บ้านเช่าใจกลางเมืองราคาเดือนละ 1,000 บาท มีข้อแม้คือห้ามเปิดประตูห้องในสุดที่ล็อคกุญแจไว้ และก่อนย้ายเข้า ยายเจ้าของบ้านยังบอกอีกว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย!” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องหลอนในครั้งนี้!

อังคารคลุมโปง RECAP

บ้านเช่าใจกลางเมืองราคาเดือนละ 1,000 บาท มีข้อแม้คือห้ามเปิดประตูห้องในสุดที่ล็อคกุญแจไว้ และก่อนย้ายเข้า ยายเจ้าของบ้านยังบอกอีกว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย!” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องหลอนในครั้งนี้!

29 ก.ย. 2023

       เมื่อตัดสินใจเช่าบ้านใจกลางเมืองในราคาถูก แถมยังได้รับคำเตือนชวนหลอนจากยายเจ้าของบ้านอีก งานนี้จะเจออะไรในบ้านหลังนี้บ้าง รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 ก.ย. 2566) จะพาทุกคนหลอนไปกับ ‘คุณอ๊อฟ คนเห็นผี’, ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวที่คุณอ๊อฟไปประสบพบเจอเป็นมาจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันเลย!

       เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของญาติคุณอ๊อฟ เริ่มจากเขาอยู่กับครอบครัวใหญ่ มีพี่สาว3 คน พี่สาวต่างก็มีแฟนกันหมด จึงคิดว่าจะแยกตัวออกมาเช่าบ้านด้วยกัน และก็มีคนแนะนำบ้านมาให้ลองไปติดต่อดู เหล่าพี่น้องจึงไปดูบ้านตามคำแนะนำ บ้านที่ไปดูคือบ้านไม้ใหญ่สองชั้น มองไปก็เห็นว่ามีคุณยายกวาดพื้นอยู่ข้างล่าง หนึ่งในพี่สาวของคุณอ๊อฟจึงเดินไปถามว่า “ขอโทษนะคะ จะมาเช่าบ้าน” จากนั้นก็ได้รายละเอียดค่าเช่าบ้านจากคุณยาย เช่าเพียงเดือนละ 1,000 บาท มัดจำอีก 3,000 บาท ได้ยินดังนั้นก็ตัดสินใจตกลงเช่าบ้านตอนนั้นทันที จากนั้นคุณยายก็พูดกลับมาว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย” แต่ทุกคนก็ไม่คิดอะไร จนกระทั่งวันที่ต้องย้ายเข้าไป คุณยายก็ให้กุญแจมาพร้อมกับบอกว่า “ห้องในสุด ที่ล็อคกุญแจไว้ เป็นห้องของเจ้าของบ้าน ห้ามไปเปิด ห้ามไปยุ่งกับมัน” ซึ่งทุกคนก็คิดว่าในเมื่อเช่าทั้งหลังแล้วมันก็ต้องเป็นของเราทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ และคิดต่อว่าคงเป็นที่เก็บของ บ้านหลังนี้อาจจะมีเจ้าของที่ไปอยู่ต่างประเทศ หลังจากนั้นทุกคนก็ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ ซึ่งจะแบ่งห้องเป็นพี่สาวทั้งสามและแฟนอยู่ชั้นบน ญาติคนอื่นและคุณอ๊อฟจะนอนชั้นล่าง

       หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ได้สักพัก คุณอ๊อฟเริ่มรู้สึกว่า มีเงาสีขาว ๆ เหมือนกลุ่มควัน แอบมองคุณอ๊อฟอยู่ตลอด แต่พอหันไปก็ไม่มีอะไร แต่พออยู่ไปนาน ๆ คุณอ๊อฟก็รู้สึกว่า ‘บ้านหลังนี้ต้องมีอะไรแน่นอน’ จึงไปบอกพี่คนโต แต่พี่คนโตก็บอกว่าคิดมากไปเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง ทุกคนไปต่างจังหวัดกันหมด เหลือแค่แฟนของพี่คนโตอยู่คนเดียว ซึ่งห้องของเขาจะอยู่ตรงข้ามกับห้องที่ล็อคกุญแจ พอตกดึกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนเป็นเสียงเคาะฝาบ้านรอบ ๆ ข้างนอก แต่ก็คิดว่าคงเป็นกิ่งไม้ พอนอนไปสักพัก ก็รู้สึกร้อนจนเหงื่อออกมาก พอมองไปที่พัดลมปลายเท้าก็รู้สึกว่ามีหมอกกลุ่มควันดำ ๆ เขาคิดว่าพัดลมไหม้ จึงลุกขึ้นมาดู ปรากฏว่าทุกอย่างยังปกติเหมือนเดิม และกลุ่มควันนั้นได้หายไปแล้ว จึงตัดสินใจหลับต่อ แต่รอบนี้เสียงมันดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเสียงรอบนอกและตัวพัดลมก็มีเสียง แป๊ก! เหมือนเป็นเสียงกดพัดลม ตอนนั้นก็คิดว่าเขาอยู่คนเดียว ถ้าเขาไม่กดแล้วใครจะกด จึงคิดว่าเป็นขโมย เขาจึงลุกขึ้นมา แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาช็อกมาก! เพราะมันคือเงาสีขาว ๆ เป็นกลุ่มควัน นั่งเอามือจิ้มปุ่มพัดลมอยู่ ดัง แป๊ก แป๊ก แป๊ก เหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสินใจวิ่งออกจากบ้านไปหน้าปากซอยเพราะเป็นจุดที่สว่างที่สุด จนถึงเวลาตี 4 จึงกลับไปที่บ้าน

