อังคารคลุมโปง RECAP

อังคารคลุมโปง RECAP

ย้อนไปในวัยเด็ก.. ลุงแถวบ้านมอบของเล่นให้ แต่พอตกดึกกลับโดนผีเด็กใช้วิธีหลอกแบบตุ้งแช่เหมือนในหนังเป๊ะ! สุดท้ายมารู้ว่าผีเด็กตนนั้นเป็นลูกของลุงที่ตายไปนานแล้ว และไม่ยอมไปผุดไปเกิดเพราะหวงของเล่น!

23 พ.ค. 2023

       รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (16 พฤษภาคม 2566) ‘พี่ขวัญ น้ำมันพราย’ ได้โทรเข้ามาเล่าเรื่องหลอนให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังว่า มีน้องคนหนึ่งเจอผีเด็กตามหลอกเพราะไปเอาของเล่นเขามา จนทำให้จำฝังใจ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น แท็กเพื่อนมาอ่านไปพร้อมกันเลย!

       พี่ขวัญเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของน้องคนหนึ่งชื่อ ‘โน้ต’ ปัจจุบันอายุ 40 กว่าปีแล้ว แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวัย 11 ขวบ ซึ่งในตอนนั้นบ้านของคุณโน้ตทำอาชีพขายปลา เปิดหน้าร้านอยู่ในตึกอาคารพานิชย์ ตึกนี้ก็มีร้านค้าอื่น ๆ แบ่งเป็นบล็อก ๆ ไป และร้านด้านในสุดเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า มีคุณลุงใจดีเป็นเจ้าของบ้าน ในตอนนั้นแก๊งค์เพื่อนของคุณโน้ตมี ‘ฝน’ และ ‘เอ’ ที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้ามด้วย ซึ่งโน้ตกับเอเป็นผู้ชาย ส่วนฝนเป็นผู้หญิงและเป็นพี่น้องกับเอ ทั้งสามสนิทกับคุณลุงร้านตัดเย็บเสื้อผ้ามาก เพราะคุณลุงอยู่กับภรรยาสองคน นอกจากนี้คุณลุงก็ยังชอบให้เด็กทั้งสามคนไปเล่นที่บ้านเป็นประจำ มีครั้งหนึ่งที่ทั้งสามคนไปเล่นที่บ้านคุณลุงเหมือนเช่นเคย แล้วคุณลุงก็พูดว่า “เออเนี่ย ลุงซื้อปลามาเลี้ยงใหม่เป็นปลาคาร์ฟ อยู่บนดาดฟ้านะ ขึ้นไปดูเล่นสิ” ทำให้นั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งสามคนได้ขึ้นไปเล่นที่ดาดฟ้าของบ้านคุณลุง 

       พอขึ้นไปแล้วก็ได้เจอกับบ่อปลาคาร์ฟที่พึ่งก่อขึ้นมาใหม่ มีห้องหนึ่งอยู่ติดกับบ่อปลาคาร์ฟ ระหว่างที่กำลังดูปลาเล่นอยู่นั้น คุณโน้ตก็สงสัยว่าห้องนี้มันคือห้องของใคร หรือจะเป็นห้องพักของคนงานคุณลุงหรือเปล่า เอจึงถามคุณโน้ตว่า “เฮ้ยโน้ต นี่ห้องใครวะ” คุณโน้ตก็ตอบไปว่า “กูก็ไม่รู้ กูก็เพิ่งขึ้นมากับมึงเนี่ย” เอก็เลยบอกให้คุณโน้ตดูว่าในห้องมีใครหรือเปล่า คุณโน้ตจึงเอามือไปป้องกระจกเพื่อส่องดูเข้าไปข้างใน ภาพที่เห็นคือภายในห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือติดกับกระจกที่กำลังส่องดู และเลยไปติดผนังฝั่งตรงข้ามเป็นเตียงเล็ก ๆ ด้านขวามือของเตียงจะเป็นตู้ไม้ที่ประตูตู้เป็นกระจก ซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนสะดุดตาก็คือในตู้นั้นมีของเล่นเต็มไปหมด คุณโน้ตจึงบอกกับทุกคนว่า “เฮ้ย! พวกมึงดูดิในตู้นั้นของเล่นเต็มไปหมดเลย” ทุกคนจึงหันไปมองตามทันที ระหว่างที่กำลังจ้องของเล่นอยู่นั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นว่าโต๊ะเขียนหนังสือมันสั่นกึก ๆ ๆ และสิ่งที่เห็นก็คือค่อย ๆ มีหัวคน! ลักษณะเป็นเด็กที่อายุไล่เลี่ยกับพวกเขาโผล่ออกมาจากใต้โต๊ะ คลานลอดตรงไปยังขอบเตียง และเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ โดยนั่งหันหลังให้กับทั้งสามคน สักพักหนึ่งมีเสียงกิ๊ง ๆ ๆ ซึ่งเป็นเสียงกระดิ่งจากของเล่นที่เป็นรถสามล้อไขลาน หมุนออกมาจากเด็กคนนั้นและวิ่งไปทั่วห้อง ซึ่งเด็กคนนั้นที่นั่งยอง ๆ อยู่ ก็กระโดดไปจับรถสามล้อไขลาน และพอจับได้และกำลังจะหันหน้ามาทางทั้งสามคน คุณลุงก็ขึ้นมาเรียกพอดี “ทำอะไรกันอยู่น่ะ เอ้าลงมากินขนมกันเร็ว” ด้วยความเป็นเด็กทุกคนก็เลยลงไปกินขนมโดยไม่ได้สนใจอะไรต่อ 

       ผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ เด็ก ๆ ทั้งสามคนก็มาเล่นที่ดาดฟ้าบ้านคุณลุงอีกครั้ง และรวมตัวกันไปยืนจ้องดูในห้อง ๆ นั้น เพราะมันมีของเล่นมากมาย จนคุณลุงขึ้นมาเห็นและถามว่าเด็ก ๆ ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ คุณโน้ตจึงตอบว่า “เนี่ยลุง ในห้องนี้ทำไมมันมีของเล่นเยอะจัง” คุณลุงตอบกลับมาว่า “เอาไหมล่ะ ลุงให้” โอกาสมาถึงขนาดนี้แน่นอนทุกคนก็ตอบตกลงเอาทันที และเดินตามคุณลุงเข้าไปในห้อง ซึ่งคุณลุงก็บอกว่า “เอาไปเลย คนละสองชิ้นสามชิ้นเอาไปได้เลย” ซึ่งเอเลือกเอาเรือป๊อกแป๊ก โน้ตเลือกเอารถสามล้อไขลานที่เคยเห็นเด็กคนนั้นเล่น โดยในใจของโน๊ตก็คิดว่าอยากได้หุ่นยนต์เพิ่มอีกตัวหนึ่ง แต่ด้วยความเกรงใจคุณลุงจึงคิดว่าเอาแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนฝนได้ไปยืนมองตุ๊กตาตัวหนึ่งและหยิบขึ้นมาอุ้ม ระหว่างที่กำลังจะออกจากห้องจู่ ๆ ฝนก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่เอาละ” พร้อมกับนำตุ๊กตาตัวนั้นไปวางที่เตียง และทั้งสามคนก็ได้ออกมาเล่นกันที่ดาดฟ้าเหมือนเดิม

       ผ่านไปพลบค่ำ ระหว่างที่กำลังเล่นอยู่นั้น ตัวโน้ตได้หันไปมองที่ห้องนั้นอีกครั้ง เพราะในใจยังอาลัยอาวรณ์หุ่นยนต์ตัวที่อยากได้ ปรากฏว่าเขาเห็นเด็กคนเดิมคนนั้น ค่อย ๆ เอามือมาแนบกระจกแล้วส่องดูพวกเขา โน้ตจึงทักไปว่า “เฮ้ยนาย ออกมาเล่นด้วยกันดิ ถ้าไม่เล่นกันตรงนี้ไปเล่นที่บ้านเราก็ได้ บ้านใกล้ ๆ นี้เอง มาเร็ว มาเร็ว” ทำให้ฝนทักโน้ตว่า “มึงพูดไรอ่ะ มึงเป็นไร มึงชวนใคร” โน้ตเลยตอบว่า “อ้าวก็นั่นไงเด็กที่อยู่ในห้องนั้น” “มีที่ไหน มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย ไม่เอาละ ๆ กลับบ้านดีกว่าเย็นแล้ว” ฝนพูด แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเองไป 

       พอตกกลางคืนวิถีของบ้านโน้ตก็คืออาม่าและญาติ ๆ จะนั่งดูทีวีกันจนจบ ค่อยขึ้นนอน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า ในตัวบ้านของโน้ตมีชั้นลอยและมีห้องอยู่ตรงนั้น โน้ตกับอาม่านอนด้วยกัน ก่อนที่จะเข้านอน ด้วยความเห่อของเล่นใหม่ โน้ตก็เอาของเล่นขึ้นไปนอนด้วยและวางตรงไว้ตรงหัวเตียง ซึ่งเตียงนอนของโน้ตและอาม่านั้นจะเป็นเตียงนอนที่ปูติดกับพื้น ระหว่างที่หลับอยู่นั้น โน้ตก็รู้สึกตัวขึ้นมาเพราะปวดฉี่ จึงพยายามเรียกอาม่าให้ตื่นไปส่งเข้าห้องน้ำ แต่อาม่าก็ไม่ตื่น โน้ตก็ปลุกอาม่าอยู่อย่างนั้นจนอาม่ารำคาญ และพูดกลับมาว่า “เออลื๊อก็ลุกไปฉี่สิ ปลุกอะไรนักหนาเล่า อั๊วจะนอน” โน้ตตัดสินใจว่า “เออลงไปฉี่เองก็ได้วะ” จากนั้นก็หยิบรถสามล้อไขลานที่วางอยู่บนหัวเตียงเพื่อจะเอาลงไปด้วย แต่ปรากฏว่าของเล่นมันหายไป! ก่อนนอนก็จำได้ว่าวางอยู่ตรงนี้ หรือว่าลืมเอาขึ้นมาด้วย ระหว่างที่กำลังหาของเล่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งของรถสามล้อไขลานนั้นดังลงมาจากชั้นล่าง! โน้ตจึงเปิดประตูห้องนอนออกไปเพื่อไปเปิดไฟตรงชั้นลอย และไปยืนชะโงกหน้าดูที่ชั้นล่าง ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่ารถสามล้อไขลานนั้นวิ่งออกมาจากเข่งที่มันตั้งอยู่ประตูหน้าบ้าน แล้วมาหยุดอยู่กลางบ้าน! ในใจก็คิดสงสัยว่า “ใครมาเล่นวะ” ขณะที่กำลังจะก้าวขาลงจากชั้นลอย ตาก็มองของเล่นนั้นไปด้วย แต่สิ่งที่โน้ตเห็นก็คือจู่ ๆ มีเงาดำเงาหนึ่ง วิ่งลอดจากชั้นลอยมาโผล่ตรงพื้นกลางบ้าน ตะครุบของเล่นนั้น และพยายามไขลานดังแกร๊ก ๆ จังหวะที่ปล่อยสามล้อไขลานนี้ให้วิ่งต่อ เงานั้นก็หันขวับขึ้นมามองที่โน้ต โน้ตรู้สึกกลัวและตกใจจึงวิ่งเข้าไปในห้อง และกระโดดขึ้นไปบนที่นอนบอกอาม่าว่าโดนผีหลอก ๆ แต่อาม่าก็ไม่ยอมตื่น ด้วยความที่โน้ตวิ่งเข้ามาในห้องอย่างร้อนรน ทำให้ลืมปิดประตูห้อง แสงไฟที่อยู่ตรงชั้นลอยก็สาดเข้ามาในห้องพาดมายังตรงที่โน้ตนอนพอดี โน้ตที่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาอาม่าเพราะกลัว ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมปิดประตูห้อง ขณะที่กำลังจะพลิกตัวกลับไป ก็มีเสียงกิ๊ง ๆ ๆ ของรถสามล้อไขลานนั้นวิ่งเข้ามาในห้อง มาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงนอนโน้ต! โน้ตเลยแกล้งพลิกตัวมาพร้อมกับหรี่ตาไปด้วยเพราะไม่กล้ามอง และเห็นว่าของเล่นนั้นอยู่ตรงหน้าพอดี! โน้ตจึงเอื้อมมือจะไปหยิบสามล้อนั้นเพื่อเอามาเก็บไว้ใต้ผ้าห่ม ปรากฏว่าโน้ตถึงกับต้องค้างมือนั้นไว้เพราะเหลือบไปเห็นตรงประตูว่า มีเงาดำโผล่มาจากหลังประตู และจ้องมองเขาอยู่! โน้ตมองเห็นเงานั้นเพียงลูกตาที่ขาวโพลนหมดทั้งตา เมื่อตาสบตากัน เงานั้นก็วิ่งพรวดเข้ามาหาเขาทันที แล้วมาตะครุบของเล่นไว้ พร้อมกับพูดว่า “ของของกู” เท่านั้นแหละโน้ตก็ภาพตัดไปโดยไม่รู้สึกตัวอีกเลย 

