เรื่องเล่าจากคุณแอน 'มึงอย่าทิ้งกูเหมือนมันนะ' l อังคารคลุมโปง X The Rube [ 27 พ.ค.2568 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณแอน 'มึงอย่าทิ้งกูเหมือนมันนะ' l อังคารคลุมโปง X The Rube [ 27 พ.ค.2568 ]

31 พ.ค. 2025

        คือเรื่องราวสุดสะเทือนใจ ที่วิญญาณเพื่อนสนิท ตามหลอกหลอนจนต้องหนีไปบวช! ‘คุณแอน’ ได้เล่าเรื่องของ ‘พี่บอล’ ที่ฝันเหมือนเป็นลางร้าย สู่การเสียชีวิตของเพื่อนสนิทจากการอุบัติเหตุ เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไรอย่างไร สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 พฤษภาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘มึงอย่าทิ้งกูเหมือนมันนะ’

        คุณแอนได้เล่าว่าในตอนนั้นพี่บอลอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ พี่บอลมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ ‘พี่ต้า’ ที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ช่วงเช้ามืดวันหนึ่ง พี่บอลฝันว่าคุณตามาเข้าฝัน ในฝันคุณตาค่อนข้างดุ ทำให้พี่บอลไม่สบายใจ จึงตัดสินใจโทรหาคุณแม่ พร้อมเล่าเรื่องความฝันให้ฟัง คุณแม่บอกว่า

        “แม่ก็ฝันไม่ค่อยดีเหมือนกัน”

        และบอกให้พี่บอลระวังเรื่องการขับรถและดื่มของมึนเมา พอมาถึงช่วงกลางคืนในวันนั้น พี่ต้าโทรมาบอกว่าอกหักและชวนพี่บอลไปดื่มเป็นเพื่อน พี่บอลปฏิเสธไป แต่พี่ต้าก็เซ้าซี้ให้พี่บอลไปพร้อมทำเสียงเศร้า ๆ ด้วยความเห็นใจ พี่บอลจึงตอบตกลง แต่ให้พี่ต้าเป็นคนมารับแทน เพราะพี่บอลไม่อยากขับรถ

        เมื่อดื่มเสร็จ พี่ต้าก็เป็นคนขับรถมาส่งพี่บอล ระหว่างทางก่อนถึงห้องพี่บอล พี่ต้าเริ่มร้องไห้ระบายเรื่องที่ตัวเองอกหัก พร้อมกับพร่ำบอกว่า “มึงอย่าทิ้งกูเหมือนมันนะ”

        พอสิ้นสุดคำนั้น อยู่ ๆ ก็มีรถสิบล้อสาดไฟเข้ามาแล้วชนกับรถของพี่ต้า ทำให้ทั้งคู่ล้มลงข้างทาง พี่บอลกระดูกนิ้วก้อยเท้าหัก หัวแตก และมีแผลถลอกตามร่างกาย เมื่อได้สติก็พยายามหาพี่ต้าแล้วพบว่า เพื่อนกำลังนอนอยู่ข้างป่าจึงพยายามเรียกให้ตื่น ในตอนนั้นร่างกายพี่ต้าไม่ตอบสนองแล้ว พี่บอลกลัวว่าเพื่อนจะเป็นอะไรไป จึงช้อนคอพี่ต้ามาวางไว้ที่ตักตัวเอง แต่ระหว่างนั้นหัวพี่ต้าก็ร่วงลงจากแขนพี่บอล ลักษณะกำลังจะขาดออกจากคอ ด้วยความตกใจจนเสียสติ พี่บอลจึงขึ้นไปปีนเสาไฟฟ้าแล้วตะโกนเสียงดังเรียกให้คนมาช่วย

        ในระหว่างนั้นก็มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจ สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาถึงบริเวณสถานที่เกิดเหตุ สาเหตุการเสียชีวิตคือร่างพี่ต้าได้กระเด็นออกไปอย่างแรงทำให้คอไปเกี่ยวกับลวดหนามจนคอขาด แต่ตอนเกิดเหตุนั้นพี่บอลกลับไม่เห็นลวดหนามอยู่เลย

