หนุ่มนักศึกษาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน กลับมาเจอผีผู้หญิงคลานออกมาจากตี่จู่เอี๊ยะ! โทรถามเพื่อนก็บอกว่าไม่มีคนอยู่บ้าน คืนนั้นจึงตั้งวงกินเหล้า พอเริ่มเมาก็ปากเสียตะโกนถามว่า “ถ้ามึงมีอยู่จริง มึงมาทำให้กูรู้ว่ามึงตายยังไง!”

อังคารคลุมโปง RECAP

หนุ่มนักศึกษาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน กลับมาเจอผีผู้หญิงคลานออกมาจากตี่จู่เอี๊ยะ! โทรถามเพื่อนก็บอกว่าไม่มีคนอยู่บ้าน คืนนั้นจึงตั้งวงกินเหล้า พอเริ่มเมาก็ปากเสียตะโกนถามว่า “ถ้ามึงมีอยู่จริง มึงมาทำให้กูรู้ว่ามึงตายยังไง!”

01 ธ.ค. 2023

เรื่องสยองขวัญนี้ มีชื่อเรื่องว่า ‘เรื่องผีมีอยู่จริง’ โดย ‘คุณณัฐผี’ แขกรับเชิญในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 พฤศจิกายน 2566) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันเลย!

       เรื่องราวความสยองนี้ เป็นประสบการณ์ตรงจากคุณณัฐ เริ่มขึ้นเมื่อเขาได้ย้ายเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร จึงตัดสินใจที่จะเช่าบ้านและอยู่กับเพื่อนหลายคน เพราะคุณณัฐและเพื่อน ชอบเล่นดนตรีกันมาก จึงคิดว่าเช่าบ้านอยู่ด้วยกันก็จะสะดวกมากกว่า ซึ่งบ้านเช่าหลังนี้เป็นอาคารอาคารพาณิชย์หลังเก่า มีทั้งหมด 4 ชั้น เคยเป็นร้านเกมส์มาก่อน ทำให้ประตูด้านหน้าเป็นกระจก ภายในตัวบ้านจะค่อนข้างโล่ง และลึกยาวเข้าไป ด้านหลังเป็นบันไดสำหรับใช้ขึ้นไปยังชั้น 2 หลังบันไดจะมี ‘ตี่จู่เอี๊ยะ’ ตั้งไว้บริเวณนั้น ในแต่ละชั้นของบ้านจะถูกแบ่งโซนไว้อย่างชัดเจน โดยชั้น 2 ถูกแต่งเติมเป็นห้องนอน 2 ห้อง ส่วนชั้น 3 เปลี่ยนให้เป็นสตูดิโอสำหรับซ้อมดนตรีและห้องอัด และชั้นสุดท้ายคือชั้น 4 เป็นห้องนอนอีก 1 ห้อง

       วันหนึ่ง หลังจากที่คุณณัฐกลับมาจากการทำธุระข้างนอก เวลาตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มกว่า เขาสังเกตเห็นว่าไฟยังคงเปิดไว้จึงคิดว่ามีคนอยู่ในบ้าน ขณะที่กำลังจะเปิดประตู ปรากฏว่าประตูดันล็อก จึงตัดสินใจส่องผ่านกระจกเข้าไปดูว่ามีใครอยู่ข้างในหรือไม่ ระหว่างที่กวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อมองหาคนช่วยเปิดประตู สายตาดันไปเจอกับมือของผู้หญิงกำลังยืนขึ้นมาจากด้านหลังของตี่จู่เอี๊ยะ! เหมือนกับว่ากำลังพยายามผลักตัวเองให้ลุกขึ้นมา ไม่นานหัวก็โผล่พ้นขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ เอาคางมาวางไว้ที่กำแพง! คุณณัฐคิดว่าคงเป็นพี่ที่รู้จัก จึงเรียกชื่อไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับจากใครเลย จึงตัดสินใจเพ่งเล็งดูอีกครั้ง ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงมองอยู่ในลักษณะเดิม คือจ้องมองมาที่คุณณัฐ แต่สิ่งที่น่าขนลุกไปกว่านั้นคือเขาเห็นว่าผู้หญิงที่กำลังสบตาด้วยนั้นไม่มีจมูกและปาก! ดวงตากลมโต ใบหน้าขาวซีด! คุณณัฐผีเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งหนีไป ระว่างที่วิ่งอยู่ก็เห็นตู้โทรศัพท์จึงตัดสินใจว่าจะโทรไปหารุ่นพี่ แต่ปลายสายกลับบอกว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ทุกออกไปเดินห้างกันหมด เมื่อได้ยินแบบนั้น คุณณัฐก็รู้สึกกลัวมาก รีบบอกให้รุ่นพี่รีบกลับมาที่บ้านทันที!

       เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้าน ก็มีการตั้งวงสังสรรค์นับสิบคนได้ พอเริ่มกริ่มได้ที่ก็คิดอยากลองทำอะไรแผลง ๆ เริ่มจาก ‘พี่ปอ’ (รุ่นพี่ของคุณณัฐ) ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้ามึงมีอยู่จริง มึงมาทำให้กูรู้ว่ามึงตายยังไง!” หลังจากท้าทายเสร็จ ไม่นานทุกคนก็เมากันหมด จึงพากันหลับรวมกันอยู่ที่ชั้น 4

       รุ่งขึ้น พี่ปอก็มาปลุกทุกคน แล้วพูดว่า “เห้ย กูรู้แล้ว เขาตายยังไง!” ทุกคนตกใจสะดุ้ง แล้วรีบถามถึงเรื่องราวจากพี่ปอ พี่ปอเล่าว่า หลังจากที่เลิกจากวงเหล้า พี่ปอก็เข้าไปนอนในห้องกับแฟน ปรากฏว่าระหว่างที่หลับ ก็ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว ใส่ชุดสีขาว ในฝันเธอพูดว่า “มึงอยากเห็นกูตายใช่มั๊ย งั้นมึงดู!” หลังจากผู้หญิงคนนั้นพูดจบ พี่ปอก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนเธอจะเสียชีวิต เธอถูกผู้ชายฉุดมาข่มขืน หลักจากโดนกระทำชำเราจนสาแก่ใจชายโฉด ก็ถูกฆ่าโดยการถูกขวานฝ่ามาที่หน้า! เธอทุรนทุรายอยู่นาน แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตไปในที่สุด ในตอนนั้นพี่ปอคิดว่าเป็นแค่ฝัน แต่หลังจากที่ตื่นนอนก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ ปรากฏว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริง จึงคิดว่าจะหาวันไปทำบุญให้

