ห้องรวมความหลอน!! เรื่องราวของคนไข้ห้องรวม ที่ห้ามเรียกพยาบาลกลางดึก เพราะไม่รู้ว่า ที่เดินมาจะเป็นคนหรือผี!!

อังคารคลุมโปง RECAP

ห้องรวมความหลอน!! เรื่องราวของคนไข้ห้องรวม ที่ห้ามเรียกพยาบาลกลางดึก เพราะไม่รู้ว่า ที่เดินมาจะเป็นคนหรือผี!!

26 ม.ค. 2024

       ต้องแอดมิทนอนห้องรวมที่โรงพยาบาล แต่บรรยากาศของคนไข้ที่นี่แปลกชอบกล เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับ ‘คุณไก่’ โดย ‘ครูตรี’ ได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย

       คุณไก่เล่าว่า ย้อนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คุณไก่ไม่สบาย อาหารเป็นพิษ มีอาการอาเจียน ท้องเสีย มีไข้สูง แฟนคุณไก่จึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอสั่งให้คุณไก่แอดมิทเพราะมีไข้ขึ้นสูง คุณไก่จึงขอห้องพิเศษเพื่อที่จะให้แฟนอยู่ด้วยได้ แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าห้องพิเศษเต็มหมดทุกห้อง เหลือแค่ห้องรวมที่มีเตียงว่าอยู่เพียงแค่ 2 เตียง คุณไก่จึงตัดสินใจพักอยู่ที่ห้องรวม บุรุษพยาบาลเข็นรถที่คุณไก่นั่ง เข้าไปยังห้องพักรวม คุณไก่บอกว่า “ตอนไปถึงหนูแทบอยากจะกลับ ต่อให้ต้องคลานกลับก็อยากกลับ”

       ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ แสงไฟก็ไม่ได้มากมายนัก ภายในห้องพักรวม จะมีทั้งหมด 8 เตียง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 เตียง และกั้นระหว่างเตียงด้วยผ้าม่าน  จากที่คุณไก่สังเกตุ มีเตียงว่างอยู่ 2 เตียง คือเตียงที่ 2 จากฝั่งขวา และเตียงในสุดฝั่งซ้าย คุณไก่ได้ไปนอนที่เตียงฝั่งขวา หลังจากคุณไก่ได้เตียงนอน แฟนของคุณไก่ก็บอกว่า “เฝ้าไม่ได้นะ เพราะมันเป็นห้องรวม และที่สำคัญตอนนี้มันดึกแล้ว เราต้องกลับแล้ว”  หลังจากแฟนคุณไก่กลับไป คุณไก่ก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มีพยาบาลเดินเข้ามาเช็คคนไข้แต่ละเตียงจนเสร็จแล้วก็เดินออกไป คุณไก่ก็นอนเล่นต่อจนได้ยินเสียงเตียงข้าง ๆ ไอหนักมาก คุณไก่จึงลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ ให้หนูเรียกพยาบาลให้ไหม” หลังจากพูดจบ เสียงไอขอเตียงฝั่งขวาก็ค่อย ๆ เบาลงเหลือเพียงเสียงไอในลำคอ คุณไก่ก็เอนตัวลงนอนต่อ แต่ด้วยอาการอาหารเป็นพิษกำเริบ จึงทำให้ปวดหนักต้องไปห้องน้ำและต้องเข็นน้ำเกลือไปด้วย ทำให้ไปห้องน้ำไม่ทัน คุณไก่ก็ใช้เวลาพอสมควรในการจัดการความเรียบร้อยของตัวเองจนเสร็จจึงกลับมาที่เตียง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเตียงสุดท้ายที่ว่างอยู่มีผ้าม่านปิดแสดงว่ามีคนมาอยู่แล้ว

       หลังจากคุณไก่มาถึงเตียงก็นอนเช่นโทรศัพท์จนเผลอหลับไป มาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงไอจากเตียงเดิมข้าง ๆ คุณไก่จึงลุกขึ้นเปิดผ้าม่านเตรียมจะเรียกพยาบาล แต่สายตาไปเห็นคุณยายนั่งอยู่บนเตียง นั่งจ้องเตียงข้างคุณไก่ หันมาหาคุณไก่แล้วบอกว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” คุณไก่สังเกตุเห็นว่ามีการเลื่อนผ้าม่านออก คุณยายคนนั้นก็บอกอีกเหมือนเดิมว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” คุณไก่จึงปิดผ้าม่านของเตียงตัวเองและนอนลง สักพักหนึ่งมีเสียงเคาะผ้าม่านจากทางฝั่งซ้ายและมีมือเลื่อนผ้าม่านออก เจอคุณป้าคนหนึ่งบอกว่า “หนู นอนไปเหอะ อย่าอะไรเลย พักผ่อน ๆ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว” คุณไก่ตัดสินใจนอน เอาผ้ามาคลุมและหลับไป มารู้ตัวอีกทีนึงคือแฟนมาปลุก ระหว่างที่คุณไก่เล่าเรื่องทุกอย่างให้แฟนฟัง คุณหมอก็เดินมาตรวจคนไข้แต่ละเตียง จนมาถึงเตียงคุณไก่ คุณหมอบอกว่า “หลังจากให้น้ำเกลือไปคืนนึงแล้ว อาการดีขึ้น วันนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” คุณไก่จึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แฟนก็เก็บของที่เตียงให้ หลังจากกลับมาจากห้องน้ำ เห็นคุณหมอกำลังตรวจคนไข้เตียงข้าง ๆ ก็เบาใจว่าเป็นคนที่อยู่เตียงนั้นไม่ใช่ผี 