       ตื่นเช้ามาอาม่าก็โวยวายโน้ตใหญ่เลยว่าทำไมปวดฉี่ถึงไม่ลุกไปฉี่ที่ห้องน้ำ เพราะที่นอนเต็มไปด้วยฉี่ของเขา ในตอนนั้นโน้ตก็ยังไม่ได้พูดอะไรให้อาม่าฟัง และหันไปเห็นว่าของเล่นนั้นยังอยู่บนหัวเตียงเหมือนเดิม จึงนำมันลงไปข้างล่างเพื่อไปกินข้าว ในตอนนั้นโน้ตก็รู้สึกใจคอไม่ดีพะอืดพะอมแปลก ๆ จนอาม่าถามว่า “ลื๊อเป็นอะไรเนี่ยไม่ยอมกินข้าวกินปลา” โน้ตก็บอกว่า “ไม่ได้เป็นอะไรเดี๋ยวจะไปเล่นบ้านเพื่อนก่อนนะ” เพื่อจะไปเล่าให้กับฝนและเอฟัง พอมาถึงบ้านเพื่อน ก็เห็นว่าเอหน้าซีดอยู่หน้าบ้าน จึงถามเอว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า” เอก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เหมือนโดนผีหลอก ระหว่างนั้นแม่ของเอก็เดินมาพอดี จึงได้ถามว่า “ไปทำอะไรกันมาเนี่ย เมื่อคืนเอก็โดนหลอก ร้องไห้จ๊ากเลย” เอก็ได้เล่าให้ฟังต่อว่าเมื่อคืนเกิดปวดฉี่ขึ้นมา จึงให้แม่ไปส่งเข้าห้องน้ำ ภายในห้องน้ำบ้านเอจะมีอ่างน้ำที่เป็นปูนก่อเป็นทรงสี่เหลี่ยมติดกับผนัง ระหว่างเข้าห้องน้ำอยู่นั้น เอก็เอาเรือป๊อกแป๊กนั้นไปลอยน้ำเล่น เมื่อฉี่เสร็จแล้วก็มาเล่นเรือป๊อกแป๊กต่อ แต่ระหว่างที่เล่นอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นว่าทำไมน้ำในอ่างถึงกระเพื่อมและมีฟองอากาศปุด ๆ ออกมาจากใต้น้ำ ด้วยความสงสัยจึงชะโงกหน้าไปมอง ในอ่างน้ำค่อนข้างมืดมองไม่เห็นอะไร เอจึงจะเอื้อมมือไปหยิบเรือป๊อกแป๊ก เพราะในใจเริ่มกลัวแล้ว ปรากฏว่ามีเด็กโผล่พรวดออกมาจากกลางน้ำ มายืนอยู่ตรงขอบอ่างและพูดว่า “ของของกู!” เอตกใจกลัวจนแทบขยับไม่ได้ และได้ยินเสียงแม่ตะโกนเรียก จึงฮึดแรงเฮือกสุดท้ายรีบวิ่งออกไปหาแม่ทันที

       ส่วนฝนก็เล่าด้วยว่าจริง ๆ แล้วที่ไม่หยิบตุ๊กตาออกมาด้วย เพราะว่ารู้สึกว่าตุ๊กตามันยิ้มให้ จึงตัดสินใจไม่เอาดีกว่าเพราะกลัว คุณแม่เอได้ฟังดังนั้นจึงถามต่อว่า “แล้วไปเอาของเล่นนี้มาจากไหน” ทุกคนจึงเล่าให้ฟัง และพากันไปคืนของเล่นที่บ้านคุณลุง คุณลุงได้ทราบเรื่องทั้งหมด ก็พูดขึ้นมาว่า “อ้าวยังไม่ไปเกิดอีกเหรอ เพราะตายมาหลายปีแล้วนะ” และเล่าต่อว่าของเล่นทั้งหมดนี้เป็นของลูกชายคุณลุงเอง ซื้อให้ลูกชายไว้เล่นเมื่อนานมาแล้ว แต่ลูกชายดันมาเสียไปซะก่อนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ที่สำคัญเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ลูกชายเป็นคนหวงของเล่นมาก พอตายไปคนเป็นพ่อจึงตัดสินใจว่างั้นเอาของเล่นทั้งหมดขึ้นไปเก็บที่ห้องบนดาดฟ้าละกัน จะได้เล่นไปเลยคนเดียว และจะได้ไม่มีใครมายุ่งกับของเล่นของลูกอีก แต่มันก็ผ่านนานมาก ๆ แล้ว จึงคิดว่าน่าจะแบ่งของเล่นให้กับเด็กคนอื่น ๆ ได้ และเมื่อทุกคนคืนของเสร็จเรียบร้อยแม่ของเอก็เลยพาทั้งสามคนไปทำบุญกันที่วัด เพื่อที่ผีเด็กตนนั้นจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก 

       เมื่อฟังเรื่องนี้จบดีเจทั้ง 2 คน พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าหลอนมาก ขนาดผู้ใหญ่เจอผียังกลัวจนตัวสั่น แล้วนี่เป็นเด็กเจอผี จะจำฝังใจขนาดไหน เพราะขนาดตอนนี้คุณโน้ตอายุ 40 กว่าแล้วก็ยังจำเรื่องราวทุกอย่างได้แม่นอยู่เลย

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

ไปพักโฮมสเตย์ เจ้าของใจดีมาดูแลแขกด้วยตัวเอง!

17 มี.ค. 2024

ไปพักโฮมสเตย์ เจ้าของใจดีมาดูแลแขกด้วยตัวเอง!

