เรื่องเล่าจากคุณปอนด์ ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ l อังคารคลุมโปง X บอย ฉีดปลวก [ 10 มิ.ย.2568 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณปอนด์ ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ l อังคารคลุมโปง X บอย ฉีดปลวก [ 10 มิ.ย.2568 ]

18 มิ.ย. 2025

       ‘คุณปอนด์’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวที่ตนนั้นได้ไปรื้อถอนโรงงานเก่า ทำให้เขาต้องเจอเรื่องราวสุดหลอน เกี่ยวกับวิญญาณที่ตายอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (10 มิถุนายน 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ ที่ใครได้ฟังก็ต้องขนลุกไปตามกัน!

       คุณปอนด์ทำธุรกิจรับรื้อถอนโรงงานเก่า วันหนึ่งเขาได้รับการติดต่อจากนายหน้ารายหนึ่ง ให้ไปทำการรื้อโรงงานร้างในกรุงเทพฯ ที่ถูกปิดทิ้งร้างมานานกว่า 3-4 ปี

       เมื่อถึงวันนัด คุณปอนด์ก็จัดทีมพร้อมรถไปที่หน้างานตามปกติ โดยเริ่มลงมือรื้อถอนช่วงเช้า ทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปด้วยดี แต่ช่วงพักเที่ยง จู่ ๆ รถขนของที่เพิ่งซื้อมาใหม่กลับสตาร์ทไม่ติด ทั้ง ๆ ที่ยังซื้อมาไม่นาน

       ช่วงประมาณหนึ่งทุ่ม ฝนเริ่มโปรยลงมา ปัญหาคือ หลังคาโรงงานที่คนงานรื้อไปหมดแล้ว ทำให้ไม่มีที่หลบฝน ทุกคนวิ่งหาที่หลบฝน จนมาเจอกับตู้คอนเทนเนอร์ใบหนึ่ง จึงพากันเข้าไปหลบฝน และกินอาหารเย็นกันข้างใน อาหารมื้อนั้นคือส้มตำกับข้าวเหนียว คนงานนั่งล้อมวงกันปั้นข้าวเหนียวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ยกเว้น ‘เจ้าขัน’ หนึ่งในคนงานที่ดูมีท่าทีแปลก ๆ

       คุณปอนด์สังเกตว่า เจ้าขันพยายามจะปั้นข้าวเหนียวเข้าปากหลายรอบ แต่ข้าวกลับหล่นทุกครั้ง จนคุณปอนด์อดแซวไม่ได้

       “วันนี้สงสัยจะทำงานหนัก ขนาดปั้นข้าวยังไม่มีแรงเลย”

       ทันใดนั้น เจ้าขันหยิบข้าวเหนียวปั้นโยนเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ แล้วพูดเสียงแข็งว่า

       “จะกินก็กินดี ๆ ทำไมต้องแย่งจากปากด้วย?”

       คำพูดนั้นทำเอาทั้งวงเงียบกริบ ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

       และในคืนนั้นเองเวลาประมาณสี่ทุ่ม คุณปอนด์ได้รับสายจาก ‘ตี๋’ ลูกน้องอีกคนโทรมาบอกว่า

       “รถชนเสาไฟหน้าบ้าน อยู่ดี ๆ ก็เห็นเสาไฟฟ้าอยู่ด้านหน้า แล้วรถมันก็ไหลไปชน”

       คุณปอนด์ฟังแล้วก็แปลกใจ เพราะตี๋เป็นคนขับรถระมัดระวังมาก

       ตีสี่กว่า สายโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นข่าวว่าเจ้าขันขับรถไปชนที่ด่านจ่ายเงินมอเตอร์เวย์ โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ แต่สองอุบัติเหตุภายในคืนเดียวทำให้คุณปอนด์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

       รุ่งเช้าเขากลับมาที่ไซต์งานเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรต้องเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม หนึ่งในสิ่งที่เหลืออยู่คือ ตู้คอนเทนเนอร์ คุณปอนด์จึงเรียกรถเครนมายกตู้ไป แต่ไม่ว่าจะใช้แรงเท่าไหร่ตู้ก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว คิดว่าอาจจะมีของหนักอยู่ในตู้ จึงให้คนงานช่วยกันเปิดรื้อของข้างในออกทั้งหมด แต่เมื่อเปิดฝ้าภายในตู้ออกมา ทุกคนต้องชะงัก...

       บนฝ้าเต็มไปด้วยสายสิญจน์เก่า ๆ เขียนอักขระแปลกตาคล้ายอักษรขอมสีแดง พอผู้จัดการเห็นดังนั้นก็รีบไปซื้อดอกไม้ ธูปเทียนมาไหว้ในทันที

       แต่คุณปอนด์ที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังดื้อดึง เรียกรถเครนมาเพิ่มอีกคัน... แต่ตู้ก็ยังไม่ขยับ

       สุดท้ายเขาตัดสินใจทิ้งตู้ใบนี้ไว้ไม่แตะอีก

       ต่อมาได้ลองสอบถามคุณป้าคนหนึ่งที่อาศัยอยู่แถวนั้น ป้าเล่าว่า...

       “ตู้ใบนั้นน่ะ เมื่อก่อนเคยมีคนงานอยู่ข้างใน เป็นพ่อแม่ลูกกัน แต่เกิดอะไรบางอย่างไม่รู้... เสียชีวิตกันหมดทั้ง 3 คน ข้างในตู้นั่นแหละ”

       คำพูดของคุณป้าทำให้คุณปอนด์นึกถึงคืนวันแรกที่รื้อของมาวางไว้หลังบ้านพักคนงาน

       มีลูกน้องคนหนึ่งมาบอกว่า ฝันเห็นคน 3 คนมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณปอนด์ก็ทิ้งตู้คอนเทนเนอร์นั้นไว้และไม่มีใครแตะต้องมันอีก

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’เปรตขอส่วนบุญ‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

15 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’เปรตขอส่วนบุญ‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณนนท์ อินทนนท์‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (9 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’เปรตขอส่วนบุญ‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณนนท์เล่าว่า ตนเคยไปบวชที่เชียงราย เป็นวัดตรงข้ามบ้าน เป็นการบวชหลังเรียนจบก็เมื่อ 10 ปีที่เเล้ว เพราะเคยคิดหลังเรียนจบก็ตั้งใจจะบวช โดยปกติของพระใหม่ส่วนใหญ่ที่ต่างจังหวัดก็จะให้นอนในโบสถ์ ซึ่งโบสถ์ส่วนใหญ่จะไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำด้านนอก ในคืนนั้นคุณนนท์ไม่ได้นอนคนเดียว มีคุณพ่อ คุณลุงเเละเณร 7 คน เมื่อทราบว่ามีเณรมาอยู่ด้วยก็สบายใจ จากนั้นก็พากันเข้านอน ในกลางดึกคืนนั้นคุณนนท์ตื่นขึ้นมาเพราะปวดปัสสาวะ จึงสะกิดปลุกคุณลุงไปเข้าห้องน้ำนอกโบสถ์ด้วยกัน พอทำธุระเสร็จก็กลับเข้ามานอนในโบสถ์ ระหว่างที่กำลังจะล้มตัวนอนก็มีเสียง เอี๊ยด เอี๊ยดด ดังขึ้น พอมองดูรอบ ๆ ก็ไม่มีอะไร เเต่หลังจากนั้นเสียง เอี๊ยดดด นั้นก็ลากยาวขึ้น ดังรอบ ๆ โบสถ์ คุณนนท์จึงสะกิดถามคุณลุงว่า “ลุงได้ยินเสียงอะไรมั้ย หนูว่าเสียงมันแปลก ๆ อ่ะ” ลุงตอบกลับว่า “ลุงอ่ะ ได้ยินตั้งเเต่เเรกแล้ว ที่นนท์ขยับตัวก็ไม่รู้จะได้ยินเหมือนกันมััย” แล้วลุงก็ได้บอกกับคุณนนท์ว่ามันคือเสียง เปรต พอรู้ว่าเป็นเสียงเปรตคุณนนท์ก็รู้สึกขนลุก จึงถามลุงต่อว่า “ทำไรได้บ้าง สวดมนต์ได้มั้ย อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาได้มั้ย“ ลุงก็ตอบกลับว่า ”ถ้ายิ่งทำ เขาจะยิ่งมาขอเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นนอนเเล้วตั้งสติ“ คุณนนท์รู้แบบนี้เเล้วก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องข่มตาหลับ หลังจากที่บวชเสร็จ คุณนนท์ได้ไปถามกับหลวงพ่อว่า “หลวงพ่อ วันนั้นนนท์ได้ยินเสียงเเบบนี้นะ มันคือเสียงอะไร” หลวงพ่อตอบกลับว่า “เป็นเสียงเปรตนี่แหละ เเต่เป็นเปรตที่มีชีวิต“ คุณนนท์ได้เเต่งงว่าเปรตที่มีชีวิตคืออะไร ลุงของคุณนนท์ที่นั่งอยู่ข้างกันก็สะกิดเเล้วพูดว่า ”เห็นป้าคนนั้นมั้ย เขาชอบขโมยของที่บิณฑบาตมาแล้วเอาไปกินเอาไปใช้“ เเล้วลุงของคุณนนท์ก็ได้อธิบายเพิ่มว่า ”เขายังไม่เสียชีวิต เเต่จิตเขาเป็นเปรต ตอนเขานอนเขาต้องชดใช้กรรม ด้วยการเป็นเปรตอยู่ในวัด“ จนตอนนี้คุณนนท์ก็ยังเห็นคุณป้าคนนี้อยู่ที่วัด เเละยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม…(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เจรจาก็แล้ว ขอขมาก็แล้ว สุดท้ายต้องมีคนตาย! งานนี้ยายออกโรงปกป้องหลาน แก้แค้นผีนางรำสุดโหด ลั่น! “มึงทำหลานกูเจ็บ 3 วัน เดี๋ยวกูจะทรมานมึง 3 ปี”

