สัตวแพทย์สาวต้องย้ายงานมาทำในเมืองเล็ก ในระหว่างที่กำลังหาห้องพัก เธอก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในหัวว่า “หอตรงนี้ยังไม่ใช่ที่ของเธอนะ ที่ของเธออยู่ตรงนู้น” จากนั้น เธอก็ได้เจอกับเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกแทบไม่เว้นวัน!

อังคารคลุมโปง RECAP

สัตวแพทย์สาวต้องย้ายงานมาทำในเมืองเล็ก ในระหว่างที่กำลังหาห้องพัก เธอก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในหัวว่า “หอตรงนี้ยังไม่ใช่ที่ของเธอนะ ที่ของเธออยู่ตรงนู้น” จากนั้น เธอก็ได้เจอกับเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกแทบไม่เว้นวัน!

26 ต.ค. 2023

       เรื่องหลอนในคืนนี้มีชื่อว่า ‘สิ่งลี้ลับในเมืองเล็ก’ จากสายคนฟัง ‘คุณกุ้ง’ บอกเลยว่าทำเอาชาวรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (17 ตุลาคม 2566) ขนหัวลุก! ไม่เว้นแม้แต่ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ปิดไฟแล้วไปอ่านพร้อมกันเลย!

       เรื่องราวความน่ากลัวของคุณกุ้งเริ่มจากการที่เธอชอบมูเตลู ย้อนกลับไปเมื่อ ประมาณ 10 กว่าปีก่อน สมัยที่เธอพึ่งจะเรียนจบชั้นมัธยมตอนปลาย และมีการสอบเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาแห่งหนึ่ง ในสมัยนั้นคุณกุ้งมีโอกาสได้ไปขอพรไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเล็กแห่งหนึ่ง โดยขอว่าให้ตอนนั้นได้เรียนต่อสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้

       หลังจากการสอบเสร็จสิ้น คุณกุ้งก็ถูกคัดเลือกให้เข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในฐานะนักศึกษาสัตวแพทย์ หลังจากเรียนจบก็ได้กลับไปแก้บนตามที่ได้บนบานสานกล่าวกระทั้งในปัจจุบัน คุณกุ้งก็ได้มาทำงานสัตวแพทย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของคุณกุ้งเอง

       ไม่นานหลังจากที่ทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ คุณกุ้งก็ได้มีโอกาสย้ายที่ทำงานไปทำงานในเมืองเล็ก ๆ ของจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ ซึ่งที่ทำงานใหม่ที่คุณกุ้งมาบรรจุนั้น ไม่มีที่พักรับรองให้เธอจึงจำเป็นต้องหาที่พักเอง ระหว่างที่กำลังการหาที่พักอยู่นั้นปรากฎว่าเธอได้ยินเสียงชายปริศนาแทรกเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา “หอตรงนี้ยังไม่ใช่ที่ของเธอนะ ที่ของเธออยู่ตรงนู้น” คุณกุ้งประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินเสียงพวกนี้ แต่ด้วยความที่คุณกุ้งเชื่อในสิ่งลี้ลับและเป็นสายมูเตลูอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าสถานที่ตรงนี้น่าจะมีอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจได้ จึงตัดสินใจว่าจะหาที่ต่อไป

       ต่อมาไม่นานหลังจากที่คุณกุ้งได้เข้ามาดูหอใหม่ เธอรู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก เนื่องจากหอนี้อยู่ใกล้ที่ทำงานกว่าหออื่น ๆ ที่ไปดูมา และด้วยความโชคดีที่พักแห่งนี้ยังมีห้องว่างให้เช่าอยู่ 2 ห้องพอดี เธอจึงตัดสินใจที่จะทำสัญญาเช่า และย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักที่ใหม่ทันที

       หลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่หอนี้ เธอก็ได้พบเจอกับประสบการณ์ขนหัวลุก ในระหว่างที่นอนหลับสะลึมสะลืออยู่นั้น ก็รู้สึกว่าเธอฝันว่ามีผู้หญิงลักษณะคล้ายกับคนในปี ค.ศ. 1990 กำลังใช้มือโผล่ทะลุผ่านประตูเข้ามาถอดสลักกลอนโซ่ประตูออก แล้วบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดเข้ามาในห้องของเธอ! ไม่นานประตูก็ค่อย ๆ แง้มออกอย่างช้า ๆ และเปิดเข้ามาปรากฎตัวให้เธอเห็นร่างที่มาแค่ส่วนหัวและลำตัว! ไม่มีท่อนล่าง จากนั้นก็แสยะยิ้มให้คุณกุ้งด้วยท่าทีนิ่งเฉย และไม่ได้สื่อสารอะไร คุณกุ้งที่แม้จะสะลึมสะลืออยู่ แต่ก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่เธอได้เห็นนั้นไม่น่าจะใช่คนทั่วไปแน่นอน จึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที และได้พบว่าสิ่งที่เธอเจอเมื่อกี้เขาแค่มาเตือนว่าอย่าลืมไปร่วมพิธีตีกลองสะบัดชัยที่กำลังจะจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ด้วย

       เรื่องราวความน่ากลัวในเมืองเล็กแห่งนี้ยังไม่จบ คุณกุ้งเล่าต่อว่าเธอได้มีโอกาสไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสายอาชีพงานที่กำลังทำอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องเก็บของเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัด จึงจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางสำหรับเก็บสัมภาระ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็น หลังจากที่เธอจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็เข้านอนตามปกติ ในคืนนั้นก็ได้ฝันว่าเธอได้เดินทางไปในสถานที่หนึ่ง และได้พบกับอาแปะคนหนึ่ง เขาเดินเข้ามาทักเธอว่า “ลื้อ..ลื้อจะเดินทางใช่มั๊ย ไอ้ที่ลื้อจะพกไป อย่าพกไปนะ มันจะระเบิดบนเครื่อง” คุณกุ้งนึกสงสัยว่าอาแปะคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังจะเดินทาง แต่หลังจากนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมา

       รุ่งขึ้น คุณกุ้งตัดสินใจที่จะหยิบแบตสำรองออกจากกระเป๋าเดินทาง และวางมันไว้ที่พื้นในห้องแทน ไม่นานหลังจากที่เธอกลับมา ก็พบว่าแบตสำรองที่เธอวางไว้บริเวณพื้นนั้นมีสภาพปกติ จึงคิดในใจว่าอาแปะที่มาบอกในฝันเมื่อคืนนั้นคงโกหกเธอ แต่แล้วก็ได้สังเกตว่าแบตสำรองนั้นมันบวมขึ้นผิดปกติ! และก็ได้ยินเสียงไฟฟ้ากำลังช็อต! คุณกุ้งจึงตัดสินใจรีบเอาออกไปให้คนอื่นช่วยนำไปทิ้งทันที และคิดได้ทันทีว่าในสมัยก่อนคุณกุ้งเองก็นับถืออาแปะโรงสี และที่ฝันว่าเจออาแปะในคืนนั้นก็เป็นการมาเตือนให้เธอระวังตัว

       หลังจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กแห่งนี้ คุณกุ้งก็ได้รู้ความจริงจากคุณพ่อว่าเธอมีเชื้อสายคนที่นี่ ทั้งยังโดนทักจากร่างทรงว่าในอดีตเธอเป็นคนที่นี่ ถึงได้วนเวียนมาใช้ชีวิต ถึงมีหน้าที่การงานในเมืองเล็กแห่งนี้ ซึ่งประสบการณ์หลอน ๆ ที่คุณกุ้งได้เจอทั้งหมดก็ถือเป็นการมาเตือนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเธออยู่นั่นเอง

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

 

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณเวฟ ‘บ้านเลือกคน’ l อังคารคลุมโปง X แจ็ค - สาวแอน The Ghost Radio [ 21 ต.ค.2568 ]

04 พ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเวฟ ‘บ้านเลือกคน’ l อังคารคลุมโปง X แจ็ค - สาวแอน The Ghost Radio [ 21 ต.ค.2568 ]

‘คุณเวฟ’ กำลังมองหาบ้านหลังใหม่เพื่อที่จะเปิดเป็นบ้านพักผู้สูงอายุ จนได้มาเจอกับบ้านร้างอายุราว 40 ปี เมื่อไปดูสถานที่ก็ถูกใจ คุยกับเจ้าของบ้านก็ถูกคอ จึงคิดที่จะซื้อบ้านหลังนี้ แต่เมื่อไปสืบประวัติบ้านกลับพบว่าที่นี่เคยเป็นโบสถ์และสถานพยาบาลยุติการตั้งครรภ์มาก่อน นอกจากนี้ชาวบ้านยังเล่ากันปากต่อปากว่าที่นี่ผีดุมาก! คุณเวฟจะติดสินใจซื้อบ้านหลังนี้หรือไม่? เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อนั้น ติดตามได้ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 ตุลาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน – ดีเจเจ็ม - ดีเจมดดำ’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘บ้านเลือกคน’ เรื่องนี้มาจาก ‘คุณเวฟ’ ซึ่งมีอาชีพเป็นบุคลากรทางการแพทย์ โดยเปิดบ้านพักผู้สูงอายุและคลินิกพยาบาลอยู่แห่งหนึ่ง แต่ต้องการหาสถานที่เพื่อเปิดเพิ่มอีก ขณะนั้นก็หาพื้นที่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ขับรถไปเจอบ้านหลังหนึ่ง หลังนี้เป็นบ้านร้างราว 40 ปี ตั้งแต่สร้างมาไม่เคยมีใครอาศัยอยู่ แต่ก่อนหน้านี้ได้มีคริสตจักรได้มาทำการเปิดเป็นโบสถ์เป็นเวลา 10 ปี ก่อนที่จะย้ายออกไป เวฟรู้สึกถูกชะตาและชอบบ้านหลังนี้มาก อยากที่จะเข้ามาเปิดเป็นบ้านพักและคลินิก เวฟเริ่มออกตามหาเจ้าของบ้าน และได้ไปพบกับเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นหลานสาวของเจ้าของบ้านรุ่นแรก หลังจากที่ได้พูดคุยกัน กลับพบว่าเป็นคนที่รู้จักกัน เจ้าของจึงตัดสินใจขายบ้านในราคาที่ถูกมาก เวฟครุ่นคิดว่าจะตัดสินใจซื้อหรือไม่ แต่ก็เริ่มเกิดคำถามในใจว่า ‘ก่อนหน้า 40 กว่าปีมานี้ ทำไมบ้านหลังนี้ถึงไม่มีคนอาศัยอยู่เลย’ เวฟจึงได้เริ่มสืบประวัติของบ้านหลังนี้ จากนั้นก็ได้ทราบว่าบ้านหลังนี้ในอดีตเมื่อ 40 ที่แล้ว ได้เป็นคลินิกพยาบาลมาก่อน ในอดีตสถานที่แห่งนี้ เคยเป็นสถานพยาบาลยุติการตั้งครรภ์มาก่อน ชาวบ้านบริเวณโดยรอบก็มาเล่ากันปากต่อปากว่า ‘ที่นี่ ผีดุ ไม่มีใครสามารถอยู่ได้’ แต่ด้วยความที่เวฟชอบบ้านหลังนี้มาก ทั้งบรรยากาศ สถานที่ เวฟจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะซื้อบ้านหลังนี้ หลังจากได้ไปดูบ้านและคุยปรึกษากับครอบครัว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากให้ซื้อ เวฟจึงต้องยุติการซื้อบ้านหลังนี้ แต่ไม่นาน เวฟก็เริ่มมีอาการป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ มีไข้ หนาวสั่น กินอะไรก็ไม่ลง เมื่อไปตรวจกลับไม่พบถึงสาเหตุของอาการ จึงตัดสินใจเริ่มหันมาสวดมนต์ให้กับวิญญาณที่บ้านหลังนั้น เวลาผ่านไป เวฟเริ่มได้ยินเสียงแว่วลอยมาคล้ายเสียงเด็ก และเสียงเหมือนคนคุยกันอยู่ตลอดเวลา พอตกดึกก็มักจะฝันถึงบ้านหลังนั้นบ่อย ๆ โดยฝันว่าเจ้าของบ้านรุ่นแรกได้มาบอกให้เวฟเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น ให้เป็นทายาทสืบต่อในรุ่นถัดไป จนกระทั่งตอนนี้ เวฟก็ยังคงมีอาการป่วยอยู่เรื่อยมา และก็ยังตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ไม่ได้เสียที..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากพี่เเจ็ค ‘4 คืนหลอนนอนโรงเเรม’ I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 25 มิ.ย. 2567]

