ซื้อตู้เย็นมือสองมา แต่เกิดเรื่องน่าขนลุกขึ้น! ตกเย็นมาเปิดตู้เย็นก็แทบอ้วกเพราะกลิ่นเหม็นเน่า! กลางดึกยังเห็นเด็กผู้หญิงมุดเข้าไปในตู้เย็นคิดว่าเป็นโจร พอตามไปดูกลับปรากฏว่าร่างนั้นหายไป! ที่สยองกว่านั้นคือเจอหัวเด็กอยู่ในตู้กำลังสบตากับเขาอยู่!!!

อังคารคลุมโปง RECAP

ซื้อตู้เย็นมือสองมา แต่เกิดเรื่องน่าขนลุกขึ้น! ตกเย็นมาเปิดตู้เย็นก็แทบอ้วกเพราะกลิ่นเหม็นเน่า! กลางดึกยังเห็นเด็กผู้หญิงมุดเข้าไปในตู้เย็นคิดว่าเป็นโจร พอตามไปดูกลับปรากฏว่าร่างนั้นหายไป! ที่สยองกว่านั้นคือเจอหัวเด็กอยู่ในตู้กำลังสบตากับเขาอยู่!!!

17 พ.ย. 2023

       เมื่อตัดสินใจซื้อตู้เย็นมือสองที่ราคาแสนจะถูก กลับทำให้เขาต้องเจอเหตุการณ์หลอน ๆ อะไรบางอย่าง  รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (14 พ.ย. 2566) วันนี้จะพาทุกคนหลอนไปกับ  ‘พี่แจ๊ค The Ghost Radio’ และ ดีเจทั้งสองท่าน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวของของมือสอง ที่มาพร้อมกับความหลอนน่ากลัว จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย!

       เรื่องนี้ ‘คุณวิทย์ เซลล์แมน’ นำมาเล่าให้พี่แจ๊คฟัง เริ่มเรื่องโดยคุณวิทย์เล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘ป้าอร’ ซึ่งป้าอรอยากเปิดร้านอาหารตามสั่ง จึงไปเช่าร้านและเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไปนั่นก็คือ ‘ตู้แช่’ ป้าอรก็คิดไปว่าถ้ามีตู้แช่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มมาอีก เช่น ค่าน้ำแข็ง ค่าเช่า ซึ่งมารวมดูแล้วก็คิดเป็นเงินหลายบาท ป้าอรจึงตัดสินใจจะซื้อตู้เย็นมือสองสภาพดีแทน เมื่อหาร้านที่ขายก็ไปเจอร้านหนึ่ง ชื่อว่า ‘เม้ง บริการ’ ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองทั่วไป ป้าอรไม่รอช้า รีบติดต่อไปหาทันที ปรากฏว่ามีตู้เย็นตรงตามที่ป้าอรต้องการพอดีเป๊ะ เป็นตู้เย็น 2 ชั้นใหญ่ ป้าอรจึงตัดสินใจขับรถไปดูด้วยตนเอง ทันทีที่ป้าอรเห็นตู้เย็นเครื่องนี้ก็ถูกใจมาก แต่ป้าอรก็คิดในใจว่าราคาอาจจะแพงเพราะตู้เย็นมีขนาดใหญ่ ป้าอรจึงไปถามเฮียเม้งว่า “ราคาเท่าไหร่” เฮียเม้งก็บอกว่า “ราคา 2,000” ได้ยินราคาแบบนั้น ป้าอรก็รีบตัดสินใจซื้อเดี๋ยวนั้นเลย เพราะถือว่าราคาถูกแถมยังมีประกันให้อีก 7 วันแถมมาด้วย ป้าอรนำตู้เย็นกลับมาไว้ที่ร้านเพื่อเตรียมตัวเปิดร้านอาหารตามสั่งแบบที่ใจหวัง แต่ด้วยความที่จะเปิดขายวันแรก ป้าอรจึงนำเอาเครื่องรางของขลังมาไว้หลังตู้เย็น จากนั้นก็จุดธูปไหว้ขอพรให้ขายได้ขายดี

       เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เปิดร้านวันแรก ก็มีลูกค้าแห่เข้ามาซื้อของกันอย่างคับคั่ง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนเวลา 2 ทุ่มของหมดทุกอย่าง ป้าอรจึงปิดร้าน ระหว่างที่กำลังเคลียร์ร้านป้าอรรู้สึกหิวน้ำ จึงเดินไปเปิดตู้เย็น แต่ทันทีที่เปิดตู้เย็น ก็มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เป็นกลิ่นที่แรงมาก ๆ โดยเฉพาะด้านบนที่เป็นช่องฟรีซ ป้าอรจึงจัดการรื้อของออกมาล้างทำความสะอาดทั้งหมด เสร็จแล้วก็กลับไปนอน แต่ในกลางดึกคืนนั้น ป้าอรได้ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางที่จะไปเข้าห้องน้ำ ป้าอรได้สังเกตเห็นบริเวณหน้าตู้เย็น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าตู้เย็น! เด็กคนนั้นมีลักษณะท่าทางเหม่อ ๆ งุนงง ทำให้ป้าอรตกใจมาก จึงรีบเปิดไฟ แต่ปรากฏว่าเด็กผู้หญิงที่ป้าอรเห็นก็ได้หายไปแล้ว! ป้าอรคิดว่าตัวเองเหนื่อยจนตาลาย จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็กลับเข้าไปนอนต่อ