เรื่องนี้ ‘ลุงเก่งใจดี’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 มีนาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโฮมสเตย์ของชาวบ้าน ที่ลุงเก่งได้ไปพักผ่อนกับครอบครัวในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา แต่ดันเจอเรื่องราวของเจ้าของบ้าน 3 คนสุดแปลก! เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ลุงเก่งได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ มีการวางแผนในการเที่ยวและจองที่พักไว้หมดแล้ว แต่ลืมจ่ายค่ามัดจำที่พัก ทำให้ที่พักหลุดจองไป เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ทำให้หาที่พักยาก ลุงเก่งจึงขอให้เจ้าของที่พักช่วยหาที่พักให้ เจ้าของที่พักก็แนะนำที่หนึ่งให้ เป็นที่พักแบบบ้านโฮมสเตย์ของชาวบ้านในพื้นที่ที่เปิดให้บริการ ในรูปเป็นบ้าน 2 ชั้น ข้างล่างเป็นปูน ข้างบนเป็นไม้ พอลุงเก่งเห็นรูปก็ตกลงจะพักที่นี่ ครอบครัวลุงเก่งเป็นครอบครัวใหญ่ ขับรถไปเที่ยว 2 คัน จึงแยกกันไปเที่ยวแล้วค่อยไปเจอกันที่ที่พัก ส่วนลุงเก่งจะไปที่พักก่อน พอถึงประมาณเที่ยง เจ้าของโฮมสเตย์จึงให้ ‘น้องบี’ (นามสมมติ) มาช่วย ลุงเก่งขึ้นไปสำรวจบ้านกับน้องบีที่ชั้น 2 ข้างบนมีห้องโถง 1 ห้อง ห้องใหญ่ 1 ห้อง ห้องเล็ก 2 ห้อง ห้องน้ำอยู่ข้างนอกระเบียง มีบันไดไม้เชื่อมกับระเบียงลงไปข้างล่าง ลุงเก่งมองออกไปเห็นคน 3 คนเดินเก็บของอยู่ที่ระเบียง คนแก่ 1 คนและวัยรุ่นผู้ชายกับผู้หญิง น่าจะเป็นเจ้าของโฮมสเตย์ ลุงเก่งจึงถามน้องบีว่า “ข้างล่างที่เป็นส่วนของเจ้าของโฮมสเตย์ใช่ไหม” น้องบีตอบว่า “ใช่ค่ะ เจ้าของโฮมสเตย์อยู่ด้วย” พอสำรวจบ้านเสร็จน้องบีก็บอกกับลุงเก่งว่าถ้ามีอะไรหรือต้องการอะไรสามารถไลน์หาน้องบีได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นลุงเก่งก็ได้มาบอกกับครอบครัวให้เข้าไปพักที่บ้านได้ แต่ลุงเก่งสำรวจบ้านอีกรอบหนึ่งเพราะรอบแรกสำรวจยังไม่ละเอียด รอบนี้เห็นหิ้งพระขนาดใหญ่ที่ห้องโถงกลางบ้าน พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ของที่ใช้ถวายพระเป็นข้าวเหนียว หมากพลู 3 ชุดวางไว้ที่หิ้งพระ ลุงเก่งรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติไม่น่ามีใครถวายของไหว้พระแบบนี้ หรืออาจจะเป็นประเพณีของที่นี่ ลุงเก่งแค่แปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่ามีหิ้งพระในบ้านก็ทำให้สบายใจ ต่อมาลุงเก่งเดินไปห้องใหญ่ที่สุดของบ้าน พอเดินเข้าไปเห็นด้ายสายสิญจน์ขนาดใหญ่พันอยู่ตรงขื่อของบ้าน ทุกคนที่เดินไปด้วยพอเห็นก็ตกใจว่ามันแปลก จึงเดินไปดูห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะเจอผ้ายันต์เก่า ๆ ติดอยู่ตรงขื่อบ้านอีก ทุกคนเริ่มมองหน้ากัน เพราะรู้สึกว่าที่นี่แปลกมากจริง ๆ ลุงเก่งเห็นทุกคนเริ่มใจเสีย จึงพูดปลอบใจว่า “คงไม่มีอะไร เพราะบ้านเหมือนพึ่งสร้างขึ้นมาใหม่ อาจจะเป็นของที่ใช้ขึ้นบ้านใหม่ก็ได้และที่สำคัญก็ไม่มีที่พักอื่นแล้วด้วย พักแค่คืนเดียวคงไม่มีอะไรหรอก” ทุกคนฟังแล้วก็ดูสบายขึ้นมา จึงแยกย้ายกันไปเก็บของ ส่วนห้องที่มีสายสิญจน์นั้นไม่มีใครกล้านอน ลุงเก่งเลือกนอนห้องโถงกับคุณแม่ พอเก็บของเสร็จทุกคนก็ลงไปถ่ายรูป