       หลังจากวันนั้นผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ อยู่ดี ๆ ก็เกิดลมพัดแบบแปลก ๆ และมีเสียงแปลก ๆ เกิดขึ้นเหมือนเสียงของเล็บขูดผนังไม้ ทุกคนก็คิดว่าเป็นกิ่งไม้ แต่น้องของคุณอ๊อฟพูดขึ้นมาว่า “กิ่งไม้บ้าอะไรล่ะ ต้นไม้บ้านเรายังไม่มีเลยซักต้น” เมื่อทุกคนคิดได้ดังนั้น ก็คิดกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อดี จึงตัดสินใจแยกกันไปนอนชั้นบนกับพี่ ๆ ตัวคุณอ๊อฟได้ไปนอนกับพี่คนโต ซึ่งก่อนที่คุณอ๊อฟจะเข้าห้องไป ได้เห็นห้องตรงข้ามที่ล็อคกุญแจอยู่ แต่ว่าในตอนนั้น กุญแจมันได้หายไป! แต่คุณอ๊อฟก็ไม่ได้คิดอะไรจึงเข้าห้องของพี่สาวคนโตไป แล้วคุยกับพี่สาวว่า “มันไม่มีกุญแจแล้วนะ ใครเปิดห้องหรือเปล่า เดี๋ยวคุณยายก็ว่าเอา” พี่สาวจึงตอบกลับมาว่า “มันไม่มีใครเปิด ใครจะเปิดไม่มีลูกกุญแจ” แต่ตัวของแฟนพี่สาวพูดออกมาว่า “ไม่มีลูกได้ไง วันนั้นผมยังเห็นคุณเปิดอยู่เลย!” เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงพากันออกไปดูที่ประตู คนที่อยู่ห้องอื่น ๆ ก็พากันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

       แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นเหมือนกันคือตัวแม่กุญแจ ดังแกร๊กขึ้นมา ซึ่งมันปลดล็อคเอง! ทุกคนอึ้งแต่ก็คิดว่า มันคงเก่าสลักเลยปลดเอง แล้วตัวของแฟนพี่สาวคนโตก็เป็นคนเปิดประตูเข้าไป ข้างในที่เห็นคือเป็นห้องไม้ มีหยากไย่ มีฝุ่นเยอะ มีโต๊ะสี่เหลี่ยมสูงจากพื้นเล็กน้อย มีผ้าคลุมกล่องปริศนา และผนังจะมีรูปอยู่ 3 ใบ แต่ฝุ่นเยอะมากจนทำให้ไม่เห็นว่าเป็นรูปอะไร ด้วยความสงสัยทำให้เขาไม่ฟังคำเตือนของทุกคนว่าอย่าไปยุ่ง เขาจึงเปิดผ้าออก ซึ่งปรากฏว่าสิ่งที่ผ้าคลุมอยู่คือหีบใบใหญ่ใบหนึ่ง มีเงินวางอยู่ในหีบ 4,000 บาท บนห่อผ้าขาว! เงิน 4,000 บาท นั้นเท่ากับเงินที่จ่ายค่าเช่าไป จากนั้นพี่สาวคนเล็กหันไปทางขวามือ ก็เจอคุณยายคนที่กวาดพื้นนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องกำลังกอดรูปอยู่! จากนั้นก็ค่อย ๆ ลดรูปลง และแสยะยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้พี่สาวคนเล็กกรี๊ดออกมา! ทุกคนจึงหันไปมอง แล้วทุกคนก็เห็นคุณยายเหมือนกันหมด! ทุกคนก็คิดว่า คุณยายเข้ามาอยู่ในนี้ได้อย่างไร ในเมื่อปล่อยเช่าแล้ว หรือว่าคุณยายนอนอยู่ในนี้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่ให้เราเข้ามายุ่ง ทุกคนก็พยายามถามคุณยาย แต่คุณยายก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วหยิบรูปขึ้นมาค่อย ๆ ปัดเช็ดรูปให้สะอาดจนเห็นภาพชัดขึ้น..

