ไปพักโรงแรมต่างจังหวัดแล้วเจอเด็กมาเขย่าที่ขาแถมยังหัวเราะคิกคัก! พอบอกให้ไป พ่อเด็กกลับบอกว่า “นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” กลับถึงบ้านก็เจอตามมาอีก! พยายามสวดมนต์ให้ แต่เด็กกลับบอกว่า “พี่พูดอะไร หนูไม่เข้าใจ พี่จะให้หนูไปจากพ่อหรอ หนูไม่ยอมหรอกนะ”

อังคารคลุมโปง RECAP

ไปพักโรงแรมต่างจังหวัดแล้วเจอเด็กมาเขย่าที่ขาแถมยังหัวเราะคิกคัก! พอบอกให้ไป พ่อเด็กกลับบอกว่า “นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” กลับถึงบ้านก็เจอตามมาอีก! พยายามสวดมนต์ให้ แต่เด็กกลับบอกว่า “พี่พูดอะไร หนูไม่เข้าใจ พี่จะให้หนูไปจากพ่อหรอ หนูไม่ยอมหรอกนะ”

26 มิ.ย. 2023

       บลู ขวัญ และ โดนัท จากวง ‘INDIGO’ กลับมาเยือน ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 มิถุนายน 2566) อีกครั้ง พร้อมกับเรื่องหลอนสุนัขพร้อมหอนเช่นเคย จน ‘ดีเจเคเบิ้ล’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ นั่งไม่ติดเก้าอี้ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘สองพ่อลูก’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย!

       คุณขวัญเล่าว่าเรื่องนี้เริ่มจากการที่วง INDIGO ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ต่างหวัดในภาคอีสาน เวลาประมาณ 4 โมงเย็นก็ถึงโรงแรม แต่โรงแรมยังจัดเตรียมห้องพักไม่เสร็จดี มีเพียงบลู โดนัท และนักดนตรีแบคอัพอีก 1 คน ที่จะได้เข้าห้องพักก่อน ‘เหียะ’ ผู้จัดการวงจึงชวนคุณขวัญไปไหว้พระรอ

       เมื่อไปถึงที่วัด ก็เข้าไปไหว้พระตามปกติ ขณะที่จุดธูปอยู่นั้น เมฆครึ้มฝนห่าใหญ่ก็ตั้งเค้ามา ทั้งสองคนจึงรีบไหว้เพราะกลัวจะเปียกฝน เนื่องจากที่ตรงนั้นเป็นลานกว้าง เมื่อไหว้เสร็จ ในใจคุณขวัญตอนนั้นอยากจะเดินเข้าไปดูว่าวัดกำลังจะสร้างอะไร ระหว่างทางเดินเข้าไป ก็มีคนงานก่อสร้าง และคุณขวัญก็สังเกตเห็นหลุม แต่ไม่ได้คิดอะไร จึงเดินผ่านไป พอเดินกลับออกมา ก็เห็นคุณป้าท่านหนึ่งยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ คุณขวัญจึงเล่าเพิ่มเติมว่า แม่ของเหียะบวชเป็นแม่ชีอยู่ ท่านก็จะสอนให้หยาดน้ำ ซึ่งจะคล้าย ๆ กับการกรวดน้ำที่ต้องนั่งกรวด แต่หยาดน้ำสามารถทำได้ตลอดเวลา เช่น ใช้น้ำอะไรก็ได้ หรือหากเห็นใครฉีดน้ำ หรือแม้กระทั่งฝนตก ก็สามารถแผ่เมตตาไปให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวได้ ซึ่งปกติแล้ว คุณขวัญจะไม่หยาดน้ำที่วัดเลย เพราะบางทีไม่มีน้ำหยาด จะกลับไปหยาดที่ห้องแทน เมื่อเห็นคุณป้าท่านนั้นรดน้ำต้นไม้ คุณขวัญก็คิดว่างั้นหยาดน้ำเลยดีกว่า ไม่นานฝนก็ตกลงมา คุณขวัญที่ยังท่องบทแผ่เมตตายังไม่จบ จึงคิดว่าจะกลับไปสวดที่ห้องต่อ

       เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ก็มาถึงโรงแรม คุณขวัญรู้สึกเหนื่อยมาก จึงนอนพักผ่อน จากนั้นก็ฝันว่า ที่ปลายเตียงมีเด็กมาเล่นที่ขา แถมยังส่งเสียงหัวเราะคิกคักอีกด้วย คุณขวัญตื่นขึ้นมา ก็เห็นเป็นเด็กใส่แพมเพิร์ส หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ข้าง ๆ ก็มีผู้ชายคนนึงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เล่นกับลูกอยู่โดยที่ไม่ได้สนใจคุณขวัญเลย ตอนนั้นคุณขวัญรู้สึกสับสนว่านี่คือความฝันหรือความจริง จากนั้นเด็กคนนั้นก็กระโดดมานั่งทับที่เข่าคุณขวัญ! ทำให้คุณขวัญสะดุ้งตื่นขึ้นมาจริง ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงคุณเหียะเคาะประตู คุณขวัญก็เล่าความฝันที่เจอให้ฟัง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ พอคุณเหียะเดินออกจากห้องไป คุณขวัญก็ตั้งใจจะนอนต่อ แล้วก็ฝันเห็นเหมือนเดิมทุกอย่าง คุณขวัญก็ถามไปว่า “มาทำอะไร นี่ห้องขวัญนะ” ผู้ชายเสื้อเชิ้ตขาวคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” จากนั้นก็กลับไปเล่นกับลูกต่อเหมือนเดิม คุณขวัญเล่าว่าหลังจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำ พอกลับออกมา ก็ยังเห็นสองพ่อลูกอยู่ที่เดิม จึงพูดขึ้นอีกว่า “ออกไป จะนอนแล้ว นี่ห้องขวัญ” เขาก็ตอบกลับมาว่า “ก็บอกแล้วไง นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” ทั้งคู่ก็มองหน้ากันสักครู่ ไม่นานคุณขวัญก็สะดุ้งตื่นอีกครั้ง

       หลังจากตื่นขึ้นมา คุณขวัญก็รีบเปลี่ยนชุดลงไปวิ่งออกกำลังกายข้างนอก เพื่อให้ตัวเองเลิกคิดฟุ้งซ่าน ระหว่างเดินลงมาก็ส่งข้อความหาคุณเหียะว่า “โดนแล้วว่ะ ไม่รู้ว่าฝัน หรือของที่โรงแรม หรือตามมาจากวัด” จากนั้นก็ออกวิ่งไปตามสถานที่ต่าง ๆ รอบ ๆ โรงแรม หลังจากวิ่งเสร็จก็ทำใจอยู่นานกว่าคุณขวัญจะกล้าขึ้นห้อง พอเปิดประตูห้องเข้าไป ก็พยายามบอกตัวเองว่านั่นคือความฝัน จากนั้นก็ข่มตาให้หลับไป