       เช้าวันถัดมา ป้าอรได้ไปซื้อของเตรียมขายในจำนวนที่เยอะกว่าเดิมมาก และนำมาใส่ตู้เย็นไว้ ก่อนจะเปิดร้านก็ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่หลังตู้เย็นตามเดิม ปรากฏว่า ขายดีเหมือนเดิมขายจนของหมดเกลี้ยง พอถึงเวลา 2 ทุ่ม ป้าอรก็ปิดร้านและจัดการเคลียร์ร้าน ด้วยความเหนื่อยป้าอรก็ไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะกินน้ำ แต่ทว่าก็มีกลิ่นเหม็นที่มากขึ้นกว่าเดิมเหม็นไปทั่วทุกชั้นของตู้เย็น ป้าอรโมโหพาลด่าตู้เย็นและเฮียเม้งว่าเอาของไม่ดีมาให้ และคิดว่าต้องไปคุยกับเฮียเม้งเสียหน่อย แต่หลังจากนั้นป้าอรก็เข้านอนและหลับไปด้วยความเพลีย

       ปรากฏว่าวันถัดมา ที่ร้านขายไม่ดี ไม่มีลูกค้าเข้ามาเลยสักคน วันนั้นทั้งวันขายไม่ได้เลยสักจานเดียว ป้าอรจึงปิดร้านในเย็นวันนั้น แต่พอป้าอรเปิดตู้เย็นอีกครั้ง ก็มีกลิ่นเหม็นตีเข้ามา ซึ่งมีกลิ่นเหม็นขึ้นมากกว่าเดิมอีก! ครั้งนี้ป้าอรคิดว่าเป็นกลิ่นของหมูและเนื้อที่เหลืออยู่ในตู้เย็น จึงรีบโทรสั่งถังแช่พร้อมน้ำแข็งให้มาส่งเพราะจะเอาของมาแช่ในถังนี้ก่อน และได้ขอเบอร์โทรของช่างซ่อมตู้เย็นมาจากคนส่งน้ำแข็ง ในคืนนั้น ด้วยความกังวลว่าของจะเสียทำให้ป้าอรกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ แต่ทันทีที่เปิดประตูออกมาปรากฏว่า เจอเด็กผู้หญิงคนเดิม ผมรุงรัง ทำให้ป้าอรได้รู้ทันทีเลยว่าครั้งแรกที่เห็นนั้นไม่ได้ตาฝาด และในครั้งนี้เด็กผู้หญิงคนนี้ นั่งกอดเข่าเหม่อลอยอยู่หน้าตู้เย็น ป้าอรคิดว่าเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย จึงซุ่มรอดูว่าจะทำอะไรต่อ ผ่านไปสักพักหนึ่ง เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นยืน หันหน้าเข้าหาตู้เย็น และเปิดประตูมุดลงไปในตู้เย็น! และประตูก็ปิดลงเสียงดังปัง!! ป้าอรที่คิดว่าเป็นขโมยจึงรีบวิ่งไปหยิบสากกะเบือและย่องเข้าไปที่ตู้เย็น กะจะใช้ตีโจรคนนี้ แต่ทันทีที่ป้าอรเปิดประตูตู้เย็นออก กลับไม่มีอะไรเลย! มีแต่ของที่แช่ไว้ ด้วยความช็อก ป้าอรจึงรีบปิดตู้เย็นและจะหันหลังเดินออกไป ปรากฎว่าประตูตู้เย็นชั้นบนก็เปิดออก! มีแสงไฟลอดมา จึงหันหลังกลับไปมอง ทำให้ป้าอรกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะสิ่งที่ป้าอรเห็นนั้นคือ หัวของเด็กผู้หญิงที่อยู่ในช่องฟรีซ!!! หลังจากที่เสียงของป้าอรดังขึ้น หัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลืมตาขึ้น!! ทำให้ป้าอรช็อกสลบไป!

       เช้าวันรุ่งขึ้น ป้าอรจึงรีบโทรไปหาเฮียเม้งบอกว่า “เฮียเม้ง ตู้เย็นเฮียเม้งอะ มีปัญหา มันน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง” เฮียเม้งจึงตอบกลับมาว่า “มันมีปัญหายังไง มันไม่เย็นหรอ” ป้าอรรีบตอบกลับไปว่า “ตู้เย็นเฮียมีผี!” พอได้ยินว่าตู้เย็นมีผี เฮียเม้งก็รีบตัดสายไป ป้าอรจึงโมโหและโทรกลับไป ปรากฏว่าโทรไม่ติด ป้าอรที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงคิดขึ้นมาได้ว่าคนส่งน้ำแข็งคนนั้นได้ให้เบอร์ช่างซ่อมที่ชื่อ ‘สมศักดิ์’ มา ป้าอรจึงติดต่อช่างให้มาดูตู้เย็นให้ ช่างมาถึงก็ได้ถามป้าอรว่าตู้เย็นเป็นอะไร ป้าอรที่ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เพราะตู้เย็นก็ปกติดี แต่มันมีผี ก็พยายามเลี่ยงคำตอบไปและถามช่างว่า “ช่างอยากซื้อตู้เย็นนี้ไหมล่ะ” ป้าอรพยายามจะขายตู้เย็นนี้ ประกอบกับช่างคนนี้เป็นช่างที่ซ่อมและรับซื้อด้วยอยู่แล้ว จึงตกลงรับซื้อในราคา 800 บาท ป้าอรตกลงขายตู้เย็นนั้นไป หลังจากนั้นป้าอรก็รู้สึกโล่งใจ นอนหลับเป็นปกติ ขายของได้แม้จะไม่ดีเหมือนเดิม แต่ก่อนหน้านั้นมีสิ่งหนึ่งที่ป้าอรสังเกตเห็นว่า ตอนที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้าน จะมีลูกค้าขับรถมาจอดที่หน้าร้านแต่ว่าคนที่นั่งมาด้วยจะสะกิดแล้วก็ขี่รถผ่านไปเลย หลายคนที่เข้ามาร้านก็จะเป็นลักษณะแบบนี้

