ห้องรวมความหลอน!! เรื่องราวของคนไข้ห้องรวม ที่ห้ามเรียกพยาบาลกลางดึก เพราะไม่รู้ว่า ที่เดินมาจะเป็นคนหรือผี!!

อังคารคลุมโปง RECAP

ห้องรวมความหลอน!! เรื่องราวของคนไข้ห้องรวม ที่ห้ามเรียกพยาบาลกลางดึก เพราะไม่รู้ว่า ที่เดินมาจะเป็นคนหรือผี!!

26 ม.ค. 2024

       ต้องแอดมิทนอนห้องรวมที่โรงพยาบาล แต่บรรยากาศของคนไข้ที่นี่แปลกชอบกล เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับ ‘คุณไก่’ โดย ‘ครูตรี’ ได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย

       คุณไก่เล่าว่า ย้อนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คุณไก่ไม่สบาย อาหารเป็นพิษ มีอาการอาเจียน ท้องเสีย มีไข้สูง แฟนคุณไก่จึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน หมอสั่งให้คุณไก่แอดมิทเพราะมีไข้ขึ้นสูง คุณไก่จึงขอห้องพิเศษเพื่อที่จะให้แฟนอยู่ด้วยได้ แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าห้องพิเศษเต็มหมดทุกห้อง เหลือแค่ห้องรวมที่มีเตียงว่าอยู่เพียงแค่ 2 เตียง คุณไก่จึงตัดสินใจพักอยู่ที่ห้องรวม บุรุษพยาบาลเข็นรถที่คุณไก่นั่ง เข้าไปยังห้องพักรวม คุณไก่บอกว่า “ตอนไปถึงหนูแทบอยากจะกลับ ต่อให้ต้องคลานกลับก็อยากกลับ”

       ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ แสงไฟก็ไม่ได้มากมายนัก ภายในห้องพักรวม จะมีทั้งหมด 8 เตียง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 เตียง และกั้นระหว่างเตียงด้วยผ้าม่าน  จากที่คุณไก่สังเกตุ มีเตียงว่างอยู่ 2 เตียง คือเตียงที่ 2 จากฝั่งขวา และเตียงในสุดฝั่งซ้าย คุณไก่ได้ไปนอนที่เตียงฝั่งขวา หลังจากคุณไก่ได้เตียงนอน แฟนของคุณไก่ก็บอกว่า “เฝ้าไม่ได้นะ เพราะมันเป็นห้องรวม และที่สำคัญตอนนี้มันดึกแล้ว เราต้องกลับแล้ว”  หลังจากแฟนคุณไก่กลับไป คุณไก่ก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มีพยาบาลเดินเข้ามาเช็คคนไข้แต่ละเตียงจนเสร็จแล้วก็เดินออกไป คุณไก่ก็นอนเล่นต่อจนได้ยินเสียงเตียงข้าง ๆ ไอหนักมาก คุณไก่จึงลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ ให้หนูเรียกพยาบาลให้ไหม” หลังจากพูดจบ เสียงไอขอเตียงฝั่งขวาก็ค่อย ๆ เบาลงเหลือเพียงเสียงไอในลำคอ คุณไก่ก็เอนตัวลงนอนต่อ แต่ด้วยอาการอาหารเป็นพิษกำเริบ จึงทำให้ปวดหนักต้องไปห้องน้ำและต้องเข็นน้ำเกลือไปด้วย ทำให้ไปห้องน้ำไม่ทัน คุณไก่ก็ใช้เวลาพอสมควรในการจัดการความเรียบร้อยของตัวเองจนเสร็จจึงกลับมาที่เตียง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเตียงสุดท้ายที่ว่างอยู่มีผ้าม่านปิดแสดงว่ามีคนมาอยู่แล้ว

       หลังจากคุณไก่มาถึงเตียงก็นอนเช่นโทรศัพท์จนเผลอหลับไป มาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงไอจากเตียงเดิมข้าง ๆ คุณไก่จึงลุกขึ้นเปิดผ้าม่านเตรียมจะเรียกพยาบาล แต่สายตาไปเห็นคุณยายนั่งอยู่บนเตียง นั่งจ้องเตียงข้างคุณไก่ หันมาหาคุณไก่แล้วบอกว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” คุณไก่สังเกตุเห็นว่ามีการเลื่อนผ้าม่านออก คุณยายคนนั้นก็บอกอีกเหมือนเดิมว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” คุณไก่จึงปิดผ้าม่านของเตียงตัวเองและนอนลง สักพักหนึ่งมีเสียงเคาะผ้าม่านจากทางฝั่งซ้ายและมีมือเลื่อนผ้าม่านออก เจอคุณป้าคนหนึ่งบอกว่า “หนู นอนไปเหอะ อย่าอะไรเลย พักผ่อน ๆ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว” คุณไก่ตัดสินใจนอน เอาผ้ามาคลุมและหลับไป มารู้ตัวอีกทีนึงคือแฟนมาปลุก ระหว่างที่คุณไก่เล่าเรื่องทุกอย่างให้แฟนฟัง คุณหมอก็เดินมาตรวจคนไข้แต่ละเตียง จนมาถึงเตียงคุณไก่ คุณหมอบอกว่า “หลังจากให้น้ำเกลือไปคืนนึงแล้ว อาการดีขึ้น วันนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” คุณไก่จึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แฟนก็เก็บของที่เตียงให้ หลังจากกลับมาจากห้องน้ำ เห็นคุณหมอกำลังตรวจคนไข้เตียงข้าง ๆ ก็เบาใจว่าเป็นคนที่อยู่เตียงนั้นไม่ใช่ผี 

