อังคารคลุมโปง RECAP

อังคารคลุมโปง RECAP

2 เรื่องหลอนตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต ของ ต้า & สอง PARADOX

01 ก.ย. 2023

‘ต้า-สอง Paradox’ มาเยือนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 สิงหาคม 2566)  พร้อมเรื่องเล่าสุดหลอนจากการได้ไปนอนโรงแรมต่างๆ ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนหัวลุกตามกันเลยกับชื่อเรื่อง เตียงคู่

‘ประสบการณ์หลอนพี่สอง Paradox’

เกิดขึ้นครั้งที่ไปทัวร์คอนเสิร์ต ได้เข้าพัก ณ ที่พักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ลักษณะห้องพักคือมีเตียงเล็ก 2 เตียงตั้งคู่กัน โดยมีรูมเมทคือ ‘พี่บิ๊ก Paradox’ ในวันนั้น พี่บิ๊กตัดสินใจกลับก่อนในตอนเช้ามืด ส่วนพี่สองยังคงนอนพักอยู่ในห้องเพราะจะบินกลับตามไปในช่วงบ่าย

พี่สองเล่าว่า ที่จริงแล้วจะมีกฎ หากห้องพักมี 2 เตียง แล้วเราเหลือคนเดียว เคยมีคนพูดไว้ว่า “ ให้เอาของไปวางบนเตียงที่ว่าง จะได้ไม่ต้องมีอะไรมาอยู่บนเตียง” ตามปกติก็จำได้ว่าต้องทำ แต่ในวันนั้นดันหลับอยู่ พี่บิ๊กกลับไปแล้ว เตียงเลยว่างโดยที่ไม่มีของวางไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอช่วงเวลารุ่งสาง เริ่มรู้สึกตัว ฟ้าเริ่มสลัวๆ  ก็ลุกขึ้นหยิบของ เข้าห้องน้ำปกติ คิดไว้ว่าเดี๋ยวจะนอนต่ออีกหน่อย แต่จังหวะที่จะหยิบของจากตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ภาพมาเลยในกระจก สิ่งที่เห็นคือ กระจกสะท้อนไปที่เตียงพี่บิ๊ก เป็นร่างผู้หญิงนอนอยู่

พี่สองบอกว่า “เสียงก๊อกน้ำ เสียงคนแก่ มันเป็นไปได้ที่เห็นแว๊บ ๆ หรือมุมไกล ๆ ลิฟต์เปิดเอง ทีวีเปลี่ยนช่องเอง เป็นเหตุการณ์ที่เจอมาหมด แต่ยังคิดต่อได้ว่าเป็นอย่างอื่นไปได้ แต่ภาพที่เห็นคนนอนอยู่ในกระจกอีกที คือตกใจมาก แบบเห็นชัดเลย แบบครั้งแรกที่ได้เห็นเต็ม ๆ พอหลังจากนั้นก็เก็บของแล้วไปห้องน้องๆทีมงานคนอื่นแทน”

‘ยืนยันความหลอนจากประสบการณ์ของพี่ต้า Paradox’

ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่คนละห้อง พี่ต้านอนอยู่ในห้อง โดยมีพี่วัตเป็นรูมเมทก็นอนในท่านั่ง เอาหัวแนบไปกับโต๊ะ แล้วก็พูดอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถจับใจความได้ ในตอนแรกพี่ต้าเข้าใจว่ากำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่  ไม่ได้สนใจอะไรจากนั้นก็นอนหลับไปปกติ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอฟ้าสว่างก็ได้ยินเสียงพี่วัตลุกขึ้น อาละวาด โวยวาย “เอาดิว่ะ มาดิว่ะ ” แล้วก็เตะของ เปิดบทสวดมนต์ดังลั่น มาจากความโมโหที่โดนผีอำเมื่อคืน แล้วขยับตัวไม่ได้ ได้แต่มองพี่ต้านอนหลับ พี่วัตบอกว่าเขาพยายามตะโกน ขอให้ช่วย แต่พี่ต้าเข้าใจว่าพี่วัตกำลังนอนโทรคุยกับเพื่อน ไม่อยากเข้าไปกวน ขณะที่พี่วัตโดนผีอำ สายตาของเขามองผ่านกระจกไปเห็นภาพที่สะท้อน ตรงเตียงของพี่ต้า มีผีผู้หญิงหน้าตาดีสองคนกำลังสัมผัสลูบที่ศรีษะ ปรนนิบัติพี่ต้าอยู่แบบนั้นจนฟ้าสว่าง แล้วพวกเขาก็หายไป..

