เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘ห้องหมายเลข 4’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘ห้องหมายเลข 4’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

25 พ.ค. 2024

       รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ สัปดาห์นี้ (21 พฤษภาคม 2567) ‘คุณนิว’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ ฟังจนขนหัวลุกกับเรื่องที่มีชื่อว่า ห้องหมายเลข 4’ จะชวนหลอนจนขนหัวลุกขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย !

       เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณนิว (นามสมมติ) โดยคุณนิวเริ่มเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งคุณนิวได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า ‘ก่อนอายุ 30 จะต้องนั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่คนเดียวให้ได้’ ในตอนนั้นเอง คุณนิวมีอายุ 29 ปีพอดี คุณนิวจึงรู้สึกว่า ‘อีกแค่ปีเดียว ไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องไปให้ได้’ จากนั้นคุณนิวก็ลาพักร้อนทั้งหมด 10 วัน และเริ่มออกเดินทาง

       เมื่อรถไฟจอดที่สถานีเชียงใหม่ คุณนิวจึงเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อใช้เป็นพาหนะเดินทาง โดยสองวันแรก คุณนิวได้เข้าพักในตัวเมืองเชียงใหม่ สถานการณ์ทุกอย่างปกติดี จนกระทั่งวันที่สาม คุณนิวได้เข้าพักที่ม่อนแจ่ม ซึ่งการเดินทางของคุณนิวในครั้งนี้ ไม่ได้มีแบบแผนการเดินทาง ทั้งการจองที่พักผ่านแอพฯ ทั้งไม่ทราบระยะทางการเดินทาง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าที่พักที่จองไปอยู่ใกล้แหล่งท่องบริเวณไหน สามารถขับมอเตอร์ไซค์ไปได้หรือไม่ แต่คุณนิวก็สามารถพาตัวเองมาถึงที่พักจนได้

       เมื่อไปถึง ก็เจอกับพนักงานต้อนรับ ประโยคแรกคุณนิวก็ถามเลยว่า

       “พี่ครับ… ที่นี่มีผมจองคนเดียวเลยเหรอ ?”

       เพราะคุณนิวสังเกตเห็นว่า บริเวณรอบ ๆ ไม่มีผู้คนหรือนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่เลย พนักงานต้อนรับจึงตอบกลับว่า

       “อ๋อ มีอีก 2-3 กรุ๊ปเลย ไม่ต้องกังวลไป แต่น้องมาถึงคนแรก พี่ให้น้องเลือกห้องก่อนได้เลยนะ มีห้อง 1-7 จะเอาห้องไหนล่ะ ?”

       ซึ่งคุณนิวจึงได้เลือกห้องหมายเลข 4

       ตอนนั้นคุณนิวไม่รู้ตัวเลยว่า ทำไมตนถึงเลือกห้องหมายเลข 4 เพราะปกติแล้วคุณนิวถือความเชื่อแบบคนจีนที่ถือว่าเลข 4 เป็นเลขอัปมงคล เนื่องจากออกเสียงว่า ‘ซี่’ (死) เป็นคำที่พ้องกับคำที่มีความหมายว่า ‘ตาย’ คุณนิวจึงคิดว่า ‘ตอนนั้นดวงตัวเองน่าจะพาให้เจอเรื่องอะไรแบบนี้’ หรืออาจจะคิดว่าเลือก 4 เพราะจะได้บ้านพักอยู่ตรงกลาง เวลาที่มีกรุ๊ปทัวร์มา คุณนิวจะได้ไปร่วมสังสรรค์ได้

       หลังจากนั้น คุณนิวก็เข้าสำรวจห้องพัก ซึ่งบ้านพักของคุณนิวจะเป็นห้องแนวโฮมสเตย์บรรยากาศดี เมื่อสำรวจเสร็จสิ้นเรียบร้อย คุณนิวก็ไปอาบน้ำเพื่อผ่อนคลาย พร้อมกับเปิดลำโพงบลูทูธฟังเพลงไปด้วย แต่ในระหว่างการอาบน้ำ แอพฯ ได้สุ่มเปิดเพลง ‘ฟ้อนเหนือร่วมสมัย’ ซึ่งตอนแรกคุณนิวก็คิดว่า ‘เดี๋ยวเนื้อเพลงก็คงขึ้น’ แต่จนกระทั่งคุณนิวอาบน้ำเสร็จ เนื้อเพลงก็ไม่ขึ้นสักที จนออกมาพบว่า ‘เป็นเพลงที่มีแต่ทำนอง…’

