ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอผีจนไม่กล้านอน เช้ามาเพื่อนบอกว่าผีเอาเลขหวยมาบอก สุดท้ายไม่เชื่อ ชวดเงินล้าน!

อังคารคลุมโปง RECAP

ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอผีจนไม่กล้านอน เช้ามาเพื่อนบอกว่าผีเอาเลขหวยมาบอก สุดท้ายไม่เชื่อ ชวดเงินล้าน!

11 ม.ค. 2024

       เจอดีที่ห้องน้ำกลางดึก พอกลับมานอนพักช่วงเบรก ผีที่เจอฝากเพื่อนที่นอนข้าง ๆ มาบอกเลขเด็ดแต่ไม่ซื้อ ปรากฏว่าออกตามที่ผีบอกจริง ๆ ! เรื่องราวจาก ‘คุณยาย’ สายที่โทรเข้ามาเล่าเรื่องหลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 ธันวาคม 2566) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟัง จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกันเลย!

       เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณยาย’ โดยคุณยายได้เริ่มเกริ่นว่า ช่วงชีวิตของคุณยายจะมี 2 พาร์ท เป็นพาร์ทโรงงานและพาร์ทตอนขับรถ ซึ่งก่อนที่คุณยายจะมาขับรถเหมือนในปัจจุบัน ได้ทำงานในโรงงานที่ผลิตเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาก่อน โรงงานนี้ตั้งอยู่ที่บางปู เป็นโรงงานที่มีตึกถล่มจนกลายเป็นข่าวดังเมื่อ 20 กว่าปีก่อน

       หลังจากที่โรงงานนี้ถล่มไปปีกว่า คุณยายได้ไปสมัครงานที่โรงงานแห่งนี้ ซึ่งในอุตสาหกรรมนี้จะมีอยู่หลายโรงงาน แต่โรงงานที่ถล่มเป็นข่าวดังคือโรงงานที่ 5 คุณยายไปสมัครโดยที่จะไม่รู้ว่าตนจะได้ไปทำที่โรงงานใด ทำได้เพียงแต่ภาวนาขออย่าให้เป็นโรงงานที่ 5 ก็พอ แต่ผลออกมาสรุปว่าได้ไปทำโรงงานที่ 5 พอดี ภายในโรงงานนี้จะเป็นไลน์ผลิตที่วิ่งไปเรื่อย ๆ 2 แถว งานที่คุณยายทำจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น รัด cable tie, หยอดกาว และเช็คตะกั่ว เป็นต้น

       ไลน์ผลิตที่โรงงานนี้ค่อนข้างแข็งแรง เพราะเป็นสแตนเลสทั้งหมด อีกทั้งคุณยายยังบอกว่าทางโรงงานจะแจ้งพนักงานไว้ว่า ถ้ากลางคืนจะนอนพักให้นอนใต้ไลน์ผลิต เพราะถ้ามีเหตุการณ์ตึกถล่มเหมือนที่เคยเกิด ไลน์ผลิตจะสามารถช่วยรองรับได้ ซึ่งในเวลางานจะมีแบ่งให้พักเบรก ไม่ว่าเป็น แบ่งเบรกย่อย 10 นาที, แบ่งเบรกเข้าห้องน้ำ และเบรกตอนตี 5 มีเวลาครึ่งชั่วโมง ซึ่งส่วนมากในเบรกนี้คนที่โรงงานจะนอนพักกัน

       ต้องอธิบายก่อนว่าไลน์ผลิตจะวิ่งตลอดเวลาไม่มีการหยุดพัก จึงต้องคอยมีคนซัพพอร์ตเปลี่ยนกะเวลาที่จะไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งคุณยายก็พยายามที่จะไม่เข้าห้องน้ำบ่อย เพราะตอนไปสามารถไปได้แค่คนเดียว ไม่สามารถพาเพื่อนไปด้วยถ้าไม่ใช่เวลาพักจริง ๆ

       แต่แล้ววันนึง คุณยายอยากเข้าห้องน้ำ ในเวลาที่คนซัพพอร์ตมาเปลี่ยน ในใจคุณยายก็รู้สึกกลัวที่จะต้องไปคนเดียว คุณยายเกริ่นก่อนว่า “คนที่จะเจอเรื่องลี้ลับเนี่ย นอกจากเวลาจังหวะที่พอดีแล้ว มันจะมีเรื่องนึงที่เราจะเจอคือความสาระแนของเรานี่แหละ มันจะทำให้เราเจอผี” และเล่าถึงลักษณะห้องน้ำว่า ห้องน้ำที่โรงงานจะเหมือนห้องน้ำปั๊ม แต่สมัยก่อนห้องน้ำจะเป็นการก่ออิฐ ไม่มีชักโครก เวลาเข้าก็จะต้องนั่งยอง ๆ ภายในห้องน้ำก็จะมีอิฐก่อไว้ใส่น้ำ และมีขันไว้ราดในนั้น

       ก่อนที่คุณยายจะเข้าห้องก็เอานิ้วดันประตูเพื่อเช็คความสะอาดของแต่ละห้องไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดันไปถึงประตูห้องหนึ่ง ปรากฏว่าเจอผู้หญิงคนนึง สภาพผมโกยลงมาปิดบังใบหน้า นั่งยอง ๆ อยู่ในห้องน้ำ คุณยายบอกว่าไม่มีเสียงกรีดร้อง หรือตกใจจากผู้หญิงคนนั้นแม้แต่น้อย ซึ่งตอนที่คุณยายดันไปเจอ คุณยายก็ตกใจจึงพูดไปว่า “ขอโทษค่ะ ๆ” พร้อมกับปิดประตูให้ผู้หญิงคนนั้น แต่ก็รู้สึกแปลก เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปโดนเปิดประตูก็คงจะโวยวาย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       ด้วยความอยากรู้ คุณยายจึงไปเข้าห้องน้ำข้าง ๆ และทำธุระเบา เพื่อที่จะฟังความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้น ปรากฏว่าคุณยายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงขัน หรือเสียงราดน้ำ จนกระทั่งคุณยายทำธุระของตัวเองเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินออกจากห้อง ก็หันไปชะเง้อมองห้องข้าง ๆ เห็นว่าประตูเปิดแง้มไว้อยู่ จึงผลักเข้าไป ปรากฏว่า..ไม่ใครอยู่ในนั้น! พอคุณยายเห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปในไลน์ผลิต ฝ่ายซัพพอร์ตเห็นคุณยายมีท่าทีแปลก ๆ จึงหันมามองหน้าคุณยายแล้วถามว่า “ยายเจออะไร?” คุณยายจึงตอบไปว่า “ไม่เจอ..” แต่หน้าคุณยายคงจะฟ้องว่าเจออะไรมา ซัพพอร์ตจึงบอกคุณยายอีกว่า “เดี๋ยวคุยกันนะตอนเบรก” แต่คุณยายก็ตอบกลับไปว่า “ไม่คุย” จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ซ้ายขวาหันมาถามคุณยายว่า “มึงเจออะไร” คุณยายตอบไปว่า “ไม่แน่ใจ” แต่ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง  