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณแทค 'ดงปอบ' l อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [11 มี.ค. 2568 ]

14 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณแทค 'ดงปอบ' l อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [11 มี.ค. 2568 ]

ไปหานักเรียนที่ขาดเรียนไปถึง 10 วัน มีคนมาเตือนว่าอย่าไปเลย แต่ก็ไม่เชื่อ จนเจอดีถึงในที่นอน! เรื่องราวสุดหลอนนี้จะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ดงปอบ’ จาก ‘คุณแทค’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(11 มีนาคม 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีีเจเจ็ม’ ที่จะเป็นเพื่อนหลอนไปกับคุณ!! ‘คุณแทค’ ได้นำเรื่องเล่าของ ‘ครูเอ’ (นามสมมติ) มาเล่าให้ฟัง เรื่องนี้ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วโดยในช่วงนั้น ครูเออายุเพียง 20 ต้น ๆ เพิ่งได้บรรจุเป็นข้าราชการใหม่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากที่ได้เข้าไปสอนในโรงเรียนนี้ มีนักเรียนในห้องที่ครูเอได้ประจำชั้นอยู่ไม่มาโรงเรียนนานถึง 10 วัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของครูที่ต้องไปหาที่บ้าน เพื่อตรวจดูว่านักเรียนคนนี้เกิดอุบัติเหตุ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น บ้านของนักเรียนคนนี้อยู่ถัดไปอีกหนึ่งหมู่บ้าน โดยอยู่ท้ายหมู่บ้านและเป็นหลังเดียวที่อยู่ตรงนั้น พอไปถึงครูเอจึงไปสังเกตดูว่าใช่หลังนี้หรือไม่ เมื่อสังเกตอยู่นานก็คิดจะกลับ แต่ตาก็ไปเห็นนักเรียนของตัวเองที่เดินอยู่ในบ้าน จึงมั่นใจว่าเป็นบ้านหลังนี้ และเมื่อเข้าไปในบ้านสิ่งที่ครูเอเห็นก็คือ แมวประมาณ 100 ตัวที่อยู่ภายในบ้าน ซึ่งนักเรียนคนนี้อยู่กับคุณยาย 2 คน คุณยายนุ่งขาวห่มขาว ผมหงอกทั้งหัว ครูเอจึงเข้าไปคุยกับคุณยายถึงสาเหตุที่หลานไม่ไปโรงเรียน พอคุยกับคุณยายเสร็จ ครูเอก็เห็นว่านักเรียนกำลังให้นมแมวอยู่ เป็นนมโรงเรียน ซึ่งแมวก็ไม่กิน ครูเอคิดไปว่า แมวน่าจะชอบรสหวาน ครูเอจึงอาสาจะไปซื้อน้ำตาลเพื่อมาใส่ในนม จากนั้นก็ขับรถไปซื้อน้ำตาลจากร้านค้าที่อยู่ในหมู่บ้าน ด้วยความที่คนในชนบทจะรู้จักกันทุกบ้าน แม่ค้าจึงถามกับครูเอว่า “น้าครูจะซื้อไปไหน ซื้อไปทำอะไร มาหมู่บ้านนี้ทำไม” ครูเอเล่าเหตุผลที่ตนต้องมาหมู่บ้านนี้ให้แม่ค้าฟัง เมื่อเล่าจบแม่ค้าก็บอกต่อว่า “อย่าไปบ้านหลังนั้นได้ไหม กลับบ้านเลยเถอะ นี้มันก็มืดแล้ว” ครูเอนึกสงสัย จึงถามไปว่า “ทำไมครับ” แม่ค้าตอบว่า “บ้านหลังนั้นเขาเลี้ยงปอบ ไม่อยากให้ไป” ครูเอตอบกลับเชิงตลกไปว่า “ผมไม่กลัวหรอก ปอบอะ ให้มันมากินผมเลย” หลังจากนั้นครูเอก็กลับหมู่บ้านของตนเอง และด้วยความที่เป็นบ้านสมัยก่อน บันไดที่จะขึ้นไปชั้น 2 จึงเป็นแบบพับเก็บได้ด้วยการดึง ซึ่งครูเอก็นอนอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน ช่วงกลางดึกที่ครูเอเข้านอนแล้ว ครูเอก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่รอบบ้าน แต่ครูเอก็คิดว่าคงเป็นคู่อริเก่าหรือโจรขึ้นบ้าน จึงจะไปหยิบปืนมาป้องกันตัว แต่จู่ ๆ ครูเอก็ตกใจ ที่แขนและขาของตัวเองไม่สามารถขยับได้ ขยับได้เพียงแค่ส่วนหัวและตาเท่านั้น และเสียงเดินก็ไปหยุดอยู่ที่บันไดบ้าน แต่เพราะครูเอดึงบันไดเก็บเรียบร้อยแล้ว จึงคิดว่าคงขึ้นมาไม่ได้ แต่ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนปีนเสาบ้านขึ้นมา คืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ถึงแม้ไม่ได้เปิดไฟก็สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน และครูเอก็ได้เห็นเงาตะคุ้ม ๆ ที่กำลังปีนเสาบ้านขึ้นมา ในใจของครูเอตอนนั้นคิดว่า คงตายแน่ ๆ เพราะไม่สามารถขยับตัวได้เลย พอเงานั้นปีนขึ้นมาได้สำเร็จ มันก็เริ่มคลานเข้ามาใกล้ครูเอ จนมาถึงหน้ามุ้งที่ครูเอนอนอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ต้องตกใจมากขึ้นไปอีก คือ สิ่งที่ครูเอเห็น เป็นคุณยายแก่ ๆ คนหนึ่ง ผมขาวทั้งหัว ใส่ชุดสีขาวทั้งชุด และยายคนนี้ก็เปิดมุ้งขึ้น เมื่อมุ้งเปิด ครูเอก็เห็นใบหน้าของคุณยายคนนั้น แต่บนหน้ากลับไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีตา ไม่มีคิ้ว เป็นแค่หน้าโล้น ๆ และมีเสียงพูดขึ้นมาว่า “กูมาแล้ว เดี๋ยวกูจะกินมึงให้หมดเลย” ครูเอช็อคไป และไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะแขนขาก็ไม่สามารถขยับได้ บทสวดก็ท่องไม่ได้เพราะไม่ได้นับถือศาสนาอะไร และเป็นคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ ในจังหวะเดียวกันที่ยายคนนั้นเริ่มใกล้เข้ามา ขาข้างหนึ่งของครูเอก็ขยับได้ จึงถีบเข้าไปที่ตรงกลางอกจนร่างยายกระเด็นตกลงไปข้างล่าง จากนั้นครูเอก็ขยับตัวได้ จึงรีบไปเปิดไฟให้ทั่วบ้าน ครูเอไม่กล้าลงไปดูเพราะยังช็อกอยู่ จึงเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงทางขึ้นชั้น 2 จนเกือบจะสว่าง ระหว่างนั้นก็เดินไปที่หน้ากระจก เห็นว่ามีเลือดไหลออกจากจมูก ปาก และทั้งตัวก็เต็มไปด้วยเลือดของตัวเอง และเมื่อใกล้เช้าก็มีคนมาเรียกครูเอ ซึ่งเป็นเสียงของผู้ใหญ่บ้านที่ครูเอจำได้ แต่ครูเอก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านจริง ๆ หรือเปล่า จึงไม่ยอมลงไปข้างล่าง เพราะข้างนอกยังไม่สว่างมาก ครูเอเลือกที่จะอยู่บนบ้านและถือปืนไว้เผื่อเกิดอะไรขึ้น คนที่อยู่ข้างล่างบอกให้ครูดึงบันได้ลงมาเพื่อจะขึ้นไปดู ครูเอตัดสินใจให้ขึ้นมา แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านครูเอก็จะยิงทันที และก็เป็นผู้ใหญ่บ้านจริง ๆ ที่ขึ้นมา ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามว่า “ทำไมเปิดไฟไว้ทั้งคืน เป็นอะไรลูก เลือดเต็มตัวเลย“ ครูเอที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็ร้องไห้ออกมา และเข้าไปกอดผู้ใหญ่บ้าน เมื่อได้สติจึงเล่าทุกอย่างให้ผู้ใหญ่บ้านฟัง จากนั้นในตอนเช้าผู้ใหญ่บ้านจึงพาครูเอไปรดน้ำมนต์ และชาวบ้านในหมู่บ้านก็มาผูกแขนเพื่อรับขวัญให้ครูเอ รวมถึงแม่ค้าที่เคยเจอกันในตอนนั้น ซึ่งแม่ค้าคนนั้นก็บอกกับครูเอว่า “หนูบอกน้าครูแล้ว ว่าอย่าไปพูดแบบนั้น” หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ทำให้ครูเอกลายเป็นคนที่มีเซ้นส์ จากที่ไม่เคยเห็นผี ครูเอก็รู้ได้ในทันทีว่าใครคือคนหรือไม่ใช่คน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