       เช้าของอีกวัน ขณะที่ป้าอรกำลังจะเปิดประตูร้าน สิ่งที่ป้าอรเห็นทำให้ป้าอรแทบช็อก เพราะว่าตู้เย็นที่ขายไปกลับมาตั้งอยู่หน้าร้าน! ป้าอรตกใจรีบโทรไปหาช่างสมศักดิ์และถามว่า “ช่าง ทำไมถึงเอาตู้เย็นมาคืน แล้วตู้เย็นมาอยู่หน้าร้านได้ยังไง” ช่างสมศักดิ์จึงตอบกลับมาว่า “ผมไม่ได้คืน แล้วตู้เย็นไปอยู่หน้าร้านได้ยังไง” ป้าอรที่ได้ยินดังนั้นจึงเรียกช่างสมศักดิ์มาที่ร้าน พอมาถึงช่างสมศักดิ์ก็ตกใจเพราะเห็นว่าตู้เย็นมันมาอยู่ที่หน้าร้านจริง ๆ ป้าอรจึงถามว่า “แล้วตกลงมันเป็นยังไง” ช่างสมศักดิ์ก็ตอบกลับมาว่า “ซื้อมาในราคา 800 ก็อยากจะขายเลย อยากจะได้กำไรเร็ว ๆ ก็เลยเอาตู้เย็นนี้ไปขายให้กับร้าน ‘เม้ง บริการ’ แต่วันนั้นเฮียเม้งไม่อยู่ อยู่แต่ลูกสาวเขาก็เลยรับซื้อไว้ในราคา 1200” หลังจากนั้นทุกคนก็คาดเดากันว่า หลังจากเฮียเม้งกลับมาเห็นตู้เย็น คงตกใจให้คนเอาตู้เย็นมาคืนป้าอร ป้าอรที่คิดอย่างนั้น จึงยกตู้เย็นนี้ให้กับช่างศักดิ์ไป ช่างศักดิ์ที่ไม่ได้รู้เรื่องตู้เย็นนี้ ก็ดีใจรับตู้เย็นนี้ไป

       ผ่านไป 2 อาทิตย์ ขณะที่ป้าอรกำลังผัดข้าวอยู่ ก็เห็นมีรถกระบะคันหนึ่งขับมาจอดหน้าร้านและเห็นช่างสมศักดิ์เดินเข้ามาและนั่งกิน แต่ไม่ได้พูดอะไรกับป้าอร ป้าอรก็ไม่ได้พูดอะไรกับช่างศักดิ์ แต่มองหน้ากัน เหมือนกำลังดูเชิงกันอย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งช่างสมศักดิ์กินข้าวเสร็จ ก็เรียกป้าอรมาคุยว่า “ป้าอร ตู้เย็นป้าอรอะ มีผี” ป้าอรจึงตอบกลับไปว่า “ฮะ! อะไรนะ? ฉันไม่รู้ว่ามันมีผี มันมีได้ยังไง” ป้าอรที่ไม่ยอมรับก็ตอบกลับไป ช่างสมศักดิ์ก็เล่าไปว่า เขาได้เอาตู้เย็นไปตั้งไว้ในบ้าน ในตอนกลางคืนเขาได้เปิดตู้เย็น  แต่มันมีกลิ่นเหม็นออกมา และในคืนหนึ่ง เขาออกมาจากห้องนอนกำลังจะมากินน้ำ ปรากฎว่าเขาได้เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยื่นอยู่หน้าตู้เย็น ช่างสมศักดิ์ก็ตกใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร หลังจากยืนได้ไม่นาน เด็กผู้หญิงคนนี้ก็หันหน้าให้ตู้เย็น แล้วเปิดตู้เย็นมุดเข้าไป ด้วยความตกใจเขาก็รีบวิ่งตามไปดู แต่พอเปิดตู้เย็นดูก็ไม่เจออะไร เขาก็เลยปิดตู้เย็น แต่ทว่าทันทีที่ปิด ประตูข้างบนมันกลับเปิดออกเอง ทำให้เห็นว่ามีเห็นหัวเด็กผู้หญิงตั้งอยู่ในช่องฟรีซ! ช่างสมศักดิ์ตกใจมาก และทันทีที่ตื่นเช้ามา เขาจึงเร่งเอาไปโพสต์ขาย แต่ก็ไม่มีใครซื้อจนเวลาล่วงไปหลายอาทิตย์ จนกระทั่งช่างสมศักดิ์ตัดสินใจรื้อตู้เย็นนี้ออก แยกชิ้นส่วนเอาตัวที่เป็นถังตู้เย็นนี้ขายให้กับรถกับข้าว ส่วนมอเตอร์อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ขายให้กับ ‘เม้งบริการ’ แล้วเรื่องนี้ก็จบลงโดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตู้เย็นเครื่องนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณเจน ‘ผีเเตงโม’ l อังคารคลุมโปง X เจน The Ghost [ 29 ก.ค.2568 ]

