เรื่องเล่าจากเอฟ ‘หอเฮี้ยน ย่านลาดกระบัง’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากเอฟ ‘หอเฮี้ยน ย่านลาดกระบัง’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

18 พ.ค. 2024

       เรื่องนี้ ‘เอฟ พงศ์พิทักษ์‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(14 พฤษภาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจมดดำ’ ‘ดีเจโซเซฟ’ และ ‘ดีเจแนน’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘หอเฮี้ยน ย่านลาดกระบัง’ เรื่องราวสุดเฮี้ยนนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย

       คุณเอฟเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นขณะที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ตอนนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาส่วนใหญ่มักจะมารวมตัวเพื่อติวหนังสือกัน แต่คุณเอฟเเรียนไม่ค่อยทัน จึงให้เพื่อนคนหนึ่งมาติวให้ส่วนตัวที่หอ การติวหนังสือเป็นไปอย่างปกติ แต่หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่สมาธิเริ่มหลุด เพราะเครียดเกินไป จึงใช้เวลาพักคุยเล่นกัน 5-10 นาที แต่พอคุยกันไปกันมา จับพลัดจับผลูคุยกันเรื่องผีเสียอย่างนั้น

       เพื่อนคุณเอฟที่ชื่อ ‘เอ’ (นามสมมติ) ถามว่า “มึงเคยเจอผีที่หอนี้ป่ะ”

       คุณเอฟตอบว่า “ก็ไม่เคยเจอนะ เคยมีบ้างที่รู้สึกเหนื่อย กึ่งหลับกึ่งตื่น คล้ายกับอาการผีอำ แต่ก็คิดไปในทางวิทยาศาสตร์ว่าอาจจะเหนื่อยทำให้เกิดอาการแบบนี้”

       เมื่อเอได้ยินดังนั้น เอก็พูดขึ้นมาว่า “มึงอยากลองดีป่าว มีสถานที่ให้ลองได้นะ”

       คุณเอฟก็บอกว่า “ไม่อยาก” เพราะรู้สึกกลัว แต่ในใจก็อยากรู้อยากเห็น จึงบอกเพื่อนว่า “เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย”

       คุณเอจึงเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่หอนอกบริเวณลาดกระบัง (ณ ปัจจุบันคุณเอฟก็ไม่ทราบว่าหอนี้ยังอยู่ที่เดิมหรือไม่) ในช่วงกีฬาสีของมหาวิทยาลัย ตอนนั้นคุณเอไม่มีหอพัก จึงไป-กลับจากบ้าน หากมีกิจกรรมหรือมีสอบ คุณเอก็จะขอมานอนที่หอเพื่อน

       วันนั้นเวลาประมาณหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่ม คนอื่นไปทำงานกันหมด แต่คุณเอทำเสร็จแล้ว จึงอยู่หอ พักผ่อน เล่นเกมไปเรื่อย ระหว่างที่เล่นมือถืออยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู

       “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

       คุณเอหันไปดูแล้วมองตาแมว ก็ไม่มีอะไรอยู่หน้าห้อง เปิดประตูไปเช็คก็ไม่มี ในใจก็คิดว่า

       ‘อาจจะเป็นห้องข้าง ๆ หรือเปล่า’

       ที่คิดแบบนั้นเพราะมีห้องพักติดกันหมด ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ยิน คุณเอจึงกลับมานั่งที่เดิม ผ่านไปไม่กี่นาที ก็ได้ยินเสียงอีกครั้งเป็นเสียงเคาะเหมือนเดิม รอบนี้แรงกว่าเดิมด้วย

       “ปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก!”