       เมื่อถึงเวลาเบรกใหญ่ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะทำโอทีในช่วงตี 5 พนักงานในโรงงานก็นอนใต้ไลน์ผลิตกันตามปกติ โดยในช่วงเวลานั้นโรงงานจะปิดไฟมืดทั้งหมด คุณยายได้นอนใกล้เพื่อนที่ชื่อว่า “แหวว (นามสมมติ)” ซึ่งคุณยายก็นอนไม่หลับ เพราะในหัวมีแต่เรื่องที่เจอจึงนอนคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาเปิดไฟ ไลน์ผลิตกลับมาทำงานปกติ เพื่อนชื่อแหววที่นอนข้าง ๆ หันมาบอกคุณยายว่า “หวยออก 500 นะ” คุณยายก็ไม่เชื่อเพราะหวยอะไรจะออกเลข 500 เพื่อนที่ชื่อแหววยังบอกคุณยายอีกว่า “มึงเชื่อกู..กูฝันเมื่อกี้ได้หวย” แต่คุณยายก็ไม่เชื่อจึงไม่ได้ซื้อ

       ปรากฏว่าเมื่อถึงวันหวยออก กลับเป็นเลขตรงตามที่เพื่อนคุณยายบอกจริง ๆ เพื่อนที่ชื่อแหววถูกหวยถึงขั้นซื้อรถกระบะป้ายแดงได้ 1 คัน! และเล่าให้คุณยายฟังว่าวันนั้น ตอนนอนเห็นผู้หญิงเดินมาทางห้องน้ำแล้วมานานอนข้าง ๆ เขา  พร้อมบอกว่า “หวยออก 500 นะ บอกเพื่อนมึงด้วย” คุณยายบอกว่า เพื่อนของคุณยายคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงเดินตามคุณยายมาจากห้องน้ำเพื่อมาบอก แต่คุณยายไม่ได้หลับ จึงสื่อสารกันไม่ได้..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

         

related อังคารคลุมโปง RECAP

3 วัน 7 วัน ตามเก็บรอยเท้า! รุ่นพี่คนสนิทจากไปแล้ว แต่จิตยังรักษาสัญญา พอถึงวันนัดยังขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจมารับที่หอตามที่เคยสัญญากันไว้

09 ก.พ. 2024

3 วัน 7 วัน ตามเก็บรอยเท้า! รุ่นพี่คนสนิทจากไปแล้ว แต่จิตยังรักษาสัญญา พอถึงวันนัดยังขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจมารับที่หอตามที่เคยสัญญากันไว้