23 ก.พ. 2025

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

นักศึกษาพักอยู่ในหอพักราคาถูก ทุกชั้นของหอพักจะมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ และทุกคืนจะได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงชายปริศนาที่ดังมาจากหน้าห้องว่า “น้องอยู่ไหน พี่รอหน้าห้อง เปิดประตูให้พี่หน่อย” เจ้าของเสียงคือใคร? แล้วเขามาหาใคร? และเหตุใดหอพักแห่งนี้ ถึงต้องมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ทุกชั้น? หาคำตอบได้ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 กุมภาพันธ์ 2568) กับเรื่องราวสุดหลอนจาก ‘คุณกุ้ง’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘พี่รออยู่หน้าห้อง’ พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ แล้วระวังให้ดี.. คืนนี้ อาจมีใครมาเคาะประตูห้องคุณ! เรื่องราวนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณกุ้ง ซึ่งขณะนั้นคุณกุ้งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ กำลังจะสำเร็จการศึกษา และได้เข้าพักในหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารห้าชั้น ส่วนใหญ่ผู้อยู่อาศัยเป็นนักศึกษา มีเพียงบางส่วนที่เป็นคนทำงาน ในช่วงแรกที่เข้าพัก ทุกอย่างดูปกติ ไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือ ทุกชั้นของอาคารนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ นอกจากนี้ ห้องที่คุณกุ้งพักคือห้อง 312 อยู่ตรงกับบันได และหน้าห้องติดกระจกแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์สิงโตคาบดาบ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก คิดเพียงว่าอยู่ห้องไหนก็ได้ คืนหนึ่ง ในช่วงสอบไฟนอลของภาคเรียนแรก หอพักจะค่อนข้างเงียบกว่าปกติ เวลาประมาณ 3 - 4 ทุ่ม ขณะที่คุณกุ้งกำลังเดินกลับห้อง ทุกอย่างดูเงียบสงบ จนกระทั่งได้ยินเสียงชายคนหนึ่งคุยโทรศัพท์ “น้องอยู่ไหนแล้ว พี่รออยู่หน้าห้อง ถ้าใกล้ถึงแล้วบอกหน่อย หรือเปิดประตูให้พี่หน่อย” เสียงนั้นพูดซ้ำไปซ้ำมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แล้วก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่สุดทางเดิน แต่งกายคล้ายยุค 80-90 สวมเสื้อยืดสีขาว ทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ ตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร จึงเดินเข้าห้องไป แต่เมื่ออยู่ในห้อง เขากลับเริ่มเอะใจ ทำไมเสียงที่ได้ยินถึงใกล้มาก ทั้ง ๆ ที่ชายคนนั้นยืนอยู่ห่างออกไปพอสมควร จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาคิดว่าอาจเป็นเพื่อนหรือแฟน จึงเปิดประตูออกไป แต่กลับไม่พบใคร หน้าห้องว่างเปล่า เขาจึงปิดประตู คิดว่าอาจเป็นเสียงจากห้องอื่นที่อยู่คนละชั้น แต่แล้วเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาเปิดประตูออกไปอีกครั้ง และเหมือนเดิม.. ไม่มีใครอยู่หน้าห้อง จนครั้งที่ 3 เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากบันได คราวนี้เป็นเพื่อนของเขาเอง มาขอยืมหนังสือ เขาจึงถามทันทีว่า “เมื่อกี้แกเคาะประตูห้องเราหรือเปล่า?” เพื่อนปฏิเสธว่า “ไม่นะ เราเพิ่งเดินขึ้นมา” ในคืนต่อมา เขาพบชายคนเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้คุยโทรศัพท์ แต่กลับนั่งอยู่ตรงบันได จ้องมาทางเขาและเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “น้องอยู่ที่ไหน พี่อยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย” แต่น่าแปลกที่ปากของชายคนนั้นไม่ได้ขยับเลย คราวนี้ เขามั่นใจว่า สิ่งที่เห็น ไม่ใช่คนแน่นอน เขาเริ่มลังเลว่าจะย้ายออกดีไหม เพราะค่าเช่าหอพักถูกมาก จึงพยายามอดทน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มได้ยินเสียงนี้บ่อยขึ้น รวมถึงเพื่อนบางคนก็ได้ยินเช่นกัน คุณกุ้งตัดสินใจไปถามคนดูแลหอพัก ตอนแรกเขาเลี่ยงที่จะตอบ จนคุณกุ้งต้องบอกว่า “บอกหนูเถอะค่ะ ยังไงหนูก็อยู่มา 3-4 เดือนแล้ว อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว” ในที่สุด คนดูแลหอพักก็ยอมเล่าให้ฟัง “พี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงหรือเปล่านะ เพราะพี่เพิ่งมาเฝ้าหอได้ไม่นาน แต่ยามของหอพักข้าง ๆ เคยเล่าให้ฟังว่า.. เคยมีคู่รักชายหญิงเช่าห้องอยู่ที่ชั้นสาม ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงทำงานกันคนละที่ วันหนึ่ง ฝ่ายชายกลับมาที่ห้อง อยู่ในห้องได้ 2 วันก็ยังไม่มีความผิดปกติอะไร จนฝ่ายหญิงโทรมาหา แล้วไม่มีคนรับสาย เขาเลยเดินทางมาหาฝ่ายชายที่หอพักแห่งนี้ ปรากฏว่าเคาะห้องก็ไม่เปิด แต่พอโทรไปเสียงโทรศัพท์ดัง จนเขาขอให้งัดห้อง แล้วสิ่งที่ได้เห็นคือ ฝ่ายชายนอนไหลตายอยู่บนที่นอนแล้ว ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะย้ายออก เธอมักได้ยินเสียงชายคนหนึ่งพูดหน้าห้องวนซ้ำ ๆ ว่า ‘น้องอยู่ไหน พี่รออยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย’ เธอได้ยินแบบนี้ทุกคืน จนสุดท้ายทนไม่ไหว และย้ายออกไป” และเหตุผลที่ทุกชั้นในหอพักแห่งนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ ก็ได้รับคำตอบว่า “ตอนที่ก่อสร้างหอพัก มีคนงานคนหนึ่งชอบเป่าเครื่องดนตรีหลังเลิกงาน แต่แล้ววันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุ ตกจากนั่งร้าน แม้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต เจ้าของอาคารจึงนำเครื่องดนตรีมาติดไว้ที่คานของทุกชั้นเพื่อแก้เคล็ด” และสิ่งที่ทำให้คุณกุ้งขนลุกยิ่งขึ้น คือรุ่นพี่ที่เคยพักที่นี่เล่าว่า “คืนใกล้วันโกน มักมีคนเห็นชายชุดเปื้อนฝุ่นเดินอยู่ที่ชั้นหนึ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงเป่าขลุ่ยท่ามกลางความเงียบ” เรื่องนี้ทำให้หลายคนที่รู้ประวัติของหอนี้ ค่อย ๆ ทยอยย้ายออกไป และนั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหอพักแห่งนี้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายมาหอใหม่ ไม่เสียค่าห้อง จ่ายค่ามัดจำก็อยู่ได้เลย แต่ต้องแลกกับการถูกผีหลอก! อยู่ได้ 3 คืน จึงย้ายออก แถมเงินมัดจำก็ขอคืนไม่ได้ เล่าเรื่องผีให้เจ้าของหอทราบ ก็ตอบมาเพียง “ครับ” มารู้ทีหลังว่าหอนี้เคยมีคนตาย! แต่เจ้าของหอปิดข่าวไว้!