แต่คุณแม่เหนื่อย เดินไม่ไหวจึงขอรออยู่ที่บ้าน พอตกตอนเย็นทุกคนก็กลับมาบ้านเพื่อปาร์ตี้กัน คุณแม่เล่าให้ฟังว่า “มีน้อง 2 คนขึ้นมาคุยด้วย ถามว่าแม่มาจากไหน” แม่ก็ได้ถามกลับไปว่า “น้อง 2 คนมาจากไหน” น้องตอบว่า “อยู่ที่นี่มานานแล้ว” พอคุยกันเสร็จ น้อง 2 คนก็เดินลงไปทางบันไดตรงระเบียง ทุกคนจึงปาร์ตี้กันปกติ ลุงเก่งนั่งหันหน้าเข้าตัวบ้าน ส่วนคนอื่นนั่งหันหน้าออกจากตัวบ้าน จู่ ๆ ลุงเก่งก็เหลือบไปเห็นคุณลุงที่เจอตอนเที่ยง ใส่กางเกงขาก๊วย เสื้อคอจีนสีขาว กำลังเดินขึ้นบันไดมาแล้วยิ้มให้ ลุงเก่งจึงถามคุณลุงว่า “มีอะไรหรอครับ เสียงดังไปหรือเปล่า” คุณลุงไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มให้แล้วก็เดินลงไป ลูกสาวได้ยินเสียงลุงเก่งพูดก็หันมาถามว่า “ป๋าเห็นด้วยหรอ” ลุงเก่งก็บอกว่า “เห็นหลายรอบแล้ว” ลูกสาวก็ส่งไลน์มาว่า “หนูไม่เห็นนะ” ลุงเก่งคิดในใจว่ามันเริ่มแปลก ๆ อีกแล้ว สักพักก็ได้ยินคนเดินภายในบ้าน เริ่มได้ยินเสียงของตก ทุกคนก็มองหน้ากัน ลุงเก่งจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าหน้าต่างเปิดอยู่อาจจะเป็นลมพัดก็เป็นได้ หลังจากนั้นสักพัก ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ลุงเก่งอาสาเป็นคนเก็บของ ในขณะที่กำลังยกของลงไปข้างล่าง ไฟข้างล่างก็ยังสว่างอยู่ หางตาลุงเก่งเห็นเป็นเหมือนรูปหน้าศพ 3 รูปวางเรียงกัน รูปแรกเป็นรูปคุณลุงที่เจอตอนที่ยงและอีก 2 รูปเป็นรูปวัยรุ่นผู้ชายกับวัยรุ่นผู้หญิง ซึ่งลุงเก่งไม่แน่ใจว่าเป็น 2 คนที่ขึ้นมาคุยกับคุณแม่หรือเปล่า ลุงเก่งอึ้งไปสักพัก แล้วก็ไหว้ ขอขมา “ถ้าทำอะไรผิดไปก็ขอโทษด้วยและขอร้องอย่ามาปรากฏตัวให้เห็นอีก” เพราะลุงเก่งเชื่อแล้วว่ามีจริง ๆ แต่เรื่องนี้ลุงเก่งยังไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวคนในครอบครัวกลัว พอเช้าก็รีบเช็คเอาท์ และก่อนที่จะขับรถออกจากโฮมสเตย์ ก็เจอกับคุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ลุงเก่งจึงถามคุณป้าว่า “เมื่อคืนคุณป้านอนอยู่ข้างล่างใช่ไหม” คุณป้าก็ตอบว่า “ไม่ได้นอนที่นี่หรอกเพราะมีแขกมาพัก นอนอีกหลังหนึ่ง” ลุงเก่งได้ยินแบบนั้น ก็ยิ่งมั่นใจอีกว่าสิ่งที่เจอและได้ยินเสียงคนเดินไปมาไม่ใช่คนแน่นอน ลุงเก่งขอตัวกลับ ซึ่งข้างในพื้นที่โฮมสเตย์สามารถกลับรถได้ ลุงเก่งจึงไปกลับรถตรงนั้น ปรากฏว่าเป็นเมรุเผาศพ ซึ่งเมรุอยู่ตรงข้ามกับโฮมสเตย์ ทุกคนจึงรีบขับรถออกมาแล้วนัดไปเจอกันที่ร้านกาแฟ พอถึงร้านกาแฟทุกคนก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เจอกับตัวเอง น้องสาวกับน้องเขยเล่าว่า เห็นคุณลุงเดินทั้งคืน คุณเก่งก็ถามว่าหน้าตาคุณลุงเป็นยังไง น้องสาวก็ตอบว่า “ผมขาว หนวดขาว ใส่กางเกงขาก๊วย เสื้อคอจีนสีขาว” ส่วนลูกสาวก็ได้ยินเสียงเดินอยู่ข้างล่างทั้งคืน สุดท้ายลุงเก่งก็เฉลยให้ทุกคนฟัง สิ่งที่พวกเขาเห็นทั้งหมดคือผี และที่พวกเราเห็นชัด ๆ เพราะที่นั่นคือบ้านของพวกเขา พวกเขาใช้ชีวิตปกติแต่ครอบครัวเราดันไปอยู่ที่นั่นเอง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ซินแสเอ็กซ์เล่าเรื่อง 'เดือนต้องห้าม' I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [ 17 ก.ย. 2567]

