..! วันต่อมา คุณนนท์ได้คุยกับเพื่อนว่าอยากให้ย้ายออกจากรีสอร์ท เเล้วจากนั้นตนก็เล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้เพื่อนฟัง เมื่อเล่าเสร็จก็มีเพื่อนคนหนึ่งพูดท้าทายว่า “จะรำได้ขนาดไหน เดี๋ยวมารอดูสิว่าการรำกับการนอนของกูอันไหนจะพังกว่ากัน” เเต่คุณนนท์รู้สึกไม่สบายใจจึงบอกให้เพื่อนขอโทษขอขมากับคำพูดที่ได้พูดลบหลู่ไป คืนนั้นเวลาตี 3 ขณะที่ทุกคนนอนอยู่ ก็มีกลิ่นน้ำอบลอยเข้ามาในห้อง ทำให้ทุกคนในห้องตื่น สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงดนตรีขึ้น ทุกคนจึงหลับตากอดกัน เเล้วก็มีลมแรงมาก ๆ พัดเข้ามาในห้อง! คุณนนท์รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงทำสัญญาณบอกเพื่อนว่า ออกไปเถอะ เเล้วก็รีบเก็บของไปนอนที่อื่น วันต่อมา คุณนนท์ได้ไปพูดคุยกับเจ้าของรีสอร์ทว่า “หนูนอนไม่ได้เลย” เขาก็ตอบกลับว่า “ห้องนั้นเคยมีเด็กที่เป็นนางรำมานอน เเล้วเหมือนโรคประจำตัวเขากำเริบ เเล้วก็ชัก” คุณนนท์จึงคิดว่าสิ่งที่ตนเเละเพื่อน ๆ เจอนั้น คงเป็นวิญญาณของเด็กที่เป็นนางรำนั่นเอง…(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1