สาวแอร์โฮสเตสรักในการดูดวง แต่หมอดูบอกว่ามองไม่เห็นอนาคต พยายามตื๊อให้ดูดวงให้แต่หมอดูปฏิเสธ เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ก็มีข่าวว่าสาวแอร์โฮสเตสกระโดดตึก หมอดูเห็นก็ช็อคเพราะคือคนเดียวกัน! แต่แล้วเขาก็มาหาในฝันเพราะมีเรื่องให้ช่วย อยากให้ดูดวงให้อีก!

อังคารคลุมโปง RECAP

สาวแอร์โฮสเตสรักในการดูดวง แต่หมอดูบอกว่ามองไม่เห็นอนาคต พยายามตื๊อให้ดูดวงให้แต่หมอดูปฏิเสธ เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ก็มีข่าวว่าสาวแอร์โฮสเตสกระโดดตึก หมอดูเห็นก็ช็อคเพราะคือคนเดียวกัน! แต่แล้วเขาก็มาหาในฝันเพราะมีเรื่องให้ช่วย อยากให้ดูดวงให้อีก!

17 มี.ค. 2024

         อ.บาส หมอดูที่ไม่ว่าจะดูดวงให้ใครก็มองเห็นอนาคตของคนนั้น แต่กับสาวแอร์โฮสเตสคนนี้ ดูดวงเท่าไหร่ก็ไม่เคยมองเห็นอนาคตของเธอ จนทำให้มีเรื่องหลอนเกิดขึ้น! เรื่องนี้ ‘อ.บาส 7th Sense’ ได้นำเรื่องราวมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 มีนาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ติดค้าง’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย!

         อ.บาส 7th Sense เล่าว่า ตนมักจะมีคนที่มาดูดวงเป็นประจำ อ.บาสได้ไปรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ ‘คุณเจ’ (นามสมมติ) มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตส เธอเป็นคนเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ผิวสวย หน้าสวย หุ่นดี อ.บาสคิดว่าคุณเจทำบุญไว้เยอะ เพราะดูไม่มีความทุกข์นอกจากเรื่องความรักกับเรื่องศัลยกรรม คุณเจมักจะมาถามตนบ่อย ๆ ว่า “หนูจะไปฉีดตรงนี้ เลือกหมอให้หนูหน่อย คนนี้หนูคบได้ไหมคะ?” อ.บาสบอกว่า เวลาเธอจะคบใครก็จะมาถามอาจารย์ทุกเรื่อง

         เมื่อก่อนยังไม่มีไลน์หรือแอปพลิเคชันที่สามารถคุยกันได้สะดวก มีเพียงโทรศัพท์เท่านั้น บางครั้งเวลาตี 1-2 คุณเจจะส่ง SMS มาหา อ.บาส ว่า “ตี 1 แล้ว มาหาหนูหน่อย หนูมีเรื่องด่วน” อ.บาสก็ยอม เพราะรู้สึกรักคนนี้เหมือนเป็นน้องสาวของตน แต่ทุกครั้งที่ อ.บาสดูดวงให้ ปรากฏว่ามองไม่เห็นอนาคตของคุณเจ จึงตัดสินใจดูดวงเฉพาะเรื่องที่ถาม เพราะดูได้แค่นั้น คุณเจมักจะกังวลเรื่องความสวยมาก จน อ.บาสมีความรู้สึกว่าน้องคนนี้เศร้าเกิน

         มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณเจเรียก อ.บาสให้ออกไปหาตอนตี 1 อาจารย์บอกว่า “ไม่ไหวแล้วหนู คุยกันทางโทรศัพท์ได้ไหม?” คุณเจก็บอกว่า “ไม่เอา หนูต้องการพบอาจารย์เดี๋ยวนี้ หนูจะถามเรื่องสำคัญคือเรื่องแต่งงาน” อ.บาสบอกว่า “อ้าว จะแต่งแล้วหรอ?” และบอกต่อไปว่า “ออกไปพบไม่ได้อะ” อ.บาสจึงดูดวงผ่านโทรศัพท์แล้วบอกว่า “พี่ไม่เห็นอนาคตหนูนะ” เมื่ออ.บาสพูดไปตรง ๆ เช่นนั้น คุณเจก็บอกว่า “คนนี้ไม่ใช่คู่หนูหรอ? เขาจะแต่งงานกับหนูแล้วนะ เตรียมของไว้หมดแล้ว” อ.บาสตอบว่า “พี่ไม่เห็นอนาคตจริง ๆ หนูไม่มีอนาคตกับคนนี้ ไม่ต้องแต่ง อยู่เฉย ๆ ทำบุญทำกุศลไป” อ.บาสเล่าว่ามีบางอย่างที่แปลกคือ เวลาที่อาจารย์แนะนำให้ทำบุญ คุณเจก็ไม่ทำจะดูดวงแค่อย่างเดียว คุณเจที่ผิดหวังกับคำตอบของอ.บาส จึงบอกว่า “ถ้าเกิดอาจารย์ว่าง อาจารย์ต้องมาหาหนูให้ได้นะ” อ.บาสบอกกลับไปว่า “ได้ ๆ เดี๋ยวว่างจะออกไป ตอนนี้ดูทางโทรศัพท์ไปก่อนเนอะ”

         เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ช่วงนั้นมีเฟซบุ๊กแล้ว เมื่อประมาณปี 2557-2558 อ.บาสเลื่อนดูเฟซบุ๊ก ก็มีคนแชร์ข่าวมาว่า “มีแอร์โฮสเตสสาว กระโดดตึกที่ห้างแห่งหนึ่ง” ซึ่งเป็นข่าวดัง อ.บาสบอกว่า ท่าเสียชีวิตสวยมาก ชุดที่ใส่ต่อให้เป็นเสื้อยืด กางเกงวอร์มก็สวย และสมัยก่อนจะเบลอหน้าแค่นิดเดียว อาจารย์ก็รู้สึกว่า “เฮ้ย! นี่น้องคนนี้ เขามาหาเราบ่อย แล้วเราไม่เห็นอนาคตเขานี่หว่า” ตอนนั้น อ.บาสใจหล่นลงตาตุ่ม เพราะพึ่งคุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อน บอกให้เขาทำบุญ เพราะว่าไม่เคยเห็นอนาคตของเขา อ.บาสก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ออกไปหาคุณเจ

