เรื่องเล่าจากคุณนุ๊ก ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณนุ๊ก ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

22 ก.ค. 2024

        เรื่องราวนี้ ’คุณนุ้ก’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย!

        คุณนุ้กมีอาชีพเป็นหมอดู มีลูกดวงท่านหนึ่งสมมุติว่าชื่อ ‘เจฟ’ ระหว่างที่ดูดวงอยู่ เขาดูเหมือนกับว่ามีปัญหากวนใจอยู่ แต่ไม่กล้าพูด อยากเล่าก็ไม่กล้าเล่า แต่ก็เร่งเร้าจะดู พอถึงเวลาดู เขาถามว่าดวงเขาเป็นยังไงบ้าง คุณนุ้กตอบกลับไปว่า

        ”ไม่ค่อยโอเค ความรัก การเงิน การงาน มีปัญหา”

        คุณเจฟจึงบอกว่า “ผมดูให้ตัวเองแล้ว ความรักดวงตก แต่เรื่องอื่นไม่มีปัญหาเลย”

        คุณนุ้กจึงคิดในใจว่า ‘ทำไมถึงมาดูกับเรา’

        แล้วคุณเจฟยังบอกว่า “มันแปลก คือผมต้องไม่ดีแค่เรื่องความรัก ผมราศีนี้ ยังไงเรื่องงานเรื่องเงินก็รุ่ง แต่ดวงผมร่วงหมดตั้งแต่เดือนกุมภา คนรักนอกใจ ผมเคยขายพระเครื่องรายได้อาทิตย์ละ 5,000-10,000 บาท แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ร้านอาหารที่ผมเปิด ก็เจ๊งอีก ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องพูดถึงเลย“

        คุณนุ้กก็คิดว่าทำไมชีวิตเป็นแบบนี้ พอดูดวงไปสักพัก ก็เห็นภาพในหัวระหว่างเปิดไพ่ เป็นเหมือนผู้หญิงจะมาเอาวิญญาณคุณเจฟ จึงถามคุณเจฟว่ามีใครตามไหม คุณเจฟบอกว่าเขาก็รู้ตัว แต่ที่โทรมาดูดวงเพราะอยากให้มีคนช่วยคอนเฟิร์ม

        คุณนุ้กบอกไปว่าเห็นเรื่องในอดีตที่ไม่ใช่ภพนี้ คุณเจฟเคยเป็นสามีของผู้หญิงคนนี้ แต่มีเรื่องมือที่ 3 แล้วฆ่าผู้หญิงคนนี้ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ตั้งใจตามมาเอาชีวิตคุณเจฟ พอเปิดไพ่ไปอีก ก็มีไพ่ที่บอกว่า มีคนขอให้ไว้ชีวิตคุณเจฟ

        คุณเจฟจึงเล่าว่า “จริง ๆ ก่อนมาหาพี่ ผมไปมาทุกสำนักแล้วทำมาทุกอย่าง ไม่เกิน 3 วันดวงก็ตกเหมือนเดิม จนไม่นานมานี้ไปวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เจอหลวงพี่ที่เป็นพระดัง ท่านเดินเข้ามาหาแล้วทักว่า โยมจะต้องบวชนะ บวชแล้วดีขึ้น”

        คุณนุ้กจึงคิดว่าน่าจะเป็นพระรูปนี้ที่ขอบิณฑบาต เหมือนให้บวชเพื่อไม่ถึงเเก่ชีวิต จากนั้นคุณนุ้กก็ให้เลขบัญชีของพระตามวัดที่คัดมาแล้วว่าปฏิบัติธรรมจริง ให้คุณเจฟทำบุญบวชพระทุกวัน วันละ 1 บาท พอครบ 7 วันให้มาบอก

        หลังจากนั้นไม่นานก็มีข้อความเข้ามาหาตนว่า “พี่ ผมเจอแล้วนะ“ แล้วก็เล่าว่า

        ”ผมทำบุญตามที่พี่บอก จนวันหนึ่งผมไปนวด ในร้านก็จะมีไฟสลัวส่องหน้าคนนวด ผมเห็นหน้าคนนวด ปรากฎว่าไม่ใช่หน้าคน มันเป็นหน้าดำ ๆ มืดสนิทที่มองผมอยู่“

        พอฟังเสร็จคุณนุ้กก็เปิดไพ่ ณ ตอนนั้นปรากฎว่า มันดีขึ้น การเงินไม่ขัดแล้ว แต่ความรักยังขัดอยู่ คุณเจฟก็ตอบว่า “ใช่ครับพี่ ผมทำตามพี่ไม่ถึง 7 วันเลย ได้เงินมา 1 แสนละ ตอนนี้กำลังรอบวช“

        คุณนุ้กจึงบอกให้ทำบุญไปจนกว่าจะบวช จนล่าสุดก่อนที่จะมาเล่าในรายการได้ทักไปถามคุณเจฟ เขาก็บอกว่า ”บวชอยู่ครับตอนนี้ ได้บวชแล้ว“ ตั้งแต่ที่เขาดูดวงจนบวช ใช้เวลาไม่ถึงเดือนเป็นไปตามที่คุณนุ้กเปิดไพ่ว่า “ถ้าบวช ยังไงก็รอด”

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

กลายเป็นทริปทะเลทรายสุดหลอน เมื่อไกด์ทัวร์ไม่ยอมจองที่พักล่วงหน้าไว้ ทำให้ต้องไปนอนทับที่คนตายโดยไม่รู้ตัว และด้วยความชอบส่วนตัวจึงแต่งตัววาบหวิวออกมาถ่ายรูป จบที่คืนนั้นเกือบตาย! เพราะโดนหลอกแบบดับเบิ้ล!

