เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

20 ม.ค. 2025

      รายการ ‘อังคารคลุมโปง x’ (14 มกราคม 2568) พบกับ ‘มิ้ม รัตนวดี’ ที่ได้นำเรื่องเล่า ‘กุมารของยาย’ มาเล่าให้ฟัง เป็นเหตุการณ์ที่แม่อยู่บ้านกับคุณยาย คืนหนึ่ง มีเสียงเคาะประตู จึงเปิดประตูออกไปดูปรากฎว่าไม่เจอใคร! เรื่องนี้ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังแล้วต้องอึ้ง! ใครเคาะประตูเรียกเวลานี้? ไปอ่านพร้อมกันเลย!

      คุณมิ้มได้เล่าว่า ตนได้ฟังเรื่องเล่านี้มาจากคุณแม่ ในตอนนั้นคุณยายไม่สบาย คุณแม่จึงต้องกลับไปที่บ้านหลังเก่าเพื่อดูแลคุณยาย

      คืนหนึ่ง คุณยายนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงในห้องปกติ เวลาประมาณตี 3-4 อยู่ ๆ คุณแม่ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ตอนแรกคุณแม่ไม่ได้คิดอะไร แต่สักพักเสียงเคาะประตูก็กลับมาอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ดังขึ้นกว่าครั้งแรก คุณแม่จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปดู แต่ปรากฏว่าไม่เจอใคร คุณแม่คิดว่าจะอาจจะเป็นคุณยายมาเรียก ด้วยความเป็นเด็กคุณแม่จึงพูดไปว่า

      “โอ๊ยมาเคาะอะไรเนี่ย จะนอน”

      หลังจากนั้น คุณแม่ก็เดินเข้าไปที่ห้องคุณยาย แต่ก็ไม่เจอคุณยาย คุณแม่จึงตามหาว่าคุณยายอยู่ไหน ปรากฎว่าเจอคุณยายล้มอยู่ในห้องน้ำ!

      คุณแม่ลองนึกย้อนดูก็คิดว่า หรือเสียงเคาะประตูที่ได้ยินนั้น จะเป็นเสียงของกุมารทองที่คุณยายเลี้ยงไว้ เขามาเรียกให้ไปช่วยคุณยาย

      จากนั้นคุณแม่ก็รีบเรียกรถพยาบาลทันที  

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

2 เรื่องหลอนตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต ของ ต้า & สอง PARADOX

01 ก.ย. 2023

2 เรื่องหลอนตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต ของ ต้า & สอง PARADOX

‘ต้า-สอง Paradox’ มาเยือนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 สิงหาคม 2566) พร้อมเรื่องเล่าสุดหลอนจากการได้ไปนอนโรงแรมต่างๆ ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนหัวลุกตามกันเลยกับชื่อเรื่อง เตียงคู่‘ประสบการณ์หลอนพี่สอง Paradox’เกิดขึ้นครั้งที่ไปทัวร์คอนเสิร์ต ได้เข้าพัก ณ ที่พักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ลักษณะห้องพักคือมีเตียงเล็ก 2 เตียงตั้งคู่กัน โดยมีรูมเมทคือ ‘พี่บิ๊ก Paradox’ ในวันนั้น พี่บิ๊กตัดสินใจกลับก่อนในตอนเช้ามืด ส่วนพี่สองยังคงนอนพักอยู่ในห้องเพราะจะบินกลับตามไปในช่วงบ่ายพี่สองเล่าว่า ที่จริงแล้วจะมีกฎ หากห้องพักมี 2 เตียง แล้วเราเหลือคนเดียว เคยมีคนพูดไว้ว่า “ ให้เอาของไปวางบนเตียงที่ว่าง จะได้ไม่ต้องมีอะไรมาอยู่บนเตียง” ตามปกติก็จำได้ว่าต้องทำ แต่ในวันนั้นดันหลับอยู่ พี่บิ๊กกลับไปแล้ว เตียงเลยว่างโดยที่ไม่มีของวางไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอช่วงเวลารุ่งสาง เริ่มรู้สึกตัว ฟ้าเริ่มสลัวๆ ก็ลุกขึ้นหยิบของ เข้าห้องน้ำปกติ คิดไว้ว่าเดี๋ยวจะนอนต่ออีกหน่อย แต่จังหวะที่จะหยิบของจากตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ภาพมาเลยในกระจก สิ่งที่เห็นคือ กระจกสะท้อนไปที่เตียงพี่บิ๊ก เป็นร่างผู้หญิงนอนอยู่พี่สองบอกว่า “เสียงก๊อกน้ำ เสียงคนแก่ มันเป็นไปได้ที่เห็นแว๊บ ๆ หรือมุมไกล ๆ ลิฟต์เปิดเอง ทีวีเปลี่ยนช่องเอง เป็นเหตุการณ์ที่เจอมาหมด แต่ยังคิดต่อได้ว่าเป็นอย่างอื่นไปได้ แต่ภาพที่เห็นคนนอนอยู่ในกระจกอีกที คือตกใจมาก แบบเห็นชัดเลย แบบครั้งแรกที่ได้เห็นเต็ม ๆ พอหลังจากนั้นก็เก็บของแล้วไปห้องน้องๆทีมงานคนอื่นแทน”‘ยืนยันความหลอนจากประสบการณ์ของพี่ต้า Paradox’ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่คนละห้อง พี่ต้านอนอยู่ในห้อง โดยมีพี่วัตเป็นรูมเมทก็นอนในท่านั่ง เอาหัวแนบไปกับโต๊ะ แล้วก็พูดอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถจับใจความได้ ในตอนแรกพี่ต้าเข้าใจว่ากำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่ ไม่ได้สนใจอะไรจากนั้นก็นอนหลับไปปกติ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพอฟ้าสว่างก็ได้ยินเสียงพี่วัตลุกขึ้น อาละวาด โวยวาย “เอาดิว่ะ มาดิว่ะ ” แล้วก็เตะของ เปิดบทสวดมนต์ดังลั่น มาจากความโมโหที่โดนผีอำเมื่อคืน แล้วขยับตัวไม่ได้ ได้แต่มองพี่ต้านอนหลับ พี่วัตบอกว่าเขาพยายามตะโกน ขอให้ช่วย แต่พี่ต้าเข้าใจว่าพี่วัตกำลังนอนโทรคุยกับเพื่อน ไม่อยากเข้าไปกวน ขณะที่พี่วัตโดนผีอำ สายตาของเขามองผ่านกระจกไปเห็นภาพที่สะท้อน ตรงเตียงของพี่ต้า มีผีผู้หญิงหน้าตาดีสองคนกำลังสัมผัสลูบที่ศรีษะ ปรนนิบัติพี่ต้าอยู่แบบนั้นจนฟ้าสว่าง แล้วพวกเขาก็หายไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ไรเดอร์หนุ่มรับออเดอร์ส่งพัสดุ เจอป้อมใหญ่จึงขออนุญาตผ่านทาง แต่ทหารประจำป้อมไม่ตอบ จึงคิดว่าเข้าไปได้ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงกระแอม เมื่อหยุดรถก็พบว่าข้างหน้าเป็นหน้าผา! พอหันกลับมาก็เจอผู้หญิงกวักมือเรียก! จะหนีก็ดันสตาร์ทรถไม่ติด!