       ก่อนกลับ คุณไก่ก็หันไปเห็นคุณยายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและเดินไปไหว้ เพื่อที่เวลาหันกลับมาจะได้เห็นคนไข้เตียงข้าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นการเนียนแอบดู คุณไก่ก็เดินไปลาคุณยายและหันหลังกลับมา เห็นคุณตาที่มีอายุมากนอนอยู่เตียงข้าง ๆ (เตียงที่ต้องการจะแอบเนียนดู) ก็เดินมาหาแฟนกำลังจะกลับ ก็เห็นคุณป้าเตียงข้าง ๆ ที่เตือนเมื่อคืนนี้ แล้วจึงเดินไปบอกว่า ”สวัสดีค่ะคุณป้า หนูกลับแล้วนะคะ“ ป้าก็บอกว่า  “ก็บอกแล้วนอนไปเดี๋ยว เช้าแล้วก็ได้กลับ” คุณไก่ก็เกิดคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมถึงย้ำให้นอน คุณไก่เลยถามป้าไปว่า “ป้า หนูถามหน่อยสิ ทำไมถึงเชียร์ให้หนูนอนจังเลยอะ มีอะไรหรอป้า ป้าบอกหนูหน่อยสิ” คุณไก่ตื้อจนป้ายอมบอก ป้าเล่าให้ฟังว่า “ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ และมีพยาบาลคนหนึ่ง ที่ต้องมาเข้ากระดึก กำลังจะมาที่โรงพยาบาล แต่โดนรถเบียด จนมอเตอร์ไซค์ล้มแล้วหน้าฝั่งซ้ายไถลไปกับพื้น แต่ปรากฏว่า มีหลาย ๆ คน เห็นพยาบาลคนนี้ มาเดินตรวจคนไข้ตามปกติทั้งที่หน้ายังเละ โดยเฉพาะก่อนที่จะปิดห้องจะมีพยาบาลเดินเข้ามาเช็ด บางวันก็ไม่ใช่พยาบาลจริง แต่เป็นพยาบาลคนที่หน้าเละเดินเข้ามาตรวจห้อง คนที่รู้เรื่องราวนี้ก็จะปิดผ้าม่านตรงปลายเท้าตลอด” ครูตรียังเล่าเสริมอีกว่า “เคยมีคนไข้เรียกพยาบาลเพราะหายใจไม่ออกและนอนรอพยาบาลเดินมา ปรากฏว่าเป็นพยาบาลที่หน้าฝั่งซ้ายเละเดินมา บ้างคนก็เจอเข็นรถอยู่ในโรงพยาบาล” 

       นั่นหมายความว่าคนไข้ทั้งหมดในห้องเตียงรวมที่คุณไก่เจอนั้น เป็นคนไข้ปกติ แต่พยาบาลที่เดินเข้ามา อาจจะเป็นพยาบาลที่เป็นคนจริง ๆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นผีก็ได้ เพราะในคืนนั้น หลังจากที่คุณไก่ได้ยินเสียงไอ ก็อาสาเรียกพยาบาลให้ แต่คุณยายกลับบอกว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” ก็เพราะกลัวว่าอาจจะเป็นวิญญาณของพยาบาลหน้าเละที่เสียชีวิตไปแล้วมาเดินตรวจอาการก็เป็นได้..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณโบนัส เดอะโกสท์ ‘เเหวนหางช้าง’ l อังคารคลุมโปง X โดนัท Howtozghost [25 มี.ค. 2568 ]

04 เม.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณโบนัส เดอะโกสท์ ‘เเหวนหางช้าง’ l อังคารคลุมโปง X โดนัท Howtozghost [25 มี.ค. 2568 ]