       ซึ่งคุณนิวจึงเอาเรื่องราวนี้ไปโพสต์ใน Facebook ส่วนตัว เพื่อนของคุณนิวต่างเข้ามาคอมเม้นต์ในเชิงหยอกล้อว่า “คุณนิวต้องโดนผีหลอกแน่” หรือ “คืนนี้ต้องโดนแน่” เพราะเพื่อนของคุณนิวรู้ดีว่า คุณนิวเป็นคนที่ชอบเที่ยวคนเดียว และก็เป็นคนที่มีเซ้นส์แรงชอบเจอเรื่องลี้ลับ ด้วยความที่คุณนิวเป็นคนไม่กลัวผี จึงถ่ายรูปคานในห้อง ที่มีลักษณะเป็นคานไม้พาดยาว มีพื้นที่ว่างจนสามารถยื่นหัวจากข้างนอกโซนห้องนอน ชะโงกเข้ามามองในห้องน้ำได้เลย แล้วพิมพ์ตอบว่า “ลองนึกภาพตามนะ ถ้าเขาใส่ชุดเหนือ แล้วมานั่งห้อยขาบนคานจะเป็นยังไง ?”

       ตกเย็นในระหว่างที่คุณนิวกำลังนั่งรออาหารมาส่ง ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศรอบที่พัก ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีเสียงสวดมนต์ สวดทำวัตรเย็น หรือสวดศพอะไรสักอย่างดังอยู่ตลอด คุณนิวไม่ทราบเลยว่า บริเวณนั้นมีวัดอยู่ตรงไหน ด้วยความที่คุณนิวเป็นคนปากไวจึงพูดขึ้นมาว่า

       “โอ๊ย… ดีจริง ๆ เลย บรรยากาศดี มีเสียงดนตรีสวดด้วย”

       หลังจากที่คุณนิวดื่มด่ำกับบรรยากาศ เวลาประมาณเที่ยงคืน คุณนิวก็ได้กลับเข้าห้องพัก เพื่อที่จะนอนพักผ่อน

       ในระหว่างที่คุณนิวกำลังจะหลับ คุณนิวก็สัมผัสได้ว่า ‘มีคนกำลังจ้อง มองมาที่ตนอยู่’ ซึ่งตอนนั้นคุณนิวรู้สึกระแวงจนนอนไม่หลับและอึดอัดมาก ก่อนที่สมองจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ คุณนิวจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมา สายตามองทะลุความมืดตรงขึ้นไปด้านบนคาน เห็นรูปร่างอะไรบางอย่างที่มืดกว่าบรรยากาศ ลักษณะนั่งห้อยขาอยู่ด้านบนคาน คุณนิวจึงรีบหลับตาลงทันที คิดในใจว่า ‘ถ้าลืมตาอีกครั้ง แล้วเขากระโจนลงมาทับที่ตัวเราจะทำยังไง ?’ จากนั้นก็ค่อย ๆ ตั้งสติ ลืมตามองอีกครั้ง… กลับไม่เจออะไร หันหน้าหนีมองไปทางห้องน้ำ ก็รู้สึกได้ว่า ตรงบริเวณคานมีคนชะโงกหน้ามามองอยู่! ซึ่งคุณนิวไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย เพราะไม่คุ้นเส้นทาง และคุณนิวไม่สามารถขับมอเตอร์ไซค์เข้าเมืองตอนตี 1 ได้ สิ่งเดียวที่คุณนิวทำได้คือ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ เพื่อให้ห้องสว่าง แต่ก็ยังไม่สามารถนอนหลับต่อได้ …

       จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น คุณนิวจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋า เตรียมตัว Check out c9jก่อนที่จะออกจากห้อง คุณนิวเดินไปที่ระเบียงหลังห้องเพื่อเช็คความเรียบร้อย ก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่า “ทำไมตัวเองถึงโดนหลอก” เพราะเมื่อเปิดประตูระเบียงทางด้านออกไป พบว่า ‘ประตูห้องหมายเลข 4’ ได้ตรงกับเมรุเผาศพของวัด ซึ่งบริเวณที่คุณนิวรับประทานอาหารเมื่อวาน เป็นตีนเขาติดกับทางเข้าวัด ซึ่งระหว่างทางที่คุณนิวเดินทางมาถึงโฮมสเตย์แห่งนี้ คุณนิวไม่เห็นเลยว่ามีวัดอยู่ในบริเวณนี้ และอยู่ใกล้ขนาดนี้

       หลังจากเกิดเรื่องราวทั้งหมด คุณนิวก็มานั่งเรียบเรียงสถานการณ์ ได้ข้อสรุปว่า การที่เขามาหา น่าจะเป็นเพราะคุณนิวไปปากดีใส่ไว้ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด น่าจะเกิดขึ้นจากความปากดีล้วน ๆ ซึ่งในทุกเหตุการณ์ คุณนิวก็เป็นคนกำกับบทให้เขา ทั้งการที่คุณพูดว่า “ถ้าเขาใส่ชุดเหนือ แล้วมานั่งห้อยขาบนคาน” ทั้งเสียงสวดคล้ายเสียง “สวดศพ” ซึ่งทำให้คุณนิวเจอเรื่องราวที่ตรงกับที่ตัวเองพูดไว้ทุกอย่าง …

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

บ้างานจนมีป่วยหนัก รู้สึกเหมือนจะตายแล้วก็วูบไป!