       ปรากฏว่านั่นเป็นรูปของตัวคุณยายเอง! ในรูปเขียนว่า ชาตะ-มรณะ ทำให้ทุกคนตกใจวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง หลังจากนั้นทุกคนก็มาคิดย้อนคำของคุณยายที่บอกว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย” ทุกคนก็กลับไปซักถามกับพี่คนโตว่า “คนที่รู้จักอ่ะ ไหนบอกว่ามีบ้านเช่าที่มันปลอดภัยไงวะ” พี่คนโตจึงไปคุยกับคนที่แนะนำบ้านเช่า สรุปว่า บ้านที่เขาบอกนั้นให้เข้าซอยกลาง แต่ที่ทุกคนเข้าไปคือเข้าซอยซ้ายมือสุด สรุปคือทุกคนไปผิดหลัง เมื่อไปสอบถามคนระแวกแถวนั้นก็ได้ความมาว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณยายที่มีนิสัยงกมาก ขนาดที่ว่าพระมาบิณฑบาตก็ว่าพระ ทำให้ชาวบ้านทนไม่ได้ก็ย้ายออก จนเหลือบ้านคุณยายหลังเดียว นอกนั้นก็ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลย.

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

ตื่นมาได้ยินเสียง ‘แคร่ก แคร่ก’ มองไปปลายเตียงเห็นผู้หญิงยืนหวีผมอยู่! ตกใจพยายามสวดมนต์ก็ไม่ช่วย!!!

26 ม.ค. 2024

ตื่นมาได้ยินเสียง ‘แคร่ก แคร่ก’ มองไปปลายเตียงเห็นผู้หญิงยืนหวีผมอยู่! ตกใจพยายามสวดมนต์ก็ไม่ช่วย!!!