       ก่อนกลับ คุณไก่ก็หันไปเห็นคุณยายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและเดินไปไหว้ เพื่อที่เวลาหันกลับมาจะได้เห็นคนไข้เตียงข้าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นการเนียนแอบดู คุณไก่ก็เดินไปลาคุณยายและหันหลังกลับมา เห็นคุณตาที่มีอายุมากนอนอยู่เตียงข้าง ๆ (เตียงที่ต้องการจะแอบเนียนดู) ก็เดินมาหาแฟนกำลังจะกลับ ก็เห็นคุณป้าเตียงข้าง ๆ ที่เตือนเมื่อคืนนี้ แล้วจึงเดินไปบอกว่า ”สวัสดีค่ะคุณป้า หนูกลับแล้วนะคะ“ ป้าก็บอกว่า  “ก็บอกแล้วนอนไปเดี๋ยว เช้าแล้วก็ได้กลับ” คุณไก่ก็เกิดคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมถึงย้ำให้นอน คุณไก่เลยถามป้าไปว่า “ป้า หนูถามหน่อยสิ ทำไมถึงเชียร์ให้หนูนอนจังเลยอะ มีอะไรหรอป้า ป้าบอกหนูหน่อยสิ” คุณไก่ตื้อจนป้ายอมบอก ป้าเล่าให้ฟังว่า “ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ และมีพยาบาลคนหนึ่ง ที่ต้องมาเข้ากระดึก กำลังจะมาที่โรงพยาบาล แต่โดนรถเบียด จนมอเตอร์ไซค์ล้มแล้วหน้าฝั่งซ้ายไถลไปกับพื้น แต่ปรากฏว่า มีหลาย ๆ คน เห็นพยาบาลคนนี้ มาเดินตรวจคนไข้ตามปกติทั้งที่หน้ายังเละ โดยเฉพาะก่อนที่จะปิดห้องจะมีพยาบาลเดินเข้ามาเช็ด บางวันก็ไม่ใช่พยาบาลจริง แต่เป็นพยาบาลคนที่หน้าเละเดินเข้ามาตรวจห้อง คนที่รู้เรื่องราวนี้ก็จะปิดผ้าม่านตรงปลายเท้าตลอด” ครูตรียังเล่าเสริมอีกว่า “เคยมีคนไข้เรียกพยาบาลเพราะหายใจไม่ออกและนอนรอพยาบาลเดินมา ปรากฏว่าเป็นพยาบาลที่หน้าฝั่งซ้ายเละเดินมา บ้างคนก็เจอเข็นรถอยู่ในโรงพยาบาล” 

       นั่นหมายความว่าคนไข้ทั้งหมดในห้องเตียงรวมที่คุณไก่เจอนั้น เป็นคนไข้ปกติ แต่พยาบาลที่เดินเข้ามา อาจจะเป็นพยาบาลที่เป็นคนจริง ๆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นผีก็ได้ เพราะในคืนนั้น หลังจากที่คุณไก่ได้ยินเสียงไอ ก็อาสาเรียกพยาบาลให้ แต่คุณยายกลับบอกว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ ผี ๆ” ก็เพราะกลัวว่าอาจจะเป็นวิญญาณของพยาบาลหน้าเละที่เสียชีวิตไปแล้วมาเดินตรวจอาการก็เป็นได้..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณเต้ย ผีเหรียญ 'แอพหลอนสื่อวิญญาณ' I อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 5 พ.ย. 2567 ]

10 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเต้ย ผีเหรียญ 'แอพหลอนสื่อวิญญาณ' I อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 5 พ.ย. 2567 ]