16 มี.ค. 2024

บ้างานจนมีป่วยหนัก รู้สึกเหมือนจะตายแล้วก็วูบไป!

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘อ.บาส 7th Sense’ ที่ได้นำเรื่องมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 มีนาคม 2567) พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตหลังความตายที่้เกิดขึ้นกับตัวเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย อ.บาส ได้เล่าย้อนไปเมื่อช่วงที่ตนอายุประมาณหนึ่งขวบกว่า ตอนนั้นคุณย่าเสีย ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่มีเวลาดูแล จึงพาไปฝากไว้สถานรับเลี้ยงเด็ก เนื่องจากนมที่นั่นอาจจะไม่สะอาด หลังจากที่พ่อแม่กลับมาจากงานศพย่า เห็นว่าลูกเงียบไปรวมทั้งมีอาการช็อกจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางแม่ก็สันนิษฐานว่าน่าจะไม่อยู่แล้ว พอถึงโรงพยาบาลหมอก็ได้ทำการเอาน้ำเกลือเจาะเข้าที่หัวและเท้า ผ่านไปสักพัก หัวใจก็กลับมาเต้นปกติ อ.บาส ได้เล่าอีกว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ ตนชอบทำบุญ แต่ก็รู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นคนโกรธง่าย พอมีปัญหาก็จะชอบทำสมาธิ พอช่วงอายุประมาณ 25 ปี เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน เริ่มทำงานเกี่ยวกับ IT ในบริษัทแห่งหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นช่วงกำลังสร้างตัว ตนจึงทำงานหักโหมมากตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ทำให้ อ.บาส ห่างหายไปจากการทำบุญ และช่วงนั้นเป็นช่วงที่ใช้ชีวิตหนักมาก วันหนึ่ง ตนรู้สึกว่าไม่มีเอเนอร์จีและเจ็บที่หน้าอก แต่ก็ยังไปทำงานใช้ชีวิตปกติ ผ่านไปหลายวันก็รู้สึกว่ามันเจ็บมากขึ้น มีไข้และเริ่มไปทำงานไม่ไหว จึงไปหาหมอแต่ก็ตรวจไม่เจออะไร หมอบอกแค่ว่าพักผ่อนน้อย หลายวันผ่านไป อ.บาส รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวและมีไข้สูงประมาณ 39-40 องศา จะเรียกรถพยาบาลแต่ก็ไม่มีแรงแม้กระทั่งลืมตา และเริ่มคิดว่า “คนจะตายความรู้สึกเป็นแบบนี้หรอ” หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนลูกตามันกลับเข้าไปแล้วมันก็มืดไปหมดและรู้สึกว่า ตนยืนอยู่ข้างเตียงและเห็นตัวเองกำลังนอนอยู่ก็ตกใจ หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงเริ่มเข้าใกล้ตัวเองที่นอนอยู่ แต่ก็ไปไม่ได้และคิดว่าจะทำอย่างไรให้พ่อกับแม่รู้ ผ่านไปสักพัก ก็มีอาการเจ็บปอดขึ้นมาและรู้สึกว่าตนเองถูกดูดไป เห็นบ้านพ่อกับแม่ และเห็นกิจกรรมต่าง ๆ ที่ตนทำ หลังจากนั้น ก็รู้สึกว่าเจ็บปอดและก็โดนดูดมาที่บ้านเกิดในจ.อยุธยา ตรงสวนมะม่วงและได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มมาให้ หลังจากนั้น หน้าของผู้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนจากหน้าผู้ชายกลายเป็นหมาแต่ร่างกายยังเป็นคนปกติ อ.บาสจำแววตาได้ว่านี่คือ ดำ หมาที่ตนเคยเลี้ยงสมัยประถม ดำเป็นหมาที่ตนรักมาก แต่ดำโดนยิงตายเพราะไปกัดคนอื่น หลังจากที่อ.บาสรู้ว่านี่คือดำ ในใจก็คิดว่า “ตกลงเราตายหรือยัง” หลังจากสิ้นสุดความคิดก็ได้ยินเสียงออกมาจากผู้ชายคนนั้นว่า “ให้แรงบุญ แรงกรรมพาไป และมีอะไรให้ พุท โธ ไว้นะ” หลังจากนั้นก็เกิดอาการเจ็บปอดและถูกดูดมาอีกที่หนึ่ง ที่นี่มืดมีแสงเพียงเล็กน้อยและร้อนเหมือนอยู่ในเตา สิ่งที่เห็นคือเหมือนเป็นกรงไม้ไผ่สูงยาวเป็นแถว ส่วนชั้นล่างเป็นเหมือนริมน้ำ มีคนและสัตว์อยู่ข้างในเหมือนกำลังเอาตัวรอด หลังจากนั้น อ.