04 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจากพี่เเจ็ค ‘4 คืนหลอนนอนโรงเเรม’ I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 25 มิ.ย. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘พี่แจ็ค เดอะโกสต์’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (25 มิถุนายน 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘4 คืนหลอนนอนโรงแรม’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! พี่แจ็คเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณไบก้อน’ เกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย โดยคุณไบก้อนต้องไปทำงานที่อินโดนีเซีย ทางบริษัทจึงเตรียมที่พักให้ นอกจากนี้ก็ยังมีทีมงานจากหลายประเทศมาพักที่โรงแรมนี้ด้วยเช่นกัน การเดินทางไปครั้งนี้ รวมเวลากว่า 4 วัน วันแรก คุณไบก้อนเข้าเช็คอินที่โรงแรมประมาณ 2 ทุ่ม โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ดี ห้องใหญ่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความเก่า ปกติแล้วหากเป็นโรงแรมที่อยู่มานาน เราจะสังเกตุได้ว่าพื้นจะถูกปูด้วยพรม และผนังจะอัดไม้ ตกแต่งด้วยไม้ ส่วนในห้องนอนเมื่อเปิดประตูเข้าไปจะมีตู้ขนาดใหญ่ที่เข้าไปได้ 3-4 คน และมีหน้าต่างใหญ่มองวิวได้ทั่วถึง คุณไบก้อนบอกว่า จากประตูผ่านห้องน้ำ ผ่านตู้ และไปถึงเตียง มีระยะทางค่อนข้างไกลเล็กน้อย เพราะห้องใหญ่มาก ในคืนแรก เมื่อมาถึงห้อง คุณไบก้อนก็อาบน้ำและรีบเข้านอนเพราะต้องตื่นไปทำงานตอนเช้า ปรากฏว่าตอนที่หลับได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดิน ‘แตะ แตะ’ และเสียง ‘ฟึ้บ ฟึ้บ’ คุณไบก้อนที่กำลังงัวเงียก็คิดว่า ‘คงเป็นหมาที่เลี้ยงไว้ที่บ้านมันเดินแหล่ะ’ แต่สักพัก ก็ได้ยินเสียงแบบเดิม แต่พอครั้งที่ 2 นี้ เขาฉุกคิดว่า “เห้ย กูไม่ได้อยู่บ้านนี่ กูนอนโรงแรม“ คุณไบก้อนจึงพยายามนอนฟังเสียง แต่ไม่ได้เปิดไฟ และไม่ได้ลืมตา เปิดแค่ไฟห้องน้ำ ปรากฎว่าเสียงเคลื่อนที่เดินจากขวาไปซ้าย และเดินไปเดินมาผ่านเตียง ผ่านห้องน้ำ แล้วก็หายไป! จนถึงรอบที่ 4 คุณไบก้อนก็คิดในใจว่า ‘ถ้ารอบนี้มาอีกจะลืมตาดูว่ามันคือเสียงอะไร’ ปรากฎว่าสมความปรารถนา มีเสียงเดินมาอีกรอบ คุณไบก้อนจึงลืมตาขึ้นมานิดนึง แล้วก็เห็นเป็นขาคน เป็นขาที่มีแต่ขามาถึงแค่เอว ใส่กางเกงพละ เดินมาแล้วก็หยุด คุณไบก้อนพยายามเพ่งมอง แต่พอเพ่งมอง เหมือนเจ้าขานั้นมันจะรู้ว่าคุณไบก้อนมอง ก็เลยวิ่งจากปลายเตียงทะลุเข้ากำแพงไปดังฟึ้บ! มาโผล่อีกฝั่งหนึ่ง วิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำ แล้วก็วิ่งวนในห้องน้ำ วิ่งออกมาจากห้องน้ำแล้ววิ่งผ่านเตียงทะลุกำแพงแล้วหายไป! ตอนนั้นคุณไบก้อนได้แต่งง ว่าตนหลับ ฝัน หรือตื่น มันเกิดอะไรขึ้น เพราะปกติคุณไบก้อนเป็นคน ไม่กลัวเรื่องพวกนี้ จึงหลับไปจนถึงเช้า จากนั้นก็มาเล่าให้คนที่ทำงานด้วยกัน แต่คนอื่นก็ไม่ได้เจอ แล้วก็แยกย้ายไปทำงาน จนถึงตอนเย็น ในคืนที่ 2 คุณไบก้อนไม่ได้คิดถึงสิ่งที่เจอเมื่อคืน จึงอาบน้ำนอนตามปกติ จากนั้นก็เผลอหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะอยากเข้าห้องน้ำ หลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้ว ออกมาก็พบว่าม่านไม่ได้ปิด ทำให้มีแสงผ่านเข้ามาในห้อง จึงคิดจะไปปิดจะได้หลับสบาย จากนั้นก็เดินไปหาตัวชักม่านฝั่งซ้ายแล้วก็ปิดม่าน แล้วก็เดินไปฝั่งขวา แต่กลับไม่เจอตัวชักม่าน เจอแผงสีดำแทน คุณไบก้อนจึงเอาผ้าม่านฝั่งขวาออก แล้วก็ต้องตกใจ เพราะแผงสีดำนั้น คือผมคนที่ห้อยยาวมาจากด้านบนเพดานข้างบน! คุณไบก้อนรู้สึกตกใจอย่างแรง