22 พ.ค. 2023

กลายเป็นทริปทะเลทรายสุดหลอน เมื่อไกด์ทัวร์ไม่ยอมจองที่พักล่วงหน้าไว้ ทำให้ต้องไปนอนทับที่คนตายโดยไม่รู้ตัว และด้วยความชอบส่วนตัวจึงแต่งตัววาบหวิวออกมาถ่ายรูป จบที่คืนนั้นเกือบตาย! เพราะโดนหลอกแบบดับเบิ้ล!

‘คุณอ้วน รีเทิร์น’ ได้มาเยือนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (9 พฤษภาคม 2566) เพื่อมาเล่าเรื่องหลอนของตัวเองที่เจอดีระหว่างท่องทริปทะเลทราย ให้กับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ ฟัง ว่าได้เจอผีถึง 2 ตน! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันได้เลย! คุณอ้วนเล่าว่าตัวเองนั้นชอบไปเที่ยวทะเลทรายช่วงเดือนธันวาคมของทุกปีมาก เพราะมันดูมีมนต์ขลัง ดูมีเสน่ห์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และเมื่อย้อนกลับไปประมาณ 6 ปีที่แล้วในวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันที่คุณอ้วนวางแพลนว่าจะไปเคาท์ดาวน์ที่กลางทะเลทราย มีเพื่อนคนไทยไปด้วย 2 คน หนึ่งในนั้นสามารถพูดอาหรับได้ และมีไกด์ทัวร์ด้วยอีกหนึ่งคน ซึ่งได้วานให้ไกด์ทัวร์รีบโทรไปจองเต็นท์ที่อยู่ในแคมป์กลางทะเลทราย เพราะกลัวว่าเต็นท์จะเต็ม แต่ไกด์ทัวร์บอกว่าไม่เต็มแน่นอน พอไปถึงปรากฏว่าเต็นท์เต็ม! จะกลับก็ไม่ได้เพราะใช้เวลาเดินทางมากว่า 4 ชั่วโมง ด้วยความโมโห คุณอ้วนจึงโวยวายด่าไกด์ทัวร์หนักมาก จนเจ้าของแคมป์เดินมาเห็นเหตุการณ์และสงสารไกด์ทัวร์คนนั้น จึงเดินเข้ามาบอกว่า “ขอโทษนะ ถ้าไม่รังเกียจ เขามีห้องเล็ก ๆ อยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งจะนำเตียง 3 ฟุต 3 เตียง มาเติมให้แต่ห้องสภาพไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เพราะไม่เคยมีคนมานอน” คุณอ้วนชั่งใจอยู่สักครู่ ก็หยวน ๆ ให้เพราะไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหนแล้ว แถมตอนนั้นอากาศก็เริ่มเย็นลงแล้ว... ก่อนที่ฟ้าจะมืดคุณอ้วนได้ไปถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ซึ่งชุดที่คุณอ้วนสวมใส่ค่อนข้างที่จะโป๊ เมื่อไกด์ทัวร์เดินมาเห็น เขาก็เข้ามาเตือนว่าอย่าถ่ายรูปแบบนี้ แต่ด้วยความที่ยังคงโกรธไกด์ทัวร์คนนั้นอยู่ คุณอ้วนจึงไม่สนใจและยืนยันว่าจะถ่ายต่อ เพราะบนสันของเนินทะเลทรายนี้มีแค่กลุ่มของคุณอ้วนเท่านั้น และคิดว่าไม่น่ามีใครมาเห็น เมื่อถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณอ้วนรู้สึกเหนื่อยมาก จึงไม่ได้ออกไปปิ้งย่างบาร์บีคิวกับเพื่อน ๆ และได้อาบน้ำเข้านอนทันที คุณอ้วนนอนที่เตียงด้านในสุด ขณะที่กำลังล้มตัวนอนและกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเปิดเต็นท์ตรงเข้ามายังเตียงที่นอนอยู่ เมื่อลืมตามอง ก็เห็นเป็นผู้ชายคนหนึ่งคล้ายคนอินเดีย ผมสั้นแต่พะรุงพะรัง มีหนวด ใส่เสื้อเป็นลายสก็อตแขนสั้นเก่า ๆ ในใจคุณอ้วนก็คิดสงสัยว่าเป็นใคร เป็นคนงานหรือเปล่า และพอเขามาหยุดที่เตียงของคุณอ้วน เขาก็มายืนจ้องหน้าพร้อมกับทำตาเหลือกถลนใส่ ในขณะนั้นคุณอ้วนก็เหมือนกับมองชายคนนั้นอยู่ในภวังค์กึ่งหลับกึ่งตื่น และรู้สึกได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนแน่ ๆ และรู้สึกว่าอยากจะลุกหนีไปให้เร็วที่สุด จึงพยายามร้องให้คนช่วย! และเพื่อนทั้ง 2 คนของคุณอ้วนก็เดินเข้ามาในเต็นท์พอดี จึงพยายามร้องเรียกให้ช่วย ด้วยอาการเหมือนจะขาดใจเพราะเริ่มหายใจไม่ออก แต่เพื่อนทั้ง 2 คนนั้นคิดว่าคุณอ้วนแค่ละเมอ จึงไม่ได้สนใจและพากันเข้านอน และผีผู้ชายคนนั้นก็ได้หายไป แต่คุณอ้วนรู้สึกว่าเหมือนมีตัวอะไรไม่รู้มุดเข้ามาในผ้าห่มแทน! และเมื่อมันมุดมาถึงตรงหน้าอก คุณอ้วนก็พยายามเอามือดันตรงหน้าอกไว้ คุณอ้วนกลัวมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงตัดสินใจสวดมนต์และคิดถึงพ่อกับแม่ ซึ่งในตอนนั้นอาการหายใจไม่ออกเหมือนจะขาดใจตายให้ได้ก็หนักขึ้น ขณะที่กำลังสวดมนต์อยู่นั้นก็เห็นเป็นผู้ชายตัวเล็ก ชุดขาว หน้าเหี่ยวย่น มีหนวดเคราและใส่ผ้าโพกหัวสีขาว เดินเข้ามาหาที่เตียงซึ่งในตอนนั้นคุณอ้วนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งเรียบร้อยแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็เอามือหนึ่งกดบ่าคุณอ้วน อีกมือหนึ่งดันเต็นท์ไว้ แล้วก็มองหน้าคุณอ้วนด้วยสายตาที่ดูน่ากลัว นึกในใจตอนนั้นคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ ๆ จึงพยายามเอามือไปหยิบพาวเวอร์แบงค์เพื่อจะโยนใส่เพื่อนที่นอนอยู่ แต่พอจะโยนมันกลับหลุดมือตกลงพื้นเสียงดัง ทำให้ในตอนนั้นคุณอ้วนก็รู้สึกตัว และลุกขึ้นมาตะโกนร้องว่า “ช่วยด้วย ๆ ผีหลอก” เพื่อนทั้งสองคนจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาและเห็นว่าหน้าของคุณอ้วนนั้นเขียวไปหมดเลยเหมือนคนกำลังจะช็อก เพื่อน ๆ ก็ถามว่าเป็นอะไรคุณอ้วนจึงเล่าทุกอย่างให้ฟัง หลังจากนั้นคุณอ้วนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ เพราะเวลาตี 2 แล้ว จะนอนก็ไม่ได้ จึงพากันออกไปนอกเต็นท์ เพื่อนคนหนึ่งจึงไปตามไกด์ทัวร์มาและเล่าทุกอย่างให้ฟัง พร้อมกับขอให้เขาหาที่นอนใหม่ให้ แต่จนแล้วจนรอดก็หาที่นอนใหม่ให้ไม่ได้ จะพากันไปนอนที่รถก็ไม่ได้ จึงจำใจต้องกลับไปนอนที่เต็นท์นั้น เพื่อนคุณอ้วนก็ช่วยกันปลอบว่าอย่ากลัว ให้ตั้งสติ และทุกคนจึงตัดสินใจไปนอนกองรวมกันอยู่ที่มุมเต็นท์ คุณอ้วนเองก็ให้เพื่อนทั้ง 2 คนมานอนประกบสองข้าง และเอาขามากอดคุณอ้วนไว้ด้วย ส่วนไกด์ทัวร์คนนั้นไปนอนที่เตียงของคุณอ้วนแทน แต่คุณอ้วนและเพื่อน ๆ ก็นอนไม่ลงอยู่ดี แถมพากันสวดมนต์แทบทั้งคืนจนถึงเช้า รุ่งเช้า คุณอ้วนก็ลุกออกไปชงกาแฟกิน เพื่อน ๆ และไกด์ก็ตามออกมา เจ้าของแคมป์เดินมาเห็นเข้าพอดี จึงถามว่าทำไมถึงพากันออกเต็นท์มาเช้าจัง ปกตินักท่องเที่ยวจะตื่นสายกว่านี้ ไกด์ทัวร์จึงบอกไปว่าเมื่อคืนแขกของเราโดนผีหลอก ทำให้นอนไม่ได้ ด้วยความที่คนอาหรับมักจะเป็นคนที่พูดตรงและไม่โกหก เจ้าของแคมป์จึงเล่าว่าจริง ๆ เต็นท์ตรงนั้นถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ได้อยากขายให้ เพราะย้อนกลับไปตอนที่เขาเข้ามาทำกิจการแคมป์ตรงพื้นที่นี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีคนงานเป็นคนอินเดียมาฆ่าตัวตายตรงเต็นท์ที่คุณอ้วนนอน คุณอ้วนได้ฟังดังนั้นก็ขนลุกหนักมาก เพราะตอนที่เจอเหตุการณ์นั้นก็นึกสงสัยในใจอยู่ว่าคนอินเดียจะมาอยู่ทำไมในพื้นที่อาหรับ หลังจากนั้น ตามแพลนคุณอ้วนและเพื่อน ๆ จะต้องนอนค้างอีกหนึ่งคืน แต่ทุกคนก็ตัดสินใจยกเลิกทริป และนั่งรถกลับเข้าเมืองทันที ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น ไกด์ทัวร์ก็พูดว่า “ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้แต่งตัวโป๊ออกมาถ่ายรูป เพราะที่นี่เจ้าที่แรงมาก และศาสนาเขาไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้” นั่นทำให้คุณอ้วนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ว่าจริง ๆ แล้วตนเจอผีผู้ชาย 2 คน และผีผู้ชายคนที่สองที่เข้ามาในเต็นท์คงต้องเป็นเจ้าที่เจ้าทางแน่ ๆ คุณอ้วนถึงกับขนลุกขึ้นมาอีกครั้งทันที และบอกกับตัวเองว่าจะไม่ไปในพื้นที่ตรงนั้นอีกแล้ว เมื่อกลับมาถึงยังในตัวเมืองจึงได้ทำพิธีของไทยเพื่อกราบขอขมาลาโทษผีเหล่านั้น และเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็ทำให้คุณอ้วนไม่กล้าแต่งตัวโป๊ถ่ายรูปอีกเลย พร้อมกับบอกว่าเวลาเราจะไปยังสถานที่ไหน เราควรให้ความเคารพต่อสถานที่ตรงนั้นทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็นด้วย (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนุ่น ‘ห้อง 404’ l อังคารคลุมโปง X เนตร คืนปล่อยผี [ 16 ก.ย.2568 ]