21 เม.ย. 2023

ไรเดอร์หนุ่มรับออเดอร์ส่งพัสดุ เจอป้อมใหญ่จึงขออนุญาตผ่านทาง แต่ทหารประจำป้อมไม่ตอบ จึงคิดว่าเข้าไปได้ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงกระแอม เมื่อหยุดรถก็พบว่าข้างหน้าเป็นหน้าผา! พอหันกลับมาก็เจอผู้หญิงกวักมือเรียก! จะหนีก็ดันสตาร์ทรถไม่ติด!

“ไรเดอร์” เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เสี่ยงต่อการพบเจอเหตุการณ์แปลก ๆ เพราะต้องไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แถมอาจจะยังได้เจอกับสิ่งลี้ลับที่หลอนจนลืมไม่ลง ดังเช่นกับเรื่องราวในรายการ “อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio” ที่ผ่านมา (28 มีนาคม 2566) ทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเคเบิ้ล’ ต่างก็ขนลุกไปตาม ๆ กัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปตามอ่านกันได้เลย! พี่แจ็คเล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจาก ‘คุณเอิร์ธ’ หนุ่มไรเดอร์ที่วิ่งอยู่ในพัทยา วันหนึ่งช่วงพลบค่ำ เขาตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปพักผ่อน เนื่องจากยอดออเดอร์วันนี้ไม่ได้ตามที่หวังไว้ แต่ขณะที่กำลังจะกลับนั้น ดันมีออเดอร์ใหม่เข้ามา เป็นออเดอร์ส่งพัสดุไม่ใช่อาหาร และจะได้รับค่าส่งสูงถึง 369 บาท ยอดนี้ทำให้คุณเอิร์ธถึงกับตาลุกวาว จึงเปิดดูระยะทางที่ต้องไปส่งของ ก็พบว่าระยะทางไปกลับรวมกว่า 80 กิโลเมตร แถมช่วงเวลาตอนนั้นก็เริ่มดึก รถจึงไม่ติด คุณเอิร์ธมองว่ายังไงก็คุ้ม จึงตัดสินใจกดรับออเดอร์ และออกไปรับพัสดุทันที ซึ่งซองพัสดุนี้คาดว่าจะเป็นเอกสารราชการ (เนื่องจากมีเครื่องหมายตราครุฑ) และต้องนำไปส่งสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง เมื่อรับพัสดุเสร็จ ขณะที่กำลังขับรถออกมานั้น ลูกค้าเจ้าของออเดอร์ก็เดินมาที่หน้ารถและถามว่า “ไฟสูงรถพี่ใช้ได้ไหม” เขาจึงตอบไปว่า “ก็ใช้ได้ปกตินะครับ ทำไมหรอครับ” ลูกค้าก็ตอบกลับมาว่า “อ๋อ ผมเป็นห่วง เพราะถนนที่จะไปมันค่อนข้างมืดนิดหน่อย เลยมาถามก่อนว่าไฟสูงพี่ใช้ได้หรือเปล่า” คุณเอิร์ธจึงถามต่อว่า “แล้วหมุดปลายทางที่ปักให้ถูกต้องมั้ยครับ?” ลูกค้าก็ตอบว่าถูกต้อง เมื่อคุยกันเสร็จสรรพ คุณเอิร์ธก็ขับรถออกไปตามสถานที่ที่ลูกค้าบอกไว้ สถานที่ที่ลูกค้าหมุดไว้ มีลักษณะเป็นเหมือนค่ายทหาร คุณเอิร์ธจึงขับรถเข้าไปและได้เจอกับป้อมเก่าขนาดใหญ่ คุณเอิร์ธจึงจอดรถตรงป้อมเพื่อขออนุญาตผ่านทาง เมื่อมองเข้าไปภายในป้อมก็สังเกตเห็นว่า ภายในป้อมนั้นมีอุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างครบครัน เช่น กระจก โต๊ะ เก้าอี้ และมีทหารคนหนึ่งที่แต่งตัวเต็มยศนั่งเก้าอี้อยู่ แต่เขากลับมีท่าท่างแปลก ๆ เพราะนั่งแข็งทื่อ ส่วนหน้าก็มองตรงไปข้างหน้า ไม่หันมามองยังถนนที่คุณเอิร์ธจอดรถอยู่เลย คุณเอิร์ธจึงถามว่า “พี่ครับ ผมเข้าไปได้มั้ยครับ?” แต่ทหารคนนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดของคุณเอิร์ธเลย คุณเอิร์ธคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้ยิน จึงบีบแตรรถไปหนึ่งครั้ง รอบนี้ทหารคนนั้นก็ยังไม่หันมามอง แต่กลอกตามาดูในขณะที่นั่งทื่อหน้าตรงอยู่อย่างนั้น แถมยังไม่พูดอะไร คุณเอิร์ธจึงทำท่าทางใบ้ประมาณว่ามีของมาส่ง ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย ทหารคนนี้เห็นท่าทีดังนั้น ก็กลอกตากลับไปมองตรงเหมือนเดิม คุณเอิร์ธจึงคิดว่า ”เข้าไปได้แหละ ถ้าไม่ได้ เขาคงห้ามแล้ว” คุณเอิร์ธจึงขับรถผ่านป้อมตรงเข้าไปประมาณ 100 เมตร โดยระหว่างทางก็มีไฟจากถนนส่องตลอดทาง จนไปถึงทาง 3 แยก ทางซ้ายมือจะไปยังอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ส่วนทางขวาจะเป็นทางขึ้นเนิน และ GPS ก็บอกให้เลี้ยวขวา คุณเอิร์ธก็เลี้ยวไปตามทาง ซึ่งทางขึ้นเนินค่อนข้างชัน และเส้นทางก็เริ่มขรุขระ แถมบรรยากาศก็ยิ่งมืดลงเรื่อย ๆ จนเจอป้ายที่เขียนว่า “กำลังก่อสร้างห้ามเข้า” แต่หมุดปลายทางให้ตรงไปทางนี้ คุณเอิร์ธคิดว่าลูกค้าน่าจะอยู่ข้างใน จึงขับตรงเข้าไปอีก คุณเอิร์ธยังบอกอีกว่า คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด มองไม่เห็นข้างทางและต้นไม้ใด ๆ เลย มีเพียงแค่ไฟสูงและไฟท้ายของรถตัวเองเท่านั้น แต่ระหว่างนั้นคุณเอิร์ธก็เกิดอาการหูแว่ว ได้ยินเสียงหัวเราะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงหรือผู้ชาย คุณเอิร์ธพยายามไม่คิดมากจึงขับต่อมาอีกสักพัก จากนั้นก็จอดรถและกดโทร.หาลูกค้าว่า “ผมมาถึงตรงนี้แล้ว ผมมาถูกทางใช่มั้ยครับจะได้ตรงไปต่อ” ลูกค้าคนนั้นตอบมาว่า “อืม” แค่คำเดียว ทำให้คุณเอิร์ธเริ่มโมโห จึงบอกปลายสายไปอีกว่า “พี่ ผมมาส่งของ ผมมาทำงานนะ พี่อย่าแกล้งผมดิ” ปลายสายก็ยังคงตอบมาเพียง “อื้ม!” แล้วกดวางสายไปเลย! คุณเอิร์ธโมโหยิ่งกว่าเดิม จึงเปิดโทรศัพท์ไปที่แอปไรเดอร์ และส่งแชทไปว่า “พี่ครับช่วยแอดไลน์และส่งโลเคชั่นที่แม่นยำกว่านี้มาให้หน่อยครับ” แต่พอกดส่งมันก็ส่งไม่ไป และก็เห็นว่าสัญญาณโทรศัพท์แสดงรูปสัญลักษณ์กากบาท นั่นหมายความว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ตั้งแต่แรก! แล้วเมื่อกี้.. เขาโทรติดได้ยังไงและโทรคุยกับใคร? เพราะยังไม่ได้ขยับไปไหน คุณเอิร์ธพูดกับตัวเองว่า “เอาไงดีวะ” แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขับต่อไปเพราะหมุดปลายทางอยู่อีกไม่ไกลแล้ว.. คุณเอิร์ธขับรถต่อมาอีกสักพัก ครั้งนี้เขาได้ยินเสียงกระแอมแว่วเข้ามาในหู เป็นเสียงของผู้ชายชัดเจน! ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นเจอแบบนี้ก็คงไม่จอด แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้คุณเอิร์ธเหยียบเบรกจอดทันที! และสังเกตรอบ ๆ ว่าเสียงมาจากไหน แต่มองยังไงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ สถานการณ์ตอนนั้นทำให้คุณเอิร์ธเริ่มเครียดจึงนำบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ และก็นึกขึ้นได้ว่าทางบ้านมีความเชื่อว่าเอาบุหรี่หรือพวกยาเส้นยาสูบเซ่นไหว้ให้ภูติผีแล้วจะดี จึงเอาบุหรี่อีกมวนจุดวางไว้ให้ในบริเวณนั้น แต่พอคุณเอิร์ธหันไปมองอีกทีกลับเห็นว่าไฟของบุหรี่ที่พึ่งวางมันวาบขึ้นมาเหมือนมีคนกำลังสูบและใกล้จะหมด! ซึ่งตอนนั้นคุณเอิร์ธมั่นใจว่าไม่มีลมพัดอย่างแน่นอน จึงนำโทรศัพท์เปิดไฟฉายขึ้นมาและลองเดินไปข้างหน้าอีกประมาณ 20 เมตร ก็เจอว่าถ้าตรงไปทางนั้นอีกนิดเดียวจะเป็นหน้าผาที่ชันมาก เป็นทางยาวไหลลงไปค่อนข้างลึก คุณเอิร์ธกลับมาคิดกับตัวเองว่า ถ้าขับต่อไปอีกนิดคงศพไม่สวยแน่เพราะเบรกยังไงก็คงไม่อยู่ และคิดว่า หรือเสียงกระแอมนั้นมาเตือนให้ตัวเขาหยุดรถหรือเปล่า..? เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงหันหลังเดินกลับมาที่รถ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ใจเขาตกไปถึงตาตุ่ม! เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือผู้หญิงที่แต่งตัวมอมแมม ผมยาว มีผมหน้าม้าปิดทั้งส่วนของใบหน้าเหลือให้เห็นเพียงแค่ปาก และกำลังเดินออกมาจากป่าข้างทาง แต่ไม่ได้เดินออกมาธรรมดาเพราะเธอเดินแฉลบเฉียงข้างออกมาเป็นลักษณะเหมือนปูไปยังรถมอเตอร์ไซค์!! ความคิดในหัวคุณเอิร์ธตีกันว่าจะวิ่งหนีจากผู้หญิงคนนี้ หรือ จะถามทางเธอดี แต่ความคิดนั้นยังไม่ทันได้ข้อสรุป ปากคุณเอิร์ธกลับลั่นถามไปเองว่า “ผมหลงทาง ผมมาถูกทางใช่มั้ย” แทนที่ผู้หญิงคนนี้จะตอบ เธอกลับยกแขนซ้ายขึ้นมาตรง ๆ และกวักมือแบบเร็ว ๆ พร้อมกับผงกหัวเร็ว ๆ ตามแรงกวักมือ! คุณเอิร์ธบอกว่ามันเร็วมาก (แม้ว่าหลังเกิดเหตุคุณเอิร์ธจะลองกลับมาทำตามที่บ้าน ก็ทำไม่ได้) ทำให้ตอนนั้นสติและจิตหลุดพร้อมกันเลยก็ว่าได้ คุณเอิร์ธไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จึงตัดสินใจวิ่งหนีเลยผู้หญิงคนนั้นไป แต่นึกขึ้นมาได้ว่าลืมมอเตอร์ไซค์และโทรศัพท์ไว้ แถมทางที่เข้ามาก็ไกลมาก จึงวิ่งกลับไปยังที่เดิม และพอไปถึงผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว! จึงมองซ้ายมองขวาก่อนจะควบเบาะนั่งและสตาร์ทรถ แต่รถก็ดันสตาร์ทไม่ติด! แต่ไม่ใช่เพราะสิ่งลี้ลับเป็นเพราะแบตของรถมอเตอร์ไซค์ใกล้จะหมด จึงเอาตัวดันมอเตอร์ไซค์ไถไปเรื่อย ๆ ซึ่งระหว่างนั้น ผู้หญิงคนเดิมก็เดินแฉลบข้างโผล่มาอีกตามต้นไม้ข้างทาง!! คุณเอิร์ธบอกว่าเห็นชัดมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นคืนเดือนมืด จนจังหวะใกล้ลงเนินจึงลองสตาร์ทรถอีกครั้ง เมื่อเครื่องติดก็ขับออกมา ซึ่งก็ได้ยินเสียงผู้ชายไล่ตามหลังมาพูดประมาณว่า “ไปเลย อย่าหันกลับมา!” หลังจากออกห่างจากสถานที่ตรงนั้นได้จนมาถึงยังป้อมทางเข้า ปรากฏว่าป้อมนั้นกลายเป็นป้อมร้างที่ปิดใช้งาน เพราะล็อกกุญแจไว้ แถมไม่มีเฟอร์นิเจอร์เหมือนที่เห็นในตอนแรกเลย! พอออกมานอกป้อม คุณเอิร์ธก็เห็นว่าสัญญาณโทรศัพท์กลับมาแล้วจึงโทรไปโวยวายกับลูกค้าว่าโดนผีหลอกไม่กล้ากลับเข้าไปส่งให้แล้ว และจะวางพัสดุไว้ที่นี่ให้ลูกค้ามาเอาพัสดุเอง เงินก็ไม่เอาแล้ว ลูกค้าจึงตอบกลับมาว่า “พี่ใจเย็น ๆ ก่อน ผมดูในแอปและเห็นตำแหน่งพี่อยู่ พี่อยู่ห่างจากจุดที่ผมปักหมุดให้ เลยไป 12 กิโล!” คุณเอิร์ธได้ยินดังนั้นถึงกับตะลึง เพราะเส้นทางที่ปักหมุดมามันไม่น่าเพี้ยนถึงขนาดนั้น ด้วยความที่กลัวมาก จึงถอดใจทิ้งเอกสารไว้ตรงนั้นและกลับบ้านทันที! เมื่อกลับถึงบ้านคุณเอิร์ธก็ไข้ขึ้นและนอนป่วยอยู่ 3 วัน กระทั่งหายดี จึงไปพูดคุยกับเพื่อน ๆ ว่าจุดที่เคยไปมันมีจริงหรือไม่ พร้อมกับเปิดไล่เส้นทางนั้นในแอปให้ดู เพื่อนก็บอกว่า “ป้อมนั้นมันร้างมานานแล้วนะ แถมเนินที่ขึ้นไปจอดรถ ตรงนี้มันก็คือสุสานฮวงซุ้ย” เมื่อคุณเอิร์ธเรียบเรียงความคิดทั้งหมดได้จึงคิดว่าตัวเองโดนพามาหลอกแน่ ๆ และที่ได้ยินเสียงผู้ชายปริศนาคนนั้นช่วยไว้ถึง 2 ครั้ง คงเพราะตัวเองได้เซ่นไหว้บุหรี่ให้นั่นเอง เมื่อคุณแจ็คเล่าเรื่องคุณเอิร์ธจบ ก็ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า อาชีพไรเดอร์มักเจอประสบการณ์หลอนที่หนักและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องไปยังที่แปลก ๆ ซึ่งอาจจะไม่คุ้นเคย ทำให้เสี่ยงเจอเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกแบบนี้ได้ตลอด ดังนั้นควรเช็คและสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางและสถานที่ของลูกค้าให้ชัดเจนก่อนทุกครั้ง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

