กางเกงมือสองเจ้าของตามมาหา! เรื่องราวของคนชอบเสื้อผ้ามือสอง ซื้อแบบไม่สนใจ จนได้ของแถมกลับมา!

อังคารคลุมโปง RECAP

กางเกงมือสองเจ้าของตามมาหา! เรื่องราวของคนชอบเสื้อผ้ามือสอง ซื้อแบบไม่สนใจ จนได้ของแถมกลับมา!

25 ม.ค. 2024

        เรื่องนี้เป็นสายจาก ‘คุณมิ้น’ ที่โทรมาเล่าเหตุการณ์ของรุ่นน้องให้แฟนรายการ ‘ อังคารคลุมโปง X’ (16 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’  เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ‘น้องอาย’ รุ่นน้องของคุณมิ้น เกี่ยวกับเสื้อผ้ามือสองที่ได้ของแถมกลับมาด้วย เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย

        เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา คุณมิ้นเล่าว่า ‘น้องอาย’ ชอบซื้อเสื้อผ้ามือสองมาก จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่กางเกงลายทหารและกางเกงคาร์โก้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง น้องอายจึงไปหาซื้อกางเกงในร้านที่ไปบ่อย ๆ ก็ได้เจอกางเกงที่มีลักษณะโดนใจ แต่เป็นขนาดของผู้ชาย น้องอายจึงขอผ้าถุงจากแม่ค้าและลองสวม เมื่อลองสวมก็รู้สึกว่าเอวใส่ได้พอดี แต่ช่วงขาของกางเกงยาวเกิน ด้วยความชอบ น้องอายจึงซื้อกลับมาและเอามาเก็บไว้ในตู้ เพื่อที่จะเอาไปตัดขากางเกงให้พอดีกับตัวเอง

        หลังที่ซื้อกางเกงกลับมา น้องอายรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา เวลาทำงานหางตาก็จะเห็นเหมือนกับมีคนเดินอยู่ในห้อง บางทีก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในตู้เสื้อผ้า น้องอายจึงมารื้อดู เพราะนึกว่ามีหนู แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร น้องอายเล่าให้คุณมิ้นฟังว่า เคยฝันว่าตัวเองปวดปัสสาวะ และสะดุ้งตื่นเห็นเงายืนอยู่ข้างตู้ที่ปลายเตียง จึงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างเตียง แต่พอเปิดไฟก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น จึงคิดว่าตัวเองตาฝาด หลังจากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำกลับมาปิดโคมไฟแล้วล้มตัวนอนอีกครั้ง ช่วงกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงประตูตู้เสื้อผ้าแง้มออก จึงมองดูในความมืด เห็นว่าประตูมันแง้มมานิดนึง แต่ก็นอนต่อเพราะคิดว่าไม่มีอะไร ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนกองเสื้อผ้าไหลออกมาจาก น้องอายจึงตัดสินในเปิดไฟห้องเพื่อที่จะเก็บเสื้อผ้าที่ไหลออกมา ในกองผ้านั้นมีกางเกงลายทหารที่เพิ่งซื้อมาอยู่ในนั้นด้วย  น้องอายเก็บเสื้อผ้ายัดเข้าตู้เหมือนเดิม ปิดไฟกลับมานอนต่อ หลังจากล้มตัวลงนอนได้สักพัก ยังไม่ทันเคลิ้มหลับ น้องอายบอกว่าได้ยินเสียงบางอย่างในตู้ และตู้เสื้อผ้าก็สั่นโยก น้องอายจึงจับที่เตียงนอนเพราะคิดว่าแผ่นดินไหว ปรากฏว่ามีแค่ตู้ที่สั่น พอตู้หยุดสั่น น้องอายค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนแต่สายตายังจ้องอยู่ที่ตู้  เห็นเงาผู้ชายคล้ายตำรวจไม่ก็ทหาร สูงประมาณ 180 เซนติเมตร ไม่แน่ใจว่าหน้าตาเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าดำไปทั้งตัว ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ากำลังมองมาที่น้องอาย! น้องอายไม่กล้าจ้องเงานั้นจึงหลบสายตาแต่ก็สังเกตุเห็นว่าผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อสีขาว กางเกงลายทหารเหมือนกับที่น้องอายซื้อมา น้องจึงคิดว่าน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับกางเกงที่ซื้อมา น้องอายก้มหน้าและพูดออกมาว่า “พี่คะ หนูอยู่คนเดียว พี่อย่าหลอกหนูเลย ถ้าหนูทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ หนูขอโทษ”  หลังจากพูดจบก็ยังก้มหน้าอยู่แต่ความรู้สึกอากาศรอบตัวหยุดนิ่ง จึงตัดสินใจค่อย ๆ เงยหน้าดูก็ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ที่ตู้แล้ว น้องอายจึงเดินไปเปิดไฟห้องและตัดสินใจว่าจะออกไปหาเพื่อน แต่ตอนนั้นเป็นเวลาตี 2 กว่าแล้ว จึงจัดสินใจเปิดไฟแล้วนอนจนถึงเช้า 

