เรื่องเล่าจากหมอบี ‘หนูน้อยชอบกินขนมหวาน’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ปิงปอง [ 4 มิ.ย. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากหมอบี ‘หนูน้อยชอบกินขนมหวาน’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ปิงปอง [ 4 มิ.ย. 2567]

09 มิ.ย. 2024

       เคยได้ยินหรือไม่ว่าการที่คนคนหนึ่งมีนิสัยที่ต่างออกไปจากเดิมมาก ๆ นั้น มีสาเหตุมาจากการที่วิญญาณของคนเป็นกับวิญญาณของคนตาย อาจจะสลับกันได้ เรื่องราวนี้ ’หมอบี’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (4 มิถุนายน 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจ็ม’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘หนูน้อยชอบกินขนมหวาน’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย!

       หมอบีเล่าว่า มีครอบครัวหนึ่งแจ้งหมอบีเข้ามาว่า มีลูกสาวคนหนึ่งมีพฤติกรรมเกรี้ยวกราดขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้น้องคนนี้เป็นเด็กดีมาก ว่านอนสอนง่าย เป็นเด็กที่กินอาหารไม่ยาก ผักก็กินหมด และพ่อกับแม่ก็เคร่งมาก ควบคุมให้น้องไม่กินขนมหวานตอนกลางคืน

       มีอยู่วันหนึ่ง น้องอยากกินขนมมาก แต่พ่อกับแม่ไม่ให้กิน น้องจึงตื่นมากลางดึก แอบลงมาหาขนมกิน แต่เห็นพ่อกับแม่กำลังกินขนมอยู่ น้องโกรธมาก น้องคิดว่า ‘ทำไมไม่ให้หนูกิน ทั้งที่หนูอยากกิน แต่พ่อกับแม่แอบมากินขนมได้’ น้องจึงคว้ามีดที่ตัดขนมมาแทงพ่อกับแม่ด้วยความโกรธ แทงไปหลายครั้ง แต่พ่อกับแม่ไม่ตาย จึงแจ้งหมอบีเข้ามา ตอนที่หมอบีมาถึง คือหลังจากที่เกิดเหตุการณ์มาแล้ว หมอบีจึงไปสืบที่ไปที่มาของเรื่องนี้ซึ่งได้ความมาว่า

       บ้านหลังนี้พ่อแม่มีอาชีพถ่ายภาพศพ ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ไม่กี่วัน มีศพเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อเล่นเดียวกัน อายุเท่ากันกับลูกสาว ทั้งสองก็ทำศพตามปกติ แต่งหน้าให้สวยเพื่อจะถ่ายรูป ระหว่างทำงานก็มีความคิดว่า อยากให้ศพเด็กผู้หญิงคนนี้ดูยิ้ม จึงยัดลูกอมและขนมหวานเข้าไปในปากศพ จากนั้นก็ดันแก้มขึ้นมาเพื่อให้ศพดูยิ้ม ส่วนลูกสาวก็มาเล่นและคลุกคลีอยู่บริเวณศพเป็นปกติ ระหว่างที่กำลังทำงานกันอยู่ น้องก็วิ่งเขามาบอกวพ่อกับแม่ว่า

       “ศพยิ้มได้เอง บางทีก็ไม่ยิ้ม บางทีก็หายตัวไป”

       พ่อกับแม่ไม่เชื่อ แต่ก็คาใจ เพราะปกติน้องไม่เคยมาพูดอะไรแบบนี้ เมื่อพ่อกับแม่ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน หลังจากนั้นไม่กี่วันน้องก็มีอาการหงุดหงิด โวยวาย ไม่ยอมกินข้าว อยากกินแต่ขนมอย่างเดียว ซึ่งขนมที่น้องอยากกินคือขนมชนิดเดียวกันที่ใช้ยัดปากศพ และก็เกิดเหตุการณ์ที่เล่าไว้ข้างต้น

       หลังเกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวน้องไปสอบสวน ระหว่างที่ถามคำถาม น้องก็จะตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่พอถามเยอะมากเกินไป น้องก็ไม่ตอบ และอยู่ ๆ น้องก็คายขนมที่อยู่ในกระพุ้งแก้มออกมา ซึ่งเป็นขนมที่อยู่ในปากศพ หลังจากนั้นไม่กี่วัน น้องก็เสียชีวิตไป

       หมอบีได้บอกว่า มีความเชื่อหนึ่งว่า น้องผู้หญิงกับศพผู้หญิง อายุเท่ากัน ชื่อเดียวกัน แล้วเหมือนน้องจะไปทำอะไรบางอย่างกับศพ จึงสลับตัวกัน ซึ่งแปลว่า น้องตัวจริงอาจจะกลายเป็นศพ และเด็กที่มาอยู่กับพ่อแม่ อาจจะเป็นวิญญาณของศพเด็กผู้หญิงคนนั้น..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณของขวัญ 'เจ้าของที่' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 27 ส.ค. 2567]

