ห้องรวมความหลอน!! เรื่องราวของคนไข้ห้องรวม ที่ห้ามเรียกพยาบาลกลางดึก เพราะไม่รู้ว่า ที่เดินมาจะเป็นคนหรือผี!!

อังคารคลุมโปง RECAP

ห้องรวมความหลอน!! เรื่องราวของคนไข้ห้องรวม ที่ห้ามเรียกพยาบาลกลางดึก เพราะไม่รู้ว่า ที่เดินมาจะเป็นคนหรือผี!!

26 ม.ค. 2024

       ต้องแอดมิทนอนห้องรวมที่โรงพยาบาล แต่บรรยากาศของคนไข้ที่นี่แปลกชอบกล เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับ ‘คุณไก่’ โดย ‘ครูตรี’ ได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย

       คุณไก่เล่าว่า ย้อนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คุณไก่ไม่สบาย อาหารเป็นพิษ มีอาการอาเจียน ท้องเสีย มีไข้สูง แฟนคุณไก่จึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอสั่งให้คุณไก่แอดมิทเพราะมีไข้ขึ้นสูง คุณไก่จึงขอห้องพิเศษเพื่อที่จะให้แฟนอยู่ด้วยได้ แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าห้องพิเศษเต็มหมดทุกห้อง เหลือแค่ห้องรวมที่มีเตียงว่าอยู่เพียงแค่ 2 เตียง คุณไก่จึงตัดสินใจพักอยู่ที่ห้องรวม บุรุษพยาบาลเข็นรถที่คุณไก่นั่ง เข้าไปยังห้องพักรวม คุณไก่บอกว่า “ตอนไปถึงหนูแทบอยากจะกลับ ต่อให้ต้องคลานกลับก็อยากกลับ”

       ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ แสงไฟก็ไม่ได้มากมายนัก ภายในห้องพักรวม จะมีทั้งหมด 8 เตียง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 เตียง และกั้นระหว่างเตียงด้วยผ้าม่าน  จากที่คุณไก่สังเกตุ มีเตียงว่างอยู่ 2 เตียง คือเตียงที่ 2 จากฝั่งขวา และเตียงในสุดฝั่งซ้าย คุณไก่ได้ไปนอนที่เตียงฝั่งขวา หลังจากคุณไก่ได้เตียงนอน แฟนของคุณไก่ก็บอกว่า “เฝ้าไม่ได้นะ เพราะมันเป็นห้องรวม และที่สำคัญตอนนี้มันดึกแล้ว เราต้องกลับแล้ว”  หลังจากแฟนคุณไก่กลับไป คุณไก่ก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มีพยาบาลเดินเข้ามาเช็คคนไข้แต่ละเตียงจนเสร็จแล้วก็เดินออกไป คุณไก่ก็นอนเล่นต่อจนได้ยินเสียงเตียงข้าง ๆ ไอหนักมาก คุณไก่จึงลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ ให้หนูเรียกพยาบาลให้ไหม” หลังจากพูดจบ เสียงไอขอเตียงฝั่งขวาก็ค่อย ๆ เบาลงเหลือเพียงเสียงไอในลำคอ คุณไก่ก็เอนตัวลงนอนต่อ แต่ด้วยอาการอาหารเป็นพิษกำเริบ จึงทำให้ปวดหนักต้องไปห้องน้ำและต้องเข็นน้ำเกลือไปด้วย ทำให้ไปห้องน้ำไม่ทัน คุณไก่ก็ใช้เวลาพอสมควรในการจัดการความเรียบร้อยของตัวเองจนเสร็จจึงกลับมาที่เตียง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเตียงสุดท้ายที่ว่างอยู่มีผ้าม่านปิดแสดงว่ามีคนมาอยู่แล้ว

       หลังจากคุณไก่มาถึงเตียงก็นอนเช่นโทรศัพท์จนเผลอหลับไป มาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงไอจากเตียงเดิมข้าง ๆ คุณไก่จึงลุกขึ้นเปิดผ้าม่านเตรียมจะเรียกพยาบาล แต่สายตาไปเห็นคุณยายนั่งอยู่บนเตียง นั่งจ้องเตียงข้างคุณไก่ หันมาหาคุณไก่แล้วบอกว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” คุณไก่สังเกตุเห็นว่ามีการเลื่อนผ้าม่านออก คุณยายคนนั้นก็บอกอีกเหมือนเดิมว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” คุณไก่จึงปิดผ้าม่านของเตียงตัวเองและนอนลง สักพักหนึ่งมีเสียงเคาะผ้าม่านจากทางฝั่งซ้ายและมีมือเลื่อนผ้าม่านออก เจอคุณป้าคนหนึ่งบอกว่า “หนู นอนไปเหอะ อย่าอะไรเลย พักผ่อน ๆ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว” คุณไก่ตัดสินใจนอน เอาผ้ามาคลุมและหลับไป มารู้ตัวอีกทีนึงคือแฟนมาปลุก ระหว่างที่คุณไก่เล่าเรื่องทุกอย่างให้แฟนฟัง คุณหมอก็เดินมาตรวจคนไข้แต่ละเตียง จนมาถึงเตียงคุณไก่ คุณหมอบอกว่า “หลังจากให้น้ำเกลือไปคืนนึงแล้ว อาการดีขึ้น วันนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” คุณไก่จึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แฟนก็เก็บของที่เตียงให้ หลังจากกลับมาจากห้องน้ำ เห็นคุณหมอกำลังตรวจคนไข้เตียงข้าง ๆ ก็เบาใจว่าเป็นคนที่อยู่เตียงนั้นไม่ใช่ผี 

       ก่อนกลับ คุณไก่ก็หันไปเห็นคุณยายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและเดินไปไหว้ เพื่อที่เวลาหันกลับมาจะได้เห็นคนไข้เตียงข้าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นการเนียนแอบดู คุณไก่ก็เดินไปลาคุณยายและหันหลังกลับมา เห็นคุณตาที่มีอายุมากนอนอยู่เตียงข้าง ๆ (เตียงที่ต้องการจะแอบเนียนดู) ก็เดินมาหาแฟนกำลังจะกลับ ก็เห็นคุณป้าเตียงข้าง ๆ ที่เตือนเมื่อคืนนี้ แล้วจึงเดินไปบอกว่า ”สวัสดีค่ะคุณป้า หนูกลับแล้วนะคะ“ ป้าก็บอกว่า  “ก็บอกแล้วนอนไปเดี๋ยว เช้าแล้วก็ได้กลับ” คุณไก่ก็เกิดคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมถึงย้ำให้นอน คุณไก่เลยถามป้าไปว่า “ป้า หนูถามหน่อยสิ ทำไมถึงเชียร์ให้หนูนอนจังเลยอะ มีอะไรหรอป้า ป้าบอกหนูหน่อยสิ” คุณไก่ตื้อจนป้ายอมบอก ป้าเล่าให้ฟังว่า “ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ และมีพยาบาลคนหนึ่ง ที่ต้องมาเข้ากระดึก กำลังจะมาที่โรงพยาบาล แต่โดนรถเบียด จนมอเตอร์ไซค์ล้มแล้วหน้าฝั่งซ้ายไถลไปกับพื้น แต่ปรากฏว่า มีหลาย ๆ คน เห็นพยาบาลคนนี้ มาเดินตรวจคนไข้ตามปกติทั้งที่หน้ายังเละ โดยเฉพาะก่อนที่จะปิดห้องจะมีพยาบาลเดินเข้ามาเช็ด บางวันก็ไม่ใช่พยาบาลจริง แต่เป็นพยาบาลคนที่หน้าเละเดินเข้ามาตรวจห้อง คนที่รู้เรื่องราวนี้ก็จะปิดผ้าม่านตรงปลายเท้าตลอด” ครูตรียังเล่าเสริมอีกว่า “เคยมีคนไข้เรียกพยาบาลเพราะหายใจไม่ออกและนอนรอพยาบาลเดินมา ปรากฏว่าเป็นพยาบาลที่หน้าฝั่งซ้ายเละเดินมา บ้างคนก็เจอเข็นรถอยู่ในโรงพยาบาล” 