บาสได้เห็นห้องหนึ่ง ตนจึงคิดกับตัวเองในใจว่า “เราต้องไปอยู่ในห้องนั้นแน่เลย” แต่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ และอยู่ ๆ ก็มีภาพย้อนเข้ามาในหัวว่า ตอนที่อ.บาสอยู่บ้านหลังเก่าได้เจอกับลูกเจี๊ยบตัวหนึ่ง ตนนั้นจับมันขึ้นมาแล้วบีบ แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นมันตายหรือเปล่าจึงโยนลงไปในบ่อน้ำ นั่นทำให้คิดได้ว่าคงต้องอยู่ที่นี่เพื่อรับกรรม และก็นึกขึ้นมาได้ว่า ดำ เคยบอกไว้ว่า “มีอะไรให้ พุธ โธ” จึงท่อง พุธ โธ หลังจากพูดได้ 2-3 ครั้ง ก็รู้สึกถูกดูดไปอีกที่ ที่นี่เป็นที่ที่สว่างมาก เป็นสนามหญ้ายาว ด้านข้างของสนามหญ้ามีโต๊ะอาหารยาว แต่ละโต๊ะมีทั้งคนแก่และเด็กยิ้มแย้มแจ่มใส อ.บาสมีความรู้สึกว่า “อยากอยู่ที่นี่จังเลย อาหารน่ากิน” จึงเดินเข้าไปหาคุณยาย คุณยายได้บอกว่า “กินสิ กินแล้วก็อยู่ที่นี่เลย ที่นี่สบาย” หลังจากนั้นก็รู้สึกอบอุ่นและได้หยิบอาหารขึ้นมา แต่พอคิดไปคิดมาก็ไม่อยากกิน รู้สึกหิวน้ำมากกว่า หลังจากนั้นจิตของ อ.บาส ก็ถูกดูดไปอีกที่ ที่นี่มีพราหมณ์ มีกระดานชนวนและมีคนนั่งเรียนเหมือนในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ หลังจากนั้นพราหมณ์คนหนึ่งก็หันมาหา อ.บาส และเอาเงินให้ 600 บาท แล้วก็เขียนเบอร์โทรศัพท์ใส่ในกระดานชนวน เขาบอกว่า “จำไว้ เอาเงินไปใช้แล้วก็กลับไปก่อนยังไม่ถึงเวลา” หลังจากนั้นไม่นาน อ.บาส บอกว่าถูกดูดกลับมา เจ็บหน้าอกเหมือนเดิมแล้วลืมตาขึ้นมาและรู้สึกว่ามีแรงขึ้น จึงลองโทรไปเบอร์ที่พราหมณ์เขียนไว้ให้ พอปลายสายรับ อ.บาส ก็ได้ถามว่า “ที่นั่นที่ไหน” ปลายสายตอบว่า “โรงพยาบาล…ค่ะ” “ช่วยส่งรถมารับหน่อยครับ ผมไม่ไหวแล้ว ผมหายใจไม่ออก” อ.บาสรีบบอก “ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ… ขอแจ้งนิดนึงนะคะ ที่นี่ถ้าจะส่งรถพยาบาลไปรับคนต้องมีค่าบริการนะคะ” ปลายสายรีบบอกเงื่อนไข “เท่าไหร่ครับว่ามาเลย” “600 บาท ค่ะ” ทันทีปลายสายบอกราคา อ.บาสก็นึกขึ้นมาได้ว่าพราหมณ์คนนั้นให้เงินมาด้วย 600 บาท จึงลองเปิดดูในกระเป๋าสตางค์ปรากฏว่ามีเงินอยู่ในนั้น 600 บาท เป็นแบงก์ร้อยทั้งหมด อ.บาสบอกว่าอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้เพราะตนก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในกระเป๋านั้นมีเงินอยู่แล้วหรือไม่ หลังจากนั้นรถโรงพยาบาลก็มารับที่หอพัก หลังจากนั้น อ.บาส นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 9 วัน เพราะหมอบอกว่าปอดติดเชื้อ ช่วงที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็มีความรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ ร่างกายค่อย ๆ ดีขึ้น หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาดูดวงเพราะอยากรวย หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยป่วยโรคร้ายอะไรอีกเลย อ.บาสเองบอกว่าตอนที่วูบไปรู้สึกว่านานมากเหมือนเป็นวัน แต่จริง ๆ แล้วมันแค่ครู่เดียว มันอาจจะแค่ฝันไปก็ได้ แต่มันก็มีเหตุผลของมัน..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