20 ก.ย. 2024

ซินแสเอ็กซ์เล่าเรื่อง 'เดือนต้องห้าม' I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [ 17 ก.ย. 2567]

‘ซินแสเอ็กซ์’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (17 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘เดือนต้องห้าม’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! ซินแสเอ็กซ์เล่าว่า ได้มีข้อความส่งมาหาซินแสเอ็กซ์เพื่อมาขอคำปรึกษาการเข้าบ้านใหม่ โดยเจ้าของบ้านที่ต้องการปรึกษาก็ได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการย้ายเข้าบ้านใหม่ และได้มีการเชิญคนมาตั้งศาลตี่จู้เอี๊ยะให้ในวันนั้นเพื่อความเป็นสิริมงคล พอตั้งเสร็จเจ้าของบ้านก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาว่าฤกษ์ตรงนี้ไม่ได้ จึงต้องโทรมาหาซินแสเอ็กซ์ เพราะหลังจากเจ้าของบ้านตั้งศาลนี้ก็รู้สึกว่ามีสิ่งแปลก ๆ ในบ้านเยอะมาก ในคืนนั้น ขณะที่เจ้าของบ้านทำงานอยู่หน้าห้องนอน ส่วนในห้องมีภรรยาและลูกเล็กนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันที่ชั้นล่าง เจ้าของบ้านจึงตั้งใจจะลงไปดู ขณะที่จะก้าวลงไปถึงห้องนั่งเล่น เสียงนั้นก็หายไป เจ้าของบ้านจึงคิดว่าเป็นเสียงจากข้างนอกจึงเดินกลับขึ้นห้องไป แต่ในระหว่างที่เดินกลับขึ้นไปก็ได้ยินเสียงอีก เจ้าของบ้านก็เดินกลับลงไปดูอีก หันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่มีใคร จึงเดินไปที่ตี่จู้เอี๊ยะแล้วจุดธูปพร้อมบอกกล่าวว่า ‘ขอให้อยู่บ้านนี้แล้วเฮง’ จากนั้นก็เดินกลับขึ้นชั้นบน ในขณะที่เดินกลับขึ้นไปนั้น เจ้าของบ้านก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์เปิด เมื่อชะโงกหน้าไปดูก็เห็นว่าโทรทัศน์ดับไปต่อหน้าต่อตา! เจ้าของบ้านตกใจและรีบขึ้นไปเพื่อเข้าห้องนอน และกลั้นใจนอนหลับไป.. เมื่อเจ้าของบ้านหลับไปก็ได้ฝันเห็นผู้ชายตัวดำ ๆ คล้ายเงาอยู่ปลายเตียง พร้อมพูดว่า “ไอที่จุดธูปไหว้ไปเมื่อกี้เนี่ย มึงจุดธูปไหว้กูนะ มึงอยากให้กูอยู่ด้วยหรอ” เจ้าของบ้านสะดุ้งตื่นและคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาก็พบว่าเป็นเวลาตี 3 ยังไม่เช้า จึงพยายามข่มตานอนอีกรอบ แต่ก็ดันฝันอีกรอบ โดยฝันว่าตนนั้นกำลังนั่งในห้องรับแขก แต่ด้านนอกห้องรับแขกเห็นเป็นคนแก่ 2 คนหน้าตาใจดี แต่ดูกังวล เมื่อตนและคนแก่หันมาสบตากัน คนแก่ก็กวักมือเรียก ตนจึงเปิดประตูออกไปแล้วถามว่า “มาหาใครครับ มีอะไรครับ?” คนแก่ 2 คนจึงบอกว่า “มาหาลื้อนั่นแหละ” และยังบอกอีกว่า “ลื้อลองมองหันกลับเข้าไปในบ้านลื้อสิ ผีเต็มบ้านเลยนะ” เมื่อเจ้าของบ้านหันไปก็เห็นเป็นคนแต่งตัวมอมแมมอยู่ในบ้านเต็มไปหมด! เจ้าของบ้านกำลังจะหันกลับไปถาม แต่ทั้ง 2 ก็หายไปแล้ว เจ้าของบ้านสะดุ้งตื่นขึ้นมาแต่ก็ยังไม่เช้า และไม่อยากฝันอีกจึงเลือกที่จะไม่นอนต่อ แล้วไปนั่งในห้องน้ำเพราะกลัวภรรยากับลูกตื่น คิดว่าตอนเช้าจะพาภรรยาไปทำบุญ พอเริ่มเช้า ภรรยาตื่นและเปิดประตูออกมาก็ถามเจ้าของบ้านว่า “ไปทำบุญกันไหม?” ทั้งครอบครัวจึงออกไปทำบุญ ในระหว่างที่ขับรถไปนั้น เจ้าของบ้านอัดอั้นตันใจมาก เพราะอยากที่จะเล่าเรื่องราวให้กับภรรยาฟัง จึงตัดสินใจจะเล่า แต่เมื่อเกริ่นไปแค่คำว่า “เมื่อคืน..” ภรรยาก็บอกให้หยุดและบอกว่าขอเล่าก่อน โดยภรรยาได้เล่าว่าเมื่อคืนได้ฝันเห็นผู้ชายตัวดำ ๆ มีเงาอยู่ปลายเท้าพูดว่า “ผัวมึงไหว้กูอยู่นะ กูจะมาอยู่กับมึง” พอเจ้าของบ้านฟังจบก็เล่าเรื่องราวฝั่งตัวเองให้ฟัง ทั้ง 2 คนคิดว่าท่าทางเริ่มไม่ดีแล้ว จึงรีบไปวัด และเอาลูกไปฝากไว้กับพ่อแม่ก่อน เมื่อไปถึงที่วัดก็เล่าเรื่องราวให้พระฟัง พระท่านก็เสกน้ำมนต์และให้เครื่องรางของขลังมาเพื่อจะเอากลับไปไว้ที่บ้าน หลังจากได้ของจากพระ สามีภรรยาก็กลับไปที่บ้านและใช้ชีวิตตามปกติแต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ ตัวสามีก็ไปนั่งทำงานอยู่ที่เดิม ภรรยาก็อยู่ในห้องนอน และจู่ ๆ ไฟก็ดับทั้งบ้าน ซึ่งมันเป็นไปได้ยากเพราะบ้านพึ่งทำใหม่และดับอยู่บ้านเดียว ทันใดนั้น สามีก็ได้ยินเสียงภรรยาร้องออกมาจากห้องนอน! สามีจึงรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องนอน พอเปิดเข้าไปก็ได้รู้ว่าเสียงภรรยาออกมาจากห้องน้ำ สามีพยายามบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตูแต่บิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก ตัวภรรยาเองก็บอกว่าไม่สามารถเปิดจากข้างในได้เหมือนกัน! สามีจึงรีบวิ่งไปเอาค้อนที่ชั้นล่าง และในระหว่างที่ขึ้นไปหาภรรยา สามีรู้สึกเหมือนมีคนมาขัดขาจึงล้มลงไปจนฟันหน้าหักเลือดท่วมปาก แต่ด้วยความที่เป็นห่วงภรรยาจึงรีบวิ่งขึ้นไป ในตอนที่กำลังจะเอาค้อนทุบประตูภรรยาดันเปิดประตูออกมาได้ปกติ เมื่อทั้งคู่เจอหน้ากันก็รีบเอากุญแจรถขับออกไปทันที และไปตั้งสติที่บ้านแม่ สามีถามภรรยาว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวภรรยาจึงเล่าให้ฟังว่าในตอนที่เจ้าของบ้านนั่งทำงานอยู่ ภรรยาได้เข้าไปอาบน้ำ โดยลักษณะห้องน้ำจะมีกระจกกั้นระหว่างโซนเปียกกับโซนแห้ง ภรรยารู้สึกว่าหางตาเห็นเหมือนมีคนเอาหน้ามาอังตรงกระจก เห็นแบบนั้นก็รู้สึกตกใจจึงตั้งใจจะหันไปมอง แต่ในขณะที่หันไปมอง ไฟดันดับและภรรยาเห็นร่างคนตัวดำ ๆ ยืนอยู่ในห้องน้ำกับภรรยา! ภรรยาตกใจร้องกรี๊ดเสียงดัง หลังจากนั้นก็เล่าแม่ฟังอีกรอบ แม่บอกว่าคนส่วนใหญ่มักจะไม่ตั้งศาลกันในเดือนเจ็ดของจีน ซึ่งก็คือเดือนสิงหาคม ทางเจ้าของบ้านจึงโทรมาหาทางซินแสเอ็กซ์เพื่อขอคำปรึกษา และซินแสเอ็กซ์ก็ได้ให้คำปรึกษาไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