         คืนนั้นตอนที่ อ.บาสกำลังจะอาบน้ำก็ได้กลิ่นฟอร์มาลีน อ.บาสรู้ทันทีเลยว่าเป็นคุณเจ จึงสื่อสารไปว่า “หนูมาอย่างนี้ไม่ได้นะ อาจารย์รู้สึกไม่โอเค อาจารย์คุ้นกับหนูจริง แต่ว่าหนูมาอย่างนี้ไม่ได้ ถ้ามาก็ให้อาจารย์ฝันละกัน อาจารย์ทำใจไม่ได้จริง ๆ อาจารย์คุ้นเคยกับหนู อาจารย์เห็นว่าหนูเป็นน้องสาว” หลังจากนั้น อ.บาสก็ฝันเห็นคุณเจ เดินมาหาด้วยสีหน้าโกรธ แล้วบอกว่า “ดูดวงให้หนู!” แต่ในฝัน อ.บาสบอกว่า “หนูไม่มีอนาคต” อ.บาสก็ยังคงพูดคำเดิมเหมือน

         วันหนึ่งเพื่อนของคุณเจที่ชอบมาดูดวงเหมือนกันโทรมาบอกว่า “พี่บาส ๆ หนูฝันถึงเจว่ะ เจมันมาบอกว่า ให้หนูพาเจมาดูดวงหน่อย บอกว่าต้องการเจอพี่บาส แล้วมาแบบหน้าแดงเลย” อ.บาสบอกกลับไปว่า “ฝันคล้าย ๆ พี่เลย พี่ก็ฝันว่าดูดวงให้เขา แต่พี่ก็ไม่เห็นอนาคตเขาเหมือนเดิม” จากนั้น อ.บาสก็นัดเจอ ตอนนัดกันก็ให้เพื่อนของคุณเจเป็นตัวแทนดูดวง ปรากฏว่าทุกอย่างก็คลี่คลายและรู้ว่าคุณเจฆ่าตัวตายทำไม อยู่ที่ไหน ต้องการอะไร อ.บาสบอกว่า “ไปบอกแม่ บอกญาติเขาหน่อย” หลังจากนั้น อ.บาสก็ไม่ฝันอีก และก็ได้เคสนี้เป็นกรณีศึกษาว่า ถ้าอาจารย์ไม่เห็นอนาคต ต้องเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เพราะการดูดวงเราต้องมองเห็นอนาคต…

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากบอย ฉีดปลวก ‘ของที่มองไม่เห็น’ l อังคารคลุมโปง X บอย ฉีดปลวก [ 10 มิ.ย.2568 ]

14 มิ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากบอย ฉีดปลวก ‘ของที่มองไม่เห็น’ l อังคารคลุมโปง X บอย ฉีดปลวก [ 10 มิ.ย.2568 ]