รุ่นพี่คนสนิทเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังคงวนเวียนให้คนรอบข้างพบเห็น ถึงขั้นมารับที่หอตามที่เคยนัดกันไว้ เรื่องราวนี้ ‘คุณออโต้’ ได้โทรเข้ามาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 กุมภาพันธ์ 2567) ให้ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘คุณก็อป’ (ดีเจจำเป็น) ได้ฟัง จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณออโต้’ (นามสมมติ) โดยคุณออโต้เริ่มเล่าว่า ต้องย้อนไปเมื่อ 25 ปีก่อน เป็นช่วงที่คุณออโต้เรียนอยู่ปีหนึ่ง มีรุ่นพี่ที่คุณออโต้สนิทมาก ชื่อว่า ‘พี่เป้’ ซึ่งมีอายุมากกว่าคุณออโต้หนึ่งปี เพราะว่าพี่เป้ซิ่วกลับมาเรียนใหม่ พี่เป้เป็นคนร่าเริง ชอบคุยกับคน จึงเป็นที่รักของคนในคณะ อีกทั้งพี่เป้ยังเป็นคนที่รักษาสัญญามาก เช่น ถ้านัดคุณออโต้ไว้ 8 โมง พี่เป้จะมาตรงเวลา 8 โมงเป๊ะไม่เคยเลท เมื่อ 25 ปีก่อนนั้น ถ้าใครมีรถมอเตอร์ไซค์ขับในมหาวิทยาลัยถือว่าสุดยอดมาก ซึ่งพี่เป้คือหนึ่งในคนที่มีรถมอเตอร์ไซค์แถมยังเป็นรุ่นเวสป้าสุดเท่อีกด้วย และเป็นแค่คนเดียวที่ขับรุ่นนี้ ตอนนั้นเป็นช่วงสอบปลายภาค 5 วันวันจันทร์ - สอบปลายภาควันที่ 1 วันแรกคุณออโต้ก็ไปสอบตามปกติ แต่บังเอิญสังเกตเห็นสีหน้าพี่เป้เหมือนจะเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง คุณออโต้จึงถามพี่เป้ไปว่า “เห้ย! พี่เป็นอะไร?” ตอนแรกคุณออโต้คิดว่าพี่เป้เครียดเรื่องสอบ แต่ปรากฏว่าพี่เป้เครียดเพราะทะเลาะกับแฟน คุณออโต้ก็บอกพี่เป้ไปว่า “สอบเสร็จเดี๋ยวค่อยไปขอคืนดี เดี๋ยวก็คืนดีกันเหมือนเดิม” แต่คราวนี้พี่เป้กับแฟนทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขั้นขอเลิก ด้วยความที่พี่เป้เครียดเรื่องแฟน จึงพูดกับคุณออโต้ว่า “ไอโต้วันศุกร์ที่จะถึงนี้ พาพี่ไปเที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงเอง” พี่เป้บอกคุณออโต้ว่าประมาณ 2 ทุ่มกว่า เขาจะโทรมาที่หอพักคุณออโต้ (สมัยก่อนยังไม่มีมือถือส่วนตัวจึงต้องใช้วิธีนี้) เพื่อให้คุณออโต้เตรียมตัวก่อน แล้วเมื่อถึงเวลา 4 ทุ่มพี่เป้ถึงจะออกมารับตามที่นัดกันไว้ เมื่อนัดหมายกันเสร็จ ทั้งคู่ก็แยกย้ายไปสอบวันอังคาร - สอบปลายภาควันที่ 2 ถัดมาวันอังคาร ซึ่งเป็นวันสอบอีกวัน คุณออโต้ไม่เจอพี่เป้แต่ก็คิดว่าพี่เป้คงจะป่วย เพราะที่มหาวิทยาลัยสามารถยื่นเอกสารเพื่อเลื่อนวันสอบได้ เมื่อสอบเสร็จคุณออโต้ก็กลับหอพักไปนอน แต่ก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ประมาณ 2 ทุ่มกว่า เพื่อที่จะตื่นมาอ่านหนังสือ แต่ในระหว่างนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาในหอพัก แล้วก็มีน้องคนนึงตะโกนว่า “พี่โต้ห้อง 6 ออกมารับโทรศัพท์หน่อย” คุณออโต้จึงรีบไปรับสาย ปรากฏว่าปลายสายเป็นเพื่อนของคุณออโต้ที่โทรเข้ามา บอกคุณออโต้ว่า “ไอโต้ทำใจดีๆ นะ” ตอนนั้นคุณออโต้คิดในใจว่าจะให้ทำใจอะไร จึงถามปลายสายไปว่า “มีอะไร” เพื่อนตอบมาว่า “พี่เป้เสียแล้ว!” คุณออโต้ตกใจมาก จึงถามเพื่อนว่า “พี่เป้เสียได้ยังไง” เพื่อนจึงได้เล่าให้ฟังว่า “วันอังคารช่วงเช้า พี่เป้ขับมอเตอร์ไซค์แล้วเกิดประสานงากับคนที่เมาแล้วขับสวนเลนมา จึงทำให้พี่เป้เสียชีวิตคาที่พร้อมกับคู่กรณี” คุณออโต้คิดในใจว่าไม่น่าเลย เพราะเพิ่งคุยกับพี่เป้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง แต่ตอนนั้นคุณออโต้ยังต้องโฟกัสเรื่องสอบ จึงบอกเพื่อนไปว่า “ถ้าจะไปงานศพของพี่เขาวันไหน ให้ขี่มอเตอร์ไซค์มารับหน่อย” เพราะคุณออโต้ไม่มีมอเตอร์ไซค์วันพุธ - สอบปลายภาควันที่ 3 ต่อมาในวันพุธ เป็นวันที่สามที่มีการสอบ วันนี้ต้องสอบวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งก่อนจะเริ่มสอบก็มีการเช็คชื่อกันตามปกติ แต่อยู่ ๆ อาจารย์ที่คุมสอบก็ถามขึ้นมาว่า “มิสเตอร์เป้อยู่ไหน?” ทุกคนในห้องต่างก็ตกใจเพราะรู้กันดีว่าพี่เป้เสียแล้ว จึงพร้อมใจกันพูดว่า “โทษนะคะอาจารย์ พี่เป้เสียแล้ว” ตอนนั้นอาจารย์ที่ได้ฟังแบบนั้น ก็รีบสวนกลับมาทันทีว่า “เป็นไปได้ยังไง เมื่อเช้าประมาณ 