       คุณเอมองไปที่ตาแมว แต่ก็ไม่มีอีกแล้ว จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์นี้อีก 2 รอบ รวมเป็น 4 รอบ แม้คุณเอจะไม่เชื่อเรื่องผี แต่ในใจก็แอบกลัวอยู่

       หลังจากโดนรบกวนหลายครั้ง คุณเอก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญ จึงอยากพิสูจน์ว่ามีคนแกล้ง หรือเป็นเสียงจากห้องข้าง คิดได้ดังนั้น คุณเอก็กำลูกบิดประตูไว้ กะว่าถ้ามีเสียงอีกจะเปิดประตูทันที ไม่นานเสียงเคาะก็มา รอบนี้เคาะจนประตูลูกบิดสั่น แต่พอเปิดประตูออกไป กลับไม่มีอะไรอยู่เลย! คุณเอคิดว่าถ้าเป็นห้องอื่น ประตูเราจะต้องไม่สั่น แต่ประตูกลับสั่นตามจังหวะเคาะ คุณเอรู้สึกแปลกใจจึงปิดประตู แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นกลับไปที่เตียง แต่เปิดประตูห้องน้ำแง้มเอาไว้ คุณเอไม่อยากคิดอะไรแล้วจึงรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน

       พอกำลังจะขึ้นเตียง เสียงเคาะก็มาอีก 2 รอบ คุณเอพยายามเมินเสียงนั้น แต่กลับทวีความรุนเเรงเพิ่มขึ้น แล้วยังมีเสียงน้ำจากอ่างล้างมือในห้องน้ำที่เปิดประตูเเง้มไว้ เหตุการณ์เริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆ จนคุณเอทนไม่ไหว แต่ก็พยายามข่มตาไม่สนใจ ฟังเพลงไป

       ปกติแล้วหากประตูห้องนั้นปิด ตัวกลอนจะเข้าล็อคและมีเสียง “แกร๊ก” ซึ่งตอนนั้นคุณเอเปิดแง้มไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท หลังจากได้ยินเสียงน้ำไหลสักพักก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” เหมือนประตูปิดเอง! คุณเอได้ยินก็รีบพุ่งไปที่ประตู สิ่งที่สังเกตุเห็นคือประตูห้องน้ำ มันปิดสนิท! เขาก็พยายามคิดว่าอาจจะเป็นเพราะลม หรือเพราะประตูห้องอื่นปิดแรงจนประตูของเราปิดไปด้วย แต่ในตอนนั้นไม่มีลมเลย คุณเออยู่ไม่ได้จึงออกจากห้องไป ส่วนน้ำค่อยกลับมาปิดตอนเช้า

       เหตุการณ์ต่อมา ยังอยู่ในช่วงกีฬาสีเพื่อนในกลุ่มคุยกันเรื่องที่นอน สรุปคือได้ผู้กล้า 4 คน ไปนอนที่เตียงใหญ่ เป็นหมอนเรียงกันกับผ้าห่มผืนใหญ่ ซึ่ง 1 ในนั้นก็มีคุณเอฟอยู่ด้วย แต่เขาไม่ได้ไป คุณเอที่ติวหนังสือให้จึงไปแทน

       ซึ่งคุณเอนอนริมซ้ายสุดแล้วก็เรียงกันอีก 3  คน หลังจากนอนไปสักพักก็เริ่มเคลิ้มหลับ แต่คุณเอรู้สึกเหมือนโดนดึงผ้าห่ม เขาคิดว่าเพื่อนแกล้ง เลยดึงกลับมา เป็นแบบนี้อยู่ 3 รอบ คุณเอเริ่มโมโหจึงดึงกลับมาแรง ๆ แล้วกำผ้าห่มไว้ แต่ปรากฎว่าโดนกระชากผ้าห่มลงมาครึ่งตัว! คุณเอลุกขึ้นมา มองอีก 3 คนที่นอนอยู่ ปรากฎว่าทุกคนทำท่ายกมือขึ้นสองข้างเหมือนกำลังบอกว่า พวกเราไม่ได้เป็นคนดึง แล้วหางตาของเอก็เห็นอะไรดำ ๆ อยู่มุมเตียง เขารีบหันไปมองก็เห็นเงาผู้หญิง ดำ ๆ ผอม ๆ ผมปิดหน้า เอามือดึงผ้าห่มช้า ๆ อยู่ ในตอนนั้นทุกคนตะลึงกันหมด จากนั้นก็มีเสียงก็ทุบตู้ไม้

       “ตึก ตึก ตึก ตึก”

       หางตาคุณเอเห็นตรงตู้เห็นเป็นเหมือนเท้าเด็ก เห็นเป็นกุมารทองไม่มีหน้า แต่มีรอยยิ้มแล้วนั่งเอาส้นเท้าเคาะตู้อยู่! พอเห็นอย่างนั้น ทุกคนวิ่งหนีกระเจิง ไม่มีใครอยู่ต่ออีกเลย

       หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครค้างหอนี้จนหมดสัญญา อาจจะเข้าไปเอาของตอนกลางวันบ้าง เพราะทุกคนกลัวหมด และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าหอนี้มีประวัติอะไร ทำไม…จึงมีผู้หญิงและกุมารทองอยู่ที่นี่

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากมิวสิค ‘ตู้กระจก’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

11 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากมิวสิค ‘ตู้กระจก’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

‘มิวสิค’ นักแสดงจากซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ตู้กระจก’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! มิวสิคเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านของมิวสิคเอง โดยครอบครัวของมิวสิคจะเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านของมิวสิคมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่คนในบ้านจะไม่ค่อยอยู่เพราะอยู่ไกลตัวเมือง ทำให้มีบางช่วงเวลาที่คนในบ้านจะพาเพื่อนมาที่บ้านของมิวสิคหลังนี้ และเวลาคนนอกเข้ามา ทุกคนจะเจอกับ ‘ผู้หญิงคนหนึ่ง’ เสมอ ซึ่งผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในห้องที่เรียกว่า ‘ห้องสีชมพู’ เวลาแขกมาก็จะอยู่ห้องชมพู จนมีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ชายพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ตัวพี่ชายของมิวสิคก็นอนห้องตัวเอง ส่วนเพื่อนของพี่ชายนอนห้องสีชมพู ซึ่งทั้งสองห้องไม่ได้ไกลกันมาก ในคืนนั้นพี่ชายของมิวสิคก็ฝันว่าตัวของพี่ชายนั้นตื่นขึ้นมา แล้วหันไปตรงประตูห้องน้ำก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายมิวสิคมาก แต่ก็รู้สึกได้ว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่มิวสิค และจู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็กรี๊ดและพุ่งเข้ามาหาที่หน้า แล้วพี่ชายก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ในขณะที่สะดุ้งตื่นนั้นพี่ชายก็ได้ยินเสียงเพื่อนที่อยู่ในห้องสีชมพูกำลังโวยวาย พี่ชายจึงรีบวิ่งไปหาเพื่อน เพื่อนของพี่ชายจึงบอกว่าเมื่อกี้ฝันว่าตื่นขึ้นมาบนเตียง แล้วเจอผู้หญิงยืนอยู่หน้าห้องน้ำกรี๊ดเสียงดังและพุ่งเข้ามา คุณปู่ของมิวสิคเป็นคนหัวแข็งและชอบสะสมของเก่า แต่เวลาคนในบ้านพาใครมาก็จะเจออะไรแปลก ๆ เสมอ เช่นบางคนนอนอยู่แล้วฝันว่ามีคนมาลูบหัวแล้วจิกหัว โดยทุกคนจะฝันที่ห้องสีชมพูนี้กันหมด