หากคุณเป็นทาสแมว อาจจะต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องของ ‘คุณเต้ย ผีเหรียญ’ ที่ได้โทรเข้ามาเล่าเรื่อง ‘แอปหลอนสื่อวิญญาณ’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 พฤศจิกายน 2567) ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ มีทั้งรอยยิ้มและความหลอน จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลย! ‘คุณเต้ย ผีเหรียญ’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของรุ่นน้องที่ชื่อว่า ‘คุณลูกนัท’ มีอาชีพเป็นหมอ จะขอเรียกว่า ‘หมอนัท’ ตอนนั้นหมอนัทได้ทุนเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น จึงได้ทำการเช่าบ้านพักอาศัยอยู่กับแฟนคนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ‘คุณเกนจิ’ โดยหมอนัทเลือกเช่าบ้านบริเวณใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัย บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเช่าของ ‘คุณยายริกะ’ ซึ่งคุณยายริกะปลูกบ้าน 2 หลังไว้ติดกันเพื่อปล่อยเช่า หมอนัทสนิทกับคุณยายริกะมาก เนื่องจากหมอนัทกับคุณเกนจิเป็นทาสแมว และคุณยายริกะเองก็เลี้ยงแมวเยอะมาก แต่จะมีอยู่หนึ่งตัวเป็นตัวแสบประจำบ้าน ชื่อว่า ‘ชิโร่’ เป็นแมวเปอร์เซียอ้วนปุกปุย หน้ามึน ขนสีขาว ชิโร่มักจะชอบปีนข้ามมาที่บ้านหมอนัทเป็นประจำ ทำให้ทุก ๆ วัน คุณยายริกะต้องมาตามชิโร่กลับบ้าน วันหนึ่ง หลังจากที่หมอนัทเรียนเสร็จ หมอนัทได้รับข่าวร้ายว่า แมวที่บ้านของคุณยายริกะเสียชีวิตทั้งหมดอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหลือแต่ชิโร่แมวตัวแสบเพียงตัวเดียว เนื่องจากชิโร่ชอบแอบไปอยู่ที่บ้านของหมอนัท คุณยายริกะนั้นไม่มีญาติทำให้ผูกพันกับแมวมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คุณยายริกะรู้สึกเสียใจมาก ทั้งยังมีอายุค่อนข้างมากแล้ว จึงทำให้คุณยายริกะเริ่มมีอาการป่วย จากนั้นไม่นาน คุณยายริกะก็เสียชีวิตลง.. หลังคุณยายเสียชีวิตประมาณหนึ่งอาทิตย์ เจ้าเหมียวชิโร่ก็ไม่มีเจ้าของเลี้ยงดู ตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นแล้ว เหล่าแมวจรจัดจะต้องถูกการุณยฆาต คุณเกนจิจึงตัดสินใจรับเลี้ยงเจ้าชิโร่ต่อ ส่วนเรื่องบ้านเช่านั้น ทางบริษัทที่คุณยายริกะทำประกันไว้ ก็ได้ทำการยึดบ้านหลังนั้นคืน ทำให้ทั้งคู่ต้องไปหาที่พักใหม่ ด้วยความโชคดีที่ทั้งคู่ได้ที่พักใหม่ใกล้ ๆ กับย่านเดิม จึงไม่ต้องปรับตัวมากและก็ได้นำเจ้าชิโร่ไปอยู่บ้านหลังใหม่ด้วย หลังจากวันแรกที่ย้ายเข้าบ้านใหม่ เจ้าชิโร่ได้หายออกจากบ้านไป ทั้งคู่พยายามเดินออกตามหา จนสุดท้ายมาเจอเจ้าชิโร่นอนอยู่หน้าบ้านของคุณยายริกะ ซึ่งบ้านของคุณยายริกะกำลังถูกปรับให้เป็นร้านอาหาร เมื่อทั้งคู่เห็นเจ้าชิโร่ยิ่งทำให้สงสารมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ เนื่องจากเจ้าชิโร่เสียคุณยายริกะไปและกลัวว่าเจ้าชิโร่จะเกิดอันตรายหากเดินไปเดินมาอย่างอิสระ จึงตัดสินใจขังเจ้าชิโร่ให้อยู่ในบ้าน เป็นการเลี้ยงระบบปิด กลายเป็นว่าเจ้าชิโร่ไม่ยอมกินข้าว หมอนัทกลัวว่าน้องจะป่วย จึงพาชิโร่ไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อให้เพื่อนที่เป็นสัตวแพทย์ช่วยตรวจให้ พอตรวจดูจึงรู้ว่าชิโร่มีอาการซึมเศร้า สัตวแพทย์จึงแนะนำให้หมอนัทพาเจ้าชิโร่นั่งรถเข็นออกไปเที่ยวเล่นเพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย อาการของชิโร่จึงจะดีขึ้น แต่หมอนัทกลับรู้สึกว่าเหมือนยังติดอะไรบางอย่างอยู่ จึงลองปรึกษากับเพื่อนว่า “จะทำยังไงดี ที่จะได้สื่อสารกับชิโร่ ให้ชิโร่กลับมาแอคทีฟได้เหมือนเดิม” เพื่อนก็แนะนำแอปพลิเคชันที่ช่วยแปลภาษาแมวมาให้ หลังจากกลับมา หมอนัทก็เลยลองใช้ ทำให้รู้ว่ามันสามารถบอกหมอนัทได้เลยว่า ‘ชิโร่หิวข้าว’ / ‘ชิโร่อยากเข้าห้องน้ำ’ ซึ่งมันทำให้หมอนัทสนิทกับเจ้าชิโร่มากขึ้น แต่ด้วยความที่เป็นหมอจึงมีความคิดว่าข้อความที่เกิดขึ้นคือการรวบรวมข้อมูลเสียงแปลออกมาเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะแปลได้ตรงกับความต้องการของชิโร่จริง ๆ ได้ เย็นวันหนึ่ง หลังจากที่กลับจากมหาวิทยาลัย หมอนัทเห็นเจ้าชิโร่นั่งเหม่อมองออกนอกหน้าต่างตลอดเวลา