08 ธ.ค. 2023

เจรจาก็แล้ว ขอขมาก็แล้ว สุดท้ายต้องมีคนตาย! งานนี้ยายออกโรงปกป้องหลาน แก้แค้นผีนางรำสุดโหด ลั่น! “มึงทำหลานกูเจ็บ 3 วัน เดี๋ยวกูจะทรมานมึง 3 ปี”

เมื่อยายต้องแก้แค้นผีที่ทำให้หลานตัวเองเจ็บและทำให้เพื่อนของหลานต้องตาย ยายจะใช้วิธีไหน ติดตามในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 ธ.ค. 2566) กับเรื่องหลอนจาก ‘พี่แจ๊ค The Ghost Radio’ ที่ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องทึ่ง! เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลย! เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณวิทย์ เซลล์แมน’ ที่ได้มาถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้พี่แจ๊คได้ฟัง เริ่มเรื่องโดยคุณวิทย์เล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณฮูก’ ต้องย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน คุณฮูกมีครอบครัวที่คุณยายเปิดตำหนักเป็นร่างทรง ดูดวง ปัดเป่าทุกข์โศก รักษาอาการเจ็บป่วยด้วยการรมควันให้ชาวบ้านระแวกนั้น และตัวของคุณฮูกก็มีกลุ่มเพื่อน เป็นกลุ่มวัยรุ่นอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าคุณฮูกเป็นหลานของคุณยายท่านนี้ วันหนึ่ง ขณะที่คุณฮูกกำลังนอนอยู่ที่ตำหนักของคุณยาย จู่ ๆ พ่อของเพื่อนคุณฮูกที่ชื่อ ‘คุณโอ๊ต’ ก็มาที่ตำหนักและบอกว่า “ช่วยไปดูโอ๊ตหน่อย โอ๊ตโดนผีเข้า” ได้ยินดังนั้น ยายของคุณฮูกก็รีบไปทันที ตัวคุณฮูกที่ได้ยินก็ตกใจและรีบตามไป พอไปถึงก็เจอคุณโอ๊ตในลักษณะที่โดนผีผู้หญิงเข้า และพูดอยู่เพียงประโยคเดียวว่า “ไอ้พวกนี้มันลบหลู่กู กูจะเอาชีวิตมัน! พวงมึงต้องตาย!” คุณยายที่ได้เห็นแบบนั้นก็เข้าเจรจาพูดคุยว่า “มันเกิดอะไรขึ้น” แต่ผีตนนั้นก็ไม่ได้บอกอะไร พูดแค่ว่า “กูจะเอาชีวิตมัน มันลบหลู่กู พวงมึงต้องตาย” จากนั้น คุณยายก็หันหลับไปถามคุณฮูกว่า “ไหนเล่าให้ฟังซิ มันเกิดอะไรขึ้น เพื่อนเอ็งหนิ” คุณฮูกจึงเริ่มเล่าให้คุณยายฟังว่า “เมื่อวานนี้ กลุ่มเพื่อนได้ไปเล่นน้ำกัน ในระหว่างนั้นก็หาอะไรมาเล่น และเพื่อน ๆ ก็ได้ดำน้ำลงไปเอาก้อนดินมาปาใส่กัน ปรากฏว่า ‘โอ๊ต’ ได้ดำลงไปเอาก้อนดินใหญ่มากขึ้นมาปา แต่พลาดไปโดนศาลที่อยู่ริมน้ำ ทำให้ศาลพัง ของในศาลตุ๊กตานางรำอะไรแตกกระจายไปหมด ทุกคนที่เห็นท่าไม่ดีก็ขอขมา และแยกย้ายกันกลับบ้าน” ยายที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ได้เจรจากับผีตนนั้นว่า “ออกก่อนได้ไหม เรื่องแบบนี้เดี๋ยวให้เด็กไปขอขมาพรุ่งดีได้ไหม ตอนนี้มันมืดแล้ว” ผีตนนั้นก็ตอบสวนกลับมาว่า “ไม่ได้! ต้องไปขอขมาวันนี้ ไม่งั้นกูจะเอามันไป” คุณยายที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงพยายามทำให้ผีออกจากร่างด้วยวิธีการของยาย จนผีตนนี้ออกจากร่างไป ยายก็เอาด้ายแดงมาพันแขนของโอ๊ตไว้ แล้วก็บอกว่า “วันพรุ่งนี้ ให้เด็กทุกคนรวมตัวกันแล้วไปขอขมาตอนเช้า” เช้ารุ่งขึ้น เด็ก ๆ ทุกคนก็ได้มารวมตัวกันและไปขอขมาที่ศาลแห่งนั้น เรื่องนี้ก็ควรที่จะจบที่ตรงนี้ ที่ทุกคนได้ใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป คุณฮูกได้รถมอเตอร์ไซค์มาใหม่ และอยากจะลองรถ จึงได้ชวนโอ๊ตไปด้วยกัน ในระหว่างที่ขี่ไปนั้นเ คุณโอ๊ตก็ได้ขอคุณฮูกว่า “ขอลองมั่งดิ อยากขี่บ้าง” คุณฮูกก็ให้คุณโอ๊ตลองขี่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านศาลนั้น ปรากฏว่าจังหวะที่ผ่านศาลนั้น ตัวของคุณฮูกและคุณโอ๊ตก็ได้เห็นผู้หญิงแต่งตัวคล้าย ๆ นางรำมาโผล่ตามที่ต่าง ๆ จนตัวของคุณฮูกรู้สึกว่ากำลังโดนสิ่งนี้รังควาน คุณโอ๊ตที่ตกใจก็รีบขับหลบและหนีด้วยความเร็ว แต่ก็ยังโดนผู้หญิงคนนี้ตามไปทุกที่ จนกระทั่งกำลังจะขี่ข้ามสะพาน ปรากฏว่ารถได้ไปชนกับฟุตบาททำให้รถเสียหลักคว่ำ คุณฮูกถามคุณโอ๊ตว่า “เฮ้ย เพื่อนเป็นยังไงบ้าง” คุณโอ๊ตก็ตอบกลับมาว่า “เจ็บหน้าอกว่ะเพื่อน” หลังจากนั้นทั้งสองคนก็สลบไป มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลกันแล้ว คุณฮูกรู้สึกเพียงแค่เจ็บขา และก็คิดห่วงว่าเพื่อนจะเป็นอย่างไรบ้าง จนกระทั่ง 7 โมงเช้า คุณโอ๊ตที่ใส่ชุดคนไข้ก็เดินเข้ามาถามว่า “เฮ้ย ฮูกเป็นไงบ้างวะ ขอโทษนะเว้ยที่ขี่รถแล้วเกิดอุบัติเหตุ” คุณฮูกที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร เราก็เห็นหนิ ว่าเรากำลังเจอกับอะไรอยู่” หลังจากนั้นตัวของคุณฮูกและคุณโอ๊ตก็นั่งคุยกันอยู่อีกสักพักหนึ่ง คุณโอ๊ตก็บอกว่า “เฮ้ยฮูก ไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับไปที่ห้องก่อน ค่อยเจอกันตอนออกจากโรงพยาบาล” จากนั้น คุณโอ๊ตก็เดินออกไป ตัวคุณฮูกจึงกลับไปนอน และหลับไปจนถึงช่วงเย็น คุณยายได้มาเยี่ยมคุณฮูกและถามไถ่อาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณฮูกตอบไปว่าแค่เจ็บขา คุณยายก็ถามขึ้นมาอีกว่า “แล้วรู้ข่าวไอ้โอ๊ตยัง” ด้วยความสงสัยคุณฮูกก็ถามไปว่า “ทำไมอะยาย” แต่สิ่งที่ยายตอบกลับมาทำให้คุณฮูกตกใจเป็นอย่างมากคือ “ไอ้โอ๊ตเสียแล้วนะ ตายไปตั้งแต่เมื่อคืน หัวมันกระแทกแล้วมันจุกหน้าอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร” คุณฮูกที่ตกใจและเสียใจมากก็รีบสวนไปว่า “เฮ้ย ยายจะเป็นไปได้ยังไง ก็เมื่อเช้าโอ๊ตยังมานั่งคุยกับผมอยู่ข้างเตียงตรงนี้” หลังจากนั้น ผ่านไป 3 วัน คุณยายก็มาบอกกับคุณฮูกว่า “พ่อของโอ๊ตเขาอยากให้ฮูกบวชให้หน่อยได้ไหม” คุณฮูกก็ตกลงทันที