        หลังจากวันนั้น ญาติของพี่ต้าก็ได้ทำพิธีตามความเชื่อทางศาสนาพร้อมตั้งศพไว้ 3 คืนก่อนจะเผา ใน 2 คืนแรกพี่บอลไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากตัวเองก็ยังบาดเจ็บอยู่พอสมควร จนเข้าคืนที่ 3 เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ระหว่างที่พี่บอลกำลังนอนอยู่ในห้องก็มีคนมาเคาะประตู เมื่อมองไปใต้ช่องประตูก็เห็นเท้าคน จึงคิดว่าเป็นแฟนที่มาเยี่ยม พอเปิดประตูออกไปก็ไม่เจอใคร สักพักก็เริ่มได้กลิ่นธูป นั่นทำให้พี่บอลคิดว่าวิญญาณพี่ต้าน่าจะมาหา จึงพูดออกไปว่า

        “กูเจ็บเหมือนกันเลยไม่ได้ไปฟังสวด แต่พรุ่งนี้กูจะไปส่งมึงนะ”

        หลังจากนั้นกลิ่นธูปก็หายไป พี่บอลได้กินยาแล้วนอนหลับไป ระหว่างหลับก็ฝัน ในความฝันเห็นพี่ต้าหัวห้อยแล้ววิ่งตามพี่บอลพร้อมบอกให้ไปอยู่ด้วย

        “มึงไปอยู่กับกูนะ มึงอย่าทิ้งกูเหมือนมันนะ”

        พูดอย่างนั้นซ้ำ ๆ จนมีคนเปิดประตูเข้ามา เป็นแฟนพี่บอลเองที่มาเยี่ยม เมื่อเล่าเรื่องที่ฝันให้แฟนฟัง ระหว่างที่เล่าก็ได้กลิ่นธูปตลอด แต่แฟนพี่บอลกลับไม่ได้กลิ่น จึงตะโกนบอกวิญญาณเพื่อนตัวเองว่า

        “กูจะไปส่งมึง แต่กูไม่ไปกับมึงนะ”

        ในวันเผา พี่บอลก็ได้ไปส่งพี่ต้า แต่ทุกคืนก็ยังฝันถึงพี่ต้าเหมือนเดิมซ้ำ ๆ ด้วยความกลัวว่าพี่ต้าจะมาเอาชีวิตไปจริง ๆ จึงตัดสินใจไปบวชให้พี่ต้า พอบวชได้ประมาณ 7 วัน ในวันสุดท้ายก็ฝันว่าพี่ต้ามาลา แล้วหลังจากนั้นพี่บอลก็ไม่ฝันถึงพี่ต้าอีกเลย

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ' ผีสาว Translate ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