23 พ.ค. 2023

ย้ายมาหอใหม่ ไม่เสียค่าห้อง จ่ายค่ามัดจำก็อยู่ได้เลย แต่ต้องแลกกับการถูกผีหลอก! อยู่ได้ 3 คืน จึงย้ายออก แถมเงินมัดจำก็ขอคืนไม่ได้ เล่าเรื่องผีให้เจ้าของหอทราบ ก็ตอบมาเพียง “ครับ” มารู้ทีหลังว่าหอนี้เคยมีคนตาย! แต่เจ้าของหอปิดข่าวไว้!

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (16 พฤษภาคม 2566) มีเรื่องเล่าเรื่องหลอนของ ‘คุณหยิว’ ที่โทรเข้ามาพูดคุยกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังว่าสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่สิงอยู่ในห้องที่พึ่งย้ายเข้ามา โดยมีเรื่องราวดังนี้ คุณหยิวเล่าว่าเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว ตนเองได้หาหอพักใหม่ และได้ไปเจอกับหอที่ว่านี้ ซึ่งค่อนข้างใกล้ที่ทำงานและสงบสวยงาม แม่บ้านก็พูดจาไพเราะ ถูกใจคุณหยิวมาก ๆ นอกจากนี้ แม่บ้านยังบอกอีกว่าไม่ต้องเสียค่าห้อง เสียแค่ค่ามัดจำล่วงหน้า 5000 บาทก็พอ คุณหยิวก็คิดในใจว่าทำไมดีจัง ไม่เคยเจอแบบนี้เลย จึงตัดสินใจเช่าห้องที่นั่นเลย ห้องคุณหยิวอยู่ที่ชั้น 4 โดยฝั่งที่คุณหยิวอยู่ มีผู้เช่าอาศัยเพียงสองห้องเท่านั้น ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้นเต็มทุกห้อง คุณหยิวไม่ได้เอะใจอะไร ในคืนแรกช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ขณะที่คุณหยิวกำลังเก็บข้าวของในห้องอยู่นั้น จู่ ๆ ไฟก็ดับลง ด้วยความตกใจจึงรีบโทรหาแม่บ้านทันที แม่บ้านก็พูดประมาณว่า “ไม่เป็นไรนะ เนี่ยมันดับทั้งซอยเลย เดี๋ยวสวดมนต์ไหว้พระแล้วเข้านอนได้เลย” คุณหยิวเองก็เอะใจว่าทำไมเขาพูดแบบนี้ แต่ก็ทำตามจนคืนแรกผ่านพ้นไป.. ต่อมาคืนที่สอง เวลาประมาณเที่ยงคืน คุณหยิวเริ่มง่วง ๆ เพลีย ๆ กำลังจะผล็อยหลับไป แต่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเหมือนมีคนเข้ามากอดจากด้านหลัง! รูปร่างลักษณะเหมือนผู้ชาย ตัดผมเกรียน อายุประมาณ 30 นิด ๆ คุณหยิวสะบัดตัวออกทันที คุณหยิวเล่าว่าเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์เป็นเหมือนฝันซ้อนฝัน และกำลังโดนผีอำอยู่ เพราะเห็นเป็นผู้ชายคนเดิมนั่งหันหลังทับผ้าห่มอยู่ทางด้านขวาของเตียง คุณหยิวพยายามดึงผ้าห่มคืน และเมื่อดึงหลุด คุณหยิวตั้งใจว่าเดี๋ยวจะเดินไปเปิดไฟเพราะคิดในใจว่าอยากตื่นแล้ว ขณะที่กำลังลุกไป ได้สังเกตเห็นว่าขอบเตียงตรงใกล้กับประตูมีผ้าห่มผืนที่พึ่งดึงไปกำลังคลุมอะไรบางอย่างที่รูปร่างเหมือนคนไว้อยู่! คุณหยิวกล้า ๆ กลัว ๆ จึงก้าวขาแบบไม่ให้เหยียบโดนสิ่งนั้น แล้วเดินไปเปิดสวิตช์ไฟซึ่งพอเปิดสวิตช์ คุณหยิวก็เห็นว่า “อ้าวมันไม่มีไฟนี่ แสดงว่าเรายังไม่ได้ตื่นจริง ๆ เลย” คุณหยิวจึงรีบสวดมนต์และนึกถึงพ่อกับแม่ทันที แล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้น จากนั้นก็รีบลุกไปเปิดไฟทุกดวง ขณะที่กำลังจะลุกเดินไปเปิดไฟทางห้องน้ำ ก็ต้องเดินผ่านหัวมุมเตียงที่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นนั่งทับผ้าห่มอยู่ คุณหยิวถึงกับมีอาการขนลุกตั้งแต่เท้ายันหัว