18 พ.ค. 2025

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

เมื่อต้องไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ต้องพบเจอกับความยากลำบาก แต่ระหว่างที่ทำวิจัยอยู่นั้น งานทุกอย่างกลับราบรื่นไปได้ด้วยดี ..หรืออาจเป็นเพราะมีบางอย่างช่วยเหลืออยู่! นี่คือเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ จาก ‘อาจารย์มิ้นท์’ ที่ได้นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 พฤษภาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจเเนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ‘ดีเจมดดำ’ เรื่องราวสุดหลอนนี้จะเป็นอย่างไร ปิดไฟแล้วอ่านไปพร้อมกันเลย! อาจารย์มิ้นท์ได้เล่าว่า ตนเองได้ทุนไปทำวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 2 เดือน แม้จะอยู่ญี่ปุ่นแล้วอาจารย์มิ้นท์ก็ยังต้องเรียนภาษาจีนกับเหล่าซือที่ไทยอยู่ เธอจึงเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์แทน แต่วันแรกที่ไปทำวิจัยที่นั่นกลับพบว่าอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตจากมือถือแทน นอกจากนี้อาจารย์มิ้นท์ยังเล่าอีกว่า เหล่าซือที่สอนภาษาจีนของตนนั้นเป็นลูกหลานครูหมอโนราห์และเป็นคนเห็นผี ระหว่างที่กำลังเรียนภาษาจีนอยู่นั้น ในช่วงแรกเหล่าซือก็มีอาการตกใจแปลก ๆ อาจารย์มิ้นท์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เมื่อเรียนเสร็จก็ถามเหล่าซือว่าเกิดอะไรขึ้น เหล่าซือบอกว่า “มีผู้หญิงผมยาว ชุดขาวอยู่นอกหน้าต่าง” จากนั้นเหล่าซือก็บอกให้อาจารย์มิ้นท์เดินไปดูที่ระเบียง ปรากฏว่าที่ตึกแห่งนี้ไม่มีระเบียง ทำให้แน่ใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะมีคนยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่างอย่างแน่นอน เนื่องจากเหล่าซือคนนี้สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณได้ จึงบอกกับอาจารย์มิ้นท์ว่าผีสาวตนนั้นเป็นวิญญาณที่อยู่ที่นั่นมาหลายร้อยปีแล้ว และในวันนั้นเอง อาจารย์มิ้นท์ก็มีงานที่ต้องส่งด่วนในวันรุ่งขึ้น แต่อินเทอร์เน็ตก็ยังใช้งานไม่ได้ จึงคิดอยากท้าทายวิญญาณสาวตนนั้นว่า “ถ้าทำให้อินเทอร์เน็ตติดได้ จะถวายอาหารชุดใหญ่ให้” ปรากฏว่าอินเทอร์เน็ตกลับมาใช้งานได้ปกติ และสามารถส่งงานได้ทัน อาจารย์มิ้นท์จึงได้เตรียมอาหารชุดใหญ่เอาไว้สำหรับวิญญาณสาวตนนั้น และทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ชีวิตของอาจารย์มิ้นท์วนเวียนอยู่กับห้องนี้วันแล้ววันเล่า จนกระทั่งคืนหนึ่ง อาจารย์อีกคนได้เดินมาที่โต๊ะอาจารย์มิ้นท์ในระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่ จากนั้นเขาก็ทำหน้าตกใจ พออาจารย์มิ้นท์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่า “เห็นเหมือนคนกำลังนั่งกินข้าวกับอาจารย์มิ้นท์อยู่” อาจารย์มิ้นท์รู้ทันทีว่าเป็นวิญญาณสาวตนนั้นอย่างแน่นอน เมื่อใช้ชีวิตมาสักระยะในห้องทำงานห้องเดิม เธอก็เกิดความสงสัยว่าวิญญาณตนนั้นยังอยู่ที่เดิมหรือไม่?และ วิญญาณสาวตนนั้นรู้หรือไม่ว่าเธอไปที่ไหน ทำอะไรมาบ้าง จึงได้ลองถามเหล่าซือที่สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณดูอีกครั้ง สรุปว่าวิญญาณสาวตนนั้นสามารถบอกกับเหล่าซือได้หมดว่าอาจารย์มิ้นท์ทำอะไรมาบ้าง อาจารย์มิ้นท์ก็ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยขอวิญญาณตนนั้นว่า ‘ขอให้งานที่ทำอยู่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี’ เธอจึงคิดว่าที่ผ่านมาระหว่างที่ทำงานวิจัย ไม่ว่าจะติดต่อสถานที่ไหนในญี่ปุ่นก็เรียบง่าย อาจเป็นเพราะวิญญาณสาวช่วยเอาไว้ก็เป็นได้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเเรก ‘พี่รักหนูมั๊ย’ l อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ุ13 พ.ค.2568]