7 โมงกว่า ๆ เป้ยังมาช่วยจัดสถานที่สอบอยู่เลย” เรื่องนี้จึงเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง นอกจากนี้คุณออโต้ยังบอกอีกว่าเพื่อนบางคน ถึงขั้นเล่าว่าพี่เป้ไปหาถึงหอพักก็มีมาแล้ว ด้วยความที่สมัยนั้นคุณออโต้ยังเป็นวัยรุ่น ไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับแบบนี้ จึงคิดแค่ว่าเขาอาจจะแค่แกล้งพูดกันให้กลัว ผ่านมาถึงช่วงบ่าย ทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือรอสอบอยู่หน้าห้อง คุณออโต้สังเกตเห็นป้าแม่บ้านที่สนิทกันเดินมา ในมือของป้าถือครกกับแซนด์วิช และมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องสอบ พร้อมตะโกนว่า “เป้ไปไหน” ตอนนั้นคุณออโต้ตกใจมากเลยพูดไปว่า “ป้าเป็นอะไร” ป้าเขาก็เลยบอกว่า “เมื่อกี้เห็นเป้เข้าห้องน้ำ แล้วเป้วานให้ซื้อครกกับแซนวิชให้หน่อย” คุณออโต้ก็บอกป้าไปว่า “ป้ารู้หรือยังว่าพี่เป้เสียแล้ว” ตอนนั้นป้าทำหน้าเหว๋อ คุณออโต้จึงบอกว่า “เดี๋ยวผมเอาเงินของผมเองออกให้” ในเวลานั้นทุกคนต่างคิดว่าจิตของพี่เป้ยังห่วงเรื่องการสอบจึงยังวนเวียนอยู่ให้พบเห็นวันศุกร์ - สอบปลายภาควันสุดท้าย จนกระทั่งวันศุกร์ คนที่สอบเสร็จต่างก็กลับบ้าน แต่ทว่า คุณออโต้ยังคงต้องอยู่ส่งงานถึงวันจันทร์ คุณออโต้ยังเล่าถึงรายละเอียดหอพักอีกว่า เป็นหอที่อยู่ชานเมือง ถ้าใครไม่ตั้งใจมาหาคุณออโต้จริง ๆ คงไม่มีทางที่จะมาที่นี่แน่นอน โดยลักษณะหอจะเป็นห้องชั้นเดียวเรียงกัน 6 ห้อง ซึ่งคุณออโต้อยู่ห้องที่ 6 และตรงทางเดินจะเป็นดินลูกรังสีแดง ทำให้เวลาใครเดินเข้า - เดินออกจะได้ยินเสียง ในวันนั้นทุกคนที่หอกลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแค่คุณออโต้ เพื่อนต่างคณะห้อง 5 และน้องผู้หญิงห้อง 2 ที่ยังอยู่ในหอพักนี้ ในหอจะสนิทกันทุกคน และรู้จักพี่เป้เป็นอย่างดี เพราะเคยร่วมวงสังสรรค์ด้วยกันที่หอบ่อย ๆ ขณะนั้นบังเอิญว่าเพื่อนที่ชื่อ ‘ดำ’(นามสมมติ) ที่อยู่ห้อง 5 ข้างห้องคุณออโต้เพิ่งสอบเสร็จแล้วกลับห้องมาพอดี คุณออโต้จึงนำเรื่องของพี่เป้ไปเล่าให้คุณดำฟัง ตอนเล่าก็ฉุกคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่พี่เป้นัดคุณออโต้ไว้ เมื่อถึงเวลากลางคืน ปกติคุณออโต้จะนอนที่ห้องคนเดียว แต่วันนั้นได้ขอไปนอนกับคุณดำ และอยู่ ๆ คุณออโต้ก็นึกถึงความเชื่อเรื่อง ‘3 วัน 7 วัน มาเก็บรอยเท้า’ จึงลองนับวันเวลา ปรากฏว่าพี่เป้เสียครบ 3 วันพอดี คุณดำเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่ก็ยังไม่ก็วายแกล้งคุณออโต้ว่า “ถ้าพี่เป้มาหามึง มึงจะทำยังไง” ก็พูดตลก นั่งเล่นนั่งคุยกันไป จนเวลาล่วงเลยถึง 2 ทุ่มครึ่ง อยู่ดี ๆ น้องห้อง 2 ตะโกนเรียกเสียงดังมาว่า “พี่โต้ห้อง 6 โทรศัพท์เข้ามา” คุณออโต้จึงรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่าปลายสายไม่มีเสียงคนพูด และได้ยินแต่เสียงลมแทรกเข้ามา ตอนนั้นคุณออโต้นึกว่าโดนแกล้ง จึงรีบวิ่งไปเคาะถามน้องห้อง 2 ว่า “โทษนะ เมื่อกี้ใครโทรเข้ามา” น้องห้อง 2 รีบตอบสวนคุณออโต้มาทันทีว่า “ก็พี่เป้ไงพี่ เมื่อกี้โทรมาขอสายพี่” คุณออโต้ตกใจ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกกับน้องว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงเดินกลับห้องไปเล่าให้คุณดำฟัง พอฟังจบ คุณดำก็บอกว่า “ถ้าวันนี้พี่เป้มา ถ้าแกมาเคาะประตูนะ กูคงกัดลิ้นตาย” คุณออโต้จึงตอบไปว่า “คงไม่จริงหรอกมั้ง” พูดไปประมาณว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนเวลาผ่านไป 4 ทุ่ม ถึงเวลาที่พี่เป้นัดไว้ว่าจะขับรถมารับที่หอ แล้วคุณออโต้ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์เวสป้าที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่เป้ขับมาแต่ไกล ในใจคุณออโต้ตอนนั้นก็คิดว่าอาจจะเป็นมอเตอร์ไซค์ของคนอื่นขับผ่าน แต่ทันใดนั้นเวสป้าคันนั้นก็เข้ามาจอดที่หอพักคุณออโต้ พร้อมกับเสียงวางขาตั้งดังปั้กก! และความรู้สึกตอนนั้นเหมือนผู้ชายคนคนนั้นเดินเข้ามาในหอพัก