       นั่นหมายความว่าคนไข้ทั้งหมดในห้องเตียงรวมที่คุณไก่เจอนั้น เป็นคนไข้ปกติ แต่พยาบาลที่เดินเข้ามา อาจจะเป็นพยาบาลที่เป็นคนจริง ๆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นผีก็ได้ เพราะในคืนนั้น หลังจากที่คุณไก่ได้ยินเสียงไอ ก็อาสาเรียกพยาบาลให้ แต่คุณยายกลับบอกว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” ก็เพราะกลัวว่าอาจจะเป็นวิญญาณของพยาบาลหน้าเละที่เสียชีวิตไปแล้วมาเดินตรวจอาการก็เป็นได้..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากมิวสิค ‘ตู้กระจก’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

11 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากมิวสิค ‘ตู้กระจก’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

‘มิวสิค’ นักแสดงจากซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ตู้กระจก’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! มิวสิคเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านของมิวสิคเอง โดยครอบครัวของมิวสิคจะเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านของมิวสิคมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่คนในบ้านจะไม่ค่อยอยู่เพราะอยู่ไกลตัวเมือง ทำให้มีบางช่วงเวลาที่คนในบ้านจะพาเพื่อนมาที่บ้านของมิวสิคหลังนี้ และเวลาคนนอกเข้ามา ทุกคนจะเจอกับ ‘ผู้หญิงคนหนึ่ง’ เสมอ ซึ่งผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในห้องที่เรียกว่า ‘ห้องสีชมพู’ เวลาแขกมาก็จะอยู่ห้องชมพู จนมีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ชายพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ตัวพี่ชายของมิวสิคก็นอนห้องตัวเอง ส่วนเพื่อนของพี่ชายนอนห้องสีชมพู ซึ่งทั้งสองห้องไม่ได้ไกลกันมาก ในคืนนั้นพี่ชายของมิวสิคก็ฝันว่าตัวของพี่ชายนั้นตื่นขึ้นมา แล้วหันไปตรงประตูห้องน้ำก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายมิวสิคมาก แต่ก็รู้สึกได้ว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่มิวสิค และจู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็กรี๊ดและพุ่งเข้ามาหาที่หน้า แล้วพี่ชายก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ในขณะที่สะดุ้งตื่นนั้นพี่ชายก็ได้ยินเสียงเพื่อนที่อยู่ในห้องสีชมพูกำลังโวยวาย พี่ชายจึงรีบวิ่งไปหาเพื่อน เพื่อนของพี่ชายจึงบอกว่าเมื่อกี้ฝันว่าตื่นขึ้นมาบนเตียง แล้วเจอผู้หญิงยืนอยู่หน้าห้องน้ำกรี๊ดเสียงดังและพุ่งเข้ามา คุณปู่ของมิวสิคเป็นคนหัวแข็งและชอบสะสมของเก่า แต่เวลาคนในบ้านพาใครมาก็จะเจออะไรแปลก ๆ เสมอ เช่นบางคนนอนอยู่แล้วฝันว่ามีคนมาลูบหัวแล้วจิกหัว โดยทุกคนจะฝันที่ห้องสีชมพูนี้กันหมด คุณปู่ของมิวสิคอยากรู้ว่ามีจริงมั้ย เลยท้าให้ผู้หญิงคนนั้นมา เพราะนี่คือบ้านของคุณปู่ ด้วยความที่มิวสิคมีเซ้นส์ก็จะเจอผู้หญิงคนนี้บ่อยมาก จึงมักจะบอกคุณปู่เสมอว่าคน ๆ นี้มีจริงนะ แต่คุณปู่ไม่เชื่อ มิวสิคจึงปล่อยคุณปู่ท้าไป เมื่อถึงตอนที่คุณปู่ตื่น คุณปู่ก็ดูไม่มีอะไรและเงียบไป มิวสิคเลยไปหาแม่บ้านแล้วก็พูดถึงคุณปู่ว่า “ไหนเป็นไง ไม่เห็นพูดเลย ไม่เจอหรอ” แม่บ้านจึงเล่าให้ฟังว่าคุณปู่เจอผู้หญิงมายืนร้องไห้อยู่ที่หน้าประตูแล้วเอาเล็บขูดประตูทั้งคืน แต่คุณปู่ไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ เพราะคุณปู่รู้สึกว่าถ้ายิ่งเชื่อก็จะยิ่งอยู่ ซึ่งมิวสิคมักจะเจอผู้หญิงคนนี้เวลากำลังจะไปโรงเรียนในตอนเช้า ผู้หญิงคนนี้จะยืนอยู่ตรงพุ่มไม้บ้าง ยืนชะโงกดูบ้าง นั่งมองบ้าง ตัวมิวสิคอยู่โรงเรียนประจำ จะไม่อยู่บ้านตั้งแต่จันทร์ - ศุกร์ ในช่วงนั้นน้าของมิวสิคที่อยู่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องเก็บของเก่า มีลูกสาวอยู่คนหนึ่งที่ชอบเล่นด้วยกันกับมิวสิค ในตอนนั้นลูกสาวของน้ากำลังจะนอน แต่อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “แม่ พี่มิวมาหา พี่มิวยืนอยู่ตรงนี้พี่มิวมาหา” แต่ ณ ตอนนั้นมิวสิคอยู่โรงเรียนประจำ โดยทุกคนที่เจอผู้หญิงคนนี้จะบอกว่าหน้าเหมือนมิวสิค บางทีมิวสิคคนอนอยู่ชั้น 4 ที่อยู่บนสุด ก็เห็นมือสีขาวลงมาจากฝ้าที่มีรู หรือมีครั้งหนึ่งเป็นงานแต่งของพี่คนหนึ่ง ทำให้มีคนมานอนที่บ้านเยอะ ณ ตอนนั้นมิวสิคนอนกับคุณแม่ ห้องของมิวสิคเป็นชั้นลอยและมีกระจกใสที่มองทะลุเห็นห้องนั่งเล่น ในขณะที่นอนอยู่แม่ก็ฝันว่ามิวสิคกอดคุณแม่แน่น คุณแม่ถามว่ามิวสิคเป็นอะไร แต่ก็มีอะไรดลใจให้มองไปตรงกระจก ก็เห็นเป็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ห้องนั่งเล่นแล้วกรี๊ดแบบไม่พอใจจนกระจกสั่น แม่มิวสิคจึงบอกว่า “วันนี้เป็นวันมงคลจะทำตัวแบบนี้ทำไม” เมื่อคุณแม่ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่ามิวสิคกอดคุณแม่อยู่จริง ๆ แล้วมีวันหนึ่งคุณแม่ของมิวสิคได้ไปเจอหมอดูคนหนึ่งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน หมอดูก็ทักว่า “อยากรู้ไหมว่าผู้หญิงที่บ้านเขามาได้ยังไง” คำตอบคือ ผู้หญิงคนนี้มากับตู้ไม้กระจกที่ตั้งอยู่ที่บ้าน ซึ่งผู้หญิงคนนี้อยากได้ศาล แต่อย่าไปตั้งศาลให้เค้าเพราะเค้าอยากให้ที่นี่เป็นที่ของเค้า มิวสิคจึงกลับบ้านเพื่อไปดูว่าตู้ไม้อยู่ที่ไหน เพราะคุณปู่มีของเก่าเยอะมาก จนไปเจอซอกหนึ่งของบ้านที่มีตู้ไม้กระจกตั้งอยู่ และเป็นตู้ที่มิวสิคชอบไปยืนดูตั้งแต่เด็ก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

หนุ่มไรเดอร์วิ่งงานกะดึก ได้ออเดอร์ส่งอาหารแต่ลูกค้าขอให้ซื้อธูปไปด้วย พอถึงหมุดหมายก็พบว่าเป็นบ้านร้าง แถมลูกค้ายังบอกอีกว่า “ถ้าส่งเสร็จแล้วให้ขับรถออกไป อย่าหันมามองเด็ดขาด” แต่ด้วยความห้าว! จึงหันกลับไปมอง ...เท่านั้นแหล่ะ บิดรถสุดกำลัง!

