เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

20 ม.ค. 2025

      รายการ ‘อังคารคลุมโปง x’ (14 มกราคม 2568) พบกับ ‘มิ้ม รัตนวดี’ ที่ได้นำเรื่องเล่า ‘กุมารของยาย’ มาเล่าให้ฟัง เป็นเหตุการณ์ที่แม่อยู่บ้านกับคุณยาย คืนหนึ่ง มีเสียงเคาะประตู จึงเปิดประตูออกไปดูปรากฎว่าไม่เจอใคร! เรื่องนี้ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังแล้วต้องอึ้ง! ใครเคาะประตูเรียกเวลานี้? ไปอ่านพร้อมกันเลย!

      คุณมิ้มได้เล่าว่า ตนได้ฟังเรื่องเล่านี้มาจากคุณแม่ ในตอนนั้นคุณยายไม่สบาย คุณแม่จึงต้องกลับไปที่บ้านหลังเก่าเพื่อดูแลคุณยาย

      คืนหนึ่ง คุณยายนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงในห้องปกติ เวลาประมาณตี 3-4 อยู่ ๆ คุณแม่ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ตอนแรกคุณแม่ไม่ได้คิดอะไร แต่สักพักเสียงเคาะประตูก็กลับมาอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ดังขึ้นกว่าครั้งแรก คุณแม่จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปดู แต่ปรากฏว่าไม่เจอใคร คุณแม่คิดว่าจะอาจจะเป็นคุณยายมาเรียก ด้วยความเป็นเด็กคุณแม่จึงพูดไปว่า

      “โอ๊ยมาเคาะอะไรเนี่ย จะนอน”

      หลังจากนั้น คุณแม่ก็เดินเข้าไปที่ห้องคุณยาย แต่ก็ไม่เจอคุณยาย คุณแม่จึงตามหาว่าคุณยายอยู่ไหน ปรากฎว่าเจอคุณยายล้มอยู่ในห้องน้ำ!

      คุณแม่ลองนึกย้อนดูก็คิดว่า หรือเสียงเคาะประตูที่ได้ยินนั้น จะเป็นเสียงของกุมารทองที่คุณยายเลี้ยงไว้ เขามาเรียกให้ไปช่วยคุณยาย

      จากนั้นคุณแม่ก็รีบเรียกรถพยาบาลทันที  

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ' ผีสาว Translate ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