01 ก.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณของขวัญ 'เจ้าของที่' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 27 ส.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ’คุณของขวัญ’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘เจ้าที่’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! โดยคุณของขวัญเล่าว่า ย้อนกลับไปตอนม.ปลาย อายุ 17-18 ปี เนื่องจากพ่อ-แม่อย่าร้างกัน บ้านอยู่นอกตัวเมือง จึงย้ายมาอยู่กับคุณพ่อในตัวเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ตัวบ้านเป็นบ้านมือสองที่ซื้อมารีโนเวทใหม่ ชั้นแรกจะเป็นกึ่งปูนกึ่งไม้ ส่วนชั้นที่สองจะเป็นไม้ ห้องนอนของตนอยู่ชั้นที่สองห้องติดกับถนน เมื่องมองออกไปก็จะเห็นกิ่งไม้ ต้นไม้ เป็นเงาอยู่ตลอด ส่วนคุณพ่อนั้นแต่งงานใหม่ ครอบครัวใหม่จึงย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ตนจึงเหมือนเป็นผู้อยู่อาศัย และไม่ค่อยได้คลุกคลีกับครอบครัว พอกลับมาจากโรงเรียน กินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นมาอยู่ห้องนอน บางครั้งพ่อก็ไม่ได้อยู่บ้านตลอด ต้องออกไปธุระ คุณของขวัญก็จะอยู่บ้านคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะบางครั้งก็ได้ยินเดิน เสียงแปลก ๆ ทำให้รู้สึกว่าไม่น่าใช่เสียงไม้ลั่น มันมีความรู้สึกแบบนี้บ่อยครั้ง จนกระทั่งคืนหนึ่ง.. คืนนั้น ตนจำได้ว่าน่าจะนอนไปแล้ว ไม่ได้ดูเวลาว่าดึกขนาดไหน จากเตียงนอนขวามือเป็นหน้าต่างที่จะเห็นกิ่งไม้และต้นไม้ ตอนที่นอนหันหลังให้หน้าต่างอยู่นั้นก็สะดุ้งตื่นเหมือนมีคนมอง ในใจก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมองมาจากหน้าต่างได้ เพราะอยู่ชั้นสอง คุณของขวัญก็พยายามไม่มอง เพราะกลัวว่าจะเจออะไร แต่สุดท้ายก็ต้องหันไปมองว่าคืออะไร ปรากฎว่าเป็นเงาผู้ชาย ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง เขามองตนอยู่! ตอนนั้นคิดในใจว่า คงเป็นกิ่งไม้ ต้นไม้ แต่อีกใจก็ตั้งคำถามว่า ‘ทำไมไม่เห็นมีเงากิ่งไม้อะไรเลย มีแต่เงาคน’ คุณของขวัญรู้สึกตกใจและพยายามข่มตา ไม่แน่ใจว่าหลับหรือตื่น คล้ายฝันซ้อนฝัน พอพลิกตะแคงตัวไปข้างไหนก็จะเจอเขาตรงนั้นแบบนั้นเรื่อย ๆ จนเผลอหลับไป เรื่องนี้คุณของขวัญไม่ได้ปรึกษาคุณพ่อ เพราะไม่แน่ใจว่ากึ่งหลับกึ่งตื่นหรือเห็นจริง ๆ จึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ จนมีอยู่คืนหนึ่งที่คิดว่าน่าจะใช่ที่สุดคือ กลางดึกคืนนั้น คุณของขวัญจำได้ว่า ที่นอนเป็นฟูก สูงจากพื้น 5-10 เซนติเมตร ท่านอนคือแขนซ้ายยื่นออกไปนอกที่นอนที่เป็นพื้นไม้ หันหลังให้หน้าต่าง ได้ยินเสียงเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก คิดว่าคงเป็นคุณพ่อ ไม่ก็น้องสาวต่างแม่มาเคาะประตู เพราะล็อคประตูเอาไว้ คุณของขวัญจึงถามออกไปว่า ”มีอะไร ดึกดื่นแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า“ แล้วเขาก็เปิดประตูเข้ามา คุณของขวัญก็ตกใจเพราะตนมั่นใจว่าล็อคประตูแต่เปิดเข้ามาได้อย่างไร ตนก็ค่อย ๆ มองจากเท้าไล่ขึ้นมาขา ตัว และหัว ถึงแม้จะมืด แต่ก็มีไฟกิ่งจากด้านนอกเข้ามา เห็นได้ว่า ผอมติดกระดูก ผิวแทน ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาที่ปลายมือที่ยื่นออกไปนอกที่นอน ไม่แน่ใจว่าใส่กางเกงหรือไม่ แต่ใส่เสื้อขาวตัวโคร่งใหญ่ เขาค่อย ๆ นั่งยอง ๆ ลงมา จังหวะนั้น เห็นเป็นหัวกะโหลกแบบหนังหุ้มกะโหลก หลังจากนั้นเขาก็จับมือของคุณของขวัญขึ้นมา แล้วก็เอาเข้าปากของเขา! คุณของขวัญตกใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ด้วยความตกใจจึงสะบัดตัว เหมือนจะหลุดจากภวังค์ มือก็หล่นลงพื้น แล้วก็รีบวิ่งออกไป แต่จังหวะนั้น ประตูเปิดอยู่จริง ๆ พอลงมาชั้นที่หนึ่ง ก็วิ่งเข้าไปกอดพ่อที่นอนอยู่กลางบ้าน แล้วก็นอนกับพ่อคืนนั้น พอเช้ามาก็เล่าให้พ่อฟัง พ่อก็บอกว่า บ้านหลังนี้ซื้อต่อมาจากญาติ ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่มีญาติที่เสียชีวิตในบ้านนี้ ไม่ได้เกิดจากการฆ่าตัวตาย เสียจากโรคมะเร็ง เขาแค่เป็นคนรักบ้าน หลังจากคืนนั้น คุณของขวัญจะไหว้เจ้าที่ ศาลพระภูมิ ไหว้เหมือนผู้ใหญ่ในบ้านคนหนึ่ง เวลาจะไปไหน หรือเวลากลับมาบ้าน ก็จะไหว้แล้วบอกว่า ”หนูไปโรงเรียนแล้วนะคะ / หนูกลับมาจากโรงเรียนแล้วนะคะ” หลังจากที่ไหว้ แนะนำตัวกับศาลพระภูมิ เจ้าที่ ก็ไม่เจออีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ได้ยินเสียงอุบัติเหตุ ด้วยความอยากรู้ จึงเดินเข้าไปดู เห็นร่างหญิงสาวถูกรถชน สภาพตัวขาดออกเป็นสองท่อน! พอตกกลางคืน ท่อนล่างเดินตามเข้ามาในฝัน แม้จะวิ่งหนีด้วยความตกใจ สวดมนต์ด้วยความกลัวแต่ก็หนีไม่พ้น เพราะท่อนบนตามมาเกาะบนคอแบบไม่ทันตั้งตัว!