09 ส.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเจน ‘ผีเเตงโม’ l อังคารคลุมโปง X เจน The Ghost [ 29 ก.ค.2568 ]

‘คุณเจน The ghost’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวสุดหลอนเกี่ยวกับการไปตั้งแคมป์ในป่า แล้วเจอลุงปริศนาคนหนึ่ง ลุงคนนี้ได้ยื่นปลามาให้กิน และยังหาแตงโมที่เป็นของหวานมาให้ปิดท้ายมื้ออาหารอีกด้วย แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไปตาลปัตร เพราะนั่นไม่ใช่ปลาและแตงโมธรรมดา! เรื่องราวทั้งหมดจะน่าขนลุกขนาดไหน สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (29 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีแตงโม’ ‘คุณเจน The ghost’ ได้เล่าว่าเรื่องนี้มาจาก ‘คุณเป้’ ซึ่งเจ้าของเรื่องคือคนที่คุณเป้รู้จักชื่อว่า ‘คุณชิว’ โดยครอบครัวของคุณชิวนั้นทำอาชีพเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องจักรทางการเกษตร ฉะนั้นคุณชิวก็จะมีการไปลงพื้นที่ เช่น เอาเครื่องสูบน้ำไปเสนอขายให้กับชาวบ้าน ไลฟ์สไตล์ของคุณชิวเป็นคนสบาย ๆ สายธรรมชาติ ชอบออกไปกางเต๊นท์-ตั้งแคมป์คนเดียว วันหนึ่ง คุณชิวต้องนำเครื่องสูบน้ำไปเสนอขายให้ชาวบ้านที่ต่างจังหวัด ขณะนั้นเองก็ได้มองไปรอบ ๆ บริเวณและเกิดความรู้สึกว่าที่นี่บรรยากาศดี อยู่ใกล้กับฝาย ทำให้อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การตั้งแคมป์กางเต็นท์มาก หลังจากเสนอขายสินค้าจนจบ คุณชิวก็ได้ไปพบผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขออนุญาตตั้งเต็นท์ริมฝาย และนอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำก่อนจะนำกลับด้วย แต่ผู้ใหญ่กลับมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจ และพูดว่า “เมื่อ 2-3 เดือนก่อน มันมีน้ำป่าไหลหลาก ฉะนั้นตลิ่งตรงนี้มันจะไม่แข็งแรง มันจะอันตราย แต่ถ้าเกิดว่าคุณชิวอยากจะมาตั้งเต็นท์ก็ได้ ไม่ว่า ให้พิจารณาเอา” คุณชิวได้ฟังแล้วก็คิดว่าไม่น่าจะอันตราย จึงตอบไปว่า “โอเค” และยังบอกอีกว่า “มันสวย วิวดี” จากนั้นก็ตั้งแคมป์จนเสร็จ ขณะนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ตก คุณชิวก็สังเกตุเห็นผู้ชายในอยู่น้ำ เขากำลังดำผุดดำว่ายแต่ไม่เหมือนคนจมน้ำ คุณชิวจึงคิดว่าอาจจะเป็นชาวบ้านมาหาปลา ระหว่างนั้นคุณชิวก็เตรียมเครื่องดื่มและกับแกล้มพลางมองผู้ชายในน้ำเป็นระยะ ไม่นานหลังจากนั้นพระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ไปไหน คุณชิวจึงตัดสินใจดื่มแอลกอฮอลล์ที่เตรียมมา เสียงเปิดจุกดัง ป๊อก! ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด ไม่นานคุณชิวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ ๆ หันมาอีกที ก็พบกับลุงที่เห็นในน้ำ เขาเข้ามาประชิดตัวและพูดกับคุณชิวว่า “เห้ยไอ้หนุ่ม จะกินไม่ชวนเลย ใจร้ายใจดำจัง” คุณชิวจึงตอบกลับไปว่า “อ๋อ ได้สิครับ มากินด้วยกัน” จากนั้นก็จัดแจงหาแก้วมาเทเครื่องดื่มให้ พร้อมทั้งปลากระป๋องสำหรับกินแกล้มคู่กัน ขณะที่กำลังจะเปิดปลากระป๋องอยู่นั้น ลุงก็ห้ามเอาไว้และบอกว่า “ไอ้หนุ่มจะกินทำไมปลาที่มันอยู่ในกระป๋องอ่ะ กินปลาสด ๆ ของลุงดีกว่า” จากนั้นลุงก็ได้เอื้อมมือไปด้านหลังแล้วดึงปลาออกมาออกมาจากข้อง คุณชิวจึงรับมาและนำไปปิ้งกิน แต่ความแปลกก็เกิดขึ้น เพราะกินเท่าไหร่ก็รู้สึกไม่อิ่มเสียที จนกระทั่งกินตัวที่ 10 ก็ยังไม่อิ่มท้อง และเริ่มรู้สึกเลี่ยน จึงบอกลุงไปว่า “ผมไม่กินแล้ว” ลุงก็ตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไร งั้นไม่กินเนาะ เดี๋ยวลุงไปหาของหวานมาให้” จากนั้นลุงจึงได้ลุกแล้วหายไปในแถบป่ากล้วยใกล้ ๆ ฝายและกลับมาพร้อมกับแตงโมลูกหนึ่ง ซึ่งแตงโมลูกนี้ยังไม่ค่อยสุกดี ยังลูกเล็กอยู่ แต่คุณชิวก็รับนำไปผ่ากินและได้ยื่นอีกซีกให้ลุงด้วย แต่ลุงดันตอบกลับมาว่า “ไม่ ลุงไม่กิน กินได้เลย” คุณชิวจึงกินแตงโมคนเดียว รสชาติแตงโมก็ปกติดี ระหว่างที่กินก็พยายามชวนลุงให้กินด้วยกัน แต่ลุงกลับทำหน้าขยะแขยงและบอกว่า “แหยะ ๆ อี๋ ๆ ไม่กินอ่ะ กินเข้าไปได้ยังไง” ซึ่งตัวคุณชิวเขาก็งงเพราะลุงเป็นคนหามาให้กินเอง จึงคิดในใจว่า ‘เอ๊ะ หรือลุงเขามองเหมือนทุเรียน คนไม่ชอบอาจจะไม่ชอบจริง ๆ’ เมื่อคุณชิวกินแตงโมเสร็จ คุณลุงจึงถามมาอีกรอบว่า “กินปลาต่อไหม” แล้วลุงก็เอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อที่จะหยิบมาให้อีก คุณชิวจึงตอบกลับไปว่า “ไม่ ๆ ไม่กินแล้วครับ โหลุง ลุงจับปลาได้เยอะใช่ไหมเนี่ย หยิบออกมาไม่หมดสักที” ลุงจึงตอบกลับมาว่า “อ๋อใช่ ลุงจับปลาได้เยอะมากเลย” คุณชิวจึงพูดไปอีกว่า “งั้นผมขอดูข้องหน่อยได้ไหม เหลืออีกเยอะหรือเปล่า” พลางทำท่าทางเหมือนกำลังจะลุกไปหา ลุงเห็นเช่นนั้นก็บอกไปว่า “เห้ย ไม่ต้อง ๆ อย่าดูเลยเดี๋ยวเสียเรื่อง” คุณชิวไม่ได้เอะใจอะไร จากนั้นก็แยกย้าย ลุงลุกขึ้นและหันมาบอกกับคุณชิวอีกรอบว่า “อย่าลืมนะเรื่องแตงโม” ซึ่งคุณชิวเข้าใจในหัวว่า ‘ถ้าแตงโมเหลือ พวกสัตว์ป่าจะมากิน ให้ขุดหลุมฝัง’ แต่แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เขาจึงเข้านอน เช้าวันรุ่งขึ้น คุณชิวตื่นขึ้นมาเก็บเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ จนเสร็จ จากนั้นก็เดินไปทางป่ากล้วยที่ลุงหยิบแตงโมออกมา เพราะคุณชิวคิดว่าแตงโมเป็นผลไม้ที่ต้องมีคนปลูก ไม่น่าจะมีแตงโมป่าแบบที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งพอเดินไปก็พบว่ามีแตงโมป่าจริง หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินลงไปทางหมู่บ้าน เพื่อไปพบผู้ใหญ่บ้าน เมื่อมาถึง กลับพบชาวบ้านมามุงดูอะไรบางอย่างกันเต็มไปหมด จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เป็นไงบ้างเมื่อคืน อยู่คนเดียวสนุกไหม” ตัวคุณชิวจึงตอบกลับไปว่า “โอโห สนุกมากเลยครับ” ผู้ใหญ่บ้านแสดงท่าทีมึนงง พลางถามว่า “อยู่คนเดียวจะสนุกได้ไง ชาวบ้านเขามารอฟังอยู่ว่าจะเจออะไร” คุณชิวก็ตอบกลับไปว่า “สนุกครับเพราะผมไม่ได้อยู่คนเดียว” จากนั้นทุกคนจึงเริ่มฮือฮา ชาวบ้านเริ่มซุบซิบกัน จากนั้นคุณชิวยังบอกอีกว่า “ผมไม่ได้อยู่คนเดียว มีลุงคนนึงมาแบ่งแตงโมให้ผมกินและอยู่คุยด้วย” พอทุกคนได้ยินแบบนี้มา เสียงก็เริ่มดังฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงได้ตะโกนขึ้นมาว่า “พ่อ!” แล้วก็วิ่งเข้าบ้านไปหยิบรูปภาพออกมาให้คุณชิวดู แต่เมื่อคุณชิวดู เขากลับบอกกลับมาว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่คนนี้” ชาวบ้านส่งเสียงซุบซิบกันอีกว่า “ว่าแล้ว ๆ / นั่นไงลุงอร / ลุงอรจริง ๆ ด้วย” คุณชิวทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าใครคือลุงอร แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรไป ผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มน้ำตาซึมและขอให้คุณชิวพาไปจุดที่เจอแตงโม แต่คุณชิวได้ตอบกลับไปว่า “กว่าผมจะเดินมาถึงตรงนี้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเลย ไม่อยากเดินกลับไปแล้ว” ทางผู้ใหญ่บ้านจึงได้บอกกับคุณชิวไปว่า “ไม่เป็นไร ถ้าคุณเหนื่อย คุณไม่อยากเดิน เดี๋ยวผมแบกคุณขึ้นหลังไปก็ได้ ขอแค่พาผมไป” เมื่อคุณชิวได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่านี่คงเป็นเรื่องสำคัญ จึงตอบตกลงพาผู้ใหญ่บ้านไป และแล้วก็ถึงจุดที่พบแตงโม ผู้ใหญ่บ้านรีบวิ่งเข้าไปกอดลูกแตงโมและพูดว่า “พ่อ ๆๆ” จากนั้น ผู้ใหญ่บ้านก็ได้เอื้อมมือไปหยิบรากแตงโมแล้วดึงขึ้นมา ปรากฏว่ามีกระดูกสันหลังของคนติดขึ้นมาด้วย! ไม่นานผู้ใหญ่บ้านก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง เมื่อสงบสติได้ก็เล่าให้คุณชิวฟังว่า วันหนึ่ง เขาได้ผ่าแตงโมให้พ่อกิน แต่ลุงอรมาชวนพ่อไปหาปลาที่ฝายด้วยกัน วันนั้นมีน้ำป่าไหลหลากรุนแรง ทั้งลุงอรและพ่อหายไปกับน้ำทันที เวลาผ่านไป ชาวบ้านพบศพลุงอรในลักษณะที่ด้านหลังมีร่องรอยการกระแทกกับขอนไม้จนเป็นรูใหญ่ และยังพบว่าที่ข้างตัวของลุงมีฝูงปลาเข้าไปกินอวัยวะภายในอีกด้วย แต่ศพของพ่อผู้ใหญ่บ้านยังหาไม่พบ กระทั่งได้มาพบว่าแตงโมงอกขึ้นมาในป่าเช่นนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็เชื่อว่าน่าจะเป็นพ่อของตน เพราะพ่อมักกินแตงโมแต่ไม่คายเม็ด ร่างของพ่อที่กลายเป็นปุ๋ยจึงช่วยให้แตงโมเติบโตขึ้นมาได้ ส่งผลให้รากแตงโมติดกระดูกขึ้นมาด้วย แม้ว่าจะมีแค่ท่อนบน เพราะหาท่องล่างไม่เจอก็ตาม ส่วนในเรื่องที่คุณชิวกินปลาแต่กินยังไงก็ไม่อิ่ม คุณเจนคิดว่าจริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้กินก็ได้ อาจจะมโนไปเองว่ากิน และที่ชาวบ้านมารุมพูดตอนที่คุณชิวออกมา คุณเจนก็เดาว่าพวกชาวบ้านคงจะรู้กันอยู่แล้วว่าน่าจะมีโอกาสเจอลุงอรและเดาว่าชาวบ้านคงรู้ว่าลุงอรตายตรงนี้ วิญญาณยังอยู่ อาจจะมีบางคนเห็นแต่ไม่กล้านอน จึงมารอฟังแทน..เขียน: กชกร สมโภชน์เรียบเรียง: วันทนีย์ ไชยชาติภาพ: กิตติพงษ์ นาคทอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณหมิง ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’ I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [ 7 พ.ค. 2567]