       ทุกอย่างดูเป็นปกติ กระทั่งกลับมาถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ในวันหนึ่ง ขณะที่ขับรถกลับมาที่บ้าน ก็เห็นผู้ชายคนนึงยืนจับมือเด็กอยู่ที่หน้าบ้าน โดยหันมองไปที่บ้านของคุณขวัญ คุณขวัญอึ้งไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่อนุญาตให้ใครเข้าบ้าน!” จากนั้นก็ถอยรถเข้าบ้าน จังหวะที่ถอยรถเข้ามานั้น คุณขวัญก็มองเห็นสองพ่อลูกนั้นอย่างชัดเจน! นั่นยิ่งทำให้คุณขวัญทำตัวไม่ถูกและไม่กล้าที่จะลงจากรถ จึงเสิร์ชหาวิธีจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็แนะนำให้สวดมนต์ คุณขวัญสวดบทอิติปิโส แต่เขาก็ไม่ไป คุณขวัญจึงตั้งชื่อให้สองพ่อลูกนั้นว่า ‘พี่ศักดิ์’ กับ ‘น้องน้ำหวาน’ และบอกไปว่า “ถ้าอยากได้อะไร ให้มาบอกขวัญ ขวัญไม่รู้ว่าพี่เป็นใครมาจากไหน พรุ่งนี้จะไปทำบุญให้” พูดจบก็เปิดประตูลงจากรถเข้าบ้านไป

       คุณขวัญบอกว่าตอนนั้น รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตามตัวอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งก็แทบจะเป็นบ้า และด้วยความที่อยากรู้ที่มาที่ไป จึงโทรกลับไปถามโรงแรมว่าเคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ทางโรงแรมก็ปฏิเสธ อ้างว่าเป็นโรงแรมใหม่ และบอกว่า “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พอดีเป็น Reception” เมื่อเห็นว่าไม่ได้อะไรจึงวางสายไป จากนั้นก็เข้าห้องพระเพื่อสวดมนต์ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร แต่ก็ยังไม่หายไป วันรุ่งขึ้นจึงไปทำบุญใส่บาตรที่วัด พอกลับมาที่บ้านก็เข้าห้องพระแล้วสวดมนต์อีกครั้ง “ขวัญจะสวดบทนี้ให้พี่ศักดิ์และน้องน้ำหวานนะ ถ้าอยู่แถวนี้ มาฟังด้วย” เมื่อเริ่มสวดไปได้เพียงนิดเดียว ก็มีมือเล็ก ๆ มาเขย่าที่ต้นขาและได้ยินเสียงเล็กแหลมดังขึ้นมาว่า “พูดอะไรหนูไม่เข้าใจ พูดให้หนูเข้าใจด้วย พี่จะให้หนูไปจากพ่อหนูหรอ หนูไม่ไปหรอกนะ” คุณขวัญตกใจสุดขีด เริ่มร้องไห้ จะลุกไปไหนก็ไม่มีแรง จึงรีบโทรหาพระอาจารย์ ท่านก็แนะนำว่าให้ทำบุญบ้าน ช่วงนี้ก็สวดมนต์ให้ได้ทุกวัน ทำบุญใส่บาตรตอนเช้าไปก่อน

       เมื่อพระอาจารย์มาที่บ้าน ท่านก็ให้หุ่นพยนต์มาปกป้องตัว ซึ่งทุกวันนี้คุณขวัญยังคงพกสิ่งนี้ติดตัวไว้ตลอด และสิ่งที่น่าตกใจคือทุกที่ที่พระอาจารย์เดินไปพรมน้ำมนต์ คือที่ที่คุณขวัญสัมผัสน้องน้ำหวานได้! นอกจากนี้ ท่านยังให้คุณขวัญนำปากกามา จากนั้นก็เขียนยันต์ไว้ให้ หลังจากนั้น คุณขวัญก็ไม่เห็นพี่ศักดิ์อีกเลย แต่ยังคงเห็นน้องน้ำหวานบ้างในบางครั้ง แต่ไกลตัวมากขึ้น

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

 

 

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เมื่อต้องมานอนคนเดียวที่คอนโดเก่า เขาฝันเห็นเธอ... เธอคนนั้นที่ผูกพันธ์ด้วยสัญญาใจ ทุกครั้งที่นาฬิกาบอกเวลา 5.40 น. เธอจะมาอยู่ข้างเตียงเขา ด้านหลังเขา หรือไม่ก็บนหัวของเขา! แม้จะบวชให้แต่ก็ยังไม่หายไป..!

09 มิ.ย. 2023

เมื่อต้องมานอนคนเดียวที่คอนโดเก่า เขาฝันเห็นเธอ... เธอคนนั้นที่ผูกพันธ์ด้วยสัญญาใจ ทุกครั้งที่นาฬิกาบอกเวลา 5.40 น. เธอจะมาอยู่ข้างเตียงเขา ด้านหลังเขา หรือไม่ก็บนหัวของเขา! แม้จะบวชให้แต่ก็ยังไม่หายไป..!