เพราะได้ยินเสียงดินลูกรังกระทบกับรองเท้าเสียงดัง จึงทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เดินเข้ามา ประกอบกับผ้าม่านตรงหน้าต่างที่บาง ๆ ของหอพัก ทำให้เห็นเงาคนเดินผ่านจาง ๆ ผ่านแต่ละห้องไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายไปหยุดอยู่ที่ห้อง 6 ห้องของคุณออโต้! คุณออโต้ตกใจมาก แต่อีกใจนึงก็คิดว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนคุณออโต้มาหาที่ห้อง คุณออโต้กำลังจะออกไปดู แต่เหมือนวันนั้นคุณดำดูเหมือนจะรักคุณออโต้เป็นพิเศษ ทั้งกอด ทั้งรั้งคุณออโต้ไม่ให้ออกไป แล้วพูดว่า “ไม่ออกไป อย่า ๆ ถ้าออกไปเป็นพี่เป้มา..” ตอนนั้นคุณออโต้พูดในใจว่า “ไม่ใช่หรอกมั้ง อาจจะเป็นเพื่อนของเพื่อนมาหาก็ได้” พอพูดจบคุณออโต้ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อกๆ ดังมาจากห้อง 6 แต่คุณออโต้ก็เริ่มคิดว่าใช่โจรหรือเปล่า จึงพูดกับคุณดำว่า “ดำ..สงสัยมันเป็นโจรรึเปล่า” คุณออโต้กลัวว่าโจรจะมาโมยของมีค่าต่าง ๆ ในห้อง จึงอยากออกไปดูแต่ก็ออกไปไม่ได้เพราะโดนคุณดำรั้งและขอร้องไม่ให้เปิดประตู สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากห้อง 6 เหมือนเดิม คุณออโต้และเพื่อนกำลังชั่งใจกันอยู่ แต่ในขณะที่คุณดำบอกว่า “อย่าไป ๆ” เสียงที่ตอนแรกเป็นการเคาะปกติ เปลี่ยนเป็นการทุบแทน! เสียงทุบเหมือนโกรธใครอะไรสักอย่าง จากนั้นก็มีเสียงเรียกตามมาว่า “ไอโต้!” คุณออโต้บอกว่าสาบานเลยว่าเสียงนี้คือเสียงพี่เป้เขาจำเสียงนี้ได้แม่น พอคุณดำได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้ออกมาแล้วบอกว่า “มึงทำยังไงก็ได้ บอกให้พี่มึงกลับ” ในใจคุณออโต้ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ด้วยความที่ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ คุณออโต้จึงพนมมือบอกพี่เป้ไปว่า “วันนี้ผมไม่ว่าง พี่น่ะเสียไปแล้ว ให้พี่ไปตามทางของพี่เถอะ ผมจะทำบุญตักบาตรไปให้พี่แล้วกัน งานศพของพี่ เดี๋ยวผมจะไปช่วยงานทุกวันเลย” ทันใดนั้นคนที่ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง 6 ทำท่าเหมือนกำลังจะเดินกลับ ตอนนั้นคุณออโต้ก็สังเกตว่าผู้ชายคนนั้นจะเดินไปที่ไหน แต่แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างห้อง 5 ที่คุณออโต้และคุณดำอยู่ในห้อง! คุณออโต้มองดูลักษณะความสูงและทรงผม ก็สรุปได้ว่าคือพี่เป้แน่นอน คุณออโต้ได้แต่อธิฐานจิตอย่างเดียวว่า “พี่..วันนี้ผมไม่พร้อม ให้พี่ไปตามทางของพี่เถอะ” พี่เป้ถึงได้เดินออกไปและจากไปพร้อมกับเสียงรถเวสป้าคู่ใจที่เสียงค่อย ๆ เบาไกลออกไปวันเสาร์ ตอนเช้าอีกวัน คุณออโต้และเพื่อนตื่นมาอาบน้ำเพื่อที่จะออกไปกินข้าว ขณะที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกไป บังเอิญว่าน้องห้อง 2 ก็เปิดประตูแง้มออกมาเพื่อที่จะเก็บของกลับบ้านเหมือนกัน ด้วยความสนิทคุณออโต้จึงแซวน้องเล่น ๆ ว่า “ไปกินข้าวด้วยกันก่อนรึเปล่า” น้องห้อง 2 ตอนกลับมาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ รีบกลับ” คุณออโต้กำลังจะเดินผ่านห้องน้องไป สักพักน้องห้อง 2 ก็ตะโกนเรียกคุณออโต้แล้วบอกว่า “เมื่อคืนนี้เพื่อนพี่ ที่ชื่อเป้มาหาพี่ มาเคาะประตู ทำไมพี่ไม่เปิด” คุณออโต้บอกว่า ด้วยความที่น้องเขาเป็นหลานเจ้าของหอเลยอาจจะช่วยสอดส่องดูแลความเรียบร้อย จึงถามต่อว่า “พี่เป้เขามายังไง” น้องห้อง 2 ตอบมาว่า “เมื่อคืนได้ยินเสียงคนเคาะประตูเลยชะโงกหน้าออกมาดู ก็เห็นลักษณะท่าทางว่าเป็นพี่เป้ แต่มันแปลกนะพี่โต้ เขามาแบบเสื้อผ้าขาดวิ่น แล้วคอก็เอียงอะ” คุณออโต้จึงตอบน้องไปว่า “ไม่มีอะไรหรอก” หลังจากวันนั้นคุณออโต้ก็ได้ไปช่วยงานศพพี่เป้จนเสร็จเรียบร้อย แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านมา 25 ปี คุณออโต้ยังไม่เคยบอกน้องห้อง 2 เลยว่าสิ่งที่น้องเขาเห็นวันนั้นคืออะไร...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พี่แจ็คเจอหลอนระหว่างไปปฏิบัติธรรม ต้องนอนข้างล่างห้องเก็บกุมารทอง ตกดึกได้ยินเสียงเคาะดังลั่นห้องจนนอนแทบไม่ได้!