คุณปู่ของมิวสิคอยากรู้ว่ามีจริงมั้ย เลยท้าให้ผู้หญิงคนนั้นมา เพราะนี่คือบ้านของคุณปู่ ด้วยความที่มิวสิคมีเซ้นส์ก็จะเจอผู้หญิงคนนี้บ่อยมาก จึงมักจะบอกคุณปู่เสมอว่าคน ๆ นี้มีจริงนะ แต่คุณปู่ไม่เชื่อ มิวสิคจึงปล่อยคุณปู่ท้าไป เมื่อถึงตอนที่คุณปู่ตื่น คุณปู่ก็ดูไม่มีอะไรและเงียบไป มิวสิคเลยไปหาแม่บ้านแล้วก็พูดถึงคุณปู่ว่า “ไหนเป็นไง ไม่เห็นพูดเลย ไม่เจอหรอ” แม่บ้านจึงเล่าให้ฟังว่าคุณปู่เจอผู้หญิงมายืนร้องไห้อยู่ที่หน้าประตูแล้วเอาเล็บขูดประตูทั้งคืน แต่คุณปู่ไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ เพราะคุณปู่รู้สึกว่าถ้ายิ่งเชื่อก็จะยิ่งอยู่ ซึ่งมิวสิคมักจะเจอผู้หญิงคนนี้เวลากำลังจะไปโรงเรียนในตอนเช้า ผู้หญิงคนนี้จะยืนอยู่ตรงพุ่มไม้บ้าง ยืนชะโงกดูบ้าง นั่งมองบ้าง ตัวมิวสิคอยู่โรงเรียนประจำ จะไม่อยู่บ้านตั้งแต่จันทร์ - ศุกร์ ในช่วงนั้นน้าของมิวสิคที่อยู่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องเก็บของเก่า มีลูกสาวอยู่คนหนึ่งที่ชอบเล่นด้วยกันกับมิวสิค ในตอนนั้นลูกสาวของน้ากำลังจะนอน แต่อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “แม่ พี่มิวมาหา พี่มิวยืนอยู่ตรงนี้พี่มิวมาหา” แต่ ณ ตอนนั้นมิวสิคอยู่โรงเรียนประจำ โดยทุกคนที่เจอผู้หญิงคนนี้จะบอกว่าหน้าเหมือนมิวสิค บางทีมิวสิคคนอนอยู่ชั้น 4 ที่อยู่บนสุด ก็เห็นมือสีขาวลงมาจากฝ้าที่มีรู หรือมีครั้งหนึ่งเป็นงานแต่งของพี่คนหนึ่ง ทำให้มีคนมานอนที่บ้านเยอะ ณ ตอนนั้นมิวสิคนอนกับคุณแม่ ห้องของมิวสิคเป็นชั้นลอยและมีกระจกใสที่มองทะลุเห็นห้องนั่งเล่น ในขณะที่นอนอยู่แม่ก็ฝันว่ามิวสิคกอดคุณแม่แน่น คุณแม่ถามว่ามิวสิคเป็นอะไร แต่ก็มีอะไรดลใจให้มองไปตรงกระจก ก็เห็นเป็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ห้องนั่งเล่นแล้วกรี๊ดแบบไม่พอใจจนกระจกสั่น แม่มิวสิคจึงบอกว่า “วันนี้เป็นวันมงคลจะทำตัวแบบนี้ทำไม” เมื่อคุณแม่ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่ามิวสิคกอดคุณแม่อยู่จริง ๆ แล้วมีวันหนึ่งคุณแม่ของมิวสิคได้ไปเจอหมอดูคนหนึ่งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน หมอดูก็ทักว่า “อยากรู้ไหมว่าผู้หญิงที่บ้านเขามาได้ยังไง” คำตอบคือ ผู้หญิงคนนี้มากับตู้ไม้กระจกที่ตั้งอยู่ที่บ้าน ซึ่งผู้หญิงคนนี้อยากได้ศาล แต่อย่าไปตั้งศาลให้เค้าเพราะเค้าอยากให้ที่นี่เป็นที่ของเค้า มิวสิคจึงกลับบ้านเพื่อไปดูว่าตู้ไม้อยู่ที่ไหน เพราะคุณปู่มีของเก่าเยอะมาก จนไปเจอซอกหนึ่งของบ้านที่มีตู้ไม้กระจกตั้งอยู่ และเป็นตู้ที่มิวสิคชอบไปยืนดูตั้งแต่เด็ก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากลูกหว้า พิจิกา 'พี่ผมแดง' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