เรียกก็ไม่หันมา จึงเปิดแอปแล้วถามชิโร่ว่า “ชิโร่ เป็นอะไร” ชิโร่ก็ร้อง “เหมียว เหมียว” แอปพลิเคชันแปลภาษาก็แปลออกมาว่า “อยากออกไปนั่งรถเล่น” หมอนัทตัดสินใจอุ้มเจ้าชิโร่ใส่รถเข็นออกไปเที่ยวเล่น บริเวณสวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้าน พอชิโร่ได้ออกไปนอกบ้านทำให้ชิโร่อาการดีขึ้น สดใสขึ้น พออยู่ไปสักพักหมอนัทก็บอกกับชิโร่ว่า “วันนี้กลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นแล้ว” พอกำลังจะกลับ ชิโร่ก็ชะเง้อคอร้องขึ้นเหมือนกับต้องการทำอะไรบางอย่างอย่าง หมอนัทเปิดแอปพลิเคชันแปลภาษา ก็แปลออกมาว่า “ไม่อยากกลับ” หมอนัทเริ่มรู้สึกประหลาดใจกับข้อความเสียงที่ตอบกลับมา หมอนัทจึงตอบกลับชิโร่ไปว่า “เย็นแล้ว กลับเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พามาใหม่ก็ได้น้า” ชิโร่ก็ร้องออกมา และแสดงท่าทางที่ดูจะไม่พอใจ แอปก็แปลออกมาว่า “ไม่ ไม่ ไม่!!!” สิ่งที่เกิดขึ้นคือหมอนัทเริ่มรู้สึกขนลุกกับความแปลกจากข้อความเสียงที่เกิดขึ้น จึงอยากลองพิสูจน์ดู หมอนัทจึงถามไปว่า “แล้วอยากไปไหน พาหมอไปเลย” ชิโร่ก็ร้องออกมาอีก แอปก็แปลออกมา เป็นการบอกเส้นทางว่า ให้ตรงไป เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หมอนัทเดินตามไปเรื่อย ๆ ตอนแรกก็รู้สึกสนุก แต่พอหมอนัทเดินไปเรื่อย ๆ ระยะทางเริ่มไกลจากบ้านและเป็นทางที่ไม่คุ้นชิน หมอนัทกำลังจะวนกลับ แต่เจ้าชิโร่ก็วิ่งพล่านในรถเข็นแล้วร้องออกมา แอปก็แปลว่า “อย่า ใกล้ถึงแล้ว” หมอนัทพาชิโร่เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเสียงร้องสุดท้ายแอปก็แปลว่า “ถึงแล้ว” กลายเป็นว่าสถานที่ที่ชิโร่พามานั้น ทำให้หมอนัทขนลุกทั้งตัว เพราะมันพามาหยุดเดินตรงหน้าสุสาน หมอนัทพยายามตั้งสติอยู่สักพัก คิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญ หมอนัทจอดรถเข็นของชิโร่และบอกกับชิโร่ว่า “รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวไปซื้อน้ำ” หมอนัทเดินไปซื้อน้ำที่ตู้กดน้ำใกล้ ๆ ระหว่างที่กดน้ำก็ได้ยินเสียงร้องเหมือนชิโร่กำลังคุยกับใครบางคนอยู่ ท่าทางของชิโร่มองเข้าไปในสุสาน พอกดน้ำเสร็จก็เดินกลับไป จนถึงระยะที่แอปพลิเคชันเริ่มกลับมาทำงาน แอปก็แปลขึ้นมาว่า “คิดถึงนะยาย.. กลับด้วยกันเถอะ ไม่อยากอยู่บ้านนี้คนเดียวอีกแล้ว” หมอนัทขนลุกรีบตาลีตาเหลือกปิดแอปพลิเคชันทันที และรีบเข็นรถพาชิโร่กลับบ้าน พอกลับถึงบ้าน ชิโร่ก็กระโดดลงจากรถเข็น จากนั้นก็เดินเข้าไปนอน น้องเงียบ ไม่ร้อง ไม่กินข้าว ไม่กินน้ำ หมอนัทเริ่มสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอคุณเกนจิกลับมา จนคุณเกนจิกลับมาถึงบ้าน หมอนัทก็เล่าเหตุการณ์ที่เจอมาให้ฟัง คุณเกนจิทำหน้าเครียดและถามถึงลักษณะสุสานที่ชิโร่พาไป เมื่อทราบลักษณะสุสาน คุณเกนจิก็พูดด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “สุสานที่ชิโร่พาไป รู้ไหมว่ามันคือสุสานที่ฝังคุณยายริกะ” หมอนัทไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เนื่องจากหมอนัทไม่ได้ไปงานศพของคุณยายริกะ สักพักก็ได้ยินเสียงร้องของเจ้าชิโร่ เหมือนกำลังร้องขู่อะไรบางอย่างก่อนที่จะวิ่งเข้ามาตะกุยขาของทั้งคู่ จากนั้นก็วิ่งไปตะกุยประตูบ้าน เดินร้องทั่วบ้าน เกนจิถามชิโร่ไปว่า “ชิโร่จะเอาอะไร ชิโร่เป็นอะไรลูก” อยู่ ๆ แอปพลิเคชันแปลภาษาในโทรศัพท์ของหมอนัทที่วางอยู่บนโต๊ะกลับเปิดขึ้นเอง แล้วก็แปลเสียงออกมาว่า “เปิดประตู ยายมาแล้ว!!!” หมอนัทได้ยินก็รีบปิดแอปพลิเคชันและลบทิ้งทันที คุณเกนจิก็พยายามจะจับชิโร่แต่ก็จับไม่ได้ วินาทีนั้นหมอนัทยกมือไว้ท่วมหัว คิดในใจบอกยายริกะว่า “ไม่ต้องห่วงน้องนะ พวกเราสองคนจะดูแลชิโร่เท่าที่จะทำได้ จนถึงวาระสุดท้ายของน้องไม่ต้องห่วง” พอสิ้นความคิดของหมอนัท เจ้าชิโร่ก็เลิกดิ้นแล้วก็ค่อย ๆ เดินกลับห้องไป.. เช้าวันถัดมา หมอนัทได้เตรียมอาหารให้ชิโร่ แต่กลับพบว่า เจ้าชิโร่ตัวแสบได้กลับดาวแมวไปแล้ว คุณเกนจิจึงนำร่างของเจ้าชิโร่ไปฝังไว้ข้าง ๆ กับหลุมศพของคุณยายริกะ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนุ๊ก ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