16 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ' ผีสาว Translate ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 พฤศจิกายน 2567) ที่ผ่านมา มีเรื่องเล่าเรื่องหลอนของ ‘คุณหนองน้ำ’ ที่โทรเข้ามาเล่าเรื่องที่ทั้งแปลกทั้งหลอนของผีญี่ปุ่น จน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม ขนลุกซู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย! คุณหนองน้ำบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่เมืองแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ได้พักอยู่ย่านที่คนเอเชียมักจะเลือกพักอาศัยอยู่กัน ทั้งหมด 7 วัน และได้เจอเรื่องแปลก ๆ ตลอดระยะเวลาที่พักอยู่ที่นั่น คุณหนองน้ำไปถึงที่พักประมาณ 4 โมงเย็น เขาก็ได้ทำการเช็คอินเข้าที่พักตามปกติ แต่พอเข้าที่พักไปกลับรู้สึกถึงความแปลก ๆ ของที่พักแห่งนี้ ห้องพักนั้นอยู่ชั้น 2 บรรยากาศภายในตึกเงียบสงบมาก คุณหนองน้ำมองไปที่ตู้จดหมายที่เป็นล็อกเกอร์ของแต่ละห้องก็พบว่ามีจดหมายล้นทะลักเหมือนกับไม่เคยถูกเปิดมาก่อน จึงเอะใจขึ้นมาว่า ‘มันเงียบเหรอวะ หรือว่ามันไม่มีคนอยู่’ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ จากนั้นก็เดินเข้าห้องพักตามปกติ ในตอนที่คุณหนองน้ำเปิดประตูเข้าห้องพักไปก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันทั้งเศร้า ทั้งหดหู่ และอึดอัด มันทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ จนรู้สึกว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ ๆ พอปิดประตูห้องก็เจอกับฮวงจุ้ยผี เช่น ประตูห้อง เตียงนอน ทุกอย่างตรงกับประตูทางออก คุณหนองน้ำอยู่ในห้องได้สักพัก จู่ ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องก็มีปัญหา ตัดสินใจแจ้งกับเจ้าของตึก แต่พยายามติดต่อเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ คิดว่าเป็นที่ระบบ จึงแจ้งกับทางระบบไปว่า “ถ้าเราอยากจะย้ายที่พัก พอเป็นไปได้ไหมที่จะหาที่พักในเวลานี้” ทางระบบก็บอกว่า “โอเค เดี๋ยวทางเราจะไปเช็คให้” แต่ระหว่างที่นั่งรอ คุณหนองน้ำได้พูดเล่น ๆ กับแฟนว่า “ที่นี่มีผี แต่ผีที่นี่น่าจะพูดไทยไม่ได้ เราก็ฟังญี่ปุ่นไม่ออก” หลังจากที่ติดต่อเจ้าของตึกได้ก็มีเจ้าหน้าที่มาที่ห้องเพื่อแก้ไขปัญหาให้ สุดท้ายคุณหนองน้ำก็ต้องอยู่ที่พักนี้ต่อตลอด 7 วันคืนที่หนึ่ง ในคืนแรกยังไม่เจออะไร แต่จะมีเสียงมาจากชั้นบน (อาคารนี้เป็นอาคาร 3 ชั้น ห้องพักจะถูกแบ่งให้เหมือนเป็นอพาร์ทเม้นท์) ในทุกคืนที่ชั้น 3 จะมีเสียงดัง ตึงตัง! ตลอด แต่คุณหนองน้ำก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะลมพัดประตู เนื่องจากช่วงมีนาคมที่ญี่ปุ่นอากาศค่อนข้างเย็นและมีลมแรง จึงตัดสินใจที่จะออกไปดู แต่แฟนก็บอกว่า “ใจเย็นอย่าพึ่งออกไปดู ตึกคงมีปัญหา เดี๋ยวพรุ่งนี้กลางวันค่อยออกไปดู” คุณหนองน้ำเป็นคนที่เซนซิทีฟเรื่องเสียง จึงใส่ตัวอุปกรณ์กันเสียงแล้วหลับไปคืนที่สอง หลังจากไปเที่ยวกันมาทั้งวัน ก็กลับมานอนช่วงดึก คุณหนองน้ำเลือกที่จะนอนเตียงที่ปลายเท้าชนประตูและชนกับประตูทางออก ขณะที่กำลังเคลิ้มกลับก็เริ่มรู้สึกเหมือนเห็นเงาดำอยู่ที่ปลายเท้า ตอนนั้นตนคิดว่าตาอาจจะไม่ได้โฟกัส แต่เงาก็เริ่มชัดขึ้น เป็นเงาดำที่อยู่ในความมืด ลักษณะเหมือนคนแต่มาในรูปแบบที่จับต้องไม่ได้ ลักษณะเป็นเหมือนคนยืน ผมสยาย เสื้อผ้าสยาย ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะไม่เห็นหน้า แต่คุณหนองน้ำเห็นว่าเขาขยับลอยเข้ามาใกล้ ๆ จากประสบการณ์คุณหนองน้ำจึงตัดสินใจพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันตัวเข้ากำแพงแล้วก็ได้หลับไปวันที่สาม รุ่งเช้า คุณหนองน้ำเปิดประตูออกจากห้อง ก็เจอกับทีมงานกองถ่ายยืนอยู่เต็มหน้าห้องที่กำลังถ่ายอะไรบางอย่างอยู่ ตนรู้สึกเกรงใจและไม่อยากให้กล้องถ่ายติดตัวเอง จึงรีบเดินออกจากตรงนั้น เมื่อเดินลงมาข้างล่างก็ต้องตกใจ เพราะเจอผีที่กำลังถ่ายหนังอยู่! (คนแต่งตัวเป็นผีเพื่อถ่ายหนัง) แต่คุณหนองน้ำรู้สึกว่าสายตาของทีมงานมองที่ตนมันแปลกมาก และก็ยังสงสัยอยู่ในใจว่า ‘เหมือนที่ตึกแห่งนี้ไม่มีคนอยู่ และตลอด 3 วันที่อยู่มา ก็ไม่มีคนเดินเข้าออก’ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ และออกไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้ เมื่อกลับมาจากออกไปเที่ยว ในคืนนั้นเอง คุณหนองน้ำเริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่จะนอนตอนกลางคืนแต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปรากฏว่าคืนนั้นช่วงเวลาประมาณ ตี 3 คุณหนองน้ำตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ก็เห็นว่าประตูห้องปิดไม่สนิท แต่สิ่งที่ตาโฟกัสเมื่อตื่นขึ้นมาคือ มีเงาสีดำเหมือนคนยืนหันหลังอยู่ที่ประตู คุณหนองน้ำคิดในใจว่าเป็นเพื่อนของแฟนที่ยังไม่นอน พอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เงาดำกลับหายวับไปกับตา! คุณหนองน้ำจึงรีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันที แล้วคิดในใจว่า ‘เราเจอเขาคนนี้อีกแล้วนะ’ หลังจากนั้นคืนที่ 4 และคืนที่ 5 ไม่เจออะไร จนมาถึงคืนที่ 6 คุณหนองน้ำกำลังนั่งเก็บกระเป๋าเพื่อกลับวันที่ 7 แต่อยู่ ๆ คุณหนองน้ำก็ได้กลิ่นไหม้จึงพยายามหาแต่ก็ไม่รู้ว่ากลิ่นมาจากไหน สักพักกลิ่นที่เหม็นเหมือนของย่างของไหม้ก็หายไป จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันสุดท้ายที่จะกลับ คุณหนองน้ำและครอบครัวกำลังนั่งรถไฟเพื่อไปที่สนามบิน ด้วยความที่คุณหนองน้ำกับแฟนนั่งแยกกัน คุณหนองน้ำจึงทักไปหาแฟนว่า “ที่นี่มีผีนะ” แฟนก็ตอบกลับมาว่า “ใช่! ที่นี่มันมีผี” พอถึงสนามบิน คุณหนองน้ำกับแฟนได้นั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งที่น่าแปลกคือ แฟนของคุณหนองน้ำเจอตั้งแต่คืนที่สองถึงคืนสุดท้ายก่อนกลับ แต่เลือกที่จะไม่บอกใคร เนื่องจากว่ายังต้องพักอยู่ห้องนี้อีกหลายวัน แฟนคุณหนองน้ำบอกว่าคิดว่าเรื่องที่เจอเป็นแค่ความฝัน เนื่องจากแฟนคุณหนองน้ำเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องลี้ลับ และเล่าเหตุการณ์ว่า ตนนั้นฝันทุกคืน ตั้งแต่คืนที่สอง ฝันว่าในห้องพักมีผู้หญิงคนหนึ่ง ลักษณะคล้ายผีจูออน ชุดขาว ผมยาวไม่เห็นใบหน้า มานั่งอยู่ปลายเตียงพูดว่า “มาอยู่ที่นี่ทำไม ที่นี่มันมีผี” พอพูดเสร็จ ผู้หญิงคนนี้ก็ยืดตัวยาวขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็หายไปในความฝัน แฟนคุณหนองน้ำคิดว่ามันก็เป็นแค่ความฝันจึงไม่คิดอะไรมาก จนมาถึงวันที่สาม ครั้งนี้แฟนคุณหนองน้ำเจอตอนกลางวันช่วงประมาณบ่ายสาม ในตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงเตียงที่คุณหนองน้ำนอนแล้วก็เผลองีบหลับไป จากนั้นก็รู้สึกว่ามีผีผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ เหมือนกับถูกผีอำ เพราะขยับตัวไม่ได้ นอกจากนี้ ผีผู้หญิงคนนั้นก็พูดอีกว่า “มาอยู่ที่นี่ทำไม ไปกันได้แล้ว ที่นี่มันมีผี” ทุกครั้งที่พูดมักจะย้ำคำเดิมตลอดว่า “ที่นี่มันมีผี” พูดเสร็จผีสาวก็หายไป เป็นแบบเดิมตลอดในทุกวัน จนสุดท้ายคุณหนองน้ำอยากรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไร จึงเข้าเว็บไซต์หนึ่งของญี่ปุ่นที่สามารถเช็คได้ว่าที่นี่เคยเกิดเหตุการณ์อะไร ซึ่งจะมีการอัพเดตไว้ตลอดภายในเว็บไซต์ พอพิมพ์ตำแหน่งเข้าไปใน Google ปรากฏว่าที่พักที่เขาพักมีลูกไฟขึ้น! (แปลว่าอาจมีผี) และด้วยความเว็บไซต์เป็นภาษาญี่ปุ่น คุณหนองน้ำจึงส่งให้เพื่อนช่วยแปลให้ จากนั้นเพื่อนก็ตอบกลับมาว่า ที่นี่เมื่อปี 2007 เคยเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้มีผู้หญิงถูกไฟคลอกเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ คุณหนองน้ำบอกว่าวันก่อนจะกลับเขาได้ไปเดินรอบอาคาร ลักษณะของตึกเป็นอพาร์ทเมนต์แต่เหมือนตึกนี้เคยเป็นโรงงานมาก่อน เนื่องจากห้องพักประตูเป็นเหล็ก มีประตูซี่ลวดลูกกรงอยู่ข้างใน คุณหนองน้ำจึงคิดว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้มีคนเสียชีวิตอยู่ที่นี่ คุณหนองน้ำตัดสินใจบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางเว็บไซต์จองที่พักแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับอะไรมาอีก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงกระซิบว่า “ช่วยด้วย..” ไม่กี่วันคนร้ายมอบตัว เพราะลุงมาบอกว่าจะเอาชีวิต!

