อยู่ในช่วงดวงตก ปัญหาหลายอย่างรุมเร้า จับพลัดจับพลูได้มาอยู่อะพาร์ตเมนต์ กะจะหนีร้อนมาพึ่งเย็น แต่ดันทำให้สัมผัสที่ 6 เปิดขึ้นแบบเต็มคาราเบล เพราะห้องที่อยู่นั้นเต็มไปด้วยผีมาตามก่อกวน!

อังคารคลุมโปง RECAP

อยู่ในช่วงดวงตก ปัญหาหลายอย่างรุมเร้า จับพลัดจับพลูได้มาอยู่อะพาร์ตเมนต์ กะจะหนีร้อนมาพึ่งเย็น แต่ดันทำให้สัมผัสที่ 6 เปิดขึ้นแบบเต็มคาราเบล เพราะห้องที่อยู่นั้นเต็มไปด้วยผีมาตามก่อกวน!

19 พ.ค. 2023

       รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (9 พฤษภาคม 2566) ได้มีสายจาก ‘คุณอ้อ’ โทรมาเล่าเรื่องของตัวเองที่ดวงตกจนเจอดี ให้กับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ ฟัง เรื่องราวจะหลอนสักแค่ไหน ไปติดตามกันได้เลย! 

       คุณอ้อเล่าว่า เรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตอนนั้นอายุประมาณ 37 ปี และมีแพลนจะแต่งงาน แต่คงเป็นช่วงที่ดวงตัวเองตก เพราะมีเหตุการณ์แย่ ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง ทั้งเลิกกับแฟน สูญเสียบ้านและรถ ไปพร้อมกัน เหลือก็แต่ชีวิตของตัวคุณอ้อเอง และการดวงตกในครั้งนี้ ทำให้เกิดผลกระทบกับตัวคุณอ้ออีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือคุณอ้อมีสัมผัสที่ 6 ทำให้เห็นผีได้ 

       เมื่อออกมาจากบ้านแฟน ก็มาอยู่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สิ่งที่เจอในสัปดาห์แรกคือผีผู้หญิงวัยกลางคนมาหลอกด้วยสภาพหน้าเละครึ่งร่าง ทำให้คุณอ้อนอนไม่ได้ ต้องเปิดไฟและทีวีทิ้งไว้ทั้งคืน คุณอ้อทนไม่ไหวจึงบอกกับผีตนนั้นไปว่า “คุณคะ หนูหนีร้อนมาพึ่งเย็นนะ หนูขอมาอยู่ร่วมกับคุณนะคะ แล้วพรุ่งนี้หนูไปทำบุญให้” พอตื่นเช้ามาสิ่งที่เกิดขึ้นคืออาการปวดไหล่ที่ทรมานมาก ๆ คุณอ้อจึงคิดว่าเดี๋ยวพอทำบุญเสร็จจะไปนอนนวดตัว และเมื่อถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลเรียบร้อย ปรากฏว่าอาการปวดเมื่อยไหล่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง คุณอ้อถึงกับตะลึงในใจอยู่สักพักเพราะเคยเห็นแต่ในทีวีหรือฟังเรื่องเล่าจากคนอื่นไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองแบบนี้ 

       หลังจากเจอเคสแรกแบบสยองขวัญไป คุณอ้อก็บอกกับผีในห้องนั้นว่า “ฉันขอไม่เห็นนะ เพราะฉันไม่ไหวจริง ๆ ถ้าคุณมาเละ มาแบบน่ากลัว ฉันจะแช่งให้คุณถึงที่สุดเอาให้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด” จนกระทั่งผ่านไป 3 – 4 วัน คุณอ้อก็เจอผีอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นผีผู้หญิงวัยกลางคนที่มาในสภาพสวยดูดี ใส่เสื้อคอบัวสีชมพู ตามที่คุณอ้อได้บอกไว้ว่าขอเจอในสภาพดี แต่คุณอ้อก็คิดในใจว่าเขาจะเอาอะไรอีกนะ เพราะทำบุญให้ไปแล้ว หลังจากนั้นก็ตัดสินใจไปทำบุญให้อีกครั้ง

       ต่อมาก็ได้เจอผีอีกตนหนึ่ง แถมมาแบบพีคและหลอนที่สุดอีกด้วย! เพราะทุกครั้งที่นอนหงาย คุณอ้อมักจะโดนผีตนนี้อำทำให้หายใจไม่ออก คุณอ้อจึงกลัวการนอนหงายมาก และเปลี่ยนมานอนตะแคงแทน ในครั้งนี้คุณอ้อก็ยังคงเจอเช่นเคยแถมยังเป็นคืนวันโกน ทำให้เห็นชัดเลยทั้งร่าง! ผีตนนั้นเดินมาที่ปลายเตียงก่อนจะเดินเข้ามาข้าง ๆ และจับไหล่ จับคอคุณอ้อแล้วบอกว่า “นอนหงายสิ นอนหงายสิ!” ตอนนั้นคุณอ้ออยากย้ายออกจากอะพาร์ตเมนต์นี้มาก แต่ได้ซื้อบ้านไว้แล้ว และต้องรอให้ครบเก้าเดือนก่อนถึงจะย้ายเข้าไปอยู่ได้ ทำให้ตอนนั้นที่พึ่งเดียวที่มีคือหมอดู และหมอดูก็ทักมาขึ้นมาว่า “ห้องอื่นมีเยอะแยะไม่อยู่เนาะ มาอยู่ชั้นห้า เปิดลิฟต์ออกมาเลี้ยวซ้ายมืดทั้งชั้น แถมเข้าห้องไปมีแต่ผีเต็มไปหมด” คุณอ้อคิดในใจ “แม่นมาก รู้ได้ยังไง” และหมอดูก็แนะนำวิธีแก้ปัญหาโดยให้จุดธูปบอกเขา ว่าเราหนีร้อนมาเพิ่งเย็นขออยู่แบบประนีประนอม ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะ และต้องใส่ประคำของพระอาจารย์นอนตลอดด้วย ไม่งั้นมันนอนไม่ได้ 

       ต่อมาคนที่ทำให้คุณอ้อมั่นใจมาก ว่าสิ่งที่เจอมันมีจริง ก็คือเพื่อนของคุณอ้อที่มาเที่ยวห้อง คุณอ้อบอกว่า “ห้องเรามีแบบนี้นะ ถ้าเธอจะนอนให้ใส่ประคำนอน” แต่ตอนนั้นเพื่อนของคุณอ้อพาแฟนมานอนด้วยในตอนที่คุณอ้อไม่อยู่ห้อง ด้วยความที่เพื่อนคนนั้นเป็นคนดวงแข็งจึงไม่เจออะไร แต่แฟนของเพื่อนฝันว่ามีคนมาเคาะห้องเสียงดัง ปังปังปัง! พอไปส่องดูที่ตาแมว ก็เห็นว่าเป็นผู้ชายผมประบ่า เปลือยท่อนบน ใส่กางเกงขาก๊วย ซึ่งเป็นลักษณะแบบเดียวกันที่คุณอ้อเองก็เคยเจอ หลังจากนั้นแฟนของเพื่อนก็เจอผีตนนั้นอีก แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มาในฝัน เขามาแบบเสียงไล่ดังอยู่ข้างหูว่า “ชิ่ว ออกไป ออกไป!!“ สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้จึงพากันกลับ 