11 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณหมิง ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’ I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [ 7 พ.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณหมิง’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤษภาคม 2567) ขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’ จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกัน! โดยคุณหมิงเริ่มเล่าว่า ย้อนกลับไปสมัยที่คุณหมิงยังเรียนอยู่ปี 1 คณะที่คุณหมิงกำลังศึกษาอยู่นั้น ได้เปิดสอนรายวิชาอนาโตมีหรือกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งต้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่ เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะต้องเอาความรู้ทั้งหมดไปสอบ ‘แล็บกริ๊ง’ หรือการสอบดูชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ เช่น กล้ามเนื้อ สมอง ลำไส้ และกระดูก โดยต้องแข่งกับเวลาที่จำกัด คุณหมิงจึงตัดสินใจอยู่ที่ห้องเรียนจนดึก เพื่อต้องการศึกษาด้วยตนเองนอกรอบ ภายในห้องเรียนนั้น จะพบกับร่างของอาจารย์ใหญ่ ซึ่งอาจารย์ใหญ่บางท่านที่ผ่านการดองมานาน หรือผ่านมือลูกศิษย์มาหลายคน ยิ่งเวลานานเข้า สภาพศพก็ยิ่งเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา อาจารย์ใหญ่บางท่านก็อาจจะถูกตัดชิ้นเนื้อบางส่วนออกไป หรือมีการเลาะเส้นเลือดออก เพื่อศึกษาอวัยวะ คุณหมิงใช้เวลาในห้องเรียนนี้มาถึงช่วงตีหนึ่งกว่า ความมืดทำให้การมองเห็นยากขึ้น คุณหมิงต้องใช้ความพยายามที่จะเพ่งดูเส้นเลือดขนาดเล็ก บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความกดดันและความเครียด คุณหมิงจึงเริ่มสติหลุด ด้วยความเหนื่อยจึงบ่นกับตัวเองว่า “โอ้ย ! อะไรเนี่ย… จะจำได้ไหม สอบไม่ได้แน่เลย” และยังปากพล่อยออกไปอีกว่า “ท่านคะ มาสอนหนูหน่อย หนูจำอะไรไม่ได้” ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยี คุณหมิงไม่สามารถใช้โทรศัพท์บันทึกภาพหรือวิดีโอได้ คุณหมิงทำได้เพียงจดจำทุกอย่างเท่าที่จะจำได้ จากนั้นไม่นาน คุณหมิงก็ตัดสินใจกลับหอพัก หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ คุณหมิงก็พร้อมนอน ระหว่างที่กำลังจะหลับสนิท คุณหมิงก็เห็นภาพในห้วงนิมิต เป็นภาพคล้ายร่างของอาจารย์ใหญ่ มายืนจ้องเขม็งสายตามองตรงมาที่คุณหมิง โดยร่างมีสภาพเปลือยเปล่าเหมือนศพ สักพักภาพก็ค่อย ๆ ใกล้ขึ้น เป็นภาพกล้ามเนื้อตรงหน้าอก ซึ่งอาจารย์ใหญ่ท่านก็กำลังยืนฉีกและแหวกหน้าอกของตนโชว์ต่อหน้าคุณหมิง! ท่านค่อย ๆ ฉีก ค่อย ๆ แหวก ทำให้หนังด้านนอกหลุดออก จนสามารถเห็นกล้ามเนื้อด้านในชัดเจนมากขึ้น ซึ่งภาพตรงเข้ามาหาคุณหมิงเรื่อย ๆ! ความรู้สึกของคุณหมิงตอนนั้น คือ ช็อคจนทำอะไรไม่ถูก ตกใจสุดขีด แต่จะร้องก็ร้องไม่ออก กลัวจนตัวสั่น คุณหมิงจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง ลงมานั่งยกมือไหว้ พูดขอขมาซ้ำไปซ้ำมาว่า “หนูขอโทษ ไม่ต้องมาสอนหนูแล้ว หนูรับไม่ไหว… หนูขอโทษค่ะ” หลังจากนั้นไม่นานภาพก็หายไป แล้วคุณหมิงก็ไม่เห็นภาพอาจารย์ใหญ่อีกเลย ซึ่งพอคุณหมิงดึงสติกลับมาได้ จึงมานั่งคิดว่า “ถ้าหากตนทนต่อตอนนั้น มีหวังอาจารย์ใหญ่ก็คงจะสอนต่อจนหมดทั้งร่างแน่นอน”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

