28 ก.ค. 2023
ไปดูหนังรอบดึก นับคนดูได้ 5 คน แต่พอดูไปเรื่อย ๆ โผล่มาเพิ่มอีก 1 ! ระหว่างนั่งดู ก็มีคนหันหน้ามาจ้องด้วยตาแดงก่ำ! หลังจากหนังจบก็ออกมารอข้างนอก แต่คนก็ออกมาแค่ 5 คน ไปถามแม่บ้าน แม่บ้านก็บอกปัดแล้วเดินหนี! พอรู้ความจริงเท่านั้นแหล่ะ
สายที่โทรเข้ามาในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (25 กรกฎาคม 2566) ได้เล่าเรื่องหลอนที่เคยเจอกับตัว ระหว่างที่กำลังชมภาพยนตร์รอบดึก ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกเกรียวกราวไปตาม ๆ กัน เรื่องนี้มีชื่อว่า ‘โรงหมายเลข 6’ ใครที่มีแพลนจะไปดูหนังรอบดึก นับจำนวนคนให้ดี ๆ นะ! เรื่องหลอนนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณชิ’ ที่ปัจจุบันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคในโรงภาพยนตร์มาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งก็เข้าทำงานเป็นกะ ทั้งกลางวันและกลางคืนหมุนเวียนสลับกันไป คุณชิเองเป็นคนที่ชื่นชอบการดูหนังรอบ Midnight อยู่แล้ว เมื่อถึงวันที่ต้องเข้ากะดึก จึงไปเช็คก่อนว่ามีลูกค้าเข้าไปใช้บริการในโรงหนังรอบนั้นกี่คน ปรากฏว่ามีลูกค้าเพียง 5 คนเท่านั้น เมื่อถึงเวลา คุณชิก็เดินเข้าไปดูหนังในโรงหมายเลข 6 พร้อมกับลูกค้าทั้ง 5 คนนั้น.. โรงหมายเลข 6 นี้เป็นโรงที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แถวที่คุณชิเข้าไปนั่ง คือแถว AA (ด้านบนสุด) ทำให้สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งโรง คุณชิจึงคอยสอดส่องว่าลูกค้าเข้ามาครบหรือยัง เพราะที่นั่งที่คุณชินั่ง อาจจะไปตรงกับลูกค้าก็เป็นได้ เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาครบ คุณชิก็สบายใจเพราะไม่ได้นั่งทับที่ใคร จากนั้นหนังก็เริ่มฉายไปตามปกติ เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณชิก็กวาดสายตาไปมองบรรดาลูกค้าอีกครั้ง แต่เมื่อลองนับจำนวนดูกลับพบว่ามีทั้งหมด 6 คน! คุณชิรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะตัวเองนั่งอยู่ในจุดที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของทุกอย่างในโรงได้ ไม่ยักกะเห็นคนเดินเข้ามาเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียว คุณชิคิดว่าอาจจะเบลอนับพลาดไป จึงนับใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังเป็น 6 คนอยู่ดี ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจมาก คุณชิจึงไม่คิดอะไรต่อ แล้วกลับไปสนใจหนังที่กำลังฉายอยู่เช่นเดิม เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณชิก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง หันหน้ามองซ้ายขวาไปรอบ ๆ โรงโดยที่ตัวไม่ได้หันตามไปด้วย