       ก่อนวันที่จะไปทำบุญก็มีการเตรียมของก่อน 1 วัน ในคืนนั้น ทุกคนเข้านอนกันตามปกติ แต่ที่แปลกคือคืนนั้นทุกคนฝันคล้ายกันว่ามีผู้หญิงมาเข้าฝัน เธอพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า “พวกมึงจะไล่กูใช่มั๊ย!” รุ่งขึ้นทุกคนจึงมารวมตัวกัน และได้เล่าสิ่งที่ฝันสู่กันฟัง จากนั้นจึงตัดสินใจพากันจุดธูปเพื่อบอกว่าไม่ได้มีเจตนาจะไล่แต่อย่างใด แค่จะไปทำบุญให้เท่านั้นเอง

       หลังจากทำบุญเสร็จทุกคนที่อยู่บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลย กลับกลายเป็นว่าคนที่แวะเวียนมามักจะเจอเรื่องราวแปลก ๆ อยู่เสมอ ทั้งเห็นว่ามีบางอย่างเดินผ่านบ้าง ประตูปิดเองบ้าง พอคิดว่าคนแกล้งแต่เมื่อออกไปดูก็จะไม่เห็นใครเลย สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็ตัดสินใจที่จะไม่เช่าต่อ และย้ายออกไป

       หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เช่าใหม่ก็ได้มาเช่าต่อ เพื่อเปิดเป็นร้านทำสปาในชั้นแรก ชั้นที่ 2 ให้บริการอบไอน้ำ เมื่อมีลูกค้ามาใช้บริการที่ร้านก็มักจะรู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา บางทีเจ้าของร้านเอง ก็สัมผัสถึงดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้ได้เหมือนกัน วันหนึ่ง เธอสวดมนต์อยู่ที่ชั้น 4 ในระหว่างที่กำลังสวดมนต์อยู่ ลูกก็ขึ้นมาหา แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ แม่กำลังนั่งสวดมนต์ปกติ แต่ตัวแม่งอผิดปกติ เหมือนกับว่ากระดูกงอหักไป เพราะเห็นผู้หญิงกำลังนั่งค่อมบริเวณไหล่อยู่! จากนั้นจึงถามแม่ว่า “แม่เป็นอะไร” เธอตอบว่า “ไม่ได้เป็นอะไร แต่รู้สึกว่าปวดตัวแปลก ๆ” หลักจากนั้นทั้งคู่ก็เดินลงมาชั้นล่าง ลูกชายจึงตัดสินใจเล่าสิ่งที่เห็นให้แม่ฟังทั้งหมด หลังจากนั้นแม่ก็เจอเรื่องสุดหลอนมาโดยตลอด จนต้องเลิกกิจการ ในขณะที่เธอและลูกชายกำลังขนย้ายสัมภาระอยู่นั้น ก็มองไปที่รูปภาพที่เธอบูชา จึงคิดว่าจะนำไปด้วย ในขณะที่มือเอื้อมไปหยิบกรอบรูป และดึงด้ายสายสิญจน์ออก ปรากฏว่าผ้ายัญก็หลุดออกมา ทั้ง ๆ ที่ถูกแปะไว้คนละจุดกับด้ายสายสิญจน์ เธอรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ตัดสินใจเก็บสัมภาระให้เสร็จเร็ว ๆ

       หลังจากปิดกิจการก็ย้ายกลับมาอยูบ้าน คืนหนึ่งระหว่างที่นอนหลับ ก็ฝันเห็นผู้หญิงคนนั้น ในฝันเธอบอกว่า “หนูขอบคุณมากนะ หนูออกจากที่นั่นได้แล้ว” และฝันแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง จนคืนหนึ่ง เธอก็ฝันถึงผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง เธอมาบอกว่า “พี่ หนูไปก่อนนะ” หลังจากนั้นก็ไม่เคยฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกเลย..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

อย่าเชื่อ GPS เพราะถ้าคุณเลี้ยวผิด ก็อาจจะติด.. ผี!

08 มี.ค. 2023

อย่าเชื่อ GPS เพราะถ้าคุณเลี้ยวผิด ก็อาจจะติด.. ผี!