เรื่องนี้ ‘คุณนัฎฐ์’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจมดดำ’, ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับคุณนัฎฐ์ เมื่อต้องเจอกับผู้หญิงปริศนาใส่ผ้าถุงสีแดง ยืนหวีผมหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอนตัวเอง! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับคุณนัฎฐ์ ซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านคนเดียว บ้านคุณนัฎฐ์เป็นบ้านที่ซื้อมาใหม่ ซึ่งไม่เคยเกิดเรื่องลี้ลับอะไรตั้งแต่อยู่มา เรื่องนี้ย้อนกลับไปเมื่อปี 61 วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกปรอย ๆ ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตอนเช้าถึงเย็น จึงทำให้คุณนัฎฐ์ไม่ได้ออกไปทำงาน คุณนัฎฐ์จึงพักผ่อนอยู่บ้าน พอตกกลางคืน คุณนัฎฐ์ก็เข้านอนตามปกติ ภายในห้องนอนเป็นห้องเล็ก ๆ ทาด้วยสีขาว เตียงนอนอยู่ฝั่งซ้าย ตู้เสื้อผ้าอยู่ฝั่งขวา และมีกระจกบานใหญ่แบบเต็มตัวที่น้องชายทำมาให้วางติดอยู่กับตู้เสื้อผ้า ปกติคุณนัฎฐ์เป็นคนนอนปิดไฟ แต่มักจะเปิดหน้าต่างบานเกล็ดไว้ เพื่อให้แสงสว่างภายนอกส่องเข้ามาภายในห้อง ทำให้ในห้องนอนมีแสงสว่างเล็กน้อย มองเห็นภายในห้องแบบสลัว ๆ เวลาประมาณ ตี 1 คุณนัฎฐ์สะดุ้งตื่น ได้ยินเสียง ‘แคร่ก…แคร่ก…’ อยู่ภายในห้อง คุณนัฎฐ์ลืมตาขึ้นและกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ปรากฏว่าหางตาก็เห็นเป็นเหมือนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ใส่เสื้อสีขาว ผ้าถุงเลื่อมลายดอกพิกุลสีแดง ผมยาวถึงก้น ยืนหันหลังให้คุณนัฎฐ์ หันหน้าเข้ากระจก คุณนัฎฐ์รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนแน่ ๆ เพราะตัวเองอยู่บ้านคนเดียว และเสียง ‘แคร่ก…แคร่ก…’ ที่ได้ยินนั้น เป็นเสียงผู้หญิงคนนั้นกำลังหวีผมช้า ๆ ตั้งแต่โคนผมยาวไปถึงปลายผม คุณนัฎฐ์กลัวมาก และคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าคุณนัฎฐ์เห็นแล้ว คุณนัฎฐ์จึงหยิบผ้าห่มบนหัวมาสะบัด แต่สะบัดเท่าไหร่ก็ยังนิ่งเฉย ผู้หญิงคนนั้นก็คงรู้ว่าคุณนัฎฐ์ตื่นแล้ว แต่ก็ไม่ไปไหน ยังหวีผม ‘แคร่ก…แคร่ก…’ อยู่เหมือนเดิม คุณนัฎฐ์กลัวมาก จึงหาวิธีใหม่นั่นคือ การสวดมนต์ คุณนัฎฐ์หลับตาสวดมนต์ ด้วยความที่คุณนัฎฐ์กลัวมาก ทำให้ลืมบทสวดมนต์ สวดไปได้แค่ครึ่งทางก็ลืม คุณนัฎฐ์จึงค่อย ๆ ลืมตาเพื่อดูว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปหรือยัง แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่หายไป ยังยืนหวีผมหน้ากระจกอยู่เหมือนเดิม พอครั้งที่สาม คุณนัฎฐ์จึงตั้งสติใหม่ หลับตาลงแล้วตั้งใจสวดมนต์ ครั้งนี้จำบทสวดมนต์ได้ทั้งหมด พอสวดมนต์จนจบ คุณนัฎฐ์ก็ค่อย ๆ ลืมตาเพื่อจะเช็คอีกรอบว่าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าครั้งนี้ได้ผล ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว! หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นหายไป คุณนัฎฐ์ก็นอนไม่หลับจนถึงเช้า พอเช้าวันใหม่ คุณนัฎฐ์ก็ได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ป้าแม่บ้านฟัง แต่คุณนัฎฐ์ก็ยังกลัวว่าคืนนี้จะเจอผู้หญิงคนนั้นอีกหรือเปล่า ป้าแม่บ้านจึงให้คำแนะนำว่า “เอาอย่างงี้ไหม เดี๋ยวป้าจะพาไปหาร่างทรง เป็นหมอดูให้เขาดูให้” คุณนัฎฐ์ก็ตกลงและก็ไปหาหมอดูคนนั้น หมอดูก็เริ่มถามคำถามไปเรื่อย ๆ ถามเรื่องบ้านแต่ก็ไม่น่าใช่เพราะบ้านคุณนัฎฐ์เป็นบ้านใหม่ และก็อยู่มานานแล้วไม่เคยเจอ ถ้าเป็นกระจกบานใหญ่ที่น้องชายทำให้ก็ไม่น่าใช่ เพราะได้เป็นของขวัญตอนขึ้นบ้านใหม่ จนถามไปถึงเรื่องงานที่คุณนัฎฐ์ทำ ว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร คุณนัฎฐ์ก็ตอบว่า ‘ขายเสื้อผ้ามือสอง แต่เสื้อผ้าที่ขาย ก็ไม่ใช่แบบเดียวกันกับผู้หญิงคนนั้นใส่’ เรื่องนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นมาจากไหน แต่หมอดูก็บอกว่า ‘เขามาดีนะเขาจะมาช่วยค้าขายดีขึ้น’ หลังจากนั้น คุณนัฎฐ์ก็ไม่เจออะไรอีกเลย แต่ธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสองก็ต้องปิดลงเพราะมรสุมโควิด 19 และปัจจุบันก็ธุรกิจกระจกร่วมกับน้องชายแทน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

2 เรื่องหลอนตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต ของ ต้า & สอง PARADOX