13 มี.ค. 2023

ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงกระซิบว่า “ช่วยด้วย..” ไม่กี่วันคนร้ายมอบตัว เพราะลุงมาบอกว่าจะเอาชีวิต!

(WARNING : เนื้อหานี้มีความรุนแรง, การทำร้ายร่างกาย และเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน) เรื่องราวฆาตกรรมสุดโหดที่เกิดขึ้นนี้คือประสบการณ์หลอนที่ “คุณบี” ได้พบเจอกับตัวเอง และได้โทร.เข้ามาเล่าในรายการ “อังคารคลุมโปง X” (7 มีนาคม 2566) ที่ผ่านมา เป็นเรื่องของ “ลุงแถวบ้าน” ที่เสียชีวิตด้วยเหตุฆาตกรรมสุดโหดโชกไปด้วยเลือด..! คุณบีเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว คุณลุงแถวบ้านท่านนี้ ทำอาชีพดักจับหนู โดยปกติเมื่อตกเย็นก็มักจะล้อมวงสังสรรค์กับคนละแวกนั้นอยู่เสมอ คืนหนึ่งในวงสังสรรค์นั้น ก็มี “คู่อริเก่า” นั่งรวมอยู่ด้วย เรื่องของเรื่องก็คือคุณลุงท่านนี้เคยไปต่อว่าแม่ของคู่อริเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พอน้ำเมาเริ่มทำงาน การสังสรรค์ก็เริ่มจะสังเสีย ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ทันใดนั้นฝ่ายคู่อริก็กลับบ้าน เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า คุณลุงคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วก็เลยจะออกไปดักหนูตอนกลางคืนตามปกติ จึงปั่นจักรยานออกไปห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร ไม่นานนัก ก็เจอเข้ากับคนร้ายดักฟันเข้าไปที่คอจากด้านหลัง! เท่านั้นยังไม่พอ คนร้ายยังจับเงยหน้าแล้วฟันที่คอ จนคอเกือบขาด! เหลือแค่ตรงกระดูกเพียงนิดเดียวเท่านั้น.. เช้าวันต่อมา เวลาประมาณตี 4 คนแถวนั้นที่ออกไปทำงานแต่เช้าก็พบศพของคุณลุงและรีบโทรแจ้งตำรวจ สภาพที่เกิดเหตุจะเห็นคราบเลือดเป็นวงกลม แสดงให้เห็นว่าก่อนสิ้นลม คุณลุงเจ็บปวดและทรมานเพียงใด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็ได้สอบถามคนละแวกใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่เจอบุคคลน่าสงสัย แต่ทางด้านตำรวจก็ยังคงทำหน้าที่สืบคดีอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปไม่กี่วัน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอยู่นั้น ทางด้านคุณบีเอง ก็ได้ขับรถมาที่บ้านแฟนซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่หลังจากที่เกิดเหตุ คุณบีเล่าว่า “หนูขี่ไป แล้วเห็นผู้ชายคนนึง ลักษณะคือผมขาวแต่ไม่ทั้งหัวนะคะ ใส่เสื้อสีเหลือง ใส่กางเกงขาม้า แล้วก็..ยืนยิ้มอยู่ตรงต้นขนุน” คุณบีบอกว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็เลยขับรถผ่านแล้วเข้าบ้านแฟนไป และเล่าให้แฟนฟังว่า “เนี่ย เห็นเขายืนยิ้มอยู่ ทำไมเขาไม่เข้าบ้าน มันดึกแล้วนะ” ทั้งสองคนไม่ได้คิดอะไร และปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป.. วันถัดมา คุณบีก็ขับรถมาทางเดิมอีกครั้ง รอบนี้คุณบีได้ยินชาวบ้านคุยกันถึงเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น คุณบีที่อยากรู้จึงเข้าไปร่วมวงสนทนา และขอดูรูป พอเห็นรูปคุณบีถึงกับตกใจ! เธอบอกว่าคนในรูปคือคนเดียวกับที่เห็น! พอเล่าให้คนในครอบครัวของแฟนฟัง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ คุณบีจึงเงียบไป 2 วันถัดมา คุณบีขับรถมาทางเดิมอีกครั้ง แต่รอบนี้มีเพื่อนมาด้วยหนึ่งคน ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน พอขับผ่านบ้านของคุณลุงที่เสียชีวิตไปประมาณ 3-400 เมตร เพื่อนของคุณบีก็สะกิดบอกคุณบีว่า “มึง.. ลุงเขาบอกให้ช่วย” คุณบีเล่าเสริมอีกว่าอยู่ ๆ เพื่อนก็พูดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คุยอะไรกัน และไม่มีเสียงอะไรด้วย! เพื่อนคุณบีบอกว่า “ลุงเขาบอกว่า ไปบอกลูกสาวเขาหน่อย ว่าคนคนเนี้ย เป็นคนฆ่า แล้วเขาหนีไปที่ไหน” คุณบีได้ยินดังนั้นก็ขนลุกไปทั้งแขน แล้วก็รีบพากันขับรถกลับบ้านทันที! ทั้งสองคนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้บอกใคร ผ่านไปไม่กี่วันคนร้ายก็เข้ามามอบตัวกับตำรวจ แล้วก็บอกว่า “อยู่ไม่ได้ ลุงเขาไปกวน ลุงเขาจะเอาชีวิตให้ได้เลย” ทางด้านลูกสาวของผู้เสียชีวิตก็ถามว่าทำไมต้องฆ่าคุณลุง คนร้ายก็บอกว่า โมโหที่คุณลุงเคยต่อว่าแม่ของเขาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งคนร้ายคนนั้นก็คือ “คู่อริ” ที่ทะเลาะกันในคืนนั้นนั่นเอง คุณบียังเล่าเสริมอีกว่า คนร้ายคนนั้นก็คือคนที่คุณลุงบอกกับเพื่อนของคุณบีจริง ๆ แล้วคุณบีก็พึ่งมารู้ทีหลังว่าวันที่เจอคุณลุงพร้อมกับเพื่อนนั้น คุณลุงเขาวิ่งตามรถจนเกือบไปถึงวัด ด้วยสภาพที่เหมือนกับวันที่ถูกฆาตกรรม! ในตอนนั้นเพื่อนคุณบียังบอกให้รีบขับเร็ว ๆ แต่คุณบีไม่คิดว่าจะมีอะไรจึงไม่ได้ใส่ใจ ดีเจเจ็มถามย้อนกลับไปในวันแรกที่คุณบีเห็นคุณลุงสวมเสื้อสีเหลือง ตอนนั้นคุณลุงยังอยู่ในสภาพปกติ คุณบีจึงบอกว่า “อาจจะตอนนั้นเขายังไม่รู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่จำหน้าคุณลุงได้ชัดเลย”ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณดาว ‘บนบาน’ l อังคารคลุมโปง X ตั้ม The Shock [ 22 ก.ค.2568 ]