22 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณนุ๊ก ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ’คุณนุ้ก’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณนุ้กมีอาชีพเป็นหมอดู มีลูกดวงท่านหนึ่งสมมุติว่าชื่อ ‘เจฟ’ ระหว่างที่ดูดวงอยู่ เขาดูเหมือนกับว่ามีปัญหากวนใจอยู่ แต่ไม่กล้าพูด อยากเล่าก็ไม่กล้าเล่า แต่ก็เร่งเร้าจะดู พอถึงเวลาดู เขาถามว่าดวงเขาเป็นยังไงบ้าง คุณนุ้กตอบกลับไปว่า ”ไม่ค่อยโอเค ความรัก การเงิน การงาน มีปัญหา” คุณเจฟจึงบอกว่า “ผมดูให้ตัวเองแล้ว ความรักดวงตก แต่เรื่องอื่นไม่มีปัญหาเลย” คุณนุ้กจึงคิดในใจว่า ‘ทำไมถึงมาดูกับเรา’ แล้วคุณเจฟยังบอกว่า “มันแปลก คือผมต้องไม่ดีแค่เรื่องความรัก ผมราศีนี้ ยังไงเรื่องงานเรื่องเงินก็รุ่ง แต่ดวงผมร่วงหมดตั้งแต่เดือนกุมภา คนรักนอกใจ ผมเคยขายพระเครื่องรายได้อาทิตย์ละ 5,000-10,000 บาท แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ร้านอาหารที่ผมเปิด ก็เจ๊งอีก ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องพูดถึงเลย“ คุณนุ้กก็คิดว่าทำไมชีวิตเป็นแบบนี้ พอดูดวงไปสักพัก ก็เห็นภาพในหัวระหว่างเปิดไพ่ เป็นเหมือนผู้หญิงจะมาเอาวิญญาณคุณเจฟ จึงถามคุณเจฟว่ามีใครตามไหม คุณเจฟบอกว่าเขาก็รู้ตัว แต่ที่โทรมาดูดวงเพราะอยากให้มีคนช่วยคอนเฟิร์ม คุณนุ้กบอกไปว่าเห็นเรื่องในอดีตที่ไม่ใช่ภพนี้ คุณเจฟเคยเป็นสามีของผู้หญิงคนนี้ แต่มีเรื่องมือที่ 3 แล้วฆ่าผู้หญิงคนนี้ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ตั้งใจตามมาเอาชีวิตคุณเจฟ พอเปิดไพ่ไปอีก ก็มีไพ่ที่บอกว่า มีคนขอให้ไว้ชีวิตคุณเจฟ คุณเจฟจึงเล่าว่า “จริง ๆ ก่อนมาหาพี่ ผมไปมาทุกสำนักแล้วทำมาทุกอย่าง ไม่เกิน 3 วันดวงก็ตกเหมือนเดิม จนไม่นานมานี้ไปวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เจอหลวงพี่ที่เป็นพระดัง ท่านเดินเข้ามาหาแล้วทักว่า โยมจะต้องบวชนะ บวชแล้วดีขึ้น” คุณนุ้กจึงคิดว่าน่าจะเป็นพระรูปนี้ที่ขอบิณฑบาต เหมือนให้บวชเพื่อไม่ถึงเเก่ชีวิต จากนั้นคุณนุ้กก็ให้เลขบัญชีของพระตามวัดที่คัดมาแล้วว่าปฏิบัติธรรมจริง ให้คุณเจฟทำบุญบวชพระทุกวัน วันละ 1 บาท พอครบ 7 วันให้มาบอก หลังจากนั้นไม่นานก็มีข้อความเข้ามาหาตนว่า “พี่ ผมเจอแล้วนะ“ แล้วก็เล่าว่า ”ผมทำบุญตามที่พี่บอก จนวันหนึ่งผมไปนวด ในร้านก็จะมีไฟสลัวส่องหน้าคนนวด ผมเห็นหน้าคนนวด ปรากฎว่าไม่ใช่หน้าคน มันเป็นหน้าดำ ๆ มืดสนิทที่มองผมอยู่“ พอฟังเสร็จคุณนุ้กก็เปิดไพ่ ณ ตอนนั้นปรากฎว่า มันดีขึ้น การเงินไม่ขัดแล้ว แต่ความรักยังขัดอยู่ คุณเจฟก็ตอบว่า “ใช่ครับพี่ ผมทำตามพี่ไม่ถึง 7 วันเลย ได้เงินมา 1 แสนละ ตอนนี้กำลังรอบวช“ คุณนุ้กจึงบอกให้ทำบุญไปจนกว่าจะบวช จนล่าสุดก่อนที่จะมาเล่าในรายการได้ทักไปถามคุณเจฟ เขาก็บอกว่า ”บวชอยู่ครับตอนนี้ ได้บวชแล้ว“ ตั้งแต่ที่เขาดูดวงจนบวช ใช้เวลาไม่ถึงเดือนเป็นไปตามที่คุณนุ้กเปิดไพ่ว่า “ถ้าบวช ยังไงก็รอด”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณบิ๊ก สุโขทัย ‘คุณภานุมาศ’ l อังคารคลุมโปง X เจน The Ghost [ 17 มิ.ย.2568 ]