3 วัน 7 วัน ตามเก็บรอยเท้า! รุ่นพี่คนสนิทจากไปแล้ว แต่จิตยังรักษาสัญญา พอถึงวันนัดยังขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจมารับที่หอตามที่เคยสัญญากันไว้

09 ก.พ. 2024

3 วัน 7 วัน ตามเก็บรอยเท้า! รุ่นพี่คนสนิทจากไปแล้ว แต่จิตยังรักษาสัญญา พอถึงวันนัดยังขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจมารับที่หอตามที่เคยสัญญากันไว้

รุ่นพี่คนสนิทเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังคงวนเวียนให้คนรอบข้างพบเห็น ถึงขั้นมารับที่หอตามที่เคยนัดกันไว้ เรื่องราวนี้ ‘คุณออโต้’ ได้โทรเข้ามาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 กุมภาพันธ์ 2567) ให้ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘คุณก็อป’ (ดีเจจำเป็น) ได้ฟัง จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณออโต้’ (นามสมมติ) โดยคุณออโต้เริ่มเล่าว่า ต้องย้อนไปเมื่อ 25 ปีก่อน เป็นช่วงที่คุณออโต้เรียนอยู่ปีหนึ่ง มีรุ่นพี่ที่คุณออโต้สนิทมาก ชื่อว่า ‘พี่เป้’ ซึ่งมีอายุมากกว่าคุณออโต้หนึ่งปี เพราะว่าพี่เป้ซิ่วกลับมาเรียนใหม่ พี่เป้เป็นคนร่าเริง ชอบคุยกับคน จึงเป็นที่รักของคนในคณะ อีกทั้งพี่เป้ยังเป็นคนที่รักษาสัญญามาก เช่น ถ้านัดคุณออโต้ไว้ 8 โมง พี่เป้จะมาตรงเวลา 8 โมงเป๊ะไม่เคยเลท เมื่อ 25 ปีก่อนนั้น ถ้าใครมีรถมอเตอร์ไซค์ขับในมหาวิทยาลัยถือว่าสุดยอดมาก ซึ่งพี่เป้คือหนึ่งในคนที่มีรถมอเตอร์ไซค์แถมยังเป็นรุ่นเวสป้าสุดเท่อีกด้วย และเป็นแค่คนเดียวที่ขับรุ่นนี้ ตอนนั้นเป็นช่วงสอบปลายภาค 5 วันวันจันทร์ - สอบปลายภาควันที่ 1 วันแรกคุณออโต้ก็ไปสอบตามปกติ แต่บังเอิญสังเกตเห็นสีหน้าพี่เป้เหมือนจะเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง คุณออโต้จึงถามพี่เป้ไปว่า “เห้ย! พี่เป็นอะไร?” ตอนแรกคุณออโต้คิดว่าพี่เป้เครียดเรื่องสอบ แต่ปรากฏว่าพี่เป้เครียดเพราะทะเลาะกับแฟน คุณออโต้ก็บอกพี่เป้ไปว่า “สอบเสร็จเดี๋ยวค่อยไปขอคืนดี เดี๋ยวก็คืนดีกันเหมือนเดิม” แต่คราวนี้พี่เป้กับแฟนทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขั้นขอเลิก ด้วยความที่พี่เป้เครียดเรื่องแฟน จึงพูดกับคุณออโต้ว่า “ไอโต้วันศุกร์ที่จะถึงนี้ พาพี่ไปเที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงเอง” พี่เป้บอกคุณออโต้ว่าประมาณ 2 ทุ่มกว่า เขาจะโทรมาที่หอพักคุณออโต้ (สมัยก่อนยังไม่มีมือถือส่วนตัวจึงต้องใช้วิธีนี้) เพื่อให้คุณออโต้เตรียมตัวก่อน แล้วเมื่อถึงเวลา 4 ทุ่มพี่เป้ถึงจะออกมารับตามที่นัดกันไว้ เมื่อนัดหมายกันเสร็จ ทั้งคู่ก็แยกย้ายไปสอบวันอังคาร - สอบปลายภาควันที่ 2 ถัดมาวันอังคาร ซึ่งเป็นวันสอบอีกวัน คุณออโต้ไม่เจอพี่เป้แต่ก็คิดว่าพี่เป้คงจะป่วย เพราะที่มหาวิทยาลัยสามารถยื่นเอกสารเพื่อเลื่อนวันสอบได้ เมื่อสอบเสร็จคุณออโต้ก็กลับหอพักไปนอน แต่ก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ประมาณ 2 ทุ่มกว่า เพื่อที่จะตื่นมาอ่านหนังสือ แต่ในระหว่างนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาในหอพัก แล้วก็มีน้องคนนึงตะโกนว่า “พี่โต้ห้อง 6 ออกมารับโทรศัพท์หน่อย” คุณออโต้จึงรีบไปรับสาย ปรากฏว่าปลายสายเป็นเพื่อนของคุณออโต้ที่โทรเข้ามา บอกคุณออโต้ว่า “ไอโต้ทำใจดีๆ นะ” ตอนนั้นคุณออโต้คิดในใจว่าจะให้ทำใจอะไร จึงถามปลายสายไปว่า “มีอะไร” เพื่อนตอบมาว่า “พี่เป้เสียแล้ว!” คุณออโต้ตกใจมาก จึงถามเพื่อนว่า “พี่เป้เสียได้ยังไง” เพื่อนจึงได้เล่าให้ฟังว่า “วันอังคารช่วงเช้า พี่เป้ขับมอเตอร์ไซค์แล้วเกิดประสานงากับคนที่เมาแล้วขับสวนเลนมา จึงทำให้พี่เป้เสียชีวิตคาที่พร้อมกับคู่กรณี” คุณออโต้คิดในใจว่าไม่น่าเลย เพราะเพิ่งคุยกับพี่เป้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง แต่ตอนนั้นคุณออโต้ยังต้องโฟกัสเรื่องสอบ จึงบอกเพื่อนไปว่า “ถ้าจะไปงานศพของพี่เขาวันไหน ให้ขี่มอเตอร์ไซค์มารับหน่อย” เพราะคุณออโต้ไม่มีมอเตอร์ไซค์วันพุธ - สอบปลายภาควันที่ 3 ต่อมาในวันพุธ เป็นวันที่สามที่มีการสอบ วันนี้ต้องสอบวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งก่อนจะเริ่มสอบก็มีการเช็คชื่อกันตามปกติ แต่อยู่ ๆ อาจารย์ที่คุมสอบก็ถามขึ้นมาว่า “มิสเตอร์เป้อยู่ไหน?” ทุกคนในห้องต่างก็ตกใจเพราะรู้กันดีว่าพี่เป้เสียแล้ว จึงพร้อมใจกันพูดว่า “โทษนะคะอาจารย์ พี่เป้เสียแล้ว” ตอนนั้นอาจารย์ที่ได้ฟังแบบนั้น ก็รีบสวนกลับมาทันทีว่า “เป็นไปได้ยังไง เมื่อเช้าประมาณ 7 โมงกว่า ๆ เป้ยังมาช่วยจัดสถานที่สอบอยู่เลย” เรื่องนี้จึงเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง นอกจากนี้คุณออโต้ยังบอกอีกว่าเพื่อนบางคน ถึงขั้นเล่าว่าพี่เป้ไปหาถึงหอพักก็มีมาแล้ว ด้วยความที่สมัยนั้นคุณออโต้ยังเป็นวัยรุ่น ไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับแบบนี้ จึงคิดแค่ว่าเขาอาจจะแค่แกล้งพูดกันให้กลัว ผ่านมาถึงช่วงบ่าย ทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือรอสอบอยู่หน้าห้อง คุณออโต้สังเกตเห็นป้าแม่บ้านที่สนิทกันเดินมา ในมือของป้าถือครกกับแซนด์วิช และมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องสอบ พร้อมตะโกนว่า “เป้ไปไหน” ตอนนั้นคุณออโต้ตกใจมากเลยพูดไปว่า “ป้าเป็นอะไร” ป้าเขาก็เลยบอกว่า “เมื่อกี้เห็นเป้เข้าห้องน้ำ แล้วเป้วานให้ซื้อครกกับแซนวิชให้หน่อย” คุณออโต้ก็บอกป้าไปว่า “ป้ารู้หรือยังว่าพี่เป้เสียแล้ว” ตอนนั้นป้าทำหน้าเหว๋อ คุณออโต้จึงบอกว่า “เดี๋ยวผมเอาเงินของผมเองออกให้” ในเวลานั้นทุกคนต่างคิดว่าจิตของพี่เป้ยังห่วงเรื่องการสอบจึงยังวนเวียนอยู่ให้พบเห็นวันศุกร์ - สอบปลายภาควันสุดท้าย จนกระทั่งวันศุกร์ คนที่สอบเสร็จต่างก็กลับบ้าน แต่ทว่า คุณออโต้ยังคงต้องอยู่ส่งงานถึงวันจันทร์ คุณออโต้ยังเล่าถึงรายละเอียดหอพักอีกว่า เป็นหอที่อยู่ชานเมือง ถ้าใครไม่ตั้งใจมาหาคุณออโต้จริง ๆ คงไม่มีทางที่จะมาที่นี่แน่นอน โดยลักษณะหอจะเป็นห้องชั้นเดียวเรียงกัน 6 ห้อง ซึ่งคุณออโต้อยู่ห้องที่ 6 และตรงทางเดินจะเป็นดินลูกรังสีแดง ทำให้เวลาใครเดินเข้า - เดินออกจะได้ยินเสียง ในวันนั้นทุกคนที่หอกลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแค่คุณออโต้ เพื่อนต่างคณะห้อง 5 และน้องผู้หญิงห้อง 2 ที่ยังอยู่ในหอพักนี้ ในหอจะสนิทกันทุกคน และรู้จักพี่เป้เป็นอย่างดี เพราะเคยร่วมวงสังสรรค์ด้วยกันที่หอบ่อย ๆ ขณะนั้นบังเอิญว่าเพื่อนที่ชื่อ ‘ดำ’(นามสมมติ) ที่อยู่ห้อง 5 ข้างห้องคุณออโต้เพิ่งสอบเสร็จแล้วกลับห้องมาพอดี คุณออโต้จึงนำเรื่องของพี่เป้ไปเล่าให้คุณดำฟัง ตอนเล่าก็ฉุกคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่พี่เป้นัดคุณออโต้ไว้ เมื่อถึงเวลากลางคืน ปกติคุณออโต้จะนอนที่ห้องคนเดียว แต่วันนั้นได้ขอไปนอนกับคุณดำ และอยู่ ๆ คุณออโต้ก็นึกถึงความเชื่อเรื่อง ‘3 วัน 7 วัน มาเก็บรอยเท้า’ จึงลองนับวันเวลา ปรากฏว่าพี่เป้เสียครบ 3 วันพอดี คุณดำเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่ก็ยังไม่ก็วายแกล้งคุณออโต้ว่า “ถ้าพี่เป้มาหามึง มึงจะทำยังไง” ก็พูดตลก นั่งเล่นนั่งคุยกันไป จนเวลาล่วงเลยถึง 2 ทุ่มครึ่ง อยู่ดี ๆ น้องห้อง 2 ตะโกนเรียกเสียงดังมาว่า “พี่โต้ห้อง 6 โทรศัพท์เข้ามา” คุณออโต้จึงรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่าปลายสายไม่มีเสียงคนพูด และได้ยินแต่เสียงลมแทรกเข้ามา ตอนนั้นคุณออโต้นึกว่าโดนแกล้ง จึงรีบวิ่งไปเคาะถามน้องห้อง 2 ว่า “โทษนะ เมื่อกี้ใครโทรเข้ามา” น้องห้อง 2 รีบตอบสวนคุณออโต้มาทันทีว่า “ก็พี่เป้ไงพี่ เมื่อกี้โทรมาขอสายพี่” คุณออโต้ตกใจ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกกับน้องว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงเดินกลับห้องไปเล่าให้คุณดำฟัง พอฟังจบ คุณดำก็บอกว่า “ถ้าวันนี้พี่เป้มา ถ้าแกมาเคาะประตูนะ กูคงกัดลิ้นตาย” คุณออโต้จึงตอบไปว่า “คงไม่จริงหรอกมั้ง” พูดไปประมาณว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนเวลาผ่านไป 4 ทุ่ม ถึงเวลาที่พี่เป้นัดไว้ว่าจะขับรถมารับที่หอ แล้วคุณออโต้ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์เวสป้าที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่เป้ขับมาแต่ไกล ในใจคุณออโต้ตอนนั้นก็คิดว่าอาจจะเป็นมอเตอร์ไซค์ของคนอื่นขับผ่าน แต่ทันใดนั้นเวสป้าคันนั้นก็เข้ามาจอดที่หอพักคุณออโต้ พร้อมกับเสียงวางขาตั้งดังปั้กก! และความรู้สึกตอนนั้นเหมือนผู้ชายคนคนนั้นเดินเข้ามาในหอพัก เพราะได้ยินเสียงดินลูกรังกระทบกับรองเท้าเสียงดัง จึงทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เดินเข้ามา ประกอบกับผ้าม่านตรงหน้าต่างที่บาง ๆ ของหอพัก ทำให้เห็นเงาคนเดินผ่านจาง ๆ ผ่านแต่ละห้องไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายไปหยุดอยู่ที่ห้อง 6 ห้องของคุณออโต้! คุณออโต้ตกใจมาก แต่อีกใจนึงก็คิดว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนคุณออโต้มาหาที่ห้อง คุณออโต้กำลังจะออกไปดู แต่เหมือนวันนั้นคุณดำดูเหมือนจะรักคุณออโต้เป็นพิเศษ ทั้งกอด ทั้งรั้งคุณออโต้ไม่ให้ออกไป แล้วพูดว่า “ไม่ออกไป อย่า ๆ ถ้าออกไปเป็นพี่เป้มา..” ตอนนั้นคุณออโต้พูดในใจว่า “ไม่ใช่หรอกมั้ง อาจจะเป็นเพื่อนของเพื่อนมาหาก็ได้” พอพูดจบคุณออโต้ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อกๆ ดังมาจากห้อง 6 แต่คุณออโต้ก็เริ่มคิดว่าใช่โจรหรือเปล่า จึงพูดกับคุณดำว่า “ดำ..สงสัยมันเป็นโจรรึเปล่า” คุณออโต้กลัวว่าโจรจะมาโมยของมีค่าต่าง ๆ ในห้อง จึงอยากออกไปดูแต่ก็ออกไปไม่ได้เพราะโดนคุณดำรั้งและขอร้องไม่ให้เปิดประตู สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากห้อง 6 เหมือนเดิม คุณออโต้และเพื่อนกำลังชั่งใจกันอยู่ แต่ในขณะที่คุณดำบอกว่า “อย่าไป ๆ” เสียงที่ตอนแรกเป็นการเคาะปกติ เปลี่ยนเป็นการทุบแทน! เสียงทุบเหมือนโกรธใครอะไรสักอย่าง จากนั้นก็มีเสียงเรียกตามมาว่า “ไอโต้!” คุณออโต้บอกว่าสาบานเลยว่าเสียงนี้คือเสียงพี่เป้เขาจำเสียงนี้ได้แม่น พอคุณดำได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้ออกมาแล้วบอกว่า “มึงทำยังไงก็ได้ บอกให้พี่มึงกลับ” ในใจคุณออโต้ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ด้วยความที่ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ คุณออโต้จึงพนมมือบอกพี่เป้ไปว่า “วันนี้ผมไม่ว่าง พี่น่ะเสียไปแล้ว ให้พี่ไปตามทางของพี่เถอะ ผมจะทำบุญตักบาตรไปให้พี่แล้วกัน งานศพของพี่ เดี๋ยวผมจะไปช่วยงานทุกวันเลย” ทันใดนั้นคนที่ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง 6 ทำท่าเหมือนกำลังจะเดินกลับ ตอนนั้นคุณออโต้ก็สังเกตว่าผู้ชายคนนั้นจะเดินไปที่ไหน แต่แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างห้อง 5 ที่คุณออโต้และคุณดำอยู่ในห้อง! คุณออโต้มองดูลักษณะความสูงและทรงผม ก็สรุปได้ว่าคือพี่เป้แน่นอน คุณออโต้ได้แต่อธิฐานจิตอย่างเดียวว่า “พี่..วันนี้ผมไม่พร้อม ให้พี่ไปตามทางของพี่เถอะ” พี่เป้ถึงได้เดินออกไปและจากไปพร้อมกับเสียงรถเวสป้าคู่ใจที่เสียงค่อย ๆ เบาไกลออกไปวันเสาร์ ตอนเช้าอีกวัน คุณออโต้และเพื่อนตื่นมาอาบน้ำเพื่อที่จะออกไปกินข้าว ขณะที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกไป บังเอิญว่าน้องห้อง 2 ก็เปิดประตูแง้มออกมาเพื่อที่จะเก็บของกลับบ้านเหมือนกัน ด้วยความสนิทคุณออโต้จึงแซวน้องเล่น ๆ ว่า “ไปกินข้าวด้วยกันก่อนรึเปล่า” น้องห้อง 2 ตอนกลับมาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ รีบกลับ” คุณออโต้กำลังจะเดินผ่านห้องน้องไป สักพักน้องห้อง 2 ก็ตะโกนเรียกคุณออโต้แล้วบอกว่า “เมื่อคืนนี้เพื่อนพี่ ที่ชื่อเป้มาหาพี่ มาเคาะประตู ทำไมพี่ไม่เปิด” คุณออโต้บอกว่า ด้วยความที่น้องเขาเป็นหลานเจ้าของหอเลยอาจจะช่วยสอดส่องดูแลความเรียบร้อย จึงถามต่อว่า “พี่เป้เขามายังไง” น้องห้อง 2 ตอบมาว่า “เมื่อคืนได้ยินเสียงคนเคาะประตูเลยชะโงกหน้าออกมาดู ก็เห็นลักษณะท่าทางว่าเป็นพี่เป้ แต่มันแปลกนะพี่โต้ เขามาแบบเสื้อผ้าขาดวิ่น แล้วคอก็เอียงอะ” คุณออโต้จึงตอบน้องไปว่า “ไม่มีอะไรหรอก” หลังจากวันนั้นคุณออโต้ก็ได้ไปช่วยงานศพพี่เป้จนเสร็จเรียบร้อย แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านมา 25 ปี คุณออโต้ยังไม่เคยบอกน้องห้อง 2 เลยว่าสิ่งที่น้องเขาเห็นวันนั้นคืออะไร...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก ขวัญ น้ำมันพราย 'ครูเอก' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