30 ส.ค. 2023

ได้ยินเสียงอุบัติเหตุ ด้วยความอยากรู้ จึงเดินเข้าไปดู เห็นร่างหญิงสาวถูกรถชน สภาพตัวขาดออกเป็นสองท่อน! พอตกกลางคืน ท่อนล่างเดินตามเข้ามาในฝัน แม้จะวิ่งหนีด้วยความตกใจ สวดมนต์ด้วยความกลัวแต่ก็หนีไม่พ้น เพราะท่อนบนตามมาเกาะบนคอแบบไม่ทันตั้งตัว!

เปิดสตูต้อนรับ ‘ต้า-สอง Paradox’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 สิงหาคม 2566) พร้อมเรื่องเล่าที่จะมาเปิดประสบการณ์เรื่องราวอุบัติเหตุที่ชวน ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ มาขนหัวลุกด้วยกันกับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘สาวครึ่งตัว’ เรื่องนี้มาจากประสบการณ์ตรงของ ‘คุณอ๊อฟ’ รูมเมทคุณต้า Paradox เหตุเกิดเมื่อคืนวันหนึ่ง มีเสียงดัง ตู้ม!! เกิดขึ้นบริเวณด้านข้างหอพัก คุณอ๊อฟได้ยินเสียงก็รีบลงมาดูด้วยความอยากรู้ ปรากฏว่าภาพที่เห็นคือ ผู้หญิงถูกรถชน และมีคนกำลังยืนมุงดูร่างที่มีสภาพตัวขาดออกเป็นสองท่อน! ส่วนรถที่ประสบอุบัติเหตุต้องหยุดทันที เพราะท่อนล่างของหญิงสาวติดอยู่ที่ด้านล่างของรถ ท่อนบนกระแทกทะลุกับกระจก มาตกอยู่ที่หน้าตักคนนั่งข้างคนขับ หลังจากเคลียร์อุบัติเหตุจบลง คุณอ๊อฟเดินกลับขึ้นห้องและเข้านอนตามปกติ ระหว่างนั้นเขาก็ฝันว่า ตัวเองกำลังเดินข้ามถนนเส้นที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุ แล้วมีเสียงเท้าเหมือนคนกำลังเดินตามดังขึ้นเรื่อย ๆ สักพักเมื่อมองออกไปไกล ๆ ก็เห็นแสงไฟสลัวตามมุมเสาไฟ เมื่อเขาหันไปด้านหลัง ก็เห็นเป็นท่อนร่างของผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุ เดินตามอยู่ไกล ๆ ทำให้เขาตกใจ! รีบข้ามถนนวิ่งกลับขึ้นห้องทันที แต่เสียงคนเดินตามก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงรีบวิ่งหนีเข้าไปแล้วปิดประตูล็อคห้องทันที แต่เมื่อมองออกไปเขาก็ยังเห็นเป็นเงาคนยืนรออยู่ที่ขอบประตู ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอย่างไง จึงตัดสินใจสวนมนต์และกลั้นใจเปิดประตูดู เงามืดนั้นก็หายไป เขาคิดว่าทุกอย่างคงสงบลงแล้ว จึงเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าตามเคล็ด แต่พอเงยหน้ามองที่กระจก สิ่งที่เขาเห็นปรากฏว่าเป็นท่อนบนของหญิงสาวผู้นั้นเกาะอยู่บนคอของเขา หลังจากนั้นก็สะดุ้งตื่นทันที! ที่จริงมีเคล็ดที่ผู้ใหญ่เคยพูดไว้ว่า ถ้าหากเราผ่านไปเจออุบัติเหตุ อย่าทัก เพราะว่าเขาอาจจะตามมาแบบไม่รู้ตัว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณดาว ‘บนบาน’ l อังคารคลุมโปง X ตั้ม The Shock [ 22 ก.ค.2568 ]