01 ก.ย. 2023

2 เรื่องหลอนตอนไปทัวร์คอนเสิร์ต ของ ต้า & สอง PARADOX

‘ต้า-สอง Paradox’ มาเยือนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 สิงหาคม 2566) พร้อมเรื่องเล่าสุดหลอนจากการได้ไปนอนโรงแรมต่างๆ ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนหัวลุกตามกันเลยกับชื่อเรื่อง เตียงคู่‘ประสบการณ์หลอนพี่สอง Paradox’เกิดขึ้นครั้งที่ไปทัวร์คอนเสิร์ต ได้เข้าพัก ณ ที่พักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ลักษณะห้องพักคือมีเตียงเล็ก 2 เตียงตั้งคู่กัน โดยมีรูมเมทคือ ‘พี่บิ๊ก Paradox’ ในวันนั้น พี่บิ๊กตัดสินใจกลับก่อนในตอนเช้ามืด ส่วนพี่สองยังคงนอนพักอยู่ในห้องเพราะจะบินกลับตามไปในช่วงบ่ายพี่สองเล่าว่า ที่จริงแล้วจะมีกฎ หากห้องพักมี 2 เตียง แล้วเราเหลือคนเดียว เคยมีคนพูดไว้ว่า “ ให้เอาของไปวางบนเตียงที่ว่าง จะได้ไม่ต้องมีอะไรมาอยู่บนเตียง” ตามปกติก็จำได้ว่าต้องทำ แต่ในวันนั้นดันหลับอยู่ พี่บิ๊กกลับไปแล้ว เตียงเลยว่างโดยที่ไม่มีของวางไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอช่วงเวลารุ่งสาง เริ่มรู้สึกตัว ฟ้าเริ่มสลัวๆ ก็ลุกขึ้นหยิบของ เข้าห้องน้ำปกติ คิดไว้ว่าเดี๋ยวจะนอนต่ออีกหน่อย แต่จังหวะที่จะหยิบของจากตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ภาพมาเลยในกระจก สิ่งที่เห็นคือ กระจกสะท้อนไปที่เตียงพี่บิ๊ก เป็นร่างผู้หญิงนอนอยู่พี่สองบอกว่า “เสียงก๊อกน้ำ เสียงคนแก่ มันเป็นไปได้ที่เห็นแว๊บ ๆ หรือมุมไกล ๆ ลิฟต์เปิดเอง ทีวีเปลี่ยนช่องเอง เป็นเหตุการณ์ที่เจอมาหมด แต่ยังคิดต่อได้ว่าเป็นอย่างอื่นไปได้ แต่ภาพที่เห็นคนนอนอยู่ในกระจกอีกที คือตกใจมาก แบบเห็นชัดเลย แบบครั้งแรกที่ได้เห็นเต็ม ๆ พอหลังจากนั้นก็เก็บของแล้วไปห้องน้องๆทีมงานคนอื่นแทน”‘ยืนยันความหลอนจากประสบการณ์ของพี่ต้า Paradox’ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่คนละห้อง พี่ต้านอนอยู่ในห้อง โดยมีพี่วัตเป็นรูมเมทก็นอนในท่านั่ง เอาหัวแนบไปกับโต๊ะ แล้วก็พูดอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถจับใจความได้ ในตอนแรกพี่ต้าเข้าใจว่ากำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่ ไม่ได้สนใจอะไรจากนั้นก็นอนหลับไปปกติ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพอฟ้าสว่างก็ได้ยินเสียงพี่วัตลุกขึ้น อาละวาด โวยวาย “เอาดิว่ะ มาดิว่ะ ” แล้วก็เตะของ เปิดบทสวดมนต์ดังลั่น มาจากความโมโหที่โดนผีอำเมื่อคืน แล้วขยับตัวไม่ได้ ได้แต่มองพี่ต้านอนหลับ พี่วัตบอกว่าเขาพยายามตะโกน ขอให้ช่วย แต่พี่ต้าเข้าใจว่าพี่วัตกำลังนอนโทรคุยกับเพื่อน ไม่อยากเข้าไปกวน ขณะที่พี่วัตโดนผีอำ สายตาของเขามองผ่านกระจกไปเห็นภาพที่สะท้อน ตรงเตียงของพี่ต้า มีผีผู้หญิงหน้าตาดีสองคนกำลังสัมผัสลูบที่ศรีษะ ปรนนิบัติพี่ต้าอยู่แบบนั้นจนฟ้าสว่าง แล้วพวกเขาก็หายไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ' ผีสาว Translate ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

16 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ' ผีสาว Translate ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 พฤศจิกายน 2567) ที่ผ่านมา มีเรื่องเล่าเรื่องหลอนของ ‘คุณหนองน้ำ’ ที่โทรเข้ามาเล่าเรื่องที่ทั้งแปลกทั้งหลอนของผีญี่ปุ่น จน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม ขนลุกซู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย! คุณหนองน้ำบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่เมืองแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ได้พักอยู่ย่านที่คนเอเชียมักจะเลือกพักอาศัยอยู่กัน ทั้งหมด 7 วัน และได้เจอเรื่องแปลก ๆ ตลอดระยะเวลาที่พักอยู่ที่นั่น คุณหนองน้ำไปถึงที่พักประมาณ 4 โมงเย็น เขาก็ได้ทำการเช็คอินเข้าที่พักตามปกติ แต่พอเข้าที่พักไปกลับรู้สึกถึงความแปลก ๆ ของที่พักแห่งนี้ ห้องพักนั้นอยู่ชั้น 2 บรรยากาศภายในตึกเงียบสงบมาก คุณหนองน้ำมองไปที่ตู้จดหมายที่เป็นล็อกเกอร์ของแต่ละห้องก็พบว่ามีจดหมายล้นทะลักเหมือนกับไม่เคยถูกเปิดมาก่อน จึงเอะใจขึ้นมาว่า ‘มันเงียบเหรอวะ หรือว่ามันไม่มีคนอยู่’ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ จากนั้นก็เดินเข้าห้องพักตามปกติ ในตอนที่คุณหนองน้ำเปิดประตูเข้าห้องพักไปก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันทั้งเศร้า ทั้งหดหู่ และอึดอัด มันทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ จนรู้สึกว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ ๆ พอปิดประตูห้องก็เจอกับฮวงจุ้ยผี เช่น ประตูห้อง เตียงนอน ทุกอย่างตรงกับประตูทางออก คุณหนองน้ำอยู่ในห้องได้สักพัก จู่ ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องก็มีปัญหา ตัดสินใจแจ้งกับเจ้าของตึก แต่พยายามติดต่อเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ คิดว่าเป็นที่ระบบ จึงแจ้งกับทางระบบไปว่า “ถ้าเราอยากจะย้ายที่พัก พอเป็นไปได้ไหมที่จะหาที่พักในเวลานี้” ทางระบบก็บอกว่า “โอเค เดี๋ยวทางเราจะไปเช็คให้” แต่ระหว่างที่นั่งรอ คุณหนองน้ำได้พูดเล่น ๆ กับแฟนว่า “ที่นี่มีผี แต่ผีที่นี่น่าจะพูดไทยไม่ได้ เราก็ฟังญี่ปุ่นไม่ออก” หลังจากที่ติดต่อเจ้าของตึกได้ก็มีเจ้าหน้าที่มาที่ห้องเพื่อแก้ไขปัญหาให้ สุดท้ายคุณหนองน้ำก็ต้องอยู่ที่พักนี้ต่อตลอด 7 วันคืนที่หนึ่ง ในคืนแรกยังไม่เจออะไร แต่จะมีเสียงมาจากชั้นบน (อาคารนี้เป็นอาคาร 3 ชั้น ห้องพักจะถูกแบ่งให้เหมือนเป็นอพาร์ทเม้นท์) ในทุกคืนที่ชั้น 3 จะมีเสียงดัง ตึงตัง! ตลอด แต่คุณหนองน้ำก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะลมพัดประตู เนื่องจากช่วงมีนาคมที่ญี่ปุ่นอากาศค่อนข้างเย็นและมีลมแรง จึงตัดสินใจที่จะออกไปดู แต่แฟนก็บอกว่า “ใจเย็นอย่าพึ่งออกไปดู ตึกคงมีปัญหา เดี๋ยวพรุ่งนี้กลางวันค่อยออกไปดู” คุณหนองน้ำเป็นคนที่เซนซิทีฟเรื่องเสียง จึงใส่ตัวอุปกรณ์กันเสียงแล้วหลับไปคืนที่สอง หลังจากไปเที่ยวกันมาทั้งวัน ก็กลับมานอนช่วงดึก คุณหนองน้ำเลือกที่จะนอนเตียงที่ปลายเท้าชนประตูและชนกับประตูทางออก ขณะที่กำลังเคลิ้มกลับก็เริ่มรู้สึกเหมือนเห็นเงาดำอยู่ที่ปลายเท้า ตอนนั้นตนคิดว่าตาอาจจะไม่ได้โฟกัส แต่เงาก็เริ่มชัดขึ้น เป็นเงาดำที่อยู่ในความมืด ลักษณะเหมือนคนแต่มาในรูปแบบที่จับต้องไม่ได้ ลักษณะเป็นเหมือนคนยืน ผมสยาย เสื้อผ้าสยาย ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะไม่เห็นหน้า แต่คุณหนองน้ำเห็นว่าเขาขยับลอยเข้ามาใกล้ ๆ จากประสบการณ์คุณหนองน้ำจึงตัดสินใจพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันตัวเข้ากำแพงแล้วก็ได้หลับไปวันที่สาม รุ่งเช้า คุณหนองน้ำเปิดประตูออกจากห้อง ก็เจอกับทีมงานกองถ่ายยืนอยู่เต็มหน้าห้องที่กำลังถ่ายอะไรบางอย่างอยู่ ตนรู้สึกเกรงใจและไม่อยากให้กล้องถ่ายติดตัวเอง จึงรีบเดินออกจากตรงนั้น เมื่อเดินลงมาข้างล่างก็ต้องตกใจ เพราะเจอผีที่กำลังถ่ายหนังอยู่! (คนแต่งตัวเป็นผีเพื่อถ่ายหนัง) แต่คุณหนองน้ำรู้สึกว่าสายตาของทีมงานมองที่ตนมันแปลกมาก และก็ยังสงสัยอยู่ในใจว่า ‘เหมือนที่ตึกแห่งนี้ไม่มีคนอยู่ และตลอด 3 วันที่อยู่มา