14 ก.ย. 2024

เรื่องเล่าจาก ขวัญ น้ำมันพราย 'ครูเอก' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

‘ขวัญ น้ำมันพราย’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ครูเอก’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! คุณขวัญเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฟังมาจาก ‘พี่เอก’ ซึ่งเรื่องนี้ย้อนกลับไปประมาณ 20 - 30 ปีก่อน เป็นช่วงที่พี่เอกกำลังบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในภาคเหนือ พี่เอกนั้นจะมีรถส่วนตัวคันเก่า จึงใช้รถคันนั้นขับไปรายงานตัวที่โรงเรียน โดยเดินทางออกจากจังหวัดกาญจนบุรี สมัยนั้นยังไม่มี GPS จึงเกิดการหลง ทำให้เสียเวลาพอสมควร พี่เอกถามคนข้างทางไปเรื่อย แต่ละคนต่างบอกไม่เหมือนกันสักคน ทำให้ถึงโรงเรียนประมาณ 6 โมงเย็น เมื่อขับไปถึง ลักษณะประตูโรงเรียนจะเป็นประตูเลื่อนบานเดียว พี่เอกก็สงสัยว่าทำไมโรงเรียนถึงเงียบผิดปกติ จึงไปยืนดูหน้าประตู และเห็นว่าประตูสามารถเลื่อนได้ พี่เอกจึงเลื่อนประตูแล้วขับรถเข้าไป เมื่อขับเข้าไป ก็เห็นสนามบอลอยู่ตรงกลางของโรงเรียน พี่เอกขับเข้าไปอยู่ฝั่งซ้ายของสนามบอล และหลังสนามฟุตบอลจะมีอาคารไม้สูงสองชั้น มีบันไดอยู่ 3 ขั้นเพื่อขึ้นชั้น 1 และมีทางเข้าออกซ้ายขวา ซึ่งพี่เอกไปจอดอยู่ฝั่งซ้ายของสนามบอลที่มีโรงอาหารเก่า ๆ อยู่ด้านข้าง เมื่อจอดรถเสร็จ พี่เอกก็รู้สึกสงสัย เพราะปกติแล้วโรงเรียนประถมควรจะคึกครื้นกว่านี้ แต่โรงเรียนนี้กลับเงียบผิดปกติ พี่เอกมองหาคนเพื่อสอบถาม แต่มองไปมองมาก็เห็นอาคารเล็ก ๆ เหมือนบ้านชั้นเดียวที่อยู่ข้างตึกเรียน จู่ ๆ บ้านหลังนั้นก็เปิดประตูมา แล้วก็มีคนเดินอกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมลากของออกมาหน้าบ้าน พี่เอกจึงเดินผ่านตึกเรียนไปที่บ้านหลังนั้น ก็เห็นว่าเป็นคุณลุงใส่เสื้อเก่า ๆ พี่เอกจึงตะโกนเรียกคุณลุง คุณลุงหยุดการกระทำแล้วหันมามองพี่เอก แล้วถามว่า “คุณเป็นใคร” พี่เอกจึงตอบว่า “ผมเป็นครูใหม่ที่จะมารายงานตัวครับ” คุณลุงถามว่า “ทำไมมาเวลานี้ ผอ.ก็รอจนกลับไปแล้ว” พี่เอกรีบอธิบายว่าตนหลงทาง คุณลุงจึงให้กุญแจบ้านพักครูที่อยู่บริเวณหลังที่พี่เอกจอดรถ และให้ไปห้องที่ไม่ได้ล็อกกุญแจ เมื่อพี่เอกไปถึง ก็เห็นว่าทั้ง 2 ห้องดันล็อคกุญแจอยู่ พี่เอกจึงลองไขดูถึงได้รู้ว่าเป็นห้องไหน จากนั้นก็เอาของเข้าไปเก็บ เมื่อเก็บของเสร็จ พี่เอกก็คิดจะขับรถเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหาของกิน ในตอนที่ออกจากห้องก็ยังเห็นคุณลุงขนของอยู่ พี่เอกจึงทักทายทำความรู้จักกับคุณลุง ได้ความมาว่าคุณลุงชื่อ ‘สังเวียน’ และคุณลุงยังบอกให้พี่เอกรีบไปรีบกลับอย่ากลับดึกมาก หลังจากทักทายกันเสร็จ พี่เอกก็ขอตัวออกไปหาอะไรกินในหมู่บ้านตามแผน คนในละแวกนั้นไม่เคยเห็นหน้าจึงถามว่าเป็นใคร พี่เอกก็บอกว่าเป็นครูคนใหม่ของโรงเรียน เมื่อกลับไปถึงโรงเรียนพี่เอกก็แปลกใจว่า ‘ทำไมไม่มีไฟสักดวง’ แต่ก็กลับไปที่ห้องพักแล้วกินข้าวที่ซื้อมา จากนั้นก็อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวนอน แต่พี่เอกรู้สึกไม่คุ้นที่จึงออกมาเดินเล่น ในขณะที่เดินเล่นก็มีเสียง โครม! ดังมาจากอีกฝั่งของสนามบอล ก็คือหน้าห้องของลุงสังเวียน และก็เห็นว่าลุงสังเวียนเปิดประตูออกมาพร้อมถือไม้กวาดกับถังใส่ของ เมื่อเห็นว่าลุงสังเวียนไม่ได้เป็นอะไร