จากนั้นก็หันกลับไปดูหนังตามปกติ พอมีจังหวะที่หนังตบมุกตลก ผู้ชายคนนั้นก็หัวเราะ “หึ ๆ” เสียงต่ำในลำคอ ทั้ง ๆ ที่คนในโรงต่างเงียบกัน คุณชิคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้หัวเราะแปลก ๆ สักพัก ผู้ชายคนนั้นก็หันคอกลับมามองที่คุณชิ! แล้วก็จ้องหน้าคุณชิอยู่อย่างนั้นประมาณ 10 วินาทีได้ จากนั้นก็หันกลับไปช้า ๆ ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ก็หันกลับมามองที่คุณชิอีกรอบ! แต่รอบนี้ตาของผู้ชายคนนั้นกลายเป็นสีแดงไปแล้ว! คุณชิตกใจและสงสัยว่าเขาจะมองหน้าตัวเองไปทำไม ในตอนนั้นคุณชิยังคงคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนดวงตาที่เป็นสีแดง อาจเป็นเพราะแสงจากการฉายหนังก็เป็นได้ หลังจากนั้น ผู้ชายคนนั้นก็หันกลับไปเหมือนเดิม กระทั่งหนังฉายจบ คุณชิก็รีบเดินออกไปรอหน้าโรงหนัง เพื่อที่จะดูว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกมาหรือไม่ แต่กลายเป็นว่ามีคนเดินออกไปแค่ 5 คนเท่านั้น! เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าเดินออกมาแค่ 5 คน คุณชิจึงคิดว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะเดินออกประตูอื่น เพราะในช่วงนั้นจะมีป้าแม่บ้านมาทำความสะอาด เขาอาจจะออกประตูนั้นเพื่อไปเข้าห้องน้ำ คุณชิจึงเดินไปหาป้าแม่บ้าน A แต่เมื่อถามว่ามีลูกค้าเดินสวนออกมาทางนี้หรือไม่ ป้า A ก็ตอบกว่า “ไม่มีนะ” คุณชิเริ่มคิดในใจว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะไม่ใช่คน แต่ก็ยังไม่ได้บอกป้าเอว่าตนเจออะไรมา จากนั้นคุณชิก็กลับไปทำงานตามปกติ ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ คุณชิยังคงไปทำงานตามปกติ ก็ได้ยินพี่ ๆ ในออฟฟิศคุยกันว่า “เมื่อคืนนี้ ลูกค้าเจอผี” คุณชิหูผึ่งทันที จึงขอให้พี่ในออฟฟิศเล่าเรื่องให้ฟัง เขาก็เล่าว่า “เมื่อคืน ก่อนที่ลูกค้าผู้ชาย A จะเข้าห้องน้ำ ก็เห็นว่ามีลูกค้าผู้ชาย B ยืนส่องกระจกอยู่ แต่ไม่เชิงว่าส่องกระจก เพราะเขายืนตรง ๆ แต่ลูกค้า A ก็ไม่คิดอะไร เดินเข้าไปยืนทำธุระส่วนตัวตรงโถ ซึ่งเป็นมุมที่ต้องยืนหันหลังให้ลูกค้า B เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยไม่ถึงหนึ่งนาที หันกลับมาก็ไม่มีใครยืนส่องกระจกอยู่แล้ว! แถมประตูก็ไม่ได้เปิดอยู่ด้วย ทุกอย่างในห้องน้ำดูเงียบสงัด ลูกค้า A จึงไปบอกกับป้าแม่บ้าน C และเล่าว่าเขาเจอผีบ่อยมากเลยเวลามาดูหนังที่นี่ แต่ป้าแม่บ้านก็ทำได้แค่ตอบรับแล้วก็เดินจากไป” หลังจากทราบคร่าว ๆ แล้ว คุณชิจึงไปหาป้าแม่บ้าน C เพื่อถามเรื่องราวต่อ แต่ป้าก็ปฏิเสธบอกเพียงว่า “ป้าไม่รู้หรอก ไม่รู้ ๆ เราทำงานที่นี่ เรารู้อยู่แล้ว ป้าไม่อยากพูด” พูดจบก็รีบเดินจากไป แต่อาการลุกลี้ลุกลนของป้า