         ตื่นเช้ามา น้องอายคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากกางเกงที่ซื้อมา จึงเอากางเกงมาดูแต่ไม่พบอะไร น้องอายจึงตัดสินใจกลับด้านดูด้านใน ทำให้เห็นว่ามีคราบสีแดงคล้ำ ๆ คล้ายเลือด ตรงบริเวณขากางเกงฝั่งซ้าย และขอบกางเกงด้านในมีคราบเลือดเป็นวงขนาดใหญ่  น้องอายจึงโทรไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังและถ่ายรูปกางเกงส่งไปและมีความคิดว่าจะตามหาที่มาของกางเกงตัวนี้ แต่ร้านไม่น่าจะรู้เพราะเสื้อผ้ามือสองส่วนใหญ่มาจากหลาย ๆ ที่ น้องอายตัดสินใจว่าจะเอากางเกงตัวนี้ทิ้งแต่มีความคิดว่าเขาจะโกรธไหม จึงตัดสินใจเอากางเกงตัวนี้ไปที่วัดและเล่าเหตุการณ์ที่เจอให้กับหลวงพ่อฟัง  หลวงพ่อจึงแนะนำให้สวดบังสุกุลและเผากางเกงตัวนี้ให้เขาไป น้องอายทำตามที่หลวงพ่อแนะนำ หลังจากที่ทำไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในห้องอีก คุณมิ้นเล่าต่อว่าปัจจุบันน้องอายก็ยังชอบซื้อเสื้อผ้ามือสองอยู่ แต่จะดูให้ละเอียดก่อน

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

ย้ายไปทำงานที่นอกตัวเมืองต่างจังหวัด พี่เขาถามมาประโยคเดียวว่า “นอนได้ใช่ไหม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” คืนแรกที่มานอนก็ได้ยินเสียงเคาะห้องทั้งคืน เพราะอยากมาอยู่ด้วย! เคาะไม่หยุดจนต้องสื่อสารกับเจ้าที่ว่า “เจ้าที่คะ กั้นรอบรั้วทีค่ะ หนูจะเล่นเขา”

12 มิ.ย. 2023

ย้ายไปทำงานที่นอกตัวเมืองต่างจังหวัด พี่เขาถามมาประโยคเดียวว่า “นอนได้ใช่ไหม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” คืนแรกที่มานอนก็ได้ยินเสียงเคาะห้องทั้งคืน เพราะอยากมาอยู่ด้วย! เคาะไม่หยุดจนต้องสื่อสารกับเจ้าที่ว่า “เจ้าที่คะ กั้นรอบรั้วทีค่ะ หนูจะเล่นเขา”

‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (6 มิถุนายน 2566) ‘ส้ม มัลนิการ์’ ได้เล่าเรื่องสุดหลอนที่ได้เจอตอนย้ายไปเช่าบ้านพักที่ต่างจังหวัด ที่ฟังจบแล้ว ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ถึงกับขนลุกเกรียวกราวไปตาม ๆ กัน! จะหลอนแค่ไหนนั้น เปิดแสงสว่างจอให้สุดแล้วปิดไฟอ่านพร้อมกันเลย!คุณส้มเริ่มเล่าว่า มีช่วงหนึ่งที่กำลังตามหาตัวเอง จึงไปทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งที่จันทบุรี แต่สาขางานที่ทำอยู่นั้นค่อนข้างห่างจากตัวเมือง บางวันอยู่เคลียร์งานจนต้องกลับดึกทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่จึงแนะนำให้ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ สาขาที่ทำมากขึ้น ซึ่งบ้านพักที่ย้ายมา อยู่ใกล้มาก เยื้องกับสาขาที่ทำงาน บ้านพักมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวที่ยกสูงจากพื้นประมาณ 2 ฟุต ต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะเข้าห้องพัก อยู่หลังริมสุดติดรั้ว คุณส้มรู้จักกับพี่เจ้าของบ้านพักเพราะเขาทำงานบริษัทเดียวกันแต่คนละสาขา จึงได้ในราคาที่ถูกลง จากประมาณ 5,000 เหลือ ประมาณ 3,500 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมาก ทั้งสะดวก ทั้งอยู่ติดที่ทำงาน โรงพยาบาล และร้านอาหาร จึงตัดสินใจย้ายของเข้า แต่แล้วพี่เจ้าของบ้านพักก็ถามขึ้นมาว่า “นอนได้ใช่ไหม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” คุณส้มก็ตอบไปว่า “ได้ค่ะ” แม้จะเอะใจแต่ก็คิดว่า พี่เขาคงเป็นห่วงเพราะเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวคืนแรกที่มาอยู่ที่บ้านพักแห่งนี้ ก็ต้องขนของจัดของเข้าห้อง กว่าจะเสร็จก็ดึกมาก และต้องรีบนอนเพราะต้องตื่นไปทำงานตั้งแต่เช้า ระหว่างที่จัดของในห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำ ก็ได้ยินเสียงเดิน เป็นเสียงรองเท้าเดินบนพื้นหินกรวด เข้ามาทางประตูด้านหลังของตัวบ้านพัก คุณส้มก็คิดว่าเป็นพี่ผู้ชายห้องข้าง ๆ เดินมา เพราะเสียงฝีเท้ามันหนักและใหญ่เหมือนใส่รองเท้าบูทหรือไม่ก็คอมแบต ชัดเจนมากว่าเป็นของผู้ชายดัง “ฉึบ ฉึบ ฉึบ” เหมือนเดินมาด้วยความรีบ สักพักเสียงก็หยุดไป คุณส้มคิดในแง่ดีว่า ยังไงก็ต้องเป็นคน อาจจะเป็นเสียงของพี่ห้องข้าง ๆ จึงไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำ ขณะที่คุณส้มกำลังแปรงฟัน เสียงเดินก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่รอบนี้เสียงเดินมันดังขึ้นมาจากบันได “ตึง ตึง ตึง” มาหยุดที่หน้าประตูด้านหลัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหลาย ๆ ครั้ง แล้วก็มีเสียงผู้ชายตะโกนมาว่า “เห้ย เปิดโว้ย!” คุณส้มจึงตะโกนกลับไป “ใครอ่ะ!” แล้วก็คิดในใจว่าเราเข้าผิดห้องหรือไปจอดรถขวางใครหรือเปล่า แล้วก็ตอบไปว่า “แป๊บนึงนะคะพี่” จากนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปเปิดประตูแง้ม ๆ แต่เสียงมันเงียบจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้! คุณส้มมั่นใจมาก ว่ามีคนมาเคาะประตูห้องจริง ๆ จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปดู เท่านั้นแหละ ขนลุกเลย! ข้างนอกไม่มีคนอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งรอยเท้า