หลังจากที่บวชเสร็จ คุณยายก็มาถามฮูกว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” คุณฮูกก็ตอบกลับไปว่า “ผมรู้สึกเจ็บใจที่นอนเจ็บตัวไป 3 วัน” ยายก็ถามกลับมาว่า “แล้วจะเอายังไง” คุณฮูกก็ตอบกลับมาแค่ว่า “ไม่รู้ยาย แต่ผมเจ็บอะ” หลังจากนั้นคุณฮูกก็เล่าเหตุการณ์วันที่เกิดเรื่องให้คุณยายฟังว่าเจออะไรบ้างในตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับโอ๊ต คุณยายก็พูดมาว่า “มึงทำหลานกูเจ็บ 3 วัน เดี๋ยวกูจะทรมานมึง 3 ปี” ด้วยคำพูดนี้ ตกเย็นวันนั้น คุณยายก็ไปเผาศาลนั้นเพียงคนเดียว เหตุการณ์นี้ก็ผ่านไป ชาวบ้านต่างก็รู้ว่าคุณยายเป็นคนเผาศาลนี้เพราะว่าข่าวมันกระจายไปทั่วว่า ผีนางรำมาทำให้หลานเขาเจ็บ! หลังจากนั้นคุณฮูกก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ตัดภาพกลับมาที่ตำหนักของคุณยายในตอนนี้ มีหม้อหุงข้าวอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งคุณยายจะเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวใบนี้ไว้ตลอดเวลา ตัวของคุณฮูกจะรับหน้าที่เป็นคนเติมน้ำเข้าไปในช่องที่มีไอน้ำออกมา ซึ่งคุณฮูกก็ถามคุณยายตลอดว่าหม้อใบนี้เอาไว้ทำอะไร คุณยายก็ตอบกลับมาเพียงว่า “มันเป็นหม้อเอาไว้นึ่งสมุนไพร เอาไว้รมควันรักษาคน” คุณฮูกก็เข้าใจแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งคุณฮูกไปเรียนปวส. 3 ปีผ่านไป ตำหนักแห่งนี้ยังคงเหมือนเดิม จนวันหนึ่งที่คุณฮูกเดินทางกลับมาที่ตำหนักนี้ คุณยายก็เรียกคุณฮูกไปและบอกว่า “เอาหม้อหุงข้าวนี้ไปทิ้ง ยามันน่าจะหมดแล้ว สมุนไพรมันน่าจะนิ่มหมดแล้ว” คุณฮูกที่ได้รับคำสั่งแบบนั้นก็รีบไปจัดการ แต่ขณะที่ไปดึงปลั๊ก ก็แทบจะดึงไม่ออก เพราะปลั๊กนี้ไม่ได้ถอดมา 3 ปีก็ทำให้ถอดออกยาก พอดึงออกมาได้และเปิดฝาออก ก็ทำให้คุณฮูกต้องผงะตกใจ เพราะว่าสิ่งที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่สมุนไพร! แต่มันคือตุ๊กตานางรำ! คุณยายนั้นเอาตุ๊กตานางรำมาต้มอยู่ 3 ปี!! จากการที่แค้นผีนางรำมาทำให้หลานตัวเองเจ็บ ทำให้เพื่อนของหลานตัวเองตาย คุณยายก็ได้ทำตามที่ตัวเองลั่นวาจาไว้ว่า “มึงทำหลานกูเจ็บ 3 วัน กูจะทรมานมึง 3 ปี”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ตู้ในตำนานของห้องซ้อมวงโยธวาทิต ที่ถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างดี จู่ ๆ แม่กุญแจก็แกว่งเองเสียงดัง! หัวหน้าวงจึงนั่งสมาธิเพื่อสื่อสาร แต่แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาบีบคอคนในวงโดยที่ไม่รู้ตัว! สุดท้ายจำได้ว่าในสมาธินั้นเจอพ่อแก่มาบอกว่าไม่พอใจที่มีคนไม่เคารพเครื่องดนตรี!