22 ม.ค. 2025

เรื่องเล่าจากลูกหว้า พิจิกา 'พี่ผมแดง' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

คุณลูกหว้า พิจิกา ได้นำเรื่อง ‘พี่ผมแดง’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (14 มกราคม 2568) ต้องบอกเลยว่า ประสบการณ์การเจอสิ่งลี้ลับของคุณลูกหว้าครั้งนี้ ทำให้ทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกทั้งคู่! ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คุณลูกหว้าได้ถูกเชิญไปงานแต่งของ ‘พี่บี มือคีย์บอร์ด ของวง ETC’ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้คุณลูกหว้าต้องค้างคืนที่บ้านของ ‘พี่โซ่ หัวหน้าของวง ETC’ ในใจของคุณลูกหว้าคิดว่า คงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หลังจากตื่นขึ้น คุณลูกหว้าก็ได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำ-แต่งหน้าตามปกติ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเวลา 8 โมงกว่า คุณลูกหว้าจึงตัดสินใจปลุกน้องที่มาด้วยกัน แต่ทั้ง ๆ ที่คุณลูกหว้าอาบน้ำแล้ว จู่ ๆ กลับรู้สึกง่วงอย่างประหลาด ทำให้คุณลูกหว้าตัดใจสินใจเอนตัวลงเพื่อพักสายตา หลังจากที่เอนตัวไป คุณลูกหว้าก็ได้หลับในทันทีและฝันเห็นภาพทุ่งหญ้ากว้าง และได้เห็นกลุ่มคนยืนอยู่ใกล้ ๆ แต่งตัวสีสันมากมาย ในใจของคุณลูกหว้าเหมือนได้ทำการสื่อสารกับกลุ่มคนตรงนั้นว่า ‘ไม่มีอะไรนะ เราแค่มางานแต่ง’ คุณลูกหว้าก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นความฝัน ผ่านไปสักพักหนึ่ง คุณลูกหว้าก็ได้ลืมตา และได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ปลายเท้าของตน จากนั้นก็ค่อย ๆ หันศีรษะมาทางคุณลูกหว้าอย่างช้า ๆ สีผมของผู้หญิงคนนั้นเป็นสีแดงปนสีส้ม ดวงตาสีน้ำตาลปนแดง และใช้ตาคู่นั้นจ้องมองมาที่คุณลูกหว้าแบบไม่ละสายตาคุณลูกหว้าจึงสะดุ้งตื่น! อาการที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนกับคนที่ฝันร้ายมาก ๆ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คุณลูกหว้าก็ปลอบตัวเองว่าสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงความฝัน หลังจากนั้น คุณลูกหว้าสบายใจมากยิ่งขึ้น นี่ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกในชีวิตของคุณลูกหว้าที่ได้เจอกับสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ หลังจากที่น้องของคุณลูกหว้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำ ในตอนนั้นตัวของคุณลูกหว้ายังไม่เล่าให้น้องฟังและคิดว่าคงไม่มีอะไรหลังจากนี้แล้ว จนกระทั่งไปที่โบสถ์และทำพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ทุกคนก็ตัดสินใจไปกินกาแฟกัน และมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้พูดขึ้นว่า “ด้านข้างของตัวบ้านคือโบสถ์ เป็นศาสนจักรของชาวคริสต์ แล้วทางด้านหลังของตัวบ้านก็อยู่ติดกับสุสาน” สิ้นคำพูดของรุ่นพี่ คุณลูกหว้าก็รู้สึกว่าจะได้รับข้อมูลที่ทำให้ทุกอย่างกระจ่าง จึงได้ตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เจอเมื่อเช้าให้ทุกคนตรงนั้นฟัง เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็ไม่ได้มองว่าเหตุการณ์ของคุณลูกหว้าแปลก เพราะที่สุสานตรงนั้นก็มีศพของมิชชันนารี ที่เป็นคนต่างชาติฝังไว้อยู่ด้วยเหมือนกัน คุณลูกหว้าจึงได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนน่าจะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ แต่ก็ยังไม่ทราบถึงเหตุผลว่า ‘ทำไมผู้หญิงผมแดงคนนั้นถึงจ้องมองคุณลูกหว้าอย่างไม่ละสายตาไปไหนเลย’(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'ยายสา' l อังคารคลุมโปง X พูห์-พาเวล [ 25 พ.ย.2568 ]

02 ธ.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'ยายสา' l อังคารคลุมโปง X พูห์-พาเวล [ 25 พ.ย.2568 ]