ส่วนพี่ผู้ชายที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก็ยังไม่กลับ ในใจก็คิดว่าถ้าเป็นเจ้าที่ คุณส้มจึงก็ขอโทษ ขอขมา ขอให้อยู่ปลอดภัย เดี๋ยวจะเอาพวงมาลัยไปไหว้จากนั้นคุณส้มก็กลับเข้ามาดูทีวี สักพักก็ได้ยินเสียงรถ เสียงเดินมาไขกุญแจของพี่ข้างห้อง คุณส้มก็คิดว่าเสียงเมื่อสักครู่ไม่ใช่พี่ข้างห้องแน่ๆ คงไม่มีอะไรจึงไปนอน นอนไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะผนังไม้บริเวณหัวเตียง เคาะจนคุณส้มตื่น ในใจคิดว่าคงเป็นเสียงกิ่งไม้มาโดนกับผนัง จึงนอนต่อ สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะ “ตึง!” ที่ชัดและดังมาก ๆ ทำให้สะดุ้งตื่น คราวนี้คุณส้มคิดว่าไม่ใช่เสียงกิ่งไม้แล้วแน่ๆ แล้วเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีก เป็นเสียงเคาะที่ไล่จากซ้ายไปขวา ขึ้นบนลงล่าง สลับกันทั่วห้อง ด้วยความที่คุณส้มง่วงมากจึงตะโกนกลับไป “หยุด! จะนอน!” แล้วเสียงนั้นก็หยุด เงียบไปสักพักก็กลับมาเคาะอีก เป็นเสียงเคาะเหมือนวิ่งอยู่รอบ ๆ ตัว คุณส้มคิดว่าโดนคนแกล้งแน่ ๆ เลยเปิดประตูออกไปแต่กลับไม่มีอะไรเลย!พอกลับเข้ามาคุณส้มก็รวบรวมสมาธิ พยายามที่สื่อสารบอกเขาว่าเรามาดีนะ แต่เสียงเคาะก็ไม่หยุดแต่ถี่น้อยลง คุณส้มจึงใช้เซนส์ดู ก็เห็นว่าเขาเป็นผู้ชาย ผิวซีด เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจักรยานยนต์ไม่ก็รถยนต์ที่โรงพยาบาลใกล้ที่พัก พอถามเขาว่าต้องการอะไร เขาก็ไม่ตอบแต่กลับก่อกวนและทำให้รู้ ว่าเขาอยากมาอยู่ที่นี่กับเรา แต่ไม่ได้มาอยู่แบบดี เขาทำให้กลัว หลอน ระแวงเสียงต่าง ๆ คุณส้มบอกว่าจะทำบุญแผ่ส่วนบุญไปให้ เขาก็ไม่เอา จึงสื่อสารกับเจ้าที่ว่า “เจ้าที่คะ กั้นรอบรั้วทีค่ะ หนูจะเล่นเขา” สักพักนึงในเซนส์ของคุณส้ม รอบรั้วก็มีแสงสว่างขึ้น! ผู้ชายคนนี้เหมือนพยายามจะเดินออกแต่ก็ออกไม่ได้ คุณส้มเลยขู่เขาว่า “ถ้ายังเป็นแบบนี้ ต่อไปจะแช่ง ติดต่อให้ยมทูต ยมบาลมาเก็บแล้วนะ” จากนั้นก็เริ่มสวดคาถาสายร้อน เพื่อที่จะให้เขาตอบว่าเขาต้องการอะไร และให้เขารู้ว่าอยู่ตรงนี้ไม่ได้ แต่ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง จนสุดท้ายเจ้าที่ช่วย เขาก็ขอร้องที่จะออกไปเองแล้วไม่กลับมาที่นี่อีก คุณส้มจึงพูดกลับไปว่า “ถ้ากลับมาก่อกวนอีกเมื่อไหร่ โดนนะ!” พูดคุยกันจบคุณส้มจึงไปนอนต่อเช้าวันถัดมา พี่เจ้าของที่พักก็มารอตั้งแต่เช้าเพื่อถามเพียงแค่ประโยคเดียวว่า “ส้ม เมื่อคืนนอนได้ไหม?” คุณส้มจึงตอบกลับไปว่า “พี่รู้อะไรบอกมาเดี๋ยวนี้ ทำไมถามแบบนี้” พี่เขาก็จับแขนแล้วพูดว่า “ฟังพี่นะ ห้องเนี้ย ไม่เคยมีใครอยู่ได้เลย เห็นส้มสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้เลยไม่ได้บอก แล้วเขาว่ายังไงบ้าง” คุณส้มก็บอกพี่เขาไปว่าคุยอะไรกับวิญญาณ และต้องทำอะไรบ้างให้พี่เจ้าของบ้านพักฟัง หลังจากนั้นไม่นานคุณส้มก็ต้องย้ายสาขาที่ทำงานมาในตัวเมืองจึงย้ายออกมาจากที่บ้านพักนั้น…คุณส้มบอกว่า ไม่รู้ว่าที่วิญญาณเขาทำแบบนั้นเขาต้องการอะไร แต่เขาพูดกับคุณส้มว่า “วันนึง จะต้องขอบคุณเขา” แล้วคุณส้มก็เพิ่งมานึกออกตอนเห็นว่ารายการอังคารคลุมโปงใช้เรื่องนี้เพื่อโปรโมทในรายการ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