22 พ.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเเรก ‘พี่รักหนูมั๊ย’ l อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ุ13 พ.ค.2568]

ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (13 พฤษภาคม 2568) ที่ผ่านมา คุณแรก (สายจากทางบ้าน) ได้โทรเข้ามาเล่าประสบการณ์ของ ‘แบงค์’ รุ่นน้องของเขาที่ถูกหัวหน้าบังคับให้ไปสัมมนาที่ขอนแก่น และต้องพักโรงแรมที่บริษัทจัดไว้ให้ คืนนั้นเขาเจออะไรที่โรงแรม ? และเหตุการณ์สุดหลอนนั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับชื่อเรื่อง ‘พี่รักหนูมั๊ย’ ไปรับฟังพร้อมกันกับ ‘ดีเจเชาเชา’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ คุณแรกได้บอกไว้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ของ ‘แบงค์’ รุ่นน้องของตน และเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว จึงนำมาเล่าให้ชาวอังคารคลุมโปงฟัง แบงค์ประกอบอาชีพเซลล์ขายรถ จึงต้องมีการเข้าร่วมงานสัมมนาประจำปี โดยครั้งนี้เขาถูกหัวหน้าสั่งให้ไปร่วมงานที่จังหวัดขอนแก่น แบงค์จึงตอบตกลงเพราะเห็นว่าเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจังหวัดนครราชสีมาที่ตนอาศัยอยู่ แบงค์เป็นคนที่ชอบเรื่องลี้ลับ แต่ก็ตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะไม่พักที่โรงแรมเพราะสถิติจากที่รุ่นพี่เล่านั้น เซลล์แมนมักจะเจอผีเยอะ เขาต้องการพักเพียงแค่ห้องเช่าเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เจ้านายกลับบอกว่า “เห้ยไม่ได้ สัมมนาสองวัน ไปถึงแล้วทางบริษัทจะเปิดห้องไว้ให้ คืนนี้นอนที่นั่น ไม่ต้องไปนอนข้างนอก เช้าวันรุ่งขึ้นจะได้สัมมนาต่ออีกวันนึง” แบงค์จึงขัดเจ้านายไม่ได้ โรงแรมที่ทางบริษัทเปิดไว้เป็นโรงแรมเก่าแก่ใจกลางเมืองใกล้ห้างดังจังหวัดขอนแก่น หลังจากงานเลี้ยงสังสรรค์หลังสัมมนาจบลง แบงค์กลับไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน บรรยากาศโรงแรมดูปกติดี ผู้คนพลุกพล่าน จึงขึ้นไปยังห้องพักนั่นคือ ‘ชั้น 7’ แต่บรรยากาศชั้นนั้นกลับทำให้รู้สึกอึดอัด เพดานต่ำ เพียงแค่ยื่นมือก็ถึงเพดาน ผิดกับข้างล่าง แต่แบงค์ก็ปล่อยวาง จำใจต้องนอน เมื่อเข้ามายังห้องพัก การตกแต่งเป็นสไตล์วินเทจ โทรทัศน์รุ่นเก่าวางบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ เตียงขนาด 6 ฟุต แอร์รวมติดบนเพดาน เสียงดัง อึ๊ดด… ตลอดเวลา แบงค์ตัดสินใจอาบน้ำ และมาเปิดโทรทัศน์ดู บรรยากาศภายในห้องมีเพียงแสงไฟจากโทรทัศน์และแสงสาดผ่านช่องประตูห้องน้ำเท่านั้น จากนั้นก็ตัดสินใจนอน คืนนั้นมีเสียงฝักบัวเปิดน้ำเบา ๆ แต่แบงค์คิดว่าเป็นของห้องอื่น เวลาผ่านไปมีไฟกระตุก โทรทัศน์ฉายจอซ่า ๆ ไม่มีสัญญาณ แบงค์จึงกดปิด แต่เสียงฝักบัวก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ 4 นาที จากนั้นก็ปิดไป แบงค์รู้สึกได้ถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน จากนั้นประตูห้องน้ำถูกเปิดออกกว้างขึ้น แบงค์เริ่มไม่โอเคจนนอนคลุมโปง ตะแคงข้างและขนลุกบริเวณท้ายทอย เตียงค่อย ๆ ยวบเข้ามาใกล้ ๆ แบงค์กลัวจนต้องสวดมนต์ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร ทันใดนั้น เตียงยวบมาแนบหลัง สุดท้ายก็มีเสียงผู้หญิงวัยรุ่นมากระซิบข้างหูใกล้ ๆ ว่า “พี่รักหนูมั๊ย” ระหว่างที่แบงค์สวดมนต์อยู่ เสียงพูดนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนครั้งสุดท้ายน้ำเสียงกลับกลายเป็นการตะคอกว่า “พี่รักหนูมั๊ย!!!” ทำให้แบงค์วิ่งออกจากห้องโดยไม่คิดชีวิต จนลืมทุกอย่างรวมถึงกุญแจรถ แต่จะหันกลับไปเอาที่ห้อง สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้แบงค์ต้องหยุดชะงัก หน้าห้องมีผู้หญิงนั่งคุกเข่า เอาหัวโขกประตูพร้อมพูดว่า “พี่รักหนูมั๊ย” ตลอดเวลา ก่อนที่แบงค์จะตัดสินใจวิ่งลงข้างล่าง ผู้หญิงได้หันมาแล้วตะโกนว่า “มึงรักกูมั๊ย!!” แบงค์ตัดสินใจออกไปนอนที่ปั๊มแถวนั้นทันที วัดถัดมา แบงค์ตัดสินใจกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง และถามพนักงานต้อนรับที่โรงแรมว่า “ที่นี่มีผีมั้ย ผมไม่ได้นอนเลย ผมโดนผีหลอก ผมไปนอนที่ปั๊มมา” พนักงานตอบว่า “ไม่มีนะครับ ที่นี่เป็นโรงแรมใหญ่ เปิดมานานแล้วไม่มีเรื่องนี้หรอกครับ ไม่มีผีสางอะไรหรอก พี่คงคิดไปเองมั้ง” แบงค์ได้ยินดังนั้น ก็เดินไปที่ห้องน้ำ เมื่อเจอป้าแม่บ้าน ก็ถามไปว่า “ป้า ๆ ที่มีผีมั๊ย ผมโดนผีหลอก” ป้าตอบกลับมาว่า “ไม่มีหรอกค่ะ ดิฉันทำงานมานานแล้ว ไม่มีหรอกเรื่องผีเรื่องสาง ไม่เคยมีหรอกที่นี่มันกลางเมือง มันเจริญ” หลังคุยจบ แบงค์ก็เดินออกไปสูบบุหรี่ข้างหน้า เพราะยังไม่กล้าขึ้นห้อง พอเดินออกไปหน้าโรงแรมก็เจอศาลพระพรหม ข้าง ๆ กันมียามอายุราว 50 ปี และยามหนุ่มยืนคุยกันอยู่ แบงค์คิดว่านี่คงเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะได้รู้เรื่องราวของที่นี่ จึงเข้าไปสร้างมิตรสัมพันธ์ ด้วยการซื้อบุหรี่และกระทิงแดงมาฝากยาม พร้อมบอกว่า “เอ้า ลุง ผมซื้อกระทิงแดงกับบุหรี่มาฝาก เอ้อ ผมถามอะไรหน่อยสิ โรงแรมนี้มีผีมั๊ย ผมโดนผีหลอกเมื่อคืน ผมอยู่ไม่ได้” ยามมองหน้าแล้วบอกว่า “ไม่มีหรอก ลุงอยู่มานานแล้วไม่มีเรื่องผีหรอก” แต่เรื่องราวยังคาใจจนต้องหาคำตอบ แบงค์จึงบอกไปว่า “ผมให้คนละสามร้อย บอกผมหน่อยเถอะ ผมมาเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว ไม่อยู่แล้ว” ยามมองหน้ากันพร้อมพูดว่า “ก็ได้ จะกลับแล้วใช่มั๊ย ลุงจะบอกให้ว่าข้างบนนั้น เมื่อไม่นานมีเหตุเกิดขึ้น” ยามทั้งคู่พูดพร้อมกันแต่คนละประโยคว่า ลุงยาม : “ผีผู้หญิงที่ชั้น 7 ใช่มั๊ย” ยามหนุ่ม : “ผีเด็กที่ชั้น 5 ใช่มั๊ย” คุณแบงค์บอกไป “ผมเจอผีที่ชั้น 7 ครับลุง” ลุงยามจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดคือเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาให้ฟังว่า มีสองสามีภรรยามาเช่าห้องรายเดือน ภรรยากำลังท้องจึงเป็นแม่บ้าน ส่วนสามีได้รับตำแหน่งใหม่ มีเพื่อน มีสังคมเพิ่มขึ้น จนติดดื่มกลับบ้านดึกทุกวัน ภรรยาตามสืบจนทราบว่าสามีติดหมอนวดกับนักร้อง เธอเกิดอาการเสียใจ จนกระทั่งทะเลาะกัน ฝ่ายชายเมาไม่ได้สติ ลงมือทำร้ายภรรยา ด้วยการใช้เข็มขัดรัดคอและจับหัวโขกกำแพงห้อง จนสลบกระทั่งไร้ลมหายใจ จากนั้นแม่บ้านก็ได้แจ้งนิติเพื่อเปิดห้อง จนพบศพ ทางตำรวจได้ทำการสืบสวนจนจับคนร้ายได้ นิติเวชลงพื้นที่ก็พบสมุดฉีกเขียนว่า “พี่รักหนูมั๊ย” ในกระดาษทุกหน้า เป็นการย้ำคิดย้ำทำ จากนั้นโรงแรมนี้จะผีผู้หญิง ชุดเดรส คอยเอาหัวโขกประตูทุกห้องในชั้น 7 ไปเรื่อย ๆ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ได้ยินเสียงอุบัติเหตุ ด้วยความอยากรู้ จึงเดินเข้าไปดู เห็นร่างหญิงสาวถูกรถชน สภาพตัวขาดออกเป็นสองท่อน! พอตกกลางคืน ท่อนล่างเดินตามเข้ามาในฝัน แม้จะวิ่งหนีด้วยความตกใจ สวดมนต์ด้วยความกลัวแต่ก็หนีไม่พ้น เพราะท่อนบนตามมาเกาะบนคอแบบไม่ทันตั้งตัว!