‘คุณเคน’ สายจากทางบ้านได้โทรเข้ามาเล่าประสบการณ์ชวนขนหัวลุกขณะฝันให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (30 พฤษภาคม 2566) หากชวนคนมาอยู่เป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ปิดไฟแล้วไปอ่านพร้อมกันเลย!คุณเคนเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2017 ช่วงนั้นเขากำลังจะย้ายที่ทำงาน จึงต้องรีบหาที่พักใหม่โดยด่วน สุดท้ายก็ได้คอนโดเก่าย่านอ่อนนุช แม้ว่าคอนโดนี้จะอยู่ในซอยลึกและดูท่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่คุณเคนก็จำเป็นต้องอยู่เพราะใกล้ถึงวันที่จะต้องเริ่มทำงานใหม่แล้ว ช่วงแรกที่เข้ามาอยู่ ตัวคุณเคนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ผ่านไปประมาณเดือนกว่า ๆ คุณเคนก็เริ่มได้ยินเสียงคนเดินลงส้นเท้าดังมาจากด้านบนเพดานตอนดึก ๆ ทั้งที่เขาอาศัยอยู่ชั้นบนสุดของตึก! แต่คุณเคนก็นึกขึ้นได้ว่า ที่จริงแล้วยังมีห้องที่อยู่สูงขึ้นไปจากเขาอีกห้องหนึ่ง เขาไม่มั่นใจว่ามันคือห้องแม่บ้านหรือห้องอะไร จึงลองไลน์ไปถามเจ้าของตึกดู นั่นเป็นครั้งแรกที่คุณเคนรู้สึกได้แล้วว่ามีอะไรบางไม่ชอบมาพากล เพราะเจ้าของตึกตอบเขากลับมาว่าห้องข้างบนคุณเคนเป็นห้องโล่ง ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว..เมื่ออาศัยอยู่ที่ห้องนี้ได้เกือบ 2 เดือน คุณเคนก็เริ่มฝันแปลก ๆ เขาฝันว่าตัวเองไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง กำลังนอนคุดคู้อยู่บนเตียง แล้วมีคนนอนอยู่ข้าง ๆ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนงอตัวและมีผ้าห่อไว้ เธอยังมีเสียงหายใจ ในตอนนั้นคุณเคนคิดว่าเธอกำลังเล่นกับเขาอยู่และไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่แล้วสักพักหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเหมือนมีมือปริศนายื่นเข้ามาจับมือเขาเอาไว้! คุณเคนรู้สึกตกใจจนสะดุ้งขึ้นจากเตียง ตอนแรกคิดว่าตัวเองตื่นแล้ว เพราะบรรยากาศรอบตัวเหมือนจริงมาก ๆ แต่เขาก็ขยับตัวไม่ได้ และจู่ ๆ ก็มีอีกมือหนึ่งโผล่มาจับตัวเขาอีกครั้ง!ไม่นาน คุณเคนก็ตื่นขึ้นมาจากฝันได้ในที่สุด (รึเปล่านะ?) เขาสังเกตเห็นว่าตัวเองมีเหงื่อซึมเล็กน้อย กำลังนอนงอตัวอยู่ ลำตัวหันตะแคงไปทางซ้าย และเอามือทั้งสองข้างสอดเข้าไประหว่างขา ท่านอนนี้ไม่ใช่ท่านอนปกติของเขา เมื่อหันมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนั้นเป็นเวลา 05.20 น. จึงลุกขึ้นจากเตียง ไปห้องน้ำ ในใจพยายามปลอบตัวเองว่ามันไม่น่าจะมีอะไร ก่อนที่จะกลับมานอนต่อ แต่ผ่านไปได้อีกสักพัก คุณเคนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเริ่มร้องไห้อยู่ เธอก้มหน้า มีผมยาวปะบ่า ห่มผ้าสีตุ่นทรงกระบอกแขนยาวและนุ่งกระโปรงลากยาวถึงตาตุ่ม เหมือนชาวบ้านสมัยก่อนที่คุณเคนเห็นในละครเขาใส่กัน เธอนั่งทับโคมไฟอยู่ตรงนั้น ด้านขวาบนตรงข้างหัวเตียงคุณเคน!“มันน่าจะไม่ใช่คนแล้วแหละ” คุณเคนคิดในใจ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่กลัวผี จึงลองถามผู้หญิงคนนั้นไปว่าเธอเป็นใคร แต่เธอไม่ยอมตอบ กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม ส่งเสียงโหยหวนไปทั่วห้อง ตอนนั้นคุณเคนกลัวมาก ๆ แต่ก็พยายามถามเธอต่อ “เราเคยทำให้เธอเสียใจหรอ ทำไมถึงมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้” หลังจากนั้นภาพที่คุณเคนเห็นก็ถูกตัดไป!เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง เขารู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นแถวอ่อนนุช แต่มีท้องร่อง ส่วนที่ตัวบ้านเป็นลักษณะพื้นยกสูง มีต้นไม้รายล้อม ณ ตอนนั้น คุณเคนสัมผัสได้ว่าผีตนนี้พยายามให้เขาเห็นอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในบ้าน เขารู้สึกถึงตัวเองในคราบของเจ้าของบ้านกำลังทำร้ายผู้หญิงผู้นั้น สิ่งนี้น่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอมานั่งร้องไห้ข้าง ๆ เขา คุณเคนบอกให้เธอหยุดภาพที่เกิดขึ้น “เราไม่อยากเห็นภาพ เราอยากคุยกับเธอ” ทันใดนั้นภาพของบ้านที่เขาเห็นก็ตัดกลับมาที่ห้องนอนบนคอนโดดังเดิม“เราทำอะไรให้เธอมาก่อน เราไม่รู้จริง ๆ เราขอโทษ” คุณเคนพูดกับผู้หญิงคนนั้น “แล้วเราจะทำยังไงให้เธอยกโทษให้เราได้บ้าง” ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ คุณเคนบอกว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยกลัวมา และยังรู้สึกอีกว่าเธอพยายามสื่อสารกับเขา แต่เขาไม่สามารถได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมาได้ ได้ยินเพียงแต่เสียงร่ำไห้ของเธอ คุณเคนบอกเธอว่าจะทำบุญทำสังฆทานไปให้ แต่เสียงร้องก็ยังไม่หยุด สุดท้ายเขาจึงพูดกับเธอว่า “เดี๋ยวเราบวชให้เธอนะ” เธอก็หยุดร้องไห้ทันที และในช่วงเวลาเดียวกันก็มีเสียงพูดแหบแห้งดังข้างหูคุณเคน ก่อนที่คุณเคนจะเริ่มลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที คราวนี้คุณเคนตื่นจากฝันแล้วจริง ๆ ในสภาพที่เหงื่อโชกไปทั้งตัว แม้แอร์ในห้องจะเย็นมากก็ตาม เขาหันไปดูนาฬิกาตอนนั้นประมาณ 05.40 น.