04 ส.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณดาว ‘บนบาน’ l อังคารคลุมโปง X ตั้ม The Shock [ 22 ก.ค.2568 ]

‘คุณดาว’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องเกี่ยวของการไปบนบานกับศาลไม้เปล่าหลังหนึ่ง ที่ได้มีการขอโชคขอลาภแล้วดันลืมแก้บน จนทำให้ต้องเจอกับวิญญาณตามมาทวงสัญญา เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (22 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘บนบาน’ ที่ทำให้อาจทำให้คุณไม่กล้าบนบานศาลกล่าวอีกเลย.. คุณดาวได้เล่าว่า ทุกครั้งที่ไปนอนต่างที่ต่างถิ่นก็จะไหว้ศาลพระภูมิตลอด ไปนอนบ้านแฟนก็จะไหว้ตลอด แต่ไม่เคยสังเกตว่าในศาลนั้นไม่มีอะไรอยู่ข้างใน ขณะเดียวกัน ทางบ้านของแฟนชอบเก็บของเก่า เช่น เรือเก่า เกวียน ส่วนใหญ่ทำจากไม้ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นไม้อะไร หรือของแต่ละชิ้นมีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีศาลไม้เปล่าตั้งอยู่ที่บ้านด้วย วันหนึ่ง คุณดาวพูดกับศาลหลังนั้นว่า “ถ้าถูกหวยงวดนี้จะเอานางรำมาถวายให้” ไม่นานหลังจากนั้น คุณดาวก็โชคดีจริง ๆ ความดีใจล้นหลามจนลืมไปว่า ตนเองได้ ‘บนบาน’ กับศาลเอาไว้ กระทั่งได้ออกไปสังสรรค์กับที่ทำงาน และมีคนถามขึ้นมาว่า “วันนี้หวยออกนะ ซื้อยัง” นั่นทำให้คุณดาวนึกขึ้นได้ว่าได้บนเอาไว้ จึงคิดว่ากลับไปจะซื้อของถวาย ระหว่างที่สังสรรค์กัน ก็มีการเล่นไพ่เกิดขึ้น คุณดาวนึงเภาวนาในใจอีกครั้งว่า ‘ขอให้มีโชคลาภ จะได้ซื้อพวงมาลัยให้เพิ่ม’ แล้วคุณดาวก็สมหวังปรารถนา ไม่นาน วงสังสรรค์ก็เริ่มแยกย้าย แต่ก็มีบางส่วนที่อยากสนุกต่อ จึงชวนกันไปเล่นไพ่อีกห้อง แต่คุณดาวกลับหากระเป๋าสตางค์ไม่เจอ จึงโทรศัพท์ไปหาแฟน เพื่อขอให้แฟนไหว้ขอศาลให้เจอกระเป๋าสตางค์ เวลาผ่านไปจนกระทั่งเช้า คุณดาวตื่นมาก็พบว่ากระเป๋าสตางค์ไม่ได้หายไปไหน แต่วางอยู่ที่เดิมตลอด คุณดาวเดินทางกลับบ้าน และรีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ขณะนั้น หางตาก็สังเกตเห็นนางรำชุดสีเขียว หน้าขาว ปากแดง ยืนรำอยู่! ไม่นาน นางรำก็ขึ้นเตียงมาหา คุณดาวตกใจสะดุ้งตื่น ตั้งใจว่าจะรีบโทรหาแฟนเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้ง แฟนก็ไม่รับสาย จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังแว่วเข้ามาในหู คุณดาวคิดในใจว่า ‘เลิกงานพรุ่งนี้ หนูจะรีบถวายให้ ตอนนี้หนูเหนื่อย ขอพักก่อนนะคะ’ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นแฟนที่โทรกลับมานั่นเอง คุณดาวจึงรีบบอกให้แฟนจุดธูปบอกศาลอีกครั้ง จากนั้นวันรุ่งขึ้น ก็รีบไปแก้บนที่ศาลทันที หลังจากนั้น ก็ไม่มีเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกเกิดขึ้นกับคุณดาวอีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณกรณ์ 'ครูพี่เลี้ยง' l อังคารคลุมโปง X NICECNX [ 18 พ.ย.2568 ]