16 พ.ย. 2023

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

เมื่อต้องย้ายเข้าหอใหม่ แต่ชั้นที่จะไปอยู่ดันไม่มีห้องว่าง มีแค่ห้องตัวอย่างที่อยู่ใกล้กับลิฟต์ ทำให้ต้องเจอเรื่องแปลกประหลาดชวนขนหัวลุก! เรื่องหลอนจาก ‘คุณต้น “Wolftone’ ที่มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤศจิกายน 2566) พร้อมเจอกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องนี้จะประหลาดอย่างไรนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในสมัยที่คุณต้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยย่านนครปฐม เป็นช่วงระหว่างปี 1 ขึ้นปี 2 ช่วงนั้นเขาย้ายหอพักจากหอพักเก่าไปหอพักหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันอยู่ที่นั่นชื่อ ‘คุณเบนซ์’ เขาจึงชวนคุณต้นย้ายเข้าไป คุณเบนซ์พักอยู่ที่ชั้น 2 ในวันที่ไปเลือกห้อง คุณต้นจึงไม่ได้ไปดูชั้นอื่นเลยนอกจากชั้น 2 เพราะว่าต้องการที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ไปเรียนจะได้สะดวก แต่ชั้น 2 ไม่มีห้องไหนว่าง ยกเว้นห้องตัวอย่าง เลขที่ 207 ลักษณะของห้องนี้คือ เมื่อออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะถึงเลย เรียกได้ว่าอยู่เยื้องกับลิฟต์ หากเปิดประตูเข้าไปก็เหมือนห้องทั่วไป ทางซ้ายมีห้องน้ำ มีเตียง ถัดไปเป็นโซฟาและตู้ คุณต้นจึงตัดสินใจเลือกห้องนั้น เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้นประมาณ 1 - 2 เดือน จนคุณต้นเริ่มสนิทกับคนในหอ สนิทกับ รปภ. คุณป้าแม่บ้าน และคุณป้าพนักงาน ซึ่งพวกเขาก็มักจะนั่งสังสรรค์อยู่ใต้หอพักก่อนจะขึ้นนอนเป็นประจำ ส่วนคุณต้นก็จะนั่งอยู่กับคุณลุงรปภ. เป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งพวกเขานั่งสังสรรค์กันตามปกติ แต่มีเพื่อนของคุณต้น ชื่อ ‘คุณคิน’ เข้ามานั่งร่วมวงด้วย พวกเขาก็นั่งกินกันไปเรื่อย ๆ จนถึงตี 1 - 2 ก็เริ่มเมา จากนั้นจึงขึ้นไปนอน คุณคินก็ไม่ได้กลับไปที่หอพักตัวเองเพราะหอพักเขาอยู่ไกล คุณต้นจึงพาคุณคินขึ้นมานอนที่ห้องของตัวเอง โดยคุณคินนอนบนเตียง ส่วนคุณต้นนอนอยู่ที่โซฟา ไม่นานทั้งคู่ก็หลับไป เช้าวันต่อมา คุณต้นตื่นเพราะเสียงของเพื่อนที่พูดว่า “ต้น มึงทำอะไรอยู่เนี่ย มึงแกล้งมึงเล่นอะไรอยู่เนี่ย” ด้วยความสะลึมสะลือ เขาจึงตื่นขึ้นไปดู สิ่งที่เขาเห็นคือ คุณคินโดนห่อด้วยผ้าห่มแน่น ๆ เหมือนกับนุ่งผ้าออกมาจากห้องน้ำ เหมือนกับข้าวต้มมัดที่แน่น ๆ ซึ่งผิดธรรมชาติจากการห่มผ้าทั่วไป แล้วที่แปลกกว่านั้นคือ คุณคินไม่ได้สวมเสื้อผ้า แต่เสื้อผ้าทั้งหมดไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำ! คุณคินตกใจมากจึงหันมาถามคุณต้นว่า “แกล้งอะไร” คุณต้นยังมึนงง เพราะตนไม่ได้ทำอะไร จำได้ว่าต่างคนต่างนอน พอตื่นมาก็เจอสภาพแบบนี้แล้ว แต่หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ทุกคนก็ขำขันคิดเพียงว่าเป็นเรื่องโจ๊กเล่าสนุกเท่านั้น หลังจากนั้นผ่านไป 2 สัปดาห์ คุณคินก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนอีกกลุ่มที่บ้านพักของเพื่อน คราวนี้ก็คล้าย ๆ กัน คือนั่งดื่มกันไปเรื่อย ๆ แต่ครั้งนี้ คุณคินขึ้นไปนอนที่ห้องของเพื่อน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันกับห้องพักคุณต้น หลังจากภาพตัดหลับไป เหตุการณ์แปลก ๆ ตอนเช้า ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งแรก เพราะคุณคินตื่นมาพร้อมกับเสื้อที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เมื่อจับที่ปากก็รู้สึกเจ็บมาก เขาจึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อดูตัวเองในกระจก ก็เห็นว่าตัวเอง ปากแตก ปากข้างล่างฉีกประมาณ 4 เซนติเมตร มีเลือดอาบเต็มเสื้อ ฟันแตกผ่าครึ่งแล้วฝังไปในริมฝีปากล่าง และที่แปลกไปกว่านั้นคือ เขามีสำลีอยู่รอบตัว ทีแรกคิดว่าอาจจะล้มแล้วเพื่อนมาช่วยทำแผล จึงถามเพื่อน ๆ ที่นอนด้วยกัน สรุปว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพิ่งมารู้ตอนเช้าพร้อมกันนี่เอง ทุกคนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นคุณต้นก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติ แต่แล้วเหตุการณ์แบบนั้นก็ไม่เกิดขึ้นกับคุณคินอีก ไปเกิดกับคุณต้นแทน.. ผ่านเหตุการณ์นั้นไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ วันหนึ่งหลังจากกลับจากเรียนคุณต้นก็มานอนพักที่ห้องตามปกติ ไม่ได้ดื่มหรือมีอาการมึนเมาแต่อย่างใด เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตอนเช้าอีกครั้ง คุณต้นโดนห่อเป็นข้าวต้มมัด โดนรัดแน่นมากและโดนแก้ผ้าด้วย ส่วนเสื้อผ้าไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำเหมือนครั้งก่อน! แล้วหลังจากนั้น คุณต้นก็เจอเหตุการ์ณแบบนี้อีก 3 – 4 ครั้ง กระทั่งคืนก่อนจะถึงครั้งสุดท้ายที่คุณต้นทนไม่ไหว คืนนั้นเขาก็นอนปกติ เขารู้สึกว่าเขาโดนกดที่หน้าอกแรงมาก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตนมีอาการผีอำ เมื่อเขาพยายามลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่กำลังกดเขาอยู่คือผู้หญิง! เขาพยายามลืมตาและสวดมนต์ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “มึงไม่ได้ผลหรอก มึงทำไปเลย มันไม่ได้ผล สวดไปเลย มีพระหรอ” ราวกับกำลังเยาะเย้ยคุณต้น ผ่านไปไม่นาน คุณต้นก็ลุกขึ้นมาได้ จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณเบนซ์บอกว่า “กูโดนแล้ว กูเริ่มไม่ไหวแล้ว มันมากเกินไปแล้วนี่มันครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 แล้วไม่ไหวแล้ว” แต่คุณต้นก็ตอบกลับไปว่า “โอเค ไม่เป็นไร งั้นอยู่ไปก่อน ดูกันไปก่อน” จนมาถึงเหตุการณ์สุดท้าย เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คุณต้นตัดสินใจย้ายออกจากห้องนั้นไปห้องอื่นเลยคือ…! วันนั้นคุณต้นนั่งดื่มกับเพื่อนตามปกติ แต่ครั้งนี้เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 5 ทุ่ม อยู่ ๆ คุณต้นก็เดินขึ้นไปบนห้องแบบไม่บอกใคร หายไปจากวงสังสรรค์นั้นแล้วก็ขึ้นไปนอน ซึ่งคุณต้นรู้ตัวแค่ว่าตอนนั้นเหมือนมีบางอย่างบอกเขาว่าต้องขึ้นไปข้างบนและไปนอนได้แล้ว ความจำสุดท้ายของคุณต้นคือ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วก็วาร์ปหลับไป ตื่นเช้ามาอีกที ก็ได้ยินเสียงคุณเบนซ์เรียก “ต้น มึงโดนอีกแล้วว่ะ มึงย้ายห้องเหอะ กูสงสารมึง” ทันทีที่คุณเบนซ์เห็นหน้าคุณต้นก็อึ้งไปสักพักเพราะว่าเสื้อผ้าของคุณต้นนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ปากของคุณต้นนั้นฉีกไปประมาณ 3 เซนติเมตร นั่นทำให้คุณต้นไม่อยากทนอีกต่อไป จึงไปถามกับรปภ. และคุณป้าพนักงานว่า ชั้น 2 มีเหตุการณ์อะไรมาก่อนหรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปริปากบอกจนคุณต้นต้องพยายามเค้นถาม จึงได้คำตอบมาว่า บริเวณลิฟท์ชั้น 2 จะมีผู้หญิงคนหนึ่งวนเวียนอยู่ตรงนั้น ป้าแม่บ้านเห็นประจำ และมักจะเห็นเดินไปเดินมาบริเวณห้อง 207 ที่คุณต้นอยู่ รปภ.และแม่บ้านบอกมาแค่นั้น คุณต้นก็สืบไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร จนกระทั่งเหตุการณ์สุดท้าย หลังจากที่คุณต้นย้ายห้องไปแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นการการันตีว่าสิ่งที่คุณต้นเห็นและทำทั้งหมดเป็นคนคนเดียวกัน นั่นคือเมื่อคุณต้นย้ายห้องไป ในคืนหนึ่งก็ฝันว่า กำลังจะไปเรียน พอเปิดประตูแล้วหันไปทางซ้าย ซึ่งเป็นห้อง 207 ที่เคยอยู่ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวสีเหลือง ผมประบ่า แต่ไม่เห็นหน้า แล้วร่างนั้นก็ถอยหลังค่อย ๆ หายไปในเงา แล้วคุณต้นก็สะดุ้งตื่น! นั่นทำให้คุณต้นได้รู้ว่าคือคนเดียวกันกับที่เคยกดคุณต้น แต่ว่าก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าสิ่งที่เจอมันคืออะไร แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใคร..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เจอหลอน! เลี้ยงโต๊ะจีนผีที่สุสานใหญ่อยู่ดีๆ เครื่องเซ็นเซอร์ผีดังรัวๆ เลยเดินไปพูดว่า “สวัสดีครับ เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรก็บอก”