04 ก.ย. 2023

ตู้ในตำนานของห้องซ้อมวงโยธวาทิต ที่ถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างดี จู่ ๆ แม่กุญแจก็แกว่งเองเสียงดัง! หัวหน้าวงจึงนั่งสมาธิเพื่อสื่อสาร แต่แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาบีบคอคนในวงโดยที่ไม่รู้ตัว! สุดท้ายจำได้ว่าในสมาธินั้นเจอพ่อแก่มาบอกว่าไม่พอใจที่มีคนไม่เคารพเครื่องดนตรี!

‘อังคารคลุมโปง X’ (29 สิงหาคม 2566) ที่ผ่านมา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ได้เปิดไมค์ต้อนรับ ‘คุณไอซ์’ สายจากทางบ้านที่โทรมาเล่าประสบการณ์หลอนสมัยที่ยังอยู่ในวงโยธวาทิตของโรงเรียน กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตู้ลับในห้องวงโย’ จะชวนขนลุกขนาดไหน ตั้งสติให้ดีแล้วไปอ่านต่อกันเลย! ย้อนกลับไปช่วงมัธยม คุณไอซ์เคยเป็นเด็กวงโยธวาทิตของโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยปกติแล้ว วงโยฯจะต้องอยู่ซ้อมตั้งแต่บ่ายสองถึงห้าโมงเย็น ในบริเวณที่ซ้อมนั้นจะเป็นลักษณะห้อง 2 ส่วน คือห้องเล็กเป็นห้องพักครู และห้องใหญ่เป็นห้องสำหรับซ้อม ซึ่งสามารถมองทะลุหากันได้ แต่จะไม่มีหน้าต่าง เป็นห้องที่บุผนังด้วยแผงไข่ และมีตู้เหล็กไว้เก็บเครื่องดนตรี ในวันนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณบ่าย 3-4 โมงเย็น มีคนที่ยังอยู่ซ้อมทั้งหมดหกคน หนึ่งในนั้นเป็นพี่ผู้ชายคนนึง ซึ่งเป็นมือกลองประจำวง กำลังนั่งตีกลองชุดอยู่ ตำแหน่งของกลองชุดนั้นตั้งอยู่หน้าตู้เก็บเครื่องดนตรี ขณะที่เขากำลังตีกลองอยู่สักพัก เขาก็วิ่งกรี๊ดออกมา! และตะโกนโวยวายหาหัวหน้าวง ซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างมีเซนส์ว่า “พี่ที พี่ที พี่ ผมเห็นอะไรไม่รู้ วาร์ปออกมาตรงตู้ ผมเห็นจริง ๆนะ ” แต่ทุกคนก็บอกกลับไปว่า “ คิดมาก มันเป็นห้องปิด มีแค่ไฟหลอด เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีอะไร” ในจังหวะที่เถียงกันอยู่นั้น