ก็ไม่มีคนเดินเข้าออก’ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ และออกไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้ เมื่อกลับมาจากออกไปเที่ยว ในคืนนั้นเอง คุณหนองน้ำเริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่จะนอนตอนกลางคืนแต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปรากฏว่าคืนนั้นช่วงเวลาประมาณ ตี 3 คุณหนองน้ำตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ก็เห็นว่าประตูห้องปิดไม่สนิท แต่สิ่งที่ตาโฟกัสเมื่อตื่นขึ้นมาคือ มีเงาสีดำเหมือนคนยืนหันหลังอยู่ที่ประตู คุณหนองน้ำคิดในใจว่าเป็นเพื่อนของแฟนที่ยังไม่นอน พอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เงาดำกลับหายวับไปกับตา! คุณหนองน้ำจึงรีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันที แล้วคิดในใจว่า ‘เราเจอเขาคนนี้อีกแล้วนะ’ หลังจากนั้นคืนที่ 4 และคืนที่ 5 ไม่เจออะไร จนมาถึงคืนที่ 6 คุณหนองน้ำกำลังนั่งเก็บกระเป๋าเพื่อกลับวันที่ 7 แต่อยู่ ๆ คุณหนองน้ำก็ได้กลิ่นไหม้จึงพยายามหาแต่ก็ไม่รู้ว่ากลิ่นมาจากไหน สักพักกลิ่นที่เหม็นเหมือนของย่างของไหม้ก็หายไป จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันสุดท้ายที่จะกลับ คุณหนองน้ำและครอบครัวกำลังนั่งรถไฟเพื่อไปที่สนามบิน ด้วยความที่คุณหนองน้ำกับแฟนนั่งแยกกัน คุณหนองน้ำจึงทักไปหาแฟนว่า “ที่นี่มีผีนะ” แฟนก็ตอบกลับมาว่า “ใช่! ที่นี่มันมีผี” พอถึงสนามบิน คุณหนองน้ำกับแฟนได้นั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งที่น่าแปลกคือ แฟนของคุณหนองน้ำเจอตั้งแต่คืนที่สองถึงคืนสุดท้ายก่อนกลับ แต่เลือกที่จะไม่บอกใคร เนื่องจากว่ายังต้องพักอยู่ห้องนี้อีกหลายวัน แฟนคุณหนองน้ำบอกว่าคิดว่าเรื่องที่เจอเป็นแค่ความฝัน เนื่องจากแฟนคุณหนองน้ำเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องลี้ลับ และเล่าเหตุการณ์ว่า ตนนั้นฝันทุกคืน ตั้งแต่คืนที่สอง ฝันว่าในห้องพักมีผู้หญิงคนหนึ่ง ลักษณะคล้ายผีจูออน ชุดขาว ผมยาวไม่เห็นใบหน้า มานั่งอยู่ปลายเตียงพูดว่า “มาอยู่ที่นี่ทำไม ที่นี่มันมีผี” พอพูดเสร็จ ผู้หญิงคนนี้ก็ยืดตัวยาวขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็หายไปในความฝัน แฟนคุณหนองน้ำคิดว่ามันก็เป็นแค่ความฝันจึงไม่คิดอะไรมาก จนมาถึงวันที่สาม ครั้งนี้แฟนคุณหนองน้ำเจอตอนกลางวันช่วงประมาณบ่ายสาม ในตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงเตียงที่คุณหนองน้ำนอนแล้วก็เผลองีบหลับไป จากนั้นก็รู้สึกว่ามีผีผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ เหมือนกับถูกผีอำ เพราะขยับตัวไม่ได้ นอกจากนี้ ผีผู้หญิงคนนั้นก็พูดอีกว่า “มาอยู่ที่นี่ทำไม ไปกันได้แล้ว ที่นี่มันมีผี” ทุกครั้งที่พูดมักจะย้ำคำเดิมตลอดว่า “ที่นี่มันมีผี” พูดเสร็จผีสาวก็หายไป เป็นแบบเดิมตลอดในทุกวัน จนสุดท้ายคุณหนองน้ำอยากรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไร จึงเข้าเว็บไซต์หนึ่งของญี่ปุ่นที่สามารถเช็คได้ว่าที่นี่เคยเกิดเหตุการณ์อะไร ซึ่งจะมีการอัพเดตไว้ตลอดภายในเว็บไซต์ พอพิมพ์ตำแหน่งเข้าไปใน Google ปรากฏว่าที่พักที่เขาพักมีลูกไฟขึ้น! (แปลว่าอาจมีผี) และด้วยความเว็บไซต์เป็นภาษาญี่ปุ่น คุณหนองน้ำจึงส่งให้เพื่อนช่วยแปลให้ จากนั้นเพื่อนก็ตอบกลับมาว่า ที่นี่เมื่อปี 2007 เคยเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้มีผู้หญิงถูกไฟคลอกเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ คุณหนองน้ำบอกว่าวันก่อนจะกลับเขาได้ไปเดินรอบอาคาร ลักษณะของตึกเป็นอพาร์ทเมนต์แต่เหมือนตึกนี้เคยเป็นโรงงานมาก่อน เนื่องจากห้องพักประตูเป็นเหล็ก มีประตูซี่ลวดลูกกรงอยู่ข้างใน คุณหนองน้ำจึงคิดว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้มีคนเสียชีวิตอยู่ที่นี่ คุณหนองน้ำตัดสินใจบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางเว็บไซต์จองที่พักแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับอะไรมาอีก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากเฌอปราง ‘เงาที่ทอดไป 5 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