2 เรื่องหลอนตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต ของ ต้า & สอง PARADOX

01 ก.ย. 2023

2 เรื่องหลอนตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต ของ ต้า & สอง PARADOX

‘ต้า-สอง Paradox’ มาเยือนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 สิงหาคม 2566) พร้อมเรื่องเล่าสุดหลอนจากการได้ไปนอนโรงแรมต่างๆ ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนหัวลุกตามกันเลยกับชื่อเรื่อง เตียงคู่‘ประสบการณ์หลอนพี่สอง Paradox’เกิดขึ้นครั้งที่ไปทัวร์คอนเสิร์ต ได้เข้าพัก ณ ที่พักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ลักษณะห้องพักคือมีเตียงเล็ก 2 เตียงตั้งคู่กัน โดยมีรูมเมทคือ ‘พี่บิ๊ก Paradox’ ในวันนั้น พี่บิ๊กตัดสินใจกลับก่อนในตอนเช้ามืด ส่วนพี่สองยังคงนอนพักอยู่ในห้องเพราะจะบินกลับตามไปในช่วงบ่ายพี่สองเล่าว่า ที่จริงแล้วจะมีกฎ หากห้องพักมี 2 เตียง แล้วเราเหลือคนเดียว เคยมีคนพูดไว้ว่า “ ให้เอาของไปวางบนเตียงที่ว่าง จะได้ไม่ต้องมีอะไรมาอยู่บนเตียง” ตามปกติก็จำได้ว่าต้องทำ แต่ในวันนั้นดันหลับอยู่ พี่บิ๊กกลับไปแล้ว เตียงเลยว่างโดยที่ไม่มีของวางไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอช่วงเวลารุ่งสาง เริ่มรู้สึกตัว ฟ้าเริ่มสลัวๆ ก็ลุกขึ้นหยิบของ เข้าห้องน้ำปกติ คิดไว้ว่าเดี๋ยวจะนอนต่ออีกหน่อย แต่จังหวะที่จะหยิบของจากตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ภาพมาเลยในกระจก สิ่งที่เห็นคือ กระจกสะท้อนไปที่เตียงพี่บิ๊ก เป็นร่างผู้หญิงนอนอยู่พี่สองบอกว่า “เสียงก๊อกน้ำ เสียงคนแก่ มันเป็นไปได้ที่เห็นแว๊บ ๆ หรือมุมไกล ๆ ลิฟต์เปิดเอง ทีวีเปลี่ยนช่องเอง เป็นเหตุการณ์ที่เจอมาหมด แต่ยังคิดต่อได้ว่าเป็นอย่างอื่นไปได้ แต่ภาพที่เห็นคนนอนอยู่ในกระจกอีกที คือตกใจมาก แบบเห็นชัดเลย แบบครั้งแรกที่ได้เห็นเต็ม ๆ พอหลังจากนั้นก็เก็บของแล้วไปห้องน้องๆทีมงานคนอื่นแทน”‘ยืนยันความหลอนจากประสบการณ์ของพี่ต้า Paradox’ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่คนละห้อง พี่ต้านอนอยู่ในห้อง โดยมีพี่วัตเป็นรูมเมทก็นอนในท่านั่ง เอาหัวแนบไปกับโต๊ะ แล้วก็พูดอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถจับใจความได้ ในตอนแรกพี่ต้าเข้าใจว่ากำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่ ไม่ได้สนใจอะไรจากนั้นก็นอนหลับไปปกติ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพอฟ้าสว่างก็ได้ยินเสียงพี่วัตลุกขึ้น อาละวาด โวยวาย “เอาดิว่ะ มาดิว่ะ ” แล้วก็เตะของ เปิดบทสวดมนต์ดังลั่น มาจากความโมโหที่โดนผีอำเมื่อคืน แล้วขยับตัวไม่ได้ ได้แต่มองพี่ต้านอนหลับ พี่วัตบอกว่าเขาพยายามตะโกน ขอให้ช่วย แต่พี่ต้าเข้าใจว่าพี่วัตกำลังนอนโทรคุยกับเพื่อน ไม่อยากเข้าไปกวน ขณะที่พี่วัตโดนผีอำ สายตาของเขามองผ่านกระจกไปเห็นภาพที่สะท้อน ตรงเตียงของพี่ต้า มีผีผู้หญิงหน้าตาดีสองคนกำลังสัมผัสลูบที่ศรีษะ ปรนนิบัติพี่ต้าอยู่แบบนั้นจนฟ้าสว่าง แล้วพวกเขาก็หายไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณตั้ม ‘ทางหลอนขึ้นเหนือ’ | อังคารคลุมโปง X ตั้ม The Shock [ 22 ก.ค.2568 ]