แต่ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก! ระหว่างนั้น ก็เห็นผมที่ย้อยลงมาค่อย ๆ ถูกดึงม้วนกลับขึ้นไปแล้วก็หายไปบนเพดานต่อหน้าต่อตา! คุณไบก้อนกลั้นใจปิดผ้าม่านแล้วกลับมานั่งที่เตียง คิดในใจว่า ‘ตกลงมันคืออะไร เจออะไรไม่รู้’ สักพักก็ข่มตานอนแล้วก็ตื่นขึ้นมาเล่าเรื่องนี้ให้กับเพื่อนร่วมงานฟัง แต่เพื่อนก็หัวเราะ แล้วก็พูดว่า “ยูอย่าคิดมาก เดี๋ยวถ้าคืนนี้เจออีก ก็มาเล่าให้ฟังอีก อยากรู้ว่าจะเจออะไร” แล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน คืนที่ 3 คุณไบก้อนบอกว่าวันนั้นทำงานเหนื่อยมาก จึงไปอาบน้ำ แล้วหลับไปเลย แต่คืนนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เป็นห้องที่เงียบมาก และไม่เจออะไรเลย พอตื่นเช้ามาก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่า “เห็นมั้ย ยูน่ะคิดมาก มันไม่มีอะไรหรอก“ จากนั้นก็แยกย้ายไปทำงาน คืนที่ 4 คืนสุดท้าย คุณไบก้อนบอกว่า ”คืนนี้ทำให้ผมจำไม่ลืม มันคือไฮไลต์ของเรื่องนี้” หลังจากทำงานเสร็จคุณไบก้อนก็กลับมาที่ห้อง กำหนดการขึ้นเครื่อง 7 โมงเช้า เขาจึงตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 3 พอถึงเวลา 3-4 ทุ่มก็เตรียมตัวเข้านอน แต่คุณไบก้อนบอกว่ารอบนี้น่าจะความฝัน.. ในฝันนั้น คุณไบก้อนนอนอยู่บนเตียง แล้วลุกมาจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ แต่ระหว่างที่จะไปเข้าก็มองเห็นหน้าต่างกระจก รู้สึกว่าวิวกลางคืนสวยมาก จึงไปยืนดูมองวิวเก็บบรรยากาศคืนสุดท้ายเอาไว้ ด้วยความที่ในห้องเปิดไฟไว้บางจุด เช่นไฟห้องน้ำ ไฟหน้าห้องน้ำ จึงทำให้เวลาที่เรามองออกนอกหน้าต่าง จะเห็นเงาสะท้อนตัวเรา และด้านหลัง ระหว่างที่เขายืนมองอยู่ ปรากฎว่า มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องโฟกัส เพราะขณะที่เขามองวิว แล้วมองเห็นตู้เสื้อผ้า เขาจำได้ว่าเขาปิดตู้เสื้อผ้าไว้ตลอด แต่ตอนนั้นมันแง้มออกมา และมีขาซ้ายค่อย ๆ ยื่นออกมาจากตู้ ซึ่งคุณไบก้อนจำได้ว่ามันเป็นขาเดียวกันกับที่เจอในคืนแรกเพราะใส่กางเกงพละโผล่ออกมา แล้วครั้งนี้มันมีมือโผล่มาจับที่ขอบตู้ด้วย! คุณไบก้อนคิดในใจว่า ‘มันมีขา มีมือมา ครั้งนี้ มันต้องมีหัวมาด้วย’ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะสิ่งนั้นค่อย ๆ โผล่หัวออกมา เป็นผู้หญิงที่มองไม่เห็นหน้า แต่คุณไบก้อนจำได้ว่าผมที่อยู่บนหัวเป็นอันเดียวกันกับที่เจอในคืนที่ 2 เพราะมันยาวมาจนถึงพื้น ระหว่างที่เขากำลังสงสัยอยู่ หน้าของผู้หญิงก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากตู้ แล้วหน้าผู้หญิงก็ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่พอสังเกตดี ๆ แล้ว หน้าของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใหญ่ขึ้น แต่หน้าของผู้หญิงคนนี้ค่อย ๆ เข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ ใกล้มากจนหายใจรดต้นคอคุณไบก้อน! สิ่งนี้ไม่ได้ทำอะไรคุณไบก้อน แต่แค่จ้องออกไปทางหน้าต่างเหมือนกำลังสงสัยว่าคุณไบก้อนมองอะไร แล้วอยู่ ๆ มันก็หยุด ฟึ้บ เหมือนกำลังรู้ตัวว่าคุณไบก้อนเห็นแล้ว คุณไบก้อนจึงกลั้นใจ “เอาวะ ตายเป็นตาย อย่างน้อยก็มีเรื่องเล่า” แล้วก็หันไปหามัน ในจังหวะนั้นมันก็หันหน้ามาหาคุณไบก้อน จ้องหน้ากัน แล้วมันก็รีบหดคอเข้าไปในตู้ แล้วก็ปิดตู้ดัง ปึ้ง! คุณไบก้อนยืนช็อคทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกทีคือตอนตื่น แล้วก็ออกมาเช็คเอาท์ ตอนนั้นก็ตั้งใจว่าจะถามพนักงาน พอกำลังจะเอ่ยปากถาม รถที่เรียกไว้ก็มาพอดี จึงต้องรีบไปสนามบิน ทำให้ไม่รู้ว่าที่โรงแรมแห่งนั้นมีอะไรกันแน่..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

