05 ก.ค. 2023
ชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ที่ดาดฟ้าของหอพัก สนุกกันจนชนขวดเบียร์ตกลงไปด้านล่างที่เป็นป่าทึบ! พอกลับเข้าห้องก็นอนไม่ค่อยหลับ แถมยังเจอมือปริศนามาอยู่บนเตียง ตกใจจนไม่มีสติ! มารู้ทีหลังว่าป่านั้นนั้นคือ...!
‘อังคารคลุมโปง X’ (13 มิถุนายน 2566) ให้การต้อนรับ ‘คุณจอย’ สายแรกของรายการในวันนี้ เธอมาพร้อมกับเรื่องราวที่จะทำให้ ‘ดีเจเจม’ และ ‘ดีเจแนน’ ขนลุกวาบไปทั้งตัว เมื่อการเปิดตี้บนดาดฟ้า ทำให้ได้ผีตามกลับมาถึงห้อง ปิดไฟแล้วไปอ่านกันเลย! ในปี 2549 คุณจอยที่พึ่งจะเรียนจบผู้ช่วยพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้เข้าฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใจกลางเมือง จึงต้องหาหอพักใกล้ที่ทำงาน จนได้มาเจอกับห้องเช่าแห่งหนึ่งที่อยู่สุดซอย คุณจอยคิดว่าอยู่ที่นี่น่าจะดี เพราะเป็นหอพักสร้างใหม่ ไม่น่าจะมีประวัติอะไร หอพักนี้มีลักษณะเป็นตึกสูงประมาณ 6 ชั้น ด้านหลังของตึกเป็นกำแพงสูง อีกฝั่งมีต้นไม้หนาทึบ คุณจอยมองว่ามีความร่มรื่น และคิดว่านี่คือ “ทำเลทอง” ทีเดียว สุดท้ายจึงเลือกมาอาศัยที่ชั้น 4 ของตึกนี้ เมื่อฝึกงานไปได้สักพัก คุณจอยก็เริ่มสนิทกับกลุ่มเพื่อนในที่ทำงาน และมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่หอเดียวกัน วันหนึ่ง คุณจอยชวนเพื่อน ๆ ไปสังสรรค์กันบนดาดฟ้าของหอพัก ขณะที่กำลังดื่มสังสรรค์ร้องเพลงกันตามปกติ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งเผลอเอาศอกยันขวดเบียร์ตกลงไปด้านล่างตรงที่เป็นป่าทึบ! ในใจคุณจอยกังวลว่าขวดเบียร์นี้จะหล่นไปใส่หัวใครหรือไม่ เพราะเข้าใจว่าบริเวณป่านี้ เป็นพื้นที่ที่จะมีมาออกกำลังกายกัน แต่เพื่อน ๆ คิดว่าคงไม่มีอะไรเพราะตอนนั้นดึกมากแล้ว ไม่น่าจะมีคนเดินผ่าน เมื่อถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง คุณจอยก็ขอแยกตัวจากเพื่อนกลับมานอนเอาแรงเพื่อเตรียมเข้าเวรในตอนเช้า คืนนั้น คุณจอยนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่นัก คุณจอยตื่นขึ้นมาตอนตีสอง เมื่อพลิกตัวตะแคงมันกลับไปแค่ตัว หัวของคุณจอยเหมือนถูกเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยอะไรบางอย่างจากข้างหลัง! ตอนแรกคิดว่าอาจจะเป็นผมที่ถูกทับไว้ใต้หมอน แต่พอลองยื่นมือไปจับและดึงมาข้างหน้าดู คุณจอยก็ต้องตกใจ! เพราะที่เห็นคือมือของมนุษย์! แต่มือนี้มาเพียงแค่ข้อมือสุดปลายนิ้ว สีขาวซีด ไร้เจ้าของร่าง คุณจอยร้องเสียงหลงออกมาอย่างแรง ก่อนที่จะขว้างมือนั้นเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนั้นคุณจอยตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก แม้แต่จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ได้แต่คว้าไปหยิบโทรศัพท์ข้างเตียง รีบกดเบอร์โทรออกหาพ่อแม่ทันที! เมื่อเห็นว่าคุณจอยไม่มีสติ พูดไม่รู้เรื่อง พ่อกับแม่จึงบอกให้คุณจอยค่อย ๆ ตั้งสติ และสูดหายใจลึก ๆ สุดท้ายคุณพ่อต้องนำสวดมนต์ แม้คุณจอยจะท่องบทสวดมนต์แต่ในใจก็ยังกังวลว่า มือที่อยู่ในห้องน้ำนั้นจะไต่ออกมาหรือเปล่า เพราะประตูห้องน้ำก็เปิดอ้ากว้างทิ้งไว้ด้วย กระทั่งคุณจอยได้ยินเสียงไก่ขันในตอนเช้ามืด คุณจอยใจชื้นมากขึ้น เมื่อเปิดระเบียงของห้องออกไปก็เริ่มได้ยินเสียงคนพูดคุยตัดกับรถเล่นผ่านอยู่บ้าง ตอนนี้ได้เวลาไปทำงานแล้ว แต่คุณจอยจะต้องไปอาบน้ำในห้องน้ำ.. ก่อนไปอาบน้ำแม้เธออยากจะเห็นหน้าพ่อกับแม่ก็ทำไม่ได้ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีวิดีโอคอล จึงจำใจวางสาย หากไปบอกกับโรงพยาบาลว่าไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะกลัวผีคงจะฟังไม่ขึ้น สุดท้ายคุณจอยจึงต้องใจกล้าเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ! เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ คุณจอยกวาดสายตาไปที่พื้นก็ไม่เห็นมีอะไร พอหันกะละมังที่ล้มระเนราดอยู่ ก็เดินไปเปิดดู แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ เมื่อสำรวจดูทั่วห้องแล้วก็ไม่เจออะไร จึงเริ่มอาบน้ำ อย่างไรก็ตามคุณจอยก็ต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลาว่ามือเจ้าปัญหานี้จะโผล่มาเมื่อไหร่ ใจหนึ่งก็อยากให้เจออะไรบางอย่างสักที จะได้ไม่ต้องมาคอยระแวงอยู่แบบนี้ เมื่อคุณจอยออกไปทำงาน สติก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก เพราะทั้งไม่ได้นอนและเจอสิ่งเร้นลับกลางดึก คุณจอยไม่เห็นเพื่อนที่พักอยู่หอเดียวกันมาทำงานในวันนี้ เข้าใจว่าเขาคงอาจจะยังเมาค้างไม่ตื่นจากปาร์ตี้เมื่อคืน จึงคิดว่าจะลองไปเยี่ยมเขาหลังเสร็จงาน เวลา 2 ทุ่ม เพื่อนคุณจอยเปิดประตูห้องออกมา สภาพดูอิดโรย ตาคล้ำและผมยุ่ง เมื่อถามเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนก็ได้แต่บอกว่า “เดี๋ยวค่อยเล่า เดี๋ยวค่อยเล่าได้ไหม เดี๋ยวค่อยเล่า...” ในเวลาดึกแบบนี้ ยังไม่เหมาะสมที่จะเล่าอะไร คุณจอยก็ยังไม่กล้าจะบอกเรื่องที่เจอมาเหมือนกัน คุณจอยกลับมาหาเพื่อนอีกครั้งในวันถัดไป สภาพเพื่อนก็ยังดูอ่อนแรงเหนื่อยล้าอยู่ดี พอพยายามลองถามอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนจึงชวนให้คุณจอยกลับขึ้นไปบนดาดฟ้าที่เคยสังสรรค์กันอีกครั้ง.. พอถึงดาดฟ้าเพื่อนคุณจอยก็ยืนนิ่งไปชั่วครู่ คุณจอยกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนถึงบริเวณป่าทึบที่อยู่หลังกำแพงข้างหอ คุณจอยเข้าใจมาตลอดว่าป่าตรงนี้ปลูกไว้ให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับคนมาออกกำลังกาย แต่ความคิดของเธอต้องเปลี่ยนไปเมื่อเธอเห็นอะไรบางอย่างเข้า มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามา คุณจอยรู้สึกว่าพวกเขากำลังทำอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนร้องไห้ จึงลองมองเข้าไปผ่านต้นไม้ที่ปลูกขึ้นมาที่ทั้งทึบและแน่นหนา และยังไม่ทันจะรู้ว่ากลุ่มคนเหล่าทำอะไร สายตาก็เหลือบไปเห็นผ้าขาวกำลังห่อหุ้มอะไรบางอย่างเอาไว้วางลงบนผ้าสีทอง! “ไม่นะ อย่านะ ไม่ใช่ใช่ไหม” คุณจอยพยายามบอกกับตัวเอง สิ่งที่เห็นก็เป็นสิ่งที่คาดคิดไว้ มีคนกำลังขุดหลุมฝังศพอยู่ สถานที่แห่งนั้นคือ ‘กุโบร์’ สุสานฝังศพของชาวมุสลิมนั่นเอง! คุณจอยเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้เจอมา ก่อนที่เพื่อนจะดึงตัวคุณจอยไปนั่งคุดคู้อยู่ตรงที่ตากผ้า คุณจอยถามเพื่อนว่า “มึงมีอะไรจะบอกกูไหม” แล้วเพื่อนก็ย้อนถามกลับมาว่า “แล้วมึงมีอะไรจะบอกกูไหม” ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน จนคุณจอยเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ เล่าประสบการณ์ชวนขนหัวลุกที่เจอ ‘มือ’ นั้นให้เพื่อนฟัง แต่เพื่อนกลับตอบมาว่า “ของมึงยังน้อยนะ...” แล้วเพื่อนก็เริ่มเล่าเรื่องราวในฝั่งของตนให้คุณจอยฟัง ที่หอแห่งนี้ไม่มีแอร์และเพื่อนคุณจอยเป็นคนขี้ร้อน จึงนอนเปิดประตูรับลมจากฝั่งที่อยู่ติดกับป่าทึบ (ซึ่งก็คือตรงกุโบร์) ในคืนนั้น เมื่อกลับมานอนที่ห้องก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งระหว่างที่เล่นโทรศัพท์อยู่ สายตาเธอก็เริ่มเห็นเงาตะคุ่ม ๆ บางอย่างตรงระเบียง! มีมืออะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากระเบียง แล้วสักพักร่างทั้งร่างก็โผล่ขึ้นมา! มันเป็นเหมือนกลุ่มควันดำที่มองทะลุเห็นด้านหลังได้ แล้วทันใดนั้นเงาทั้งหมดก็พุ่งใส่! เพื่อนคุณจอยร้องกรี๊ดเสียงดังลั่น แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน แม้ตัวคุณจอยที่อยู่ห้องตรงข้ามกันก็ไม่ได้ยินเสียง แล้วสักพักเพื่อนก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คุณจอยมาเคาะประตูที่หน้าห้องของตอนสองทุ่มนี่แหละ คุณจอยเริ่มปรึกษากับเพื่อนว่าควรทำอย่างไรต่อดี ผลสุดท้ายก็คือเพื่อนตัดสินใจย้ายไปอยู่กับแฟน ส่วนคุณจอยยังคงต้องอยู่ที่นี่ต่อไปเพราะจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย สิ่งที่คุณจอยทำได้ตอนนั้นมีแต่สวดมนต์ อธิษฐานขอขมาที่ได้ล่วงเกินไป และโชคดีที่หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกับอะไรทำนองนี้อีกเลย...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่