“พี่แจ็ค The Ghost Radio” กลับมาเล่าเรื่องหลอนให้ชาว “อังคารคลุมโปง X” (28 กุมภาพันธ์ 2565) ได้ขนลุกกันอีกครั้ง กับเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้รถบนท้องถนน และการใช้ GPS นำทาง มีชื่อเรื่องว่า “เลี้ยวผิด ติดผี” เหตุการณ์จะเป็นยังไงนั้น เราสรุปไว้ให้คุณอ่านแล้ว! พี่แจ็คเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ “คุณเปิ้ล” และ “คุณเอก” ทั้งสองคนเป็นแฟนกัน เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ก็พากันเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แน่นอนว่าช่วงปีใหม่แบบนี้ ถนนเส้นที่มุ่งหน้าสู่แผ่นดินอีสานย่อมรถติดเป็นธรรมดา อาจต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายได้ และทั้งคู่ไม่ได้กลับบ้านต่างจังหวัดบ่อย ๆ จึงต้องเปิด GPS นำทางไปด้วย... ระหว่างที่ขับรถไปนั้น ด้วยความที่รถติด GPS จึงคำนวณเส้นทางใหม่ให้ และพูดขึ้นมาว่า “ขณะนี้มีเส้นทางที่เร็วกว่า ประหยัดเวลาได้ 30 นาที” ทั้งสองคนที่ทนรถติดไม่ไหวก็ตัดสินใจไปเส้นทางใหม่ตามคำแนะนำของ GPS เมื่อเปลี่ยนไปใช้เส้นทางใหม่ก็ต้องประหลาดใจ เพราะถนนเส้นนั้นแทบจะไม่มีรถยนต์วิ่งอยู่เลย ใช้เวลาสักพัก GPS ก็บอกว่าอีก 10 กิโลเมตรให้เลี้ยวซ้าย ระหว่างที่ขับไป บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วคุณเปิ้ลก็พูดติดตลกขึ้นมาว่า “ถนนแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ ถ้าเจอผีขึ้นมา ก็คงจะไม่แปลกเลยนะ” แต่มันก็เป็นเพียงการพูดขำ ๆ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ผ่านไปสักพักใหญ่ คุณเอกก็รู้สึกว่ามันน่าจะเกิน 10 กิโลเมตรตามที่ GPS บอกแล้ว ทำไมยังไม่เจอทางที่ให้เลี้ยวซ้ายสักที แล้ว GPS ก็ยังคงบอกให้ตรงไปเรื่อย ๆ พอย่อแผนที่ดู ก็ยังบอกให้ตรงไปอีก ทั้งสองใจคอไม่ค่อยดี เพราะบรรยากาศก็เปลี่ยวมาก ข้างทางเป็นป่าดูรกร้างและมืดไปหมด คุณเปิ้ลจึงบอกว่า “ขับไปเรื่อย ๆ ก่อน ถ้าเจอชาวบ้านหรือใครแถวนี้ ก็ค่อยจอดถามทาง” จากนั้นก็ขับรถต่อไปสักพัก แล้วก็เห็นแสงจากรถมอเตอร์ไซต์ขี่สวนมาไกล ๆ พอรถกำลังจะสวน คุณเอกก็เตรียมเปิดกระจกเพื่อที่จะโบกทัก แต่คุณเปิ้ลกลับพูดเสียงดังบอกว่า “ไม่ต้องเปิด! ไปเลย ๆ ขับไปเลย!” คุณเอกก็ตกใจแต่ก็ทำตามที่คุณเปิ้ลบอก คุณเอกก็ถามว่าทำไมไม่ให้เปิด คุณเปิ้ลตอบกลับมาว่า “ไม่เห็นหรอ! ไอ้ที่ขี่มาอ่ะ!” คุณเปิ้ลบอกว่า ที่ขี่รถมอเตอร์ไซต์มานั้น เป็นผู้ชายหน้าซีด ๆ เสื้อขาดรุ่งริ่งมีเลือดอยู่ แล้วก็ขี่สวนไปไม่ได้สนใจรถที่สวนมา ตรงนั้นอาจจะไม่ได้แปลกอะไรมาก ที่แปลกคือปกติถ้าเจอแบบนี้จะต้องได้ยินเสียงเครื่องยนต์ แต่นี่ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย อย่างกับรถคันนั้นมันลอยผ่านไป! พอคุณเอกได้ยินแบบนั้น ก็คุยกันว่าจะขับไปเรื่อย ๆ ตาม GPS ไปก่อน เพราะถ้าจะวนรถกลับมันก็ผ่านมาไกลมากแล้ว เมื่อขับต่อไปอีกก็เห็นแสงไฟรถมอเตอร์ไซต์ขับสวนมาอีก ทั้งคู่ก็นั่งนิ่ง เพื่อรอดูว่าจะเจอเหมือนเดิมหรือเปล่า พอรถเข้ามาใกล้ ก็ไม่มีเสียงเครื่องยนต์เหมือนเดิม และก็เห็นว่ามันเป็นผู้ชายคนเดียวกับคันเมื่อกี้! นอกจากนี้ยังเห็นอีกด้วยว่ารอบนี้เขาขี่รถด้วยมือซ้ายมือเดียว