       เมื่อผ่านไปจนครบเก้าเดือน ก็ถึงเวลาที่คุณอ้อต้องย้ายออกจากที่แห่งนี้ แต่ก่อนจะย้ายก็เกิดความสงสัยว่า ในห้องนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงมีผีเยอะขนาดนี้ จึงไปถามคุณป้าที่อยู่ร้านขายของข้างล่างตึกว่า “คุณป้าหนูถามหน่อย ที่นี่มันมีอะไรแปลก ๆ มั้ย” ป้าก็ตอบมาว่า “อ้อมี บางวันนะ เห็นคนเดินเข้ามาเป็นผู้หญิงวัยกลางคน บางวันก็เป็นผู้หญิงแบบสาวสวยหน่อยใส่เสื้อชมพูคอบัว บางวันก็เป็นผู้ชายผมประบ่าใส่กางเกงขาก๊วย ซึ่งป้าก็ยืนยันว่าไม่ใช่คนที่พักอะพาร์ตเมนต์ นี้แน่นอน ซึ่งเดิมทีอะพาร์ตเมนต์นี้เคยมีต้นโพธิ์ต้นใหญ่ที่คนมักจะเอาศาลเก่ามาทิ้ง แล้วเอาผ้าหลากสีมาผูกไว้ แต่เจ้าของที่ตรงนี้เป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ ทำให้ตอนสร้างอะพาร์ตเมนต์ต้องตัดต้นโพธิ์ออก และไม่ได้ตั้งศาลพระภูมิใหม่ไว้ เหมือนกับว่าไปรื้อบ้านเขาออก แล้วเขาไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเลยพากันไปอยู่ในห้องของอะพาร์ตเมนต์นี้แทน” หลังเล่าจบก็เลยย้อนถามคุณอ้อก็มาว่า “ทำไมหรอหนู หนูเจอหรอ” คุณอ้อพยักหน้าบอกว่า “ใช่ เจอครบตามที่ป้าบอกเลย”

       นอกจากนี้ คุณอ้อเคยมีเคสที่หนักกว่าตอนที่อยู่ในอะพาร์ตเมนต์นี้ คือการโดนผีเข้า ด้วยความที่คุณอ้อได้ไปเจอคนนู้นคนนี้มา และในบ้านของคนนั้นมีคนตายไป แต่วิญญาณสื่อสารกับใครไม่ได้ พอได้มาเจอคุณอ้อที่อยู่ในช่วงดวงตก จึงเข้าสิงร่างแทน ซึ่งคุณอ้อเล่าว่ารู้สึกตัวว่ามีคนมาอยู่ด้วยกัน แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ภาพที่คนอื่นเห็นตอนนั้นคือ คุณอ้อร้องไห้พลั่งพรูเล่าหลายสิ่งหลายอย่างที่วิญญาณตนนั้นต้องการออกมา และเมื่อจบเหตุการณ์นั้น ทำให้คุณอ้อรู้สึกไม่ดี และเราคิดว่ามันไม่ควรจะมาเกาะติดกับตัวขนาดนี้ ที่สำคัญเลยคือทำให้สุขภาพคุณอ้อแย่ลงไปด้วย ป่วยง่ายขึ้น หรือแม้แต่ป่วยไม่รู้สาเหตุ และหลังจากเหตุการณ์เหล่านั้น คุณอ้อก็กลายเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 แรงขึ้น ต้องปรับตัวให้อยู่กับสิ่งเหล่านั้นให้ได้ พร้อมกับหันมาพึ่งในเรื่องของการสวดมนต์นั่งสมาธิ เพราะไม่อยากเจอเหมือนเคสที่ผ่าน ๆ มา พร้อมกับบอกข้อคิดแก่คนที่ได้ฟังเรื่องราวของตนว่า “สัมผัสที่ 6 นี้เราไม่สามารถปฏิเสธมันได้ แต่เราเลือกที่จะอยู่ร่วมกับมันได้ และสามารถเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ โดยที่ต้องไม่กระทบเรา”

  (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

มีปัญหากับเพื่อนบ้านจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ! สุดท้ายยอมลดอีโก้มอบของขวัญขอคืนดี แต่เรื่องไม่จบ! เพราะของขวัญมันมี....ติดมาด้วย!!

26 ม.ค. 2024

มีปัญหากับเพื่อนบ้านจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ! สุดท้ายยอมลดอีโก้มอบของขวัญขอคืนดี แต่เรื่องไม่จบ! เพราะของขวัญมันมี....ติดมาด้วย!!