จึงกลับมานอนที่เตียง ซึ่งปกติแล้วคุณหยิวจะวิดีโอคอลกับแฟนคาสายทิ้งไว้ตลอด แต่เหมือนกับที่ผ่านมาสายมันจะตัดไปเอง ในคืนนี้ก็เช่นกัน แฟนคุณหยิวจึงโทรกลับมาอีกครั้ง คุณหยิวก็เล่าทุกอย่างให้ฟังและได้ขอให้แฟนคาสายทิ้งไว้จนกว่าตนเองจะหลับไปก่อน ผ่านไปจนมาถึงคืนที่สาม คุณหยิวก็ได้วิดีโอคอลกับแฟนเหมือนเดิม เมื่อใกล้จะนอนจึงได้บอกแฟนไปว่า “เดี๋ยวจะเข้านอนแล้วและรอดูก่อนว่าคืนนี้จะเป็นยังไง ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็คงจะต้องได้ย้ายออก” พอกำลังจะเคลิ้มหลับก็รู้สึกได้ว่า “มันกำลังมาอีกแล้ว” จึงตัดสินใจว่า “งั้นฉันจะไม่นอน” ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาตีสองเกือบตีสาม คุณหลิวจึงไปเปิดไฟทุกดวงในห้อง เมื่อเดินผ่านตรงหัวมุมขอบเตียงตรงนั้นก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความที่คุณหยิวอยากรู้ว่ามันจะสุดที่ตรงไหน เลยตัดสินใจยืนอยู่ตรงนั้นมันซะเลย ทำให้ขนที่ลุกอยู่แล้วลุกหนักกว่าเดิม คุณหยิวจึงคิดในใจว่าตรงนี้น่าจะมีวิญญาณอยู่แน่ ๆ เช้าวันถัดมา คุณหยิวตัดสินใจไปแจ้งย้ายออกทันที ทำให้ป้าแม่บ้านที่เคยพูดคุยอย่างไพเราะมาตลอดก็มองคุณหยิวด้วยท่าทางที่ไม่พอใจประมาณว่าทำไมเธอถึงออก และพูดจาไม่ดีใส่ คุณหยิวจึงถามป้าแม่บ้านไปว่า “ในห้องนี้มีวิญญาณไหมคะ?” ป้าคนนั้นตอบกลับมาว่า “เค้าไม่ได้ตามเธอมาหรอ” เหมือนกับจะโทษว่าคุณหยิวเป็นคนนำผีเข้ามา คุณหยิวก็ตอบไปว่า “ไม่มีนะคะ เพราะว่าหอเดิมที่เพิ่งย้ายออกมาก็ไม่มีอะไร” ป้าแม่บ้านจึงได้ให้จ่ายค่าน้ำค่าไฟก่อนที่จะย้ายออก แล้วคุณหยิวก็ได้พูดต่อว่า “เงิน 5000 ที่จ่ายไปขอคืนสัก 1000 ได้ไหมคะ?” แต่ป้าแม่บ้านก็ไม่ยอมคืน จึงได้นำเรื่องทั้งหมดนี้ไปแจ้งกับเจ้าของหอ และแจ้งว่ามันมีวิญญาณในห้องนี้ ให้ไปทำบุญให้เขาด้วย แต่แทนที่เจ้าของหอจะโวยวายหรือพยามปฏิเสธ เขากลับพูดมาเพียงว่า “ครับ”แถมไม่ยอมคืนเงินค่ามัดจำมาสักบาทเดียว ทำให้คุณหยิวเสียดายเงินมาก ๆ 5000 แลกกับ 4 วัน 3 คืนที่โดนผีหลอก ต่อมาในวันนั้นเอง คุณหยิวก็ได้กลับไปที่หอเดิม ทำให้เจ้าของหอเดิมสงสัยว่าทำไมถึงกลับมา เนื่องจากทั้งสองหอนี้อยู่ไม่ไกลกันมาก และที่ย้ายออกเพราะหอเดิมนี้มีห้องที่ทำเสียงดังประจำ คุณหยิวได้ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าของหอเดิมฟัง เจ้าของหอเดิมจึงบอกว่า “จริง ๆ แล้ว เมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อน ที่หอใหม่ของคุณหยิวนี้มีคนตาย แต่เจ้าของหอปิดข่าวไว้เพราะบริเวณนั้นเป็นเขตชุมชน และไม่ได้ทำบุญอะไรเลยหลังจากเกิดเหตุ” เรื่องนี้รู้จากแม่บ้านของหอใหม่คนก่อนที่มาเล่าให้กับเจ้าของหอเดิมฟัง คุณหยิวได้รู้ดังนั้นจึงคิดว่า ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของหอใหม่จะตอบมาแค่คำว่า “ครับ” แค่นั้น เพราะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วนี่เอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'หอพักห้อง 102' I อังคารคลุมโปง X จี๋ สุทธิรักษ์ - แพรว นฤภรกมล [ 20 ส.ค. 2567]