16 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ' ผีสาว Translate ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 พฤศจิกายน 2567) ที่ผ่านมา มีเรื่องเล่าเรื่องหลอนของ ‘คุณหนองน้ำ’ ที่โทรเข้ามาเล่าเรื่องที่ทั้งแปลกทั้งหลอนของผีญี่ปุ่น จน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม ขนลุกซู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย! คุณหนองน้ำบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่เมืองแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ได้พักอยู่ย่านที่คนเอเชียมักจะเลือกพักอาศัยอยู่กัน ทั้งหมด 7 วัน และได้เจอเรื่องแปลก ๆ ตลอดระยะเวลาที่พักอยู่ที่นั่น คุณหนองน้ำไปถึงที่พักประมาณ 4 โมงเย็น เขาก็ได้ทำการเช็คอินเข้าที่พักตามปกติ แต่พอเข้าที่พักไปกลับรู้สึกถึงความแปลก ๆ ของที่พักแห่งนี้ ห้องพักนั้นอยู่ชั้น 2 บรรยากาศภายในตึกเงียบสงบมาก คุณหนองน้ำมองไปที่ตู้จดหมายที่เป็นล็อกเกอร์ของแต่ละห้องก็พบว่ามีจดหมายล้นทะลักเหมือนกับไม่เคยถูกเปิดมาก่อน จึงเอะใจขึ้นมาว่า ‘มันเงียบเหรอวะ หรือว่ามันไม่มีคนอยู่’ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ จากนั้นก็เดินเข้าห้องพักตามปกติ ในตอนที่คุณหนองน้ำเปิดประตูเข้าห้องพักไปก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันทั้งเศร้า ทั้งหดหู่ และอึดอัด มันทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ จนรู้สึกว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ ๆ พอปิดประตูห้องก็เจอกับฮวงจุ้ยผี เช่น ประตูห้อง เตียงนอน ทุกอย่างตรงกับประตูทางออก คุณหนองน้ำอยู่ในห้องได้สักพัก จู่ ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องก็มีปัญหา ตัดสินใจแจ้งกับเจ้าของตึก แต่พยายามติดต่อเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ คิดว่าเป็นที่ระบบ จึงแจ้งกับทางระบบไปว่า “ถ้าเราอยากจะย้ายที่พัก พอเป็นไปได้ไหมที่จะหาที่พักในเวลานี้” ทางระบบก็บอกว่า “โอเค เดี๋ยวทางเราจะไปเช็คให้” แต่ระหว่างที่นั่งรอ คุณหนองน้ำได้พูดเล่น ๆ กับแฟนว่า “ที่นี่มีผี แต่ผีที่นี่น่าจะพูดไทยไม่ได้ เราก็ฟังญี่ปุ่นไม่ออก” หลังจากที่ติดต่อเจ้าของตึกได้ก็มีเจ้าหน้าที่มาที่ห้องเพื่อแก้ไขปัญหาให้ สุดท้ายคุณหนองน้ำก็ต้องอยู่ที่พักนี้ต่อตลอด 7 วันคืนที่หนึ่ง ในคืนแรกยังไม่เจออะไร แต่จะมีเสียงมาจากชั้นบน (อาคารนี้เป็นอาคาร 3 ชั้น ห้องพักจะถูกแบ่งให้เหมือนเป็นอพาร์ทเม้นท์) ในทุกคืนที่ชั้น 3 จะมีเสียงดัง ตึงตัง! ตลอด แต่คุณหนองน้ำก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะลมพัดประตู เนื่องจากช่วงมีนาคมที่ญี่ปุ่นอากาศค่อนข้างเย็นและมีลมแรง จึงตัดสินใจที่จะออกไปดู แต่แฟนก็บอกว่า “ใจเย็นอย่าพึ่งออกไปดู ตึกคงมีปัญหา เดี๋ยวพรุ่งนี้กลางวันค่อยออกไปดู” คุณหนองน้ำเป็นคนที่เซนซิทีฟเรื่องเสียง จึงใส่ตัวอุปกรณ์กันเสียงแล้วหลับไปคืนที่สอง หลังจากไปเที่ยวกันมาทั้งวัน ก็กลับมานอนช่วงดึก คุณหนองน้ำเลือกที่จะนอนเตียงที่ปลายเท้าชนประตูและชนกับประตูทางออก ขณะที่กำลังเคลิ้มกลับก็เริ่มรู้สึกเหมือนเห็นเงาดำอยู่ที่ปลายเท้า ตอนนั้นตนคิดว่าตาอาจจะไม่ได้โฟกัส แต่เงาก็เริ่มชัดขึ้น เป็นเงาดำที่อยู่ในความมืด ลักษณะเหมือนคนแต่มาในรูปแบบที่จับต้องไม่ได้ ลักษณะเป็นเหมือนคนยืน ผมสยาย เสื้อผ้าสยาย ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะไม่เห็นหน้า แต่คุณหนองน้ำเห็นว่าเขาขยับลอยเข้ามาใกล้ ๆ จากประสบการณ์คุณหนองน้ำจึงตัดสินใจพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันตัวเข้ากำแพงแล้วก็ได้หลับไปวันที่สาม รุ่งเช้า คุณหนองน้ำเปิดประตูออกจากห้อง ก็เจอกับทีมงานกองถ่ายยืนอยู่เต็มหน้าห้องที่กำลังถ่ายอะไรบางอย่างอยู่ ตนรู้สึกเกรงใจและไม่อยากให้กล้องถ่ายติดตัวเอง จึงรีบเดินออกจากตรงนั้น เมื่อเดินลงมาข้างล่างก็ต้องตกใจ เพราะเจอผีที่กำลังถ่ายหนังอยู่! (คนแต่งตัวเป็นผีเพื่อถ่ายหนัง) แต่คุณหนองน้ำรู้สึกว่าสายตาของทีมงานมองที่ตนมันแปลกมาก และก็ยังสงสัยอยู่ในใจว่า ‘เหมือนที่ตึกแห่งนี้ไม่มีคนอยู่ และตลอด 3 วันที่อยู่มา ก็ไม่มีคนเดินเข้าออก’ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ และออกไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้ เมื่อกลับมาจากออกไปเที่ยว ในคืนนั้นเอง คุณหนองน้ำเริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่จะนอนตอนกลางคืนแต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปรากฏว่าคืนนั้นช่วงเวลาประมาณ ตี 3 คุณหนองน้ำตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ก็เห็นว่าประตูห้องปิดไม่สนิท แต่สิ่งที่ตาโฟกัสเมื่อตื่นขึ้นมาคือ มีเงาสีดำเหมือนคนยืนหันหลังอยู่ที่ประตู คุณหนองน้ำคิดในใจว่าเป็นเพื่อนของแฟนที่ยังไม่นอน พอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เงาดำกลับหายวับไปกับตา! คุณหนองน้ำจึงรีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันที แล้วคิดในใจว่า ‘เราเจอเขาคนนี้อีกแล้วนะ’ หลังจากนั้นคืนที่ 4 และคืนที่ 5 ไม่เจออะไร จนมาถึงคืนที่ 6 คุณหนองน้ำกำลังนั่งเก็บกระเป๋าเพื่อกลับวันที่ 7 แต่อยู่ ๆ คุณหนองน้ำก็ได้กลิ่นไหม้จึงพยายามหาแต่ก็ไม่รู้ว่ากลิ่นมาจากไหน สักพักกลิ่นที่เหม็นเหมือนของย่างของไหม้ก็หายไป จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันสุดท้ายที่จะกลับ คุณหนองน้ำและครอบครัวกำลังนั่งรถไฟเพื่อไปที่สนามบิน ด้วยความที่คุณหนองน้ำกับแฟนนั่งแยกกัน คุณหนองน้ำจึงทักไปหาแฟนว่า “ที่นี่มีผีนะ” แฟนก็ตอบกลับมาว่า “ใช่! ที่นี่มันมีผี” พอถึงสนามบิน คุณหนองน้ำกับแฟนได้นั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งที่น่าแปลกคือ แฟนของคุณหนองน้ำเจอตั้งแต่คืนที่สองถึงคืนสุดท้ายก่อนกลับ แต่เลือกที่จะไม่บอกใคร เนื่องจากว่ายังต้องพักอยู่ห้องนี้อีกหลายวัน แฟนคุณหนองน้ำบอกว่าคิดว่าเรื่องที่เจอเป็นแค่ความฝัน เนื่องจากแฟนคุณหนองน้ำเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องลี้ลับ และเล่าเหตุการณ์ว่า ตนนั้นฝันทุกคืน ตั้งแต่คืนที่สอง ฝันว่าในห้องพักมีผู้หญิงคนหนึ่ง ลักษณะคล้ายผีจูออน ชุดขาว ผมยาวไม่เห็นใบหน้า มานั่งอยู่ปลายเตียงพูดว่า “มาอยู่ที่นี่ทำไม ที่นี่มันมีผี” พอพูดเสร็จ ผู้หญิงคนนี้ก็ยืดตัวยาวขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็หายไปในความฝัน แฟนคุณหนองน้ำคิดว่ามันก็เป็นแค่ความฝันจึงไม่คิดอะไรมาก จนมาถึงวันที่สาม ครั้งนี้แฟนคุณหนองน้ำเจอตอนกลางวันช่วงประมาณบ่ายสาม ในตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงเตียงที่คุณหนองน้ำนอนแล้วก็เผลองีบหลับไป จากนั้นก็รู้สึกว่ามีผีผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ เหมือนกับถูกผีอำ เพราะขยับตัวไม่ได้ นอกจากนี้ ผีผู้หญิงคนนั้นก็พูดอีกว่า “มาอยู่ที่นี่ทำไม ไปกันได้แล้ว ที่นี่มันมีผี” ทุกครั้งที่พูดมักจะย้ำคำเดิมตลอดว่า “ที่นี่มันมีผี” พูดเสร็จผีสาวก็หายไป เป็นแบบเดิมตลอดในทุกวัน จนสุดท้ายคุณหนองน้ำอยากรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไร จึงเข้าเว็บไซต์หนึ่งของญี่ปุ่นที่สามารถเช็คได้ว่าที่นี่เคยเกิดเหตุการณ์อะไร ซึ่งจะมีการอัพเดตไว้ตลอดภายในเว็บไซต์ พอพิมพ์ตำแหน่งเข้าไปใน Google ปรากฏว่าที่พักที่เขาพักมีลูกไฟขึ้น! (แปลว่าอาจมีผี) และด้วยความเว็บไซต์เป็นภาษาญี่ปุ่น คุณหนองน้ำจึงส่งให้เพื่อนช่วยแปลให้ จากนั้นเพื่อนก็ตอบกลับมาว่า ที่นี่เมื่อปี 2007 เคยเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้มีผู้หญิงถูกไฟคลอกเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ คุณหนองน้ำบอกว่าวันก่อนจะกลับเขาได้ไปเดินรอบอาคาร ลักษณะของตึกเป็นอพาร์ทเมนต์แต่เหมือนตึกนี้เคยเป็นโรงงานมาก่อน เนื่องจากห้องพักประตูเป็นเหล็ก มีประตูซี่ลวดลูกกรงอยู่ข้างใน คุณหนองน้ำจึงคิดว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้มีคนเสียชีวิตอยู่ที่นี่ คุณหนองน้ำตัดสินใจบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางเว็บไซต์จองที่พักแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับอะไรมาอีก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ตำนานผีสาวบันไดหนีไฟที่ทุกคนอยากลองดี แต่เพื่อนดันลืมของ ทำให้ผมต้องกลับขึ้นไปเอา ระหว่างที่กำลังเดินลงก็มีเสียงฝีเท้าดังสวนขึ้นมา! ชะเง้อหน้ามองเห็นเป็นเด็กผู้หญิงชุ่มเลือดยิ้มให้และวิ่งมาหาผม!จังหวะนั้นต้องวิ่งไปให้ถึงประตูถึงจะรอด!