ในรายการ “อังคารคลุมโปง X’ (25 มีนาคม 2568) มีเรื่องราวสุดหลอนจาก “คุณโบนัส” ที่ได้รับแหวนหางช้างจากเพื่อนร่วมงาน ก่อนเกิดเหตุการณ์ลึกลับจนทำให้เธอหายตัวไป แต่ทำไมเธอยังคงกลับมาปรากฏตัวในสถานที่ทำงานอยู่? มาฟังเรื่องราวเต็มๆ กับ “ดีเจแนน”, “ดีเจเจ็ม”, และ “ดีเจมดดำ” แล้วคุณจะรู้ว่า บางครั้ง คนที่เราคุยอยู่ด้วยทุกวัน อาจจะไม่ใช่คนก็เป็นได้! ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน คุณโบนัสเคยทำงานเป็นดีเจประจำสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง โดยจำเป็นต้องโยกย้ายสถานที่ทำงานทุก ๆ 5-6 เดือน จนกระทั่งได้รับสัญญาทำงานที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในภาคใต้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ที่นั่น คุณโบนัสได้ทำความรู้จักกับพนักงานหลายคน รวมถึง “คุณแนน” พนักงานต้อนรับ (PR) สาวที่ย้ายมาจากต่างจังหวัด เมื่อสอบถามถึงเหตุผลที่ต้องมาทำงานไกลบ้าน เธอเล่าว่าตามเพื่อนมา เนื่องจากที่บ้านไม่มีอะไรให้ทำ ทั้งสองคนจึงสนิทกันจากการที่ต่างเป็นคนต่างถิ่นเหมือนกัน เมื่อระยะเวลาสัญญาของคุณโบนัสใกล้จะสิ้นสุดลง คุณแนนได้กล่าวขึ้นว่า “พี่จะย้ายงานแล้วใช่ไหม?” เมื่อได้รับคำตอบว่าใช่ เธอจึงถอดแหวนหางช้างออกจากนิ้วของตนและยื่นให้ พร้อมกล่าวว่า “พี่เดินทางบ่อย หนูอยากให้แหวนนี้คุ้มครองพี่ หนูใส่มาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ให้มา” คุณโบนัสตกใจและถามว่า “ทำไมถึงไม่เก็บไว้ใส่เอง มันคงมีค่าสำหรับเธอมาก” แต่ คุณแนน ตอบกลับว่า “หนูไม่ได้เดินทางไกลเหมือนพี่ หนูคงไม่ได้ใช้มันแล้ว” แม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่คุณโบนัสก็นำแหวนมาเก็บไว้โดยไม่ได้สวมใส่ ในวันถัดมา มีการแสดงคอนเสิร์ตจากวงดนตรีชื่อดัง คุณโบนัสเดินทางไปซาวด์เช็กตั้งแต่ช่วงบ่าย ระหว่างนั้น ทีมงานของวงได้เดินเข้าไปในห้องพักศิลปิน ทันใดนั้น หนึ่งในทีมงานก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนรีบเดินออกจากห้อง เมื่อ คุณโบนัสสังเกตเห็นท่าทีผิดปกติจึงเข้าไปสอบถาม ทีมงานคนดังกล่าวอธิบายด้วยสีหน้าซีดเผือดว่า “ผมเห็นผู้หญิงนั่งอยู่มุมห้อง เปียกโชกไปทั้งตัว” ในช่วงค่ำ ขณะที่คอนเสิร์ตดำเนินไป ลูกค้ากลุ่มหนึ่งโวยวายว่าสั่งเครื่องดื่มไปนานแล้วแต่ยังไม่ได้รับ กัปตันของร้าน จึงเข้ามาสอบถามว่าลูกค้าสั่งเครื่องดื่มกับใคร เมื่อได้รับคำตอบว่าสั่งกับ “ผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวไม่เหมือนคนอื่น” กัปตันจึงเรียกพนักงานหญิงทุกคนมาให้ลูกค้าดู แต่ลูกค้ากลับบอกว่า ไม่มีใครในกลุ่มนี้ที่เป็นคนรับออเดอร์ สุดท้าย ทางร้านจึงชดเชยเครื่องดื่มให้ลูกค้า และเรื่องก็จบลงไป หลังเลิกงาน คุณโบนัสพบคุณแนนนั่งอยู่หน้าร้าน จึงชวนไปทานก๋วยเตี๋ยว แต่เธอตอบกลับว่า “หนูมีปัญหา หนูอยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากทำงานที่นี่ต่อไป” เมื่อสอบถามว่าเกิดปัญหากับครอบครัวหรือไม่ เธอปฏิเสธ และกล่าวเพียงว่า “หนูรู้สึกใจไม่ดีแปลก ๆ อยากกลับบ้าน” วันรุ่งขึ้น คุณโบนัสเห็นคุณแนนมานั่งที่มุมร้านเร็วกว่าปกติ เมื่อเข้าไปสอบถาม เธอบอกว่า “หนูจะลาออกแล้ว หนูไม่อยากทำงานที่นี่ต่อไป” คุณโบนัส เริ่มกังวลว่าอาจเป็นเพราะเรื่องแหวน จึงเสนอจะคืนให้ แต่เธอกลับปฏิเสธ “พี่เก็บไว้เถอะ เก็บไว้ให้ดี ๆ หนูคงไม่ได้ใช้แล้ว” จากนั้น เธอเล่าต่อว่า โทรหาครอบครัวแต่ไม่มีใครรับสาย และเมื่อพ่อแม่รับสายก็ดูเหมือนไม่สนใจเธอ ในช่วงเย็น คุณโบนัสขอให้พนักงานหญิงอีกคนไปดูแลคุณแนน เนื่องจากเธอดูเครียดผิดปกติ แต่พนักงานคนนั้นกลับตอบว่า “พี่… คุณแนนไม่มาทำงานสองวันแล้วนะ” คุณโบนัสตกตะลึง เพราะเมื่อไม่นานมานี้เขายังเห็นเธอนั่งอยู่ที่ร้าน ในขณะเดียวกัน คุณแนนลุกขึ้นและเดินไปทางด้านหลังร้าน พนักงานหญิงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเธอจึงเดินตามไป แต่หลังจากนั้นก็หายตัวไป โดยไม่มีใครเห็นเธอเดินกลับมา ในช่วงดึก หลังจากเสร็จงาน เจ้าของร้านได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขอให้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึง พวกเขาเห็นรถจักรยานยนต์ของคุณแนนถูกยกขึ้นจากคลอง เมื่อหน่วยกู้ภัยนำร่างของหญิงสาวขึ้นมา เธอสวมเสื้อตัวเดียวกับที่คุณโบนัสเห็นก่อนหน้านี้ แต่ร่างนั้นอยู่ในสภาพบวมอืด และคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณสองวัน พนักงานหญิงที่เดินตามคุณแนนไปหลังร้านในวันนั้น ขี่จักรยานยนต์ตามมาที่จุดเกิดเหตุในสภาพตกใจสุดขีด เธอร้องไห้พลางกล่าวว่า “พี่รู้ไหม ตอนที่หนูเดินตามแนนไป ตัวมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว เสื้อผ้ามันเริ่มเปียก และน้ำหยดลงพื้น ต่อหน้าต่อตาหนูเลย พอหนูจะเข้าไปแตะตัวมัน น้ำเหลืองติดมือหนูเต็มไปหมด หนูกลัวมากจนต้องวิ่งออกมา” หลังจากเหตุการณ์นั้น มีพนักงานหลายคนยังคงพบเห็นคุณแนนปรากฏตัวอยู่ภายในร้าน เจ้าของร้านจึงตัดสินใจติดต่อครอบครัวของเธอ แต่ปรากฏว่าพ่อของเธอยังไม่ทราบว่าลูกสาวเสียชีวิต คืนก่อนที่ได้รับข่าวร้าย พ่อของคุณแนนฝันเห็นลูกสาวมายืนเรียกหน้าบ้านว่า “พ่อเปิดประตูให้หนูหน่อย” เมื่อทราบว่าเธอยังคงปรากฏตัวในร้าน พ่อของเธอจึงตัดสินใจเดินทางมารับเธอกลับบ้าน พร้อมให้พระมาทำพิธี คุณโบนัสได้นำแหวนหางช้างกลับไปให้พระ และถามว่าควรเก็บไว้หรือไม่ พระตอบว่า “แหวนนี้ไม่ได้เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ชะตาของเธอได้ขาดลงแล้ว..”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ดูดวงให้ลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ เปิดไพ่มาพบว่ามีวิญญาณมาเกี่ยวข้อง แถมห้องนั้นก็น่าจะมีการนองเลือดเกิดขึ้น พอพูดจบ ประตูห้องนั้นก็ปิดลงดังปั้ง! จนลูกค้ากรี๊ดหนีเตลิดออกจากห้องและหายไปเป็นอาทิตย์ ก่อนจะทักกลับมาว่า “จริงด้วย ห้องนี้มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น!”