26 ก.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณนุ่น ‘ห้อง 404’ l อังคารคลุมโปง X เนตร คืนปล่อยผี [ 16 ก.ย.2568 ]

อาถรรพ์เลขหลอน ณ ห้อง 404 เรื่องนี้ถูกถ่ายทอดโดย ‘คุณนุ่น’ ที่เข้ามาเล่าเรื่องของ ‘คุณน้อง’ ที่ได้ไปเจอเสียงปริศนาห้องชั้นบนของอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ประสบการณ์ระทึกขวัญที่คล้ายจะโดนผีหลอกแต่ผีกลับบอกว่าจะช่วย! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X เนตร คืนปล่อยผี’ (16 กันยายน 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ห้อง 404’ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณน้อง’ เธอเล่าว่า ในตอนที่เรียนจบ น้องได้ขอไปอยู่กับแฟนที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ลักษณะของอะพาร์ตเมนต์นี้จะมีทั้งหมด 4 ชั้น และห้องที่น้องอยู่คือชั้นที่ 3 หมายเลขห้อง 304 วันแรกของการเข้าอยู่ ทุกอย่างยังคงปกติ แฟนของน้องทำงานเป็นนักดนตรีในร้านเหล้าแห่งหนึ่งใกล้ที่พัก ในระหว่างที่แฟนของเธอออกไปทำงาน น้องจึงต้องอยู่ที่ห้องคนเดียว แต่ปรากฏว่าเธอมักจะได้ยินเสียงคนจากห้องข้างบนซึ่งก็คือ ‘ห้อง 404’ คล้ายกับว่าเป็นเสียงของคู่รักทะเลาะกัน แรก ๆ ที่ได้ยินน้องก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติของคู่สามีภรรยา แต่เมื่อผ่านไปได้ประมาณ 1 เดือน เธอก็ยังคงได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทของห้องชั้นบนทุกวัน จนเกิดความรำคาญในการใช้ชีวิตเพราะมันค่อนข้างรบกวนการนอนหลับของเธอ น้องจึงต้องบอกให้แฟนช่วยไปแจ้งคนดูแลเรื่องปัญหาการส่งเสียงรบกวนจากห้องชั้นบน แต่เมื่อแฟนเอาเรื่องนี้ไปแจ้งป้าที่ดูแลอะพาร์ตเมนต์ก็ได้รับคำตอบชวนขนหัวลุกกลับมา เพราะป้าได้บอกกับแฟนของน้องว่า “ชั้นบนไม่มีคนอยู่นะลูก” เมื่อเห็นท่าทีสับสนของชายหนุ่ม ป้าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวของห้อง 404 ให้กับแฟนของน้องฟัง “เมื่อก่อนห้อง 404 เนี่ยมันมีคนอยู่ ผู้หญิงเขาตั้งท้องและอยู่กับแฟนสองคน แต่แฟนเขาพลั้งมือทำร้ายร่างกายที่คอ จนฝ่ายหญิงเสียชีวิต” นอกจากนี้ ป้ายังเล่าต่อว่าฝ่ายชายพยายามหนีความผิด จึงกระโดดตึกจบชีวิตตนเองตามไป แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้นอกจากน้อง แฟนของน้องที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนก็ไม่เคยเจอเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น แฟนของน้องก็รู้สึกเป็นห่วงน้องที่จะต้องอยู่คนเดียวในช่วงที่แฟนต้องออกไปทำงาน แฟนของน้องจึงเก็บเรื่องราวนี้ไว้ ไม่ได้นำไปบอกน้องในทันที เวลาผ่านไป น้องก็ยังคงได้ยินเสียงนั้นอยู่บ่อย ๆ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ในช่วงเวลานั้นน้องจึงเลือกที่จะออกไปซื้อของ แต่ในทันใดนั้นเองก็ได้บังเอิญพบกับ ‘น้องน้ำ’ นักศึกษาสาวรุ่นน้องที่อาศัยอยู่ที่ห้อง 405 และด้วยความที่คุยกันถูกคอ มีการไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้งจึงทำให้เกิดความสนิทชิดเชื้อกัน อยู่มาวันหนึ่ง ในระหว่างที่น้องกำลังเดินไปที่ห้องของน้ำ น้องก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องออกมากจากห้อง 404 “ช่วยด้วย ช่วยด้วย…” เสียงพร่ำร้องของหญิงสาวที่เหมือนกับว่ากำลังจะขาดใจ ในคราแรกน้องตั้งใจจะโทรแจ้งตำรวจ แต่เมื่อรวบรวมสติได้จึงตัดสินใจโทรแจ้งป้าเจ้าของหอเป็นคนแรกว่าตนนั้นได้ยินเสียงผู้หญิงถูกทำร้ายมาจากห้อง 404 “ห้องอะไรนะ!” ป้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ห้อง 404 ค่ะ” “ไม่มี! เป็นไปไม่ได้ ห้องข้างบนมันไม่มีคนอยู่” ป้ารีบตอบทันควัน เมื่อเกิดความสับสนในปลายสาย ป้าจึงบอกให้น้องกับน้ำรอพรุ่งนี้แล้วตนจะไปเปิดห้องยืนยันให้ดูว่าห้อง 404 นั้นไม่มีคนอยู่ เช้าวันใหม่ ตามคำสัญญาของคืนก่อน ป้ามาไขประตูห้อง 404 ให้ดู ซึ่งก็ทำให้น้องเห็นกับตาว่าภายในห้องแห่งนี้ไม่มีคนอยู่จริง ๆ นั่นแปลว่าเสียงที่เธอได้ยินอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่ใช่เสียงของคนเหมือนกัน! ภายในห้องว่างเปล่า คงเหลืออยู่เพียงแค่เตียง โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ป้าเห็นน้องยืนดูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีจึงเอ่ยถาม “หนูอยู่ห้องไหน เป็นแฟนของน้องผู้ชายคนนั้นรึเปล่า” ป้าเอ่ยถาม “ใช่ค่ะ ที่หนูให้แฟนไปบอกว่าได้ยินเสียงจากห้อง 404 ทะเลาะกัน” น้องตอบกลับไป “แล้วแฟนยังไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ” จบประโยคนั้น