ตำหนักดูดวงหน้าหอพักทำพิธีจนมีเรื่องราวให้รถพยาบาลเข้า - ออกไม่ขาดสาย สุดท้ายกลายเป็นเราที่ต้องอยู่ในรถซะเอง! ติดตามเรื่องเล่าของ ‘คุณบอย ฉีดปลวก’ ที่ได้นำเรื่อง ‘ของที่มองไม่เห็น’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (10 มิถุนายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องขนลุกไปพร้อม ๆ กัน! โดย ‘คุณบอย’ ได้เล่าว่า นี่เป็นเรื่องเล่าจากรุ่นน้องในออฟฟิศที่เกิดกับ ‘คุณเอ (นามสมมติ)’ วันหนึ่ง คุณเอได้โทรมาบอกให้รุ่นน้องคนนี้ไปช่วยย้ายหอ เมื่อไปถึงอะพาร์ตเมนต์ น้องก็ถามคุณเอว่า “ยังเรียนไม่จบเลย จะย้ายไปไหน ตรงนี้มันใกล้นะหรือจะไปอยู่กับแฟน” คุณเอบอกกลับมาว่า “กูไม่อยากตาย” หลังจากย้ายของออกไป คุณเอก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง.. ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ ตอนแรกก็ยังดีอยู่ ไม่มีอะไร จนกระทั่งบริเวณใต้อะพาร์ตเมนต์มีที่ให้ปล่อยเช่าและถูกเปลี่ยนเป็นร้านรับดูดวงหรือแก้บน เวลาเขาเปิดร้านจะเหมือนตำหนักที่ข้างหน้ามีท้าวเวสสุวรรณ, ยักษ์ และรูปปั้นอีกมากมาย ที่ตรงนี้ได้รับความสนใจ มีคนเข้ามาเยอะมาก จนต้องแบ่งมาจอดรถในอะพาร์ตเมนต์ ผ่านไปไม่นาน คนในอะพาร์ตเมนต์เริ่มป่วยไม่สบาย มีรถพยาบาลเข้าออกวันเว้นวัน เริ่มแปลก ๆ มากขึ้นถึงขั้นมีคนโทรหาสาธารณสุขให้เข้ามาตรวจ ตรวจไป 2 ครั้งก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ในที่สุดก็เกิดเรื่องกับคุณเอเอง มีอยู่คืนหนึ่งเขากลับห้องดึก ทำให้ไม่มีวินหรือรถกะป๊อเหลือแล้ว เขาจึงต้องเดินเข้าไปในซอย จนถึงหน้าตำหนัก แม้จะปิดแล้วแต่ดันมีคนใส่เสื้อขาวกางเกงขาวมายืนพูดพึมพำ ๆ อยู่ข้างหน้าร้าน ใช้ภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ เหมือนกำลังทำพิธีอยู่ เขาเห็นแล้วจึงหยุดเดิน ทำให้ชายชุดขาวนั้นก็หยุดทุกอย่าง แล้วหันมาจ้องตาเขม็ง สายตาอาฆาตแค้นราวกับว่าจะเอาให้ถึงตาย ด้วยความตกใจเขาจึงวิ่งหนีเข้าอะพาร์ตเมนต์ไป ในคืนนั้นเองเวลาประมาณตีหนึ่ง ขณะที่เขากำลังนอนพักผ่อนกับแฟน ก็เกิดเสียงดัง ปั้ง ! เหมือนมีคนเตะพัดลมเหวี่ยงไปโดนกำแพงแล้วพังเสียหาย จึงรีบตื่นขึ้นมาดู พอเปิดไฟก็เห็นว่าพัดลมพังไปหมด คิดในแง่ดีจึงหันไปโทษแฟนว่านอนดิ้น แต่แฟนก็บอกว่าถีบไม่ถึงหรอกอยู่คนละฝั่ง ต่างคนต่างไม่ได้คิดอะไร จากนั้นก็ประกอบพัดลมใหม่ แล้วพยายามข่มตาหลับต่อ คราวนี้เสียงพัดลมดัง ตึก…ตึก…ตึก… เหมือนมีอะไรมาขวางไว้ เขาจึงลืมตาตื่นมาเห็นเป็นชายร่างดำยืนมองมาออยู่ ใช้ขาขวางพัดลมไว้ ด้วยความตกใจวิ่งกรี๊ดไปเปิดไฟ ทันใดนั้นชายร่างดำก็หายไป พัดลมก็กลับมาส่ายเป็นปกติ แต่เขาบอกอยู่ไม่ได้แล้วกลัวผี จึงโทรหาเพื่อนห้องข้าง ๆ เพื่อที่จะขอไปนอนด้วย พอบอกเพื่อนว่าเจอผีเพื่อนกลับบอกว่า “เห้ยบ้า อะพาร์ตเมนต์นี้ไม่มีอะไร นอนมาหลายปีไม่เคยเจอ แต่ถ้าไม่สบายใจก็มานอนได้” หลังจากนั้นก็พากันไปห้องเพื่อน แต่จะข่มตานอนยังไงก็นอนไม่หลับ เวลาล่วงเลยไปถึงตี 5 คิดว่าเช้าแล้วคงไม่มีอะไร ก็กลับไปห้องของตัวเองด้วยความง่วงจึงเผลอหลับไป ผ่านไปสักพักมีกลิ่นเหม็นไหม้โชยมาจนทำให้รู้สึกตัว เริ่มขยับตัวนอนตะแคงก็ดันเจอเข้าอย่างจัง! เป็นชายร่างดำ ตัวไหม้เกรียม กำลังมองตาปะทะเข้ามาตรงหน้าแบบเต็ม ๆ เขาก็ตกใจวิ่งไปตรงประตู แต่ก็ยังหันกลับมาเพื่อดูว่าสิ่งที่เจอเป็นความจริงหรือไม่ ปรากฏว่าร่างดำยังคงนอนอยู่บนเตียงข้าง ๆ แฟนแล้วค่อย ๆ ขยับตัว บิดไปมา คลานตะเกียกตะกายมาตรงประตู จังหวะนั้นเขาตกใจน็อคแล้วหลับไป ตื่นมาอีกทีพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะหัวฟาดกับที่คล้องประตูจนหัวแตก แฟนตกใจรีบเรียกรถพยาบาล กลายเป็นว่า เขาเป็นอีกรายที่ต้องอยู่ในรถพยาบาลที่เข้ามารับเหมือนกัน วันที่เพื่อนข้างห้องมาเยี่ยมก็เล่าให้ฟังว่าเจออะไรบ้าง สุดท้ายเพื่อนก็ยอมพูดออกมาว่า “เออกูรู้ มันก็มีแหละ กูก็เจอ” แต่ที่ไม่ยอมบอกเพราะกลัวว่าถ้าเพื่อนรู้ว่ามีแล้วย้ายออกไปจากที่นี่ เพราะทั้งชั้นไม่เหลือใครแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างว่าเมื่อมีการทำพิธี 1 ครั้งก็จะมีคนป่วยตามมา เมื่อคุณบอยไปสำรวจพื้นที่พบว่าบริเวณที่ชายชุดขาวพึมพำนั้น ด้านหน้าเป็นอ่าง จึงสันนิษฐานกันว่ามีการปล่อยของลงในนี้ ของบางอย่างคุมได้ก็จะดี ถ้าคุมไม่ได้ก็จะเตลิดออกไป วันดีคืนดีก็จะมีคนลอยเข้ามาจากหน้าต่างและลอยทะลุประตูออกไป หรือมีผู้หญิงท้องแก่ยืนหันข้างแล้วค่อย ๆ เดินออกไปทางหน้าต่างบ้าง ส่วนตัวเพื่อนไม่รู้จะไปอยู่ไหน จึงทนอยู่ที่นี่ต่อไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ซื้อตู้เย็นมือสองมา แต่เกิดเรื่องน่าขนลุกขึ้น! ตกเย็นมาเปิดตู้เย็นก็แทบอ้วกเพราะกลิ่นเหม็นเน่า! กลางดึกยังเห็นเด็กผู้หญิงมุดเข้าไปในตู้เย็นคิดว่าเป็นโจร พอตามไปดูกลับปรากฏว่าร่างนั้นหายไป! ที่สยองกว่านั้นคือเจอหัวเด็กอยู่ในตู้กำลังสบตากับเขาอยู่!!!

17 พ.ย. 2023

ซื้อตู้เย็นมือสองมา แต่เกิดเรื่องน่าขนลุกขึ้น! ตกเย็นมาเปิดตู้เย็นก็แทบอ้วกเพราะกลิ่นเหม็นเน่า! กลางดึกยังเห็นเด็กผู้หญิงมุดเข้าไปในตู้เย็นคิดว่าเป็นโจร พอตามไปดูกลับปรากฏว่าร่างนั้นหายไป! ที่สยองกว่านั้นคือเจอหัวเด็กอยู่ในตู้กำลังสบตากับเขาอยู่!!!