สายตาคุณไอซ์ก็เหลือบไปเห็นตู้หนึ่ง มันเป็นตู้ที่เคยมีตำนานว่าเคยมีคนเจอบางสิ่งบางอย่างกันบ่อย ตรงนั้นเป็นตู้ที่ล็อกแม่กุญแจ แต่จู่ ๆ แม่กุญแจนั้นมันก็แกว่งและมีเสียงขึ้นดัง “แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก” ตีกับตู้เหล็กโดยไม่มีเหตุผล! แล้วพี่มือกลองที่วิ่งออกมา เขาก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “เห้ยพี่! เห้ยเนี่ย เห้ยทำไมแม่กุญแจมันแกว่งแบบนั้นอะ เห้ย! ” พอเขาพูดขึ้นมา แม่กุญแจก็แกว่งแรงขึ้นอีก แรงขึ้นเรื่อย ๆ คุณไอซ์และเพื่อนผู้หญิงก็รีบวิ่งลงมาก่อน เพื่อนผู้ชายตัดสินใจเข้าไปรอที่ห้องพักครู ส่วนพี่ทีจะเข้าไปดูเพียงคนเดียวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ห้องซ้อม จังหวะที่พี่ทีเข้าไปในห้อง เขานั่งลงทำสมาธิ เหมือนพยายามที่จะสื่อ และพูดคุยว่าเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้มีใคร ต้องการจะทำอะไรถึงได้มีน้องเห็นเป็นแสงวาร์ปออกมา และแม่กุญแจแกว่งได้ยังไงทั้ง ๆ ที่เป็นห้องปิด และไม่มีลมเลย... สักพักพี่ทีก็เดินออกมาจากห้องซ้อมใหญ่ และเดินตรงมาบีบคอเพื่อนผู้ชาย ที่ยืนรออยู่ที่ห้องพักครู เพื่อนที่ถูกบีบคอเริ่มทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าพี่ไม่ปล่อยผม ผมจะต่อยหน้าพี่จริง ๆนะ!” แล้วเพื่อนก็ต่อยเข้าที่หน้าด้านขวาจริง ๆ พี่ทีก็ล้มลงไป จากนั้นเพื่อนคนที่ถูกบีบคอก็รีบวิ่งหนีออกและกลับบ้านทันที หลังจากนั้น พอพี่ทีรู้สึกตัว เขาก็เล่าว่าตอนที่นั่งสมาธิ เขาเห็นว่ามีพ่อแก่ที่เป็นครูมาบอกว่า “ทำไมมีคนเอาขลุ่ยเพียงออ ไปเช็ดกระโปรงแบบนั้น” เขาเลยมาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจ ให้ไปทำพิธีขอขมาเครื่องดนตรีก่อน ใครที่อยู่สายดนตรีไทยอยู่แล้ว เขาจะถือกันว่าห้ามทำพฤติกรรมที่แสดงถึงการไม่เคารพเครื่องดนตรี เพราะของทุกชิ้นมีครูดูแล..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