02 ส.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณตั้ม ‘ทางหลอนขึ้นเหนือ’ | อังคารคลุมโปง X ตั้ม The Shock [ 22 ก.ค.2568 ]

เรื่องนี้ถูกถ่ายทอดโดย ‘คุณตั้ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ทางหลอนขึ้นเหนือ’ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวสุดหลอนระหว่างการเดินทางของเขาเอง เรื่องราวระหว่างการเดินทางจะหลอนอย่างไร สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ ‘คุณตั้ม’ ได้เล่าไว้ว่าเมื่อปีที่แล้วก่อนจะถึงวันขึ้นปีใหม่ เขามีวันลาพักร้อนเหลือ ต้องรีบใช้ให้หมด จึงวางแผนกับแฟนว่าหลังเลิกงาน 5 โมงเย็นจะขับรถขึ้นเชียงราย น่าจะถึงที่หมายประมาณ 6 โมงเช้า การเดินทางครั้งนี้ คุณตั้มขับรถไฟฟ้าไปทำให้ต้องมีการแวะชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์เป็นระยะ ซึ่งจุดแวะพักแรกคือจังหวัดอ่างทอง จากนั้นก็แวะจอดไปจนถึงจังหวัดแพร่ ซึ่งจะเป็นจุดชาร์จแบตสุดท้าย ก่อนจะขับยาวเข้าเชียงราย ระหว่างทางที่ขับรถบนถนนทางหลวงหมายเลข 103 เส้นทางตัดผ่านภูเขาระหว่างจังหวัดแพร่และลำปาง คุณตั้มเกิดอาการเดจาวูถึงเรื่องที่ฝันเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ว่ากำลังขับรถบนถนนสักแห่งที่มีไฟสีส้มรายล้อมตามทาง เขาเริ่มขนลุกเพราะหลังจากฝันมักจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเสมอ ขับไปได้สักระยะมองดูรอบข้างก็มืดไปหมดแล้ว เหลือรถของเขาเพียงคันเดียวที่สาดแสงส่องไปบนถนนขับไปเรื่อย ๆ อุณหภูมิภายนอกรถเริ่มลดลงเหลือ 13 องศาเพราะเริ่มขึ้นเขาสูง พอถึงทางโค้งขึ้นก็เห็นรถมอเตอร์ไซต์กำลังขับนำหน้าอยู่โดยที่ไม่เปิดไฟซึ่งถือว่าอันตรายมาก เมื่อใช้แสงจากรถสาดไปก็เห็นว่าคนขับรถมอเตอร์ไซต์แต่งกายเหมือนชุดช่าง แต่ไม่มีหัว! คุณตั้มขนลุกซู่รีบขับแซงขึ้นไปทันที ระหว่างที่แซงก็ดูกระจกทางซ้ายด้าน แต่ก็ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซต์แม้แต่คันเดียว นั่นทำให้คุณตั้มเหยียบคันเร่นให้เร็วกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ถึงจุดชาร์จแบตสุดสุดท้ายให้เร็วขึ้น ขณะนั้นเองก็ได้ย้อนความหลังว่าเจอเรื่องแบบนี้ที่ถนนเส้นนี้ตลอด ย้อนไปเมื่อช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 คุณตั้มต้องเดินทางไปจังหวัดทางภาคเหนือ เมื่อผ่านเส้นทางนี้ก็เจอเหมือนกัน ณ ตอนนั้นได้แวะหาหลวงน้าที่จังหวัดอุตรดิตถ์ก่อน หลวงน้าก็แนะนำให้นอนที่วัดก่อน แต่เขาก็กลัวว่าจะเจอสิ่งลี้ลับที่วัด จึงเลือกที่จะเดินทางต่อ แต่ก็ดันเจอคนแวะโบกรถข้างทาง ซึ่งมีหัวแต่ไม่มีข้อเท้า เหมือนคนลอยมา กลับมาที่ปัจจุบัน หลังจากเที่ยวจังหวัดเชียงรายเสร็จก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ คราวนี้เลือกเดินทางกลางวันทำให้เห็นว่าระหว่างทางลงภูเขาก็มีศาลพระภูมิ และมีเศษสิ่งของต่าง ๆ ที่คนนำมาทิ้งไว้เต็มไปหมด หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับถนนเส้นนี้อีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1