01 มิ.ย. 2023

ดูดวงให้ลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ เปิดไพ่มาพบว่ามีวิญญาณมาเกี่ยวข้อง แถมห้องนั้นก็น่าจะมีการนองเลือดเกิดขึ้น พอพูดจบ ประตูห้องนั้นก็ปิดลงดังปั้ง! จนลูกค้ากรี๊ดหนีเตลิดออกจากห้องและหายไปเป็นอาทิตย์ ก่อนจะทักกลับมาว่า “จริงด้วย ห้องนี้มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น!”

รายการ ‘อังคารคลุมโปงX’ ที่ผ่านมา (30 พฤษภาคม 2566) ได้มีสายจาก ‘คุณอ้อม’ โทรมาเล่าเรื่องหลอนให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ จะหลอนแค่ไหนนั้น อ่านไปพร้อมกันเลย! คุณอ้อมเรียนดูดวงจนชำนาญพอสมควร จึงเปิดรับดูดวงให้กับคนทั่วไป เคสนี้เป็นของ ‘คุณกิ๊ฟ’ (นามสมมุติ) อาศัยอยู่ต่างประเทศ ทั้งคู่โทรดูดวงออนไลน์แบบไม่ได้เปิดกล้อง ระหว่างการดูดวงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งคุณอ้อมเปิดได้ไพ่ใบหนึ่ง ซึ่งเป็นไพ่ที่สื่อได้ประมาณว่า “มีวิญญาณหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้ากรรมนายเวร” นอกจากนี้ คุณอ้อมเล่าเสริมว่าเวลาที่ดูดวงนั้น จะเชื่อมโยงจากวันเดือนปีเกิด, เลขบัตรประชาชน, เลขที่ห้อง, เลขที่บ้าน,ทะเบียนรถ หรือ เบอร์โทร ควบคู่กันไป จึงถามคุณกิ๊ฟไปว่า “เลขที่ห้องน้องอ่ะเท่าไหร่” คุณอ้อมจำไม่ได้ว่าเลขตัวแรกคืออะไรแต่ข้างหลังลงท้ายด้วยเจ็ดศูนย์ ซึ่งก็รู้ได้ทันทีว่าเลขเจ็ด คือดาวเสาร์ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับผีหรือวิญญาณ ยิ่งดูดวง ยิ่งเปิดไพ่ มันก็จะขึ้นแบบนี้มาซ้ำ ๆ คุณอ้อมจึงบอกคุณกิ๊ฟไปว่า “ไพ่มันบอกว่าเจ้าที่แรง ไปทำบุญหน่อยแล้วกัน” เพราะในความคิดคุณอ้อมคือไม่ว่าจะศาสนาหรือวัฒนธรรมไหน การทำบุญมันเป็นกุศลส่วนกลาง ขอแค่ให้เราตั้งใจและระลึกนึกถึงเขา เขาก็น่าจะได้รับ คุณกิ๊ฟก็ตอบกลับมาว่า “ต้องขนาดนั้นเลยหรอพี่” สักพักก็มีเสียงตะคอกดังเข้ามาในสาย! แต่คุณอ้อมฟังไม่รู้เรื่อง จนเสียงนั้นเริ่มตะเบ็งดังขึ้น! คุณอ้อมจึงถามคุณกิ๊ฟไปว่า “มีเสียงอะไรไหม” คุณกิ๊ฟก็ตอบว่า “ไม่มีนะ” แต่คุณอ้อมก็ยังได้ยินอยู่ตลอด จึงขอให้คุณกิ๊ฟเปิดกล้องวิดีโอคอลแบบเห็นหน้า ตอนแรกคุณกิ๊ฟก็ปฏิเสธเพราะภายในห้องนั้นค่อนข้างเก่า แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดกล้อง นั่นทำให้คุณอ้อมเห็นว่าภายในห้องมันดูเก่าจริง ๆ และมีข้าวของจากเจ้าของเดิมวางทิ้งไว้อยู่ จากนั้นคุณอ้อมก็ถามต่อว่า “แล้วอยู่ห้องนี้เป็นยังไงบ้าง” คุณกิ๊ฟก็ตอบว่า “ตอนที่มาอยู่แรก ๆ ไม่ค่อยได้อยู่ห้องตัวเอง ส่วนใหญ่จะไปอยู่กับแฟน พอแฟนไม่อยู่ห้อง ก็เลยต้องกลับมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ทุกครั้งที่เวลาจะนอน ก็มักจะได้ยินเสียงลมหายใจอยู่ข้างหลังเสมอ หรือบางทีเวลาอยู่ในห้อง ก็จะรู้สึกว่ามีคนมอง แต่หันไปก็ไม่เจอใคร” แต่คุณกิ๊ฟไม่ได้คิดอะไรมาก คุณอ้อมได้ยินดังนั้นจึงพูดไปว่า “จริง ๆ แล้วห้องนี้มันมีอะไรไม่ดีนะ เพราะไพ่ที่กำลังเปิดเหมือนจะเกี่ยวข้องกับอะไรที่เป็นเลือดหรือการฆาตกรรม” สิ้นสุดคำพูดนี้ ประตูห้องที่อยู่ด้านหลังของคุณกิ๊ฟก็เปิดออกมาดังปั้ง!!! คุณกิ๊ฟตกใจกรี๊ดลั่นออกมา แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้อง ซึ่งโทรศัพท์ก็ยังตั้งอยู่ และคุณอ้อมก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังเข้ามาในสายจนต้องรีบกดวาง! หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณกิ๊ฟก็หายไป กระทั่งหนึ่งอาทิตย์ต่อมา คุณกิ๊ฟได้โทรมาเล่าให้คุณอ้อมฟังว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น คุณกิ๊ฟก็ออกจากห้อง จนเช้าของอีกวันถึงกลับมา ระหว่างวันก็นั่งอยู่ในห้องคนเดียว และรู้สึกว่ามีคนมาลูบที่เท้าหรือสัมผัสตัวอยู่ตลอดเวลา ต่อมาขณะที่กำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับก็เห็นว่ามีผู้ชายแก่ ๆ ผอม ๆ กำลังเอื้อมมือมาแตะที่ตัวเขา ซึ่งพอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เจอใคร จนมาถึงคืนหนึ่ง ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็เห็นว่าผู้ชายคนเดิมกระโดดขึ้นมาบนตัว จนสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมา พอมองไปข้าง ๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเหมือนมีคนนอนอยู่! เพราะมีร่องรอยของหมอนและเตียงที่ยุบลงไป ด้วยความกลัวและสับสนจึงตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งที่โซฟาจนเผลอหลับไปอีกครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีมีดปลายแหลมจากไหนไม่รู้มาวางทิ้งไว้อยู่บนเตียง! คุณกิ๊ฟงุนงงว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร จนผ่านไปอีกวันหนึ่งขณะที่กำลังจะออกไปทำงานก็ได้จัดเตียงและเจอว่ามีดเล่มเดิมวางอยู่ข้างใต้หมอน! ซึ่งคุณกิ๊ฟก็ยืนยันว่าไม่ได้มีเพื่อนหรือมีใครเข้ามาในห้องเลย คุณอ้อมได้ฟังดังนั้นจึงบอกไปว่า “ถ้าเป็นลักษณะแบบนี้ในบ้านเรา (ไทย) มันเหมือนกับว่าเค้ามาเตือน” คุณกิ๊ฟรู้ดังนั้นจึงพยายามหาห้องพักแห่งใหม่ แต่ระหว่างนั้นก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่น ขณะที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ก็พบว่ามีดเล่มเดิมที่เจอและเอาไปเก็บอยู่ตลอด วางอยู่ตรงอ่างล้างหน้า เป็นต้น เมื่อสืบสาวราวเรื่องประวัติห้องนั้น ก็พบว่าภายในห้อง มันเคยเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นจริง ๆ คุณกิ๊ฟเล่าว่า “คนเก่าที่เคยอาศัยอยู่ติดยา แล้วเกิดอาการคลั่ง เลยนำมีดมาปาดคอกันตาย” นี่คงเป็นสาเหตุที่คุณกิ๊ฟเจอมีดเล่มเดิมวางอยู่ตามที่ต่าง ๆ ภายในห้อง คุณอ้อมจึงได้บอกไปว่า “ดีแล้วที่ตัดสินใจย้ายออกมาก่อนที่จะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีไปมากกว่านี้” และนี่ก็เป็นเรื่องหลอนที่คุณอ้อมได้พบเจอจากการดูดวง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเจเจ 'มรดกที่ไม่อยากได้รับ' l อังคารคลุมโปง X ปลายฟ้า-มิวสิค [ 11 พ.ย.2568 ]

15 พ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเจเจ 'มรดกที่ไม่อยากได้รับ' l อังคารคลุมโปง X ปลายฟ้า-มิวสิค [ 11 พ.ย.2568 ]