เมื่อตัดสินใจซื้อตู้เย็นมือสองที่ราคาแสนจะถูก กลับทำให้เขาต้องเจอเหตุการณ์หลอน ๆ อะไรบางอย่าง รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (14 พ.ย. 2566) วันนี้จะพาทุกคนหลอนไปกับ ‘พี่แจ๊ค The Ghost Radio’ และ ดีเจทั้งสองท่าน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวของของมือสอง ที่มาพร้อมกับความหลอนน่ากลัว จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย! เรื่องนี้ ‘คุณวิทย์ เซลล์แมน’ นำมาเล่าให้พี่แจ๊คฟัง เริ่มเรื่องโดยคุณวิทย์เล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘ป้าอร’ ซึ่งป้าอรอยากเปิดร้านอาหารตามสั่ง จึงไปเช่าร้านและเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไปนั่นก็คือ ‘ตู้แช่’ ป้าอรก็คิดไปว่าถ้ามีตู้แช่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มมาอีก เช่น ค่าน้ำแข็ง ค่าเช่า ซึ่งมารวมดูแล้วก็คิดเป็นเงินหลายบาท ป้าอรจึงตัดสินใจจะซื้อตู้เย็นมือสองสภาพดีแทน เมื่อหาร้านที่ขายก็ไปเจอร้านหนึ่ง ชื่อว่า ‘เม้ง บริการ’ ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองทั่วไป ป้าอรไม่รอช้า รีบติดต่อไปหาทันที ปรากฏว่ามีตู้เย็นตรงตามที่ป้าอรต้องการพอดีเป๊ะ เป็นตู้เย็น 2 ชั้นใหญ่ ป้าอรจึงตัดสินใจขับรถไปดูด้วยตนเอง ทันทีที่ป้าอรเห็นตู้เย็นเครื่องนี้ก็ถูกใจมาก แต่ป้าอรก็คิดในใจว่าราคาอาจจะแพงเพราะตู้เย็นมีขนาดใหญ่ ป้าอรจึงไปถามเฮียเม้งว่า “ราคาเท่าไหร่” เฮียเม้งก็บอกว่า “ราคา 2,000” ได้ยินราคาแบบนั้น ป้าอรก็รีบตัดสินใจซื้อเดี๋ยวนั้นเลย เพราะถือว่าราคาถูกแถมยังมีประกันให้อีก 7 วันแถมมาด้วย ป้าอรนำตู้เย็นกลับมาไว้ที่ร้านเพื่อเตรียมตัวเปิดร้านอาหารตามสั่งแบบที่ใจหวัง แต่ด้วยความที่จะเปิดขายวันแรก ป้าอรจึงนำเอาเครื่องรางของขลังมาไว้หลังตู้เย็น จากนั้นก็จุดธูปไหว้ขอพรให้ขายได้ขายดี เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เปิดร้านวันแรก ก็มีลูกค้าแห่เข้ามาซื้อของกันอย่างคับคั่ง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนเวลา 2 ทุ่มของหมดทุกอย่าง ป้าอรจึงปิดร้าน ระหว่างที่กำลังเคลียร์ร้านป้าอรรู้สึกหิวน้ำ จึงเดินไปเปิดตู้เย็น แต่ทันทีที่เปิดตู้เย็น ก็มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เป็นกลิ่นที่แรงมาก ๆ โดยเฉพาะด้านบนที่เป็นช่องฟรีซ ป้าอรจึงจัดการรื้อของออกมาล้างทำความสะอาดทั้งหมด เสร็จแล้วก็กลับไปนอน แต่ในกลางดึกคืนนั้น ป้าอรได้ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางที่จะไปเข้าห้องน้ำ ป้าอรได้สังเกตเห็นบริเวณหน้าตู้เย็น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าตู้เย็น! เด็กคนนั้นมีลักษณะท่าทางเหม่อ ๆ งุนงง ทำให้ป้าอรตกใจมาก จึงรีบเปิดไฟ แต่ปรากฏว่าเด็กผู้หญิงที่ป้าอรเห็นก็ได้หายไปแล้ว! ป้าอรคิดว่าตัวเองเหนื่อยจนตาลาย จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็กลับเข้าไปนอนต่อ เช้าวันถัดมา ป้าอรได้ไปซื้อของเตรียมขายในจำนวนที่เยอะกว่าเดิมมาก และนำมาใส่ตู้เย็นไว้ ก่อนจะเปิดร้านก็ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่หลังตู้เย็นตามเดิม ปรากฏว่า ขายดีเหมือนเดิมขายจนของหมดเกลี้ยง พอถึงเวลา 2 