ดีเจเจ็มถามคุณเคนว่า สุดท้ายแล้วสามารถจับใจความอะไรจากเสียงแหบแห้งที่ได้ยินข้างหูหรือไม่ คุณเคนตอบกลับมาว่า ขณะที่พยายามจะสื่อสารกับผู้หญิงคนนี้ เขาสัมผัสได้ว่าเขาเคยทำให้เธอเสียใจมาก ๆ มาก่อน เขาคงเคยสัญญากับวิญญาณปริศนานี้ว่าจะรักแต่เพียงเธอเพียงผู้เดียว แต่แล้วเขาก็ผิดสัญญาเธอ เขากับเธอเคยอยู่บ้านหลังนั้นด้วยกัน บ้านที่เขาเห็นในฝัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทุกช่วง 05.40 น. คุณเคนก็จะพบเจอกับเหตุการณ์แบบเดิมอยู่เป็นประจำแต่แล้วก็มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในคืนอังคารคืนหนึ่ง เมื่อคุณเคนตัดสินใจไม่วิดีโอคอลให้คนรู้จักมาอยู่เป็นเพื่อนเหมือนเคย เขาสวดมนต์ เวลาขณะนั้นใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เมื่อคุณเคนเริ่มแผ่เมตตา เขาพูดในใจว่า “เราขอโทษนะ” ทันใดนั้น เปรี้ยง! ไฟทั้งตึกก็ดับลง! เหลือเพียงแสงฟ้าแลบแกมเสียงฟ้าร้องจากข้างนอก แล้วฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา คุณเคนยังคงพยายามเปิดบทสวดมนต์บนคอมพิวเตอร์ต่อไป ณ ขณะนั้นมีเพียงแสงไฟจากหน้าจอคอมฯ อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดสนิทของห้อง คุณเคนกล่าวว่า “เป็นวันที่ผมสติแตกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต”หลังจากนั้น คุณเคนก็ไม่สามารถทนอยู่ที่คอนโดได้อีกต่อไป จึงต้องย้ายกลับมาที่บ้าน แต่บางครั้งในเวลาเดิมช่วงประมาณ 05.40 น. เขาจะเห็นผู้หญิงคนนั้นมานั่งตรงหัวเตียง หรือไม่ก็บนหัวของเขา..! นอกจากนี้ยังมีอีกหลายครั้งที่เขารู้สึกเหมือนมีมืออะไรบางอย่างมาจิกไหล่ให้เจ็บจนตื่น หรือไม่ก็เอาหน้ามาแนบหลังโอบตัวเขาไว้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่เห็นรอยอะไรเมื่อตื่นขึ้นมา เมื่อเจอแบบนี้บ่อย ๆ เข้า คุณเคนก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว เพราะตอนนั้นมีอะไรบางอย่างมาทำให้เขาลืมตาไม่ได้! ทันทีที่เธอสอดแขนเขามาใกล้ เขาก็บีบมือของเธอทันที แต่มือนี้กลับมีลักษณะท้วมกว่ามือก่อนที่เขาเคยสัมผัสมาก และมือนั้นก็บีบตอบกลับเขาด้วย!ต่อมา คุณเคนต้องไปบวชตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาพบว่าสิ่งนี้ช่วยได้มาก เพราะแม้ตอนนี้วิญญาณของผู้หญิง​จะยังคงวนเวียนไปมาหาสู่กับคุณเคนเรื่อย ๆ แต่จำนวนครั้งก็ลดลง เมื่อบวชเสร็จ คุณเคนเคยไปขอคำปรึกษาจากพระสายปฏิบัติรูปหนึ่งว่า เหตุใดตนถึงต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย วิญญาณเหล่านั้นคือใครกัน คำตอบที่ได้จากพระรูปนั้นคือ “ไม่ต้องรู้หรอกว่าเขาคือใคร แต่คุณรู้ว่าเขาคือใคร” หมายความว่า ตัวคุณเคนเองรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นใคร แต่ไม่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องไปขุดค้นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ขอเพียงให้คุณเคนตั้งใจใช้ชีวิตทำดีต่อไปก็พอ ดีเจแนนถามคุณเคนด้วยความสงสัยว่า แล้วตกลงคุณเคนรู้จริงหรือว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นใคร คุณเคนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นมาร้องไห้ให้เขาเห็น เขาสัมผัสได้ว่าเหตุการณ์ในฝันที่เขาเห็นคงเกิดจากสัญญาใจที่ตนคงเคยสร้างไว้ และสัญญาใจนี้แหละที่เป็นเหตุที่ทำให้วิญญาณเหล่านั้นแวะเวียนมากหาเป็นประจำทุกช่วง 05.40 น. ของวัน บ้างก็มาเป็นร่างธรรมดา บ้างก็โครงกระดูก.. เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่มาหาเขาเป็นคนเดิมหรือไม่ส่วนตัวคุณเคนเชื่อว่าชาติภพและคำสาบานมีจริง เขาโทรมาเล่าเรื่องราวของตนให้ฟังครั้งนี้เพื่อที่จะบอกกับคนฟังว่า “ถ้าชาติภพมีจริง คำสัญญามีจริง คำสาบานมีจริง ความผูกพันธ์ทางความรู้สึกมันมีจริง อย่าทำแบบนี้กับใครครับ” เรื่องนี้เอาทำเอา ดีเจทั้ง 2 ขนหัวลุกไปตามกัน แถมยังทิ้งข้อคิดดี ๆ ไว้ในตอนท้ายของเรื่องด้วย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