เมื่อเพื่อนบ้านล้ำเส้นจนเกิดปากเสียงทำให้ต้องผิดใจ แต่หลังจากนั้นเพื่อนบ้านก็ให้ของขวัญ 1 ชิ้นแทนคำขอโทษ รับมาโดยที่ไม่รู้ว่าของขวัญชิ้นนี้มาพร้อมกับความหลอน สุดท้ายรู้ความจริงถึงกับช็อค เพราะเขาจะเอาให้ถึงตาย! เรื่องนี้ ‘ครูตรีมีเรื่องเล่า’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ของฝากจากเพื่อนบ้าน’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย! เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณโต้ง’ ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้ครูตรีได้ฟัง คุณโต้งเล่าว่า ตนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวแต่มีรั้วบ้านติดกัน คุณโต้งซื้อบ้านหลังนี้เพื่อต้องการให้ครอบครัวมีความสุขที่สุด และได้จ้างคนมาจัดสวนที่บ้านเพื่อความสวยงาม ทางเพื่อนบ้านก็จัดสวนเหมือนกัน แต่สวนของเพื่อนบ้านนั้นมีต้นไม้ต้นใหญ่ และกิ่งไม้ก็เริ่มยื่นเข้ามาในตัวบ้านของคุณโต้ง (ด้านบนคือต้นไม้ของเพื่อนบ้าน ส่วนด้านล่างคือสวนของคุณโต้ง) ใบไม้ก็ร่วงลงมาที่สวนที่จัดไว้ และในสวนมีบ่อน้ำ ใบไม้ก็ร่วงลงมาตลอด คุณโต้งบอกว่าฤดูหนาวจะยิ่งเจอปัญหาหนัก เพราะใบไม้ผลัดใบก็ร่วงลงมาเต็มไปหมด คุณโต้งเคยพยายามไปเจรจากับเพื่อนบ้านแล้วว่า จะขอตัดกิ่งที่ยื่นเข้ามาได้หรือไม่ คำตอบที่ได้มาคือ ถ้าตัดมันจากพุ่มสวย ๆ มันก็จะกลายเป็นเบี้ยว และเพื่อนบ้านก็ไม่สนใจ กลายเป็นว่าไม่มีอะไรดีขึ้น คุณโต้งจึงให้ช่างเอาเลื่อยไฟฟ้าตัดกิ่งที่ยื่นเข้ามาบ้านของตัวเอง เมื่อตัดเสร็จก็ให้ช่างโยนกลับไปที่บ้านหลังนั้น เมื่อเพื่อนบ้านกลับมาจากที่ทำงาน ก็เห็นสภาพต้นไม้ของตัวเองกองอยู่เต็มพื้น จึงมาเอาเรื่องถึงหน้าบ้าน คุณโต้งก็บอกไปตรง ๆ ว่า “เฮ้ย! ก็ไม้บ้านคุณมันยื่นมา บอกหลายหนแล้วว่าให้ตัด ก็ไม่ตัด” หลังจากนั้นก็เกิดปากเสียงถึงขั้นชกต่อยกันหน้าบ้าน จนมีคนมาห้ามแล้วก็แยกย้ายกัน นั่นคือเหตุการณ์ของเดือนพฤศจิกายน ในเวลาต่อมาช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คนในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างมีฐานะ ต่างคนต่างเป็นเจ้าของบริษัท คุณโต้งและภรรยาก็มีบริษัทเป็นของตัวเอง และทั้ง 2 คนจะมีลูกค้านำกระเช้าและของขวัญมาให้ คุณโต้งและภรรยาก็รับไว้แล้วนำไปเก็บไว้ที่บริษัท จนกระทั่งช่วงปีใหม่ คุณโต้งกับภรรยาและลูกได้ไปเที่ยว หลังจากเที่ยวเสร็จก็กลับบ้าน สิ่งที่คุณโต้งตกใจคือ เพื่อนบ้านตัดต้นไม้จนเหลือพุ่มเตี้ย ๆ และไม่ยื่นเข้ามาในบ้านของตนเลย ต่อให้ใบไม้ร่วงก็จะร่วงอยู่ในสวนของเพื่อนบ้านเท่านั้น คุณโต้งรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากนั้นไม่นาน คุณโต้งก็ขนกระเช้าของขวัญต่าง ๆ กลับมาจากบริษัทแล้วนำมาไว้ที่ห้องรับแขก ส่วนภรรยาก็นำของขวัญที่ได้มาไปเก็บที่ห้องรับแขกด้วยเพราะค่อนข้างเยอะ ทุกอย่างวางกองกันไว้ในห้องนั้น วันหนึ่ง คุณโต้งต้องรีบไปทำธุระ แต่เจอสิ่งที่ช็อคหนักกว่าเดิมคือ เมื่อเปิดประตูรั้วออกไป ก็เจอเพื่อนบ้านถือกล่องของขวัญมากล่องหนึ่ง ซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่แล้วก็บอกว่า “มาขอโทษในสิ่งที่เคยทำเมื่อปีที่แล้ว เรามาตั้งต้นดีกันใหม่ทั้งหมดเลยได้ไหม?” ด้วยความที่คุณโต้งต้องรีบไปทำงานเลยตัดสินใจพูดไปว่า “ขอบคุณครับ” และนำเข้าบ้านไปวางรวมกับของขวัญที่อยู่ในห้องรับแขกทั้งหมด แต่ระหว่างที่เดินถือไปนั้น ก็สังเกตว่ากล่องของขวัญนี้ห่อด้วยกระดาษของห้างดังห้างหนึ่ง ซึ่งกระดาษสามารถซื้อกลับมาห่อเองได้ และฝีมือการห่อของขวัญน่าจะเป็นการห่อเอง เพราะไม่ได้ละเอียดเหมือนกับที่ซื้อมาแล้วให้ทางห้างห่อให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะต้องรีบออกไปทำธุระ ระหว่างวันนั้นทั้งวัน คุณโต้งก็ไม่มีสมาธิเพราะในใจคิดอย่างเดียวว่า ‘เพื่อนบ้านเอาอะไรมาให้’ เมื่อกลับมาที่บ้าน ปรากฏว่าของในห้องรับแขกไม่มีแล้ว เพราะภรรยาของคุณโต้งให้แม่บ้านขนของไปไว้อีกห้องหนึ่ง คุณโต้งจึงเดินไปที่ห้องเก็บของ ก็เจอกับของที่เพื่อนบ้านเอามาให้ หลังจากนั้นก็แกะกล่องออกมาดู ก็พบว่าเป็นตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งซึ่งน่ารักมาก ตอนแรกคุณโต้งคิดว่าจะเอาให้ลูกเล่น แต่เมื่อคิดถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาจึงเกิดความระแวง คุณโต้งจึงโยนตุ๊กตาหมีทิ้งไว้ในห้องและปิดห้องไว้ แล้วก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เช้าวันต่อมา คุณโต้งเดินเข้าไปในห้องเพื่อสำรวจตุ๊กตาว่าตุ๊กตาตัวนี้มีอะไรแปลกไปหรือไม่ จากการสำรวจ ผลออกมาว่าทุกอย่างปกติ จึงคิดว่าเพื่อนบ้านคงสำนึกได้จริง ๆ และคงอยากคืนดีด้วย จึงตัดสินใจว่าวันนี้จะแวะซื้อของขอบคุณเพื่อนบ้าน จะได้ปิดศึกที่มีมายาวนาน จากนั้นก็นำตุ๊กตาตัวนั้นไปวางประดับไว้ที่ห้องรับแขกและออกไปทำงาน เมื่อกลับมาพี่เลี้ยงบอกว่า “คุณโต้งคะ น้องร้องไห้ทั้งวันเลย เอาไม่อยู่เลยค่ะ” คุณโต้งจึงเข้าไปคุยกับลูกว่า “หนูเป็นอะไร?” ลูกก็ตอบว่า “ผี ๆ ผีมา ผีมา” คุณโต้งคิดว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน หรืออาจจะเกี่ยวกับตุ๊กตา คุณโต้งพยายามพลิกดูตุ๊กตาแต่ก็ไม่มีอะไร จากนั้นก็นำตุ๊กตาไปเก็บไว้อีกห้องหนึ่งแล้วปิดประตู คืนนั้น คุณโต้งนอนหลับ แล้วรู้สึกร้อน กระสับกระส่าย หายใจไม่ออก จึงลืมตาเพื่อจะไปปรับแอร์ แต่สิ่งที่คุณโต้งเห็นคือ มีผู้ชายคนหนึ่ง หน้าเต็มไปด้วยเลือด ก้มหน้าจ้องเขาอยู่ สภาพดูโกรธและอาฆาตแค้น! คุณโต้งรู้สึกช็อคเพราะหน้าจะประสานกันแล้ว คุณโต้งร้องโวยวายเสียงดังจนภรรยาตื่น พอลุกไปเปิดไฟก็พบว่าไม่มีอะไร คุณโต้งคิดว่าตนอาจจะฝันไป เช้าวันถัดมา คุณโต้งนั่งคุยกับภรรยาที่ห้องรับแขกและเล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้ฟัง ขณะที่คุยกันอยู่นั้น ในห้องรับแขกจะมีจุดหนึ่งที่เป็นกล้องวงจรปิดและก็มีจอมอนิเตอร์อยู่ คุณโต้งก็เห็นเหมือนเงาดำ ๆ เงาหนึ่งเดินไป-มาในห้องเก็บของ! คุณโต้งก็ฉุกคิดขึ้นว่า ‘เฮ้ย! หรือว่าเกี่ยววะ’ แต่ตอนนั้นคุณโต้งยังไม่มั่นใจจึงปล่อยผ่านไป คืนนั้นคุณโต้งนอนหลับและรู้สึกหนักกว่าเดิม เหมือนมีอะไรมาทับที่ตัว เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอผู้ชายคนเดิมกำลังเอามือกดเขาอยู่ และแนบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสภาพหน้าซีด ตาโบ๋ เลือดเต็มตัว แล้วพยายามจะขยี้! คุณโต้งก็ร้องโวยวายจนภรรยาตื่น ลุกไปเปิดไฟขึ้นมาดูก็ไม่เจออะไรเหมือนเดิม แต่ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าต้องเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้ เช้าวันรุ่งขึ้น คุณโต้งจัดการเผาตุ๊กตาตัวนี้เพื่อที่เรื่องจะได้จบ เมื่อเผาเสร็จ ก็ชวนภรรยาไปทำธุระข้างนอก หลังจากเสร็จธุระก็กลับบ้าน ด้วยความที่สบายใจว่าทุกอย่างจบแล้ว คืนนั้นก็เจอผู้ชายคนเดิมแต่หนักขึ้น เพราะเขาเลื่อนมาตรงหน้าอก พยายามขยี้! คุณโต้งก็ดิ้น และนานมากกว่าภรรยาจะตื่นมาเปิดไฟ เมื่อตื่นมาคุณโต้งก็คิดว่าทำไมเรื่องยังไม่จบ ทั้ง ๆ ที่เผาไปแล้ว เช้าวันถัดมาจึงคุยกับภรรยาว่า “ไปปรึกษาหลวงพ่อที่เรารู้จักไหม” ซึ่งเป็นวัดในจังหวัดอยุธยา จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปที่วัดแห่งนั้น เมื่อไปถึงหลวงพ่อก็ขอดูดวงชะตา หลังจากที่ดูเสร็จ หลวงพ่อก็พูดว่า “มีของตามตัวเรามา แล้วของนี้ต้องการจะทำให้เราถึงตาย” คุณโต้งก็บอกว่า “ผมเจอแล้วหลวงพ่อ แต่ผมเผาไปแล้ว” หลวงพ่อก็บอกว่า “วิธีแก้คือวิธีนั้นแหละ ต้องเผาและบังสกุล คือทำบุญอุทิศให้เขาไป เขาจะได้ไป” คุณโต้งก็บอกว่า “ถ้างั้นหลวงพ่อ ผมเผาไปเรียบร้อย ทำแค่พิธีบังสกุลให้ก็พอ” หลวงพ่อก็มองและพูดต่อว่า “มันไม่ใช่ มันไม่จบ เพราะว่าที่เผาไปมันไม่ใช่ต้นเหตุ ต้องหาสาเหตุให้เจอเพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเขาอาฆาตรุนแรงมาก ต้องหาให้เจอว่าต้นเหตุคืออะไร?” หลังจากนั้นคุณโต้งก็กลับมาคุยกับภรรยาที่ห้องรับแขก ทุกอย่างเริ่มตันเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ตาก็เหลือบไปเห็นที่เดิมตรงจอมอนิเตอร์ ก็เห็นเงาที่ห้องนั้นเหมือนเดิมจึงคิดว่าต้องเป็นห้องนั้นแน่ ๆ คุณโต้งเข้าไปรื้อของในห้อง สิ่งที่เจอคือ กล่องของขวัญของเพื่อนบ้าน ที่ตอนแรกคุณโต้งแกะไปแล้ว เมื่อหยิบขึ้นมา ภรรยาก็นึกขึ้นได้ทันที เพราะตอนวันปีใหม่ภรรยาได้ของที่จับฉลากแบบเดียวกันมาจากห้างเดียวกัน แต่อันนั้นห่อดีกว่า ปรากฏว่าที่คุณโต้งแกะตอนแรกคือของภรรยา แต่ของเพื่อนบ้านยังอยู่ในห้องนั้น! หลังจากแกะออกมา ของที่อยู่ข้างในคือกล่องเครื่องประดับ แต่ไม่สามารถเปิดได้ คล้าย ๆ เป็นโมเดลเพื่อตั้งโชว์อย่างเดียว ด้วยความที่ไม่รู้ คุณโต้งจึงนำกล่องนี้กลับไปหาหลวงพ่อ แล้วบอกว่า “หลวงพ่อครับ ที่ผมเจอคืออันนี้ หลวงพ่อว่ามันใช่ไหม” หลวงพ่อดูเสร็จจึงบอกว่า “ใช่ และตรงนี้มันมีที่เปิด ยังไงก็ทุบ” แต่หลวงพ่อพูดก่อนว่า “ธรรมดาคุณไสยที่มันผูกจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน มันต้องมีสื่อ ถ้ามีเศษกระดูกหรือเถ้ากระดูกของผีตายโหง มันจะต้องมีของโยมด้วย ดังนั้นมันต้องมีสื่อจากโยมและสื่อของโยมคืออะไร เพื่อนบ้านเขาทำยังไงถึงได้” เรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายลง หลังจากที่ให้เด็กวัดกับสัปเหร่อนำเหล็กมาตอกเพื่อเปิดออก สิ่งที่เจอคือ ท่อนกระดูกสีขาว เหมือนกระดูกที่เผาแล้ว แต่สิ่งที่มัดด้วยคือ ผมกระจุกหนึ่ง แล้วคุณโต้งก็จำได้ทันทีว่าเป็นผมของเขาเอง ซึ่งเพื่อนบ้านเอาไปตั้งแต่ตอนชกต่อยกัน เขาวางแผนทั้งหมดไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ก็เลยจงใจจิกหัว และกระตุกผมไปเพื่อนำไปทำสิ่งนี้ หลวงพ่อจึงจัดการทำพิธีคลายและเผาทุกอย่างเรียบร้อย คุณโต้งบอกว่า “หลังจากนี้ มันจะเป็นยังไงต่อหลวงพ่อ เราจะต้องทำอะไรกักอะไรเขาไหม” หลวงพ่อบอกว่า “ไม่ต้อง เพราะสิ่งนี้ดวงวิญญาณเขาถูกกักมาเพื่อนำมาทำร้ายโยม เมื่อมันคลายสะกดทุกอย่าง ยังไงก็ต้องกลับไปหาคนนั้น เพราะเขาเป็นคนบังคับดวงวิญญาณนี้มา” หลังจากนั้นสิ่งที่คุณโต้งรู้คือไม่นานเพื่อนข้างบ้านของคุณโต้งก็ย้ายออกไปจากหมู่บ้านแห่งนั้นโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