วัยรุ่นม.3 รวมตัวกันไปเที่ยวทะเล ได้ที่พักทาวน์เฮ้าส์ติดกันสองหลัง เจอเหตุการณ์แปลก ๆ ชวนเสียว ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงเดิน จนผวานอนไม่ได้!

08 ธ.ค. 2023

วัยรุ่นม.3 รวมตัวกันไปเที่ยวทะเล ได้ที่พักทาวน์เฮ้าส์ติดกันสองหลัง เจอเหตุการณ์แปลก ๆ ชวนเสียว ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงเดิน จนผวานอนไม่ได้!

ไปเที่ยวประจำปีกับเพื่อน ๆ ตามปกติ แต่กลับเจอดีจากสถานที่ที่ไปพัก เรื่องนี้ ‘พี่แจ๊ค’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 ธันวาคม 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ม.3 เทอม1’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! พี่แจ็ค The Ghost Radio บอกว่า ‘คุณเอิร์ท’ นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง โดยต้องเล่าย้อนกลับไปสมัย Hi5 คุณเอิร์ทกับกลุ่มเพื่อนมักจะมีการนัดไปเที่ยวประจำปี กลุ่มนี้สนิทกันมาตั้งแต่ ม.1 เทอมหนึ่ง จนขึ้น ม.2 เทอมหนึ่ง ก็มีการรวมตัวนัดคุย และเก็บเงินรายอาทิตย์ไว้ไปเที่ยวกัน เมื่อเก็บเงินครบจึงไปเที่ยวทะเลด้วยกัน พอมารอบนี้ ม.2 เทอมสอง ก็ไปเที่ยวกันอีก แต่รอบนี้ไปเที่ยวป่าเที่ยวเขา พอขึ้น ม.3 เทอมหนึ่ง ทุกคนก็รวมตัวกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปเที่ยวทะเล เพราะว่าอยากกลับไปที่พักเดิมที่เคยไปในรอบแรก จึงรวมตัวกันได้ 14 คน เหมารถตู้กันไป และสมัยนั้นยังต้องโทรไปจองโรงแรม เพราะยังไม่แอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกสบาย เมื่อไปถึงที่พักในจังหวัดเพชรบุรี ปรากฎว่าเข้าพักไม่ได้ เพราะแขกที่พักก่อนหน้านั้นขออยู่ต่ออีกหนึ่งคืน คุณเอิร์ทกับเพื่อนก็รู้สึกเคว้งจึงไปนั่งปรึกษากันอยู่ริมทะเล งานนี้นอกจากจะมีวัยรุ่น 14 คนแล้ว ยังมีคุณ ‘แม่ของคุณเอิร์ท’ ไปด้วย ระหว่างที่นั่งปรึกษากันอยู่นั้น ก็มีวินมอเตอไซค์ขับผ่านมา แล้วถามว่า “นั่งทำอะไรกัน ได้ที่พักกันหรือยังหนุ่ม ๆ ?” เด็ก ๆ จึงบอกไปว่าต้องการที่พัก และโจทย์คือต้องอยู่ด้วยกันทั้ง 14 คน ทางวินมอเตอไซค์จึงขับรถนำรถตู้พาไปดูโรงแรม พอไปถึงที่แรกเป็นบ้านสองหลังติดกัน นอนได้ 14 คน แต่ไม่มีแอร์จึงขอผ่านไปก่อน อีกที่ เป็นบ้านสองหลังเหมือนกันแต่ไม่ตอบโจทย์ เพราะมีหลังอื่นขั้นตรงกลาง กระทั่งมาที่สุดท้าย เป็นบ้านสองหลังติดกัน มีแอร์ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นทาวน์เฮ้าส์สองหลัง สองชั้น รวมสองหลังมีประมาณ 4 ห้องนอน รวมห้องโถงอีก ทุกคนโอเค ทางคุณแม่ของคุณเอิร์ทจึงไปติดต่อกับเจ้าของที่พักให้ บ้านทั้งสองหลังจะแบ่งเป็นสายเล่นเกมอยู่หลังที่หนึ่ง ส่วนหลังที่สองมีแม่ของคุณเอิร์ทอยู่ด้วย แล้วก็มีคุณเอิร์ท รวมถึงเพื่อน ๆ อีกประมาณนึง ระหว่างที่ขนของเข้าบ้านหลังแรกอยู่ คุณเอิร์ทก็หันมามองบ้านหลังที่สอง เห็นเพื่อนคนหนึ่งกำลังไขประตูแต่ไขไม่ออก คุณเอิร์ทจึงไปช่วยเพื่อน และนำกุญแจไปไขแทน สรุปก็คือไขไม่ออกจริง ๆ เหมือนติดอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน คุณเอิร์ททั้งทุบกลอน ทั้งไข ทั้งเขย่าประตู ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นอารมณ์ร้อนเลยพูดกับประตูไปว่า “ถ้ามึงไม่เปิด ถ้าเปิดไม่ออก กูจะพังแล้วนะ” สิ้นเสียงคุณเอิร์ท ก็มีเสียงลูกบิดกลอนประตูดังก๊อก! แล้วประตูก็เปิดดังเอี๊ยดดดด! ณ ตอนนั้นคุณเอิร์ทกับเพื่อนยืนมองหน้ากัน แต่ก็คิดว่ามันคงเป็นจังหวะที่ทุบแล้วมันหลุดมาพอดี ในระหว่างที่ขนของเข้าบ้านหลังแรกคุณเอิร์ทรู้สึกว่าร้อน แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะยังไม่ได้เปิดแอร์ แต่พอเป็นบ้านหลังที่สอง เขากลับรู้สึกเย็นเหมือนเปิดแอร์ทิ้งไว้ ขออธิบายภายในบ้านเพิ่มเติมว่า จากประตูที่คุณเอิร์ทยืนอยู่ มองไปข้างหลังจะเป็นเหมือนกับประตูที่ออกไปข้างนอก เป็นลานซักล้างและข้างประตูมีบานเกร็ด คุณเอิร์ทบอกว่าจังหวะที่ประตูเปิดเข้าไป คุณเอิร์ทมองไปที่บานเกร็ดเห็นเป็นเหมือนผ้าขาว ๆ พลิ้ว ๆ เหมือนคนตากผ้าไว้ จึงคิดว่าแขกคนเก่าอาจจะลืม คุณเอิร์ทจึงเดินไปเปิดประตูหลังบ้าน พอเปิดประตูเสร็จ สิ่งที่คุณเอิร์ทเห็นเป็นผ้าสีขาวกลับไม่มี! คุณเอิร์ทคิดว่าตัวเองตาฝาด จึงยืนนิ่ง ๆ อยู่สักพักนึง แล้วก็สะดุ้งเพราะเพื่อนทั้งหมดวิ่งกรูขึ้นไปข้างบนเสียงดังเฮฮาโวกเวกโวยวาย ความสนุกของเพื่อน ๆ ก็แผ่กลบบรรยากาศอันน่าสยองนี้ไป.. นอกจากบ้านที่คุณเอิร์ทมาพักแล้ว ฝั่งตรงข้ามก็มีอีกหลัง ซึ่งเป็นของพี่ ๆ น้อง ๆ ชาว LGBTQ พอพวกเขาเห็นกลุ่มคุณเอิร์ธที่เป็นวัยรุ่น จึงแซวข้ามไปข้ามมา สนุกสนานกันไป มีบางเวลาที่บ้านหลังแรกเล่นเกมกันไม่ออกไปไหน ส่วนหลังที่สอง คุณเอิร์ทกับกลุ่มเพื่อนก็ไปเล่นน้ำ ในระหว่างทางเดินไปเล่นน้ำ จะมีเพื่อนคนหนึ่งของคุณเอิร์ทค่อนข้างหน้าตาดี จึงโดนพี่ ๆ ชาว LGBTQ แซวว่ามีแฟนหรือยังตามประสาทั่วไป ในจังหวะที่คุณเอิร์ทกับเพื่อนเล่นน้ำนั้น ตัดภาพมาที่บ้านหลังแรก มีเพื่อนของคุณเอิร์ทคนหนึ่งนอนอยู่ข้างบน ขณะที่คนอื่นกำลังเล่นเกมกันอยู่ เพื่อนที่นอนอยู่ก็ฝันเห็นเป็นผู้หญิงใส่ชุดเดรสสีขาว ถักผมเปียคาดหน้าผาก มายืนมองเพื่อนคนนี้อยู่ที่ปลายเตียง แล้วเขาก็สะดุ้งตื่น จากนั้นก็นำเรื่องนี้มาเล่าให้กับเพื่อน ๆ ที่เล่นเกมอยู่ฟัง เพื่อน ๆ ก็บอกว่าสงสัยเห็นสาวที่ร้านสะดวกซื้อแล้วคิดมาก แล้วเรื่องนี้ก็ผ่านไป ตัดภาพที่ฝั่งของคุณเอิร์ท หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จ เพื่อนคนหนึ่งชื่อ ‘คุณปาร์ค’ ก็เดินไปบ้านหลังที่สอง ซึ่งบ้านหลังนี้ก็มีเพื่อนบางส่วน และมีคุณแม่ของคุณเอิร์ทอยู่ คุณปาร์คไปเคาะประตูบ้านเพื่อที่จะอาบน้ำ ปรากฏว่ายืนเคาะอยู่ครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีใครมาเปิด จนกระทั่งเพื่อนออกมาเปิดประตู เพื่อนก็งงว่า “ทำไมไม่เคาะประตูทำไมถึงไม่เรียก มายืนค้างหน้าประตูทำไม” คุณปาร์คจึงตอบไปว่า “เรียกตั้งนานแล้ว ทั้งเคาะ ทั้งตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน” จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำตามปกติ ขณะที่คุณปาร์คกำลังอาบน้ำ เขาสังเกตเห็นว่าตรงท่อระบายน้ำมีเส้นผมของผู้หญิง เขาคิดว่ามันเป็นของแขกคนก่อน พออาบน้ำเสร็จก็มานอนที่เตียง แล้วก็เคลิ้มหลับ คุณปาร์คก็ฝันเห็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดเดรสสีขาว ทรงผมถักเปียคาดหน้าผาก ยืนอยู่ที่ปลายเตียง แล้วค่อย ๆ เดินมาหาคุณปาร์ค ค่อย ๆ คุกเข่าคลานขึ้นมาบนเตียง แล้วก็เอามือมาจับที่แขนของคุณปาร์ค แต่ว่าจังหวะที่มือจับ คุณปาร์คสะดุ้งตื่น เพราะเพื่อนมาสะกิดพอดี คุณปาร์คไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ได้แต่เก็บไว้ในใจ ตัดภาพมาที่ข้างล่าง ขณะนี้เป็นเวลาช่วงเย็น ตัวคุณแม่นั่งอยู่ข้างล่าง ส่วนคุณเอิร์ทไปปั่นจักรยานกับเพื่อน คุณแม่จึงโทรสั่งอาหารที่ดีลไว้กับที่พักให้มาส่ง เมื่ออาหารมาส่ง คุณแม่ก็บอกว่าเข้ามาได้เลย แต่คนส่งอาหารก็ยืนอ้ำอึ้งอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้ามา จนกระทั่งคุณแม่ต้องให้เพื่อนคนนึงเดินเอาเงินไปให้และไปเอาอาหารเข้ามา หลังจากนั้นแต่ละบ้านก็แยกกันกินข้าว พอกินข้าวเสร็จ กลุ่มเพื่อน ๆ ก็ขึ้นไปข้างบน มีเพื่อนคนหนึ่งจะหาครีมทาตัว ก็ช่วยกันหาครีม ปรากฏว่าหลอดครีมทาตัวที่เขาวางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมันไปอยู่ใต้เตียง ก็คิดว่าใครมาแกล้ง หรือผีหลอก จากนั้นก็เล่นปิดไฟหลอกผีกันไปมา โครมครามกันอยู่ข้างบน คุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงเด็ก ๆ พอเด็ก ๆ เล่นกันเสร็จก็ลงมานั่งดูทีวีกันข้างล่าง ปรากฏว่าตอนที่เด็ก ๆ ทั้งหมดลงมา คุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงบนห้องเป็นเสียงกรี๊ด! เสียงปิดประตูปั๊งงงงง! เสียงเดิน เสียงย่ำเท้า คุณแม่จึงถามเด็ก ๆ ว่า “ได้ยินมั้ย?” เด็ก ๆ ตอบว่า “ไม่ได้ยิน” ต้องบอกก่อนว่าคุณแม่ของคุณเอิร์ทเป็นคนมีจิตสัมผัส คุณแม่จึงบอกว่า “มาลองจับตัวแม่” พอทุกคนจับตัวแม่เสร็จปุ๊ป พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ยิน” ตอนแรกเป็นเสียงเหมือนอยู่ไกล ๆ แต่พอไปๆ มา ๆ ก็แน่ใจว่าเสียงอยู่ชั้นสองของบ้าน พอเป็นเสียงกรี๊ด ก็กรี๊ดดังมาก ทุกคนจึงมานั่งกระจุกตัวอยู่กับคุณแม่ จังหวะนั้นคุณเอิร์ทก็เปิดประตูเข้ามาบ้านพอดี พอเห็นเพื่อนตัวเองนั่งเกาะแม่อยู่ คุณแม่ก็บอกว่าให้เงียบ ๆ แล้วถามว่า “เอิร์ทได้ยินมั้ย?” ด้วยความที่คุณเอิร์ทก็มีจิตสัมผัสเหมือนกัน จึงตอบว่า “ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง แต่ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงมาจากทีวี” พอหันไปมองที่ทีวีแต่ทีวีก็ปิดอยู่ คุณเอิร์ทจึงตั้งใจฟัง ปรากฏว่าได้ยินเป็นเสียงกรี๊ดข้างบน จากนั้นก็ปิดประตูแล้วก็วิ่ง คุณแม่จึงหันขึ้นไปข้างบนแล้วบอกว่า “ถ้ามึงไม่หยุด กูจะแช่ง” พอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูปั๊งงง! แล้วก็เสียงกรี๊ด แล้วก็เสียงวิ่งดัง ๆ ตอนนั้นทุกคนกลัวมาก คุณแม่จึงบอกว่า “ให้ไปตามเพื่อนหลังแรกมาช่วยขนของที่นี่ แล้วเราไปอยู่หลังแรกกันก่อน” แต่ก็ไม่มีใครกล้าไป คุณเอิร์ทกับคุณปาร์คจึงอาสา พอเปิดประตูออกมาจากบ้านก็เดินผ่านหน้าบ้านชาว LGBTQ ซึ่งตอนนั้นพวกเขากำลังล้างรถกันอยู่ จึงแซวว่า “แหมม..