23 ก.พ. 2025

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

นักศึกษาพักอยู่ในหอพักราคาถูก ทุกชั้นของหอพักจะมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ และทุกคืนจะได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงชายปริศนาที่ดังมาจากหน้าห้องว่า “น้องอยู่ไหน พี่รอหน้าห้อง เปิดประตูให้พี่หน่อย” เจ้าของเสียงคือใคร? แล้วเขามาหาใคร? และเหตุใดหอพักแห่งนี้ ถึงต้องมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ทุกชั้น? หาคำตอบได้ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 กุมภาพันธ์ 2568) กับเรื่องราวสุดหลอนจาก ‘คุณกุ้ง’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘พี่รออยู่หน้าห้อง’ พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ แล้วระวังให้ดี.. คืนนี้ อาจมีใครมาเคาะประตูห้องคุณ! เรื่องราวนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณกุ้ง ซึ่งขณะนั้นคุณกุ้งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ กำลังจะสำเร็จการศึกษา และได้เข้าพักในหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารห้าชั้น ส่วนใหญ่ผู้อยู่อาศัยเป็นนักศึกษา มีเพียงบางส่วนที่เป็นคนทำงาน ในช่วงแรกที่เข้าพัก ทุกอย่างดูปกติ ไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือ ทุกชั้นของอาคารนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ นอกจากนี้ ห้องที่คุณกุ้งพักคือห้อง 312 อยู่ตรงกับบันได และหน้าห้องติดกระจกแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์สิงโตคาบดาบ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก คิดเพียงว่าอยู่ห้องไหนก็ได้ คืนหนึ่ง ในช่วงสอบไฟนอลของภาคเรียนแรก หอพักจะค่อนข้างเงียบกว่าปกติ เวลาประมาณ 3 - 4 ทุ่ม ขณะที่คุณกุ้งกำลังเดินกลับห้อง ทุกอย่างดูเงียบสงบ จนกระทั่งได้ยินเสียงชายคนหนึ่งคุยโทรศัพท์ “น้องอยู่ไหนแล้ว พี่รออยู่หน้าห้อง ถ้าใกล้ถึงแล้วบอกหน่อย หรือเปิดประตูให้พี่หน่อย” เสียงนั้นพูดซ้ำไปซ้ำมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แล้วก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่สุดทางเดิน แต่งกายคล้ายยุค 80-90 สวมเสื้อยืดสีขาว ทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ ตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร จึงเดินเข้าห้องไป แต่เมื่ออยู่ในห้อง เขากลับเริ่มเอะใจ ทำไมเสียงที่ได้ยินถึงใกล้มาก ทั้ง ๆ ที่ชายคนนั้นยืนอยู่ห่างออกไปพอสมควร จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาคิดว่าอาจเป็นเพื่อนหรือแฟน จึงเปิดประตูออกไป แต่กลับไม่พบใคร หน้าห้องว่างเปล่า เขาจึงปิดประตู คิดว่าอาจเป็นเสียงจากห้องอื่นที่อยู่คนละชั้น แต่แล้วเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาเปิดประตูออกไปอีกครั้ง และเหมือนเดิม.. ไม่มีใครอยู่หน้าห้อง จนครั้งที่ 3 เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากบันได คราวนี้เป็นเพื่อนของเขาเอง มาขอยืมหนังสือ เขาจึงถามทันทีว่า “เมื่อกี้แกเคาะประตูห้องเราหรือเปล่า?” เพื่อนปฏิเสธว่า “ไม่นะ เราเพิ่งเดินขึ้นมา” ในคืนต่อมา เขาพบชายคนเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้คุยโทรศัพท์ แต่กลับนั่งอยู่ตรงบันได จ้องมาทางเขาและเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “น้องอยู่ที่ไหน พี่อยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย” แต่น่าแปลกที่ปากของชายคนนั้นไม่ได้ขยับเลย คราวนี้ เขามั่นใจว่า สิ่งที่เห็น ไม่ใช่คนแน่นอน เขาเริ่มลังเลว่าจะย้ายออกดีไหม เพราะค่าเช่าหอพักถูกมาก จึงพยายามอดทน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มได้ยินเสียงนี้บ่อยขึ้น รวมถึงเพื่อนบางคนก็ได้ยินเช่นกัน คุณกุ้งตัดสินใจไปถามคนดูแลหอพัก ตอนแรกเขาเลี่ยงที่จะตอบ จนคุณกุ้งต้องบอกว่า “บอกหนูเถอะค่ะ ยังไงหนูก็อยู่มา 3-4 เดือนแล้ว อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว” ในที่สุด คนดูแลหอพักก็ยอมเล่าให้ฟัง “พี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงหรือเปล่านะ เพราะพี่เพิ่งมาเฝ้าหอได้ไม่นาน แต่ยามของหอพักข้าง ๆ เคยเล่าให้ฟังว่า.. เคยมีคู่รักชายหญิงเช่าห้องอยู่ที่ชั้นสาม ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงทำงานกันคนละที่ วันหนึ่ง ฝ่ายชายกลับมาที่ห้อง อยู่ในห้องได้ 2 วันก็ยังไม่มีความผิดปกติอะไร จนฝ่ายหญิงโทรมาหา แล้วไม่มีคนรับสาย เขาเลยเดินทางมาหาฝ่ายชายที่หอพักแห่งนี้ ปรากฏว่าเคาะห้องก็ไม่เปิด แต่พอโทรไปเสียงโทรศัพท์ดัง จนเขาขอให้งัดห้อง แล้วสิ่งที่ได้เห็นคือ ฝ่ายชายนอนไหลตายอยู่บนที่นอนแล้ว ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะย้ายออก เธอมักได้ยินเสียงชายคนหนึ่งพูดหน้าห้องวนซ้ำ ๆ ว่า ‘น้องอยู่ไหน พี่รออยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย’ เธอได้ยินแบบนี้ทุกคืน จนสุดท้ายทนไม่ไหว และย้ายออกไป” และเหตุผลที่ทุกชั้นในหอพักแห่งนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ ก็ได้รับคำตอบว่า “ตอนที่ก่อสร้างหอพัก มีคนงานคนหนึ่งชอบเป่าเครื่องดนตรีหลังเลิกงาน แต่แล้ววันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุ ตกจากนั่งร้าน แม้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต เจ้าของอาคารจึงนำเครื่องดนตรีมาติดไว้ที่คานของทุกชั้นเพื่อแก้เคล็ด” และสิ่งที่ทำให้คุณกุ้งขนลุกยิ่งขึ้น คือรุ่นพี่ที่เคยพักที่นี่เล่าว่า “คืนใกล้วันโกน มักมีคนเห็นชายชุดเปื้อนฝุ่นเดินอยู่ที่ชั้นหนึ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงเป่าขลุ่ยท่ามกลางความเงียบ” เรื่องนี้ทำให้หลายคนที่รู้ประวัติของหอนี้ ค่อย ๆ ทยอยย้ายออกไป และนั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหอพักแห่งนี้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก พีค V3RSE 'เงาในกระจก' I อังคารคลุมโปง X V3RSE [ 1 ต.ค. 2567]