07 เม.ย. 2023

หนุ่มไรเดอร์วิ่งงานกะดึก ได้ออเดอร์ส่งอาหารแต่ลูกค้าขอให้ซื้อธูปไปด้วย พอถึงหมุดหมายก็พบว่าเป็นบ้านร้าง แถมลูกค้ายังบอกอีกว่า “ถ้าส่งเสร็จแล้วให้ขับรถออกไป อย่าหันมามองเด็ดขาด” แต่ด้วยความห้าว! จึงหันกลับไปมอง ...เท่านั้นแหล่ะ บิดรถสุดกำลัง!

เรื่องราวในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมานั้น (21 มีนาคม 2566) ได้มีสายจาก ‘คุณอาร์ท’ ไรเดอร์หนุ่มที่ได้เจอประสบการณ์ขวัญผวาขณะขับรถไปส่งอาหารกะกลางคืน ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ ต้องเสียวสันหลังวาบ! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญอ่านกันได้เลย! คุณอาร์ทเล่าว่า ตนเองนั้นทำอาชีพไรเดอร์เป็นหลักได้เกือบหนึ่งปีแล้ว ส่วนใหญ่จะรับงานช่วงกลางคืน เพราะอากาศไม่ร้อนและรถไม่ติด คืนที่เกิดเรื่อง คุณอาร์ทจำได้ขึ้นใจว่าเป็นคืนสิ้นปี วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมานี้เอง ถึงแม้จะเป็นคืนเคาท์ดาวน์ แต่คุณอาร์ทก็ยังรับงานเป็นปกติ เมื่อได้รับออเดอร์จากร้านอาหารก็ขับรถจักรยานยนต์ไปรับอย่างที่เคยทำ เมื่อถึงที่ร้านก็ได้บังเอิญเจอพี่ไรเดอร์ที่รู้จักกัน ระหว่างที่รออาหารก็ทักทายพูดคุยกันทั่ว ๆ ไปว่า “ได้ออเดอร์หรอ? แล้วต้องเอาไปส่งแถวไหน?” คุณอาร์ทไม่รู้จักสถานที่เพราะไม่เคยไปส่งเลยไม่รู้จะบอกยังไง จึงยื่นโทรศัพท์ที่ปักหมุดสถานที่นั้นให้พี่ไรเดอร์ดู ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ถอดสี! คุณอาร์ทเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพี่ไรเดอร์ก็ถามกลับไปว่า “พี่ป่วยรึเปล่า? เป็นอะไรมั้ยพี่?” แต่พี่ไรเดอร์ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร และถามกลับมาว่า “ไปคนเดียวหรอ?” คุณอาร์ทได้ยินก็ตอบติดเล่นไปว่า “ไปคนเดียวดิพี่ ผมไม่ได้พาแฟนด้วยด้วยหนิ” แล้วเขาก็รีบยิงคำถามกลับมาว่า “แล้วเคยไปที่นี่มั้ย?” คุณอาร์ทที่แม้จะงงกับคำถาม แต่ก็ตอบกลับไปว่า “ไม่เคยไป ไม่รู้ชื่อหมู่บ้านด้วย” พอตอบไปแบบนั้นพี่ไรเดอร์ก็บอกว่า “ไม่ต้องกลัวผีหรอก กลัวคนดีกว่า” คำพูดนั้นตงิดใจคุณอาร์ทขึ้นมา จึงนึกถึงตอนที่พี่ไรเดอร์คนนี้หน้าถอดสีเมื่อเห็นโลเคชั่นบนโทรศัพท์ คุณอาร์ทเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรต่อ เพราะหากได้ยินเรื่องเล่านั้นขึ้นมา คุณอาร์ทจะกลัวกว่าเดิม... พอคุณอาร์ทรับอาหารเสร็จ พี่ไรเดอร์ก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “มีไฟแช็คมั้ย?” คุณอาร์ทก็สงสัยถามกลับไปว่า “ถามทำไมอ่ะพี่ พี่จะดูดบุหรี่หรอ?” เขาก็ตอบว่า “ถ้าไม่มีเดี๋ยวพี่ให้ยืม” ทันใดนั้นก็มีข้อความของลูกค้าเด้งขึ้นมาว่า “น้องไรเดอร์คะ แวะร้านขายของชำซื้อธูปให้พี่มัดนึงได้มั้ย?” พี่ไรเดอร์ที่เห็นข้อความนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “นี่ไง พี่ถึงได้ถามว่ามีไฟแช็คหรือเปล่า จะได้ให้ยืมไป” คุณอาร์ทได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกงงเข้าไปใหญ่ และไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไร แต่ก็ตอบตกลงไปเพราะลูกค้าบอกว่าจะให้ทิปพิเศษ เมื่อซื้อของตามที่ลูกค้าบอกแล้ว คุณอาร์ทก็ขับรถมุ่งหน้าสู่โลเคชั่นตามที่หมุดหมายเอาไว้.. ห่างจากร้านอาหารประมาณ 5 กิโลเมตร คุณอาร์ทก็มาถึงหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ก็รู้สึกแปลกใจเพราะวันนี้เป็นคืนสิ้นปี คนส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงสังสรรค์ฉลองเคาท์ดาวน์กัน แต่ที่นี่กลับไร้วี่แวว มีเพียงบ้านบริเวณด้านหน้าไม่กี่หลังที่เปิดไฟอยู่ ส่วนบ้านที่คุณอาร์ทต้องไปส่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน เป็นบ้านในซอย 7 หลังที่ 4 ซึ่งบ้านในซอยนี้ล้วนแล้วแต่มีป้ายประกาศยึดทรัพย์จากธนาคารแทบทุกหลัง คุณอาร์ทจึงโทรกลับไปถามลูกค้า เพราะอาจจะปักหมุดผิด แต่ลูกค้าก็บอกว่า “ที่นี่แหล่ะ ถึงแล้ว” และลูกค้ายังบอกอีกว่า “น้องไรเดอร์คะ รบกวนเปิดกล่องข้าวและจุดธูปปักให้หน่อยได้มั้ย” คุณอาร์ทจึงบอกไปว่า “โห่พี่ นี่มันจะนอกเหนือหน้าที่ของผมแล้วนะครับ” แต่ลูกค้าก็ยังยืนกรานว่าจะให้ทำแถมยังเพิ่มทิปพิเศษให้อีก คุณอาร์ทยอมจำนนจึงยอมทำตาม และในใจลึก ๆ ก็เริ่มรู้สึกกลัว จึงรีบทำแบบส่ง ๆ ไป พอใกล้จะเสร็จลูกค้าก็ยังบอกอีกว่า “น้อง ถ้าน้องทำเสร็จแล้ว ให้เดินไปที่รถและรีบขับออกไปเลย ไม่ว่ายังไงอย่าหันกลับไปมองนะ” ได้ยินดังนั้นคุณอาร์ทก็ทำตาม แต่ด้วยความที่ห้ามความห้าวของตัวเองไว้ไม่ไหว จึงแอบชำเลืองหันไปมอง ภาพที่เห็นทำให้คุณอาร์ทต้องขนลุกไปทั้งตัว! เพราะมันคือเงาดำ ๆ รุมกินข้าวกล่องที่เปิดอยู่ เท่านั้นยังไม่พอ หนึ่งในเงาดำนั้นรู้ว่าคุณอาร์ทมอง จึงทำท่าจะพุ่งเข้ามาหา! คุณอาร์ทตกใจมากจึงรีบตั้งสติแล้วรีบขับรถออกมาให้พ้นหมู่บ้านนั้นทันที! คุณอาร์ทขับรถกลับมาที่ร้านอาหารอีกครั้ง และพบว่าพี่ไรเดอร์คนเดิมยังนั่งอยู่ เมื่อเห็นคุณอาร์ก็ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยมาให้และถามว่า “เป็นไง เรียบร้อยมั้ย” คุณอาร์ทที่ทั้งกลัวและหัวเสียจึงตอบไปว่า “โหย เรียบร้อยอะไรพี่ ผมโดนผีหลอกมาเนี่ย” พี่ไรเดอร์จึงเลยบอกว่า “ตอนไปครั้งแรกพี่ก็โดนแบบเอ็งนี่แหละ เค้าโดนกันมาหมดแล้ว และที่พี่ไม่บอก เพราะอยากให้เอ็งได้รู้ไง” คุณอาร์ทจึงถามพี่ไรเดอร์ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ พี่ไรเดอร์บอกว่า “บ้านหลังนี้ไม่เคยมีประวัติอะไรทั้งนั้น เป็นบ้านคนทั่ว ๆ ไป แต่พอไม่มีคนอยู่ ผีก็มาอาศัยอยู่แทน ทำให้มีคนมาขอสิ่งต่าง ๆ กับผีเหล่านี้ และพอได้ตามใจหวัง เลยเลี้ยงอาหารผีเป็นการตอบแทน” เช้าวันถัดมา คุณอาร์ทยังค้างคาใจกับเรื่องนี้ไม่หาย จึงกลับไปดูบ้านหลังนั้นอีกครั้ง พอไปถึงก็เห็นว่ากล่องข้าวที่วางทิ้งไว้ประมาณ 30-40 กล่อง มีเศษธูปเกลื่อนเต็มหน้าบ้าน มีผ้าสามสีผูกไว้กับต้นไม้ใกล้ ๆ กันเต็มไปหมด! พอคุณอาร์ทนึกย้อนกลับไปก็พบว่าเมื่อคืนนี้คุณอาร์ทไม่เห็นวี่วแววของสิ่งเหล่านี้เลยทั้ง ๆ ที่ไฟก็ส่องถึง จึงกลับไปเล่าเรื่องนี้ให้พี่ไรเดอร์คนเดิมฟังอีกครั้ง ซึ่งพี่เขาก็ได้เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่าเจอมาหนักกว่าคุณอาร์มาก นั่นก็คือเจอผีตามถึงบ้าน เพราะพี่เขาเป็นคนไม่เชื่อ แถมในวันนั้นก็ยังลบหลู่โดยการจุดธูปเสร็จก็เอาเท้าเขี่ยกล่องข้าวและบอกว่า “อ่ะกิน ๆ แ*ก ๆ ไอ้พวกผีไม่มีญาติ” ถึงขั้นต้องไปหาหลวงพ่อที่วัดให้ช่วยเพราะผีตามหลอกหลอนไม่หยุด และจนถึงปัจจุบันออเดอร์เลี้ยงอาหารผีที่บ้านหลังนี้ก็มีมาเรื่อย ๆ ซึ่งคนที่กดรับคำสั่งก็มักจะเป็นไรเดอร์หน้าใหม่ที่ยังไม่เคยเจอ ซึ่งหากมาถามคุณอาร์ท คุณอาร์ทก็จะไม่บอกเช่นกัน “เพราะถ้าเรารู้ นายก็ต้องรู้ด้วย” เรื่องหลอนจากการส่งอาหารกลางดึกยังไม่หมดเพียงเท่านี้ คุณอาร์ทเล่าอีกว่ามีครั้งหนึ่งได้รับออเดอร์ให้ไปส่งอาหารที่หอพักนักศึกษา โดยเส้นทางนี้มีถนนสองเลน ไฟข้างทางก็ส่องลงมาตามถนน คุณอาร์ทเห็นไกล ๆ ว่ามีอะไรสักอย่างสีขาวใหญ่ ๆ ยาว ๆ อยู่ตรงถนน จึงคิดว่าคงมีสุนัขมานอนขวาง และขับเบี่ยงไปทางซ้ายเพื่อที่จะหลบ แต่เมื่อยิ่งขับไปใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นชัดว่ามันคือผ้าขาวที่ห่อเป็นรูปร่างคล้ายศพ คุณอาร์ทก็ทำใจดีสู้เสือโดยการขับรถผ่านแบบไม่มอง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงหันไปดูว่ามีอะไรตามมามั้ย ซึ่งความท้าทายนั้นก็สนองแด่คุณอาร์ท เพราะสิ่งนั้นมันกลิ้งตาม! คุณอาร์ทเห็นเข้าก็บิดรถสุดกำลังจนถึงคอสะพานที่มีไฟสว่างๆ ผ้าขาวห่อศพนั้นมันก็ค่อยๆหายไปแบบไร้ร่องรอยทันที! และนี่คือเรื่องหลอนชวนผวาจากคุณอาร์ท ไรเดอร์ส่งอาหารกะดึก ที่นอกจากจะต้องระวังเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว ยังต้องระวังออเดอร์แปลก ๆ ที่อาจพาความหลอนมาส่งแทนด้วย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