ส่วนใบหน้าก็ยุบไปครึ่งนึง เสื้อขาดรุ่งริ่ง ส่วนมือขวาก็เหมือนกับจับอะไรบางอย่างไว้ คล้ายกับขาคน แล้วมอเตอร์ไซต์คันนั้นก็สวนผ่านไป! ทั้งสองตกใจและคิดว่าน่าจะโดนผีหลอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขับรถไปตามทาง ขณะที่กำลังจะสติแตก GPS ก็บอกว่าอีก 800 เมตรให้เลี้ยวซ้าย แต่ก่อนจะถึงแยกนั้น คุณเปิ้ลและคุณเอกก็เห็นว่าซ้ายมือมีผู้ชายยืนอยู่ข้างทาง แล้วมองไปอีกฝั่ง พอรถขับเข้าไปใกล้ เขาก็ยื่นมือออกมาทำเหมือนจะโบกรถ แต่คุณเปิ้ลก็บอกว่า “อย่าจอด ขับรถต่อไป” จึงขับรถผ่านผู้ชายคนนั้นไป แล้วเลี้ยวซ้ายตามที่ GPS บอก จากนั้น GPS ก็บอกว่า “คุณมาถึงจุดหมายแล้ว” ทั้งสองยิ่งตกใจสติแทบกระเจิง! คุณเปิ้ลเล่าเสริมว่า พอเลี้ยวซ้ายไปตามที่บอกแล้ว ก็เห็นซุ้ม คล้ายกับประตูอะไรบางอย่าง พอผ่านเข้าไปก็จะเห็นวัดร้าง เป็นซากปรักหักพัง จึงตัดสินใจเลี้ยวรถเพื่อกลับออกไปทันที พอขับรถออกไป ก็เห็นผู้ชายคนนั้นยืนโบกมืออยู่ที่เดิม คราวนี้ทั้งคู่หันไปมอง ก็เห็นเป็นผู้ชายไม่มีขา พอเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบขับรถออกไปทันที! พอขับออกไปทางเดิมเรื่อย ๆ ก็เห็นไฟจากรถมอเตอร์ไซต์ตามมาข้างหลัง เหมือนจะขับแซง พอมอเตอร์ไซต์เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ก็เห็นเป็นผู้ชาย 2 คน คนนึงเป็นผู้ชายที่เห็นตั้งแต่ตอนแรก ส่วนอีกคนซ้อนหลัง พอมอเตอร์ไซต์ซ้อนไป กลายเป็นว่าคนที่ข้างหลังตัวนั่งซ้อนปกติ แต่หัวดันหันมาอยู่ข้างหลัง! คุณเอกเห็นดังนั้นก็พยายามเร่งความเร็วเพื่อที่จะแซงมอเตอร์ไซต์คันนั้น พอแซงไปปุ๊บ หันไปมองอีกครั้ง มอเตอร์ไซต์คันนั้นก็หายไป! เมื่อรถเร่งความเร็วมาจนถึงทางแยกที่เป็นถนนใหญ่อีกครั้ง ก็พบว่ารถไม่ติดแล้ว จึงขับเข้าสู่เส้นทางหลัก กระทั่งเจอปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ทั้งสองเลี้ยวรถเข้าไปตั้งสติ แล้วก็เข้าห้องน้ำ ระหว่างที่ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ก็เห็นป้าแม่บ้านคนหนึ่ง ด้วยความอยากรู้จึงเข้าไปถามว่า “ป้าครับ ป้าพอจะรู้จักโลเคชันที่เป็นวัดร้างบ้างมั้ย?” ป้าก็บอกว่า “มี ย้อนจากนี่ไปนิดนึง แล้วก็เลี้ยวขวาเข้าไป” ก็ตรงกับซอยที่ทั้งสองได้เลี้ยวเข้าไปเมื่อกี้นี้ ป้ายังบอกอีกว่า “กลางคืนไม่ค่อยมีคนเข้าไปนะ ที่นั่นผีดุ ล่าสุดไม่นานมานี้ มีมอเตอร์ไซต์ 2 คน ไม่รู้ขี่เข้าไปทำอะไร แล้วไปรถคว่ำมั้ง มาเจอศพอีกทีก็ช่วงเช้า อีกคนหน้าฟาดกับเสาหลักกิโล ส่วนอีกคนขาขาด ทุกวันนี้ยังหาขาไม่เจอเลย” แม้จะตรงกับสิ่งที่เจออย่างไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งสองก็ไม่กล้าเล่าให้ป้าฟังว่าเจออะไรมาบ้าง จึงมานั่งคุยกับตัวเองว่าถ้าตอนที่เจอไม่มีสติ ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุและตายอยู่ที่นั่นก็ได้ โอกาสที่คนจะเข้าไปเจอก็คงจะยาก พี่แจ็คเล่าเสริมว่า ถ้าจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือไปที่ที่ไม่คุ้นชินเวลากลางคืน ถ้า GPS บอกให้ไปทางลัด อย่าไปเด็ดขาด ไปเส้นทางหลักจะดีกว่า และบอกว่า “เจอผีอาจจะยังพอตั้งสติได้ แต่ถ้าเจอมิจฉาชีพ อันนี้ลำบาก”(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