21 มิ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณบิ๊ก สุโขทัย ‘คุณภานุมาศ’ l อังคารคลุมโปง X เจน The Ghost [ 17 มิ.ย.2568 ]

เรื่องราวนี้ ‘คุณบิ๊ก สุโขทัย’ ได้นำเรื่องราวสุดลึกลับ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (17 มิถุนายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คุณภานุมาศ’ เรื่องราวจะลึกลับ น่าตื่นเต้นอย่างไรนั้น ไปติดตามได้เลย! ‘คุณบิ๊ก’ ได้เล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วย่านใจกลางรัชดา คุณบิ๊กจะทำหน้าที่เป็นคนที่คอยดูแลเจ้าหน้าที่ อย่าง ลุง ๆ และพี่ ๆ รปภ. วันนั้นคุณบิ๊กได้ไปนั่งคุยกับพี่รปภ.ที่ชั้น 18 คุยไปคุยมาพี่รปภ.ก็ได้ขออนุญาตลงไปซื้อข้าว ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 – 4 ทุ่ม คุณบิ๊กจึงจำเป็นต้องนั่งประจำจุดนั้นให้แทนก่อน แต่แล้ว ก็ดันมีสัญญาณเตือนดังมาจากหน้าลิฟต์ชั้น 19 ดังลงมาถึงชั้น 18 คุณบิ๊กจึงได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ลักษณะเหมือนวัยรุ่น พึ่งจบใหม่ ใส่กางเกงยีนส์ขาด เสื้อเอวลอย หันมายิ้มให้และพูดคุยด้วยปกติว่า “พี่มาทำใหม่หรอคะ” คุณบิ๊กจึงได้ตอบกลับไปว่า “ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” จากนั้นน้องผู้หญิงก็ยิ้มให้ และกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นสอง ตัวคุณบิ๊กเองเล่าต่ออีกว่า เขารู้สึกแปลกตรงที่น้องอยู่ชั้น 19 จะกดมาที่ชั้น 18 ทำไม ทำไมถึงไม่กดจากชั้น 19 ไปที่ชั้น 2 ทีเดียวตั้งแต่แรก ทำไมถึงมาแวะก่อน แต่ตอนนั้นไม่ได้เอะใจหรือสงสัยอะไร หลังจากนั้นทุกวัน ช่วงเวลาประมาณ 4 – 5 โมง คุณบิ๊กก็ได้เจอกับน้องเขาทุกวัน จนอยู่มาวันหนึ่งคุณบิ๊กเล่าว่า ก่อนจะเกิดเหตุขึ้น น้องเขาได้ยื่นน้ำเปล่ามาให้หนึ่งขวด และพูดกับคุณบิ๊กว่า “เอาไปทานค่ะ’’ คุณบิ๊กจึงตอบขอบคุณไป กระทั่งคืนวันศุกร์ ปกติเลิกงานคุณบิ๊กจะออกกะทุกตี 1 ซึ่งโดยปกติแล้วคุณบิ๊กจะใช้ยานพาหนะคือ รถจักรยานยนต์ วันนั้นคุณบิ๊กได้ขับรถบนถนนเส้นรัชดา-ลาดพร้าวตามปกติ แต่จู่ ๆ ดันมีลุงคนหนึ่งขับรถมาบีบแตร์ใส่ซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น เหมือนไปขับรถปาดหน้าหรืออะไรใส่เขา คุณบิ๊กจึงได้แต่คิดในใจว่า ‘อะไรวะ ลุงเป็นอะไร เมาหรือเปล่า’ แต่คุณบิ๊กไม่อยากจอดรถ เพราะวันนั้นฝนดันตก น้ำท่วมหนักมาก ถ้าหากเอาขาลงพื้นจะทำให้เท้าเปียกได้ จึงไม่อยากเอาขาโดนน้ำ แต่แล้วด้วยความที่ตัวของคุณบิ๊กเองเป็นคนคนใจร้อน รอไม่ได้ จึงได้ทำการดับเครื่องรถจักรยานยนต์ของตน และจอดรอ ลุงคนนั้นจึงลดกระจกลงและได้พูดออกมาอย่างโมโหว่า “ไอ่หนุ่ม เอ็งเล่นอะไรกันเนี่ย ให้แฟนไปยืนที่ท้ายเบาะรถ แล้วกระโดดมาเนี่ย เกือบเฉี่ยวหน้ารถลุง” หลังจากลุงพูดจบ คุณบิ๊กกลับไม่ได้รู้สึกอะไร อาจเพราะน้ำท่วมด้วยจึงไม่ได้รู้สึกถึงการสั่นสะเทือน จากนั้นลุงเขาก็พูดออกมาอีกว่า “มาชี้หน้ากูแล้วหัวเราะอีก มึงเล่นอะไรกันหรือทะเลาะกันหรือยังไง?” คุณบิ๊กกำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่ลุงกลับปิดกระจกใส่และขับรถออกไปอย่างโมโห ลุงเหยียบคันเร่งจนทำให้ล้อรถของลุงปาดน้ำบนถนนมาทางที่คุณบิ๊กอยู่ จนทำให้คุณบิ๊กโกรธจนเลือดแทบจะขึ้นหน้า และได้แต่สงสัยในเรื่องที่ลุงคนนั้นพูดมา ซึ่งปกติแล้ว คุณบิ๊กมักจะไปจอดรถที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งเป็นประจำ และจะได้เจอกับพี่คนหนึ่ง อายุประมาณ 40 กว่า เขาทำอาชีพขายลูกชิ้นทอด เป็นร้านที่คุณบิ๊กมักจะไปจอดแวะซื้อตลอด วันนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้คุณบิ๊กพูดคุยกับเขา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากจะคุย “พี่ พี่เคยเจอผีบ้างไหม?” พี่เขาจึงตอบกลับคุณบิ๊กมาว่า “โอโห ช่างถามได้เหมาะเจาะจริง ๆ เลย” และได้พูดต่ออีกว่า “น้องลองหันไปด้านหลังสิ” คุณบิ๊กจึงได้หันไปตามที่พี่เขาบอกและถามออกไปอีกว่า“ทำไมหรอพี่” พี่เขาจึงตอบกลับมาว่า “นั่นแหละ เห็นเสาไฟฟ้านั่นไหม มีน้องพนักงานออฟฟิศประสบอุบัติเหตุ” คุณบิ๊กเล่าว่าตนเองได้ไปสืบข่าวเพิ่มเติมมาว่าน้องเขาโดนพวกโรคจิตขับรถตาม ขณะที่เขากำลังจะขับรถหนี แต่ดันคุมสติตัวเองไม่ได้ จึงทำให้รถเสียหลักล้ม หัวฟาดกับฝาท่อที่เป็นเหล็กกลม ๆ น้องเขาจึงเสียชีวิตที่นั่น แต่ตัวคุณบิ๊กเองยังไม่ได้ปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับน้องผู้หญิงที่เจอบนตึก แต่พึ่งเริ่มมาปักใจตอนพี่เขามาทักต่อจากเมื่อกี้ว่า “พี่ว่าพี่เคยเห็นน้องคนที่เสียชีวิตไปคนนี้ซ้อนท้ายน้องเมื่อวานนะ แต่พี่ไม่กล้าทัก พี่คิดว่าพี่ตาฝาด แต่พี่จำลักษณะน้องเขาได้” หลังจากนั้นทั้งคุณบิ๊กและพี่เขาจึงได้ช่วยกันนึกถึงลักษณะของน้องผู้หญิงคนนั้น จนมั่นใจว่าใช่คนเดียวกันกับคนที่เจอบนตึก ด้วยความที่คุณบิ๊กอยากรู้เรื่องราวของน้องเขาว่าเป็นอย่างไร จึงได้ไปสืบกับแม่บ้านที่ตึก และเขาก็ได้บอกว่า “อ๋อ น้องคนนี้ชื่อนุ๊ก ชื่อจริงชื่อ ‘ภานุมาศ’ น้องเขาเป็นเด็กจบใหม่ น่าจะมีเชื่อสายมอญ และเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี” และได้บอกต่ออีกว่า “แต่ที่บ้านน้องเขามาเรียนเชิญดวงวิญญาณให้กลับบ้านไปแล้วนะ น้องเขายังอยู่อีกหรอ” หลังจากได้ยินข้อมูลทั้งหมด คุณบิ๊กก็ไม่ได้บอกหรือพูดอะไรกลับไป กระทั่งมาถึงวันเสาร์ โดยปกติแล้วคุณบิ๊กจะทำอาชีพเสริม คือการขายพระเครื่อง ซึ่งตลอดเวลาที่ขายมา ตั้งแต่คุณบิ๊กเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพ วัน ๆ หนึ่ง ขายได้ไม่เกิน 500 บาทต่อวัน แต่วันนั้นกลับขายดีมาก เกือบ 1,500 บาท ขายดีถึงขั้นที่ว่าลูกค้าหยิบและซื้อไปแบบไม่มีคำถามเลย ทำให้คุณบิ๊กรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และกลับมาจนจะถึงที่พัก ทว่าระหว่างทางก่อนจะถึงที่พักอีกเพียงนิดเดียว ดันมีกลุ่มวัยรุ่นขับรถเล่นหยอกล้อกันไปมา และคืนนั้นฝนตกทำให้ถนนลื่นมาก ตัวคุณบิ๊กเองที่ขับรถอยู่ท้ายรถของกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกนั้น เขาดันเบรกซ้ายกะทันหัน ทำให้รถเสียหลัก ทำให้ตัวและหัวฝั่งซ้ายของคุณบิ๊กล้มไปอยู่ใต้รถเมล์ ทำให้คุณบิ๊กได้แผลตรงที่ปลายนิ้ว และตาตุ่มด้านซ้ายยังได้แผลถลอกจนเห็นถึงเนื้อกระดูกอีกด้วย เหตุการณ์นี้รถของคุณบิ๊กทั้งดับและล้อไม่หมุน แต่คุณบิ๊กเล่าว่าจู่ ๆ กลับรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างมากระตุกเครื่องรถแล้วสตาร์ทขึ้นมา และได้ลากตัวของคุณบิ๊กจากเลนขวาไปที่เลนซ้าย ดึงตัวเข้าไปอีกฝั่งหนึ่ง หากไม่ได้ถูกลากเข้าไปข้างทางคงถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน และด้วยความที่คุณบิ๊กถูกรถทับไปข้างนึง จึงทำให้ไม่รู้สึก ไม่มีความชาไปเลย จากนั้นก็มีพี่คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “แล้วแฟนน้องหล่ะ?” ตอนนั้นตัวคุณบิ๊กจึงรู้สึกอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที เริ่มรู้สึกว่าร่างกายตัวเองดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว จึงค่อย ๆ ขับคลำทางมาเรื่อย ๆ จนมาถึงที่พัก หลังจากนั้นก็ไปล้างหน้า เอาน้ำลูบตัว เพราะเหนื่อยมาก ไม่อยากอาบน้ำ และได้เข้านอน แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กลับรู้สึกเหมือนมีคนมาจับขา จับแขน มีลมคล้ายกับลมหายใจมารดใบหน้ารดต้นคอ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองอยู่คนเดียว คุณบิ๊กได้เล่าทิ้งท้ายต่ออีกว่า ตนเองปักใจเชื่อว่าน้องผู้หญิงคนนั้นเป็นคนมาช่วยให้รอดชีวิต และเชื่อว่าตั้งแต่เจอน้องชีวิตของตนเองก็ดีขึ้นมาก ๆ อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

