03 มี.ค. 2023
ความเชื่อ ความศรัทธา ความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อสังคม และเหตุผลของ ‘โตโน่ ภาคิน’ ชายที่ขอไม่ยอมแพ้ให้กับกระแสดรามา
ใน “รายการอังคารคลุมโปง X” ที่ผ่านมา (21 กุมภาพันธ์ 2566) “ดีเจแนน” และ “ดีเจเจ็ม” ได้พูดคุยถึงเรื่องราวลี้ลับและความเชื่อที่เกิดขึ้นกับ “โตโน่ ภาคิน” ชายผู้ตัดสินใจจะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง เพื่อรับบริจาคเงินซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม (ฝั่งไทย) และ โรงพยาบาลแขวงคำม่วน (ฝั่งลาว) ในโครงการที่ชื่อว่า “One Man and The River” ซึ่งในตอนท้ายได้เงินบริจาคถล่มทลายไปกว่า 80 ล้านบาท โตโน่เล่าว่าเรื่องที่พบเจอนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับผีแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของความเชื่อ เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ใกล้จะถึงวันว่ายน้ำ ตอนนั้นยังซ้อมอยู่ที่กรุงเทพฯ โตโน่ได้ฝันเห็นคน 7 คน มี 2 คนเข้ามาคุยกับโตโน่ ใส่เสื้อสีแดงและสีขาว ส่วนอีก 5 คน ยืนอยู่เกาะกลางน้ำ มองไปแล้วสวยงามมาก ซึ่งโตโน่เองก็จำไม่ได้ว่าเรื่องที่คุยกับ 2 คนนั้นเป็นเรื่องอะไร คืนต่อมาก็ฝันเห็นพญานาคอยู่ใต้แม่น้ำโขง โตโน่คิดเพียงแค่ว่าอาจจะเพราะใกล้ถึงวันภารกิจแล้ว ใจเราอาจจะคิดถึง แล้วเก็บไปฝันก็เป็นได้ พอมาถึงจังหวัดนครพนม จากที่ก่อนหน้านี้เจอดรามาหนัก ๆ พอมาถึงโตโน่ก็รู้สึกได้ถึงความรักและกำลังใจจากทุกคนที่มาคอยเอาใจช่วยที่นี่ จากนั้นก็มีชาวบ้านจากจังหวัดน่าน ชื่อว่า “พี่กัน” เขาได้มอบเสื้อให้โตโน่ 2 ตัว ตัวแรกเป็นลายพญาศรีสัตตนาคราช ส่วนอีกตัวเป็นลายปู่ศรีสุนโธ ซึ่งคนที่เขียนลายนี้เป็นเพื่อนของ อ.ถวัลย์ ดัชนี เขาไม่ได้เขียนรูปมาหลาย 10 ปีแล้ว แต่อยู่ ๆ เขาก็อยากจะเขียนให้โตโน่ โตโน่ได้รับมาก็รู้สึกขอบคุณ และตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้ ที่จะต้องไปไหว้พระธาตุพนม ตนจะใส่เสื้อลายพญาศรีสัตตนาคราชไป ซึ่งไม่ได้บอกใคร เมื่อวันไหว้พระธาตุพนมมาถึง ก็มีพระอาจารย์มากมาย หนึ่งในนั้นมีพระอาจารย์ท่านนึง พาโตโน่ขึ้นไปไหว้พระธาตุพนม และพูดกับโตโน่ว่า “ดีใจด้วยนะ มาอยู่ มาประทับทั้งบ่าซ้ายบ่าขวาแล้วนะ” นั่นทำให้โตโน่รู้สึกใจชื้นมากยิ่งขึ้น พอออกมาจากพระธาตุพนม ยอดบริจาคจากเดิมอยู่ที่ 7 ล้าน ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 15 ล้านอย่างไม่น่าเชื่อ! พอคืนวันที่ 2 ทางทีมก็ได้ประชุมกัน พบว่าสภาพอากาศของวันว่ายจะมีพายุเข้า โตโน่ก็รู้สึกเป็นห่วงทั้งชาวบ้านที่มาคอยให้กำลังใจ ทั้งทีมงาน แพทย์ และพยาบาล โตโน่จึงนึกถึงฝัน ที่เคยฝันว่าเห็น 7 คน อาจจะสื่อถึงพญาศรีสัตตนาคราชที่ดูแลพระธาตุพนม เพราะมี 7 ตนเท่ากัน และคิดในใจว่า “พ่อเอ้ย ถ้าจริง อยากให้เป็นยังไงก็เป็นยังงั้นเลย ถ้าฝนตก ผมจะถือว่าพ่อไม่อยากให้ผมร้อน ผมจะลงไปว่าย ผมจะทำให้เขา จะได้กี่บาทผมไม่รู้” จากนั้นวันจริงก็มาถึง