หนุ่มนักศึกษาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน กลับมาเจอผีผู้หญิงคลานออกมาจากตี่จู่เอี๊ยะ! โทรถามเพื่อนก็บอกว่าไม่มีคนอยู่บ้าน คืนนั้นจึงตั้งวงกินเหล้า พอเริ่มเมาก็ปากเสียตะโกนถามว่า “ถ้ามึงมีอยู่จริง มึงมาทำให้กูรู้ว่ามึงตายยังไง!”

01 ธ.ค. 2023

หนุ่มนักศึกษาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน กลับมาเจอผีผู้หญิงคลานออกมาจากตี่จู่เอี๊ยะ! โทรถามเพื่อนก็บอกว่าไม่มีคนอยู่บ้าน คืนนั้นจึงตั้งวงกินเหล้า พอเริ่มเมาก็ปากเสียตะโกนถามว่า “ถ้ามึงมีอยู่จริง มึงมาทำให้กูรู้ว่ามึงตายยังไง!”

เรื่องสยองขวัญนี้ มีชื่อเรื่องว่า ‘เรื่องผีมีอยู่จริง’ โดย ‘คุณณัฐผี’ แขกรับเชิญในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 พฤศจิกายน 2566) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันเลย! เรื่องราวความสยองนี้ เป็นประสบการณ์ตรงจากคุณณัฐ เริ่มขึ้นเมื่อเขาได้ย้ายเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร จึงตัดสินใจที่จะเช่าบ้านและอยู่กับเพื่อนหลายคน เพราะคุณณัฐและเพื่อน ชอบเล่นดนตรีกันมาก จึงคิดว่าเช่าบ้านอยู่ด้วยกันก็จะสะดวกมากกว่า ซึ่งบ้านเช่าหลังนี้เป็นอาคารอาคารพาณิชย์หลังเก่า มีทั้งหมด 4 ชั้น เคยเป็นร้านเกมส์มาก่อน ทำให้ประตูด้านหน้าเป็นกระจก ภายในตัวบ้านจะค่อนข้างโล่ง และลึกยาวเข้าไป ด้านหลังเป็นบันไดสำหรับใช้ขึ้นไปยังชั้น 2 หลังบันไดจะมี ‘ตี่จู่เอี๊ยะ’ ตั้งไว้บริเวณนั้น ในแต่ละชั้นของบ้านจะถูกแบ่งโซนไว้อย่างชัดเจน โดยชั้น 2 ถูกแต่งเติมเป็นห้องนอน 2 ห้อง ส่วนชั้น 3 เปลี่ยนให้เป็นสตูดิโอสำหรับซ้อมดนตรีและห้องอัด และชั้นสุดท้ายคือชั้น 4 เป็นห้องนอนอีก 1 ห้อง วันหนึ่ง หลังจากที่คุณณัฐกลับมาจากการทำธุระข้างนอก เวลาตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มกว่า เขาสังเกตเห็นว่าไฟยังคงเปิดไว้จึงคิดว่ามีคนอยู่ในบ้าน ขณะที่กำลังจะเปิดประตู ปรากฏว่าประตูดันล็อก จึงตัดสินใจส่องผ่านกระจกเข้าไปดูว่ามีใครอยู่ข้างในหรือไม่ ระหว่างที่กวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อมองหาคนช่วยเปิดประตู สายตาดันไปเจอกับมือของผู้หญิงกำลังยืนขึ้นมาจากด้านหลังของตี่จู่เอี๊ยะ! เหมือนกับว่ากำลังพยายามผลักตัวเองให้ลุกขึ้นมา ไม่นานหัวก็โผล่พ้นขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ เอาคางมาวางไว้ที่กำแพง! คุณณัฐคิดว่าคงเป็นพี่ที่รู้จัก จึงเรียกชื่อไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับจากใครเลย จึงตัดสินใจเพ่งเล็งดูอีกครั้ง ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงมองอยู่ในลักษณะเดิม คือจ้องมองมาที่คุณณัฐ แต่สิ่งที่น่าขนลุกไปกว่านั้นคือเขาเห็นว่าผู้หญิงที่กำลังสบตาด้วยนั้นไม่มีจมูกและปาก! ดวงตากลมโต ใบหน้าขาวซีด! คุณณัฐผีเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งหนีไป ระว่างที่วิ่งอยู่ก็เห็นตู้โทรศัพท์จึงตัดสินใจว่าจะโทรไปหารุ่นพี่ แต่ปลายสายกลับบอกว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ทุกออกไปเดินห้างกันหมด เมื่อได้ยินแบบนั้น คุณณัฐก็รู้สึกกลัวมาก รีบบอกให้รุ่นพี่รีบกลับมาที่บ้านทันที! เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้าน ก็มีการตั้งวงสังสรรค์นับสิบคนได้ พอเริ่มกริ่มได้ที่ก็คิดอยากลองทำอะไรแผลง ๆ เริ่มจาก ‘พี่ปอ’ (รุ่นพี่ของคุณณัฐ) ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้ามึงมีอยู่จริง มึงมาทำให้กูรู้ว่ามึงตายยังไง!” หลังจากท้าทายเสร็จ ไม่นานทุกคนก็เมากันหมด จึงพากันหลับรวมกันอยู่ที่ชั้น 4 รุ่งขึ้น พี่ปอก็มาปลุกทุกคน แล้วพูดว่า “เห้ย กูรู้แล้ว เขาตายยังไง!” ทุกคนตกใจสะดุ้ง แล้วรีบถามถึงเรื่องราวจากพี่ปอ พี่ปอเล่าว่า หลังจากที่เลิกจากวงเหล้า พี่ปอก็เข้าไปนอนในห้องกับแฟน ปรากฏว่าระหว่างที่หลับ ก็ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว ใส่ชุดสีขาว ในฝันเธอพูดว่า “มึงอยากเห็นกูตายใช่มั๊ย งั้นมึงดู!” หลังจากผู้หญิงคนนั้นพูดจบ พี่ปอก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนเธอจะเสียชีวิต เธอถูกผู้ชายฉุดมาข่มขืน หลักจากโดนกระทำชำเราจนสาแก่ใจชายโฉด ก็ถูกฆ่าโดยการถูกขวานฝ่ามาที่หน้า! เธอทุรนทุรายอยู่นาน แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตไปในที่สุด ในตอนนั้นพี่ปอคิดว่าเป็นแค่ฝัน แต่หลังจากที่ตื่นนอนก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ ปรากฏว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริง จึงคิดว่าจะหาวันไปทำบุญให้ ก่อนวันที่จะไปทำบุญก็มีการเตรียมของก่อน 1 วัน ในคืนนั้น ทุกคนเข้านอนกันตามปกติ แต่ที่แปลกคือคืนนั้นทุกคนฝันคล้ายกันว่ามีผู้หญิงมาเข้าฝัน เธอพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า “พวกมึงจะไล่กูใช่มั๊ย!” รุ่งขึ้นทุกคนจึงมารวมตัวกัน และได้เล่าสิ่งที่ฝันสู่กันฟัง จากนั้นจึงตัดสินใจพากันจุดธูปเพื่อบอกว่าไม่ได้มีเจตนาจะไล่แต่อย่างใด แค่จะไปทำบุญให้เท่านั้นเอง หลังจากทำบุญเสร็จทุกคนที่อยู่บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลย กลับกลายเป็นว่าคนที่แวะเวียนมามักจะเจอเรื่องราวแปลก ๆ อยู่เสมอ ทั้งเห็นว่ามีบางอย่างเดินผ่านบ้าง ประตูปิดเองบ้าง พอคิดว่าคนแกล้งแต่เมื่อออกไปดูก็จะไม่เห็นใครเลย สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็ตัดสินใจที่จะไม่เช่าต่อ และย้ายออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เช่าใหม่ก็ได้มาเช่าต่อ เพื่อเปิดเป็นร้านทำสปาในชั้นแรก ชั้นที่ 2 ให้บริการอบไอน้ำ เมื่อมีลูกค้ามาใช้บริการที่ร้านก็มักจะรู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา บางทีเจ้าของร้านเอง ก็สัมผัสถึงดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้ได้เหมือนกัน วันหนึ่ง เธอสวดมนต์อยู่ที่ชั้น 4 ในระหว่างที่กำลังสวดมนต์อยู่ ลูกก็ขึ้นมาหา แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ แม่กำลังนั่งสวดมนต์ปกติ แต่ตัวแม่งอผิดปกติ เหมือนกับว่ากระดูกงอหักไป เพราะเห็นผู้หญิงกำลังนั่งค่อมบริเวณไหล่อยู่! จากนั้นจึงถามแม่ว่า “แม่เป็นอะไร” เธอตอบว่า “ไม่ได้เป็นอะไร แต่รู้สึกว่าปวดตัวแปลก ๆ” หลักจากนั้นทั้งคู่ก็เดินลงมาชั้นล่าง ลูกชายจึงตัดสินใจเล่าสิ่งที่เห็นให้แม่ฟังทั้งหมด หลังจากนั้นแม่ก็เจอเรื่องสุดหลอนมาโดยตลอด จนต้องเลิกกิจการ ในขณะที่เธอและลูกชายกำลังขนย้ายสัมภาระอยู่นั้น ก็มองไปที่รูปภาพที่เธอบูชา จึงคิดว่าจะนำไปด้วย ในขณะที่มือเอื้อมไปหยิบกรอบรูป และดึงด้ายสายสิญจน์ออก ปรากฏว่าผ้ายัญก็หลุดออกมา ทั้ง ๆ ที่ถูกแปะไว้คนละจุดกับด้ายสายสิญจน์ เธอรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ตัดสินใจเก็บสัมภาระให้เสร็จเร็ว ๆ หลังจากปิดกิจการก็ย้ายกลับมาอยูบ้าน คืนหนึ่งระหว่างที่นอนหลับ ก็ฝันเห็นผู้หญิงคนนั้น ในฝันเธอบอกว่า “หนูขอบคุณมากนะ หนูออกจากที่นั่นได้แล้ว” และฝันแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง จนคืนหนึ่ง เธอก็ฝันถึงผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง เธอมาบอกว่า “พี่ หนูไปก่อนนะ” หลังจากนั้นก็ไม่เคยฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากสาวแอน The Ghost 'คุณค่าเเห่งความตาย' l อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost [ 26 ส.ค.2568 ]

06 ก.ย. 2025

เรื่องเล่าจากสาวแอน The Ghost 'คุณค่าเเห่งความตาย' l อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost [ 26 ส.ค.2568 ]

เรื่องเล่าที่ทำให้บางคนถึงกับเสียน้ำตา เมื่อภรรยาแอบไปคบชู้นอกใจกับลูกพี่ลูกน้องของสามี จนในที่สุดก็หย่าร้างกัน ภรรยาสานสัมพันธ์กับชู้ต่อแต่ก็ไม่ราบรื่น จนเกิดเรื่องราวบานปลายกลายเป็นภรรยาตั้งท้องกับสามีที่หย่ากันไป รัก 3 เศร้า และ 1 ชีวิตของเด็กที่บริสุทธิ์จะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คุณค่าของความตาย’ จาก ‘คุณไอซ์’ โดยมี ‘สาวแอน The Ghost’ เป็นผู้ถ่ายทอด ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost’ (26 สิงหาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ‘ไอซ์’ มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ ‘วัฒน์’ ในวันนั้นเขาได้โทรมาร้องไห้ ตัดพ้อว่า “กูไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ กูอะทนไอมิ้นไม่ไหว” ซึ่ง ‘มิ้น’ เป็นภรรยาเก่าของวัฒน์ที่เลิกกันไปตั้งแต่ 7 เดือนก่อน และวัฒน์ก็มีแฟนใหม่มาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ทำให้ไอซ์ไม่เข้าใจว่าทำไมวัฒน์ต้องร้องไห้เสียใจเรื่องมิ้น ในเมื่อก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจเพื่อนด้วยประโยคที่ว่า “มึงอยู่ก่อน มึงอย่าพึ่งเป็นอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปหามึงที่บ้าน” หลังจากที่ได้วางสายโทรศัพท์ไป ไอซ์ก็ได้เข้านอน แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นยาเส้นพร้อมกับเสียงผู้ชายที่พูดให้ตื่น เธอรีบลุกขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อที่จะขับรถ แต่ในระหว่างเดินทางก็มีสายโทรเข้ามาจากเพื่อนอีกคนที่ชื่อว่า ‘บิ๊ก’ “ไอซ์มึงทำใจดี ๆ ไว้นะ ไอวัฒน์ตายแล้ว” ไอซ์ได้ยินดังนั้นก็ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ได้บอกให้วัฒน์รอก่อน แต่เพื่อนสนิทก็รอไม่ไหว จากนั้นก็ทราบว่าข่าวว่าวัฒน์ตัดสินใจจบชีวิตด้วยการผูกคอตายกับกิ่งไม้ที่ยื่นเข้าไปตรงหน้าต่างบ้านของมิ้นกับ ‘ทอม’ ซึ่งทอมคือลูกพี่ลูกน้องของวัฒน์ และเป็น LGBTQ+ แต่เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว วัฒน์ก็ได้รู้ความจริงว่า คนที่เชื่อใจทั้งสองคนแอบเป็นชู้กัน ทางด้านไอซ์เมื่อมาถึงที่หมายแล้ว บิ๊กก็ได้พาไปที่จุดเกิดเหตุแทนที่จะไปวัด เพราะที่นี่ เพื่อน ๆ กำลังตั้งศาลเตี้ย หาคนผิดโดยไม่พึ่งกฏหมาย แต่ทั้งมิ้นและทอมก็ได้หนีไปแล้ว จากนั้นไม่นาน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับกลิ่นยาเส้นแล้วพูดว่า “มึงก็บอกมันสิ” และอยู่ดี ๆ น้องที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านก็กลิ้งตกรถลงมาด้วยอาการตกใจ สีหน้าเหมือนคนกลัวอะไรสักอย่างจนไม่มีสติต้องรีบวิ่งหนีหายไป เพื่อนที่อยู่ตรงนั้นเมื่อมองไปที่ต้นไม้ที่วัฒน์ผูกคอตายก็วิ่งหายออกไปจากบ้านไม่ต่างกัน และบิ๊กก็วิ่งออกไปด้วย ไอซ์มีแต่ความงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงรีบโทรหาบิ๊กให้มารับ และก็ได้ไปถึงวัดในที่สุด ในคืนนั้นทั้งญาติสนิทและผองเพื่อนก็ได้นอนเฝ้าศพที่วัด แต่แล้วน้องที่ชื่อ ‘โรจน์’ ก็ตะโกนโวยวายขึ้นมาดังลั่นก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในโรงครัวของวัด ทุกคนพยายามจับมาถามและคุยให้ใจเย็นลงว่า โรจน์ที่ยังสั่นกลัวอยู่ได้แต่พูดว่า “ผมเห็นพี่วัฒน์ยืนอยู่บนตัวของพี่บิ๊ก แล้วพี่วัฒน์ค่อย ๆ นั่งลงยอง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอาตัวเอนไปข้างหลัง จากนั้นก็ฟาดหัวตัวเองมาข้างหน้า เขาทำย้ำ ๆ จนหัวของพี่วัฒน์หลุดออกมากระแทกหน้าพี่บิ๊ก หัวนั้นได้กลิ้งลงมาหยุดอยู่ที่ผม ผมเลยวิ่งหนี” บิ๊กที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่าอีกคืนเขาคงไม่อยู่แล้ว ในช่วงเย็นวันต่อมา ไอซ์ก็ได้มาอยู่เป็นเพื่อนบิ๊ก ขณะที่บิ๊กอาบน้ำอยู่นั้น ไอซ์ก็นั่งรอข้างนอก แต่กลับได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องน้ำว่า “กลัวแล้ว กลัวแล้ว” พร้อมกับเสียงถีบประตูห้องน้ำที่ดังปัง! จนประตูหลุดออกมา บิ๊กที่เปลือยเปล่าทั้งตัว ก็วิ่งออกไปที่ป่ากล้วย กว่าบิ๊กจะสงบสติได้ก็ใช้เวลานาน บิ๊กเล่าให้ไอซ์ฟังว่า ตอนนั้นกำลังใช้สบู่ฟอกหน้าอยู่ ขณะที่หลับตา กำลังใช้มือควานหาขันก็ใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะเจอ เขาก็คว้าและตักน้ำราดลงมาที่ใบหน้า แต่จังหวะที่ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เขาจับกลับไม่ใช่ขัน แต่เป็นปากของวัฒน์! เรียกได้ว่าขันใบนั้นคือหัวของวัฒน์นั่นเอง ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระยะประชิด เขาทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากขว้างหัวทิ้ง บิ๊กคิดว่ามันจะจบแค่นั้น เขารีบดึงผ้าขนหนูมาคลุมตัว แต่สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมากลายเป็นร่างของวัฒน์ที่กำลังโอบเขาอยู่จากด้านหลัง! สติบิ๊กได้หายไปแล้วมีแต่ความกลัวที่คลืบคลานเข้ามา ในเวลานั้นคิดแค่ว่ายังไงก็ต้องเอาตัวเองออกจากห้องน้ำให้ได้ บิ๊กจึงพยายามดิ้นถีบประตูออกมา หลังจากฟังเรื่องราวจบ ทุกคนก็ได้แต่คุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเพื่อนที่ตายไปถึงต้องเล่นงานหนักขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้ เวลาล่วงเลยจนมาถึงวันทำบุญร้อยวัน ในตอนเย็นเพื่อนก็มานั่งสังสรรค์กัน อยู่ ๆ บิ๊กก็พูดขึ้นมาว่า “กูรู้สึกผิดว่ะ กูเป็นเหตุผลที่ทำให้วัฒน์ตายด้วยส่วนหนึ่ง เพราะว่าวันที่เกิดเหตุ กูไปบ้านของทอม ไปส่งมันนี่แหละ กูอยากกินเหล้ากับเพื่อน เลยทิ้งมันไว้ตรงนั้น สายแรกวัฒน์โทรมา ให้กูไปรับมัน สายที่สองโทรมาตัดพ้อว่าอยากตาย ไม่อยากอยู่แล้ว กูก็ปากพล่อยตอบมันไปว่า มึงตายก็ดี มึงจะได้เป็นผีรุ่นพี่ กูจะได้ขอหวยด้วย และที่สำคัญนะ ถ้ามึงตาย มึงมาหลอกกูคนแรกเลย เพราะว่ากูคือเพื่อนรักของมึง” ไอซ์เข้าใจกระจ่างว่าทำไมบิ๊กถึงได้โดนหลอก หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 2 ปี ได้มีสายจากมิ้นโทรมาหาไอซ์ เธอได้ถามไปว่า “มึงหายไปไหนมา มึงทำให้เพื่อนกูตาย” มิ้นจึงได้เล่าทุกอย่างให้ฟังว่า.. ในช่วงที่คบกับทอมก็มีทะเลาะกันบ้าง พอมีปากเสียงกัน มิ้นก็เลือกที่จะไปดื่มกับวัฒน์ และมีอะไรกันจนท้อง เมื่อท้องได้ 2 เดือน ทอมก็จับได้ ทั้งสามคนตัดสินใจมาเคลียร์กันที่บ้านของทอมว่าควรจะจัดการยังไงต่อ ทอมยื่นคำขาดกับมิ้นว่า “ถ้าเลือกวัฒน์ ก็ออกจากบ้านกูไป แต่ถ้ามึงเลือกกู ก็ต้องเอาเด็กคนนี้ออก” พอวัฒน์ได้ยิน ก็รู้สึกเศร้ามาก จนทำลายข้าวของ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายก็ก้มลงกราบมิ้นและทอม พรางอ้อนวอนว่า “เอาลูกกูไว้เถอะ ถ้ามึงไม่อยากเลี้ยงกูเลี้ยงเอง” แม้วัฒน์จะยอมทิ้งศักดิ์ศรีก้มลงกราบแทบเท้า แต่ทอมก็ไม่คิดจะเอาเด็กคนนี้ไว้ ทั้งยังสะใจที่ได้เป็นผู้ชนะ และพามิ้นกลับเข้าไปในบ้าน วัฒน์จึงตะโกนไล่หลังไปว่า “ถ้ามึงจะกำจัดลูกกู กูจะไปรอมันที่อีกโลกหนึ่ง!” นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่วัฒน์ได้พูดกับมิ้นและทอม เช้าวันต่อมา เมื่อได้เปิดหน้าต่างบ้านเพื่อรับลม ทั้งคู่ก็ได้เห็นว่าวัฒน์ผูกคอตายอยู่ตรงหน้าต่างบ้าน และที่ข้อเท้ายังเขียนชื่อเป็นชื่อจริงของมิ้นกับทอมไว้อีกด้วย ทั้งสองทำอะไรไม่ถูกจึงรีบหนีไปใต้ และมิ้นก็ยังคงเก็บเด็กคนนั้นไว้ เวลาผ่านไปจนมิ้นคลอด และตั้งชื่อว่า ‘น้องโปรแกรม’ ไอซ์ไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง มิ้นจึงได้พาน้องโปรแกรมมาพบกับไอซ์ เมื่อไอซ์ได้เห็นเด็กผู้ชายวัย 2 ขวบ ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่านี่คือลูกของวัฒน์อย่างแน่นอน ไอซ์โผกอดน้องโปรแกรม ราวกับนี่คือวัฒน์เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ จากนั้นมิ้นก็เล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากที่หนีไปใต้ วัฒน์ไม่เคยไปไหนไกล บางทีก็เดินถือหัวไปมา เวลาที่มิ้นสระผม ก็มาช่วยเธอสระผมบ้าง สถานที่ที่จะทำให้นอนได้ ไม่วัดก็เป็นบ้านหมอผี วันหนึ่ง ทอมและมิ้นเจอพระอาจารย์รูปหนึ่ง ทั้งสองได้เรียนวิปัสสนา กรรมฐาน รู้จักบาปบุญ และวันที่เปลี่ยนชีวิตทอมก็มาถึง มิ้นท้องแก่ใกล้คลอด ทอมก็ขับรถไปแต่ระหว่างทางก็มีควายสีดำวิ่งมาตัดหน้ารถ ทอมเลือกที่จะหักพวงมาลัยจนไปชนต้นไม้ ทั้งคู่สลบคาที่ แต่เสียงที่เรียกให้ทอมตื่นขึ้นมาคือเสียงของผู้ชาย บอกให้เขาไปช่วยมิ้น เพราะไฟกำลังโหมรถ ทอมได้สติก็รีบดึงมิ้นออกมา รถพยาบาลขับผ่านมาพอดี และน้องโปรแกรมก็ได้คลอดบนรถคันนั้น ทอมพูดกับอากาศหวังว่ามันจะส่งไปถึงวัฒน์ว่า ‘ขอบคุณนะพี่ที่มาช่วย ถ้าตอนนั้นหนูมีศีลมีธรรมหนูก็คงไม่ทำร้ายเด็กคนนี้ และคงไม่เป็นชู้กับมิ้น ตอนนี้หนูรู้สึกผิดแล้ว หนูยอมตายแทนเด็กคนนี้ด้วย’ หลังจากคลอดน้องโปรแกรมออกมา พระอาจารย์ก็บอกกับมิ้นว่า “ให้เอาหลานไปคืนปู่กับย่า เพราะวัฒน์มาขอไว้ ไม่งั้นปู่กับย่าจะไม่รอด” มิ้นจึงถ่ายรูปน้องโปรแกรมส่งไปให้พ่อแม่ของวัฒน์ และเมื่อพ่อแม่วัฒน์ได้เจอน้องโปรแกรมก็ได้แต่ร้องไห้กอดหลาน เพราะว่านี่คือวัฒน์น้อยของแม่ เด็กคนนี้จะมาทดแทนความโหยหาที่ขาดหายไป จากนั้น พ่อวัฒน์ก็พูดขึ้นมาว่า “แม่มึง ไอที่เราคุยกันไว้ว่า 60 ปี เราอะอยู่ได้ยันร้อยปีเลยนะ” ทั้งมิ้นและทอมก็นำขันธ์ห้ามาไหว้พ่อกับแม่ ทั้งสองคนไม่ได้ด่าทอหรือทุบตี แต่กลับกอดกันแทน นี่ทำให้ไอซ์ตกผลึกได้ว่า การที่เรามีบุญ หรือรักษาศีล มันทำให้เราให้อภัยคนได้ ไอซ์เดินออกมานอกบ้าน พูดเบา ๆ กับเพื่อนสนิทของตนว่า ‘วัฒน์ มึงคิดเหมือนกูมั้ย ว่ามึงไม่ได้ตายฟรี มึงทำให้ไอชั่วสองคนนี้ กลับกลายเป็นคนดี และทำให้ครอบครัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ถึงตัวมึงจะตาย แต่คุณค่าของมึงก็ยังคงอยู่ คงถึงเวลาที่มึงจะไปสบายได้แล้ว’ ไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินคีบบุหรี่ออกมาจากป่า และพูดกับเธอว่า “มันยังต้องชดใช้กรรมอีก” และเขาก็หายไป พร้อมกับรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งผ่านมา วัฒน์นั่งอยู่บนรถคันนั้นนั้น เขายิ้ม ดูมีความสุข และพยักหน้าให้เหมือนจะขอบคุณ และก็หายไป ไอซ์สะดุ้งเพราะน้องโปรแกรมเข้ามากอดจากข้างหลัง บอกให้ไปกินข้าวได้แล้ว..เขียน: อภิธิดา ดุรงค์พันธุ์เรียบเรียง: วันทนีย์ ไชยชาติภาพ: กิตติพงษ์ นาคทอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