ทำให้คุณชิยืนงง แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เมื่อป้าไม่บอก ก็ไม่ต้องรู้ก็ได้ คุณชิคิดแบบนั้นแล้วก็กลับไปทำงานต่อ เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ถึงวันที่คุณชิต้องเข้างานกะดึกอีกครั้ง วันนั้นมีหนังเรื่องใหม่ที่คุณชิอยากดูอยู่พอดี จึงเข้าอีหรอบเดิม แต่ครั้งนี้คุณชิเข้าไปเช็คทั้งหน้าแอปฯ หน้าเคาน์เตอร์ ว่ามีลูกค้ากี่คน แล้วก็จะเข้าโรงหนังช้ากว่าปกติเพื่อให้ลูกค้าเข้าโรงให้หมดก่อน แต่เมื่อเช็คแล้ว ในรอบนั้นไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเลย ตามปกติแล้วรอบนี้ก็จะงดฉาย แต่คุณชิขอให้เพื่อนร่วมงานฉายหนังตามปกติ จากนั้นคุณชิก็เดินเข้าไปดูหนังคนเดียว เวลาผ่านไปประมาณ 40 นาที ก็สังเกตเห็นว่ามีคนมานั่งอยู่แถว F ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้! (ห่างจากแถว AA ประมาณ 5-6 แถว) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งเดิมที่คุณชิเจอเมื่อคราวก่อนด้วย คุณชิเกิดคำถามในหัวมากมายว่าเขาคนนั้นเข้ามาในโรงหนังได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่รอบนี้มันไม่ควรจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการด้วยซ้ำ เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที เขาก็หันกลับมามองที่คุณชิด้วยตาแดงก่ำคู่นั้น! สักพักเขาก็อ้าปาก แล้วเลือดก็ไหลออกมา! คุณชิตกใจด้วยความกลัวก็รีบวิ่งออกจากโรงหนังทันที คุณชินั่งอยู่หน้าโรงหนังนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงได้ จากนั้นก็ทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปในโรงหนังอีกครั้ง แต่ก็พบว่ามันไม่มีใครอยู่ในโรงหนังนั้นเลยสักคน! คุณชิในตอนนั้นเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่น่ามีใครมาแกล้งอะไรแบบนี้ และนั่นคงจะเป็นผีแน่ ๆ จากนั้นก็เดินไปหาน้องที่ทำงานเกี่ยวกับตั๋วแถวนั้น คุณชิเล่าเรื่องที่เจอให้น้องฟัง และยังเล่าให้เพื่อนร่วมงานหลาย ๆ คนฟัง แต่ทุกคนก็มักจะบอกว่าคุณชิตาฝาดไปเองมากกว่า และทุกคนก็ยืนยันว่าที่นี่ไม่มีผี คุณชิก็พยายามไม่คิดอะไร แล้วกลับไปทำงานตามปกติ คุณชิเล่าว่าในห้องที่ฉายหนัง จะมีหน้าต่าง 3 บาน ตรงกลางเป็นช่องสำหรับฉายโปรเจคเตอร์ ซึ่งเป็นหน้าต่างที่สามารถเปิดปิดได้ เป็นช่องขนาดเล็กที่เอาไว้ชะโงกดูความเรียบร้อยภายในโรงหนัง คืนหนึ่ง หลังจากที่หนังรอบสุดท้ายฉายจบแล้ว คุณชิก็จะมีหน้าที่เดินปิดไฟ ปิดแอร์ ปิดเสียง และระบบต่าง ๆ และจะต้องเปิดหน้าต่างเหล่านั้น เพื่อให้อากาศถ่ายเท และไม่เกิดความชื้นในห้องฉายหนัง ขณะที่เปิดหน้าต่าง คุณชิก็ต้องชะโงกหัวออกไปเพื่อเช็คความเรียบร้อยในโรงหนัง คุณชิต้องก้มหน้าเพื่อเอาหัวสอดเข้าไปในช่องนั้น แล้วพอเงยหน้าขึ้นมา ก็ประจันหน้าเข้ากับผู้ชายที่ตาแดงก่ำหน้าโชกไปด้วยเลือดอย่างสยดสยอง! คุณชิตกใจรีบเอาตัวถอยหลังจนชนกำแพง และบอกว่า “อย่า อย่าพี่! ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยนะ!” จากนั้นพี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่โปรเจคเตอร์ก็วิ่งเข้ามาดูด้วยความตกใจ คุณชิก็เล่าเรื่องที่เจอให้ฟัง แต่พี่เขาก็บอกว่าคงไม่มีอะไร จากนั้นก็เช็คในโรงอีกรอบ และก็บอกว่า “ไม่มีใครเลยนะ ตั้งสติแล้วมาดูดี ๆ” แต่คุณชิก็ยืนกรานว่าเขาเห็นจริง ๆ จากนั้นก็ชะโงกหัวไปดูอีกครั้ง ปรากฏว่ามันก็ไม่มีใครจริง ๆ หลังจากนั้นก็รีบปิดระบบทุกอย่างแล้วกลับบ้านทันที คุณชิเล่าว่าภาพนั้นมันยังติดตาอยู่เลย เพราะเป็นการประจันหน้าในระยะห่างกันแค่ 20 เซนติเมตร และหน้าต่างตรงนั้นอยู่ในจุดที่สูงจากพื้นเมตรกว่าได้ ไม่น่ามีใครยื่นหน้าเข้ามาหาแบบนั้นได้เลย คุณชิยังบอกอีกว่าเขาเองก็ห้อยพระ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรมาก หลังจากนั้นก็ต้องมาทำงานกะดึกปกติ ในจังหวะที่ต้องเปิดหน้าต่างแล้วชะโงกหน้านั้น ก็เห็นว่าเขานั่งอยู่ที่เดิมในโรงหนัง แล้วเขาก็ลุกขึ้นมากำลังจะเดินออก ก็มีใครไม่รู้วิ่งเข้ามา เอามีดมาจ้วงแทงเขาหลายรอบ เขาสำลักเลือดแล้วก็กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ล้มลงนอนตรงนั้น ส่วนคนที่แทงก็วิ่งหนีหายไปเลย! คุณชิตกใจรีบตะโกนเสียงดังและวอร์วิทยุว่ามีคนแทงกันในโรงให้ทุกคนเข้ามาช่วยกัน เมื่อทุกคนเข้ามา ในโรงกลับว่างเปล่า! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย คุณชินั่งหน้าซีดตัวสั่น ไม่คุยกับใครเลย เมื่อสงบสติได้แล้ว พี่ในออฟฟิศก็เล่าว่า “มีคนเคยแทงกันตายจริง แต่ว่ามันผ่านมานานมากแล้ว” จากนั้นก็แนะนำให้คุณชิไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณนั้น และก็ให้คุณชิหยุดทำงานไปสักพัก หลังจากเจอเหตุการณ์นั้นคุณชิก็จับไข้หัวโกร๋น และไปทำบุญให้ แต่นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้วิญญาณนั้นหายไป คุณชิยังคงเห็นเขานั่งอยู่ที่นั่งเดิม เพียงแต่ไม่ได้ทำให้กลัวเหมือนที่เคยเจอ ล่าสุด คุณชิเข้าไปดูหนังรอบดึกอีกครั้ง แต่ด้วยความล้าจากการทำงาน จึงเผลอหลับ แต่ก็มีคนมาสะกิด คุณชิก็สะดุ้งตื่น แล้วก็เห็นว่าหน้าเขาก้มลงมามองที่คุณชิอยู่! คุณชิก็รีบบอกไปว่าจะทำบุญไปให้ พอลืมตามาอีกที เขาก็หายไปแล้ว! ปัจจุบันนี้คุณชิยังทำงานอยู่ที่เดิม เพราะงานก็ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ และเล่าเพิ่มเติมว่าถ้าไปที่โรงนั้น แล้วสังเกตก็จะเห็นว่ามีศาลตั้งอยู่หลังม่าน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่