24 พ.ย. 2023

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

ระหว่างทางไปน้ำตกเผลอนอนหลับในรถ จึงฝันเห็นเหตุการณ์​คนเสียชีวิตในสถานที่ที่กำลังจะไป ปรากกฎว่า พอไปถึง.. เหตุการณ์เหมือนในฝันดันเกิดขึ้นจริง! เรื่องนี้ ‘NICECNX’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษจิกายน 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตัวตายตัวแทน’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! คุณไนซ์เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทีมงานใกล้ตัว นามสมมติว่า ‘พี่หนึ่ง’ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคุณไนซ์พอสมควร เพราะทุกคนล้วนเคยเกิดเหตุการณ์ ‘เดจาวู’ แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่หนึ่งถือว่าแรงมาก ๆ เพราะพอเดจาวูเสร็จ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงในอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา เรื่องมีอยู่ว่าในตอนเด็ก พ่อกับแม่พาพี่หนึ่งไปเที่ยวน้ำตก เป็นน้ำตกที่มีหลายชั้น ซึ่งในน้ำตกจะมีชั้นนึงที่เป็นวังน้ำวน พี่หนึ่งชอบไปเล่นที่ชั้นนี้มาก ขณะเดินทางไปน้ำตก ด้วยความเป็นเด็กจึงนอนหลับในรถตามปกติ แต่แล้วก็ฝันว่า พอไปถึงน้ำตก กำลังจะลงเล่นน้ำ คนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างพ่อค้าแม่ค้าวิ่งแตกตื่นกันมา พ่อกับแม่จึงถามไปถามคนแถวนั้นว่า “เกิดอะไรขึ้น อันนี้น้ำตกเปิดตามปกติรึเปล่า?” พ่อค้าแม่ค้าก็ตอบว่า “มีเด็กผู้หญิงจมน้ำ ไม่รู้เสียชีวิตรึเปล่า เพราะยังหาร่างไม่เจอ หากันมาเป็นชั่วโมงแล้ว อาจจะไม่รอดแล้วมั้ง” จากนั้นในฝันก็ตัดภาพเห็นพี่หนึ่งถึงน้ำตก เดินงัวเงียลงจากรถเพราะพึ่งตื่น เป็นจังหวะที่เขากู้ศพขึ้นมาพอดี พี่หนึ่งจึงชะเง้อดู เห็นเป็นเด็กผู้หญิงหน้าหมวย ใส่ชุดแขนสั้นสีฟ้า ผมประบ่า เป็นศพที่ถูกกู้ขึ้นมาจากในน้ำ จนในที่สุดก็สะดุ้งตื่น เป็นจังหวะเดียวกับรถใกล้จะถึงน้ำตกพอดี พอรถจอด พ่อกับแม่ก็ลงไปจากรถ แล้วคนก็วิ่งแตกตื่น แล้วหลังจากนั้นก็มีการพบศพคนเสียชีวิตเหมือนกับในฝัน! นั่นเป็นเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกที่หนึ่งไม่เคยลืม นอกจากนี้ คุณไนซ์ยังเสริมอีกว่า จริง ๆ แล้วตอนแรกน้ำตกมีชื่ออีกชื่อหนึ่ง แต่พอมีนักท่องเที่ยวมาเสียชีวิตซ้ำเยอะ ๆ เขาจึงตั้งชื่อตามและเปลี่ยนชื่อมาเรื่อย ๆ ในมุมหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานที่อันตราย แต่ว่าถ้าลองมุมอีกมองอาจจะเป็นการหาตัวตายตัวแทนก็เป็นได้...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1