ทุ่ม ป้าอรก็ปิดร้านและจัดการเคลียร์ร้าน ด้วยความเหนื่อยป้าอรก็ไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะกินน้ำ แต่ทว่าก็มีกลิ่นเหม็นที่มากขึ้นกว่าเดิมเหม็นไปทั่วทุกชั้นของตู้เย็น ป้าอรโมโหพาลด่าตู้เย็นและเฮียเม้งว่าเอาของไม่ดีมาให้ และคิดว่าต้องไปคุยกับเฮียเม้งเสียหน่อย แต่หลังจากนั้นป้าอรก็เข้านอนและหลับไปด้วยความเพลีย ปรากฏว่าวันถัดมา ที่ร้านขายไม่ดี ไม่มีลูกค้าเข้ามาเลยสักคน วันนั้นทั้งวันขายไม่ได้เลยสักจานเดียว ป้าอรจึงปิดร้านในเย็นวันนั้น แต่พอป้าอรเปิดตู้เย็นอีกครั้ง ก็มีกลิ่นเหม็นตีเข้ามา ซึ่งมีกลิ่นเหม็นขึ้นมากกว่าเดิมอีก! ครั้งนี้ป้าอรคิดว่าเป็นกลิ่นของหมูและเนื้อที่เหลืออยู่ในตู้เย็น จึงรีบโทรสั่งถังแช่พร้อมน้ำแข็งให้มาส่งเพราะจะเอาของมาแช่ในถังนี้ก่อน และได้ขอเบอร์โทรของช่างซ่อมตู้เย็นมาจากคนส่งน้ำแข็ง ในคืนนั้น ด้วยความกังวลว่าของจะเสียทำให้ป้าอรกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ แต่ทันทีที่เปิดประตูออกมาปรากฏว่า เจอเด็กผู้หญิงคนเดิม ผมรุงรัง ทำให้ป้าอรได้รู้ทันทีเลยว่าครั้งแรกที่เห็นนั้นไม่ได้ตาฝาด และในครั้งนี้เด็กผู้หญิงคนนี้ นั่งกอดเข่าเหม่อลอยอยู่หน้าตู้เย็น ป้าอรคิดว่าเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย จึงซุ่มรอดูว่าจะทำอะไรต่อ ผ่านไปสักพักหนึ่ง เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นยืน หันหน้าเข้าหาตู้เย็น และเปิดประตูมุดลงไปในตู้เย็น! และประตูก็ปิดลงเสียงดังปัง!! ป้าอรที่คิดว่าเป็นขโมยจึงรีบวิ่งไปหยิบสากกะเบือและย่องเข้าไปที่ตู้เย็น กะจะใช้ตีโจรคนนี้ แต่ทันทีที่ป้าอรเปิดประตูตู้เย็นออก กลับไม่มีอะไรเลย! มีแต่ของที่แช่ไว้ ด้วยความช็อก ป้าอรจึงรีบปิดตู้เย็นและจะหันหลังเดินออกไป ปรากฎว่าประตูตู้เย็นชั้นบนก็เปิดออก! มีแสงไฟลอดมา จึงหันหลังกลับไปมอง ทำให้ป้าอรกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะสิ่งที่ป้าอรเห็นนั้นคือ หัวของเด็กผู้หญิงที่อยู่ในช่องฟรีซ!!! หลังจากที่เสียงของป้าอรดังขึ้น หัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลืมตาขึ้น!! ทำให้ป้าอรช็อกสลบไป! เช้าวันรุ่งขึ้น ป้าอรจึงรีบโทรไปหาเฮียเม้งบอกว่า “เฮียเม้ง ตู้เย็นเฮียเม้งอะ มีปัญหา มันน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง” เฮียเม้งจึงตอบกลับมาว่า “มันมีปัญหายังไง มันไม่เย็นหรอ” ป้าอรรีบตอบกลับไปว่า “ตู้เย็นเฮียมีผี!” พอได้ยินว่าตู้เย็นมีผี เฮียเม้งก็รีบตัดสายไป ป้าอรจึงโมโหและโทรกลับไป ปรากฏว่าโทรไม่ติด ป้าอรที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงคิดขึ้นมาได้ว่าคนส่งน้ำแข็งคนนั้นได้ให้เบอร์ช่างซ่อมที่ชื่อ ‘สมศักดิ์’ มา ป้าอรจึงติดต่อช่างให้มาดูตู้เย็นให้ ช่างมาถึงก็ได้ถามป้าอรว่าตู้เย็นเป็นอะไร ป้าอรที่ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เพราะตู้เย็นก็ปกติดี แต่มันมีผี ก็พยายามเลี่ยงคำตอบไปและถามช่างว่า “ช่างอยากซื้อตู้เย็นนี้ไหมล่ะ” ป้าอรพยายามจะขายตู้เย็นนี้ ประกอบกับช่างคนนี้เป็นช่างที่ซ่อมและรับซื้อด้วยอยู่แล้ว จึงตกลงรับซื้อในราคา 800 บาท ป้าอรตกลงขายตู้เย็นนั้นไป หลังจากนั้นป้าอรก็รู้สึกโล่งใจ นอนหลับเป็นปกติ ขายของได้แม้จะไม่ดีเหมือนเดิม แต่ก่อนหน้านั้นมีสิ่งหนึ่งที่ป้าอรสังเกตเห็นว่า ตอนที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้าน จะมีลูกค้าขับรถมาจอดที่หน้าร้านแต่ว่าคนที่นั่งมาด้วยจะสะกิดแล้วก็ขี่รถผ่านไปเลย หลายคนที่เข้ามาร้านก็จะเป็นลักษณะแบบนี้ เช้าของอีกวัน ขณะที่ป้าอรกำลังจะเปิดประตูร้าน สิ่งที่ป้าอรเห็นทำให้ป้าอรแทบช็อก เพราะว่าตู้เย็นที่ขายไปกลับมาตั้งอยู่หน้าร้าน! ป้าอรตกใจรีบโทรไปหาช่างสมศักดิ์และถามว่า “ช่าง ทำไมถึงเอาตู้เย็นมาคืน แล้วตู้เย็นมาอยู่หน้าร้านได้ยังไง” ช่างสมศักดิ์จึงตอบกลับมาว่า “ผมไม่ได้คืน แล้วตู้เย็นไปอยู่หน้าร้านได้ยังไง” ป้าอรที่ได้ยินดังนั้นจึงเรียกช่างสมศักดิ์มาที่ร้าน พอมาถึงช่างสมศักดิ์ก็ตกใจเพราะเห็นว่าตู้เย็นมันมาอยู่ที่หน้าร้านจริง ๆ ป้าอรจึงถามว่า “แล้วตกลงมันเป็นยังไง” ช่างสมศักดิ์ก็ตอบกลับมาว่า “ซื้อมาในราคา 800 ก็อยากจะขายเลย อยากจะได้กำไรเร็ว ๆ ก็เลยเอาตู้เย็นนี้ไปขายให้กับร้าน ‘เม้ง บริการ’ แต่วันนั้นเฮียเม้งไม่อยู่ อยู่แต่ลูกสาวเขาก็เลยรับซื้อไว้ในราคา 1200” หลังจากนั้นทุกคนก็คาดเดากันว่า หลังจากเฮียเม้งกลับมาเห็นตู้เย็น คงตกใจให้คนเอาตู้เย็นมาคืนป้าอร ป้าอรที่คิดอย่างนั้น จึงยกตู้เย็นนี้ให้กับช่างศักดิ์ไป ช่างศักดิ์ที่ไม่ได้รู้เรื่องตู้เย็นนี้ ก็ดีใจรับตู้เย็นนี้ไป ผ่านไป 2 อาทิตย์ ขณะที่ป้าอรกำลังผัดข้าวอยู่ ก็เห็นมีรถกระบะคันหนึ่งขับมาจอดหน้าร้านและเห็นช่างสมศักดิ์เดินเข้ามาและนั่งกิน แต่ไม่ได้พูดอะไรกับป้าอร ป้าอรก็ไม่ได้พูดอะไรกับช่างศักดิ์ แต่มองหน้ากัน เหมือนกำลังดูเชิงกันอย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งช่างสมศักดิ์กินข้าวเสร็จ ก็เรียกป้าอรมาคุยว่า “ป้าอร ตู้เย็นป้าอรอะ มีผี” ป้าอรจึงตอบกลับไปว่า “ฮะ! อะไรนะ? ฉันไม่รู้ว่ามันมีผี มันมีได้ยังไง” ป้าอรที่ไม่ยอมรับก็ตอบกลับไป ช่างสมศักดิ์ก็เล่าไปว่า เขาได้เอาตู้เย็นไปตั้งไว้ในบ้าน ในตอนกลางคืนเขาได้เปิดตู้เย็น แต่มันมีกลิ่นเหม็นออกมา และในคืนหนึ่ง เขาออกมาจากห้องนอนกำลังจะมากินน้ำ ปรากฎว่าเขาได้เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยื่นอยู่หน้าตู้เย็น ช่างสมศักดิ์ก็ตกใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร หลังจากยืนได้ไม่นาน เด็กผู้หญิงคนนี้ก็หันหน้าให้ตู้เย็น แล้วเปิดตู้เย็นมุดเข้าไป ด้วยความตกใจเขาก็รีบวิ่งตามไปดู แต่พอเปิดตู้เย็นดูก็ไม่เจออะไร เขาก็เลยปิดตู้เย็น แต่ทว่าทันทีที่ปิด ประตูข้างบนมันกลับเปิดออกเอง ทำให้เห็นว่ามีเห็นหัวเด็กผู้หญิงตั้งอยู่ในช่องฟรีซ! ช่างสมศักดิ์ตกใจมาก และทันทีที่ตื่นเช้ามา เขาจึงเร่งเอาไปโพสต์ขาย แต่ก็ไม่มีใครซื้อจนเวลาล่วงไปหลายอาทิตย์ จนกระทั่งช่างสมศักดิ์ตัดสินใจรื้อตู้เย็นนี้ออก แยกชิ้นส่วนเอาตัวที่เป็นถังตู้เย็นนี้ขายให้กับรถกับข้าว ส่วนมอเตอร์อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ขายให้กับ ‘เม้งบริการ’ แล้วเรื่องนี้ก็จบลงโดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตู้เย็นเครื่องนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก ‘เป้ MVL’ ปู่ยักษ์ใจดี I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