30 พ.ค. 2023

ตำนานผีสาวบันไดหนีไฟที่ทุกคนอยากลองดี แต่เพื่อนดันลืมของ ทำให้ผมต้องกลับขึ้นไปเอา ระหว่างที่กำลังเดินลงก็มีเสียงฝีเท้าดังสวนขึ้นมา! ชะเง้อหน้ามองเห็นเป็นเด็กผู้หญิงชุ่มเลือดยิ้มให้และวิ่งมาหาผม!จังหวะนั้นต้องวิ่งไปให้ถึงประตูถึงจะรอด!

อีกเรื่องปิดท้ายในรายการ ‘อังคารคลุมโปงX’ (23 พฤษภาคม 2566) จาก ‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ กับ 7 เรื่องสยองในโรงเรียนญี่ปุ่น จัดหนักหลอนสุดกำลังจน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ร้องซี๊ดดด! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย!ต้นกล้าเล่าว่าที่โรงเรียนญี่ปุ่นจะมีเรื่องเล่าสยองขวัญอยู่ทั้งหมด 7 เรื่อง ทั้ง 6 เรื่องจะเล่าเหมือนกันทุกโรงเรียน แต่เรื่องที่ 7 ในแต่ละโรงเรียนจะมีไม่ซ้ำกัน เช่น บางโรงเรียนก็เป็นเรื่อง ‘ฮานาโกะซังในห้องน้ำ’ เด็กผีชุดแดงที่จะอยู่ในห้องน้ำห้องสุดท้าย ถ้าใครไปเรียกโดยการเคาะประตูห้องน้ำ 3 ครั้ง แล้วฮานาโกะซังตอบรับ คนนั้นก็จะไม่ได้กลับออกมาจากห้องน้ำอีกเลย, บางโรงเรียนก็เป็นเรื่อง ‘หุ่นห้องวิทย์’ ที่จะออกมาวิ่งตอนกลางคืน หรือเรื่อง ‘รูปโมสาร์ทในห้องดนตรี’ ที่พอถึงเวลากลางคืน วิญญาณโมสาร์ทก็จะออกมานั่งเล่นเปียโน เป็นต้นเรื่องที่ต้นกล้าจะเล่าคือเรื่อง ‘ผู้หญิงราวจับ’ เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กในโรงเรียนจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องเล่าสยองขวัญนี้ว่า “ผู้หญิงราวจับ เป็นเด็กนักเรียนหญิงที่เคยเรียนที่นี่เมื่อหลายปีมาแล้ว เวลาที่ถูกเพื่อนแกล้งหรือเวลาที่รู้สึกท้อใจกับการเรียนเด็กผู้หญิงคนนั้น ก็มักจะไปที่บันไดหนีไฟตรงนี้เป็นประจำ แต่ในตอนนั้นบันไดหนีไฟทั้งเก่าและไม่สมบูรณ์ พอเธอขึ้นมายืนจับที่ราวบันได ปรากฏว่าบันไดก็พังลงมา ทำให้ตัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นตกลงไปข้างล่าง ขณะนั้นเธอยังไม่ได้เสียชีวิตทันทีและพยายามจะปีนขึ้นมาขอความช่วยเหลือ แต่ในที่สุดก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น” พอคุยเรื่องนี้จบเด็กหลายคนจึงท้าทายกันว่าให้ลองไปที่บันไดหนีไฟนี้แล้วขึ้นไปบนดาดฟ้า ถ้าใครกลับลงมาได้จะนับถือว่าเป็นคนที่สุดยอดในตอนนั้นทุกคนก็ผลัดกันขึ้นไป แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่แล้วก็มีเพื่อนคนนึง นามสมมุติ ‘โทยะ’ ดันลืมของไว้บนดาดฟ้า จึงชวน ‘เซย์จิ’ (นามสมมุติ) ให้กลับขึ้นไปเอาเป็นเพื่อน แต่เซย์จิก็แซวโทยะไปว่า “เฮ้ย มึงกลัวหรอ” โทยะจึงตอบกลับมาว่า “เอาจริง ๆ ก็กลัวแหละ” เซย์จิก็ตอบไปว่า “โหยไร้สาระน่า” โทยะจึงพูดท้าขึ้นมาว่า “อ้าว งั้นถ้ามึงไม่กลัวมึงก็ขึ้นไปเอาของให้กูสิ” เซย์จิจึงตอบตกลง และในเวลานั้นก็เป็นเวลาประมาณ 6 โมงครึ่งแล้ว แสงพระอาทิตย์กำลังเริ่มโพล้เพล้ เซย์จิเปิดประตูบันไดหนีไฟและเดินขึ้นไปยังดาดฟ้า บันไดที่เก่ามีสนิมทำให้เวลามีคนเดินขึ้นลง จะได้ยินเสียงฝีเท้าดัง ‘ต๊อง ต๊อง ต๊อง’ ดังก้องไปทั่ว เมื่อเดินมาถึงดาดฟ้าก็พบกับของชิ้นหนึ่งถูกวางไว้ จึงหยิบมันขึ้นมา พอเดินกลับลงมายังประตูบันไดหนีไฟ ในใจก็เกิดกลัวขึ้นมา จึงชะเง้อหน้ามองลงมาข้างล่าง ซึ่งบันไดหนีไฟนี้จะมีช่องตรงกลางให้สามารถมองเห็นลงไปยังข้างล่างได้ ปรากฏว่าภาพที่เซย์จิเห็นคือ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ชั้นล่างสุด แต่ระยะห่างของชั้นบันไดค่อนข้างสูงทำให้เห็นไม่ค่อยชัด เซย์จิคิดในใจว่าเพื่อนคงแกล้ง จึงตัดสินใจเดินลงไป แต่ในขณะที่เดินนั้น ก็ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าที่เดินไปพร้อมกับเซย์จิ! เสียงนั้นดังมาจากข้างล่าง ในใจก็คิดว่า “เฮ้ย ใช่ป่ะว่ะ” เซย์จิชะเง้อหน้าไปมองดูอีกครั้งก็เห็นว่า “มีมือจับอยู่ที่ราวจับ เปื้อนไปด้วยเลือด พร้อมกับหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เงยหน้าขึ้นมามองและแสยะยิ้มให้เขา” เซย์จิรับรู้ได้ทันทีว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกแน่ ๆ ไม่ทันได้คิดนาน หลังจากยิ้มเสร็จเด็กผู้หญิงคนนั้นก็รีบวิ่งขึ้นมาด้านบนทันที! (เซย์จิต้องเดินลงมาชั้นล่าง แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังวิ่งขึ้นมาข้างบน) เสียงฝีเท้าดังกังวาลต๊องๆๆๆๆๆๆ หัวใจเซย์จิเต้นรัวด้วยความกลัว และคิดว่าจะกลับขึ้นไปก็ไม่ได้ ต้องลงไปอีกชั้นหนึ่งถึงจะมีประตู เซย์จิฮึดแรงเฮือกสุดท้าย เพื่อวิ่งลงไปยังประตูให้เร็วที่สุด ก่อนที่สิ่งนั้นมันจะวิ่งขึ้นมาถึงตัวเขา!และในที่สุดเขาก็ได้เปิดประตูออกมาดังปั้ง!! จนเพื่อนทุกคนตกใจ และได้ถามว่า “เฮ้ยมึงเป็นอะไร วิ่งหนีอะไรเนี่ย เจออะไรหรือเปล่า” เซย์จิตอบไปด้วยเสียงที่สั่นว่า “ชั่งมันเถอะ” แล้วเพื่อนคนอื่นที่หันหน้าเข้าประตูก็อยู่นิ่งอยู่สักพัก จนประตูนั้นก็ปิดลงดังปึ้ง! เมื่อเห็นว่าเพื่อนท่าทางไม่ดี ทุกคนจึงชวนกันกลับ เมื่อพ้นจากสถานที่ตรงนั้นมาได้สักพัก เพื่อนคนที่หันหน้าเข้าหาประตูก็เล่าให้ฟังว่า “ตอนที่ยืนนิ่งไปสักพักนั้น เห็นเป็นเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนมายืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้วมองมายังพวกเขา”พอฟังจบดีเจแนน ดีเจเจ็มถึงกับพูดว่าผีญี่ปุ่นโหดมาก ต้นกล้ายังบอกอีกว่ายังมีผีญี่ปุ่นอีกหลายรูปแบบให้ได้ติดตามกัน หากได้มีโอกาสจะกลับมาเล่าให้ฟังอีก(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเอก ตายเเน่ 'ความตั้งใจครั้งสุดท้าย' I อังคารคลุมโปง X ออโต้ เดอะโกส [ 26 พ.ย. 2567 ]

30 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเอก ตายเเน่ 'ความตั้งใจครั้งสุดท้าย' I อังคารคลุมโปง X ออโต้ เดอะโกส [ 26 พ.ย. 2567 ]