28 พ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณกรณ์ 'ครูพี่เลี้ยง' l อังคารคลุมโปง X NICECNX [ 18 พ.ย.2568 ]

ผมเข้าไปล่าท้าผีในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง พอเข้าไปถึงตึกที่พักของคนงานเก่าเลยขึ้นไปที่ชั้น 2 เจอเลขห้องประหลาดห้อง 2A6 พอเข้าไปก็เห็นกระถางธูปวางตามจุดเตียงนอนทุกจุด ถามรปภ.ก็ได้รู้ว่ามันคือจุดที่คนงานตายทั้งหมด ไม่เพียงแค่นั้น บานประตูที่เปิดเข้ามาก็มีสายสิญจน์โยงมัดรอบห้อง ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบลงจากตึกมาชั้น 1 ระหว่างทางลงก็คิดพิเรนทร์พูดใส่ Intercom “ฮัลโหล ตึกตรงข้ามมีคนอยู่ไหม” แล้วก็ได้ยินเสียง “คลื่นสัญญาณแทรก” ดังมาตามสายทั้ง ๆ ที่ทั้งตึกไม่มีไฟฟ้าแล้ว เมื่อเดินไปตึกฝั่งตรงข้าม คนในไลฟ์สดดันบอกว่าเห็นกลุ่มคนอยู่ในตึกนั้น 20 กว่าคน! ทั้ง ๆ ที่มันเป็นตึกร้าง ผมเลยโบกมือให้กล้องที่ไลฟ์อยู่อีกฝั่งหนึ่ง และเมื่อกลับมานั่งตัดคลิป ก็เห็นว่าตอนนั้นโบกมือนั้น หัวของผมหายไป! หลังจากกลับมาก็มีแฟนคลับเปิดกล้องไลฟ์ที่วัดแห่งหนึ่ง และได้ยินเสียงวิญญาณผู้หญิงเรียกชื่อตัวเองให้เข้าไปขอขมา และช่วยให้เธอได้ไปเกิดเพราะเขากับเธอเคยเกี่ยวข้องกันในอดีตชาติ! โรงงานร้างสุดหลอน..ที่ทำให้การล่าท้าผีของเขาไม่เหมือนเดิม เมื่อพบว่าในขณะที่กำลังไลฟ์สดอยู่นั้น หัวของเขาดันหายไป! ท่ามกลางผู้คนในไลฟ์ที่รับชมอยู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X NICECNX’ [ 18 พ.ย.2568 ] ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจโซเซฟ’ และ ‘ดีเจมดดำ’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘นิคมอุตสาหกรรมร้าง’ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ‘คุณกรณ์’ ได้เล่าว่า ตนเองทำงานเป็น Creator ในแพลตฟอร์มออนไลน์เขาเป็นนักเล่าเรื่องลี้ลับ และมีการลงพื้นที่ไปสำรวจสถานที่ลึกลับต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า ‘ล่าท้าผี’ จนกระทั่ง ‘พี่เต๋า’ พี่ชายคนสนิทได้เอ่ยถามเขาว่า‘กรณ์อยากไปลงพื้นที่ไหม? พี่มีพื้นที่อยู่ที่หนึ่ง น่าสนใจมาก’ เต๋าเชิญชวน‘มันเป็นยังไงพี่?’ เขาถามกลับไปด้วยความสงสัย‘พื้นที่นี้มันเป็นโรงงาน’ คำเชิญชวนจากพี่ชายคนสนิทสร้างความตื่นเต้นให้แก่กรณ์ และด้วยความไม่คิดอะไรจึงคิดว่าสถานที่แห่งนั้นคงเป็น เพียงแค่โรงงานธรรมดาแห่งหนึ่งก็เท่านั้น เขาเลยตัดสินใจตอบรับคำไป‘ไปครับ เดี๋ยวไปเปิดกล้องไลฟ์สดกัน’ พอถึงวันที่นัดแนะกันในช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม กรณ์ก็ไปถึงที่โรงงานแห่งนั้น ทันทีที่ก้าวขาเข้าไป ก็พบกับรปภ.