วัยรุ่นม.3 รวมตัวกันไปเที่ยวทะเล ได้ที่พักทาวน์เฮ้าส์ติดกันสองหลัง เจอเหตุการณ์แปลก ๆ ชวนเสียว ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงเดิน จนผวานอนไม่ได้!

08 ธ.ค. 2023

วัยรุ่นม.3 รวมตัวกันไปเที่ยวทะเล ได้ที่พักทาวน์เฮ้าส์ติดกันสองหลัง เจอเหตุการณ์แปลก ๆ ชวนเสียว ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงเดิน จนผวานอนไม่ได้!

ไปเที่ยวประจำปีกับเพื่อน ๆ ตามปกติ แต่กลับเจอดีจากสถานที่ที่ไปพัก เรื่องนี้ ‘พี่แจ๊ค’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 ธันวาคม 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ม.3 เทอม1’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! พี่แจ็ค The Ghost Radio บอกว่า ‘คุณเอิร์ท’ นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง โดยต้องเล่าย้อนกลับไปสมัย Hi5 คุณเอิร์ทกับกลุ่มเพื่อนมักจะมีการนัดไปเที่ยวประจำปี กลุ่มนี้สนิทกันมาตั้งแต่ ม.1 เทอมหนึ่ง จนขึ้น ม.2 เทอมหนึ่ง ก็มีการรวมตัวนัดคุย และเก็บเงินรายอาทิตย์ไว้ไปเที่ยวกัน เมื่อเก็บเงินครบจึงไปเที่ยวทะเลด้วยกัน พอมารอบนี้ ม.2 เทอมสอง ก็ไปเที่ยวกันอีก แต่รอบนี้ไปเที่ยวป่าเที่ยวเขา พอขึ้น ม.3 เทอมหนึ่ง ทุกคนก็รวมตัวกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปเที่ยวทะเล เพราะว่าอยากกลับไปที่พักเดิมที่เคยไปในรอบแรก จึงรวมตัวกันได้ 14 คน เหมารถตู้กันไป และสมัยนั้นยังต้องโทรไปจองโรงแรม เพราะยังไม่แอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกสบาย เมื่อไปถึงที่พักในจังหวัดเพชรบุรี ปรากฎว่าเข้าพักไม่ได้ เพราะแขกที่พักก่อนหน้านั้นขออยู่ต่ออีกหนึ่งคืน คุณเอิร์ทกับเพื่อนก็รู้สึกเคว้งจึงไปนั่งปรึกษากันอยู่ริมทะเล งานนี้นอกจากจะมีวัยรุ่น 14 คนแล้ว ยังมีคุณ ‘แม่ของคุณเอิร์ท’ ไปด้วย ระหว่างที่นั่งปรึกษากันอยู่นั้น ก็มีวินมอเตอไซค์ขับผ่านมา แล้วถามว่า “นั่งทำอะไรกัน ได้ที่พักกันหรือยังหนุ่ม ๆ ?” เด็ก ๆ จึงบอกไปว่าต้องการที่พัก และโจทย์คือต้องอยู่ด้วยกันทั้ง 14 คน ทางวินมอเตอไซค์จึงขับรถนำรถตู้พาไปดูโรงแรม พอไปถึงที่แรกเป็นบ้านสองหลังติดกัน นอนได้ 14 คน แต่ไม่มีแอร์จึงขอผ่านไปก่อน อีกที่ เป็นบ้านสองหลังเหมือนกันแต่ไม่ตอบโจทย์ เพราะมีหลังอื่นขั้นตรงกลาง กระทั่งมาที่สุดท้าย เป็นบ้านสองหลังติดกัน มีแอร์ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นทาวน์เฮ้าส์สองหลัง สองชั้น รวมสองหลังมีประมาณ 4 ห้องนอน รวมห้องโถงอีก ทุกคนโอเค ทางคุณแม่ของคุณเอิร์ทจึงไปติดต่อกับเจ้าของที่พักให้ บ้านทั้งสองหลังจะแบ่งเป็นสายเล่นเกมอยู่หลังที่หนึ่ง ส่วนหลังที่สองมีแม่ของคุณเอิร์ทอยู่ด้วย แล้วก็มีคุณเอิร์ท รวมถึงเพื่อน ๆ อีกประมาณนึง ระหว่างที่ขนของเข้าบ้านหลังแรกอยู่ คุณเอิร์ทก็หันมามองบ้านหลังที่สอง เห็นเพื่อนคนหนึ่งกำลังไขประตูแต่ไขไม่ออก คุณเอิร์ทจึงไปช่วยเพื่อน และนำกุญแจไปไขแทน สรุปก็คือไขไม่ออกจริง ๆ เหมือนติดอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน คุณเอิร์ททั้งทุบกลอน ทั้งไข ทั้งเขย่าประตู ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นอารมณ์ร้อนเลยพูดกับประตูไปว่า “ถ้ามึงไม่เปิด ถ้าเปิดไม่ออก กูจะพังแล้วนะ” สิ้นเสียงคุณเอิร์ท ก็มีเสียงลูกบิดกลอนประตูดังก๊อก! แล้วประตูก็เปิดดังเอี๊ยดดดด! ณ ตอนนั้นคุณเอิร์ทกับเพื่อนยืนมองหน้ากัน แต่ก็คิดว่ามันคงเป็นจังหวะที่ทุบแล้วมันหลุดมาพอดี ในระหว่างที่ขนของเข้าบ้านหลังแรกคุณเอิร์ทรู้สึกว่าร้อน แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะยังไม่ได้เปิดแอร์ แต่พอเป็นบ้านหลังที่สอง เขากลับรู้สึกเย็นเหมือนเปิดแอร์ทิ้งไว้ ขออธิบายภายในบ้านเพิ่มเติมว่า จากประตูที่คุณเอิร์ทยืนอยู่ มองไปข้างหลังจะเป็นเหมือนกับประตูที่ออกไปข้างนอก เป็นลานซักล้างและข้างประตูมีบานเกร็ด คุณเอิร์ทบอกว่าจังหวะที่ประตูเปิดเข้าไป คุณเอิร์ทมองไปที่บานเกร็ดเห็นเป็นเหมือนผ้าขาว ๆ พลิ้ว ๆ เหมือนคนตากผ้าไว้ จึงคิดว่าแขกคนเก่าอาจจะลืม คุณเอิร์ทจึงเดินไปเปิดประตูหลังบ้าน พอเปิดประตูเสร็จ สิ่งที่คุณเอิร์ทเห็นเป็นผ้าสีขาวกลับไม่มี! คุณเอิร์ทคิดว่าตัวเองตาฝาด จึงยืนนิ่ง ๆ อยู่สักพักนึง แล้วก็สะดุ้งเพราะเพื่อนทั้งหมดวิ่งกรูขึ้นไปข้างบนเสียงดังเฮฮาโวกเวกโวยวาย ความสนุกของเพื่อน ๆ ก็แผ่กลบบรรยากาศอันน่าสยองนี้ไป.. นอกจากบ้านที่คุณเอิร์ทมาพักแล้ว ฝั่งตรงข้ามก็มีอีกหลัง ซึ่งเป็นของพี่ ๆ น้อง ๆ ชาว LGBTQ พอพวกเขาเห็นกลุ่มคุณเอิร์ธที่เป็นวัยรุ่น