พี่เอกก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และมองไปที่อาคารไม้พร้อมกับชื่นชมตัวอาคารเพราะมันสวยดี แต่เมื่อแหงนมองไปชั้น 2 ก็แปลกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะเห็นนักเรียนยืนเอามือท้าวขอบระเบียงอยู่บนระเบียง พี่เอกจึงตะโกนถามว่าเป็นใคร เด็กคนนั้นหันมามองพี่เอกแล้วยิ้มให้แต่ก็ไม่พูดอะไรแล้วก็วิ่งหายไปในความมืด พี่เอกจึงกลับไปที่ห้องพักเพื่อเอาไฟฉายแล้ววิ่งตามไป แต่จังหวะที่กำลังขึ้นไปไฟฉายดันดับ สักพักได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ พี่เอกก็หันไปดูพร้อมหันไปฉายไปและไปฉายก็ติดพอดี เห็นหัวเด็กอยู่ตรงพื้นบันไดชั้น 2 ลักษณะเหมือนนอนละเอาหัวโผล่มา แล้วเด็กคนนั้นก็ลุกแล้วก็วิ่งย้อนไปอีกฝั่งนึง! พี่เอกก็วิ่งตามไปแต่ก็หาไม่เจอ จนไปถึงห้องสุดท้ายก็เปิดประตูเข้าไปก็ไม่มีอะไร ในระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเท้าพี่เอกจึงหันกลับไปดูแต่ก็ไม่มีอะไร พี่เอกเริ่มกลัวแล้วก็ตัดสินใจกลับห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลัง พี่เอกเลยหันไปดู สิ่งที่เห็นคือเด็กวิ่งเข้ามาใส่ พี่เอกตกในจนเสียหลัก พอตั้งหลักได้เด็กคนนั้นกลับไปยืนอยู่กลางอาคาร พี่เอกจึงถามว่าเป็นใคร เด็กคนนั้นก็หายเข้าไปในห้องเรียน พี่เอกก็ตามเด็กไปอีก พี่เอกเปิดประตูเข้าไปเห็นเด็กอยู่ตรงหน้าต่าง พี่เอกก็เรียกให้เด็กคนนั้นมาคุย แต่สิ่งที่เห็นคือเด็กกระโดดลงหน้าต่างไป! พี่เอกรีบวิ่งไปดูแต่ก็ว่างเปล่า จากนั้นก็รู้ตัวแล้วว่าตนโดนผีหลอกจึงตัดสินใจวิ่งลงบันไดจะกลับห้อง ก็ได้ยินเสียง โครม! อีกครั้ง ดังมาจากบ้านลุงสังเวียน แล้วก็เห็นประตูบ้านของลุงสังเวียนเปิด จากนั้นพี่เอกก็เห็นว่ามีมือและหน้าเด็กโผล่ออกมา ซึ่งก็คือเด็กคนนั้นแล้วชี้เข้าไปในบ้าน พี่เอกจึงเดินไปหา แต่ก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินบนอาคารเมื่อหันไปก็ไม่มีใคร พอถึงหน้าบ้านลุงสังเวียน พอเข้าไปบรรยากาศในบ้านมีของวางเต็มไปหมด และมีห้องที่ปิดประตูอยู่ พี่เอกจึงตะโกนถามว่า “ลุงอยู่ไหม เป็นอะไรรึเปล่า” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ พี่เอกจึงเดินไปที่ห้องนั้น และเปิดประตูเข้าไปจนเตะเข้ากับขวดเหล้าขาวเต็มไปหมด พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นลุงสังเวียนแขวนคอตายลิ้นจุกปาก พอตั้งสติได้ก็วิ่งออกจากห้องลุงสังเวียน แล้วก็เอากุญแจรถที่ห้อง เมื่อจะขึ้นรถ จู่ ๆ ก็มีรถหลายคันขับเข้ามา แล้วถามพี่เอกว่าเป็นใคร ตนก็รีบอธิบายว่าเป็นครูคนใหม่ของโรงเรียนนี้ ซึ่งคนที่ถามคือครูเวรที่ไปตามตำรวจมา แล้วตำรวจก็พาเดินไปหน้าห้องลุงสังเวียน เพื่อชันสูตร แต่พี่เอกก็ต้องขนลุกเมื่อมองไปที่รูปภาพข้างเตียงของลุงสังเวียนเป็นเด็กคนนั้นที่มีคำว่าชาตะมรณะ ที่ตายยังไม่ถึง 1 อาทิตย์! และได้ความจากครูเวรว่าลุงสังเวียนเป็นปู่ของเด็กคนนี้ เด็กคนนี้พ่อแม่ทิ้ง ลุงสังเวียนจึงเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ ซึ่งสาเหตุการตายของเด็กคนนี้คือเล่นกับเพื่อนแล้วผลัดตกหน้าต่างไปแปลงผักที่มีไม้ไผ่เสียบอยู่ ซึ่งเด็กคนนี้ตกลงไปแล้วคอเสียบไม่ไผ่ตายคาที่ และวันนี้ครูเวรก็สงสัยว่าทำไมไม่เห็นลุงสังเวียน ก็ได้พบว่าลุงสังเวียนฆ่าตัวตาย เมื่อครูเอกได้รู้เรื่องราวก็เลือกที่จะไปเช่าบ้านอยู่นอกโรงเรียนแทน..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1