ป้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้น้องฟัง แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของน้ำดังออกมาจากตรงบริเวณตู้เสื้อผ้า “กรี๊ดดดดดดดดด!” สิ้นเสียง น้องกับป้าก็เดินไปดูที่ตู้เสื้อผ้าก็พบกับกระถางธูปและกระทงถวายเครื่องเส้นไหว้ผี ด้วยความตกใจกลัวของน้อง ป้าจึงเล่าให้ฟังว่าเขาจำเป็นต้องทำพิธีแบบนี้เพื่อที่จะให้ต่างคนต่างอยู่ เพราะเขาก็ต้องทำมาหากินเหมือนกัน อยู่ไปอยู่มา น้องก็ตั้งท้องได้ประมาณ 3-4 เดือน และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เรื่องราวความรุนแรงประทุขึ้นมาอีกครั้ง เพราะน้องกับแฟนเกิดการทะเลาะจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน บ่อยขึ้น บ่อยขึ้นและบ่อยขึ้น จนเย็นวันหนึ่ง ในขณะที่น้องต้องเดินไปซื้อข้าวก็ได้ไปพบเข้ากับหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงนั่งกอดเข่าอยู่ตรงบันได “เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” น้องถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อสาวปริศนาคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาก็ทำให้น้องเห็นว่า ผู้หญิงคนนั้นมีเลือดอาบคอตัวเองเต็มเสื้อไปหมด! และคิดได้ว่าตรงหน้าคงไม่ใช่คนแน่ ๆ จึงรีบวิ่งลงไปและนั่งรถไปหาแฟนที่ทำงานและนั่งรอจนถึงช่วงประมาณตีสาม แต่ตัวของเธอก็ไม่กล้าพูดอะไรได้แต่เก็บเรื่องนั้นไว้ในใจ และก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในตอนที่ทั้งสองลงจากรถ ก็ได้เกิดเสียงวัตถุใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากที่สูงดัง ตุ้บ! เหมือนเสียงคนกระโดดตึกลงมา แม้ตอนนั้นจะเกิดความสงสัยว่าเสียงมากจากไหนแต่ด้วยความกลัวทั้งสองจึงเลือกที่จะเดินขึ้นห้องไป หลายเดือนต่อมา น้องฝันเห็นผู้หญิงมาพูดกับตนเองว่า “หนีไป! อย่าอยู่ที่นี่” ถึงอย่างนั้นน้องก็ไม่ได้คิดอะไร จนสถานการณ์น้องกับแฟนทะเลาะกันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นที่ทำให้น้องต้องสูญเสียลูกในท้องไปจากการทำร้ายร่างกายของแฟน หลังจากนั้นน้องก็ฝันเห็นผู้หญิงคนเดิมมาบอกว่า ‘เขาไม่ได้เห็นหน้าลูก แต่ตัวเธอเองยังโชคดีที่ได้เห็นลูกอย่างน้อยก็ในตอนที่คลอดออกมาแม้ว่าหลังจากนั้นเด็กจะเสียชีวิตก็ตาม’ เวลาผ่านไป แฟนของน้องก็ยังคงทำร้ายร่างกายและตบตีน้องเหมือนเดิม จนอยู่มาวันหนึ่ง แฟนก็เกิดอาการหลอน เห็นหน้าน้องแล้วมีท่าทีหวาดกลัว “อย่าเข้ามาใกล้กู กูกลัวแล้ว” ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “กูจะไม่ทำอีกแล้ว กูขอโทษ” เมื่อเห็นแบบนั้นน้องจึงพยายามเข้าไปจับแขนเพื่อเรียกสติแฟนกลับมา แต่มันก็ไม่ได้ผล เกิดการฉุดกระชากลากถูกันสักพัก แฟนของน้องก็เดินหนีไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพลัดตกลงมาจากตึกสูงและเสียชีวิตทันที! ความเศร้าเกาะกินหัวใจ น้องเกิดคำถามมากมายในหัวว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอกันแน่ ไม่เพียงแต่เสียลูกไปแต่เธอยังเสียคนรักไปด้วยอีกคน หลังจากเสร็จธุระงานศพ น้องเดินทางมาเก็บของที่ห้องและได้ผล็อยหลับไป ในยามหลับน้องก็เล่าว่าฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นมาบอกกับน้องว่า เขาช่วยได้แค่นี้นะ เขายินดีด้วยที่ผ่านเรื่องนี้มาได้และก็ดีใจที่ได้กำจัดผู้ชายแบบนี้ออกไปจากชีวิตเธอ คำบอกกล่าวจากผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ต้องการจะสื่อว่าตนได้มาช่วยน้องแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้น้องต้องมาเผชิญปัญหาเดียวกับเขา ต้องมาโดนทำร้ายและเสียชีวีตไปเหมือนกับเขา เช้ามาน้องจึงได้ทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่หญิงสาวคนนั้นเป็นการขอบคุณที่ช่วยให้น้องหลุดพ้นจากผู้ชายพรรค์นั้นและขอบคุณที่ทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนน้ำก็ได้มาเฉลยว่าจริง ๆ เธอเป็นน้องสาวของผู้หญิงที่อยู่ห้อง 404 และการมาอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ก็เป็นเพราะพี่สาวถูกฆ่าตาย สุดท้ายอาถรรพ์เลขห้อง 404 ก็ได้เปลี่ยนชีวิตของน้องไป จากความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นการขอบคุณ ความหวังดีจากคนที่ไม่รู้จักที่ถึงแม้ในตอนนี้จะไม่ได้มีลมหายใจอยู่แล้วก็ยังรู้สึกขอบคุณ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเป้ ‘ห้องนี้ห้ามเข้า’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ขวัญ อุษามณี [ 8 ต.ค. 2567]

12 ต.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเป้ ‘ห้องนี้ห้ามเข้า’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ขวัญ อุษามณี [ 8 ต.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง X (8 ตุลาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘คุณเป้‘ ที่ได้มาเล่าเรื่อง ’ห้องนี้ห้ามเข้า’ ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ และแฟนรายการฟัง ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นภายในบ้านที่ต่างประเทศ ทนไม่ไหวจนต้องย้ายออกจากบ้านทันที! เรื่องราวจะเป็นยังไง จะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณเป้เล่าว่าเป็นเรื่องของน้องที่ต่างประเทศคนหนึ่ง เขาชื่อ ‘อิงอิง’ เป็นคนจีนที่สอนหนังสือชั้นอนุบาลในสิงค์โปร์ ในตอนนั้นคุณอิงอิงกำลังหาที่พักใหม่เนื่องจากที่เดิมไกลจากโรงเรียนมาก ต้องใช้เวลาในการเดินทางไปโรงเรียน 3-4 ชั่วโมง จนได้ไปเจอป้ายติดประกาศตามกำแพงจึงตัดสินใจโทรไป มีคุณลุงแก่ ๆ รับสาย ก็ได้เจรจาพูดคุยกันเกี่ยวกับที่พักเเล้วก็ได้นัดเจอกัน ต่อมาเมื่อถึงเวลาที่นัดประมาณ 6 โมงครึ่ง คุณลุงก็นั่งรออยู่ตรงทางเข้า ลักษณะภายนอกของคุณลุงดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่คุณลุงก็ได้พาคุณอิงอิงเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนไปเจอบ้านชั้นเดี่ยวหลังหนึ่ง เมื่อเดินสำรวจรอบบ้านเเล้วคุณอิงอิงก็ถูกใจบ้านหลังนี้ การเดินทางไปโรงเรียนก็สะดวกเเละไวกว่าที่เก่า คุณลุงเห็นว่าคุณอิงอิงชอบจึงได้พูดคุยเเละบอกกฎของบ้านว่า “ห้องนี้มี 2 ห้องนอนนะ ทางขวามือเป็นห้องเก่าของลุงเอง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่เเล้ว ใครมาถามหาลุงก็บอกไปนะว่าลุงไม่อยู่ ห้ามพาใครมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เเละที่สำคัญคือห้องตรงนั้นที่เป็นห้องเก็บของ ห้ามเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเข้าไปในห้องนี้ ถ้าลุงรู้ไล่ออกจากบ้านทันที ยกเลิกทุกอย่าง ค่าน้ำค่าไฟหนูจ่ายเเค่ค่าน้ำอย่างเดียวนะ ค่าไฟลุงจ่ายเองทั้งหมด“ เมื่อได้ยินดังนั้น คุณอิงอิงก็รู้สึกแปลก ๆ เเต่คุณลุงบอกราคาเช่าที่ถูกมาก ทำเอาตนลบความแปลกนั้นออกไปจากสมองทันที จึงตัดสินใจที่จะเช่าบ้านหลังนี้ เเล้วก็ได้ย้ายของเข้ามาทันที ไม่นานหลังจากนั้น ก็ย้ายของเข้ามา ด้วยความเพลียจากการที่ตนจัดห้องจึงทำให้เผลอหลับไปในช่วงค่ำ ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้อง! เเล้วเสียงก็เงียบไป.. วันต่อมา คุณอิงอิงกลับมาจากโรงเรียนก็ทำธุระส่วนตัวเเล้วก็เข้านอน ในช่วงกลางดึกก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิมเเต่รอบนี้มีเสียงทุบประตูด้วย! ปึ้งง ปึ้งงง! เเละตนก็ได้ยินว่า “พอแล้วว ไม่ทำแล้ว” เเล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ณ ตอนนั้นเองคุณอิงอิงก็คิดว่าอาจจะเป็นเสียงข้างบ้านทะเลาะกัน จนผ่านไปเรื่อย ๆ เหตุการณ์ในบ้านก็เริ่มหนักขึ้น จนตนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันแปลก.. คืนหนึ่งในขณะที่ตนนอนอยู่ ก็รู้สึกว่าหนาวผิดปกติจึงจะลุกไปปิดหน้าต่างเเละประตู เมื่อหันไปดูที่หน้าต่างปรากฎว่าหน้าต่างปิดอยู่ จึงลุกไปปิดประตู เเต่ในขณะที่กำลังจะปิดก็มีไอเย็นบางอย่างที่อยู่ภายในบ้านตามพื้น ตนสัมผัสได้จากเท้าเปล่าเเละสงสัยว่ามาจากไหน จึงเดิมตามไอเย็นนั้นไป ปรากฎว่าไอเย็นนั้นที่ตนสัมผัสได้มันมาจากห้องเก็บของ! เเต่ห้องมันล็อคไว้อยู่เเล้วคุณลุงก็สั่งห้ามเข้า ตนไม่อยากยุ่งเพราะกลัวว่าจะโดนไล่ออกจากบ้าน จนเวลาผ่านไป.. ในคืนหนึ่ง คุณอิงอิงก็รู้สึกว่ามีเสียง กึ๊กกึก แกกแกกก! ดังอยู่ข้าง ๆ หู จึงลืมตาเเล้วปรากฎว่า กลายเป็นมือของตัวเองที่กำลังหมุนลูกบิดประห้องเก็บของ! ตนตกใจมากเพราะกำลังนอนอยู่เเล้วฝันละเมอมาห้องนี้ เเต่ในขณะนั้นก็มีเสียงร้องไห้สะอื้นมาจากห้องนี้! จนทำให้เริ่มรู้สึกกลัวเเละก็ได้กลับไปทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งเเต่คืนแรกที่เจอภายในบ้าน จนทำให้ตนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันต้องมีอะไรเเน่นอน ในเช้าวันถัดมา คุณอิงอิงก็ได้เล่าเรื่องสิ่งที่เจอในบ้านหลังนี้ให้เพื่อนที่โรงเรียนฟัง เเต่กลับโดนเพื่อนบอกว่า “มึงฝันละเมอไปเองรึเปล่า?” ตนก็รู้สึกว่าไม่น่ามาเล่าให้เพื่อนฟัง เเต่ก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องนี้เเละสัมผัสได้ว่าเรื่องที่คุณอิงอิงเล่าเป็นเรื่องจริง จึงได้เเอบเอาสร้อยประคำ 1 เส้นให้ คุณอิงอิงจึงรู้สึกสบายใจที่ได้สร้อยประคำเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เเล้วตนก็ได้บอกว่า “ถ้าคืนนี้มันมีเหตุการณ์เเบบนี้อีกนะ ไม่เอาเเล้ว” จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลาก วางอยู่ใกล้ตัวเพื่อที่จะได้สามารถย้ายออกทันที เเละตนก็ได้หลับไป.. แล้วในคืนนั้น ตนก็สะดุ้งตื่นกลางดึกเหมือนเดิม เพราะรู้สึกว่าเหมือนใครกำลังคร่อมตนอยู่! เเต่มองไม่เห็นเพราะในห้องมันมืด เเล้วก็มีเสียงเหมือนมีดที่กำลังกรีดตามผนังห้อง! สักพักเสียงนั้นก็หยุดไปเเต่กลับมาแทงบนเตียงนอน เเทงนับไม่ถ้วน! เเล้วก็มีเสียงเข้ามาในห้องว่า “หยุด พอได้เเล้ว ชั้นผิดไปแล้ว ชั้นขอโทษ” ในตอนนั้นคุณอิงอิงตกใจก็กรี๊ดสุดเสียงเพราะกลัว เมื่อได้โอกาสตนจึงคว้ากระเป๋าเเล้วรีบวิ่งออกจากห้องนั้นทันที เเต่ในขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน สายตาของตนเห็นสร้อยประคำที่เพื่อนให้ไว้ เเขวนอยู่ตรงหน้าประตู! ตนรู้สึกว่าสร้อยนั้นเป็นของสำคัญจึงรีบไปเอาสร้อยนั้น เเล้วในขณะที่กำลังจะคว้าก็มีรอยแกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาจีนว่า ช่วยด้วย! นาทีนั้นตนคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะช่วยใคร จึงรีบคว้าสร้อยนั้นเเล้ววิ่งออกไปจากบ้าน ในตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 4 กว่า จึงได้ไปนั่งอยู่ตามร้านขายของข้างทางจนเช้า เเล้วได้นั่งรถไปที่โรงเรียน เมื่อถึงโรงเรียนก็รีบโทรหาคุณลุงทันที ในใจตนคิดว่าจะย้ายออกจาก ไม่อยู่เเล้วบ้านหลังนี้ สักพักหนึ่งคุณลุงก็รับสายเเล้วพูดว่า “เออ โอเคตกลง” ทั้ง ๆ ที่คุณอิงอิงยังไม่ได้พูดอะไรเลย เหมือนรู้ว่ากำลังจะพูดอะไร ตนจึงเอาของไปเก็บเเละย้ายพักอยู่กับเพื่อนชั่วคราว ผ่านไปประมาณ 1 เดือน ขณะที่กำลังดื่มกาแฟกับเพื่อนอยู่ในตอนเช้า คุณอิงอิงก็เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งอยู่ตรงปกหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนกำลังอ่าน ตนรู้สึกแปลกใจเพราะคุ้นผู้ชายคนนี้มาก ๆ จึงขอยืมหนังสือพิมพ์เพื่อนมา เเล้วคลี่อ่าน เมื่อตนเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก็ช็อค! ตกใจมาก เพราะเขาคือคุณลุงเจ้าของบ้านที่ตนไปเช่า ข่าวในหนังสือพิมพ์เขาเขียนว่า “เจ้าของบ้านถูกจับข้อหาฆาตกรรมภรรยาตัวเองภายในบ้าน! สาเหตุเกิดจากการหึงหวงภรรยาทะเลาะกันเรื่องชู้สาว ครอบครัวผู้หญิงมีการติดต่อมาอยู่เรื่อย ๆ เเต่ไม่มีการตอบกลับ จึงได้เเจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ไปตรวจสอบที่บ้านหลังนี้เเล้วก็ได้พบศพอยู่ในตู้เเช่เย็นภายในห้องเก็บของ! สภาพศพตามร่างกายถูกเเทงพรุนทั้งตัว! ตามใบหน้าถูกกรีดจนจำใบหน้าไม่ได้!” เมื่อคุณอิงอิงอ่านข่าวจบก็ถึงกับช็อค! เพราะไม่คิดว่าตนจะนอนอยู่กับศพเป็นเวลา 1 สัปดาห์เเละก็หายสงสัยเรื่องค่าไฟที่คุณลุงบอกว่าจะจ่ายเอง เป็นเพราะว่าเขาเปิดตู้เเช่เย็นตลอดเพื่อแช่ศพภรรยาตัวเองไว้นั่นเอง!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