03 มี.ค. 2024

พี่แจ็คเจอหลอนระหว่างไปปฏิบัติธรรม ต้องนอนข้างล่างห้องเก็บกุมารทอง ตกดึกได้ยินเสียงเคาะดังลั่นห้องจนนอนแทบไม่ได้!

จากคนที่รับฟังเรื่องหลอนอย่าง ‘พี่เเจ็ค The Ghost Radio’ ต้องมาเจอกับตัวเอง เมื่อไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง โดยมีรุ่นพี่ไปเป็นเพื่อน แต่แล้วก็เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด พี่แจ็คบอกถึงจะไม่เจอตัวเป็น ๆ แต่คิดว่าใช่แน่นอน! เรื่องนี้ ‘พี่เเจ็ค The Ghost Radio’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คืนปฏิบัติธรรม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย! โดยพี่แจ็คเล่าว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่แจ็คได้ไปปฏิบัติธรรมถือศีล 8 ที่วัดพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งไปอยู่กับหลวงปู่ที่ท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส พี่แจ็คอาศัยอยู่ที่กุฏิของท่านและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี การปฏิบัติธรรมในครั้งนี้วางแผนไปทั้งหมด 3 วัน กิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่การเปิดประตูวิหารแต่เช้า นั่งสมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระตามปกติ สองวันแรกทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ แต่วันที่ 3 วันสุดท้ายของการปฏิบัติธรรมนั้น หลวงปู่มีกิจนิมนต์จะต้องเดินทางไปที่พัทยา ซึ่งมีลูกศิษย์ 2 คนไปด้วย จึงเหลือเพียงเณรหนึ่งรูปอยู่กับพี่แจ็ค หลวงปู่บอกว่า “ถือว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ อยู่เลย อยู่สบายไม่มีอะไรหรอก” พี่แจ็คเล่าให้ฟังว่า กุฏิของหลวงปู่เป็นกุฏิ 2 ชั้น สิ่งที่พี่แจ็คเข้าไปแล้วตกใจที่สุดคือบริเวณชั้นบน มีพระพุทธรูป รูปปั้น หัวเศียรต่าง ๆ แต่จะมีมุมหนึ่งที่เป็นกุมารทอง พี่แจ็คนั่งนับมีถึง 51 ตน ก่อนหน้าที่พี่แจ็คไปนั้นมีอยู่ประมาณร้อยตนได้ แต่แล้วก็มีคนมาขอไป กุมารทองเหล่านี้ หลวงปู่หรือพระที่วัดไม่ได้เลี้ยง แต่คนที่เลี้ยงนั้นเลี้ยงไม่ไหว จึงนำมาปล่อยไว้ให้หลวงปู่ หลวงปู่ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะเป็นพระปฏิเสธไม่ได้ จึงนำมาเก็บไว้ตรงนั้น และมีคนมากราบไหว้ขอพร ก่อนจะมาปฏิบัติธรรมมีคนบอกพี่แจ็คไว้ว่า “พี่แจ็คน้องซนนะ เขาจะชอบเล่น แต่เขาชอบกินขนม มีอะไรก็ซื้อขนมไปให้เขา หรือพี่แจ็คอยากมีเรื่องเล่าเป็นของตัวเองก็บอกน้องเขา” พี่แจ็คจึงคุยกับกุมารทองว่า “ไม่ได้อยากมี พี่เป็นนักฟังที่ดี ไม่ต้องมาหาพี่นะ พี่มาปฏิบัติธรรม พี่กลัว ถ้ามาเดี๋ยวพี่ตกใจ เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่ดีกว่า” หลังจากนั้นเช้าวันที่ 3 หลวงปู่ก็ไปกิจนิมนต์ตามแผนที่วางไว้ ส่วนพี่แจ็คก็ไปสวดมนต์ปกติจนถึงตอนกลางคืน เณรนอนอยู่ชั้นบน ซึ่งชั้นบนจะมี 2 ห้อง เป็นห้องข้างในที่เก็บกุมารทอง เก็บของต่าง ๆ ที่เป็นห้องศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ และมีกระชานอยู่ข้างนอก เณรก็จะนอนกระชานข้างนอกแล้วจะปิดประตูล็อคข้างใน ส่วนพี่แจ็คจะนอนกับ ‘พี่เด่น’ ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งทั้งคู่นอนอยู่ชั้นล่าง และห้องที่นอนนั้นอยู่ใต้กุมารทองพอดีปกติแล้วห้องที่นอนนั้นจะไม่ปิดไฟ เพราะพี่แจ็ครู้สึกไม่ไหวเนื่องจากห้องมืดมากจำต้องเปิดไฟนอน คืนสุดท้ายพี่แจ็คสวดมนต์เสร็จแล้วเตรียมตัวจะนอน พี่เด่นที่ยืนอยู่หน้าห้องก็พูดขึ้นมาว่า “อ้าว วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ใครมีอะไรอยากมาบอกพี่แจ็ค มาเลยนะ” พี่แจ็คบอกว่า “เฮ้ยพี่เด่น อย่าพูดย่างงั้น ไม่เอาดิ!” จากนั้นพี่เด่นก็หัวเราะ พี่แจ็คจึงสวดมนต์เพราะที่พี่เด่นพูดทำให้รู้สึกไม่ดี จากนั้นทั้งคู่ก็นอนหลับไป ปรากฏว่าพี่แจ็คสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเสียงพี่เด่นพูดว่า “หึ หึ” พอหันไปมองพี่เด่นก็เอาผ้าห่มคลุม และเหมือนขยับตัวไม่ได้ พี่แจ็คก็รู้ทันทีเลยว่าไม่ พี่เด่นโดนพี่อำ เมื่อพี่แจ็คหันไปมองเสร็จก็หันกลับเอาผ้าคลุมนอนต่อ พี่แจ็คก็ไม่คิดจะปลุกพี่เด่นเพราะคิดว่าสมควรโดน ผ่านไปสักพัก พี่แจ็คก็ได้ยินเสียงพี่เด่นเป็นเหมือนเดิมจึงหันไปดูอีกครั้ง ตอนนั้นพี่แจ็คเกิดอาการหนังตากระตุกจึงหันกลับมานอน เวลาผ่านไปเหมือนพี่เด่นดิ้นหลุดออกมาได้ก็ลุกขึ้นมานั่งตาแดงก่ำ และถามว่า “พี่แจ็ค เมื่อกี้ผมเรียกพี่ป่ะ?” พี่แจ็คตอบว่า “ใช่” พี่เด่นถามต่อว่า “แล้วทำไมพี่ไม่ปลุกผม?” พี่แจ็คก็บอกกลับไปว่า “ไม่ปลุก พี่สมควรโดน ผมรู้ว่าพี่โดนผีอำ อันนี้พี่อะสมควรโดนเพราะพี่พูดไปเรื่อย” จากนั้นพี่เด่นจึงนั่งสวดมนต์อยู่ครึ่งชั่วโมง พี่แจ็คก็หลับและคิดว่าดีแล้วเขาจะได้สงบเวลาก็ผ่านไปสักพัก พี่แจ็คก็สะดุ้งตื่นและหันไปมองหน้าพี่เด่น ทั้งคู่มองตากันเพราะมีเสียงมาจากเพดาน เป็นเสียงเคาะดังสนั่นทั่วทุกมุมห้อง ระหว่างที่มองตากันอยู่ พี่แจ็คก็มองด้วยสายตาดุเหมือนส่งสัญญาณให้พี่เด่นว่าห้ามทัก พี่แจ็คพยายามหันหน้าไปอีกฝั่งแล้วนอนฟัง เสียงเคาะก็ดังอยู่เรื่อย ๆ พี่แจ็คมั่นใจว่าเณรไม่ได้แกล้ง เพราะเณรรูปนี้ที่อยู่ด้วยกันมา 3 วัน เป็นเณรที่เรียบร้อยและสำรวมมาก พี่แจ็คนอนฟังจนเสียงเคาะเบาลง พี่แจ็คก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงหันไปหาพี่เด่น แล้วก็เอาผ้าคลุม พี่แจ็คจึงหลับไปทั้งแบบนั้น ตื่นเช้ามา พี่แจ็คก็เจอเณรเป็นคนแรก จึงถามเณรว่า “เณร เมื่อคืนเณรได้ยินเสียงเคาะไหมครับ?” เณรตอบกลับมาว่า “เณรไม่ได้ยินครับ เณรหลับ” เพราะตอนกลางวันเณรไปเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์ พี่แจ็คก็บอกว่า “ผมได้ยินเสียงเคาะทั้งคืนเลย” เณรตอบว่า “อ๋อ เขาคงจะมาลาโยมพี่แหละ เพราะเห็นโยมพี่มา 3 วันแล้ว” และนี่เป็นสิ่งที่พี่แจ็คเจอ ถึงจะไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่จากที่ได้ยินเสียงเคาะก็ชัดเชนแล้วว่าใช่…(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