จึงแซวข้ามไปข้ามมา สนุกสนานกันไป มีบางเวลาที่บ้านหลังแรกเล่นเกมกันไม่ออกไปไหน ส่วนหลังที่สอง คุณเอิร์ทกับกลุ่มเพื่อนก็ไปเล่นน้ำ ในระหว่างทางเดินไปเล่นน้ำ จะมีเพื่อนคนหนึ่งของคุณเอิร์ทค่อนข้างหน้าตาดี จึงโดนพี่ ๆ ชาว LGBTQ แซวว่ามีแฟนหรือยังตามประสาทั่วไป ในจังหวะที่คุณเอิร์ทกับเพื่อนเล่นน้ำนั้น ตัดภาพมาที่บ้านหลังแรก มีเพื่อนของคุณเอิร์ทคนหนึ่งนอนอยู่ข้างบน ขณะที่คนอื่นกำลังเล่นเกมกันอยู่ เพื่อนที่นอนอยู่ก็ฝันเห็นเป็นผู้หญิงใส่ชุดเดรสสีขาว ถักผมเปียคาดหน้าผาก มายืนมองเพื่อนคนนี้อยู่ที่ปลายเตียง แล้วเขาก็สะดุ้งตื่น จากนั้นก็นำเรื่องนี้มาเล่าให้กับเพื่อน ๆ ที่เล่นเกมอยู่ฟัง เพื่อน ๆ ก็บอกว่าสงสัยเห็นสาวที่ร้านสะดวกซื้อแล้วคิดมาก แล้วเรื่องนี้ก็ผ่านไป ตัดภาพที่ฝั่งของคุณเอิร์ท หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จ เพื่อนคนหนึ่งชื่อ ‘คุณปาร์ค’ ก็เดินไปบ้านหลังที่สอง ซึ่งบ้านหลังนี้ก็มีเพื่อนบางส่วน และมีคุณแม่ของคุณเอิร์ทอยู่ คุณปาร์คไปเคาะประตูบ้านเพื่อที่จะอาบน้ำ ปรากฏว่ายืนเคาะอยู่ครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีใครมาเปิด จนกระทั่งเพื่อนออกมาเปิดประตู เพื่อนก็งงว่า “ทำไมไม่เคาะประตูทำไมถึงไม่เรียก มายืนค้างหน้าประตูทำไม” คุณปาร์คจึงตอบไปว่า “เรียกตั้งนานแล้ว ทั้งเคาะ ทั้งตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน” จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำตามปกติ ขณะที่คุณปาร์คกำลังอาบน้ำ เขาสังเกตเห็นว่าตรงท่อระบายน้ำมีเส้นผมของผู้หญิง เขาคิดว่ามันเป็นของแขกคนก่อน พออาบน้ำเสร็จก็มานอนที่เตียง แล้วก็เคลิ้มหลับ คุณปาร์คก็ฝันเห็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดเดรสสีขาว ทรงผมถักเปียคาดหน้าผาก ยืนอยู่ที่ปลายเตียง แล้วค่อย ๆ เดินมาหาคุณปาร์ค ค่อย ๆ คุกเข่าคลานขึ้นมาบนเตียง แล้วก็เอามือมาจับที่แขนของคุณปาร์ค แต่ว่าจังหวะที่มือจับ คุณปาร์คสะดุ้งตื่น เพราะเพื่อนมาสะกิดพอดี คุณปาร์คไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ได้แต่เก็บไว้ในใจ ตัดภาพมาที่ข้างล่าง ขณะนี้เป็นเวลาช่วงเย็น ตัวคุณแม่นั่งอยู่ข้างล่าง ส่วนคุณเอิร์ทไปปั่นจักรยานกับเพื่อน คุณแม่จึงโทรสั่งอาหารที่ดีลไว้กับที่พักให้มาส่ง เมื่ออาหารมาส่ง คุณแม่ก็บอกว่าเข้ามาได้เลย แต่คนส่งอาหารก็ยืนอ้ำอึ้งอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้ามา จนกระทั่งคุณแม่ต้องให้เพื่อนคนนึงเดินเอาเงินไปให้และไปเอาอาหารเข้ามา หลังจากนั้นแต่ละบ้านก็แยกกันกินข้าว พอกินข้าวเสร็จ กลุ่มเพื่อน ๆ ก็ขึ้นไปข้างบน มีเพื่อนคนหนึ่งจะหาครีมทาตัว ก็ช่วยกันหาครีม ปรากฏว่าหลอดครีมทาตัวที่เขาวางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมันไปอยู่ใต้เตียง ก็คิดว่าใครมาแกล้ง หรือผีหลอก จากนั้นก็เล่นปิดไฟหลอกผีกันไปมา โครมครามกันอยู่ข้างบน คุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงเด็ก ๆ พอเด็ก ๆ เล่นกันเสร็จก็ลงมานั่งดูทีวีกันข้างล่าง ปรากฏว่าตอนที่เด็ก ๆ ทั้งหมดลงมา คุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงบนห้องเป็นเสียงกรี๊ด! เสียงปิดประตูปั๊งงงงง! เสียงเดิน เสียงย่ำเท้า คุณแม่จึงถามเด็ก ๆ ว่า “ได้ยินมั้ย?” เด็ก ๆ ตอบว่า “ไม่ได้ยิน” ต้องบอกก่อนว่าคุณแม่ของคุณเอิร์ทเป็นคนมีจิตสัมผัส คุณแม่จึงบอกว่า “มาลองจับตัวแม่” พอทุกคนจับตัวแม่เสร็จปุ๊ป พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ยิน” ตอนแรกเป็นเสียงเหมือนอยู่ไกล ๆ แต่พอไปๆ มา ๆ ก็แน่ใจว่าเสียงอยู่ชั้นสองของบ้าน พอเป็นเสียงกรี๊ด ก็กรี๊ดดังมาก ทุกคนจึงมานั่งกระจุกตัวอยู่กับคุณแม่ จังหวะนั้นคุณเอิร์ทก็เปิดประตูเข้ามาบ้านพอดี พอเห็นเพื่อนตัวเองนั่งเกาะแม่อยู่ คุณแม่ก็บอกว่าให้เงียบ ๆ แล้วถามว่า “เอิร์ทได้ยินมั้ย?” ด้วยความที่คุณเอิร์ทก็มีจิตสัมผัสเหมือนกัน จึงตอบว่า “ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง แต่ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงมาจากทีวี” พอหันไปมองที่ทีวีแต่ทีวีก็ปิดอยู่ คุณเอิร์ทจึงตั้งใจฟัง ปรากฏว่าได้ยินเป็นเสียงกรี๊ดข้างบน จากนั้นก็ปิดประตูแล้วก็วิ่ง คุณแม่จึงหันขึ้นไปข้างบนแล้วบอกว่า “ถ้ามึงไม่หยุด กูจะแช่ง” พอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูปั๊งงง! แล้วก็เสียงกรี๊ด แล้วก็เสียงวิ่งดัง ๆ ตอนนั้นทุกคนกลัวมาก คุณแม่จึงบอกว่า “ให้ไปตามเพื่อนหลังแรกมาช่วยขนของที่นี่ แล้วเราไปอยู่หลังแรกกันก่อน” แต่ก็ไม่มีใครกล้าไป คุณเอิร์ทกับคุณปาร์คจึงอาสา พอเปิดประตูออกมาจากบ้านก็เดินผ่านหน้าบ้านชาว LGBTQ ซึ่งตอนนั้นพวกเขากำลังล้างรถกันอยู่ จึงแซวว่า “แหมม..