04 ส.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณดาว ‘บนบาน’ l อังคารคลุมโปง X ตั้ม The Shock [ 22 ก.ค.2568 ]

‘คุณดาว’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องเกี่ยวของการไปบนบานกับศาลไม้เปล่าหลังหนึ่ง ที่ได้มีการขอโชคขอลาภแล้วดันลืมแก้บน จนทำให้ต้องเจอกับวิญญาณตามมาทวงสัญญา เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘บนบาน’ ที่ทำให้อาจทำให้คุณไม่กล้าบนบานศาลกล่าวอีกเลย.. คุณดาวได้เล่าว่า ทุกครั้งที่ไปนอนต่างที่ต่างถิ่นก็จะไหว้ศาลพระภูมิตลอด ไปนอนบ้านแฟนก็จะไหว้ตลอด แต่ไม่เคยสังเกตว่าในศาลนั้นไม่มีอะไรอยู่ข้างใน ขณะเดียวกัน ทางบ้านของแฟนชอบเก็บของเก่า เช่น เรือเก่า เกวียน ส่วนใหญ่ทำจากไม้ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นไม้อะไร หรือของแต่ละชิ้นมีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีศาลไม้เปล่าตั้งอยู่ที่บ้านด้วย วันหนึ่ง คุณดาวพูดกับศาลหลังนั้นว่า “ถ้าถูกหวยงวดนี้จะเอานางรำมาถวายให้” ไม่นานหลังจากนั้น คุณดาวก็โชคดีจริง ๆ ความดีใจล้นหลามจนลืมไปว่า ตนเองได้ ‘บนบาน’ กับศาลเอาไว้ กระทั่งได้ออกไปสังสรรค์กับที่ทำงาน และมีคนถามขึ้นมาว่า “วันนี้หวยออกนะ ซื้อยัง” นั่นทำให้คุณดาวนึกขึ้นได้ว่าได้บนเอาไว้ จึงคิดว่ากลับไปจะซื้อของถวาย ระหว่างที่สังสรรค์กัน ก็มีการเล่นไพ่เกิดขึ้น คุณดาวนึงเภาวนาในใจอีกครั้งว่า ‘ขอให้มีโชคลาภ จะได้ซื้อพวงมาลัยให้เพิ่ม’ แล้วคุณดาวก็สมหวังปรารถนา ไม่นาน วงสังสรรค์ก็เริ่มแยกย้าย แต่ก็มีบางส่วนที่อยากสนุกต่อ จึงชวนกันไปเล่นไพ่อีกห้อง แต่คุณดาวกลับหากระเป๋าสตางค์ไม่เจอ จึงโทรศัพท์ไปหาแฟน เพื่อขอให้แฟนไหว้ขอศาลให้เจอกระเป๋าสตางค์ เวลาผ่านไปจนกระทั่งเช้า คุณดาวตื่นมาก็พบว่ากระเป๋าสตางค์ไม่ได้หายไปไหน แต่วางอยู่ที่เดิมตลอด คุณดาวเดินทางกลับบ้าน และรีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ขณะนั้น หางตาก็สังเกตเห็นนางรำชุดสีเขียว หน้าขาว ปากแดง ยืนรำอยู่! ไม่นาน นางรำก็ขึ้นเตียงมาหา คุณดาวตกใจสะดุ้งตื่น ตั้งใจว่าจะรีบโทรหาแฟนเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้ง แฟนก็ไม่รับสาย จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังแว่วเข้ามาในหู คุณดาวคิดในใจว่า ‘เลิกงานพรุ่งนี้ หนูจะรีบถวายให้ ตอนนี้หนูเหนื่อย ขอพักก่อนนะคะ’ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นแฟนที่โทรกลับมานั่นเอง คุณดาวจึงรีบบอกให้แฟนจุดธูปบอกศาลอีกครั้ง จากนั้นวันรุ่งขึ้น ก็รีบไปแก้บนที่ศาลทันที หลังจากนั้น ก็ไม่มีเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกเกิดขึ้นกับคุณดาวอีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณหมิง ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’ I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [ 7 พ.ค. 2567]