22 ธ.ค. 2023

เจอหลอน! เลี้ยงโต๊ะจีนผีที่สุสานใหญ่อยู่ดีๆ เครื่องเซ็นเซอร์ผีดังรัวๆ เลยเดินไปพูดว่า “สวัสดีครับ เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรก็บอก”

เมื่อต้องไปเลี้ยงโต๊ะจีนผีที่สุสานใหญ่ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีของ The Shock งานนี้จะเจออะไรหลอน ๆ บ้าง รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 ธ.ค 2566) วันนี้จะพาทุกคนหลอนไปกับ ‘ตั้น The Shock’ และ ดีเจทั้งสองท่าน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวของคุณตั้นที่ได้พบเจอกับบางสิ่งบางอย่าง จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลยยย เรื่องนี้ ‘คุณตั้น’ ได้เริ่มเล่าว่า ทางทีมงาน The Shock ได้เดินทางไปเลี้ยงโต๊ะจีนผี ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีของ The Shock ซึ่งปีนี้จะไปจัดกันที่สุสานจังหวัดราชบุรี เวลางานจะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 3 ทุ่ม โดยปีนี้ ‘พี่ป๋อง The Shock’ นำทัพไปจัดโต๊ะหมู่ขึ้นที่สุสานใหญ่ มีอาหารบางส่วนและวงปี่พาทย์ เอาไปตั้งไว้ที่เก็บศพไร้ญาติ ตัวคุณตั้นตามไปทีหลัง ไปถึงประมาณ 2 ทุ่ม เป็นเวลาใกล้จบงาน ช่วงที่วงปี่พาทย์เล่นให้ผีฟัง ซึ่งตรงนั้นจะมีซองเก็บศพประมาณ 300 – 400 ซอง คุณตั้นก็เดินไปยืนตรงหน้าวงปี่พาทย์และซองเก็บศพ ซึ่งปกติธรรมเนียมของ The Shock ที่ทำกันมาเป็น 10 ปี คือ เวลาที่เลี้ยงผี ก็จะมีการนำใบตองมาวางและเอาแป้งมาโรยไว้ เพื่อเป็นการเก็บรอยเท้าว่าเขามาหรือเปล่า ซึ่งก็มีรอยเท้ามาจริง ๆ ในระหว่างที่ทุกคนยืนดูกันอยู่ ก็มีเสียงเครื่องเซ็นเซอร์ดังขึ้น “ตื้อดึง ตื้อดึง ตื้อดึง” ดังอยู่อย่างนี้โดยไม่มีเหตุผลอยู่ตัวเดียว ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นจึงเริ่มฮือฮาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในระหว่างนั้น ด้วยความห่ามของคุณตั้น คุณตั้นได้เดินผ่านซองเก็บศพไป และในขณะที่เดินก็ได้พูดว่า “สวัสดีครับ อยากได้อะไรมาบอกเนาะ อยากได้อะไรก็มาเข้าฝัน แล้วก็มาพูดกับเราแล้วกัน” เมื่อคุณตั้นเดินไปถึง เครื่องจับเซ็นเซอร์ก็เงียบเสียงลง คุณตั้นก็พูดไปว่า “สวัสดีครับ เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรก็บอก” แต่ถามด้วยความไม่ลบหลู่ ไม่ได้ท้าทาย แต่ระหว่างที่คุณตั้นเดินย้อนกลับมา ก็มองกวาดสายตาไปเรื่อย ๆ ก็ได้ไปสะดุดสายตาอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง เป็นร่างสีขาวในความมืด เขาเดินและหายไป คุณตั้นที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่คิดว่า ‘ตรงนั้นมีอะไร มีทีมงานเอาเครื่องเซ่นไปไว้หรือเปล่า’ เพราะตอนนี้งานก็ใกล้จะเลิกแล้ว คุณตั้นจึงเดินกลับมา คนอื่น ๆ รีบมาถามถามคุณตั้นว่า “มึงไม่กลัวหรอ” แต่คุณตั้นก็ไม่ได้คุยอะไร แต่พูดไปประโยคหนึ่ง คือ “ตรงนั้นมีอะไร เราจะได้ไปช่วยเก็บ” ทุกคนก็หันมาถามคุณตั้นว่า “พี่เห็นหรอ” คุณตั้นก็หันไปบอกว่า “ก็เห็นสิ ตรงนั้นน่ะ มีคนยืนอยู่” แล้วก็มีคนตอบกลับมาว่า “ไม่มีพี่ ไม่มีอะไรด้วย ตรงนั้นคือ เชิงตะกอนเผาศพของมูลนิธิ” คุณตั้นก็รู้ได้เลยว่า นั่นคือผี หลังจากที่ฟังจบ คุณตั้นก็เงียบไป ทุกคนก็กรูกันเข้ามาถามคุณตั้นว่า “พี่เห็นหรอ” หลังจากนั้นก็จะมีเหล่าคนที่มีเซ้นส์มาบอกว่า “เนี่ย ตรงนี้มี ตรงนี้น่ากลัวมาก รู้สึกว่ามี” คุณตั้นก็ได้การันตีว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือผีจริง ๆ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณจอย 'ทางที่ต้องเลือก' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 22 ต.ค. 2567]

26 ต.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณจอย 'ทางที่ต้องเลือก' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 22 ต.ค. 2567]

