29 พ.ค. 2023
เจอศพที่เกิดอุบัติเหตุเป็นคนแรก แฟนเขาโทรมาว่า “ขอคุยกับแฟนหน่อย” แต่ไม่กล้าบอกความจริงว่าตายแล้ว เมื่อถูกขอร้องจนใจอ่อน จึงยื่นมือถือไปใกล้ศพ แรกๆก็คุยฝ่ายเดียว หลังๆเหมือนคุยโต้ตอบกันจึงหันมาดู ปรากฏว่าศพนั้นกำลังพูดอยู่จริงๆ
‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ มาเยือนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 พฤษภาคม 2566) ทั้งที งานนี้ขนเอาความหลอนมาฝาก ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เต็มกระเป๋า! จะหลอนแค่ไหน แท็กเพื่อนมาอ่านไปด้วยกันเลย! ต้นกล้าเล่าว่าที่ญี่ปุ่นจะมีงานเทศกาลที่คล้ายกับงานวัดบ้านเรา เป็นเรื่องที่เกิดกับผู้หญิงคนหนึ่ง นามสมมุติว่า ‘ยูริ’ เธอได้ไปขายของในงานเทศกาลนี้ และได้สนิทกับพี่ผู้หญิงอีกคนที่เต็นท์ข้าง ๆ ให้นามสมมุติว่า ‘จุนโกะ’ หลังจากงานเทศกาลเลิก เต็นท์อื่นก็พากันเก็บของกลับไปจนหมด เหลือแค่ยูริและจุนโกะ แต่ถึงแม้จุนโกะจะของเยอะ และต้องใช้เวลานานพอสมควรในการเก็บของ แต่เธอก็เก็บจนเสร็จและกลับไป สุดท้ายก็เหลือเพียงยูริคนเดียว เทศกาลนี้จัดอยู่ในศาลเจ้า บรรยากาศก็เริ่มวังเวง ยูริเริ่มกลัวจึงเก็บของเท่าที่ไหว และคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยกลับมาเก็บอีกรอบ จากนั้นก็ขับรถออกมา ระยะทางจากศาลเจ้าและตัวเมืองเป็นถนนที่อยู่บนภูเขา และยังมีป่าทึบสองข้างทาง.. เมื่อขับรถออกมา จนผ่านทางที่ไม่มีไฟข้างถนน ยูริก็เห็นว่าข้างหน้ามีไฟสีแดงสว่างอยู่ จึงขับรถเข้าไปก็เห็นว่าเป็นไฟท้ายรถ ยูริคิดในใจว่า “รถใครมาจอดอยู่ตรงนี้” เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ ก็ยิ่งเห็นว่ารถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุชนกับต้นไม้ข้างทาง แถมยังเป็นรถคันเดียวกับพี่จุนโกะที่อยู่เต็นท์ข้าง ๆ ด้วย ยูริตกใจมาก เธอหันไปมองรอบ ๆ ก็ไม่พบใคร ไม่มีแม้แต่รถสักคันขับผ่านมา เธอจึงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรไปยังสายด่วนฉุกเฉิน และแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ปลายสายก็ถามว่า “แล้วรถที่เกิดอุบัติเหตุนั้นคนที่อยู่ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง” ยูริตอบไปว่า “ไม่รู้เลยค่ะ ไม่กล้าเข้าไปดู” ปลายสายก็พูดต่อว่า “รบกวนเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วช่วยเช็คให้หน่อยนะครับ เผื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ” เธอจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปและก็เห็นว่า “ครึ่งตัวของพี่จุนโกะพาดกระเด็นออกมานอกตัวรถ หัวห้อยจนผมสยายลงมาพร้อมกับแขนที่ชุ่มไปด้วยเลือดแนบกับประตูฝั่งคนขับ” ยูริเห็นสภาพดังนั้นก็กลัว และไม่กล้าเข้าไปเช็คมากกว่านี้ จึงบอกปลายสายไปว่า “คิดว่าเขาน่าจะมีสตินะคะ” ปลายสายก็พูดเสริมอีกว่า “ขอโทษนะครับเค้ายังหายใจทางจมูก หรือ ทางปากอยู่ไหม รบกวนเอามือไปทาบให้หน่อย” ในใจยูริรู้สึกกลัวมาก แต่ก็ฮึดขึ้นมา จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ จนเห็นว่า พี่จุนโกะหัวแตกจนเลือดไหลอาบเต็มหน้า ไหลหยดลงมาตามแขน ยูริค่อย ๆ รวบรวมความกล้าอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปทาบตรงจมูก แต่กลับรู้สึกอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งลมหายใจ! ยูริรู้ได้ในทันทีว่าพี่จุนโกะคงเสียชีวิตแล้ว จึงตอบปลายสายไปว่า “เขาไม่หายใจแล้วค่ะ” ปลายสายก็ตอบรับและแจ้งว่าให้รอสักครู่ เพราะมีรถพยาบาลและรถกู้ภัยกำลังเดินทางมาแล้ว จากนั้นก็วางสายไป ในตอนนี้ ยูริต้องอยู่ลำพังกับศพ! เธอจึงถอยออกมาจากตัวรถ ในใจก็คิดว่า “ไม่น่ามาอยู่ตรงนี้เลย” พร้อมกับแสดงความเสียใจที่คนรู้จักต้องมาตาย สักพักก็มีเสียงโทรเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้น เธอจึงหยิบของตัวเองขึ้นมาดู ปรากฏว่าไม่ใช่ เมื่อมองเข้าไปในรถก็พบว่าเป็นโทรศัพท์ของพี่จุนโกะ เธอชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่าจะรับหรือไม่รับดี แต่ความรู้สึกก็บอกว่าถ้าเป็นครอบครัวเขาโทรมา เราก็ควรจะเป็นพลเมืองดีแจ้งให้เขาทราบ จึงตัดสินใจจะหยิบโทรศัพท์มารับสาย แต่โทรศัพท์มันดันอยู่ที่เบาะอีกฝั่งของศพ จะเดินไปเปิดประตูฝั่งนั้นก็ไม่ได้เพราะมันชนติดอยู่กับต้นไม้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังอยู่อย่างนั้น เธอจึงเอามือล้วงผ่านศพเข้าไปหยิบโทรศัพท์ จนหน้าเธอกับพี่จุนโกะแทบจะติดกัน! เมื่อรับสายเสียงจากปลายสายก็พูดว่า “ฮัลโหล ๆ เธออยู่ไหนแล้ว” ยูริจึงตอบไปว่า “อ๋อนี่ไม่ใช่ค่ะ” ปลายสายจึงขอจึงพูดว่า “ขอสายแฟนผมหน่อยครับ” ด้วยความที่ไม่กล้าบอกว่าจุนโกะเสียชีวิตแล้ว เธอจึงตอบไปว่า “พอดีแฟนคุณประสบอุบัติเหตุค่ะ ตอนนี้เขาไม่มีสติเลย เขาอาการค่อนข้างหนัก” แฟนจุนโกะจึงพูดด้วยอาการตกใจว่า “หรอครับ!? งั้นรบกวนช่วยเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้หน่อยได้มั้ยครับ ผมจะได้ส่งเสียงเรียกเค้า เผื่อเค้าได้สติคืนมา” ยูริตอบไปว่า “จะดีหรอคะ?” แต่แฟนจุนโกะก็ยังยืนยันและตอบกลับมาว่า “เผื่อเขาได้ยินเสียงคนที่รักแล้วอาจจะได้สติกลับมา นะ ๆ ผมรบกวนหน่อย” เธอจึงยอมทำตามนั้น แฟนจุนโกะก็เรียก “เธอ เธอ ได้ยินหรือเปล่า??” อยู่อย่างนั้น ระยะห่างของยูริกับตัวรถค่อนข้างไกล เธอจึงเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ และยื่นโทรศัพท์เข้าไปที่หน้าศพ เธอไม่กล้ามองภาพที่อยู่ตรงหน้าจึงหันไปอีกทางในขณะที่แขนก็ยื่นอยู่อย่างนั้น ปลายสายก็พยายามเรียกจุนโกะ จนเงียบไปได้ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาประมาณว่า “อ้อหรอ อ่าวจริงหรอ เป็นอย่างงี้หรอ ไม่เป็นไรนะเธอ ตั้งสติไว้นะ” เหมือนทั้งคู่กับกำลังพูดคุยโต้ตอบกันอยู่! ยูริจึงหันหน้ากลับมาดูและพบว่าภาพที่เธอเห็นคือ “จากศพที่หัวที่เอียงห้อยอยู่ มันตั้งขึ้นมาพิงกับเบาะ แล้วปากขยับพูดกับโทรศัพท์ด้วยถ้อยคำที่ฟังไม่เป็นภาษาเพราะมีเลือดไหลกกอยู่เต็มปาก!” เธอตกใจกลัวกับภาพสยดสยองตรงหน้าจนมือไม้อ่อนเผลอปล่อยโทรศัพท์ทิ้งลงตรงนั้น แล้ววิ่งกลับไปนั่งตัวสั่นอยู่ในรถของตัวเอง! กระทั่งรถพยาบาลเดินทางมาถึง เมื่อเจ้าหน้าที่จัดการพื้นที่เกิดเหตุเรียบร้อย ยูริก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลด้วย เพราะเธอคือคนที่เจอและแจ้งเหตุเป็นคนแรก แพทย์ได้ยืนยันการเสียชีวิตของจุนโกะ และยูริก็คิดขึ้นมาว่า “อ้าวแล้วที่เขาคุยกับแฟนเขาล่ะ??” จนเมื่อแฟนของจุนโกะมาถึงก็ร้องไห้คร่ำครวญเสียใจ และพูดกับยูริว่า “แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ผมก็ได้ยินเสียงเขาอีกครั้งหนึ่ง” ทำให้เธอคิดว่าภาพที่เห็นในตอนนั้นคงไม่ใช่ภาพจริง แต่เป็นภาพวิญญาณของจุนโกะที่อยากสื่อสารกับแฟนตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไปนั่นเอง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่