10 มี.ค. 2023

เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

ความเชื่อเรื่อง "ผีกระสือ" ที่มักจะเรืองแสงออกหากินของสดคาวและเน่าเหม็นในยามวิกาลมีมาอย่างยาวนานในบ้านเรา “พี่วิทย์ พชรพล” และครอบครัวก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่ากระสือมีจริง โดยอิงจากประสบการณ์ขนหัวลุก ที่พี่สาวแท้ ๆ ของพี่วิทย์เห็นมากับตา! โดยเรื่องนี้พี่วิทย์ได้นำมาเล่าให้ชาว “อังคารคลุมโปง X” (7 มีนาคม 2566) ได้เสียวสันหลังไปพร้อม กัน เรื่องจะเป็นยังไงนั้น ติดตามอ่านกันได้เลย! พี่วิทย์เล่าว่าต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณพี่วิทย์อายุแค่ 3 ขวบ ขณะที่ยังอาศัยอยู่ในย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ครอบครัวที่เริ่มมีฐานะดีขึ้น จึงมีแพลนว่าจะสร้างบ้านที่สวนฝรั่ง ระหว่างที่กำลังสร้างบ้าน ก็พักอาศัยอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กชั่วคราวไปก่อน พี่วิทย์และพี่ ๆ ในครอบครัวก็ชอบไปตกปลาหลังกระต๊อบ เพราะมีน้ำท่วมบ่อย และมีปลิงตัวเล็ก ๆ ทำให้พ่อมักจะห้ามไม่ให้เด็ก ๆ ในครอบครัวมาเล่นบริเวณนี้ นอกจากนั้น หลังกระต๊อบก็มีไส้ไก่ หรือพวกของเน่าเสียถูกนำมาทิ้งไว้ พี่วิทย์อธิบายกระต๊อบหลังนั้นคร่าว ๆ ว่าทำจากไม้อัดยาว ๆ เรียงต่อกันทำให้จะมีช่องเล็ก ๆ ส่วนหลังคาเป็นสังกะสี ในทุก ๆ คืน จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง พี่สาวของพี่วิทย์ 2 คน ที่นอนอยู่ติดกับกำแพงไม้ก็นึกสงสัย และอยากรู้ให้ได้ว่ามันคือเสียงอะไร ทั้ง 2 ส่องลอดผ่านช่องแผ่นไม้กระต๊อบในระยะประชิด ก็เห็นเป็นผู้หญิงแก่ผมยาวยุ่งรุงรังกำลังกินไส้ไก่ด้วยความมูมมาม ที่สำคัญคือมีแสงไฟเล็ก ๆ ส่องสว่างขึ้นแล้วก็ดับ! พี่สาวของพี่วิทย์บอกว่า “ทุกครั้งที่พี่เล่า ภาพนั้นยังติดตาพี่อยู่เลยวิทย์” พี่วิทย์เชื่อว่าสิ่งนั้นคือ “กระสือ” ทั้งยังย้ำอย่างชัดเจนว่าไม่ได้โกหก และเล่าเสริมว่า “พี่สาวพี่ยังบอกอีกนะ ว่าตอนนั้นเขากินอย่างอร่อย เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เห็นเป็นคนแก่ หลังจากเขากินเสร็จ เขาก็ลอยออกไป แต่ลอยต่ำ ๆ นะไม่ได้ลอยสูง จากนั้นก็หายไป!” และยังเล่าอีกว่าพอเช้าวันถัดมา “ลุงขาว” พี่ชายแท้ ๆ ของพ่อพี่วิทย์เดินมาบอกว่า “เนี่ย ยายคนนี้ (กระสือ) แกเอาปากไปเช็ดคราบเลือกที่ผ้าขาวม้า” พ่อพี่วิทย์ก็บอกว่า “เมื่อคืนลูกสาว 2 คนก็เห็น” แม้ตอนนั้นพี่วิทย์จะยังเด็กมาก แต่ก็จำได้ว่าหลังกระต๊อบนั้นมีน้ำท่วมขัง พี่วิทย์ชอบเอาขาไปเล่นแล้วก็ไปตกปลากับพวกพี่ ๆ แต่พ่อก็จะมาอุ้มพี่วิทย์ออกไป เพราะมีปลิงมาเกาะ แล้วยังจำได้อีกว่าหลังกระต๊อบจะมีกลิ่นเหม็นมาก เพราะทิ้งของเน่าของเสีย อย่างไส้ไก่ไว้..(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

เหตุเกิดที่สะพานพระราม 8 เคยเจอคุณลุงขับแท็กซี่มาช่วยชีวิต 10 ปีต่อมา กลับมาช่วยชีวิตเพื่อนอีกครั้ง จะโทรไปขอบคุณกลับเจอเรื่องแปลก!

23 ม.ค. 2024

เหตุเกิดที่สะพานพระราม 8 เคยเจอคุณลุงขับแท็กซี่มาช่วยชีวิต 10 ปีต่อมา กลับมาช่วยชีวิตเพื่อนอีกครั้ง จะโทรไปขอบคุณกลับเจอเรื่องแปลก!