อย่าเชื่อ GPS เพราะถ้าคุณเลี้ยวผิด ก็อาจจะติด.. ผี!

08 มี.ค. 2023

อย่าเชื่อ GPS เพราะถ้าคุณเลี้ยวผิด ก็อาจจะติด.. ผี!

“พี่แจ็ค The Ghost Radio” กลับมาเล่าเรื่องหลอนให้ชาว “อังคารคลุมโปง X” (28 กุมภาพันธ์ 2565) ได้ขนลุกกันอีกครั้ง กับเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้รถบนท้องถนน และการใช้ GPS นำทาง มีชื่อเรื่องว่า “เลี้ยวผิด ติดผี” เหตุการณ์จะเป็นยังไงนั้น เราสรุปไว้ให้คุณอ่านแล้ว! พี่แจ็คเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ “คุณเปิ้ล” และ “คุณเอก” ทั้งสองคนเป็นแฟนกัน เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ก็พากันเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แน่นอนว่าช่วงปีใหม่แบบนี้ ถนนเส้นที่มุ่งหน้าสู่แผ่นดินอีสานย่อมรถติดเป็นธรรมดา อาจต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายได้ และทั้งคู่ไม่ได้กลับบ้านต่างจังหวัดบ่อย ๆ จึงต้องเปิด GPS นำทางไปด้วย... ระหว่างที่ขับรถไปนั้น ด้วยความที่รถติด GPS จึงคำนวณเส้นทางใหม่ให้ และพูดขึ้นมาว่า “ขณะนี้มีเส้นทางที่เร็วกว่า ประหยัดเวลาได้ 30 นาที” ทั้งสองคนที่ทนรถติดไม่ไหวก็ตัดสินใจไปเส้นทางใหม่ตามคำแนะนำของ GPS เมื่อเปลี่ยนไปใช้เส้นทางใหม่ก็ต้องประหลาดใจ เพราะถนนเส้นนั้นแทบจะไม่มีรถยนต์วิ่งอยู่เลย ใช้เวลาสักพัก GPS ก็บอกว่าอีก 10 กิโลเมตรให้เลี้ยวซ้าย ระหว่างที่ขับไป บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วคุณเปิ้ลก็พูดติดตลกขึ้นมาว่า “ถนนแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ ถ้าเจอผีขึ้นมา ก็คงจะไม่แปลกเลยนะ” แต่มันก็เป็นเพียงการพูดขำ ๆ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ผ่านไปสักพักใหญ่ คุณเอกก็รู้สึกว่ามันน่าจะเกิน 10 กิโลเมตรตามที่ GPS บอกแล้ว ทำไมยังไม่เจอทางที่ให้เลี้ยวซ้ายสักที แล้ว GPS ก็ยังคงบอกให้ตรงไปเรื่อย ๆ พอย่อแผนที่ดู ก็ยังบอกให้ตรงไปอีก ทั้งสองใจคอไม่ค่อยดี เพราะบรรยากาศก็เปลี่ยวมาก ข้างทางเป็นป่าดูรกร้างและมืดไปหมด คุณเปิ้ลจึงบอกว่า “ขับไปเรื่อย ๆ ก่อน ถ้าเจอชาวบ้านหรือใครแถวนี้ ก็ค่อยจอดถามทาง” จากนั้นก็ขับรถต่อไปสักพัก แล้วก็เห็นแสงจากรถมอเตอร์ไซต์ขี่สวนมาไกล ๆ พอรถกำลังจะสวน คุณเอกก็เตรียมเปิดกระจกเพื่อที่จะโบกทัก แต่คุณเปิ้ลกลับพูดเสียงดังบอกว่า “ไม่ต้องเปิด! ไปเลย ๆ ขับไปเลย!” คุณเอกก็ตกใจแต่ก็ทำตามที่คุณเปิ้ลบอก คุณเอกก็ถามว่าทำไมไม่ให้เปิด คุณเปิ้ลตอบกลับมาว่า “ไม่เห็นหรอ! ไอ้ที่ขี่มาอ่ะ!” คุณเปิ้ลบอกว่า ที่ขี่รถมอเตอร์ไซต์มานั้น เป็นผู้ชายหน้าซีด ๆ เสื้อขาดรุ่งริ่งมีเลือดอยู่ แล้วก็ขี่สวนไปไม่ได้สนใจรถที่สวนมา ตรงนั้นอาจจะไม่ได้แปลกอะไรมาก ที่แปลกคือปกติถ้าเจอแบบนี้จะต้องได้ยินเสียงเครื่องยนต์ แต่นี่ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย อย่างกับรถคันนั้นมันลอยผ่านไป! พอคุณเอกได้ยินแบบนั้น ก็คุยกันว่าจะขับไปเรื่อย ๆ ตาม GPS ไปก่อน เพราะถ้าจะวนรถกลับมันก็ผ่านมาไกลมากแล้ว เมื่อขับต่อไปอีกก็เห็นแสงไฟรถมอเตอร์ไซต์ขับสวนมาอีก ทั้งคู่ก็นั่งนิ่ง เพื่อรอดูว่าจะเจอเหมือนเดิมหรือเปล่า พอรถเข้ามาใกล้ ก็ไม่มีเสียงเครื่องยนต์เหมือนเดิม และก็เห็นว่ามันเป็นผู้ชายคนเดียวกับคันเมื่อกี้! นอกจากนี้ยังเห็นอีกด้วยว่ารอบนี้เขาขี่รถด้วยมือซ้ายมือเดียว ส่วนใบหน้าก็ยุบไปครึ่งนึง เสื้อขาดรุ่งริ่ง ส่วนมือขวาก็เหมือนกับจับอะไรบางอย่างไว้ คล้ายกับขาคน แล้วมอเตอร์ไซต์คันนั้นก็สวนผ่านไป! ทั้งสองตกใจและคิดว่าน่าจะโดนผีหลอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขับรถไปตามทาง ขณะที่กำลังจะสติแตก GPS ก็บอกว่าอีก 800 เมตรให้เลี้ยวซ้าย แต่ก่อนจะถึงแยกนั้น คุณเปิ้ลและคุณเอกก็เห็นว่าซ้ายมือมีผู้ชายยืนอยู่ข้างทาง แล้วมองไปอีกฝั่ง พอรถขับเข้าไปใกล้ เขาก็ยื่นมือออกมาทำเหมือนจะโบกรถ แต่คุณเปิ้ลก็บอกว่า “อย่าจอด ขับรถต่อไป” จึงขับรถผ่านผู้ชายคนนั้นไป แล้วเลี้ยวซ้ายตามที่ GPS บอก จากนั้น GPS ก็บอกว่า “คุณมาถึงจุดหมายแล้ว” ทั้งสองยิ่งตกใจสติแทบกระเจิง! คุณเปิ้ลเล่าเสริมว่า พอเลี้ยวซ้ายไปตามที่บอกแล้ว ก็เห็นซุ้ม คล้ายกับประตูอะไรบางอย่าง พอผ่านเข้าไปก็จะเห็นวัดร้าง เป็นซากปรักหักพัง จึงตัดสินใจเลี้ยวรถเพื่อกลับออกไปทันที พอขับรถออกไป ก็เห็นผู้ชายคนนั้นยืนโบกมืออยู่ที่เดิม คราวนี้ทั้งคู่หันไปมอง ก็เห็นเป็นผู้ชายไม่มีขา พอเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบขับรถออกไปทันที! พอขับออกไปทางเดิมเรื่อย ๆ ก็เห็นไฟจากรถมอเตอร์ไซต์ตามมาข้างหลัง เหมือนจะขับแซง พอมอเตอร์ไซต์เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ก็เห็นเป็นผู้ชาย 2 คน คนนึงเป็นผู้ชายที่เห็นตั้งแต่ตอนแรก ส่วนอีกคนซ้อนหลัง พอมอเตอร์ไซต์ซ้อนไป กลายเป็นว่าคนที่ข้างหลังตัวนั่งซ้อนปกติ แต่หัวดันหันมาอยู่ข้างหลัง! คุณเอกเห็นดังนั้นก็พยายามเร่งความเร็วเพื่อที่จะแซงมอเตอร์ไซต์คันนั้น พอแซงไปปุ๊บ หันไปมองอีกครั้ง มอเตอร์ไซต์คันนั้นก็หายไป! เมื่อรถเร่งความเร็วมาจนถึงทางแยกที่เป็นถนนใหญ่อีกครั้ง ก็พบว่ารถไม่ติดแล้ว จึงขับเข้าสู่เส้นทางหลัก กระทั่งเจอปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ทั้งสองเลี้ยวรถเข้าไปตั้งสติ แล้วก็เข้าห้องน้ำ ระหว่างที่ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ก็เห็นป้าแม่บ้านคนหนึ่ง ด้วยความอยากรู้จึงเข้าไปถามว่า “ป้าครับ ป้าพอจะรู้จักโลเคชันที่เป็นวัดร้างบ้างมั้ย?” ป้าก็บอกว่า “มี ย้อนจากนี่ไปนิดนึง แล้วก็เลี้ยวขวาเข้าไป” ก็ตรงกับซอยที่ทั้งสองได้เลี้ยวเข้าไปเมื่อกี้นี้ ป้ายังบอกอีกว่า “กลางคืนไม่ค่อยมีคนเข้าไปนะ ที่นั่นผีดุ ล่าสุดไม่นานมานี้ มีมอเตอร์ไซต์ 2 คน ไม่รู้ขี่เข้าไปทำอะไร แล้วไปรถคว่ำมั้ง มาเจอศพอีกทีก็ช่วงเช้า อีกคนหน้าฟาดกับเสาหลักกิโล ส่วนอีกคนขาขาด ทุกวันนี้ยังหาขาไม่เจอเลย” แม้จะตรงกับสิ่งที่เจออย่างไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งสองก็ไม่กล้าเล่าให้ป้าฟังว่าเจออะไรมาบ้าง จึงมานั่งคุยกับตัวเองว่าถ้าตอนที่เจอไม่มีสติ ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุและตายอยู่ที่นั่นก็ได้ โอกาสที่คนจะเข้าไปเจอก็คงจะยาก พี่แจ็คเล่าเสริมว่า ถ้าจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือไปที่ที่ไม่คุ้นชินเวลากลางคืน ถ้า GPS บอกให้ไปทางลัด อย่าไปเด็ดขาด ไปเส้นทางหลักจะดีกว่า และบอกว่า “เจอผีอาจจะยังพอตั้งสติได้ แต่ถ้าเจอมิจฉาชีพ อันนี้ลำบาก”(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