มีแฟนแล้วก็ไม่บอก พาแฟนมาด้วยสวยเชียวนะ” ทั้งคู่ก็ตกใจเพราะไม่ได้มีผู้หญิงคนไหนมาด้วย จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปบ้านหลังแรก บ้านหลังแรกที่นั่งเล่นเกมกันอยู่ก็ตกใจ จึงแซวว่า “โดนผีหลอกมาเหรอ” แล้วก็ขำกัน ส่วนตัวของคุณปาร์คก็วิ่งขึ้นไปนอนคลุมโปงอยู่ข้างบน คุณเอิร์ทจึงตอบเพื่อนไปว่า “ใช่ กูโดนผีหลอก” แล้วก็เล่ารายละเอียดให้เพื่อนฟัง พร้อมบอกให้เพื่อน ๆ ไปช่วยกันเก็บของที่บ้านหลังที่สอง เมื่อไปถึงบ้านหลังที่สอง ก็รีบเก็บของจากข้างล่างขึ้นไปเก็บข้างบน ซึ่งข้างบนจะมีอยู่สองห้อง ห้องซ้ายกับห้องขวา ห้องหนึ่งเปิดประตูเก็บของเรียบร้อย ในตอนนั้นคุณเอิร์ทยืนอยู่ระหว่างทางห้องหนึ่งกับห้องสอง เขาก็ถามเพื่อนว่า “ของเก็บหมดยัง” เพื่อน ๆ จึงตอบไปว่า “เก็บหมดแล้วมั้ง” คุณเอิร์ทจึงหันไปมองห้องสอง แล้วพูดว่า “แล้วห้องนี้เก็บหรือยัง” พอพูดจบ ประตูก็ปิดเข้าหาหน้าดังปั๊งง! ใส่หน้าคุณเอิร์ท ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่บนนั้นก็รีบวิ่งลงมาข้างล่าง วิ่งไปขึ้นรถตู้ แต่คุณแม่ไม่อยู่ ทุกคนจึงรอคุณแม่มา เพราะคุณแม่ไปถามเจ้าของบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอคุณแม่กลับมา ก็ขึ้นรถตู้เรียบร้อย รถก็ขับออกมา ทางด้านบ้านฝั่ง LGBTQ ก็ยังคงแซวอยู่ว่า “กลับแล้วหรอ” แต่ในระหว่างที่รถออกมา คุณเอิร์ทมองไปที่พี่ ๆ กลุ่มนั้น ก็เห็นว่าเขามองรถและมองบ้านสลับกันไปมา แล้ววิ่งหนีเข้าไปในบ้านตัวเอง เหมือนมองประมาณว่า ‘มึงลืมใครไว้ที่บ้านหลังนี้หรือเปล่า’ พอรถตู้ออกมาได้สักพัก ภายในรถก็นั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณแม่บอกว่า “เจ้าของบ้านแทนที่จะตอบ กลับไม่ตอบแล้วทำท่าอึกอัก แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวจะลดราคาให้” จนกระทั่งคุณแม่พูดถึงความผิดปกติของบ้าน คือบ้านสองหลังเหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นตรงบันได บันไดบ้านหลังแรกเป็นบันไดไม้เวลาเดินขึ้นลงจะเห็นเท้าปกติ แต่บ้านหลังที่สองมีปูนถูกก่อขึ้นมาปิดใต้บันไดเอาไว้ จึงถามว่า “ตรงใต้บันไดมีอะไรหรือเปล่า เพราะมันไม่หมือนหลังหนึ่ง” ปรากฏว่าเจ้าของบ้านเล่าว่า “สมัยก่อน มีผู้หญิงผู้ชายเคยมาเช่าอยู่ แต่ทะเลาะกันยังไงก็ไม่รู้ผู้ชายลงมือฆ่าผู้หญิง เอาศพไปไว้ใต้บันได พยายามให้แม่บ้านมาทำความสะอาดแล้ว แต่มันทำความสะอาดไม่ได้ คราบเลือดคราบน้ำหนองมันไม่หาย จึงโบกปูนขึ้นมาปิดเพื่อที่จะไม่ให้มีใครเห็น ก็คิดว่ามันคงจะไม่มีอะไร” หลังจากนั้นระหว่างที่รถแวะจอดกินข้าว เพื่อนของคุณเอิร์ทได้นำไปเล่าให้กับป้า ๆ ที่ทำอาหารฟัง ป้าจึงบอกว่า “ยังไปพักกันอยู่อีกเหรอ ที่นี่ไม่มีใครไปพักนานแล้วนะ” หลังจากนั้นก็ได้แวะวัด ปรากฏว่ามีพระทักว่า “โยมไปเจออะไรกันมา หนักนะเนี่ย” พระท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ คุณเอิร์ทจึงติดใจมาตลอดว่าทำไม่ถึงถูกพระทักแบบนี้ และไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนนั้นมีคนรู้จักแนะนำให้ไปหาคนทรง คนทรงบอกว่า “เหมือนกับคนนี้ดวงซวยที่ไปเจอไปเห็นอะไร” เขาบอกว่ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ชื่อ ‘คุณเย็น’ ตอนที่จะเข้าไปเก็บของจากบ้านที่สองไปบ้านแรก คุณเย็นเปิดประตูเข้าไปแล้วยืนนิ่ง ๆ น้ำตาไหลร้องไห้ คุณเย็นบอกว่าพอเปิดประตูเข้าไป มองผ่านประตูข้างหลังที่มันทะลุไปพื้นที่ซักล้าง ก็เห็นเป็นผู้หญิงคนนั้น ยืนมองเขาผ่านหน้าช่องบานเกร็ด เขาบอกสิ่งที่เขาจำได้ว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่มาเข้าฝัน ซึ่งไม่รู้ว่ามายืนตรงนี้ได้ยังไง เขาก็จึงยืนช็อคอยู่แบบนั้น คนทรงบอกว่า “ที่ไปเจอมาแบบนี้เพราะว่าจิตเราเปิด พอจิตเราเปิดเราจะมองเห็นอะไรอย่างอื่นด้วย” เพื่อนจึงตอบว่า “ใช่” เพราะหลังจากกลับจากไปเที่ยววันนั้น เขาฝันทุกวัน เห็นเป็นผู้ชายจะมาเอาชีวิต ซึ่งผู้ชายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ พอมาคุยกับคนที่เป็นคนทรงจึงได้รู้ว่าคนนี้คือ เจ้ากรรมนายเวรที่จะมาเอาชีวิตหลังจากที่จิตเปิด สิ่งเดียวที่ทำได้คือไปบวช เพื่อนคนนี้จึงไปบวชเณร หลังจากที่บวชเสร็จก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงที่เจอที่ที่พักนั้นยังอยู่หรือเปล่า..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเเป้ง 'หมู่บ้านที่ห่างไกล' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 19 พ.ย. 2567 ]