มีแฟนแล้วก็ไม่บอก พาแฟนมาด้วยสวยเชียวนะ” ทั้งคู่ก็ตกใจเพราะไม่ได้มีผู้หญิงคนไหนมาด้วย จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปบ้านหลังแรก บ้านหลังแรกที่นั่งเล่นเกมกันอยู่ก็ตกใจ จึงแซวว่า “โดนผีหลอกมาเหรอ” แล้วก็ขำกัน ส่วนตัวของคุณปาร์คก็วิ่งขึ้นไปนอนคลุมโปงอยู่ข้างบน คุณเอิร์ทจึงตอบเพื่อนไปว่า “ใช่ กูโดนผีหลอก” แล้วก็เล่ารายละเอียดให้เพื่อนฟัง พร้อมบอกให้เพื่อน ๆ ไปช่วยกันเก็บของที่บ้านหลังที่สอง เมื่อไปถึงบ้านหลังที่สอง ก็รีบเก็บของจากข้างล่างขึ้นไปเก็บข้างบน ซึ่งข้างบนจะมีอยู่สองห้อง ห้องซ้ายกับห้องขวา ห้องหนึ่งเปิดประตูเก็บของเรียบร้อย ในตอนนั้นคุณเอิร์ทยืนอยู่ระหว่างทางห้องหนึ่งกับห้องสอง เขาก็ถามเพื่อนว่า “ของเก็บหมดยัง” เพื่อน ๆ จึงตอบไปว่า “เก็บหมดแล้วมั้ง” คุณเอิร์ทจึงหันไปมองห้องสอง แล้วพูดว่า “แล้วห้องนี้เก็บหรือยัง” พอพูดจบ ประตูก็ปิดเข้าหาหน้าดังปั๊งง! ใส่หน้าคุณเอิร์ท ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่บนนั้นก็รีบวิ่งลงมาข้างล่าง วิ่งไปขึ้นรถตู้ แต่คุณแม่ไม่อยู่ ทุกคนจึงรอคุณแม่มา เพราะคุณแม่ไปถามเจ้าของบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอคุณแม่กลับมา ก็ขึ้นรถตู้เรียบร้อย รถก็ขับออกมา ทางด้านบ้านฝั่ง LGBTQ ก็ยังคงแซวอยู่ว่า “กลับแล้วหรอ” แต่ในระหว่างที่รถออกมา คุณเอิร์ทมองไปที่พี่ ๆ กลุ่มนั้น ก็เห็นว่าเขามองรถและมองบ้านสลับกันไปมา แล้ววิ่งหนีเข้าไปในบ้านตัวเอง เหมือนมองประมาณว่า ‘มึงลืมใครไว้ที่บ้านหลังนี้หรือเปล่า’ พอรถตู้ออกมาได้สักพัก ภายในรถก็นั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณแม่บอกว่า “เจ้าของบ้านแทนที่จะตอบ กลับไม่ตอบแล้วทำท่าอึกอัก แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวจะลดราคาให้” จนกระทั่งคุณแม่พูดถึงความผิดปกติของบ้าน คือบ้านสองหลังเหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นตรงบันได บันไดบ้านหลังแรกเป็นบันไดไม้เวลาเดินขึ้นลงจะเห็นเท้าปกติ แต่บ้านหลังที่สองมีปูนถูกก่อขึ้นมาปิดใต้บันไดเอาไว้ จึงถามว่า “ตรงใต้บันไดมีอะไรหรือเปล่า เพราะมันไม่หมือนหลังหนึ่ง” ปรากฏว่าเจ้าของบ้านเล่าว่า “สมัยก่อน มีผู้หญิงผู้ชายเคยมาเช่าอยู่ แต่ทะเลาะกันยังไงก็ไม่รู้ผู้ชายลงมือฆ่าผู้หญิง เอาศพไปไว้ใต้บันได พยายามให้แม่บ้านมาทำความสะอาดแล้ว แต่มันทำความสะอาดไม่ได้ คราบเลือดคราบน้ำหนองมันไม่หาย จึงโบกปูนขึ้นมาปิดเพื่อที่จะไม่ให้มีใครเห็น ก็คิดว่ามันคงจะไม่มีอะไร” หลังจากนั้นระหว่างที่รถแวะจอดกินข้าว เพื่อนของคุณเอิร์ทได้นำไปเล่าให้กับป้า ๆ ที่ทำอาหารฟัง ป้าจึงบอกว่า “ยังไปพักกันอยู่อีกเหรอ ที่นี่ไม่มีใครไปพักนานแล้วนะ” หลังจากนั้นก็ได้แวะวัด ปรากฏว่ามีพระทักว่า “โยมไปเจออะไรกันมา หนักนะเนี่ย” พระท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ คุณเอิร์ทจึงติดใจมาตลอดว่าทำไม่ถึงถูกพระทักแบบนี้ และไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนนั้นมีคนรู้จักแนะนำให้ไปหาคนทรง คนทรงบอกว่า “เหมือนกับคนนี้ดวงซวยที่ไปเจอไปเห็นอะไร” เขาบอกว่ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ชื่อ ‘คุณเย็น’ ตอนที่จะเข้าไปเก็บของจากบ้านที่สองไปบ้านแรก คุณเย็นเปิดประตูเข้าไปแล้วยืนนิ่ง ๆ น้ำตาไหลร้องไห้ คุณเย็นบอกว่าพอเปิดประตูเข้าไป มองผ่านประตูข้างหลังที่มันทะลุไปพื้นที่ซักล้าง ก็เห็นเป็นผู้หญิงคนนั้น ยืนมองเขาผ่านหน้าช่องบานเกร็ด เขาบอกสิ่งที่เขาจำได้ว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่มาเข้าฝัน ซึ่งไม่รู้ว่ามายืนตรงนี้ได้ยังไง เขาก็จึงยืนช็อคอยู่แบบนั้น คนทรงบอกว่า “ที่ไปเจอมาแบบนี้เพราะว่าจิตเราเปิด พอจิตเราเปิดเราจะมองเห็นอะไรอย่างอื่นด้วย” เพื่อนจึงตอบว่า “ใช่” เพราะหลังจากกลับจากไปเที่ยววันนั้น เขาฝันทุกวัน เห็นเป็นผู้ชายจะมาเอาชีวิต ซึ่งผู้ชายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ พอมาคุยกับคนที่เป็นคนทรงจึงได้รู้ว่าคนนี้คือ เจ้ากรรมนายเวรที่จะมาเอาชีวิตหลังจากที่จิตเปิด สิ่งเดียวที่ทำได้คือไปบวช เพื่อนคนนี้จึงไปบวชเณร หลังจากที่บวชเสร็จก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงที่เจอที่ที่พักนั้นยังอยู่หรือเปล่า..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