16 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากเฌอปราง ‘เงาที่ทอดไป 5 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ’เฌอปราง’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘เงาที่ทอดไป 5 ชั้น’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! เฌอปรางเล่าว่า ย้อนกลับไปตอนอายุ 5 ขวบ ช่วงสุดสัปดาห์ไปอยู่คุณปู่ที่อพาร์ทเม้นท์ที่ไม่ได้ไปบ่อยนัก ตอนนั้นหลังกลับจากเที่ยวห้างและสวนสัตว์กับคุณปู่ ทางกลับจะเป็นซอยเข้าไปลึก ทางเปลี่ยว ไม่ค่อยมีผู้คน และเป็นอพาร์ทเม้นท์หลายตึก ตอนนั้นเป็นช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม ทุกอย่างมืดมาก ต้องเปิดไฟ สองปู่หลานเดินจูงมือกันไปตามทาง เดินผ่านซอกอพาร์ทเม้นท์ที่เป็นถนนที่ต้องเดินผ่าน ด้านข้างเป็นผนังสีขาว โล่ง ๆ สูงประมาณตึก 5 ชั้น ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นทางที่ผ่านประจำ แต่ครั้งนี้เฌอปรางรู้สึกแปลกไปกว่าเดิม ไม่รู้อะไรดลใจ เท่าที่จำได้ เฌอปรางเห็นตั้งแต่เริ่มเดินเข้าไปในซอกนั้น เป็นเงารูปคนสูงเท่าตึก แขนและขา ยาว ผอม เฌอปรางก็มองแล้วคิดในใจตามประสาเด็กว่า “มันคืออะไร” พอพยายามมองไปรอบ ๆ ก็เจอไฟที่ส่องมา แต่ไม่เจอต้นกำเนิดหรือเจ้าของเงา พอเดินไปต่ออีกประมาณ 5 นาที ระหว่างนั้นก็เดินแล้วก็มองอยู่หลายครั้ง เงานั้นก็อยู่เฉย ๆ ตอนนั้นคิดว่าน่าจะรู้สึกกลัวเลยไม่ได้ถามคุณปู่ เฌอปรางจำได้ว่าหลังจากนั้นก็กลัวที่จะเดินผ่านซอกนั้น และระแวงซอกที่คล้าย ๆ ตอนนั้นไปเลย จนทุกวันนี้ยังจำได้อยู่เลย 5-6 ปีผ่านไป พอโตขึ้นมาก็ได้ยินเรื่องเล่าว่า ‘มันมีสิ่งมีชีวิตที่ตัวสูงเท่าตึก แขน-ขา ยาว ผอมแห้ง ปากเท่ารูเข็ม เรียกว่าเปรต’ เฌอปรางจึงเอะใจว่าวันนั้นที่เราเจอมันจะใช่ไหมนะ จึงถามว่า ”ตอนนั้นตอนเด็ก หนูเจอที่อพาร์ทเม้นท์ปู่เนี่ย มันใช่ไหมคะ“ เขาก็บอกว่า ”เฌอไปทำบุญเถอะ เขาน่าจะมาขอส่วนบุญ“ และนี่เป็นไม่กี่เรื่องที่เฌอปรางยังจำได้ตั้งแต่เด็ก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1