เจตจำนงสุดท้ายของคนตาย เมื่อลูกพี่ลูกน้องที่แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตายตาหลับได้ เพราะห่วงเรื่องมรดก และในทุกค่ำคืนคุณเจเจ จะต้องเจอกับคนตายที่มาพร้อมความโกรธ และกลิ่นควันธูปจนนอนไม่ได้ ถ้าเธอจะอยากกลับมามีชีวิตสงบสุข ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากทำตามความต้องการของคนตาย กลิ่นธูปในยามวิกาล ที่ลอยจนคลุ้งห้องนอน เป็นประสบการณ์ตรงจาก “คุณเจเจ” เมื่อลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่สามารถตายตาหลับได้ และมีเรื่องที่ต้องการจะสื่อสาร ที่เข้ามาในช่วงระยะเวลาแห่งความฝันก็ตาม สามารถติดตามไปพร้อมกับ “ดีเจเซฟ – ดีเจแนน” ในรายการคลุมโปง ( 11 พฤศจิกายน 2568) คุณเจเจ มีลูกพี่ลูกน้องอยู่หนึ่งคน แต่ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลีย ปกติเธอ และลูกพี่ลูกน้องจะโทรคุยกันทุกวัน แต่อยู่มาวันนึงคุณแม่ของคุณเจเจ ก็เสียชีวิตลง เธอเลยโทรหาญาติคนนั้นเพื่อที่จะแจ้งเรื่องการเสียชีวิตของคุณแม่ แต่โทรเท่าไหร่ โทรกี่ครั้งก็ไม่มีใครรับสาย ระยะเวลาดำเนินผ่านมาเป็นเดือน เธอจึงกระวนกระวายอย่างมากว่าควรจะทำอย่างไรดี เธอเลยติดต่อสถานทูต เพราะในช่วงเวลานั้นออสเตรเลียยังคงปิดประเทศอยู่ ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทางฝั่งเจ้าหน้าที่ ก็แจ้งว่า เขาไม่สามารถหาตัวคนให้เราได้ เพราะไม่ใช่ญาติทางสายเลือด หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ในกลางดึกคืนหนึ่ง ลูกพี่ลูกน้องก็มาเข้าฝัน บอกว่า ‘หนาว ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล’พอตื่นเช้าขึ้นมา คุณเจเจเลยนึกขึ้นได้ว่า เธอเคยมีเบอร์คุณทนาย ที่ญาติเคยใช้ในตอนที่ทำเรื่องเกษียณ จึงตัดสินใจติดต่อไป คุณทนายเปรียบเสมือนตัวแทนของลูกพี่ลูกน้องของเธอ จึงสามารถช่วยตามหาได้ และก็ไปเจอว่า ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของเธอนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่เธอติดต่อไม่ได้ ทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถตามหาญาติ เพราะญาติของคุณเจเจ หมดสติในห้องอย่างกระทันหัน และหลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็เสียชีวิต ในช่วงเวลานั้น ยังไม่สามารถเอาศพกลับมาได้ เธอจึงได้ไหว้วานคุณทนาย ที่มีภรรยาเป็นคนไทย ให้จัดการศพตามพิธีทางพุทธศาสนา หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็จบไป คุณทนายก็โทรมาแจ้งว่า คุณเจเจได้รับมรดก เธอเลยแจ้งว่า ‘เธอไม่ได้อยากได้ ให้บริจาคไปได้เลย ถ้าเป็นของที่อยู่ที่ออสเตรเลีย’ แต่สิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอทิ้งเอาไว้ให้ คือที่ดินผืนนึงที่เมืองไทย ซึ่งที่ดินผืนนั้น ยังคงมีลูกของ ลูกพี่ลูกน้องอาศัยอยู่ และมีมูลค่า แต่เธอก็ตัดสินใจปฏิเสธไป เพราะยังไงเราก็ไม่ใช่คนในสายเลือด เธอจึงเงียบไปหลายปี แต่สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจกลับมาจัดการเรื่องมรดก เพราะความฝัน ในความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น คุณเจเจรู้สึกว่า ลูกพี่ลูกน้องมายืนจ้องหน้า ด้วยความรู้สึกโกรธ แล้วก็เรียกให้ตื่น ตื่นๆและเรื่องเดียว ที่เธอยังไม่ได้ทำให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ก็คือเรื่องมรดก ในตอนบ่ายวันนั้น คุณเจเจเลยตัดสินใจลางาน ไปที่ที่ดิน ก่อนไปเธอก็อธิษฐานในใจว่า ถ้าจะให้รู้อะไร ก็ให้รู้เรื่องกันไปในวันนี้ เพราะเธอไม่เคยติดต่อญาติที่อยู่ตรงที่ดินตรงนั้น พอไปถึงที่ประเมินที่ดิน พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคุ้นจังเลย แล้วเขาก็นึกออกขึ้นมาว่า เมื่อวานมีคนมาประเมินราคากลางของที่ดินผืนนี้เขาจะขาย เธอก็เลยกลับมาจุดธูปที่บ้านบอกว่า ผู้จัดการมรดกมันต้องใช้เวลานะ แต่ขอให้มันลุล่วง คุณทนายของลูกพี่ลูกน้องของเธอ ก็บินมาช่วยกันจัดการ จนในที่สุดเธอก็กลายเป็นผู้จัดการมรดกคุณเจเจเลยกลับไปที่ดินแห่งนั้นอีกครั้งนึง และแจ้งว่าที่ดินนี้ไม่สามารถขายได้ เพราะว่ามันติดขึ้นศาลอยู่ ทางเจ้าหน้าที่เลยบอกว่า ‘จริงๆต้องรอเดือนนึงก่อน จึงจะประกาศอย่างเป็นทางการ’ แต่ในทุกครั้งที่ทำขั้นตอนอะไร เธอจะจุดธูปคอยบอกลูกพี่ลูกน้องว่า ‘ถ้าเธออยากให้เราได้ที่ดินนี้จริงๆ ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดี’ สุดท้ายแล้วก็ต้องฟ้องร้องกัน ระหว่างลูกของลูกพี่ลูกน้อง และเธอผู้เป็นผู้จัดการมรดกเป็นข้อพิพาทระหว่างกัน แต่คุณเจเจก็ทำตามเจตจำนงของคนตาย ซึ่งเขาไม่อยากให้คนในครอบครัวตนเองได้ที่ดินผืนนี้ เพราะแม้แต่ในตอนที่ลูกพี่ลูกน้องเสีย คนเป็นญาติทางสายเลือดก็ไม่ได้สนใจ ที่จะทำเรื่องแจ้งตายให้ คนตายจึงตายตาไม่หลับ พยายามที่จะให้เธอเอาที่ดินมาให้ได้ จุดประสงค์ของคุณเจเจ มีแค่อยากให้ชื่อบนโฉนด มีชื่อของเธอ ส่วนญาติของลูกพี่ลูกน้องจะอยู่ก็อยู่ไป เธอแค่อยากทำให้มันจบตามจุดประสงค์ของคนตาย เพราะเขามาหาเธอบ่อยมาก แทบทุกคืน กับกลิ่นธูปในยามวิกาล….(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายไปทำงานที่นอกตัวเมืองต่างจังหวัด พี่เขาถามมาประโยคเดียวว่า “นอนได้ใช่ไหม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” คืนแรกที่มานอนก็ได้ยินเสียงเคาะห้องทั้งคืน เพราะอยากมาอยู่ด้วย! เคาะไม่หยุดจนต้องสื่อสารกับเจ้าที่ว่า “เจ้าที่คะ กั้นรอบรั้วทีค่ะ หนูจะเล่นเขา”