มีปัญหากับเพื่อนบ้านจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ! สุดท้ายยอมลดอีโก้มอบของขวัญขอคืนดี แต่เรื่องไม่จบ! เพราะของขวัญมันมี....ติดมาด้วย!!

26 ม.ค. 2024

มีปัญหากับเพื่อนบ้านจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ! สุดท้ายยอมลดอีโก้มอบของขวัญขอคืนดี แต่เรื่องไม่จบ! เพราะของขวัญมันมี....ติดมาด้วย!!

เมื่อเพื่อนบ้านล้ำเส้นจนเกิดปากเสียงทำให้ต้องผิดใจ แต่หลังจากนั้นเพื่อนบ้านก็ให้ของขวัญ 1 ชิ้นแทนคำขอโทษ รับมาโดยที่ไม่รู้ว่าของขวัญชิ้นนี้มาพร้อมกับความหลอน สุดท้ายรู้ความจริงถึงกับช็อค เพราะเขาจะเอาให้ถึงตาย! เรื่องนี้ ‘ครูตรีมีเรื่องเล่า’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ของฝากจากเพื่อนบ้าน’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย! เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณโต้ง’ ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้ครูตรีได้ฟัง คุณโต้งเล่าว่า ตนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวแต่มีรั้วบ้านติดกัน คุณโต้งซื้อบ้านหลังนี้เพื่อต้องการให้ครอบครัวมีความสุขที่สุด และได้จ้างคนมาจัดสวนที่บ้านเพื่อความสวยงาม ทางเพื่อนบ้านก็จัดสวนเหมือนกัน แต่สวนของเพื่อนบ้านนั้นมีต้นไม้ต้นใหญ่ และกิ่งไม้ก็เริ่มยื่นเข้ามาในตัวบ้านของคุณโต้ง (ด้านบนคือต้นไม้ของเพื่อนบ้าน ส่วนด้านล่างคือสวนของคุณโต้ง) ใบไม้ก็ร่วงลงมาที่สวนที่จัดไว้ และในสวนมีบ่อน้ำ ใบไม้ก็ร่วงลงมาตลอด คุณโต้งบอกว่าฤดูหนาวจะยิ่งเจอปัญหาหนัก เพราะใบไม้ผลัดใบก็ร่วงลงมาเต็มไปหมด คุณโต้งเคยพยายามไปเจรจากับเพื่อนบ้านแล้วว่า จะขอตัดกิ่งที่ยื่นเข้ามาได้หรือไม่ คำตอบที่ได้มาคือ ถ้าตัดมันจากพุ่มสวย ๆ มันก็จะกลายเป็นเบี้ยว และเพื่อนบ้านก็ไม่สนใจ กลายเป็นว่าไม่มีอะไรดีขึ้น คุณโต้งจึงให้ช่างเอาเลื่อยไฟฟ้าตัดกิ่งที่ยื่นเข้ามาบ้านของตัวเอง เมื่อตัดเสร็จก็ให้ช่างโยนกลับไปที่บ้านหลังนั้น เมื่อเพื่อนบ้านกลับมาจากที่ทำงาน ก็เห็นสภาพต้นไม้ของตัวเองกองอยู่เต็มพื้น จึงมาเอาเรื่องถึงหน้าบ้าน คุณโต้งก็บอกไปตรง ๆ ว่า “เฮ้ย! ก็ไม้บ้านคุณมันยื่นมา บอกหลายหนแล้วว่าให้ตัด ก็ไม่ตัด” หลังจากนั้นก็เกิดปากเสียงถึงขั้นชกต่อยกันหน้าบ้าน จนมีคนมาห้ามแล้วก็แยกย้ายกัน นั่นคือเหตุการณ์ของเดือนพฤศจิกายน ในเวลาต่อมาช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คนในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างมีฐานะ ต่างคนต่างเป็นเจ้าของบริษัท คุณโต้งและภรรยาก็มีบริษัทเป็นของตัวเอง และทั้ง 2 คนจะมีลูกค้านำกระเช้าและของขวัญมาให้ คุณโต้งและภรรยาก็รับไว้แล้วนำไปเก็บไว้ที่บริษัท จนกระทั่งช่วงปีใหม่ คุณโต้งกับภรรยาและลูกได้ไปเที่ยว หลังจากเที่ยวเสร็จก็กลับบ้าน สิ่งที่คุณโต้งตกใจคือ เพื่อนบ้านตัดต้นไม้จนเหลือพุ่มเตี้ย ๆ และไม่ยื่นเข้ามาในบ้านของตนเลย ต่อให้ใบไม้ร่วงก็จะร่วงอยู่ในสวนของเพื่อนบ้านเท่านั้น คุณโต้งรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากนั้นไม่นาน คุณโต้งก็ขนกระเช้าของขวัญต่าง ๆ กลับมาจากบริษัทแล้วนำมาไว้ที่ห้องรับแขก ส่วนภรรยาก็นำของขวัญที่ได้มาไปเก็บที่ห้องรับแขกด้วยเพราะค่อนข้างเยอะ ทุกอย่างวางกองกันไว้ในห้องนั้น วันหนึ่ง คุณโต้งต้องรีบไปทำธุระ แต่เจอสิ่งที่ช็อคหนักกว่าเดิมคือ เมื่อเปิดประตูรั้วออกไป ก็เจอเพื่อนบ้านถือกล่องของขวัญมากล่องหนึ่ง ซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่แล้วก็บอกว่า “มาขอโทษในสิ่งที่เคยทำเมื่อปีที่แล้ว เรามาตั้งต้นดีกันใหม่ทั้งหมดเลยได้ไหม?” ด้วยความที่คุณโต้งต้องรีบไปทำงานเลยตัดสินใจพูดไปว่า “ขอบคุณครับ” และนำเข้าบ้านไปวางรวมกับของขวัญที่อยู่ในห้องรับแขกทั้งหมด แต่ระหว่างที่เดินถือไปนั้น ก็สังเกตว่ากล่องของขวัญนี้ห่อด้วยกระดาษของห้างดังห้างหนึ่ง ซึ่งกระดาษสามารถซื้อกลับมาห่อเองได้ และฝีมือการห่อของขวัญน่าจะเป็นการห่อเอง เพราะไม่ได้ละเอียดเหมือนกับที่ซื้อมาแล้วให้ทางห้างห่อให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะต้องรีบออกไปทำธุระ ระหว่างวันนั้นทั้งวัน คุณโต้งก็ไม่มีสมาธิเพราะในใจคิดอย่างเดียวว่า ‘เพื่อนบ้านเอาอะไรมาให้’ เมื่อกลับมาที่บ้าน ปรากฏว่าของในห้องรับแขกไม่มีแล้ว เพราะภรรยาของคุณโต้งให้แม่บ้านขนของไปไว้อีกห้องหนึ่ง คุณโต้งจึงเดินไปที่ห้องเก็บของ ก็เจอกับของที่เพื่อนบ้านเอามาให้ หลังจากนั้นก็แกะกล่องออกมาดู ก็พบว่าเป็นตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งซึ่งน่ารักมาก ตอนแรกคุณโต้งคิดว่าจะเอาให้ลูกเล่น แต่เมื่อคิดถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาจึงเกิดความระแวง คุณโต้งจึงโยนตุ๊กตาหมีทิ้งไว้ในห้องและปิดห้องไว้ แล้วก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เช้าวันต่อมา คุณโต้งเดินเข้าไปในห้องเพื่อสำรวจตุ๊กตาว่าตุ๊กตาตัวนี้มีอะไรแปลกไปหรือไม่ จากการสำรวจ ผลออกมาว่าทุกอย่างปกติ จึงคิดว่าเพื่อนบ้านคงสำนึกได้จริง ๆ และคงอยากคืนดีด้วย จึงตัดสินใจว่าวันนี้จะแวะซื้อของขอบคุณเพื่อนบ้าน จะได้ปิดศึกที่มีมายาวนาน จากนั้นก็นำตุ๊กตาตัวนั้นไปวางประดับไว้ที่ห้องรับแขกและออกไปทำงาน เมื่อกลับมาพี่เลี้ยงบอกว่า “คุณโต้งคะ น้องร้องไห้ทั้งวันเลย เอาไม่อยู่เลยค่ะ” คุณโต้งจึงเข้าไปคุยกับลูกว่า “หนูเป็นอะไร?” ลูกก็ตอบว่า “ผี ๆ ผีมา ผีมา” คุณโต้งคิดว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน หรืออาจจะเกี่ยวกับตุ๊กตา คุณโต้งพยายามพลิกดูตุ๊กตาแต่ก็ไม่มีอะไร จากนั้นก็นำตุ๊กตาไปเก็บไว้อีกห้องหนึ่งแล้วปิดประตู คืนนั้น คุณโต้งนอนหลับ แล้วรู้สึกร้อน กระสับกระส่าย หายใจไม่ออก จึงลืมตาเพื่อจะไปปรับแอร์ แต่สิ่งที่คุณโต้งเห็นคือ มีผู้ชายคนหนึ่ง หน้าเต็มไปด้วยเลือด ก้มหน้าจ้องเขาอยู่ สภาพดูโกรธและอาฆาตแค้น! คุณโต้งรู้สึกช็อคเพราะหน้าจะประสานกันแล้ว คุณโต้งร้องโวยวายเสียงดังจนภรรยาตื่น พอลุกไปเปิดไฟก็พบว่าไม่มีอะไร คุณโต้งคิดว่าตนอาจจะฝันไป เช้าวันถัดมา คุณโต้งนั่งคุยกับภรรยาที่ห้องรับแขกและเล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้ฟัง ขณะที่คุยกันอยู่นั้น ในห้องรับแขกจะมีจุดหนึ่งที่เป็นกล้องวงจรปิดและก็มีจอมอนิเตอร์อยู่ คุณโต้งก็เห็นเหมือนเงาดำ ๆ เงาหนึ่งเดินไป-มาในห้องเก็บของ! คุณโต้งก็ฉุกคิดขึ้นว่า ‘เฮ้ย! หรือว่าเกี่ยววะ’ แต่ตอนนั้นคุณโต้งยังไม่มั่นใจจึงปล่อยผ่านไป คืนนั้นคุณโต้งนอนหลับและรู้สึกหนักกว่าเดิม เหมือนมีอะไรมาทับที่ตัว เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอผู้ชายคนเดิมกำลังเอามือกดเขาอยู่ และแนบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสภาพหน้าซีด ตาโบ๋ เลือดเต็มตัว แล้วพยายามจะขยี้! คุณโต้งก็ร้องโวยวายจนภรรยาตื่น ลุกไปเปิดไฟขึ้นมาดูก็ไม่เจออะไรเหมือนเดิม แต่ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าต้องเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้ เช้าวันรุ่งขึ้น คุณโต้งจัดการเผาตุ๊กตาตัวนี้เพื่อที่เรื่องจะได้จบ เมื่อเผาเสร็จ ก็ชวนภรรยาไปทำธุระข้างนอก หลังจากเสร็จธุระก็กลับบ้าน ด้วยความที่สบายใจว่าทุกอย่างจบแล้ว คืนนั้นก็เจอผู้ชายคนเดิมแต่หนักขึ้น เพราะเขาเลื่อนมาตรงหน้าอก พยายามขยี้! คุณโต้งก็ดิ้น และนานมากกว่าภรรยาจะตื่นมาเปิดไฟ เมื่อตื่นมาคุณโต้งก็คิดว่าทำไมเรื่องยังไม่จบ ทั้ง ๆ ที่เผาไปแล้ว เช้าวันถัดมาจึงคุยกับภรรยาว่า “ไปปรึกษาหลวงพ่อที่เรารู้จักไหม” ซึ่งเป็นวัดในจังหวัดอยุธยา จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปที่วัดแห่งนั้น เมื่อไปถึงหลวงพ่อก็ขอดูดวงชะตา หลังจากที่ดูเสร็จ หลวงพ่อก็พูดว่า “มีของตามตัวเรามา แล้วของนี้ต้องการจะทำให้เราถึงตาย” คุณโต้งก็บอกว่า “ผมเจอแล้วหลวงพ่อ แต่ผมเผาไปแล้ว” หลวงพ่อก็บอกว่า “วิธีแก้คือวิธีนั้นแหละ ต้องเผาและบังสกุล คือทำบุญอุทิศให้เขาไป เขาจะได้ไป” คุณโต้งก็บอกว่า “ถ้างั้นหลวงพ่อ ผมเผาไปเรียบร้อย ทำแค่พิธีบังสกุลให้ก็พอ” หลวงพ่อก็มองและพูดต่อว่า “มันไม่ใช่ มันไม่จบ เพราะว่าที่เผาไปมันไม่ใช่ต้นเหตุ ต้องหาสาเหตุให้เจอเพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเขาอาฆาตรุนแรงมาก ต้องหาให้เจอว่าต้นเหตุคืออะไร?” หลังจากนั้นคุณโต้งก็กลับมาคุยกับภรรยาที่ห้องรับแขก ทุกอย่างเริ่มตันเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ตาก็เหลือบไปเห็นที่เดิมตรงจอมอนิเตอร์ ก็เห็นเงาที่ห้องนั้นเหมือนเดิมจึงคิดว่าต้องเป็นห้องนั้นแน่ ๆ คุณโต้งเข้าไปรื้อของในห้อง สิ่งที่เจอคือ กล่องของขวัญของเพื่อนบ้าน ที่ตอนแรกคุณโต้งแกะไปแล้ว เมื่อหยิบขึ้นมา ภรรยาก็นึกขึ้นได้ทันที เพราะตอนวันปีใหม่ภรรยาได้ของที่จับฉลากแบบเดียวกันมาจากห้างเดียวกัน แต่อันนั้นห่อดีกว่า ปรากฏว่าที่คุณโต้งแกะตอนแรกคือของภรรยา แต่ของเพื่อนบ้านยังอยู่ในห้องนั้น! หลังจากแกะออกมา ของที่อยู่ข้างในคือกล่องเครื่องประดับ แต่ไม่สามารถเปิดได้ คล้าย ๆ เป็นโมเดลเพื่อตั้งโชว์อย่างเดียว ด้วยความที่ไม่รู้ คุณโต้งจึงนำกล่องนี้กลับไปหาหลวงพ่อ แล้วบอกว่า “หลวงพ่อครับ ที่ผมเจอคืออันนี้ หลวงพ่อว่ามันใช่ไหม” หลวงพ่อดูเสร็จจึงบอกว่า “ใช่ และตรงนี้มันมีที่เปิด ยังไงก็ทุบ” แต่หลวงพ่อพูดก่อนว่า “ธรรมดาคุณไสยที่มันผูกจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน มันต้องมีสื่อ ถ้ามีเศษกระดูกหรือเถ้ากระดูกของผีตายโหง มันจะต้องมีของโยมด้วย ดังนั้นมันต้องมีสื่อจากโยมและสื่อของโยมคืออะไร เพื่อนบ้านเขาทำยังไงถึงได้” เรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายลง หลังจากที่ให้เด็กวัดกับสัปเหร่อนำเหล็กมาตอกเพื่อเปิดออก สิ่งที่เจอคือ ท่อนกระดูกสีขาว เหมือนกระดูกที่เผาแล้ว แต่สิ่งที่มัดด้วยคือ ผมกระจุกหนึ่ง แล้วคุณโต้งก็จำได้ทันทีว่าเป็นผมของเขาเอง ซึ่งเพื่อนบ้านเอาไปตั้งแต่ตอนชกต่อยกัน เขาวางแผนทั้งหมดไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ก็เลยจงใจจิกหัว และกระตุกผมไปเพื่อนำไปทำสิ่งนี้ หลวงพ่อจึงจัดการทำพิธีคลายและเผาทุกอย่างเรียบร้อย คุณโต้งบอกว่า “หลังจากนี้ มันจะเป็นยังไงต่อหลวงพ่อ เราจะต้องทำอะไรกักอะไรเขาไหม” หลวงพ่อบอกว่า “ไม่ต้อง เพราะสิ่งนี้ดวงวิญญาณเขาถูกกักมาเพื่อนำมาทำร้ายโยม เมื่อมันคลายสะกดทุกอย่าง ยังไงก็ต้องกลับไปหาคนนั้น เพราะเขาเป็นคนบังคับดวงวิญญาณนี้มา” หลังจากนั้นสิ่งที่คุณโต้งรู้คือไม่นานเพื่อนข้างบ้านของคุณโต้งก็ย้ายออกไปจากหมู่บ้านแห่งนั้นโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