16 พ.ย. 2023

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

เมื่อต้องย้ายเข้าหอใหม่ แต่ชั้นที่จะไปอยู่ดันไม่มีห้องว่าง มีแค่ห้องตัวอย่างที่อยู่ใกล้กับลิฟต์ ทำให้ต้องเจอเรื่องแปลกประหลาดชวนขนหัวลุก! เรื่องหลอนจาก ‘คุณต้น “Wolftone’ ที่มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤศจิกายน 2566) พร้อมเจอกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องนี้จะประหลาดอย่างไรนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในสมัยที่คุณต้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยย่านนครปฐม เป็นช่วงระหว่างปี 1 ขึ้นปี 2 ช่วงนั้นเขาย้ายหอพักจากหอพักเก่าไปหอพักหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันอยู่ที่นั่นชื่อ ‘คุณเบนซ์’ เขาจึงชวนคุณต้นย้ายเข้าไป คุณเบนซ์พักอยู่ที่ชั้น 2 ในวันที่ไปเลือกห้อง คุณต้นจึงไม่ได้ไปดูชั้นอื่นเลยนอกจากชั้น 2 เพราะว่าต้องการที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ไปเรียนจะได้สะดวก แต่ชั้น 2 ไม่มีห้องไหนว่าง ยกเว้นห้องตัวอย่าง เลขที่ 207 ลักษณะของห้องนี้คือ เมื่อออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะถึงเลย เรียกได้ว่าอยู่เยื้องกับลิฟต์ หากเปิดประตูเข้าไปก็เหมือนห้องทั่วไป ทางซ้ายมีห้องน้ำ มีเตียง ถัดไปเป็นโซฟาและตู้ คุณต้นจึงตัดสินใจเลือกห้องนั้น เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้นประมาณ 1 - 2 เดือน จนคุณต้นเริ่มสนิทกับคนในหอ สนิทกับ รปภ. คุณป้าแม่บ้าน และคุณป้าพนักงาน ซึ่งพวกเขาก็มักจะนั่งสังสรรค์อยู่ใต้หอพักก่อนจะขึ้นนอนเป็นประจำ ส่วนคุณต้นก็จะนั่งอยู่กับคุณลุงรปภ. เป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งพวกเขานั่งสังสรรค์กันตามปกติ แต่มีเพื่อนของคุณต้น ชื่อ ‘คุณคิน’ เข้ามานั่งร่วมวงด้วย พวกเขาก็นั่งกินกันไปเรื่อย ๆ จนถึงตี 1 - 2 ก็เริ่มเมา จากนั้นจึงขึ้นไปนอน คุณคินก็ไม่ได้กลับไปที่หอพักตัวเองเพราะหอพักเขาอยู่ไกล คุณต้นจึงพาคุณคินขึ้นมานอนที่ห้องของตัวเอง โดยคุณคินนอนบนเตียง ส่วนคุณต้นนอนอยู่ที่โซฟา ไม่นานทั้งคู่ก็หลับไป เช้าวันต่อมา คุณต้นตื่นเพราะเสียงของเพื่อนที่พูดว่า “ต้น มึงทำอะไรอยู่เนี่ย มึงแกล้งมึงเล่นอะไรอยู่เนี่ย” ด้วยความสะลึมสะลือ เขาจึงตื่นขึ้นไปดู สิ่งที่เขาเห็นคือ คุณคินโดนห่อด้วยผ้าห่มแน่น ๆ เหมือนกับนุ่งผ้าออกมาจากห้องน้ำ เหมือนกับข้าวต้มมัดที่แน่น ๆ ซึ่งผิดธรรมชาติจากการห่มผ้าทั่วไป แล้วที่แปลกกว่านั้นคือ คุณคินไม่ได้สวมเสื้อผ้า แต่เสื้อผ้าทั้งหมดไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำ! คุณคินตกใจมากจึงหันมาถามคุณต้นว่า “แกล้งอะไร” คุณต้นยังมึนงง เพราะตนไม่ได้ทำอะไร จำได้ว่าต่างคนต่างนอน พอตื่นมาก็เจอสภาพแบบนี้แล้ว แต่หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ทุกคนก็ขำขันคิดเพียงว่าเป็นเรื่องโจ๊กเล่าสนุกเท่านั้น หลังจากนั้นผ่านไป 2 สัปดาห์ คุณคินก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนอีกกลุ่มที่บ้านพักของเพื่อน คราวนี้ก็คล้าย ๆ กัน คือนั่งดื่มกันไปเรื่อย ๆ แต่ครั้งนี้ คุณคินขึ้นไปนอนที่ห้องของเพื่อน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันกับห้องพักคุณต้น หลังจากภาพตัดหลับไป เหตุการณ์แปลก ๆ ตอนเช้า ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งแรก เพราะคุณคินตื่นมาพร้อมกับเสื้อที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เมื่อจับที่ปากก็รู้สึกเจ็บมาก เขาจึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อดูตัวเองในกระจก ก็เห็นว่าตัวเอง ปากแตก ปากข้างล่างฉีกประมาณ 4 เซนติเมตร มีเลือดอาบเต็มเสื้อ ฟันแตกผ่าครึ่งแล้วฝังไปในริมฝีปากล่าง และที่แปลกไปกว่านั้นคือ เขามีสำลีอยู่รอบตัว ทีแรกคิดว่าอาจจะล้มแล้วเพื่อนมาช่วยทำแผล จึงถามเพื่อน ๆ ที่นอนด้วยกัน สรุปว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพิ่งมารู้ตอนเช้าพร้อมกันนี่เอง ทุกคนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นคุณต้นก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติ แต่แล้วเหตุการณ์แบบนั้นก็ไม่เกิดขึ้นกับคุณคินอีก ไปเกิดกับคุณต้นแทน.. ผ่านเหตุการณ์นั้นไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ วันหนึ่งหลังจากกลับจากเรียนคุณต้นก็มานอนพักที่ห้องตามปกติ ไม่ได้ดื่มหรือมีอาการมึนเมาแต่อย่างใด เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตอนเช้าอีกครั้ง คุณต้นโดนห่อเป็นข้าวต้มมัด โดนรัดแน่นมากและโดนแก้ผ้าด้วย ส่วนเสื้อผ้าไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำเหมือนครั้งก่อน! แล้วหลังจากนั้น คุณต้นก็เจอเหตุการ์ณแบบนี้อีก 3 – 4 ครั้ง กระทั่งคืนก่อนจะถึงครั้งสุดท้ายที่คุณต้นทนไม่ไหว คืนนั้นเขาก็นอนปกติ เขารู้สึกว่าเขาโดนกดที่หน้าอกแรงมาก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตนมีอาการผีอำ เมื่อเขาพยายามลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่กำลังกดเขาอยู่คือผู้หญิง! เขาพยายามลืมตาและสวดมนต์ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “มึงไม่ได้ผลหรอก มึงทำไปเลย มันไม่ได้ผล สวดไปเลย มีพระหรอ” ราวกับกำลังเยาะเย้ยคุณต้น ผ่านไปไม่นาน คุณต้นก็ลุกขึ้นมาได้ จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณเบนซ์บอกว่า “กูโดนแล้ว กูเริ่มไม่ไหวแล้ว มันมากเกินไปแล้วนี่มันครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 แล้วไม่ไหวแล้ว” แต่คุณต้นก็ตอบกลับไปว่า “โอเค ไม่เป็นไร งั้นอยู่ไปก่อน ดูกันไปก่อน” จนมาถึงเหตุการณ์สุดท้าย เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คุณต้นตัดสินใจย้ายออกจากห้องนั้นไปห้องอื่นเลยคือ…! วันนั้นคุณต้นนั่งดื่มกับเพื่อนตามปกติ แต่ครั้งนี้เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 5 ทุ่ม อยู่ ๆ คุณต้นก็เดินขึ้นไปบนห้องแบบไม่บอกใคร หายไปจากวงสังสรรค์นั้นแล้วก็ขึ้นไปนอน ซึ่งคุณต้นรู้ตัวแค่ว่าตอนนั้นเหมือนมีบางอย่างบอกเขาว่าต้องขึ้นไปข้างบนและไปนอนได้แล้ว ความจำสุดท้ายของคุณต้นคือ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วก็วาร์ปหลับไป ตื่นเช้ามาอีกที ก็ได้ยินเสียงคุณเบนซ์เรียก “ต้น มึงโดนอีกแล้วว่ะ มึงย้ายห้องเหอะ กูสงสารมึง” ทันทีที่คุณเบนซ์เห็นหน้าคุณต้นก็อึ้งไปสักพักเพราะว่าเสื้อผ้าของคุณต้นนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ปากของคุณต้นนั้นฉีกไปประมาณ 3 เซนติเมตร นั่นทำให้คุณต้นไม่อยากทนอีกต่อไป จึงไปถามกับรปภ. และคุณป้าพนักงานว่า ชั้น 2 มีเหตุการณ์อะไรมาก่อนหรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปริปากบอกจนคุณต้นต้องพยายามเค้นถาม จึงได้คำตอบมาว่า บริเวณลิฟท์ชั้น 2 จะมีผู้หญิงคนหนึ่งวนเวียนอยู่ตรงนั้น ป้าแม่บ้านเห็นประจำ และมักจะเห็นเดินไปเดินมาบริเวณห้อง 207 ที่คุณต้นอยู่ รปภ.และแม่บ้านบอกมาแค่นั้น คุณต้นก็สืบไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร จนกระทั่งเหตุการณ์สุดท้าย หลังจากที่คุณต้นย้ายห้องไปแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นการการันตีว่าสิ่งที่คุณต้นเห็นและทำทั้งหมดเป็นคนคนเดียวกัน นั่นคือเมื่อคุณต้นย้ายห้องไป ในคืนหนึ่งก็ฝันว่า กำลังจะไปเรียน พอเปิดประตูแล้วหันไปทางซ้าย ซึ่งเป็นห้อง 207 ที่เคยอยู่ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวสีเหลือง ผมประบ่า แต่ไม่เห็นหน้า แล้วร่างนั้นก็ถอยหลังค่อย ๆ หายไปในเงา แล้วคุณต้นก็สะดุ้งตื่น! นั่นทำให้คุณต้นได้รู้ว่าคือคนเดียวกันกับที่เคยกดคุณต้น แต่ว่าก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าสิ่งที่เจอมันคืออะไร แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใคร..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1