25 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'หอพักห้อง 102' I อังคารคลุมโปง X จี๋ สุทธิรักษ์ - แพรว นฤภรกมล [ 20 ส.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณออโต้‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’หอห้องพัก 102‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณออโต้เล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของแฟนคลับเขาของ ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีก่อน เธอคนนี้ชื่อว่า ‘แอน’ ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงวิกฤตที่ตกต่ำมาก ทั้งโดนสามีเลิกเเละตกงาน แอนนั้นเป็นเด็กใต้ไม่เคยมากรุงเทพ จึงได้นั่งรถไฟมากรุงเทพโดยไม่มีจุดหมายเพื่อที่จะมาหางานทำ เมื่อถึงสถานีหัวลำโพงก็ได้เเต่นั่งเหม่อลอย ไม่รู้จะไปที่ไหนเพราะตนไม่มีเพื่อนและญาติมิตรที่อยู่ในกรุงเทพเลย นั่งได้ซักพักก็มีลุงเเท็กซี่คนหนึ่งใจดีมาก ได้เข้ามาถามเเอนว่า “มาทำอะไร?” แอนจึงตอบกลับลุงไปว่า ”จะมาหางาน หาที่พัก“ ลุงเเท็กซี่จึงพาตนไปหาหอเเล้วจะพาไปสมัครงานด้วย ระหว่างที่ขับรถไปเรื่อย ๆ ก็ไปเจอบ้านพัก 2 ชั้น แอนก็เข้าไปดูเเล้วก็ได้ห้อง 102 มาเพราะมันว่างพอดี ห้องน้ำบ้านพักนี้เป็นห้องน้ำรวม สิ่งที่แปลกของบ้านนี้คือชั้น 2 เต็มหมด เเต่ชั้น 1 ไม่มีคนอยู่เลยสักคน เรียกได้ว่าว่างทั้งชั้น เมื่อเเอนได้ห้องพักเเล้ว ลุงเเท็กซี่ก็ได้นัดว่า “พรุ่งนี้เช้า จะพาไปสมัครงาน วันนี้นอนที่นี่ก่อน” เมื่อแอนเข้าไปในห้อง ก็พบว่าในห้องไม่มีอะไรเลย ที่นอนก็ไม่มี แอนจึงใช้นอนกับกระเป๋าเเล้วเอาผ้าห่มที่ติดตัวมาด้วยคลุม ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า เเอนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกลงมาดัง ‘เพี๊ยยยยยะ! เพี๊ยะะ!’ เเต่ด้วยความเพลียแอนจึงไม่ได้สนใจ ตื่นเช้ามาก็ไปสมัครงานกับลุงเเท็กซี่ เเล้วก็ได้งานเเถวนั้นมา ในคืนที่ 2 เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าเหมือนเดิม เเอนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ปรากฎว่าตนนอนอยู่ข้างนอก! แอนรู้สึกงงว่าตัวเองออกมาได้อย่างไร และก็มีพี่ที่อยู่ข้างบนมาสะกิดว่า “น้องมานอนอะไรหน้าห้องน้ำ” ตอนนั้นแอนก็รู้สึกแปลกใจและกำลังงง เมื่อกลับห้องก็ดันเปิดห้องไม่ได้ จึงไปขอความช่วยเหลือกับลุงยาม ลุงยามได้ถามว่า ”พักอยู่ห้องไหน?