‘คุณเอก ตายแน่’ สายจากทางบ้านได้นำเรื่อง ‘ความตั้งใจครั้งสุดท้าย’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 พฤศจิกายน 2567) ฟังกัน มาดูกันว่า ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังแล้วจะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวจะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย!! ‘คุณเอก ตายแน่’ บอกว่าเป็นเรื่องที่ได้ยินมาจาก ‘คุณแม่’ ซึ่งคุณแม่ได้เล่าว่า เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว น้าของคุณเอกที่ชื่อ ‘เก่ง’ เป็นผู้ชายผมยาว เจ้าสำอาง มักจะพกครีมและหวีผมตลอด นอกจากนี้ยังเป็นสายเกมอีกด้วย น้าเก่งมีเพื่อนเป็นรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อ ‘แบงค์’ เป็นคนที่ชอบความเร็ว ชอบแต่งรถมอเตอร์ไซค์ กิจวัตรประจำวันก็จะชอบมาเล่นมาเที่ยวที่บ้านทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น บางวันก็มาช่วงดึก ทุกครั้งที่แบงค์มาที่บ้าน ก็จะชอบเอาแจ็คเก็ตมอเตอร์ไซค์มาคลุมหัว เพราะเขาจะแกล้งหมา เมื่อน้องหมา 3-4 ตัวที่อยู่ที่บ้านเห็นก็จะเห่า จากนั้นแบงค์ก็เฉลยด้วย “แฮ่!” ออกมา หมาก็จะกระดิกหางดีใจใหญ่ เพราะแบงค์มาบ่อยจนมันจำได้ มีอยู่วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา เป็นวันพระใหญ่ แบงค์ก็ได้บอกกับน้าเก่งว่า “พี่ เดี๋ยวผมมาหานะวันนี้ ผมไปเที่ยวกับเพื่อนก่อน น่าจะมาดึกหน่อยสัก 4-5 ทุ่ม” จากนั้นแบงค์ก็ได้ซ้อนสามไปกับเพื่อน ทั้งสามคนได้ดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน หลังจากเที่ยวเสร็จก็ได้ขี่รถซ้อน สามกลับมา วันนั้นได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น สองคนเสียชีวิตคาที่ อีกหนึ่งคนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แบงค์เป็นหนึ่งในสองคนที่เสียชีวิตคาที่ โดยแบงค์กระเด็นออกไปนอกรถ ช่วงล่างตั้งแต่ขาลงไป ไปฟาดกับต้นไม้ใหญ่ จนแตกไปหมด สาเหตุที่เสียชีวิตมาจากลูกอัณฑะแตก ทำให้เขาเสียชีวิตคาที่ ระหว่างนั้นเอง ที่บ้านของน้าเก่งที่อยู่กันเป็นครอบครัว โดยน้าเก่งจะนอนคนเดียว แม่ของคุณเอกกับป้านอนด้วยกัน และตากับยายนอนแยกอีกห้อง ซึ่งบ้านจะเป็นไม้ยกสูงขึ้น มีบันไดอยู่ประมาณ 7 ขั้นไม่สูงมาก ช่วงประมาณ 4 ทุ่ม จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหมาเห่า ทุกคนในบ้านเป็นอันรู้กันว่าแบงค์มาแล้ว เพราะหลังจากหมาเห่าเสร็จ น้องก็จะดีใจกระดิกหางตีก้นดัง แปะ แปะ แปะ เมื่อได้ยินดังนั้น น้าเก่งก็ตะโกนบอกคนในบ้านให้ไปรับแบงค์ขึ้นมา เพราะตนนั้นนั่งเล่นเกมอยู่ พี่ใหญ่สุดก็คือคุณป้าของคุณเอก เป็นสาวหล่อห้าว ได้เดินออกไปดู หลังจากออกไปดูเสร็จก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้อง พร้อมกับเอาหมอนอุดหัว แล้วกัดฟัน กอด! กอด! เหมือนกับไปเจออะไรมา จนทำให้น้องที่อยู่ในห้องกลัวกันหมด แม่ของคุณเอกก็สงสัยว่าไปเจออะไรมา จึงเปิดประตูออกไปแล้วชะโงกหัวออกไปตรงบันได แม่ของคุณเอกเล่าให้ฟังว่า ถึงมันจะแปปเดียว แต่ก็จำรายละเอียดได้หมดว่า เป็นภาพแบงค์ที่ยืนอยู่ ช่วงบนตัวชุ่ม แต่ช่วงล่างเละ กางเกงยีนส์ขาดเป็นช่อง แสงส่องเข้าไปเห็นเป็นเนื้อสีแดง ขาข้างหนึ่งบิดเป็นเกลียวและบิดจนหันไปข้างหลัง หลังจากแม่ของคุณเอกเห็นอย่างนั้นก็ตกใจวิ่งเข้ามาในห้องและตะโกนว่า “ผีหลอก! ผีหลอก! ช่วยด้วย!!” ทางน้าเก่งที่เล่นเกมอยู่ก็ได้ยินเสียง และตะโกนออกมาว่า “จะตะโกนเสียงดังอะไรนักหนา ดึกแล้วเนี่ย เอ้าสรุปใครมา” ผ่านมาสักพักเป็นเสียงที่ลอยมาตามลมเย็น ๆ เบา ๆ ว่า “พี่เก่ง ๆ ให้ผมขึ้นบ้านหน่อยพี่ ผมขึ้นไปไม่ได้” น้าเก่งที่กำลังเล่นเกมอยู่ ซึ่งเกมออนไลน์สมัยนั้นต้องต่อสายแลน แล้วมันก็หยุดไม่ได้ น้าเก่งเลยตะโกนตอบไปว่า “เอ็งขึ้นมาเลย เอ็งก็เคยขึ้นมาประจำ” แต่ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า “ผมขึ้นไปไม่ได้พี่ ให้ผมขึ้นไปหน่อย ให้ผมขึ้นไปนะพี่” น้าเก่งเริ่มโมโหจึงพูดว่า “เออ เอ็งขึ้นมาเร็ว ๆ เอ็งขึ้นมาเลย” หลังจากที่พูดคำนั้นเสร็จ ก็มีเสียงบันไดไม้ที่ถูกเหยียบขึ้นมา มันก็ลั่น แอ๊ด แอ๊ด พร้อมกับเสียงลากขาแปลก ๆ กางเกงยีนส์ที่ไม่ได้พับขาก็ถูกลากไปกับพื้น ครืด ครืด ครืด จนเสียงนั่นก็มาหยุดที่หน้าห้องของน้าเก่ง เมื่อเสียงเดินเงียบไป มีเสียงพูดขึ้นมาต่อว่า “พี่เก่ง เปิดประตูให้ผมหน่อย” น้าเก่งยังคงโมโหอยู่ ก็รีบไปเปิดประตู และบอกว่า “อะไรหนักหนาเนี่ย” แต่สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า! จึงพูดออกไปว่า “แบงค์อย่ามาเล่นอย่างนี้นะ ถ้าจะเล่นแบบนี้ก็กลับไป” จากนั้นก็ปิดประตูด้วยความหัวเสีย และกลับมาเล่นเกมต่อ ทางด้านพี่น้องคนอื่น ๆ ก็ขุดตัวอยู่ในผ้าห่ม กลัวกันไม่กล้านอน ภายในคืนนั้น น้าเก่งก็ฝันว่า แบงค์มานั่งอยู่ปลายเท้า และเริ่มร้องไห้ขึ้นมา จากนั้นแบงค์ก็ยกมือขึ้นมานวดขาตัวเอง นวดไปนวดมา ทางน้าเก่งที่กำลังจัดการเรื่องวิดีโอเกมอยู่ในฝัน ก็ได้ยินเสียงแบงค์พูดเป็นเสียงกระเส่าว่า “พี่เก่ง ผมปวดขาพี่ ผมปวดขามากเลยอะ” น้าเก่งก็ได้ตอบว่า “เอ็งก็นวดขาเองไปดิ จะบอกข้าทำไม” แบงค์ก็ตอบกลับมาว่า “ผมปวดจริง ๆ นะ พี่ช่วยมาดูให้ผมหน่อย” น้าเก่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ จึงหันไปดู ปรากฎว่าเป็นแบงค์ที่นั่งอยู่ ก็เห็นว่าขาข้างหนึ่งข้อต่อตรงเข่าหลุด แต่ยังมีเส้นเอ็นที่รั้งไม่ให้มันขาดจากกัน พอน้าเก่งเห็นแบบนั้นก็ตกใจและสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก และหันไปมองปลายเท้าก็ไม่เห็นอะไร แต่สิ่งที่ผิดปกติคือประตูที่เปิดอยู่ทั้ง ๆ ที่ตอนกลางคืนได้ปิดไปแล้ว หลังจากนั้น ก็เก็บเรื่องราวทั้งหมดมาจนถึงตอนเช้า และก็ได้รู้ข่าวว่า แบงค์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แบงค์นั้นเป็นลูกคนมีสตางค์ หลังจากที่จัดการเรื่องศพ ก็มีกำหนดการว่าวันพรุ่งนี้จะต้องมีงานศพ ทุกคนก็กลับมารวมกันที่เกิดเหตุนั่นก็คือบ้านของน้าเก่ง และได้มานั่งคุยกันที่ใต้ต้นมะยมกลางบ้านถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในคืนนั้นเอง ก็ได้ยืนเสียงหมาเห่าขึ้นมา ซึ่งเห่าไปตรงกลางบ้านที่ไม่มีอะไร เสร็จแล้วก็กระดิกหางดีใจ พอทุกคนเห็นอย่างนั้นก็คิดว่า ‘แบงค์มาหรือเปล่า’ กลุ่มที่นั่งอยู่ก็ได้แตกฮือ บางคนก็วิ่งขึ้นบนบ้าน บางคนวิ่งออกนอกบ้าน แต่พี่คนโตสุดที่เป็นสาวหล่อ ก็ห้าวพูดขึ้นมาว่า “คืนนี้เรามาดูกันไหมว่า 4 ทุ่มผีจะมาเปล่า” น้องทุกคนก็กลัวกัน แต่ว่าตอนนั้นสว่างอยู่ ทุกคนจึงใจกล้า พอตกดึก 4 ทุ่ม ตอนนั้นอากาศก็เริ่มหนาว จู่ ๆ เสียงแบบเดิมก็มาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครกล้าออกมา พอเสียงมาหยุดอยู่ที่หน้าบันได ก็ได้ยินเสียงเรียกที่เหมือนเดิมว่า “พี่เก่ง เปิดประตูให้ผมหน่อย ผมขึ้นไปไม่ได้” แต่ตอนนั้นไม่มีใครกล้าออกมา ทำเป็นแกล้งหลับกันหมด ส่วนคนที่จะจบเรื่องนี้ก็มีเพียงน้าเก่งที่ยังไม่หลับ และยังไม่เคยเจอต่อหน้า ที่เจอก็เป็นเพียงแค่ในฝัน เขาจึงยังไม่เชื่อว่าเป็นแบงค์จริง ๆ น้าเก่งจึงเปิดประตูออกมาชะเง้อดู แต่สิ่งที่เห็นคือ มีคนยืนอยู่ตรงกลางความมืด ขาถ่างเล็กน้อย แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาบริเวณ ที่เป็นไฟเหลือง ปรากฏเป็นหน้าแบงค์จริง พร้อมกับเลือดที่อาบอยู่ พอเห็นเช่นนั้น น้าเก่งก็ตกใจแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้อง ทุกคนได้ยินเสียงเรียกทั้งคืน วันต่อมาก็มีงานศพ คุณแม่ของแบงค์เดินเข้ามาหากลุ่มของน้าเก่งแล้วพูดออกมาว่า “คนที่ชื่อเก่งนี่คือใครเหรอ ลูกเขาเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มาหาแม่เลย มาหาแต่คนชื่อเก่ง เก่งนี่มันมีดีอะไรเหรอ ทำไมไม่รักแม่เลยรักแต่เพื่อน” เพราะข่าวลือที่ว่าแบงค์มาหาครอบครัวของน้าเก่งนั้นแพร่กระจายไป พอแม่ของแบงค์มาถึงหน้าบ้านของน้าเก่ง ก็เข้ามากอดขาพูดพร้อมกับร้องไห้ว่า “ลูกป้าเนี่ย ชอบน้องนะ รักน้องขนาดนี้ บวชให้น้องมันได้ไหมลูก” เนื่องจากน้าเก่งนั้นเป็นคนเจ้าสำอางรักเส้นผมของตัวเองมาก แต่การบวชนั้นต้องโกนผม จึงไม่ได้บวชให้ หลังจากเสร็จจากงานศพก็มารวมตัวพูดคุยกันที่หน้าบ้าน ญาติพี่น้องก็คะยั้นคะยอบอกน้าเก่งว่า “เอ็งบวชให้เขาเถอะ วิญญาณเขาจะได้ไปสู่งสุขติสักที” ระหว่างที่พูดอยู่ หมาทั้ง 3 ตัวก็อาการเหมือนเดิม จู่ ๆ ก็ตกใจแล้วก็หันมาดีใจ แล้วมองไปที่ว่างเปล่าที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างกลัวและแตกฮือกันอีกเหมือนเดิม พี่สาวคนโตก็พูดกับน้อง ๆ ว่า “มันมีอยู่วิธีหนึ่ง เป็นวิธีโบราณ ที่เอาแป้งมาโรย แล้วจะเห็นรอยเท้าของผี” พอพูดเสร็จ พี่คนโตก็หยิบแป้งเด็กมาโรยไปทั่ว ไม่มีบทสวด ไม่มีอะไรทั้งนั้น โรยตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงขั้นบันได แล้วก็โรยไปถึงหน้าห้องของทุกคน จากนั้นทุกคนก็เข้านอน และพกขวดใส่ปัสสาวะติดตัวไว้ เพราะไม่มีใครกล้าออกมา คุณตา คุณยายก็รับรู้ว่าหลานในบ้านเริ่มกลัวกันหมด จึงตัดสินใจว่า ถ้าได้ยินเสียงอะไรจะออกมาจัดการ พอถึง 4 ทุ่มเวลาเดิม เสียงก็เริ่มจากหมาเห่า จนถึงเสียงคนเดินเข้ามาในบ้าน คุณตาก็ได้หยิบธูปดอกหนึ่ง แล้วก็ปักไว้ที่กลางบ้าน จากนั้นก็สวดบทสวดเป็นภาษาบาลีพร้อมกับพูดเป็นภาษาไทยว่า “ไอหนูเอ้ย เอ็งอะมันอยู่คนละภพคนละภูมิกันแล้ว ถ้ายังไงเดี๋ยวจะทำบุญไปให้ น่าสงสารจริง ๆ อายุก็ยังน้อย มาตายละยังไม่รู้ตัวอีก” เมื่อสวดเสร็จ เสียงนั้นก็ก็หายไป.. เช้าวันถัดมา พี่คนโตก็รีบออกมา เพื่อที่จะไปดูผลงานของแป้งที่โรยเอาไว้ สิ่งที่เห็นคือเป็นรอยเท้าคนจริง ๆ แต่มันแปลกตรงที่ เท้าข้างหนึ่งเดินปกติ ส่วนเท้าอีกข้างมันหันกลับหลัง แต่เป็นลักษณะเท้าที่เดินไปพร้อมกัน คุณตาเห็นดังนั้นก็จับตีเรียงคน แล้วก็ใช้เท้าลบแป้งตรงนั้น น้าเก่งที่เห็นเหตุการณ์ ก็รู้สึกสงสารเพื่อนขึ้นมา จึงตัดสินใจบวชให้ในที่สุด หลังจากที่ตัดสินใจบวชให้ เสียงปริศนาและภาพที่น่าสยดสยองทั้งหมด ก็หายไปตั้งแต่วันนั้น..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘ห้องหมายเลข 4’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