คนหนึ่งประจำการอยู่ที่หน้าโกดังทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าถ้าหากที่แห่งนี้เป็นโกดังร้างทำไมถึงมีคนอยู่? แต่ก็ได้รับคำตอบที่คลายความสงสัยนั้นจากเต๋าพี่ชายคนสนิทว่า“ที่นี่ไม่ใช่โกดังร้าง ข้างในมีทรัพย์สินอยู่ แต่มันรกร้างมา 30 ปีแล้ว” จากการกวาดสายตาสำรวจดูกรณ์พบว่า โดยรอบของโรงงานมีไฟฟ้าเปิดอยู่โดยรอบทั้งยังมีคนคอยดูแลตรวจตราอยู่สม่ำเสมอ เขาเลยคิดว่าพี่เต๋าคงจะมีการวางแผนพาเขามาแกล้งอย่างแน่นอน หลังจากนั้นกรณ์ เลยพยายามสอดส่องหาพื้นที่ที่คิดว่าจะสามารถเข้าไปไลฟ์ได้ แต่ทางด้านพี่เต๋าก็ยังคงเงียบ ไม่เอ่ยปากพูดอะไร กรจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามยามคนนั้น“พี่รปภ. มาอยู่กี่วันแล้วครับ”“ผมเพิ่งมาอยู่ได้แค่ 15 วันเองครับ” รปภ.ตอบกลับกรณ์“แล้วรู้จักกับพี่เต๋าได้ยังไงครับ?”ด้วยระยะเวลาการทำงานที่สั้นเลยทำให้เขาเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามไป“พี่เต๋าเป็นหัวหน้างานครับ คอยส่งรปภ.ลงตามพื้นที่โรงงานครับ” และเขาก็ได้รับคำตอบคลายความสงสัยกลับมา“เห็นไฟสปอร์ตไลท์ตรงนั้นไหมครับ สุดตรงนั้นไปแล้วจะวังเวงมาก ๆ ไม่มีใครกล้าเข้าไปเลยครับ”รปภ.ชี้นำไปตามทางสุดเส้นถนนที่ดูเปลี่ยว และมืดจนน่าขนลุก เดิมที่โรงงานแห่งนี้มีรปภ.คอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลาจำนวน 15 นาย แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้พวกเขาลาออกพร้อมกันทั้งหมด จนท้ายที่สุดแล้วเหลือรปภ.เพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ทำงานอยู่ ยามคนที่หนึ่งจะยืนเฝ้าอยู่ตรงบริเวณข้างหน้าทางเข้า ส่วนคนที่สองจะคอยตรวจตราอยู่จุดที่สปอร์ตไลท์ส่องตามที่รปภ.ได้เกริ่นไว้ใครคราแรก เมื่อกรณ์ ได้สังเกตเห็นพี่รปภ.ที่ยืนอยู่ตรงตำแหน่งด้านในก็พบว่าลักษณะท่าทางของเขาเหมือนคนอยู่ไม่ติดกับที่ยามคนนั้นเดินวนไปวนมาอยู่ตลอดเวลาอย่างผิดวิสัย เขาเลยเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย“พี่เดินไปเดินมาทำไมครับ?”“ไม่สามารถอยู่กับที่ได้ครับ” คำตอบของพี่รปภ.สร้างความฉงนให้กับกรอีกครั้ง“ทำไมครับ? เกิดอะไรขึ้น”“ถ้าพร้อมแล้ว 3 ทุ่มเปิดกล้องไลฟ์สดนะครับ เดี๋ยวพาเข้าไป” เส้นทางที่เข้าไปภายในโรงงานจำเป็นที่จะต้องขับรถเข้าไป เพราะด้วยโรงงานแห่งนี้เป็นนิคมอุตสาหกรรม ที่มีขนาดพื้นที่ทั้งหมด 57 ไร่ จุดหมายของกรจะอยู่ตรงจุดที่เลยแนวไฟไป“ถ้าเลยแนวไฟตรงนี้ไปหลังจากนี้จะไม่มีใครช่วยเหลือเราได้แล้ว”ประโยคบอกเล่าธรรมดาที่ชวนผวาจากพี่รปภ.ทำเอากรถึงกับขนลุก จากการพูดคุยกรณ์ ก็ได้รับรู้ว่าตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ยังไม่เคยเปิดให้ใครเข้ามาล่าท้าผีเพราะเป็นสถานที่ปิด ดังนั้นพลังงานวิญญาณต่าง ๆ ยังจะคงอยู่ครบถ้วน และอัดแน่นเต็มพื้นที่“แล้วเราจะพากันไปที่ไหนกันครับ?” กรณ์ถามถึงตำแหน่งที่เขาจะเข้าไปล่าท้าผี“ข้างในนี้จะมีทั้งโรงพยาบาลร้าง โรงเรียนอนุบาลร้าง สหกรณ์ร้าง โรงอาหารร้าง บึงและก็อาคารที่พักของคนงานที่รกร้างอยู่ทั้งหมด 2 ตึกครับ” ในระหว่างที่พากันเข้าไปสำรวจกันข้างใน กรณ์ก็เกิดความสงสัยบางอย่างเลยเอ่ยถามพี่รปภ.ออกไป “ทำไมพี่ถึงสั่งห้ามไม่ให้รปภ.เข้ามาในนี้ครับ?” พี่รปภ.เล่าว่า เมื่อสามวันที่แล้ว มีรปภ.