11 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณหมิง ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’ I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [ 7 พ.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณหมิง’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤษภาคม 2567) ขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’ จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกัน! โดยคุณหมิงเริ่มเล่าว่า ย้อนกลับไปสมัยที่คุณหมิงยังเรียนอยู่ปี 1 คณะที่คุณหมิงกำลังศึกษาอยู่นั้น ได้เปิดสอนรายวิชาอนาโตมีหรือกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งต้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่ เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะต้องเอาความรู้ทั้งหมดไปสอบ ‘แล็บกริ๊ง’ หรือการสอบดูชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ เช่น กล้ามเนื้อ สมอง ลำไส้ และกระดูก โดยต้องแข่งกับเวลาที่จำกัด คุณหมิงจึงตัดสินใจอยู่ที่ห้องเรียนจนดึก เพื่อต้องการศึกษาด้วยตนเองนอกรอบ ภายในห้องเรียนนั้น จะพบกับร่างของอาจารย์ใหญ่ ซึ่งอาจารย์ใหญ่บางท่านที่ผ่านการดองมานาน หรือผ่านมือลูกศิษย์มาหลายคน ยิ่งเวลานานเข้า สภาพศพก็ยิ่งเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา อาจารย์ใหญ่บางท่านก็อาจจะถูกตัดชิ้นเนื้อบางส่วนออกไป หรือมีการเลาะเส้นเลือดออก เพื่อศึกษาอวัยวะ คุณหมิงใช้เวลาในห้องเรียนนี้มาถึงช่วงตีหนึ่งกว่า ความมืดทำให้การมองเห็นยากขึ้น คุณหมิงต้องใช้ความพยายามที่จะเพ่งดูเส้นเลือดขนาดเล็ก บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความกดดันและความเครียด คุณหมิงจึงเริ่มสติหลุด ด้วยความเหนื่อยจึงบ่นกับตัวเองว่า “โอ้ย ! อะไรเนี่ย… จะจำได้ไหม สอบไม่ได้แน่เลย” และยังปากพล่อยออกไปอีกว่า “ท่านคะ มาสอนหนูหน่อย หนูจำอะไรไม่ได้” ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยี คุณหมิงไม่สามารถใช้โทรศัพท์บันทึกภาพหรือวิดีโอได้ คุณหมิงทำได้เพียงจดจำทุกอย่างเท่าที่จะจำได้ จากนั้นไม่นาน คุณหมิงก็ตัดสินใจกลับหอพัก หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ คุณหมิงก็พร้อมนอน ระหว่างที่กำลังจะหลับสนิท คุณหมิงก็เห็นภาพในห้วงนิมิต เป็นภาพคล้ายร่างของอาจารย์ใหญ่ มายืนจ้องเขม็งสายตามองตรงมาที่คุณหมิง โดยร่างมีสภาพเปลือยเปล่าเหมือนศพ สักพักภาพก็ค่อย ๆ ใกล้ขึ้น เป็นภาพกล้ามเนื้อตรงหน้าอก ซึ่งอาจารย์ใหญ่ท่านก็กำลังยืนฉีกและแหวกหน้าอกของตนโชว์ต่อหน้าคุณหมิง! ท่านค่อย ๆ ฉีก ค่อย ๆ แหวก ทำให้หนังด้านนอกหลุดออก จนสามารถเห็นกล้ามเนื้อด้านในชัดเจนมากขึ้น ซึ่งภาพตรงเข้ามาหาคุณหมิงเรื่อย ๆ! ความรู้สึกของคุณหมิงตอนนั้น คือ ช็อคจนทำอะไรไม่ถูก ตกใจสุดขีด แต่จะร้องก็ร้องไม่ออก กลัวจนตัวสั่น คุณหมิงจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง ลงมานั่งยกมือไหว้ พูดขอขมาซ้ำไปซ้ำมาว่า “หนูขอโทษ ไม่ต้องมาสอนหนูแล้ว หนูรับไม่ไหว… หนูขอโทษค่ะ” หลังจากนั้นไม่นานภาพก็หายไป แล้วคุณหมิงก็ไม่เห็นภาพอาจารย์ใหญ่อีกเลย ซึ่งพอคุณหมิงดึงสติกลับมาได้ จึงมานั่งคิดว่า “ถ้าหากตนทนต่อตอนนั้น มีหวังอาจารย์ใหญ่ก็คงจะสอนต่อจนหมดทั้งร่างแน่นอน”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1