25 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘ห้องหมายเลข 4’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ สัปดาห์นี้ (21 พฤษภาคม 2567) ‘คุณนิว’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ ฟังจนขนหัวลุกกับเรื่องที่มีชื่อว่า ห้องหมายเลข 4’ จะชวนหลอนจนขนหัวลุกขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย ! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณนิว (นามสมมติ) โดยคุณนิวเริ่มเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งคุณนิวได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า ‘ก่อนอายุ 30 จะต้องนั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่คนเดียวให้ได้’ ในตอนนั้นเอง คุณนิวมีอายุ 29 ปีพอดี คุณนิวจึงรู้สึกว่า ‘อีกแค่ปีเดียว ไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องไปให้ได้’ จากนั้นคุณนิวก็ลาพักร้อนทั้งหมด 10 วัน และเริ่มออกเดินทาง เมื่อรถไฟจอดที่สถานีเชียงใหม่ คุณนิวจึงเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อใช้เป็นพาหนะเดินทาง โดยสองวันแรก คุณนิวได้เข้าพักในตัวเมืองเชียงใหม่ สถานการณ์ทุกอย่างปกติดี จนกระทั่งวันที่สาม คุณนิวได้เข้าพักที่ม่อนแจ่ม ซึ่งการเดินทางของคุณนิวในครั้งนี้ ไม่ได้มีแบบแผนการเดินทาง ทั้งการจองที่พักผ่านแอพฯ ทั้งไม่ทราบระยะทางการเดินทาง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าที่พักที่จองไปอยู่ใกล้แหล่งท่องบริเวณไหน สามารถขับมอเตอร์ไซค์ไปได้หรือไม่ แต่คุณนิวก็สามารถพาตัวเองมาถึงที่พักจนได้ เมื่อไปถึง ก็เจอกับพนักงานต้อนรับ ประโยคแรกคุณนิวก็ถามเลยว่า “พี่ครับ… ที่นี่มีผมจองคนเดียวเลยเหรอ ?” เพราะคุณนิวสังเกตเห็นว่า บริเวณรอบ ๆ ไม่มีผู้คนหรือนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่เลย พนักงานต้อนรับจึงตอบกลับว่า “อ๋อ มีอีก 2-3 กรุ๊ปเลย ไม่ต้องกังวลไป แต่น้องมาถึงคนแรก พี่ให้น้องเลือกห้องก่อนได้เลยนะ มีห้อง 1-7 จะเอาห้องไหนล่ะ ?” ซึ่งคุณนิวจึงได้เลือกห้องหมายเลข 4 ตอนนั้นคุณนิวไม่รู้ตัวเลยว่า ทำไมตนถึงเลือกห้องหมายเลข 4 เพราะปกติแล้วคุณนิวถือความเชื่อแบบคนจีนที่ถือว่าเลข 4 เป็นเลขอัปมงคล เนื่องจากออกเสียงว่า ‘ซี่’ (死) เป็นคำที่พ้องกับคำที่มีความหมายว่า ‘ตาย’ คุณนิวจึงคิดว่า ‘ตอนนั้นดวงตัวเองน่าจะพาให้เจอเรื่องอะไรแบบนี้’ หรืออาจจะคิดว่าเลือก 4 เพราะจะได้บ้านพักอยู่ตรงกลาง เวลาที่มีกรุ๊ปทัวร์มา คุณนิวจะได้ไปร่วมสังสรรค์ได้ หลังจากนั้น คุณนิวก็เข้าสำรวจห้องพัก ซึ่งบ้านพักของคุณนิวจะเป็นห้องแนวโฮมสเตย์บรรยากาศดี เมื่อสำรวจเสร็จสิ้นเรียบร้อย คุณนิวก็ไปอาบน้ำเพื่อผ่อนคลาย พร้อมกับเปิดลำโพงบลูทูธฟังเพลงไปด้วย แต่ในระหว่างการอาบน้ำ แอพฯ ได้สุ่มเปิดเพลง ‘ฟ้อนเหนือร่วมสมัย’ ซึ่งตอนแรกคุณนิวก็คิดว่า ‘เดี๋ยวเนื้อเพลงก็คงขึ้น’ แต่จนกระทั่งคุณนิวอาบน้ำเสร็จ เนื้อเพลงก็ไม่ขึ้นสักที จนออกมาพบว่า ‘เป็นเพลงที่มีแต่ทำนอง…’ ซึ่งคุณนิวจึงเอาเรื่องราวนี้ไปโพสต์ใน Facebook ส่วนตัว เพื่อนของคุณนิวต่างเข้ามาคอมเม้นต์ในเชิงหยอกล้อว่า “คุณนิวต้องโดนผีหลอกแน่” หรือ “คืนนี้ต้องโดนแน่” เพราะเพื่อนของคุณนิวรู้ดีว่า คุณนิวเป็นคนที่ชอบเที่ยวคนเดียว และก็เป็นคนที่มีเซ้นส์แรงชอบเจอเรื่องลี้ลับ ด้วยความที่คุณนิวเป็นคนไม่กลัวผี จึงถ่ายรูปคานในห้อง ที่มีลักษณะเป็นคานไม้พาดยาว มีพื้นที่ว่างจนสามารถยื่นหัวจากข้างนอกโซนห้องนอน ชะโงกเข้ามามองในห้องน้ำได้เลย แล้วพิมพ์ตอบว่า “ลองนึกภาพตามนะ ถ้าเขาใส่ชุดเหนือ แล้วมานั่งห้อยขาบนคานจะเป็นยังไง ?” ตกเย็นในระหว่างที่คุณนิวกำลังนั่งรออาหารมาส่ง ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศรอบที่พัก ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีเสียงสวดมนต์ สวดทำวัตรเย็น หรือสวดศพอะไรสักอย่างดังอยู่ตลอด คุณนิวไม่ทราบเลยว่า บริเวณนั้นมีวัดอยู่ตรงไหน ด้วยความที่คุณนิวเป็นคนปากไวจึงพูดขึ้นมาว่า “โอ๊ย… ดีจริง ๆ เลย บรรยากาศดี มีเสียงดนตรีสวดด้วย” หลังจากที่คุณนิวดื่มด่ำกับบรรยากาศ เวลาประมาณเที่ยงคืน คุณนิวก็ได้กลับเข้าห้องพัก เพื่อที่จะนอนพักผ่อน ในระหว่างที่คุณนิวกำลังจะหลับ คุณนิวก็สัมผัสได้ว่า ‘มีคนกำลังจ้อง มองมาที่ตนอยู่’ ซึ่งตอนนั้นคุณนิวรู้สึกระแวงจนนอนไม่หลับและอึดอัดมาก ก่อนที่สมองจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ คุณนิวจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมา สายตามองทะลุความมืดตรงขึ้นไปด้านบนคาน เห็นรูปร่างอะไรบางอย่างที่มืดกว่าบรรยากาศ ลักษณะนั่งห้อยขาอยู่ด้านบนคาน คุณนิวจึงรีบหลับตาลงทันที คิดในใจว่า ‘ถ้าลืมตาอีกครั้ง แล้วเขากระโจนลงมาทับที่ตัวเราจะทำยังไง ?’ จากนั้นก็ค่อย ๆ ตั้งสติ ลืมตามองอีกครั้ง… กลับไม่เจออะไร หันหน้าหนีมองไปทางห้องน้ำ ก็รู้สึกได้ว่า ตรงบริเวณคานมีคนชะโงกหน้ามามองอยู่! ซึ่งคุณนิวไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย เพราะไม่คุ้นเส้นทาง และคุณนิวไม่สามารถขับมอเตอร์ไซค์เข้าเมืองตอนตี 1 ได้ สิ่งเดียวที่คุณนิวทำได้คือ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ เพื่อให้ห้องสว่าง แต่ก็ยังไม่สามารถนอนหลับต่อได้ … จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น คุณนิวจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋า เตรียมตัว Check out c9jก่อนที่จะออกจากห้อง คุณนิวเดินไปที่ระเบียงหลังห้องเพื่อเช็คความเรียบร้อย ก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่า “ทำไมตัวเองถึงโดนหลอก” เพราะเมื่อเปิดประตูระเบียงทางด้านออกไป พบว่า ‘ประตูห้องหมายเลข 4’ ได้ตรงกับเมรุเผาศพของวัด ซึ่งบริเวณที่คุณนิวรับประทานอาหารเมื่อวาน เป็นตีนเขาติดกับทางเข้าวัด ซึ่งระหว่างทางที่คุณนิวเดินทางมาถึงโฮมสเตย์แห่งนี้ คุณนิวไม่เห็นเลยว่ามีวัดอยู่ในบริเวณนี้ และอยู่ใกล้ขนาดนี้ หลังจากเกิดเรื่องราวทั้งหมด คุณนิวก็มานั่งเรียบเรียงสถานการณ์ ได้ข้อสรุปว่า การที่เขามาหา น่าจะเป็นเพราะคุณนิวไปปากดีใส่ไว้ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด น่าจะเกิดขึ้นจากความปากดีล้วน ๆ ซึ่งในทุกเหตุการณ์ คุณนิวก็เป็นคนกำกับบทให้เขา ทั้งการที่คุณพูดว่า “ถ้าเขาใส่ชุดเหนือ แล้วมานั่งห้อยขาบนคาน” ทั้งเสียงสวดคล้ายเสียง “สวดศพ” ซึ่งทำให้คุณนิวเจอเรื่องราวที่ตรงกับที่ตัวเองพูดไว้ทุกอย่าง …(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1