สาวแอร์โฮสเตสรักในการดูดวง แต่หมอดูบอกว่ามองไม่เห็นอนาคต พยายามตื๊อให้ดูดวงให้แต่หมอดูปฏิเสธ เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ก็มีข่าวว่าสาวแอร์โฮสเตสกระโดดตึก หมอดูเห็นก็ช็อคเพราะคือคนเดียวกัน! แต่แล้วเขาก็มาหาในฝันเพราะมีเรื่องให้ช่วย อยากให้ดูดวงให้อีก!

17 มี.ค. 2024

สาวแอร์โฮสเตสรักในการดูดวง แต่หมอดูบอกว่ามองไม่เห็นอนาคต พยายามตื๊อให้ดูดวงให้แต่หมอดูปฏิเสธ เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ก็มีข่าวว่าสาวแอร์โฮสเตสกระโดดตึก หมอดูเห็นก็ช็อคเพราะคือคนเดียวกัน! แต่แล้วเขาก็มาหาในฝันเพราะมีเรื่องให้ช่วย อยากให้ดูดวงให้อีก!

อ.บาส หมอดูที่ไม่ว่าจะดูดวงให้ใครก็มองเห็นอนาคตของคนนั้น แต่กับสาวแอร์โฮสเตสคนนี้ ดูดวงเท่าไหร่ก็ไม่เคยมองเห็นอนาคตของเธอ จนทำให้มีเรื่องหลอนเกิดขึ้น! เรื่องนี้ ‘อ.บาส 7th Sense’ ได้นำเรื่องราวมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 มีนาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ติดค้าง’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย! อ.บาส 7th Sense เล่าว่า ตนมักจะมีคนที่มาดูดวงเป็นประจำ อ.บาสได้ไปรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ ‘คุณเจ’ (นามสมมติ) มีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตส เธอเป็นคนเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ผิวสวย หน้าสวย หุ่นดี อ.บาสคิดว่าคุณเจทำบุญไว้เยอะ เพราะดูไม่มีความทุกข์นอกจากเรื่องความรักกับเรื่องศัลยกรรม คุณเจมักจะมาถามตนบ่อย ๆ ว่า “หนูจะไปฉีดตรงนี้ เลือกหมอให้หนูหน่อย คนนี้หนูคบได้ไหมคะ?” อ.บาสบอกว่า เวลาเธอจะคบใครก็จะมาถามอาจารย์ทุกเรื่อง เมื่อก่อนยังไม่มีไลน์หรือแอปพลิเคชันที่สามารถคุยกันได้สะดวก มีเพียงโทรศัพท์เท่านั้น บางครั้งเวลาตี 1-2 คุณเจจะส่ง SMS มาหา อ.บาส ว่า “ตี 1 แล้ว มาหาหนูหน่อย หนูมีเรื่องด่วน” อ.บาสก็ยอม เพราะรู้สึกรักคนนี้เหมือนเป็นน้องสาวของตน แต่ทุกครั้งที่ อ.บาสดูดวงให้ ปรากฏว่ามองไม่เห็นอนาคตของคุณเจ จึงตัดสินใจดูดวงเฉพาะเรื่องที่ถาม เพราะดูได้แค่นั้น คุณเจมักจะกังวลเรื่องความสวยมาก จน อ.บาสมีความรู้สึกว่าน้องคนนี้เศร้าเกิน มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณเจเรียก อ.บาสให้ออกไปหาตอนตี 1 อาจารย์บอกว่า “ไม่ไหวแล้วหนู คุยกันทางโทรศัพท์ได้ไหม?” คุณเจก็บอกว่า “ไม่เอา หนูต้องการพบอาจารย์เดี๋ยวนี้ หนูจะถามเรื่องสำคัญคือเรื่องแต่งงาน” อ.บาสบอกว่า “อ้าว จะแต่งแล้วหรอ?” และบอกต่อไปว่า “ออกไปพบไม่ได้อะ” อ.บาสจึงดูดวงผ่านโทรศัพท์แล้วบอกว่า “พี่ไม่เห็นอนาคตหนูนะ” เมื่ออ.บาสพูดไปตรง ๆ เช่นนั้น คุณเจก็บอกว่า “คนนี้ไม่ใช่คู่หนูหรอ? เขาจะแต่งงานกับหนูแล้วนะ เตรียมของไว้หมดแล้ว” อ.บาสตอบว่า “พี่ไม่เห็นอนาคตจริง ๆ หนูไม่มีอนาคตกับคนนี้ ไม่ต้องแต่ง อยู่เฉย ๆ ทำบุญทำกุศลไป” อ.บาสเล่าว่ามีบางอย่างที่แปลกคือ เวลาที่อาจารย์แนะนำให้ทำบุญ คุณเจก็ไม่ทำจะดูดวงแค่อย่างเดียว คุณเจที่ผิดหวังกับคำตอบของอ.บาส จึงบอกว่า “ถ้าเกิดอาจารย์ว่าง อาจารย์ต้องมาหาหนูให้ได้นะ” อ.บาสบอกกลับไปว่า “ได้ ๆ เดี๋ยวว่างจะออกไป ตอนนี้ดูทางโทรศัพท์ไปก่อนเนอะ” เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ช่วงนั้นมีเฟซบุ๊กแล้ว เมื่อประมาณปี 2557-2558 อ.บาสเลื่อนดูเฟซบุ๊ก ก็มีคนแชร์ข่าวมาว่า “มีแอร์โฮสเตสสาว กระโดดตึกที่ห้างแห่งหนึ่ง” ซึ่งเป็นข่าวดัง อ.บาสบอกว่า ท่าเสียชีวิตสวยมาก ชุดที่ใส่ต่อให้เป็นเสื้อยืด กางเกงวอร์มก็สวย และสมัยก่อนจะเบลอหน้าแค่นิดเดียว อาจารย์ก็รู้สึกว่า “เฮ้ย! นี่น้องคนนี้ เขามาหาเราบ่อย แล้วเราไม่เห็นอนาคตเขานี่หว่า” ตอนนั้น อ.บาสใจหล่นลงตาตุ่ม เพราะพึ่งคุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อน บอกให้เขาทำบุญ เพราะว่าไม่เคยเห็นอนาคตของเขา อ.บาสก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ออกไปหาคุณเจ คืนนั้นตอนที่ อ.บาสกำลังจะอาบน้ำก็ได้กลิ่นฟอร์มาลีน อ.บาสรู้ทันทีเลยว่าเป็นคุณเจ จึงสื่อสารไปว่า “หนูมาอย่างนี้ไม่ได้นะ อาจารย์รู้สึกไม่โอเค อาจารย์คุ้นกับหนูจริง แต่ว่าหนูมาอย่างนี้ไม่ได้ ถ้ามาก็ให้อาจารย์ฝันละกัน อาจารย์ทำใจไม่ได้จริง ๆ อาจารย์คุ้นเคยกับหนู อาจารย์เห็นว่าหนูเป็นน้องสาว” หลังจากนั้น อ.บาสก็ฝันเห็นคุณเจ เดินมาหาด้วยสีหน้าโกรธ แล้วบอกว่า “ดูดวงให้หนู!” แต่ในฝัน อ.บาสบอกว่า “หนูไม่มีอนาคต” อ.บาสก็ยังคงพูดคำเดิมเหมือน วันหนึ่งเพื่อนของคุณเจที่ชอบมาดูดวงเหมือนกันโทรมาบอกว่า “พี่บาส ๆ หนูฝันถึงเจว่ะ เจมันมาบอกว่า ให้หนูพาเจมาดูดวงหน่อย บอกว่าต้องการเจอพี่บาส แล้วมาแบบหน้าแดงเลย” อ.บาสบอกกลับไปว่า “ฝันคล้าย ๆ พี่เลย พี่ก็ฝันว่าดูดวงให้เขา แต่พี่ก็ไม่เห็นอนาคตเขาเหมือนเดิม” จากนั้น อ.บาสก็นัดเจอ ตอนนัดกันก็ให้เพื่อนของคุณเจเป็นตัวแทนดูดวง ปรากฏว่าทุกอย่างก็คลี่คลายและรู้ว่าคุณเจฆ่าตัวตายทำไม อยู่ที่ไหน ต้องการอะไร อ.บาสบอกว่า “ไปบอกแม่ บอกญาติเขาหน่อย” หลังจากนั้น อ.บาสก็ไม่ฝันอีก และก็ได้เคสนี้เป็นกรณีศึกษาว่า ถ้าอาจารย์ไม่เห็นอนาคต ต้องเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เพราะการดูดวงเราต้องมองเห็นอนาคต…(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1