ในทุกความมืดมิด และความสว่างยังคงมีการรอคอยจากยายสา คำพูดของเด็กสาวที่พูดเล่นในวันนั้นว่า จะไปอยู่ด้วย ทำให้มีวิญญาณของยายแก่มาคอยตามติดชีวิต และจนกว่าจะอายุ 25 ปี เธอจะต้องอยู่รอดต่อไปให้ได้ไม่งั้นความตาย ที่รอเธออยู่ก็จะคลืบคลานมาพร้อมกับยายสา เรื่องเล่าของการรอคอยในความมืดที่ “คุณออโต้” ได้ฟังมาจากน้องน้ำ เป็นเรื่องราวที่ทำให้อุณหภูมิจากอากาศหนาว ๆ กลายเป็นร้อนทันที สามารถติดตามไปพร้อมกับ “ดีเจเจ็ม และ ดีเจแนน” ในรายการคลุมโปง ( 25 พฤศจิกายน 2568) ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว... ในช่วงเวลานั้น น้ำอาศัยอยู่ที่ภาคอีสาน บ้านของเธอค่อนข้างที่จะชนบทมากทุก ๆ วันน้ำจะต้องออกไปที่สวนกับพ่อ และน้องสาว แต่ในอาทิตย์นั้นไม่เหมือนที่ผ่านมาเพราะเธอไม่สบาย แต่พอน้ำอาการดีขึ้น ก็เลยเดินลงมาข้างล่าง เพื่อที่จะสูดอากาศยามเย็นช่วงโพล้เพล้ในตอนนั้นคุณแม่ ของเธอกำลังทำกับข้าว น้ำเลยเดินไปนั่งแถว ๆ ชานบ้านหางตาของเธอเหลือบไปเห็นยายคนนึง กำลังจะเดินผ่านหน้าบ้าน แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นยายสา คนที่อยู่ระแวกแถวบ้าน น้ำก็ไม่ได้คิดอะไรนั่งทำนู่นทำนี่ของตนเองไปแต่ยายสา กับมายืนอยู่ตรงบ้าน พร้อมพูดว่า ‘หลานเอ้ย ขอน้ำกินหน่อย’ น้ำก็เลยรีบวิ่งไปเอาน้ำให้คุณยาย แต่ยายมีท่าทีที่ยิ้มแปลก ๆ เมื่อเธอยื่นน้ำไปให้มือสาก ๆ เหี่ยวย่นของคนแก่ก็ลูบมาที่เนื้อตัวเธอ พร้อมกับชมว่า ‘เป็นคนดีจัง อยากเอาไปอยู่ด้วย’น้ำคิดแค่ว่า... ยายคงแค่พูดหยอก จึงตอบกลับไปด้วยความไม่ประสีประสาว่า...“จ้า จะให้ไปไหนล่ะ เดี๋ยวหนูไปด้วย” เป็นการพูดหยอกล้อกันตามประสาเด็ก กับผู้ใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็ตะโกนเรียกให้เธอเข้าบ้านมากินข้าว ยายสาเลยค่อย ๆ ยื่นแก้วน้ำส่งคืนชั่วเวลาไม่กี่วิที่น้ำ หันไปมองแม่ และหันกลับมาหายาย ตรงหน้าของเธอก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ยายสาได้หายไปแล้วน้ำเลยเดินกลับไปหาแม่ที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเย็น แม่ถามเธอว่า...‘เมื่อกี้้คุยกับใคร ทำไมเสียงดังจัง’ แต่พอน้ำบอกว่า เธอคุยกับยายสา สีหน้าของแม่ก็ตกใจแล้วรีบบอกให้น้ำ รีบกินข้าว และรีบกลับขึ้นไปนอน ตัวเธอเองก็ทำตามที่แม่บอกในคืนนั้นช่วงเวลาสี่ทุ่ม น้ำสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงคนเปิดประตูดังแอ๊ด… ดวงตาของเธอมองผ่านไปตรงประตู ช่วงจังหวะนั้นเอง