ในระหว่างที่ทำพิธีบวงสรวงก่อนว่าย ปรากฏว่าฝนไม่ตก กลายเป็นวันที่อากาศแจ่มใส โตโน่บอกว่าตนเองว่ายน้ำได้สบายมาก นอกจากนี้โตโน่ยังบอกอีกว่ามีความบังเอิญอีกหนึ่งอย่าง ในวันนั้นโตโน่ใส่พญาศรีสัตตนาคราช และบอกว่า “พระอาจารย์เทพนรินทร์ที่มาทำพิธีให้ ท่านมาจากอุดร / พระอาจารย์ที่ทัก ท่านอยู่นครพนม / ส่วนพี่กันที่เอาเสื้อมาให้ มาจากน่าน และทั้ง 3 คนไม่รู้จักกัน อยู่ ๆ พระอาจารย์เทพนรินทร์ถอดเหรียญปู่ศรีสุนโธให้ผม มันเลยตรงมาก ๆ กับที่พระอาจารย์ที่พระธาตุพนมบอกว่า มาทั้งซ้ายและขวานะ” นอกจากนี้โตโน่ยังเล่าเสริมอีกว่า โตโน่ไม่เคยมีความรู้เรื่องพญาศรีสัตตนาคราช หรือปู่ศรีสุนโธมาก่อนเลย ไม่เคยทราบที่มาที่ไป หรือประวัติเกี่ยวกับท่านเลย รู้แค่ว่าอยากจะช่วยสานสัมพันธ์ให้ไทย-ลาว ท่านผู้ว่าเองก็บอกว่าเราไม่มีสัมพันธ์กันมา 3 ปีแล้ว เพราะสถานการณ์โควิด ครั้งนี้จึงเป็นการช่วยเชื่อมสัมพันธ์ให้ไทยกับลาวอีกครั้ง ก่อนปิดท้ายว่า “ผมขอขอบคุณทุกคน ทั้งคนไทย คนลาว และทุกคนที่ช่วยกันทำให้วันนั้นมันเกิดขึ้น ผมไม่รู้จะตอบแทนทุกคนยังไง ทุกคืนที่ผมนอน (ตอนอยู่นครพนม) อยู่ ๆ ผมก็อยากฟังพระสวด ตื่นเช้ามาก็อยากจะรำ” คำตอบนั้นทำให้ทั้งสตูดิโอถึงกับอึ้ง โตโน่จึงเสริมว่า “ก่อนหน้านี้ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช ท่านผู้ว่าบอกว่าวันที่ 7 เดือน 7 พญาศรีสัตตนาคราชชอบคนรำ แต่ผมรำไม่เป็น ให้ผมช่วยอย่างอื่นเถอะ แล้วพอได้มาที่นครพนม 3 วันนั้น มันเหมือนกับเชื่อมอะไรบางอย่าง แล้วก็รู้สึกได้ยินเสียงพูดว่า รำให้พ่อดูหน่อย” โตโน่ยังเสริมอีกว่า ทุกเช้าจะตื่นมานั่งสมาธิ แล้วจะเปิดฟังพระสวดไปด้วย ปรากฏว่าอัลกอริทึมรันเพลย์ลิสต์เพลงพญาศรีสัตตนาคราช “ผมเลยรำ รำคนเดียวในห้อง แล้วผมก็รู้สึกในใจว่า ผมทำเต็มที่นะพ่อ เท่าที่ผมจะทำได้แล้ว ผมอยากให้คนไทยและคนลาวรักกัน ผมช่วยได้เท่านี้นะพ่อ ส่วนการว่ายน้ำพรุ่งนี้ มันจะเป็นยังไงก็ขอให้มันเป็นไปในแบบของมัน ยอดบริจาคผมไม่สนว่าจะได้เท่าไหร่ หรือมันจะเกิดอะไรขึ้นกับผม แล้วแต่จะเป็น..” หลังจากว่ายน้ำเสร็จ โตโน่กล่าวว่า “ผมไม่รู้จะขอบคุณทุกคนยังไง นั่นเป็นที่มา ที่ผมอยากบวชให้ เพราะพญาศรีสัตตนาคราชบวชไม่ได้ ผมอยากเป็นตัวแทน เพราะได้ยินว่าผู้เฒ่าผู้แก่บอกผมว่าผมเป็นลูก ด้วยความเชื่อของผม ในเมื่อตอนนี้ผมทำให้ได้ ผมบวชให้” โตโน่เสริมว่า โปรเจ็ค “One Man and The River” ตอนนี้ทางด้านฝั่งลาวอยู่ในขั้นตอนของการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต่างประเทศ เพราะบางอย่างไม่มีในบ้านเรา คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม ส่วนทางฝั่งไทยนั้น ตอนแรกโตโน่คิดว่าจะได้แค่เตียงเด็ก แต่พอยอดบริจาคพุ่งขนาดนี้ ทำให้ซื้อได้ทั้งศูนย์หัวใจและหลอดเลือด มอบให้กับจังหวัดนครพนม แต่ต้องใช้เวลาในการสร้าง เพราะไม่ใช่แค่เรื่องอุปกรณ์ และในตอนท้ายดีเจเจ็มได้กล่าวชื่นชมความศรัทธา ความเชื่อ และความมุ่งมั่นของโตโน่(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่