30 ส.ค. 2023

ได้ยินเสียงอุบัติเหตุ ด้วยความอยากรู้ จึงเดินเข้าไปดู เห็นร่างหญิงสาวถูกรถชน สภาพตัวขาดออกเป็นสองท่อน! พอตกกลางคืน ท่อนล่างเดินตามเข้ามาในฝัน แม้จะวิ่งหนีด้วยความตกใจ สวดมนต์ด้วยความกลัวแต่ก็หนีไม่พ้น เพราะท่อนบนตามมาเกาะบนคอแบบไม่ทันตั้งตัว!

เปิดสตูต้อนรับ ‘ต้า-สอง Paradox’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 สิงหาคม 2566) พร้อมเรื่องเล่าที่จะมาเปิดประสบการณ์เรื่องราวอุบัติเหตุที่ชวน ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ มาขนหัวลุกด้วยกันกับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘สาวครึ่งตัว’ เรื่องนี้มาจากประสบการณ์ตรงของ ‘คุณอ๊อฟ’ รูมเมทคุณต้า Paradox เหตุเกิดเมื่อคืนวันหนึ่ง มีเสียงดัง ตู้ม!! เกิดขึ้นบริเวณด้านข้างหอพัก คุณอ๊อฟได้ยินเสียงก็รีบลงมาดูด้วยความอยากรู้ ปรากฏว่าภาพที่เห็นคือ ผู้หญิงถูกรถชน และมีคนกำลังยืนมุงดูร่างที่มีสภาพตัวขาดออกเป็นสองท่อน! ส่วนรถที่ประสบอุบัติเหตุต้องหยุดทันที เพราะท่อนล่างของหญิงสาวติดอยู่ที่ด้านล่างของรถ ท่อนบนกระแทกทะลุกับกระจก มาตกอยู่ที่หน้าตักคนนั่งข้างคนขับ หลังจากเคลียร์อุบัติเหตุจบลง คุณอ๊อฟเดินกลับขึ้นห้องและเข้านอนตามปกติ ระหว่างนั้นเขาก็ฝันว่า ตัวเองกำลังเดินข้ามถนนเส้นที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุ แล้วมีเสียงเท้าเหมือนคนกำลังเดินตามดังขึ้นเรื่อย ๆ สักพักเมื่อมองออกไปไกล ๆ ก็เห็นแสงไฟสลัวตามมุมเสาไฟ เมื่อเขาหันไปด้านหลัง ก็เห็นเป็นท่อนร่างของผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุ เดินตามอยู่ไกล ๆ ทำให้เขาตกใจ! รีบข้ามถนนวิ่งกลับขึ้นห้องทันที แต่เสียงคนเดินตามก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงรีบวิ่งหนีเข้าไปแล้วปิดประตูล็อคห้องทันที แต่เมื่อมองออกไปเขาก็ยังเห็นเป็นเงาคนยืนรออยู่ที่ขอบประตู ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอย่างไง จึงตัดสินใจสวนมนต์และกลั้นใจเปิดประตูดู เงามืดนั้นก็หายไป เขาคิดว่าทุกอย่างคงสงบลงแล้ว จึงเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าตามเคล็ด แต่พอเงยหน้ามองที่กระจก สิ่งที่เขาเห็นปรากฏว่าเป็นท่อนบนของหญิงสาวผู้นั้นเกาะอยู่บนคอของเขา หลังจากนั้นก็สะดุ้งตื่นทันที! ที่จริงมีเคล็ดที่ผู้ใหญ่เคยพูดไว้ว่า ถ้าหากเราผ่านไปเจออุบัติเหตุ อย่าทัก เพราะว่าเขาอาจจะตามมาแบบไม่รู้ตัว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1