20 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก ‘เป้ MVL’ ปู่ยักษ์ใจดี I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

‘คุณเป้ MVL’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ปู่ยักษ์ใจดี’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! คุณเป้เล่าว่า คุณเป้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณเป้เรียกว่า ‘ปู่ พ่อ และเตี่ย’ ที่คุณเป้จะไหว้สักการะที่บ้านเป็นประจำนอกเหนือจากพระ โดยคุณเป้จะเรียกท้าวเวสสุวรรณว่า ‘ปู่’ เรียกพระพิฆเนศว่า ‘พ่อ’ และเรียกกรมหลวงชุมพรว่า ‘เตี่ย’ ซึ่ง 3 องค์นี้คุณเป้บูชาอยู่ที่บ้าน แต่โดยปกติก่อนหน้านี้คุณเป้เป็นคนไม่เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ของตนโดยไม่ได้ตั้งใจ เลขที่ลงท้ายของเบอร์คือ 5995 ซึ่งถ้าใครที่เล่นเรื่องเลขมงคลจะทราบดีว่าเลขนี้เป็นเลขสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเบอร์ที่เกี่ยวกับธรรมะธัมโม ใครใช้ก็จะชอบเข้าวัดสวดมนต์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และคุณเป้รู้สึกว่าเมื่อเปลี่ยนเบอร์แล้วชีวิตนั้นเปลี่ยนไปอีกทาง จากที่เป็นคนทำงานกลางคืน นอนตอนกลางวัน อยู่แต่ในที่มืด ณ ตอนนั้นเรื่องสวดมนต์แค่ท่องนะโมได้คือเก่งแล้ว แต่หลังจากใช้เบอร์ใหม่ได้ประมาณ 3 เดือน คุณเป้กลับกลายเป็นคนที่ตื่นเช้าเพื่อมาเปลี่ยนน้ำพระทุกวัน ได้มีโอกาสได้รับสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาจากผู้ใหญ่ที่นับถือเข้าบ้าน เริ่มนั่งสมาธิ หากมีโอกาสก็จะไปทำสังฆทานและกลายเป็นคนเข้าวัดที่ชอบทำบุญ โดยที่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เพราะไม่มีจุดเปลี่ยนอะไรนอกจากเบอร์มือถือ นั่นทำให้คุณเป้มีความเชื่อมากขึ้น หลังจากนั้น คุณเป้ได้เจอจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่ง เป็นวันเกิดปีหนึ่งของคุณเป้ ซึ่งเป็นตอนที่มีลูกแล้ว ภรรยาของคุณเป้แนะนำว่าวันเกิดปีนี้อยากพาคุณเป้ไปที่วัดหนึ่ง ซึ่งวัดนี้จะโดดเด่นมากเรื่องของท้าวเวสสุวรรณ โดยก่อนหน้านี้คุณเป้เพียงแต่เคยได้ยินว่าท้าวเวสสุวรรณท่านเป็นใคร แต่ไม่เคยสนใจถึงขึ้นอยากจะเข้าไปบูชาสักการะ และไหน ๆ ก็เป็นวันดีคุณเป้จึงตัดสินใจไปไหว้วัดแห่งนี้ เมื่อไปถึงก็กราบสักการะบูชาพระต่าง ๆ ถวายสังฆทาน และมีแม่ชีแนะนำว่าควรจะไปไหว้พระเวสสุวรรณที่อยู่ด้านหลัง และมีธรรมเนียมปฏิบัติว่าให้เดินลอดใต้ขาท่านเพื่อสะเดาะเคราะห์และขอพร ตอนนั้นลูกของคุณเป้ยังเด็กและเดินไม่ได้คุณเป้จึงอุ้มลอดใต้ขาของท้าวเวสสุวรรณขอพรให้ดูแลปกปักรักษา เพราะก็จะมีความเชื่อที่ว่าเด็กนั้นมีโอกาสที่สิ่งต่าง ๆ จะเข้ามารบกวน คนก็จะมักมีความเชื่อที่ว่าให้นำท้าวเวสสุวรรณไว้ที่บริเวณไหนก็ได้ในบริเวณที่เด็กนอน เมื่อลอดเสร็จ ในช่วงขาออกจะมีโต๊ะที่บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำเงินไปบูรณะวัด ซึ่ง ณ ตอนนั้นคุณเป้ไม่ได้เชื่อในเรื่องนี้เสียสักเท่าไหร่ แต่มีแม่ชีมาแนะนำคุณเป้จึงรับมาโดยที่ตนก็ยังไม่ได้มีความเชื่อเกี่ยวกับท้าวเวสสุวรรณ หลังจากที่ไปไหว้วัดดังกล่าว มีบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณเป้ที่ทำให้คุณเป้รู้สึกว่าเรื่องราวไปโยงกังองค์ท่าน เช่น อยู่มาวันหนึ่ง คุณพ่อของภรรยาได้ยกท้าวเวสสุวรรณองค์สีทองมาไว้ที่บ้าน แล้วบอกให้บูชาองค์นี้เพื่อที่จะช่วยให้ลูก ๆ ของคุณเป้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น และช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดี เพราะบางทีคุณเป้ไปทำงานต่างจังหวัดต่างที่ต่างถิ่นไม่ได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ป้องกันอาจจะพาสิ่งที่ไม่ดีกลับมาแล้วไปโดนลูก ๆ หลังจากนั้นคุณเป้ก็ได้เริ่มศึกษาและบูชาท่าน และขอพรตามปกติ จนมีช่วงหนึ่งได้เกิดเรื่องราวแปลก ๆ ที่ได้เห็นชัดคือในช่วงวันโกนวันพระ เด็ก ๆ จะมีอาการร้องไห้และนอนไม่หลับทั้งคืน ต้องอุ้มเดินทั้งคืนจะหลับอีกทีก็ 6 โมงเช้า ในขณะที่อุ้มจะมีสิ่งที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ เวลาที่คุณเป้มองหน้าลูก จะเห็นว่าลูกไม่ได้มองหน้าคุณเป้แต่จะมองผ่านไปอีกฝั่งบ้าง มองข้ามหลังไปบ้าง จนทำให้คุณเป้รู้สึกว่าที่บ้านไม่ได้มีแค่คุณเป้ จนเมื่อลูกเริ่มโตขึ้นคุณเป้ได้มีโอกาสพาไปทะเลต่างจังหวัดและไปพักโรงแรมแห่งหนึ่ง 3 วัน 2 คืน โดยคุณเป้จะขอเป็นห้องครอบครัว และนำฟูกมาต่อเป็นคอกให้กับลูก ในวันแรกคุณเป้ได้พาลูกไปเล่นสนุกมาก พอตกกลางคืนลูกก็หลับเพราะเหนื่อย แต่หลับไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ลูกก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วมองเลยคุณเป้ขึ้นไปแล้วชี้พร้อมพูดว่า “ผี” แต่คุณเป้คิดว่าสิ่งที่ลูก เห็นไม่น่าใช่ผีเพราะคุณเป้ไม่เคยสอนคำนี้ คุณเป้จึงคิดว่าลูกเรียกว่า “พี่” เพราะอาจจะพูดไม่ชัด แต่คุณเป้ก็คิดว่าแล้ว “พี่” คนนั้นคือใคร เพราะในห้องนั้นมีแค่ลูก 2 คน จากนั้นลูกก็นั่งมองสิ่งที่เขาชี้ทั้งคืนไม่ยอมนอนแต่ไม่ร้องไห้ เมื่อถึงคืนที่ 2 ลูกเป็นเหมือนเดิมแต่คราวนี้ร้องไห้ทั้งคืนไม่หยุด คุณเป้เหนื่อยมากเพราะไม่ได้นอนทั้ง 2 คืนและอีกวันก็ต้องขับรถกลับ พอดีวันนั้นคุณเป้ห้อยท้าวเวสสุวรรณ จู่ ๆ ก็มีอะไรดลใจให้คุณเป้จับท้าวเวสสุวรรณและบอกว่า “ปู่ครับ ช่วยลูกผมด้วย ให้ลูกผมได้หลับให้ลูกผมได้นอน อย่าให้มีอะไรมารบกวน ขอให้คนนี้ทุกคนหลับสบาย” แล้วคุณเป้ก็นำท้าวเวสสุวรรณวนหัวลูก 3 รอบ เมื่อเสร็จลูกคุณเป้ล้มลงนอนทันทีหลับไปเลย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาทำให้คุณเป้เชื่อว่าปู่เวสสุวรรณมีจริง และพกติดตัวตลอดเวลา(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณปอนด์ ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ l อังคารคลุมโปง X บอย ฉีดปลวก [ 10 มิ.ย.2568 ]