01 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

เมื่อสิ่งที่คืบคลานเข้ามาคือสิ่งที่มองไม่เห็น มันเป็นเสียงเหยียบหญ้าดัง สวบ สวบ สวบ แต่กลับไม่พบใคร จนต้องปั่นจักรยานหนีสุดชีวิต! แต่ใครจะคิดว่าเสียงนั้น ดันตามมาหลอกหลอนถึงในฝันเกือบทั้งอาทิตย์! เรื่องราวสุดหลอนในวัยเด็กจะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘มันใกล้เข้ามาแล้ว’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(25 กุมภาพันธ์ 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีีเจเจ็ม’ ที่จะเป็นเพื่อนหลอนไปกับคุณ!! ‘คุณเป็ดน้อย’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเป็ดน้อยเอง เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2534 สมัยก่อนคุณเป็ดน้อยชอบปั่นจักรยานไปเล่นบ้านคนนั้นคนนี้ ซึ่งในวันนั้นคุณเป็ดน้อยได้ปั่นจักรยานไปงานวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง พอถึงช่วงเย็นคุณเป็ดน้อยและเพื่อน ๆ ก็นัดกันเพื่อจะมารวมตัวที่บ้านคุณเป็ดน้อย ที่อยู่ซอยที่ 3 ถัดมาจากนั้นหนึ่งซอย จะเป็นซอยที่มียาวที่สุดในหมู่บ้าน ตรงกลางซอยจะมีสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ เมื่อนัดแนะกันเสร็จ เด็ก ๆ ก็ปั่นจักรยานออกมา แต่เพื่อนคนอื่นปั่นกันเร็วมาก ยกเว้นคุณเป็ดน้อยที่ปั่นช้า พอไปถึงกลางซอยทางขึ้นสะพาน คุณเป็ดน้อยเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดพักที่กลางสะพาน ซึ่งทั้งสองข้างของคลองจะเป็นตลิ่ง พอมองไปก็จะเห็นเป็นต้นไม้เรียงรายไม่มีบ้านคน และในตอนที่นั่งพักอยู่นั้น คุณเป็ดน้อยก็ได้ยินเสียง สวบ สวบ สวบ เหมือนเสียงคนเดินผ่านกอหญ้ามาจากตลิ่งริมคลอง ด้วยความปากไว จึงพูดไปว่า “ใครหน่ะ” แต่ก็ไม่เห็นใคร และยังได้ยินเสียงเดินอยู่ แล้วเสียงนั้นก็เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คุณเป็ดน้อยก็ยังคงถามว่าใคร จนกระทั่งคุณเป็ดน้อยเริ่มคิดว่า เสียงที่ดังอยู่คงไม่มีใครหรอกแต่กอหญ้ายวบเหมือนเป็นรอยเท้า และรอยที่กอหญ้ายวบก็มาทางคุณเป็ดน้อยเรื่อย ๆ โดยที่คุณเป็ดน้อยไม่เห็นอะไรเลย ตอนนั้นความคิดในหัวของคุณเป็ดน้อยคิดว่า ‘หญ้ามันยวบได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมมันถึงมาทางเรา’ จนกระทั่งหญ้ายวบมาถึงส่วนปูนที่เป็นสะพาน และเสียงก็เงียบไป คุณเป็ดน้อยจึงได้สติจากเสียงที่เพื่อนตะโกน แล้วรีบปั่นจักรยานต่อ คุณเป็ดน้อยปั่นแบบไม่คิดชีวิตจนล้มได้แผล เมื่อถึงบ้านจึงเข้าไปทำแผลเป็นอันดับแรก ในคืนนั้น คุณเป็ดน้อยก็ฝันว่า ตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วมองไปที่สะพาน แล้วก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสแลค ค่อย ๆ เดินมาจากสะพาน จนผ่านบ้านหลังแรก คุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่น และวันต่อมาคุณเป็ดน้อยได้ฝันแบบเดิม แต่ผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านมาเรื่อย ๆ จนผ่านบ้านหลังที่สอง คุณเป็ดน้อยสะดุ้งตื่นเช่นเดิม โดยที่คุณเป็ดน้อยก็ฝันแบบนี้ทุก ๆ คืน เป็นเวลาเกือบอาทิตย์ จนเริ่มเห็นผู้ชายคนนั้นชัดเจนขึ้น ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อเซิ้ตสีขาวตรงกลางเสื้อมีสีน้ำตาล และก็ไม่ได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูด เพราะมองยังเห็นไม่ชัดพอ มีอยู่คืนหนึ่งที่คุณเป็ดน้อยฝันว่าอยู่ในบ้าน ประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ และผู้ชายที่เห็นในฝันก็ยืนอยู่หน้าบ้าน ผู้ชายคนนั้นมีแผลขนาดใหญ่อยู่ที่คอ และตรงที่คุณเป็ดน้อยเห็นเป็นสีน้ำตาลคือรอยคราบเลือด ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาและโวยโวยว่าอะไรบางอย่าง ซึ่งได้ยินเสียงไม่ชัด ในตอนที่คุณเป็ดน้อยกำลังตกใจอยู่ ก็ได้มีคนมาจับไหล่จากด้านหลัง และคนที่ยื่นมือมาจับนั้นก็เป็นคุณอาของคุณเป็ดน้อย และคุณอาก็พูดว่า “มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” พอคุณเป็ดน้อยรู้สึกตัว ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว ประตูบ้านก็ปิดสนิท และคุณอายังบอกต่อว่า ทุกคืนคุณเป็ดน้อย มักจะละเมอเดินออกมายืนหน้าบ้าน จนทุกคืนคนในบ้านต้องออกมาอุ้มคุณเป็ดน้อยกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม ซึ่งตัวคุณเป็ดน้อยเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นได้อย่างไร คุณเป็ดน้อยจึงพยายามเล่าเรื่องที่ฝันให้คุณอาฟัง แต่คุณอาก็บอกว่า “โอ๊ย เด็กฝัน ไร้สาระ” จากนั้นก็พาคุณเป็ดน้อยกลับไปนอน คืนต่อมาคุณเป็นน้อยก็เห็นผู้ชายที่อยู่ในฝัน มายืนอยู่ตรงหน้าต่างปลายเตียง ในฝันผู้ชายคนนั้นก็ได้ยื่นมือมาจับขาคุณเป็ดน้อย แล้วดึงลงมาจากเตียง จนหล่นลงมาที่พื้น คุณเป็ดน้อยก็ร้องไห้โวยวาย จนปัสสาวะราดอยู่ตรงนั้น ในที่สุดคุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาที่ปลายเตียง เพราะเสียงของคนในบ้านที่วิ่งมาในห้อง ทุกคนจึงเริ่มเชื่อในสิ่งที่คุณเป็ดน้อยเล่าเกี่ยวกับความฝัน จึงพาไปทำพิธีที่วัด และหลังจากนั้นคุณเป็ดน้อยก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นอีกเลย คุณเป็ดน้อยยังบอกต่ออีกว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เป็นคนกลัวผีจนขึ้นสมองไปเลย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากต้นกล้า ‘เเฟนเช่า’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 14 ต.ค.2568 ]

23 ต.ค. 2025

เรื่องเล่าจากต้นกล้า ‘เเฟนเช่า’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 14 ต.ค.2568 ]