04 ต.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก พีค V3RSE 'เงาในกระจก' I อังคารคลุมโปง X V3RSE [ 1 ต.ค. 2567]

‘คุณพีค V3RSE‘ ได้มาเล่าเรื่อง ‘เงาในกระจก’ เป็นประสบการณ์สุดหลอนที่เจอร่างดำ ณ ห้องพักโรงเเรมเเห่งหนึ่ง ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (1 ตุลาคม 2567) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ ฟัง จะขนลุกขนาดไหนนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณพีคเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7-8 ปีที่เเล้ว ตนเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนดนตรีในกรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ก็จะเข้าพักที่โฮสเทลเป็นประจำ เเต่มีอยู่สัปดาห์หนึ่ง พ่อแม่ของตนมีธุระที่กรุงเทพฯ จึงตกลงกันว่าจะไปนอนที่โรงแรมด้วยกัน จากนั้นก็ได้เดินทางมาที่กรุงเทพฯพร้อมกัน เมื่อมาถึงโรงเเรม คุณพีคก็รู้สึกได้ถึงความเก่า คาดว่าโรงเเรมนี้น่าจะมีอายุมากเเล้ว เมื่อเข้าเช็คอิน คุณเเม่ก็ได้กุญเเจห้องหมายเลข 715 ขณะที่ขึ้นลิฟต์ไปห้องพักตนก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร จนเดินมาถึงหน้าห้องพักคุณพีคก็รู้สึกอึดอัด ไม่อยากอยู่ที่นี่ รู้สึกใจหวิว ๆ เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง เเต่คุณพีคก็ไม่ได้อยากทำตัวเรื่องมากกับพ่อเเม่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป จู่ ๆ ก็รู้สึกจุกหน้าอก หายใจไม่ออก และสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เเต่ก็พยายามไม่คิดอะไร คิดว่านอนกับพ่อเเม่คงไม่มีอะไร จึงเข้าห้องไปเก็บของในห้อง เมื่อเสร็จเเล้วออกไปกินข้าวข้างนอก และกลับห้องมาประมาณ 3-4 ทุ่ม ตนก็ต้องรีบนอนเพราะมีเรียนดนตรีตอนเช้า เมื่อหลับไปสักพัก คุณพีคก็ตื่นขึ้นเพราะอยากเข้าห้องน้ำ ช่วงนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ก็เห็นคุณพ่อนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงที่โซฟา จากนั้นก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เเต่ในระหว่างนั้นคุณพีคก็ใส่หูฟังเล่นโทรศัพท์ไปด้วย สักพักหนึ่งก็มีเสียง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ตอนแรกตนก็ไม่เเน่ใจว่าเสียงนั้นมาจากคุณพ่อหรือมาจากในวิดีโอที่ตนกำลังดู ต่อมาก็มีเสียง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! มาอีกครั้ง ต่อมาก็มีเสียงเหมือนทุบประตู ปึ้ง ปึ้ง ปึ้งง!! เเล้วก็มีเสียงตะโกนเรียก พีค! ตนก็ได้ตะโกนถามเพราะคิดว่าเป็นเสียงพ่อว่า “พ่อ จะเข้าห้องน้ำเหรอ?” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เมื่อออกไปก็เห็นคุณพ่อนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม จึงถามคุณพ่อว่า พีค : พ่อจะเข้าห้องน้ำเหรอ เห็นเมื่อกี้ไปเคาะประตู คุณพ่อ : เปล่า พ่อไม่ได้จะเข้า ทำไม? เมื่อคุณพีคได้ยินเช่นนั้น ก็คิดเเล้วว่าตัวเองโดนเข้าเเล้ว จึงใจดีสู้เสือเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา จึงรีบเข้านอน วันต่อมา พ่อแม่ของคุณพีคก็ได้ออกไปทำธุระ เเละคืนนี้คุณพีคต้องนอนคนเดียว เมื่อเรียนดนตรีเสร็จตั้งเเต่เวลาประมาณ 3-4 โมงเย็น เเต่ก็ยังไม่อยากกลับห้อง คิดว่าจะกลับทีเดียวตอนที่จะนอน เมื่อกลับห้องก็ได้ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ในขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่ก็มีเสียงเหมือนของแข็งขูดกับปูน! ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เเต่ในจังหวะที่ตนกำลังก้มหน้าสระผมก็เห็นเป็นเท้าคนดำ ๆ! ลอดผ่านช่องม่านข้างล่าง กำลังใช้เล็บยาวหนา ๆ จิกกับขอบอ่างอาบน้ำอยู่ดัง แก๊กก… แก๊กกก! คุณพีคพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด เเล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟันต่อที่อ่างล้างหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองในกระจกก็เห็นร่างสีดำนั้นอยู่ตรงเยื้องขวารูปร่างคล้ายผู้ชาย! ตนตกใจรีบวิ่งออกจากห้องน้ำทันที เเล้วรีบใส่เสื้อผ้า เก็บของออกจากห้อง เเต่ในขณะที่วิ่งออกมาประตูห้องน้ำยังเปิดอยู่ ร่างนั้นก็หายไปแล้ว เเต่ตรงพื้นที่ร่างนั้นยืนมันมีคราบอยู่คล้ายกับคราบเขม่าสีดำ ซึ่งเมื่อวานที่เข้าพักกับตอนเช้าก่อนไปเรียนยังไม่มีคราบนี้ จากนั้นก็คืนห้องออกจากโรงแรมทันที! เเล้วคุณพีคได้สืบเรื่องต่อโดยการเสิร์ชในออนไลน์ว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น จนได้รู้ว่าโรงเเรมแห่งนี้เคยมีเหตุการณ์ไฟไหม้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110