18 มิ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณปอนด์ ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ l อังคารคลุมโปง X บอย ฉีดปลวก [ 10 มิ.ย.2568 ]

‘คุณปอนด์’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวที่ตนนั้นได้ไปรื้อถอนโรงงานเก่า ทำให้เขาต้องเจอเรื่องราวสุดหลอน เกี่ยวกับวิญญาณที่ตายอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (10 มิถุนายน 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ ที่ใครได้ฟังก็ต้องขนลุกไปตามกัน! คุณปอนด์ทำธุรกิจรับรื้อถอนโรงงานเก่า วันหนึ่งเขาได้รับการติดต่อจากนายหน้ารายหนึ่ง ให้ไปทำการรื้อโรงงานร้างในกรุงเทพฯ ที่ถูกปิดทิ้งร้างมานานกว่า 3-4 ปี เมื่อถึงวันนัด คุณปอนด์ก็จัดทีมพร้อมรถไปที่หน้างานตามปกติ โดยเริ่มลงมือรื้อถอนช่วงเช้า ทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปด้วยดี แต่ช่วงพักเที่ยง จู่ ๆ รถขนของที่เพิ่งซื้อมาใหม่กลับสตาร์ทไม่ติด ทั้ง ๆ ที่ยังซื้อมาไม่นาน ช่วงประมาณหนึ่งทุ่ม ฝนเริ่มโปรยลงมา ปัญหาคือ หลังคาโรงงานที่คนงานรื้อไปหมดแล้ว ทำให้ไม่มีที่หลบฝน ทุกคนวิ่งหาที่หลบฝน จนมาเจอกับตู้คอนเทนเนอร์ใบหนึ่ง จึงพากันเข้าไปหลบฝน และกินอาหารเย็นกันข้างใน อาหารมื้อนั้นคือส้มตำกับข้าวเหนียว คนงานนั่งล้อมวงกันปั้นข้าวเหนียวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ยกเว้น ‘เจ้าขัน’ หนึ่งในคนงานที่ดูมีท่าทีแปลก ๆ คุณปอนด์สังเกตว่า เจ้าขันพยายามจะปั้นข้าวเหนียวเข้าปากหลายรอบ แต่ข้าวกลับหล่นทุกครั้ง จนคุณปอนด์อดแซวไม่ได้ “วันนี้สงสัยจะทำงานหนัก ขนาดปั้นข้าวยังไม่มีแรงเลย” ทันใดนั้น เจ้าขันหยิบข้าวเหนียวปั้นโยนเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ แล้วพูดเสียงแข็งว่า “จะกินก็กินดี ๆ ทำไมต้องแย่งจากปากด้วย?” คำพูดนั้นทำเอาทั้งวงเงียบกริบ ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ และในคืนนั้นเองเวลาประมาณสี่ทุ่ม คุณปอนด์ได้รับสายจาก ‘ตี๋’ ลูกน้องอีกคนโทรมาบอกว่า “รถชนเสาไฟหน้าบ้าน อยู่ดี ๆ ก็เห็นเสาไฟฟ้าอยู่ด้านหน้า แล้วรถมันก็ไหลไปชน” คุณปอนด์ฟังแล้วก็แปลกใจ เพราะตี๋เป็นคนขับรถระมัดระวังมาก ตีสี่กว่า สายโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นข่าวว่าเจ้าขันขับรถไปชนที่ด่านจ่ายเงินมอเตอร์เวย์ โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ แต่สองอุบัติเหตุภายในคืนเดียวทำให้คุณปอนด์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ รุ่งเช้าเขากลับมาที่ไซต์งานเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรต้องเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม หนึ่งในสิ่งที่เหลืออยู่คือ ตู้คอนเทนเนอร์ คุณปอนด์จึงเรียกรถเครนมายกตู้ไป แต่ไม่ว่าจะใช้แรงเท่าไหร่ตู้ก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว คิดว่าอาจจะมีของหนักอยู่ในตู้ จึงให้คนงานช่วยกันเปิดรื้อของข้างในออกทั้งหมด แต่เมื่อเปิดฝ้าภายในตู้ออกมา ทุกคนต้องชะงัก... บนฝ้าเต็มไปด้วยสายสิญจน์เก่า ๆ เขียนอักขระแปลกตาคล้ายอักษรขอมสีแดง พอผู้จัดการเห็นดังนั้นก็รีบไปซื้อดอกไม้ ธูปเทียนมาไหว้ในทันที แต่คุณปอนด์ที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังดื้อดึง เรียกรถเครนมาเพิ่มอีกคัน... แต่ตู้ก็ยังไม่ขยับ สุดท้ายเขาตัดสินใจทิ้งตู้ใบนี้ไว้ไม่แตะอีก ต่อมาได้ลองสอบถามคุณป้าคนหนึ่งที่อาศัยอยู่แถวนั้น ป้าเล่าว่า... “ตู้ใบนั้นน่ะ เมื่อก่อนเคยมีคนงานอยู่ข้างใน เป็นพ่อแม่ลูกกัน แต่เกิดอะไรบางอย่างไม่รู้... เสียชีวิตกันหมดทั้ง 3 คน ข้างในตู้นั่นแหละ” คำพูดของคุณป้าทำให้คุณปอนด์นึกถึงคืนวันแรกที่รื้อของมาวางไว้หลังบ้านพักคนงาน มีลูกน้องคนหนึ่งมาบอกว่า ฝันเห็นคน 3 คนมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณปอนด์ก็ทิ้งตู้คอนเทนเนอร์นั้นไว้และไม่มีใครแตะต้องมันอีก(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1