นักศึกษาสาวญี่ปุ่นที่ได้มาทำงานพาร์ทไทม์เป็น ‘แฟนเช่า’ จนมาเจอกับลูกค้าประจำที่ชอบเอาตุ๊กตามาให้เป็นของขวัญ แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่านั่นคือต้นเหตุของความหลอนที่เธอจะต้องพบเจอ! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ (14 ตุลาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘แฟนเช่า’ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ให้นามสมมติว่า ‘ไอโกะ’ ในตอนนั้นเธอกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ญี่ปุ่น โดยปกติของนักศึกษาก็จะมีการรับทำงานพาร์ทไทม์หารายได้เพิ่มเติม มีทั้งทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ และอีกมากมาย ไอโกะนั้นต้องการที่จะทำงานแต่ไม่ต้องการเหนื่อย จึงได้ไปปรึกษากับกลุ่มเพื่อนและได้รับคำแนะนำจากเพื่อนสาวว่ามีงานประเภทหนึ่งที่ไม่เหนื่อย แต่รายได้ดี ในคราแรกที่ได้ยินก็รู้สึกแปลกใจและกังวลเกี่ยวกับงานนั้น เพราะกลัวว่าจะเป็นงานเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา จึงได้บอกเพื่อนสาวไปว่า “งานอะไร อย่าบอกว่าเป็นพวกเด็กนั่งดริ้ง ไม่เอานะ” เพื่อนสาวคนนั้นก็ได้ตอบคลายความกังวลของเธอไปว่างานนี้ไม่ใช่งานประเภทธุรกิจสีเทา เพียงแค่เธอลงทะเบียนในแอปพลิเคชันก็สามารถทำงานนี้ได้ โดยลักษณะการใช้งานของแอปจะไม่เหมือนแอปหาคู่ แต่จะเป็นแอปที่ผู้ใช้บริการสามารถเลือกได้ว่าอยากออกเดทกับใคร รูปแบบคล้ายกับ ‘แฟนเช่า’ ภายในแอปสามารถดูโปรไฟล์และมีการให้คะแนนของแต่ละคน เพื่อดูว่าบุคลิกหรือการให้บริการของคนที่ทำงานนี้นั้นเป็นในลักษณะไหน บุคลิกของไอโกะในเวลานั้นเป็นสาวเปรี้ยว ผมสีทองเงาและไว้เล็บยาวสีสันสดใส ภาพลักษณ์ภายนอกที่เหมาะกับงาน ทำให้เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยปากเชิญชวนให้ทำงานดังกล่าวเพราะได้รับรายได้ดี หากเปรียบเทียบกับการทำงานภายในหนึ่งวัน จำนวนเงินที่ได้รับก็เท่าเทียมกับการทำงานบริการเสิร์ฟอาหารถึง 3 วันต่อสัปดาห์ พูดอย่างง่าย ๆ คือรายได้มากกว่าถึง 3 เท่า ไอโกะตัดสินใจลงทะเบียนงานนี้ไป ในระหว่างนั้นก็ได้เลื่อนดูโปรไฟล์ของผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ในแอปที่มีทั้งผู้หญิงมากหน้าหลายตา หรือแม้กระทั่งเพศตรงข้าม และศึกษาดูว่าตนนั้นควรตั้งโปรไฟล์อย่างไรจึงจะโดดเด่นและดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้งาน ซึ่งเธอก็ได้เขียนข้อมูลส่วนตัวไปว่าตัวเองนั้น เอาใจไม่เก่ง แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วจะรู้สึกสนุก ด้วยไลฟ์สไตล์เป็นสาวลุย ง่าย ๆ สบาย ๆ ไอโกะมีความคิดว่าพวกหญิงสาวในแอปคงไม่มีใครมีลักษณะนิสัยเหมือนตนเอง ผ่านมาได้ประมาณ 3 วันก็มีงานเข้ามา ไอโกะเช็คดูโปรไฟล์ของลูกค้าที่แม้จะไม่ได้เห็นหน้าตา แต่เธอก็คิดว่าน่าจะเป็นโปรไฟล์ที่ดี เธอเลือกกดรับงานนี้ไป ระบบของแอปก็จะพาเข้าห้องของลูกค้า เพื่อพูดคุยและนัดแนะวัน เวลาและสถานที่ที่จะนัดหมายไปพบเจอกัน ในครั้งแรก ลูกค้าคนนั้นเลือกจองเป็นเวลาครึ่งวัน หลังจากนัดแนะสถานที่และเวลา ในที่สุดเธอก็ได้เจอกับลูกค้า คนตรงหน้าของเธอนั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาเหมือนกับเด็กเนิร์ด แว่นตาหนาเตอะ ไว้ยาวและไม่ค่อยกล้าหันมาสบตากับเธอ ในช่วงเวลาที่สนทนากันก็จะก้มหน้าก้มตามองไปที่พื้น ด้วยบุคลิกของคนตรงหน้านี้ เธอจึงคิดว่าผู้ชายคนนี้คงอยากคุยด้วยแต่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารหรือทำตัวอย่างไร แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอที่ชอบพูดคุย จึงได้เอ่ยทักทายไป “สวัสดีค่ะ เป็นยังไงบ้าง มายังไง กินอะไรมารึยัง?” และคำถามอีกมากมายที่เอื้อนเอ่ยออกมาไม่มีหยุด หลังจากได้พูดคุยกันก็ได้รับรู้ว่าฝ่ายชายอายุน้อยกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็บอกกับเขาว่าไม่ต้องพูดจาสุภาพกับเธอ ให้คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนกัน และในวันนั้นเธอและเขาก็ได้ไปกินข้าวด้วยกัน เสร็จจากกินข้าวก็ชวนกันไปคาเฟ่ หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นกันต่อ ไม่ทันไรก็หมดวัน กิจกรรมที่ทำด้วยกันในวันนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขอย่างมาก “ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมาก” ใบหน้าเปื้อนยิ้มกล่าวขอบคุณหญิงสาวด้วยหัวใจที่พองโต จบวันนั้นไปได้เพียงไม่นานก็มีการแจ้งเตือนจากแอปเด้งขึ้นมา เผยให้เห็นคะแนนรีวิวจากการเดทวันนี้ของเธอที่ได้รับคะแนนไปถึง 5 ดาว! โดยที่เธอแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ไม่ได้จ่าย เนื้อตัวก็ไม่ได้มีการสัมผัสกัน หลังจากเสร็จงานแรกไป ไอโกะก็รู้สึกมีความสุขกับการทำงานนี้มาก วันรุ่งขึ้นก็มีการจองเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งเป็นผู้ชายคนเดิมกับคนเมื่อวาน ครั้งนี้เขาได้จองเข้ามาเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม พอได้เจอกันก็พบว่าชายคนตรงหน้าพูดจากับเธอมากขึ้น ยอมเปิดใจคุยเรื่องของตัวเองเยอะขึ้น และก่อนจะจากกันชายหนุ่มก็ได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “จะเป็นอะไรไหมครับ ถ้ารอบหน้าผมจะ Booking คุณอีก” “ได้สิ ยินดีเลย” ไอโกะตอบกลับไปพร้อมสัมผัสร่างกายคนตรงหน้าเล็กน้อยด้วยความสนิทใจ “ผมขอรบกวนอีกอย่างหนึ่ง ถ้ารอบหน้าผมจะเอาของมาให้ได้ไหมครับ?” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยถาม “อ๋อ ได้สิ! ดีเลย” ไอโกะตอบรับน้ำใจไปโดยไม่คิดอะไร ไม่กี่วันต่อมาผู้ชายคนเดิมก็จองเข้ามาอีกครั้ง แต่เมื่อเจอกันไอโกะก็ได้สังเกตเห็นมือของชายหนุ่มถูกพันด้วยพลาสเตอร์เต็มทั่วทั้งมือ จึงเอ่ยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “เห้ย! มือไปโดนอะไรมา” “มันน่าเกลียดใช่ไหมครับ ไม่อยากให้ดูเลย” ชายหนุ่มพยายามปิดแผลที่มือของเขาไปให้พ้นสายตา “แต่นี่ครับ ผมทำมาให้” สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นยื่นมาปรากฎให้เห็นเป็น ‘ตุ๊กตา’ หนึ่งตัว “ผมตั้งใจทำมากเลยครับ ผมถักตุ๊กตาไม่เป็นเลยไปถักตุ๊กตามาให้ อยากให้คุณรับไว้ครับ” คนตรงเอ่ยบอกอย่างตั้งใจ เมื่อไอโกะได้รับตุ๊กตานั้นก็รู้สึกดีใจที่ลูกค้าชื่นชอบในตัวเธอ หลังจากให้ของกันวันนั้น ทั้งสองก็ไปเที่ยวกันตามปกติ และก่อนจะลากันผู้ชายคนนั้นก็ยังบอกอีกว่า “เดี๋ยวรอบหน้าผมเอาของมาให้อีก” ครั้งถัดมาที่เจอกัน คราวนี้ไอโกะก็สังเกตเห็นได้อีกครั้งว่าท่าทางของชายหนุ่มนั้นผิดแปลกไป คนตรงหน้าไม่พูดไม่จา ไม่มีบทสนทนาใด ๆ ออกมาจากปากของเขา หรือถ้าหากต้องการจะพูด เขาก็จะยกมือขึ้นปิดปากตนเองตลอดเวลา ทำให้เกิดความสงสัยจึงได้เอ่ยถามออกไป “เป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมต้องปิดปากพูดด้วย” “อ๋อ พอดีผมประสบอุบัติเหตุครับ ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ” ชายหนุ่มพูดจาด้วยสำเนียงแปลก ๆ ไม่ชัดถ้อยชัดคำ จนกระทั่งในจังหวะนั้นก็ทำให้เธอเห็นว่าปากของเขานั้นไม่มีฟันหลงเหลืออยู่เลย! แม้จะตงิดใจแต่เธอก็รับของที่เขาให้มาโดยไม่คิดอะไร หลังจากกลับมาที่บ้านไอโกะก็รู้สึกป่วย มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ร่างกายไม่ค่อยปกติทำให้เธอนอนไม่หลับ จนกระทั่งในวันนั้นก็มีการจองจากชายหนุ่มคนเดิมเข้ามาอีกครั้ง พอเจอกันฝ่ายชายก็บอกว่า “รอบนี้อาจจะเป็นรอบสุดท้ายที่ผมเจอคุณแล้วนะครับ พอดีผมไม่มีเงินแล้วครับ” “แต่นี่คือของชิ้นสุดท้ายที่ผมจะมอบให้คุณครับ” ในคราวนี้ ไอโกะก็ได้เห็นสิ่งแปลกตาอีกหนึ่งอย่างคือผมเผ้าของผู้ชายคนนี้ถูกโกนไปจนเกลี้ยง ยิ่งเจอกันเนื้อตัวของเขาก็ยิ่งเละเทะขึ้นเรื่อย ๆ ของชิ้นสุดท้ายที่เขาให้ก็คือตุ๊กตาที่ครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา “ขอบคุณนะคะ เราก็รู้สึกไม่สบาย คงไม่ได้ทำงานไปสักพัก ไว้โอกาสหน้ามาเจอกันใหม่นะ” หลังจากรับตุ๊กตาตัวนั้นมา ไอโกะก็เกิดอาการป่วยหนัก แม้จะหลับไปกี่ตื่นก็ไม่รู้สึกดีขึ้น เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดเวลา จึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อน เมื่อไปมหาลัยเพื่อน ๆ ก็ต่างพากันทักว่าร่างกายของเธอทรุดโทรม สีปากที่ซีดลงจนสังเกตได้ ใต้ตาคล้ำ จนเหมือนคนป่วยเป็นโรค และเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เพื่อนก็ได้พูดกับเธอว่า “ลองกลับมาบ้านไปเช็คดู ไปรับของจากใครมารึเปล่า?” หลังจากได้รับคำแนะนำจากเพื่อน ตัวเธอก็รู้สึกขนลุกแปลก ๆ พอกลับมาบ้านก็เจอกับตุ๊กตา 3 ตัวบนหัวเตียง กำลังจ้องหน้าของเธออยู่ ในวินาทีนั้นเธอจึงตัดสินใจกรีดตุ๊กตาดูภายในของมัน ตัวแรก.. ไอโกะค่อย ๆ แกะตุ๊กตาตัวนั้น ซึ่งเมื่อดูข้างในนั้นก็เห็นเป็นนุ่นปกติ แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ ก็พบว่าภายในนุ่นนั้นมันมีแผ่นสีน้ำตาลปะปนอยู่ และเมื่อพิจารณาดูแล้วก็พบว่ามันคือ ผิวหนังของคน! ไม่เพียงแค่นั้นยังมีเล็บของคนอยู่อีกด้วย! ตัวที่สอง.. กรีดดูข้างในก็เจอเป็นฟันของคนอยู่ในนั้น! และตัวสุดท้าย.. กลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลจนเธอไม่สามารถสูดดมได้และน้ำหนักที่มากกว่าตัวอื่น เมื่อชำแหละดูภายในก็พบว่ามีเส้นผมของคน ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นอีกหนึ่งอย่างก็ทำให้เธอต้องกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดผวา นั่นก็คือซากศพของลูกแมว! และดวงตาของมันที่ติดอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับดวงตาของตุ๊กตาตัวใหญ่ตัวนั้นและมีกล้องซ่อนอยู่! ภาพตรงหน้าทำเอาตัวของเธอนิ่งงันและเย็นเฉียบ ความรู้สึกหวาดกลัวตีตื้นขึ้นมาภายในใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็นคือสาเหตุของอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างประหลาด และทั้งหมดมันมาจากผู้ชายคนนั้น!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก พีค V3RSE 'เงาในกระจก' I อังคารคลุมโปง X V3RSE [ 1 ต.ค. 2567]