คนล่าสุดที่เพิ่งลาออกไป เขาเข้าไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงอาหารและตรงดิ่งมาหารปภ.คนนั้นพร้อมพูดว่า “ขอข้าวกินหน่อยสิ..” ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ที่แห่งนี้เคยมีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่ใช่คนงานที่นี่ หญิงสาวคนนั้นแอบเข้ามาข้างใน และมานั่งอยู่ตรงบึง สุดท้ายก็ตัดสินใจกระโดดน้ำ หลังจากเหตุการณ์นั้นวิญญาณของหญิงสาวคนนี้ก็คอยวนเวียนหลอกหลอนรปภ.ทั้งหมดจนเป็นสาเหตุให้ทุกคนลาออกไป โดยพื้นฐานแล้วกรณ์ ไม่ใช่คนที่มีสัมผัสที่ 6 หรือเห็นผี เมื่อเดินสำรวจได้สักพักก็เจอตำแหน่งที่น่ากลัวมาก ๆ ก็คือตึกที่พักคนงานร้างทั้ง 2 ตึก ลักษณะของอาคารจะแบ่งเป็นตึก A และ B หน้าตึกจะหันเข้าหากัน กรณ์เลยเริ่มสำรวจข้างในของตึก ภายในอาคารจะมีเลขที่ห้องเรียงต่อกัน จากเลข 101 102 103 ไล่ไปจนถึง 108 และเมื่อเดินขึ้นไปยังชั้นสองของอาคาร เดินดูไล่ทีละห้องจาก 201 202 203 เดินไปเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเอง เขาก็เจอกับห้องที่มีเลขผิดแปลกไปจากห้องอื่น ๆ “ห้อง 2A6” และมากไปกว่านั้น ลูกบิดประตูนั้นยังถูกทุบอีกด้วย ความคิดภายในหัวกรณ์ เริ่มทำงานบรรยากาศเย็นยะเยือกรอบข้าง และเลขห้องตรงหน้าเขาทำให้เขาคิดว่าห้องนี้ต้องมีอาถรรพ์อะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ แต่ยังไม่ที่กรจะเปิดประตูเข้าไป ทันใดนั้นเองบานเกล็ดหน้าต่างห้องก็มีเสียง “ครืดดดดดด!” เสียงบานเกล็ดที่ดังแบบไม่มีที่มาที่ไปทำเอาเขาตื่นตระหนก และด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ ของเขาสุดท้ายกรณ์ ก็ตัดสินใจเปิดบานประตูเข้าไป ภาพแรกที่กรณ์ เห็นคือภายในห้องเต็มไปด้วยล็อคเกอร์ไม้ที่ทุก ๆ ชั้นถูกเปิดไว้หมด แต่มีจุดหนึ่งที่น่าสังเกต และดูผิดแปลกคือทุกพื้นที่ในนั้นมีกระถาง และธูปที่มอดไปแล้วปักอยู่ประมาณ 4-5 จุดตามที่นอน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครเคยเข้ามาล่าท้าผีข้างในมาก่อน“รู้ไหมว่าจุดธูปต่าง ๆ คือจุดอะไร?” พี่รปภ.เอ่ยถามเขาท่ามกลางความเงียบ“จุดอะไรพี่”“ธูปที่จุดอยู่ทุกจุดตามที่นอน คือที่ที่คนงานเสียชีวิตทั้งหมด”คำตอบของรปถ.ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวกับบรรยากาศภายในห้องมากขึ้น เพราะหลังจากจบประโยคนั้นบานประตูในห้องก็เริ่มขยับ และส่งเสียงดังราวกับมีพลังงานอะไรบางอย่างอยู่ในห้องแห่งนี้กับเขา และเมื่อเพ่งมองดูที่ลูกบิดดี ๆ ก็พบว่าที่บานประตูนั้นมีสายสิญจน์มัดขึงไว้ กลายเป็นว่าการที่เขาเปิดเข้ามานั่นทำให้สายสิญจน์ทั้งหมดถูกดึงออกจากกัน! และเมื่อลองมองไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นคล้ายกับมีพลังงานบางอย่างเคลือบตึกอยู่ ในระหว่างที่เขากำลังเดินลงจากชั้น 2 มันก็มีเครื่อง Intercom ที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้วติดอยู่กับเสา กรนึกพิเรนทร์เลยหยิบขึ้นมาแกล้งทำคล้ายกับว่าส่งเสียงเรียกไปยังตึกอีกฝั่ง“ฮัลโหล