ขนหัวลุกไปกับเรื่องหลอนจาก ‘คุณจอย‘ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ทางที่ต้องเลือก’ จากรายการอังคารคลุมโปง X (22 ตุลาคม 2567) โดยมี ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ หลอนไปพร้อมกัน เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่วิญญาณคุณจอยออกจากร่าง และเกือบจะเลือกทางผิด! จะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณจอยได้เล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นคุณพ่อเเละคุณแม่ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งบริษัทก็มีบ้านพักไว้ให้พนักงาน บ้าน 1 หลังให้พัก 2 ครอบครัว ครอบครัวของคุณจอยพักอยู่ชั้นล่าง ครอบครัวพี่ปรีชาอยู่ชั้นบน ในตอนนั้นคุณจอยทำงานที่โรงพยาบาลหนักจนมีความเครียดสะสม ทำให้มีอาการปวดท้องบ่อย โดยปกติเเล้วเวลาเลิกงานของคุณจอยคือ 2 ทุ่ม เเต่วันนั้นพี่หัวหน้าพยาบาลเห็นอาการของตนไม่ค่อยดี จึงบอกให้คุณจอยกลับก่อน ตนจึงกลับถึงบ้านเวลาประมาณ 1 ทุ่ม เมื่อถึงบ้านเเล้วตนรู้สึกหิวข้าวมากจึงเดินไปหาคุณเเม่เเล้วถามว่ามีอะไรให้กินหรือไม่ คุณเเม่ : อ่าว เวลานี้มันจะมีอะไรกินล่ะ ก็เห็นปกติเเล้วเห็นซื้อมากิน คุณจอย : พอดีวันนี้ไม่สบาย ก็เลยกลับมาบ้านเลย ก็ไม่คิดว่าที่บ้านจะไม่มีอะไรกิน คุณเเม่ : งั้นไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากินสิ คุณจอยที่ไม่สบายและเหนื่อยจากการทำงาน ทั้งยังรู้สึกหิวแต่ที่บ้านกลับไม่มีอะไรกิน ก็เริ่มน้อยใจแม่ จึงเดินเข้าห้องตัวเองเเล้วนั่งร้องไห้กับพื้น ไม่มีใครรู้ว่าคุณจอยร้องไห้ยกเว้นน้องเพราะนอนห้องเดียวกัน หลังจากร้องไห้ได้สักพัก คุณจอยก็รู้สึกแน่นหน้าอก มือเท้าชา เเล้วก็ฟุ้บลงไปกับพื้น! ในตอนนั้นรู้ว่าตัวเองชักเกร็ง จากนั้นน้องก็เดินเข้ามาเห็นเเล้วก็ตะโกนเรียกแม่ ในตอนนั้นคุณพ่อคิดว่าตนเรียกร้องความสนใจ เพราะคุณพ่อทราบเรื่องที่คุณจอยทะเลาะกับคุณแม่เรื่องของกิน เมื่อคุณแม่มาเห็นสภาพคุณจอยที่ชักตาตั้ง น้ำลายไหลอยู่กับพื้น เห็นท่าทีไม่ค่อยดีจึงอุ้มคุณจอยไปโรงพยาบาล คุณพ่อกับพี่ปรีชาก็ออกไปเรียกรถเเท็กซี่ มีเเท็กซี่คันหนึ่งจอดแต่กลับบอกว่า “ไม่รับ ผมไม่เอา ผมกลัวไปตายในรถผม หาคันใหม่นะครับ“ ในตอนนั้นเป็นช่วงกลางดึก จึงทำให้หารถยากมาก ระหว่างนั้น คุณจอยนอนอยู่บนตักแม่โดยมีเเม่กอดอยู่ จากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาตีหัวเเล้วเหมือนมีแรงผลักทำให้ลุกขึ้น! เเล้วความรู้สึกที่แน่นหน้าอกก็หายไป ตนได้ยินเสียงร้องไห้มาจากข้างหลังจึงหันไปดู ภาพที่ตนเห็นคือเห็นแม่กอดตนอยู่! มีน้องนั่งอยู่ข้าง ๆ ส่วนคุณพ่อกับพี่ปรีชากำลังเรียกรถ ตนจึงได้เเต่คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น? จิตหลุดหรือเราตายไปแล้วหรือยัง ตนได้เเต่ยืนร้องไห้ดูตัวเอง ตนจึงรู้สึกผิดที่โกรธเเม่ จากนั้นก็พยายามที่จะจับเเม่เเต่ก็จับไม่ได้ เรียกก็ไม่มีใครได้ยิน จากนั้น ก็ได้ยินเสียงดังมาจากหลังบ้านว่า “มานี่ มาทางนี้” เป็นเสียงผู้ชายดุ ๆ เมื่อตนมองไปก็เห็นเป็นผู้ชายร่างใหญ่ สูง ไม่เหมือนคนเเล้วมีควันลอยฟุ้งเต็มไปหมด จากนั้นก็เริ่มเสียงดังขึ้น “มานี่! เดี๋ยวนี้!” คุณจอยรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิต คิดว่าคงมารับจึงก้าวขาไปหา เเต่ในขณะที่กำลังจะก้าวก็มีเสียงตายายเรียกจากอีกฝั่งหนึ่งว่า “อีหนู! จะไปไหนลูก” ตนจึงหยุดเเล้วก้าวกลับมาที่เดิม เมื่อหันไปทางเสียงนั้นตนก็รู้สึกต่างกับฝั่งซ้าย ฝั่งขวามันสว่างเหมือนตอนเช้า เห็นตายายใส่โจงกระเบนยืนอยู่เเล้วเรียกว่า “อีหนูมานี่ลูก มันไม่ยังไม่ถึงคราวเอ็ง จะไปทำไม” ด้วยความรู้สึกว่าฝั่งขวามันน่าไปกว่า จึงตัดสินใจก้าวขาเดินไปตายาย เมื่อตนก้าวไปขาเหยียบลงพื้น ทันใดนั้นตนก็กลับมารู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนเดิม เเล้วลืมตาขึ้นเห็นเเม่ร้องไห้ ผ่านไปไม่นานตนก็รู้สึกดีขึ้น ไม่เจ็บไม่ปวดแล้วเเต่รู้สึกเพลีย ในตอนเช้าจึงไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาล เมื่อกลับมาจากโรงพยาบาลก็ได้เดินไปที่ศาลตายาย เมื่อส่องเข้าไปดูก็เห็นชุดที่ตายายใส่นั้นเป็นชุดเดียวกันกับที่ตนเจอเมื่อคืน หลังจากนั้นคุณจอยก็เห็นตายายตลอด เพราะเวลานอนตนจะเปิดหน้าต่างรับลมเอาไว้ เเต่คุณจอยไม่ได้รู้สึกกลัวเพราะตายายมาหาเหมือนมาช่วยตนให้พ้นจากอันตราย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1