05 ต.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก พีค V3RSE 'เงาในกระจก' I อังคารคลุมโปง X V3RSE [ 1 ต.ค. 2567]

‘คุณพีค V3RSE‘ ได้มาเล่าเรื่อง ‘เงาในกระจก’ เป็นประสบการณ์สุดหลอนที่เจอร่างดำ ณ ห้องพักโรงเเรมเเห่งหนึ่ง ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (1 ตุลาคม 2567) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ ฟัง จะขนลุกขนาดไหนนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณพีคเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7-8 ปีที่เเล้ว ตนเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนดนตรีในกรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ก็จะเข้าพักที่โฮสเทลเป็นประจำ เเต่มีอยู่สัปดาห์หนึ่ง พ่อแม่ของตนมีธุระที่กรุงเทพฯ จึงตกลงกันว่าจะไปนอนที่โรงแรมด้วยกัน จากนั้นก็ได้เดินทางมาที่กรุงเทพฯพร้อมกัน เมื่อมาถึงโรงเเรม คุณพีคก็รู้สึกได้ถึงความเก่า คาดว่าโรงเเรมนี้น่าจะมีอายุมากเเล้ว เมื่อเข้าเช็คอิน คุณเเม่ก็ได้กุญเเจห้องหมายเลข 715 ขณะที่ขึ้นลิฟต์ไปห้องพักตนก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร จนเดินมาถึงหน้าห้องพักคุณพีคก็รู้สึกอึดอัด ไม่อยากอยู่ที่นี่ รู้สึกใจหวิว ๆ เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง เเต่คุณพีคก็ไม่ได้อยากทำตัวเรื่องมากกับพ่อเเม่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป จู่ ๆ ก็รู้สึกจุกหน้าอก หายใจไม่ออก และสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เเต่ก็พยายามไม่คิดอะไร คิดว่านอนกับพ่อเเม่คงไม่มีอะไร จึงเข้าห้องไปเก็บของในห้อง เมื่อเสร็จเเล้วออกไปกินข้าวข้างนอก และกลับห้องมาประมาณ 3-4 ทุ่ม ตนก็ต้องรีบนอนเพราะมีเรียนดนตรีตอนเช้า เมื่อหลับไปสักพัก คุณพีคก็ตื่นขึ้นเพราะอยากเข้าห้องน้ำ ช่วงนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ก็เห็นคุณพ่อนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงที่โซฟา จากนั้นก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เเต่ในระหว่างนั้นคุณพีคก็ใส่หูฟังเล่นโทรศัพท์ไปด้วย สักพักหนึ่งก็มีเสียง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ตอนแรกตนก็ไม่เเน่ใจว่าเสียงนั้นมาจากคุณพ่อหรือมาจากในวิดีโอที่ตนกำลังดู ต่อมาก็มีเสียง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! มาอีกครั้ง ต่อมาก็มีเสียงเหมือนทุบประตู ปึ้ง ปึ้ง ปึ้งง!! เเล้วก็มีเสียงตะโกนเรียก พีค! ตนก็ได้ตะโกนถามเพราะคิดว่าเป็นเสียงพ่อว่า “พ่อ จะเข้าห้องน้ำเหรอ?” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เมื่อออกไปก็เห็นคุณพ่อนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม จึงถามคุณพ่อว่า พีค : พ่อจะเข้าห้องน้ำเหรอ เห็นเมื่อกี้ไปเคาะประตู คุณพ่อ : เปล่า พ่อไม่ได้จะเข้า ทำไม? เมื่อคุณพีคได้ยินเช่นนั้น ก็คิดเเล้วว่าตัวเองโดนเข้าเเล้ว จึงใจดีสู้เสือเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา จึงรีบเข้านอน วันต่อมา พ่อแม่ของคุณพีคก็ได้ออกไปทำธุระ เเละคืนนี้คุณพีคต้องนอนคนเดียว เมื่อเรียนดนตรีเสร็จตั้งเเต่เวลาประมาณ 3-4 โมงเย็น เเต่ก็ยังไม่อยากกลับห้อง คิดว่าจะกลับทีเดียวตอนที่จะนอน เมื่อกลับห้องก็ได้ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ในขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่ก็มีเสียงเหมือนของแข็งขูดกับปูน! ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เเต่ในจังหวะที่ตนกำลังก้มหน้าสระผมก็เห็นเป็นเท้าคนดำ ๆ! ลอดผ่านช่องม่านข้างล่าง กำลังใช้เล็บยาวหนา ๆ จิกกับขอบอ่างอาบน้ำอยู่ดัง แก๊กก… แก๊กกก! คุณพีคพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด เเล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟันต่อที่อ่างล้างหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองในกระจกก็เห็นร่างสีดำนั้นอยู่ตรงเยื้องขวารูปร่างคล้ายผู้ชาย! ตนตกใจรีบวิ่งออกจากห้องน้ำทันที เเล้วรีบใส่เสื้อผ้า เก็บของออกจากห้อง เเต่ในขณะที่วิ่งออกมาประตูห้องน้ำยังเปิดอยู่ ร่างนั้นก็หายไปแล้ว เเต่ตรงพื้นที่ร่างนั้นยืนมันมีคราบอยู่คล้ายกับคราบเขม่าสีดำ ซึ่งเมื่อวานที่เข้าพักกับตอนเช้าก่อนไปเรียนยังไม่มีคราบนี้ จากนั้นก็คืนห้องออกจากโรงแรมทันที! เเล้วคุณพีคได้สืบเรื่องต่อโดยการเสิร์ชในออนไลน์ว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น จนได้รู้ว่าโรงเเรมแห่งนี้เคยมีเหตุการณ์ไฟไหม้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1