12 มิ.ย. 2023

ย้ายไปทำงานที่นอกตัวเมืองต่างจังหวัด พี่เขาถามมาประโยคเดียวว่า “นอนได้ใช่ไหม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” คืนแรกที่มานอนก็ได้ยินเสียงเคาะห้องทั้งคืน เพราะอยากมาอยู่ด้วย! เคาะไม่หยุดจนต้องสื่อสารกับเจ้าที่ว่า “เจ้าที่คะ กั้นรอบรั้วทีค่ะ หนูจะเล่นเขา”

‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (6 มิถุนายน 2566) ‘ส้ม มัลนิการ์’ ได้เล่าเรื่องสุดหลอนที่ได้เจอตอนย้ายไปเช่าบ้านพักที่ต่างจังหวัด ที่ฟังจบแล้ว ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ถึงกับขนลุกเกรียวกราวไปตาม ๆ กัน! จะหลอนแค่ไหนนั้น เปิดแสงสว่างจอให้สุดแล้วปิดไฟอ่านพร้อมกันเลย!คุณส้มเริ่มเล่าว่า มีช่วงหนึ่งที่กำลังตามหาตัวเอง จึงไปทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งที่จันทบุรี แต่สาขางานที่ทำอยู่นั้นค่อนข้างห่างจากตัวเมือง บางวันอยู่เคลียร์งานจนต้องกลับดึกทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่จึงแนะนำให้ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ สาขาที่ทำมากขึ้น ซึ่งบ้านพักที่ย้ายมา อยู่ใกล้มาก เยื้องกับสาขาที่ทำงาน บ้านพักมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวที่ยกสูงจากพื้นประมาณ 2 ฟุต ต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะเข้าห้องพัก อยู่หลังริมสุดติดรั้ว คุณส้มรู้จักกับพี่เจ้าของบ้านพักเพราะเขาทำงานบริษัทเดียวกันแต่คนละสาขา จึงได้ในราคาที่ถูกลง จากประมาณ 5,000 เหลือ ประมาณ 3,500 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมาก ทั้งสะดวก ทั้งอยู่ติดที่ทำงาน โรงพยาบาล และร้านอาหาร จึงตัดสินใจย้ายของเข้า แต่แล้วพี่เจ้าของบ้านพักก็ถามขึ้นมาว่า “นอนได้ใช่ไหม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” คุณส้มก็ตอบไปว่า “ได้ค่ะ” แม้จะเอะใจแต่ก็คิดว่า พี่เขาคงเป็นห่วงเพราะเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวคืนแรกที่มาอยู่ที่บ้านพักแห่งนี้ ก็ต้องขนของจัดของเข้าห้อง กว่าจะเสร็จก็ดึกมาก และต้องรีบนอนเพราะต้องตื่นไปทำงานตั้งแต่เช้า ระหว่างที่จัดของในห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำ ก็ได้ยินเสียงเดิน เป็นเสียงรองเท้าเดินบนพื้นหินกรวด เข้ามาทางประตูด้านหลังของตัวบ้านพัก คุณส้มก็คิดว่าเป็นพี่ผู้ชายห้องข้าง ๆ เดินมา เพราะเสียงฝีเท้ามันหนักและใหญ่เหมือนใส่รองเท้าบูทหรือไม่ก็คอมแบต ชัดเจนมากว่าเป็นของผู้ชายดัง “ฉึบ ฉึบ ฉึบ” เหมือนเดินมาด้วยความรีบ สักพักเสียงก็หยุดไป คุณส้มคิดในแง่ดีว่า ยังไงก็ต้องเป็นคน อาจจะเป็นเสียงของพี่ห้องข้าง ๆ จึงไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำ ขณะที่คุณส้มกำลังแปรงฟัน เสียงเดินก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่รอบนี้เสียงเดินมันดังขึ้นมาจากบันได “ตึง ตึง ตึง” มาหยุดที่หน้าประตูด้านหลัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหลาย ๆ ครั้ง แล้วก็มีเสียงผู้ชายตะโกนมาว่า “เห้ย เปิดโว้ย!” คุณส้มจึงตะโกนกลับไป “ใครอ่ะ!” แล้วก็คิดในใจว่าเราเข้าผิดห้องหรือไปจอดรถขวางใครหรือเปล่า แล้วก็ตอบไปว่า “แป๊บนึงนะคะพี่” จากนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปเปิดประตูแง้ม ๆ แต่เสียงมันเงียบจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้! คุณส้มมั่นใจมาก ว่ามีคนมาเคาะประตูห้องจริง