22 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเเป้ง 'หมู่บ้านที่ห่างไกล' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 19 พ.ย. 2567 ]

‘คุณแป้ง’ สายจากทางบ้านได้นำเรื่อง ‘หมู่บ้านที่ห่างไกล’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 พฤศจิกายน 2567) ฟังกัน ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ รู้สึกถึงความน่าสงสาร ความน่ากลัว และความน่าสงสัย ส่วนเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรนั้น สามารถตามไปอ่านกันได้เลย! ‘คุณแป้ง’ ได้เล่าว่าเป็นเรื่องราวของเซลล์ที่รู้จักชื่อ ‘พี่วิทย์’ เขาเป็นเซลล์ที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อย แต่ละครั้งก็ใช้เวลาหลายวัน ครั้งนี้ใช้เวลา 1 เดือน ซึ่งมันนานกว่าปกติ พี่วิทย์จึงเป็นห่วงภรรยาอย่าง ‘พี่อุ้ม’ และได้ชักชวนให้ไปด้วย ทั้งคู่ออกเดินทางตั้งแต่เช้าไปยังบ้านเช่าที่ได้ทำสัญญากันไว้ บ้านเช่าหลังนี้เป็นบ้านปูนธรรมดาชั้นเดียว ในช่วงเวลากลางคืน บ้านหลังนี้จะเย็นมากเพราะรอบ ๆ เป็นป่าและภูเขาทั้งหมด และมีสัญญาณอ่อน ๆ ไว้ให้แค่พอโทรหากันได้ พอเช้าวันถัดมา พี่วิทย์ก็ได้ขับรถออกไปหาลูกค้าแต่เช้า ที่บ้านจึงเหลือพี่อุ้มอยู่แค่คนเดียว ในวันแรกที่มาอยู่ก็ปกติดีทุกอย่าง วันที่สอง หลังจากพี่วิทย์ขับรถออกไปสักพักหนึ่ง พี่อุ้มก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนแอบมองอยู่ข้างต้นไม้ เมื่อเด็กเห็นว่าพี่อุ้มมองตนอยู่ก็วิ่งหนีออกไป วันถัดมา พี่อุ้มก็ยังเห็นเด็กชายคนนั้นอีก พอตะโกนเรียก เด็กก็วิ่งหนีไป พี่อุ้มรอจนตอนเย็นพี่วิทย์กลับมาจึงถามว่า “ตอนจะออกไปข้างนอกเห็นเด็กผู้ชายแถวนี้บ้างไหม” พี่วิทย์ตอบกลับมาว่า “ไม่เห็นเลยนะ แถวนี้มีเด็กด้วยเหรอ ตั้งแต่อยู่มายังไม่เคยเห็นเด็กนะ” วันต่อมา พี่อุ้มก็ได้ไปยืนรอแถวนั้นด้วยความข้องใจ เมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เจอกับเด็กชายคนนั้นหน้าตามอมแมมยืนก้มหน้าอยู่จึงถามออกไปว่า “มาแอบมองพี่ทำไม หนูเป็นอะไรหรือเปล่า หนูชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน” เด็กคนนั้นตอบเพียงแค่ว่า “ผม ผม ผม ผ...” เป็นเหมือนเสียงที่อยู่ในลำคอ เมื่อเด็กชายเห็นพี่อุ้มเผลอ ก็วิ่งหนีไปอีกไม่ยอมพูดอะไรต่อ ตกดึกคืนนั้นมีลมแรงมาก จากนั้นพายุและฝนก็เริ่มตกลงมา พี่วิทย์กับพี่อุ้มก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตูแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าลมมันอาจจะแรงจนพัดอะไรบางอย่างมากระทบประตูก็เป็นได้ สักพักก็มีเสียงเคาะประตูอีกครั้ง และคราวนี้มีเสียงเด็กพูดขึ้นมาว่า “เปิดประตูให้ผมหน่อย ผมหนาวมากเลยครับ” เมื่อพี่อุ้มได้ยินเสียงก็รู้สึกคุ้นหูเป็นพิเศษ เหมือนว่าเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน ส่วนพี่วิทย์นั้นรู้สึกกังวลว่าอาจจะเป็นอันตราย ไม่นานเด็กคนนั้นก็ร้องไห้ใหญ่โต พี่อุ้มนั้นอยากจะเปิดประตูให้ จึงหันไปพูดกับพี่วิทย์ว่า “ดูสิเด็กร้องไห้ใหญ่เลยนะ พี่จะไม่ช่วยเด็กหน่อยเหรอ” พี่วิทย์ใจอ่อนจึงยอมให้พี่อุ้มเปิดประตู ระหว่างที่พี่อุ้มกำลังจะเดินไปเปิดประตู โทรศัพท์พี่วิทย์ก็ดัง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เป็นสายของผู้ใหญ่บ้านที่โทรมาแจ้งว่าตอนนี้มีพายุแรงมาก ห้ามออกจากบ้าน และย้ำอีกว่าถ้าหากมีใครมาเรียกให้เปิดประตู ห้ามเปิดเด็ดขาด พี่วิทย์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสงสัย แต่ผู้ใหญ่บ้านตอบกลับมาว่า “รอให้เช้าก่อนแล้วผมจะเล่าให้ฟัง” นอกจากนี้ผู้ใหญ่บ้านยังย้ำอีกครั้งว่า “อย่าเปิดประตูเด็ดขาด! ถ้ามีอะไรเร่งด่วนให้โทรหาผม” เมื่อพูดเสร็จก็วางสายไป พี่วิทย์จึงห้ามไม่ให้พี่อุ้มเปิดประตู และเสียงเด็กผู้ชายคนนั้นก็หายไป หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้านอน แต่ก็นอนไม่หลับเพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่... เช้าวันต่อมา ทั้งคู่รีบไปหาผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางพี่อุ้มก็ไม่เห็นเด็กชายที่ปกติจะมายืนแอบมองอยู่ข้างต้นไม้คนนั้นแล้ว พอถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้านก็ได้เล่าว่า “เมื่อก่อนที่ตรงนี้ยังไม่มีไฟฟ้าใช้มากนัก ทำให้คนที่อยู่ท้ายหมู่บ้านลำบาก จนอยู่มาวันหนึ่ง ฝนตกหนักมากทำให้ดินถล่มลงมาพังบ้านผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้น ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทำให้มีความยากลำบากในการแจ้งข่าวชาวบ้าน คนที่อยู่ต้นหมู่บ้านก็รอดชีวิตกันมาได้เพราะได้รับข่าวก่อน แต่ทว่าคนที่อยู่ท้ายหมู่บ้านเขาออกมาไม่ทัน ส่วนบ้านสุดท้าย เป็นบ้านของผู้ชายคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสาวที่ยังเล็กทั้งคู่ คนในหมู่บ้านเชื่อว่าตอนนั้นลูก ๆ ของเขากำลังหลับอยู่ ทำให้ไม่รู้เรื่องว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เวลานั้น ดินได้ถล่มลงมาพังบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าลูกชายของเขายังมีชีวิตอยู่สังเกตจากการที่มีรอยมือและรอยเท้าที่เปื้อนโคลน คาดว่าเด็กคนนั้นคงจะไล่เคาะประตูบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครมาเปิดเพราะทุกคนล็อคประตูบ้านและหนีไปกันหมด และคาดว่าเด็กคนนั้นสิ้นใจไปก่อนเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว” ตั้งแต่นั้นมา พอมีพายุมาทีไร ใครที่เปิดประตูให้ วันถัดมาก็จะถูกพบเป็นศพนอนอยู่บริเวณบ้านของเด็กคนนั้น มีหลายคนเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน คนในหมู่บ้านจึงสั่งห้ามทุกคนว่า ห้ามเปิดประตูในคืนที่มีพายุ พี่วิทย์จึงถามไปว่า “ทำไมไม่ทำพิธีให้เด็กคนนั้นหละครับ” ผู้ใหญ่บ้านตอบทันทีว่า “จะไปทำได้ยังหละคุณ แม้แต่ศพยังหาไม่เจอเลย..” หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็รีบย้ายบ้านออกไปอยู่ในเมืองแทนเพราะรู้สึกไม่สบายใจที่จะอยู่ต่อ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1