“ แอนจึงตอบกลับไปว่า ”อยู่ห้อง 102“ เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลุงยามก็ยื่นกุญแจเเล้วบอกว่า “ไปเปิดเองเลย เเล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยเอากุญเเจมาคืน” ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเกิดกรณีแบบนี้ ต้องให้ลุงยามเอากุญแจสำรองมาเปิดให้ แต่เขาให้แอนมาเปิดเอง เมื่อเปิดประตูห้องได้แล้ว แอนก็เข้าไปพักในห้องตามปกติ แล้วก็หลับไปพร้อมกับคำถามในหัวมากมาย ในคืนที่ 3 ก็ออกมานอนข้างนอกเหมือนเดิม เเต่ในคืนนี้แอนใช้วิธีเดิม คือเดินไปหาลุงยามเเล้วก็เอากุญเเจ เเล้วก็ได้ถามลุงยามว่า “ลุงยามในหอนี้มันมีอะไรรึเปล่า?” ลุงยามก็ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ในคืนที่ 4 ในคืนนั้นเเอนอยากทราบว่าตัวเองออกไปข้างนอกได้อย่างไร จึงดื่มกาแฟเพื่อที่จะได้ไม่หลับ เมื่อถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าเวลาเดิม แอนสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีคนมาลากขา! เมื่อได้สติจึงจับประตูเอาไว้ เเล้วลุกขึ้นมา สิ่งที่ตนเจอคือเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว ใส่ซิ่นกำลังยืนมองตนอยู่ เเล้วลากเก้าอี้ไปตรงจุดที่แอนนอน เเล้วก็ผูกคอตรงพัดลม! ตอนนั้นเเอนรู้สึกตก สักพักหนึ่งก็มีเสียง “อื้ออ เอื๊อออะ…” เหมือนเสียงคนขาดอากาศหายใจ เเล้วก็เห็นภาพร่างของผู้หญิงคนนั้นร่วงตกลงมาดัง “เพี๊ยยยยยะ! เพี๊ยะะ!” เละต่อหน้าต่อตา เหตุการณ์นั้นทำให้แอนหมดสติไป ด้วยความจน ทำให้เเอนจะออกก็ออกไม่ได้ ถามใครก็ไม่มีใครบอกว่าห้องนี้มีอะไร เเละมาทราบว่าสาเหตุที่ตนออกมานอนข้างนอกได้นั้นก็เป็นเพราะว่า เหมือนไปนอนทับที่เขา แอนจึงใช้วิธีขออยู่กะกลางคืนเเล้วนอนกลางวันแทน เพื่อที่จะเลี่ยงจะเจอผู้หญิงคนนั้น ผ่านไป 1 เดือนก็เริ่มมีเพื่อนมากขึ้น เเล้วได้เล่าให้เพื่อนฟังว่าพักอยู่ห้องนี้ เพื่อนก็ตอบกลับมาว่า “มึงอยู่ได้ยังไง อยู่ได้เป็นเดือนอ่ะ” เเละได้ทราบความจริงว่า ห้องนี้มีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอการทะเลาะกับแฟน โดนแฟนทิ้งเเล้วเสียใจมากจึงตัดสินใจผูกคอตายโดยที่ท้องอยู่ เมื่อแอนรู้เช่นนั้นก็ตัดสินใจว่าสิ้นเดือนนี้จะออก เมื่อทำความสะอาดเตรียมออก แอนก็พบกับสิ่งที่ตนไม่เคยสังเกตนั่นก็คือซิ่นที่วางไว้ตรงหลังตู้ ซึ่งแอนก็จำได้ว่าซิ่นผืนนั้นคือซิ่นที่ผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ผูกคอ จนสุดท้ายแอนก็ได้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นได้สำเร็จ อยู่มาวันหนึ่ง แอนได้ทราบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งย้ายเข้ามาอยู่ห้อง 102 เเละต่อมาก็ได้ทราบว่าในห้องนี้มีผู้ชายผูกคอตาย ซึ่งมันก็คือคนที่ย้ายเข้ามาใหม่ แอนจึงไปสอบถามคนในระเเวกนั้นว่าทำไมเขาถึงผูกคอตาย เเล้วได้คำตอบว่าผู้ชายที่ผูกคอตายนั้น เป็นสามีของผู้หญิงคนนั้นที่ผูกคอตาย จึงทำให้ในทุกคืนหอพักนี้มีเสียงทะเลาะกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงประมาณว่า “มึงทำให้กูตาย!“ เหตุการณ์นี้ ทำให้หอพักแห่งนี้ไม่มีคนกล้าเข้ามาพัก ทางหอพักจึงทำการรีโนเวทใหม่..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110