20 ม.ค. 2025

เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง x’ (14 มกราคม 2568) พบกับ ‘มิ้ม รัตนวดี’ ที่ได้นำเรื่องเล่า ‘กุมารของยาย’ มาเล่าให้ฟัง เป็นเหตุการณ์ที่แม่อยู่บ้านกับคุณยาย คืนหนึ่ง มีเสียงเคาะประตู จึงเปิดประตูออกไปดูปรากฎว่าไม่เจอใคร! เรื่องนี้ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังแล้วต้องอึ้ง! ใครเคาะประตูเรียกเวลานี้? ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณมิ้มได้เล่าว่า ตนได้ฟังเรื่องเล่านี้มาจากคุณแม่ ในตอนนั้นคุณยายไม่สบาย คุณแม่จึงต้องกลับไปที่บ้านหลังเก่าเพื่อดูแลคุณยาย คืนหนึ่ง คุณยายนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงในห้องปกติ เวลาประมาณตี 3-4 อยู่ ๆ คุณแม่ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ตอนแรกคุณแม่ไม่ได้คิดอะไร แต่สักพักเสียงเคาะประตูก็กลับมาอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ดังขึ้นกว่าครั้งแรก คุณแม่จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปดู แต่ปรากฏว่าไม่เจอใคร คุณแม่คิดว่าจะอาจจะเป็นคุณยายมาเรียก ด้วยความเป็นเด็กคุณแม่จึงพูดไปว่า “โอ๊ยมาเคาะอะไรเนี่ย จะนอน” หลังจากนั้น คุณแม่ก็เดินเข้าไปที่ห้องคุณยาย แต่ก็ไม่เจอคุณยาย คุณแม่จึงตามหาว่าคุณยายอยู่ไหน ปรากฎว่าเจอคุณยายล้มอยู่ในห้องน้ำ! คุณแม่ลองนึกย้อนดูก็คิดว่า หรือเสียงเคาะประตูที่ได้ยินนั้น จะเป็นเสียงของกุมารทองที่คุณยายเลี้ยงไว้ เขามาเรียกให้ไปช่วยคุณยาย จากนั้นคุณแม่ก็รีบเรียกรถพยาบาลทันที (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1