ตึก B ว่าไง ส่งเสียงหน่อย” เขาส่งเสียงไปตามสายอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่พอกลับมานั่งตัดคลิปย้อนหลังดู ในจังหวะสุดท้ายที่เขากดคลิกมันกลับมีเสียง “ซืดดด...” แทรกเข้ามา มันเป็นเสียงคลื่นสัญญาณที่ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะอาคารแห่งนั้นไม่มีการใช้งานของไฟฟ้าแล้วหลังจากลงมาจากชั้น 2 ได้ กรณ์ก็นึกสนุกขึ้นมา โดยให้พี่ชายคนสนิทตั้งกล้องไลฟ์สดถ่ายไปยังเขาที่ยืนอยู่อีกฝั่งของตึก และเขาจะโบกมือให้กล้อง และทันทีที่เขาเดินไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามและโบกมือให้กล้องที่อยู่ทางหนึ่ง คนดูในไลฟ์ก็ต่างคอมเมนท์ไปในทางเดียวกันว่าพวกเขาเห็นกลุ่มคนหรือดวงวิญญาณยืนอยู่ในตึกนั้น 20 กว่าคน! และในจังหวะที่เขากลับมานั่งตัดคลิป สิ่งที่ปรากฎในคลิปทั้งหมดก็ทำเอาเขาถึงกับขนหัวลุก เมื่อพบว่าในช่วงเวลาที่เขาโบกมือให้กล้องอยู่นั้น หัวของเขาหายไป! จบจากการล่าท้าผี กรณ์ก็ได้ให้อาจารย์ที่รู้จักทำพิธีปัดเป่าสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะตามเขามาในชีวิตจริงเพื่อไม่ให้มันเกิดอะไรไม่ดีกับเขาหลังจากนี้ และพอกรได้ลงคลิปล่าท้าผีไปในโลกออนไลน์ก็เกิดกระแสตอบรับที่ดีจนผู้ชมอยากให้เขาไปอีกครั้ง และก็มีแฟนคลับคนหนึ่งขอเข้าร่วมการล่าท้าผีไปกับเขา แต่ก่อนจะถึงวันนัดแนะจะไปกัน “คุณบอย” แฟนคลับที่ขอเดินทางไปด้วยกันเขาได้เปิดกล้องไลฟ์ไปสำรวจที่บริเวณวัดและเดินไปตรงประตูน้ำ ในระหว่างที่เดินดูอยู่นั้นบอย ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา เสียงเหมือนคนอยู่ในน้ำพูดว่า “ผู้ชาย ผู้ชาย.. ผู้ชายสองคน ต.เต่า ต.เต่า”เสียงกระซิบเรียกชื่อผู้ชาย 2 คนนั้นดังขึ้นมาหลังจากนั้นเพียงไม่นาน แต่กลายเป็นว่าชื่อแรกที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยออกมาคือชื่อจริง ๆ ของกรณ์ที่ตลอด 10 ปีมานี้ไม่มีใครรู้ชื่อนี้เลย หญิงสาวได้บอกกับบอยว่า 2 คนนี้เกี่ยวข้องกับเธอในอดีตมาก่อน และบอย คือคนรักที่เคยสาบานกับเธอในอดีตชาติ ทำให้พวกเขาต้องไปที่โรงงานนั้นอีกครั้ง และการกลับไปครั้งนี้ก็เพื่อไปขมากรรมในอดีต และปลดปล่อยดวงวิญญาณนั้น เพราะเขาได้รู้มาว่าสาเหตุการเสียชีวิตของน้องผู้หญิงคนนี้คือเธอได้ตั้งครรภ์กับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ผู้ชายไม่รับรัก เธอเลยไปกระโดดที่บึงนั้น และได้สื่อสารกับบอยเพราะเธอ และเขาเคยไปสาบานรักใต้ต้นไม้ใหญ่ในอดีตชาติ ซึ่งเมื่อกรณ์ ได้ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดก็ถึงกับขนหัวลุกอีกครั้งเพราะตรงบึงแห่งนั้น เป็นจุดที่มีต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่พอดีสุดท้ายโรงงานร้างแห่งนั้นก็ไม่ได้เป็นเพียงนิคมอุตสาหกรรมธรรมดา แต่กลายเป็นจุดพลิกผันในชีวิตอีกเรื่องหนึ่งที่เขาจะจำไม่มีวันลืม..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

album

0
0.8
1