ร่างที่เดินเข้ามาเป็นเงาเหมือนกับแม่ ของตนเองเธอเลยคิดว่า แม่คงมาดูอาการไข้ตามปกติ จึงจะหลับตาต่อ แต่ความรู้สึกที่น้ำ ได้รับคล้ายกับว่ามีน้ำอะไรเหนียว ๆ หยดลงมาบนหน้าจนเธอต้องลืมตาตื่นขึ้นมาดู สิ่งที่ได้เห็นผ่านความมืดที่เงียบงัน คือร่างของแม่เธอที่กำลังเอาลิ้นเลียหน้า น้ำตกใจมากด้วยความกลัวแต่ก็ขยับตัวไม่ได้ร่างที่อยู่ในความมืดดำพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เป็นตาแซ่บน้อ” จนเธอต้องรวบรวมความกล้า กรีดร้องออกมาจนลั่นบ้านเพื่อเรียกพ่อกับแม่ หางตาของน้ำ มองร่างของผู้หญิงที่เป็นแม่ แต่กลายเป็นว่า มันคือยายสา พ่อกับแม่รีบวิ่งขึ้นมาดูเธอ แต่ยายสารีบกระโดดจากหน้าต่างลงไป และเป็นเสียง สวบ สาบ ของร่างคนที่วิ่งลัดเลาะทุ่งนา เธอเลยรีบวิ่งไปกอดแม่ พร้อมกับเล่าทุกอย่างให้ฟังแม่รีบไปตามยายหมอธรรมข้างบ้าน มาผูกข้อแขนพร้อมกับเรียกขวัญให้ แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดีจนเวลาผ่านเลยไปสองวัน เธอก็หายไข้แล้ว แม่ก็ถามไถ่อาการตามปกติ แต่น้องสาวก็บอกว่าตอนกลางคืน น้ำชอบออกมานั่งยอง ๆ มองเธอแบบแปลก ๆ แต่น้ำกับไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำลักษณะท่าทางแบบนี้ และเวลาก็ผ่านพ้นไป ด้วยความที่ข้างบ้านมีคนทำพิธีไล่ผีกัน น้ำเลยชวนน้องสาวออกไปดูข้างหน้าที่เธอเห็นก็จะมีหมอธรรมที่กำลังทำพิธี แต่ข้างในสุดของบ้านหลังนี้เป็นยายสาที่กำลังนั่งกินอะไรสักอย่างอยู่ น้ำตกใจกับสิ่งที่เห็นเลยรีบเล่าให้น้องฟัง แต่กลายเป็นว่ามีแค่เธอคนเดียวที่เห็น พวกเธอเลยจะรีบวิ่งออกไป แต่ยายแก่ก็วิ่งเข้ามาจับแขนบอกให้เธอไปอยู่กับยาย น้ำจึงสลบลงไปด้วยความกลัวรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่วัด กับพ่อแม่ และตอนนั้นเอง น้ำเลยได้รู้ว่า ยายสาเป็นหมอธรรมที่เล่นวิชาจนของเข้าตัว คนในหมู่บ้านเชื่อว่า แกโดนผีปอบสิงตอนที่เธอเห็นยายสาเดินผ่านหน้าบ้านจริง ๆ แล้วแกนอนป่วยติดเตียงอยู่ แต่มีคนหลายคนเห็นยายสา เดินไปเดินมายายแกเหมือนจะถูกใจน้ำ จึงมาทำพิธีจองตัวไว้พระท่านจึงทำพิธีแก้ให้กับน้ำไว้ ให้พกท้าวเวสสุวรรณติดตัวหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น น้ำก็ยังคงเห็นยายสา แต่แกเข้ามาหาเธอไม่ได้ และทุกวันพระวันโกน ยายสาจะชอบมานั่งยอง ๆ บนหลังคา คอยมอง วันที่น้ำได้ของจากพระมา ก็เป็นวันเดียวกับที่ยายสาเสีย หลวงตาท่านบอกว่า ถ้าครบ 25 ปี ทุกอย่างจะคลี่คลายลง….(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