16 พ.ย. 2023

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

เมื่อต้องย้ายเข้าหอใหม่ แต่ชั้นที่จะไปอยู่ดันไม่มีห้องว่าง มีแค่ห้องตัวอย่างที่อยู่ใกล้กับลิฟต์ ทำให้ต้องเจอเรื่องแปลกประหลาดชวนขนหัวลุก! เรื่องหลอนจาก ‘คุณต้น “Wolftone’ ที่มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤศจิกายน 2566) พร้อมเจอกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องนี้จะประหลาดอย่างไรนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในสมัยที่คุณต้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยย่านนครปฐม เป็นช่วงระหว่างปี 1 ขึ้นปี 2 ช่วงนั้นเขาย้ายหอพักจากหอพักเก่าไปหอพักหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันอยู่ที่นั่นชื่อ ‘คุณเบนซ์’ เขาจึงชวนคุณต้นย้ายเข้าไป คุณเบนซ์พักอยู่ที่ชั้น 2 ในวันที่ไปเลือกห้อง คุณต้นจึงไม่ได้ไปดูชั้นอื่นเลยนอกจากชั้น 2 เพราะว่าต้องการที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ไปเรียนจะได้สะดวก แต่ชั้น 2 ไม่มีห้องไหนว่าง ยกเว้นห้องตัวอย่าง เลขที่ 207 ลักษณะของห้องนี้คือ เมื่อออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะถึงเลย เรียกได้ว่าอยู่เยื้องกับลิฟต์ หากเปิดประตูเข้าไปก็เหมือนห้องทั่วไป ทางซ้ายมีห้องน้ำ มีเตียง ถัดไปเป็นโซฟาและตู้ คุณต้นจึงตัดสินใจเลือกห้องนั้น เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้นประมาณ 1 - 2 เดือน จนคุณต้นเริ่มสนิทกับคนในหอ สนิทกับ รปภ. คุณป้าแม่บ้าน และคุณป้าพนักงาน ซึ่งพวกเขาก็มักจะนั่งสังสรรค์อยู่ใต้หอพักก่อนจะขึ้นนอนเป็นประจำ ส่วนคุณต้นก็จะนั่งอยู่กับคุณลุงรปภ. เป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งพวกเขานั่งสังสรรค์กันตามปกติ แต่มีเพื่อนของคุณต้น ชื่อ ‘คุณคิน’ เข้ามานั่งร่วมวงด้วย พวกเขาก็นั่งกินกันไปเรื่อย ๆ จนถึงตี 1 - 2 ก็เริ่มเมา จากนั้นจึงขึ้นไปนอน คุณคินก็ไม่ได้กลับไปที่หอพักตัวเองเพราะหอพักเขาอยู่ไกล คุณต้นจึงพาคุณคินขึ้นมานอนที่ห้องของตัวเอง โดยคุณคินนอนบนเตียง ส่วนคุณต้นนอนอยู่ที่โซฟา ไม่นานทั้งคู่ก็หลับไป เช้าวันต่อมา คุณต้นตื่นเพราะเสียงของเพื่อนที่พูดว่า “ต้น มึงทำอะไรอยู่เนี่ย มึงแกล้งมึงเล่นอะไรอยู่เนี่ย” ด้วยความสะลึมสะลือ เขาจึงตื่นขึ้นไปดู สิ่งที่เขาเห็นคือ คุณคินโดนห่อด้วยผ้าห่มแน่น ๆ เหมือนกับนุ่งผ้าออกมาจากห้องน้ำ เหมือนกับข้าวต้มมัดที่แน่น ๆ ซึ่งผิดธรรมชาติจากการห่มผ้าทั่วไป แล้วที่แปลกกว่านั้นคือ คุณคินไม่ได้สวมเสื้อผ้า แต่เสื้อผ้าทั้งหมดไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำ! คุณคินตกใจมากจึงหันมาถามคุณต้นว่า “แกล้งอะไร” คุณต้นยังมึนงง เพราะตนไม่ได้ทำอะไร จำได้ว่าต่างคนต่างนอน พอตื่นมาก็เจอสภาพแบบนี้แล้ว แต่หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ทุกคนก็ขำขันคิดเพียงว่าเป็นเรื่องโจ๊กเล่าสนุกเท่านั้น หลังจากนั้นผ่านไป 2 สัปดาห์ คุณคินก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนอีกกลุ่มที่บ้านพักของเพื่อน คราวนี้ก็คล้าย ๆ กัน คือนั่งดื่มกันไปเรื่อย ๆ แต่ครั้งนี้ คุณคินขึ้นไปนอนที่ห้องของเพื่อน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันกับห้องพักคุณต้น หลังจากภาพตัดหลับไป เหตุการณ์แปลก ๆ ตอนเช้า ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งแรก เพราะคุณคินตื่นมาพร้อมกับเสื้อที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เมื่อจับที่ปากก็รู้สึกเจ็บมาก เขาจึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อดูตัวเองในกระจก ก็เห็นว่าตัวเอง ปากแตก ปากข้างล่างฉีกประมาณ 4 เซนติเมตร มีเลือดอาบเต็มเสื้อ ฟันแตกผ่าครึ่งแล้วฝังไปในริมฝีปากล่าง และที่แปลกไปกว่านั้นคือ เขามีสำลีอยู่รอบตัว ทีแรกคิดว่าอาจจะล้มแล้วเพื่อนมาช่วยทำแผล จึงถามเพื่อน ๆ ที่นอนด้วยกัน สรุปว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพิ่งมารู้ตอนเช้าพร้อมกันนี่เอง ทุกคนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นคุณต้นก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติ แต่แล้วเหตุการณ์แบบนั้นก็ไม่เกิดขึ้นกับคุณคินอีก ไปเกิดกับคุณต้นแทน.. ผ่านเหตุการณ์นั้นไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ วันหนึ่งหลังจากกลับจากเรียนคุณต้นก็มานอนพักที่ห้องตามปกติ ไม่ได้ดื่มหรือมีอาการมึนเมาแต่อย่างใด เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตอนเช้าอีกครั้ง คุณต้นโดนห่อเป็นข้าวต้มมัด โดนรัดแน่นมากและโดนแก้ผ้าด้วย ส่วนเสื้อผ้าไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำเหมือนครั้งก่อน! แล้วหลังจากนั้น คุณต้นก็เจอเหตุการ์ณแบบนี้อีก 3 – 4 ครั้ง กระทั่งคืนก่อนจะถึงครั้งสุดท้ายที่คุณต้นทนไม่ไหว คืนนั้นเขาก็นอนปกติ เขารู้สึกว่าเขาโดนกดที่หน้าอกแรงมาก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตนมีอาการผีอำ เมื่อเขาพยายามลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่กำลังกดเขาอยู่คือผู้หญิง! เขาพยายามลืมตาและสวดมนต์ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “มึงไม่ได้ผลหรอก มึงทำไปเลย มันไม่ได้ผล สวดไปเลย มีพระหรอ” ราวกับกำลังเยาะเย้ยคุณต้น ผ่านไปไม่นาน คุณต้นก็ลุกขึ้นมาได้ จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณเบนซ์บอกว่า “กูโดนแล้ว กูเริ่มไม่ไหวแล้ว มันมากเกินไปแล้วนี่มันครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 แล้วไม่ไหวแล้ว” แต่คุณต้นก็ตอบกลับไปว่า “โอเค ไม่เป็นไร งั้นอยู่ไปก่อน ดูกันไปก่อน” จนมาถึงเหตุการณ์สุดท้าย เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คุณต้นตัดสินใจย้ายออกจากห้องนั้นไปห้องอื่นเลยคือ…! วันนั้นคุณต้นนั่งดื่มกับเพื่อนตามปกติ แต่ครั้งนี้เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 5 ทุ่ม อยู่ ๆ คุณต้นก็เดินขึ้นไปบนห้องแบบไม่บอกใคร หายไปจากวงสังสรรค์นั้นแล้วก็ขึ้นไปนอน ซึ่งคุณต้นรู้ตัวแค่ว่าตอนนั้นเหมือนมีบางอย่างบอกเขาว่าต้องขึ้นไปข้างบนและไปนอนได้แล้ว ความจำสุดท้ายของคุณต้นคือ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วก็วาร์ปหลับไป ตื่นเช้ามาอีกที ก็ได้ยินเสียงคุณเบนซ์เรียก “ต้น มึงโดนอีกแล้วว่ะ มึงย้ายห้องเหอะ กูสงสารมึง” ทันทีที่คุณเบนซ์เห็นหน้าคุณต้นก็อึ้งไปสักพักเพราะว่าเสื้อผ้าของคุณต้นนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ปากของคุณต้นนั้นฉีกไปประมาณ 3 เซนติเมตร นั่นทำให้คุณต้นไม่อยากทนอีกต่อไป จึงไปถามกับรปภ. และคุณป้าพนักงานว่า ชั้น 2 มีเหตุการณ์อะไรมาก่อนหรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปริปากบอกจนคุณต้นต้องพยายามเค้นถาม จึงได้คำตอบมาว่า บริเวณลิฟท์ชั้น 2 จะมีผู้หญิงคนหนึ่งวนเวียนอยู่ตรงนั้น ป้าแม่บ้านเห็นประจำ และมักจะเห็นเดินไปเดินมาบริเวณห้อง 207 ที่คุณต้นอยู่ รปภ.และแม่บ้านบอกมาแค่นั้น คุณต้นก็สืบไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร จนกระทั่งเหตุการณ์สุดท้าย หลังจากที่คุณต้นย้ายห้องไปแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นการการันตีว่าสิ่งที่คุณต้นเห็นและทำทั้งหมดเป็นคนคนเดียวกัน นั่นคือเมื่อคุณต้นย้ายห้องไป ในคืนหนึ่งก็ฝันว่า กำลังจะไปเรียน พอเปิดประตูแล้วหันไปทางซ้าย ซึ่งเป็นห้อง 207 ที่เคยอยู่ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวสีเหลือง ผมประบ่า แต่ไม่เห็นหน้า แล้วร่างนั้นก็ถอยหลังค่อย ๆ หายไปในเงา แล้วคุณต้นก็สะดุ้งตื่น! นั่นทำให้คุณต้นได้รู้ว่าคือคนเดียวกันกับที่เคยกดคุณต้น แต่ว่าก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าสิ่งที่เจอมันคืออะไร แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใคร..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1