ๆ จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปดู เท่านั้นแหละ ขนลุกเลย! ข้างนอกไม่มีคนอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งรอยเท้า ส่วนพี่ผู้ชายที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก็ยังไม่กลับ ในใจก็คิดว่าถ้าเป็นเจ้าที่ คุณส้มจึงก็ขอโทษ ขอขมา ขอให้อยู่ปลอดภัย เดี๋ยวจะเอาพวงมาลัยไปไหว้จากนั้นคุณส้มก็กลับเข้ามาดูทีวี สักพักก็ได้ยินเสียงรถ เสียงเดินมาไขกุญแจของพี่ข้างห้อง คุณส้มก็คิดว่าเสียงเมื่อสักครู่ไม่ใช่พี่ข้างห้องแน่ๆ คงไม่มีอะไรจึงไปนอน นอนไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะผนังไม้บริเวณหัวเตียง เคาะจนคุณส้มตื่น ในใจคิดว่าคงเป็นเสียงกิ่งไม้มาโดนกับผนัง จึงนอนต่อ สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะ “ตึง!” ที่ชัดและดังมาก ๆ ทำให้สะดุ้งตื่น คราวนี้คุณส้มคิดว่าไม่ใช่เสียงกิ่งไม้แล้วแน่ๆ แล้วเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีก เป็นเสียงเคาะที่ไล่จากซ้ายไปขวา ขึ้นบนลงล่าง สลับกันทั่วห้อง ด้วยความที่คุณส้มง่วงมากจึงตะโกนกลับไป “หยุด! จะนอน!” แล้วเสียงนั้นก็หยุด เงียบไปสักพักก็กลับมาเคาะอีก เป็นเสียงเคาะเหมือนวิ่งอยู่รอบ ๆ ตัว คุณส้มคิดว่าโดนคนแกล้งแน่ ๆ เลยเปิดประตูออกไปแต่กลับไม่มีอะไรเลย!พอกลับเข้ามาคุณส้มก็รวบรวมสมาธิ พยายามที่สื่อสารบอกเขาว่าเรามาดีนะ แต่เสียงเคาะก็ไม่หยุดแต่ถี่น้อยลง คุณส้มจึงใช้เซนส์ดู ก็เห็นว่าเขาเป็นผู้ชาย ผิวซีด เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจักรยานยนต์ไม่ก็รถยนต์ที่โรงพยาบาลใกล้ที่พัก พอถามเขาว่าต้องการอะไร เขาก็ไม่ตอบแต่กลับก่อกวนและทำให้รู้ ว่าเขาอยากมาอยู่ที่นี่กับเรา แต่ไม่ได้มาอยู่แบบดี เขาทำให้กลัว หลอน ระแวงเสียงต่าง ๆ คุณส้มบอกว่าจะทำบุญแผ่ส่วนบุญไปให้ เขาก็ไม่เอา จึงสื่อสารกับเจ้าที่ว่า “เจ้าที่คะ กั้นรอบรั้วทีค่ะ หนูจะเล่นเขา” สักพักนึงในเซนส์ของคุณส้ม รอบรั้วก็มีแสงสว่างขึ้น! ผู้ชายคนนี้เหมือนพยายามจะเดินออกแต่ก็ออกไม่ได้ คุณส้มเลยขู่เขาว่า “ถ้ายังเป็นแบบนี้ ต่อไปจะแช่ง ติดต่อให้ยมทูต ยมบาลมาเก็บแล้วนะ” จากนั้นก็เริ่มสวดคาถาสายร้อน เพื่อที่จะให้เขาตอบว่าเขาต้องการอะไร และให้เขารู้ว่าอยู่ตรงนี้ไม่ได้ แต่ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง จนสุดท้ายเจ้าที่ช่วย เขาก็ขอร้องที่จะออกไปเองแล้วไม่กลับมาที่นี่อีก คุณส้มจึงพูดกลับไปว่า “ถ้ากลับมาก่อกวนอีกเมื่อไหร่ โดนนะ!” พูดคุยกันจบคุณส้มจึงไปนอนต่อเช้าวันถัดมา พี่เจ้าของที่พักก็มารอตั้งแต่เช้าเพื่อถามเพียงแค่ประโยคเดียวว่า “ส้ม เมื่อคืนนอนได้ไหม?” คุณส้มจึงตอบกลับไปว่า “พี่รู้อะไรบอกมาเดี๋ยวนี้ ทำไมถามแบบนี้” พี่เขาก็จับแขนแล้วพูดว่า “ฟังพี่นะ ห้องเนี้ย ไม่เคยมีใครอยู่ได้เลย เห็นส้มสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้เลยไม่ได้บอก แล้วเขาว่ายังไงบ้าง” คุณส้มก็บอกพี่เขาไปว่าคุยอะไรกับวิญญาณ และต้องทำอะไรบ้างให้พี่เจ้าของบ้านพักฟัง หลังจากนั้นไม่นานคุณส้มก็ต้องย้ายสาขาที่ทำงานมาในตัวเมืองจึงย้ายออกมาจากที่บ้านพักนั้น…คุณส้มบอกว่า ไม่รู้ว่าที่วิญญาณเขาทำแบบนั้นเขาต้องการอะไร แต่เขาพูดกับคุณส้มว่า “วันนึง จะต้องขอบคุณเขา” แล้วคุณส้มก็เพิ่งมานึกออกตอนเห็นว่ารายการอังคารคลุมโปงใช้เรื่องนี้เพื่อโปรโมทในรายการ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1