เรื่องเล่าจากฟิล์ม ธนภัทร์ 'หอในมหาวิทยาลัยย่านรังสิต' I อังคารคลุมโปง X ฟิล์ม ธนภัทร - นุ่น ศิรพันธ์ [4 ก.พ. 2568]

09 ก.พ. 2025

เรื่องเล่าจากฟิล์ม ธนภัทร์ 'หอในมหาวิทยาลัยย่านรังสิต' I อังคารคลุมโปง X ฟิล์ม ธนภัทร - นุ่น ศิรพันธ์ [4 ก.พ. 2568]

ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (4 กุมภาพันธ์ 2568) ‘คุณฟิล์ม ธนภัทร’ ได้นำเรื่องราวหลอน ‘หอในมหาวิทยาลัยย่านรังสิต’ ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ลี้ลับ จนทำให้ต้องย้ายออก! เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นอย่างไร? มาฟังไปพร้อมกันกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ แล้วคุณจะรู้ว่า บางครั้งความหลอนอาจหลบอยู่ในที่ที่เราไม่เคยคิด! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องเล่าจากเพื่อนของคุณฟิลม์ ซึ่งในขณะนั้นเพื่อนของคุณฟิลม์อาศัยอยู่ที่หอในของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรังสิตพร้อมกับรูมเมทของเขา ตอนแรกทุกอย่างดูปกติ ไม่มีสิ่งใดผิดแปลก จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน ทั้งสองเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในห้อง.. สิ่งแรกที่พวกเขาสังเกตคือ มีลมพัดในห้อง แต่หน้าต่างและประตูถูกปิดอยู่ และไม่ได้เปิดพัดลมหรือแอร์ จากนั้นไม่นาน พวกเขาเริ่มได้ยิน เสียงแปลกประหลาด บ้างก็เป็นเสียงเคาะโต๊ะหนังสือที่ปลายเตียง บ้างก็เป็นเสียงเก้าอี้โยกคล้ายมีใครบางคนนั่งอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป ความผิดปกติเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น อาหารในห้องหายไป อย่างไร้สาเหตุ ทั้งที่ในห้องไม่มีหนูหรือแมลงสาบแต่อย่างใด ด้วยความสงสัย เพื่อนของคุณฟิลม์จึงลองนำคุกกี้ไปวางไว้ที่มุมห้อง ปรากฏว่าคุกกี้ที่วางไว้กลับแตกออกเอง และบางส่วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเพื่อนอีกคนมาค้างที่ห้องด้วย และเพื่อนคนนั้นเป็นคนที่มีเซนส์สัมผัสถึงสิ่งลี้ลับได้ ก่อนจะเข้าห้อง เพื่อนคนนั้นทักว่า “ห้องนี้เจ้าที่แรงนะ” จนกระทั่งรุ่งเช้า เพื่อนคนนั้นเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนเขาเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือปลายเตียง ทว่ามีเพียงเขาที่มองเห็น ขณะที่เพื่อนของคุณฟิลม์กลับไม่เห็นอะไรเลย หลังจากนั้น เหตุการณ์แปลก ๆ เริ่มเกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ครั้งหนึ่ง ขณะที่เพื่อนของคุณฟิลม์กำลังรีดผ้า เขารู้สึกได้ถึง ลมหายใจมาเป่าที่ข้างหู ราวกับมีใครบางคนอยู่ใกล้ ๆ นั่นทำให้เขารู้สึกหวาดระแวง จิตใจเริ่มไม่อยู่กับตัว จนนอนไม่หลับ ท้ายที่สุด เพื่อนของคุณฟิลม์จึงตัดสินใจโทรปรึกษาที่บ้าน และย้ายออกไปอยู่หอนอก แม้ในตอนแรกจะเลือกหอในเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เขาไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ได้อีก ในช่วงเวลากลางวัน ขณะที่กำลังเก็บของอยู่นั้น เสียงหัวเราะของชายปริศนาก็ดังขึ้น! ด้วยความตกใจ เขาจึงรีบสวดมนต์ แต่สิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงที่ตอบกลับมาว่า “กูเป็นอิสลาม กูไม่กลัว!!” แต่เสียงไม่หยุดเพียงแค่นั้น แต่กลับหัวเราะดังลั่นทั่วห้อง ราวกับพอใจที่ได้เห็นเขาหวาดกลัว เพื่อนของคุณฟิลม์จึงพยายามรีบออกจากห้องและนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาย่างก้าวเข้าไปในห้องนี้.. หลังจากนั้น ด้วยความสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตัดสินใจสืบประวัติของหอพักแห่งนี้ จนกระทั่งพบว่า ผังของหอพักถูกสร้างขึ้นเป็นรูปยันต์ และที่น่าสะพรึงไปกว่านั้นคือ หอที่เขาอยู่เคยถูกใช้เป็นสถานที่เก็บศพในช่วงที่เกิดสึนามิ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1