เรื่องนี้ ‘ใหม่ รอเรน PowerPuff Guy’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับคุณใหม่ เมื่อประมาณ 10 ที่แล้ว แต่ดันบังเอิญคล้ายคลึงกับเรื่องของเพื่อน ซึ่งเกิดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย เล่าย้อนกลับไปสมัยที่คุณใหม่เรียนมหาวิทยาลัย อยู่ชั้นปีที่ 2 ด้วยความที่คุณใหม่ชอบปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ และชอบไปเที่ยวที่ถนนข้าวสาร หลังจากเที่ยวเสร็จ ก็จะชวนเพื่อน ๆ ประมาณ 9 คน ไปนั่งเล่น เม้าท์มอยกันต่อที่สะพานพระราม 8 ในกลุ่มเพื่อนนี้ก็จะมีผู้หญิงคนหนึ่ง เวลาเมาจะชอบตะโกนโวยวาย ทะเลาะกับแฟน และก็ด่าเสียงดังขึ้นมาว่า “มึงสิตอแหล” พอพูดเสร็จ ปรากฏว่าเด็กถิ่นแถวนั้น ก็เข้าใจผิดคิดว่าฝั่งคุณใหม่ไปตะโกนด่าเขา จึงมีปากเสียงกัน กลุ่มคุณใหม่วิ่งหนีขึ้นสะพานมาเรื่อย ๆ จนมาถึงทางตันที่กลางสะพาน ถ้าวิ่งไปฝั่งขวาจะเป็นกลุ่มของเด็กถิ่นอีกกลุ่มที่เป็นแก๊งเดียวกัน อีกฝั่งก็ลงไม่ได้ โดนล้อมไว้หมด จนมีรถแท็กซี่คันหนึ่งขับผ่านมา เป็นแท็กซี่เก่ามาก เปิดไฟว่างไว้อยู่ คุณใหม่จึงโบก รถแท็กซี่ก็จอด คุณใหม่ก็บอกกับคุณลุงแท็กซี่ไปว่า “ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พวกหนูขอขึ้นรถไปก่อนได้มั้ย” คุณลุงแท็กซี่ก็ไม่พูดอะไร คุณลุงแท็กซี่ดูเป็นคนมีอายุมากแล้ว ร่างกายผอม ผมและหนวดมีสีขาว มีเครายาว จากนั้นกลุ่มเพื่อนคุณใหม่ก็ขึ้นรถมา 9 คน ข้างหน้านั่ง 2 คน ข้างหลังอีก 7 คน ตั้งแต่ขึ้นรถมา คุณลุงแท็กซี่ไม่พูดอะไรเลย คุณลุงก็มาส่งไกลประมาณหนึ่งที่รู้สึกว่าปลอดภัย กลุ่มเพื่อนและคุณใหม่ก็ลงจากรถ ขอบคุณและจ่ายเงินปกติ คุณใหม่ก็คิดกับตัวเองว่า ‘รอดได้ไง ถ้าอยู่ตรงนั้นจะรอดมั้ย ยังดีที่มีแท็กซี่ผ่านมา’ เรื่องนี้ก็ผ่านไปหลายปี จนกระทั่งเพื่อนคุณใหม่ที่พึ่งรู้จักกัน เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ได้มาเล่าให้ฟังว่า เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ไปที่สะพานพระราม 8 คนเดียว เพื่อตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง จึงโทรเรียกรถแท็กซี่มารับ รถแท็กซี่คันนี้เป็นคันใหม่ แต่คนขับเป็นคนแก่ ผมขาว หนวดขาว คนขับก็ถามว่า “ไอ้หนู จะไปไหน” เพื่อนคุณใหม่ก็บอกว่า “ไปสะพานพระราม 8 ครับ” ลุงก็ขับไปพอถึงกลางสะพาน เพื่อนก็บอกให้จอด พอส่งเสร็จคุณลุงแท็กซี่ก็ไป เพื่อนก็ไปนั่งตรงขอบสะพานหันหน้ามาฝั่งถนน แล้วอยู่ดี ๆ คุณลุงแท็กซี่คันเดิมก็วนรถกลับมาจอดรถตรงหน้า คุณลุงลงมาจากรถและเดินมาหาเพื่อน พร้อมกับหยิบน้ำเปล่ามา 1 ขวด แล้วก็ถามเพื่อนว่า “เอ็งทำอาชีพอะไร ได้เงินเดือนเท่าไหร่” เพื่อนก็ตอบไป คุณลุงแท็กซี่ก็พูดอีกว่า “ได้เงินเดือนขนาดนี้ ลุงไม่คิดสั้นหรอก ลุงได้วันละ 300 ยังทนอยู่เลย” จากนั้นคุณลุงแท็กซี่ก็ยื่นน้ำให้ดื่ม พอเพื่อนดื่มน้ำเสร็จก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว คุณลุงแท็กซี่ก็บอกว่า “อย่าพึ่งเป็นอะไร ปีหน้าเองจะดัง” พูดเสร็จลุงก็บอกว่าจะไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางเพื่อนก็แอบถ่ายรูปด้านหลังคุณลุงเพื่อจะส่งให้เพื่อนอีกคนว่ากำลังกลับแล้วนะ พอถึงคอนโดก็ร่ำลากับคุณลุงแท็กซี่ ต่อมา เพื่อนก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนอีกคนฟัง เพื่อนก็บอกให้โทรไปขอบคุณคุณลุงแท็กซี่คนนั้น เพื่อนก็กำลังจะโทร ปรากฏว่าไม่มีเบอร์โทรคุณลุงแท็กซี่คนนั้นแล้ว และรูปที่เคยส่งให้เพื่อน ไฟล์รูปก็เสียหมด พอคุณใหม่ฟังจบ ก็รู้สึกว่ามันคุ้นเหมือนเคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เหมือนลุงคนนี้ที่เคยเจอที่สะพานพระราม 8 คุณใหม่เดาว่า คุณลุงแท็กซี่คนนี้อาจจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยก็เป็นไปได้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1