26 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณต้น’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอน มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษภาคม 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘ของฝากจากเพื่อนเก่า’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณต้นเล่าว่านี่เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คน คือ ลุงชัย เมียลุงชัย และลูกสาว (นามสมมุติ) ชาวบ้านในระแวกนั้นมักจะรู้กันดีว่าลุงชัยมีอาชีพเป็นช่างทำมีดและดาบที่เก่ง วันหนึ่งมีเพื่อนสมัยวัยรุ่นมาหาลุงชัย ชื่อว่าลุงแดง (นามสมมุติ) เมื่อเจอหน้ากันก็ทักทายกันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน หลังจากที่พูดคุยกันไปสักพัก ลุงแดงก็นำสิ่งของบางอย่างมาให้ลุงชัย ลักษณะเป็นแท่งเหล็กสีหม่น ๆ ยื่นให้ลุงชัย แล้วลุงแดงก็บอกกับลุงชัยว่า “ข้าได้ยินฝีมือการตีมีดของเอ็งมานาน วันนี้ที่มามีเรื่องจะวานให้เอาเหล็กท่อนนี้ไปเปลี่ยนเป็นมีดได้ไหม?” ลุงชัยเห็นเหล็กก็รู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่ามันก็คือเหล็กทั่วไป จึงรับมา จากนั้นลุงแดงก็บอกลุงชัยว่า “เดี๋ยวกลับก่อนออกมานานไม่ได้ อาทิตย์หน้าจะมาเอามีด” แล้วลุงแดงก็กลับไป ลุงชัยเล่าว่าลักษณะนิสัยของลุงแดงจะเป็นคนชอบดื่ม อีกทั้งยังเป็นคนเล่นของ มีคาถาอาคมเป็นของตัวเอง ซึ่งคืนแรกหลังจากที่ลุงชัยรับเหล็กแท่งนั้นมา ในระหว่างที่ลุงชัยกำลังนอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนเดินอยู่บนบ้าน สักพักหนึ่งก็ได้ยินเหมือนเสียงคนวิ่ง จนเมื่อเสียงเงียบไปลุงชัยจึงหลับ เมื่อถึงตอนเช้าลุงชัยก็ตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะไปตีมีดตามปกติ ลุงชัยได้ไปนำเหล็กที่ลุงแดงเอามาให้มาตี แต่เมื่อตีไปตีมา แกก็รู้สึกว่าทำไมมีดเล่มนี้ตียาก ขึ้นรูปยาก แต่ลุงชัยก็พยายามตีต่อไป แต่ด้วยความที่มันขึ้นรูปยาก ทำให้ไม่ว่าจะตียังไงมีดเล่มนี้ก็เบี้ยว คด ไม่เป็นรูปเสียที เมื่อถึงช่วงเวลาพักของลุงชัย ลูกสาวของลุงชัยมักจะนำอาหารมาให้ แต่ในระหว่างที่ลูกสาวเดินมานั้นก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง ทำให้อาหารที่ลูกสาวถือมาร่วงหล่นไปทั้งหมด ลุงชัยจึงถามลูกสาวว่า “เป็นอะไร ใจลอยไปไหนข้าวหกหมดแล้ว” เพราะเห็นหน้าลูกสาวที่ซีดแปลกตาไป เมื่อเก็บอาหารที่ตกเสร็จ ลูกสาวก็รีบออกไปทันที ลุงชัยสังเกตเห็นว่าข้าวที่ตกลงไปที่พื้นนั้นค่อย ๆ หายไปทีละเม็ด ลุงชัยรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้อะไร คืนนั้นลุงชัยเข้านอนปกติ แต่นอนไม่ค่อยหลับ เพราะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว ลุงชัยก็ได้ฝันว่าในขณะที่ลุงชัยตีมีดอยู่นั้น เหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างในบริเวณที่ลุงชัยตีมีดอยู่ ลุงชัยจึงสะดุ้งตื่นและคิดว่าฝันแปลก ๆ เมื่อตื่นขึ้นมาลุงชัยก็ไปตีมีดต่อและนึกในใจว่า ‘วันนี้ก็วันที่ 2 แล้วยังไงก็ต้องตีให้เสร็จให้ได้’ แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับเมื่อวาน คือไม่สามารถขึ้นรูปได้ จนถึงเวลาเที่ยง ลุงชัยรู้สึกตาพร่ามัว รู้สึกหนักแขนเหมือนมีคนฉุดรั้งไว้ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาเดิมที่ลูกสาวของลุงชัยจะเอาอาหารมาให้ จังหวะที่ลูกสาวเดินเข้ามาในประตูแล้วเห็นลุงชัย ลูกสาวก็กรี๊ดออกมา ลุงชัยก็ถามลูกสาวว่า “เป็นอะไร!” ลูกสาวจึงเล่าว่า “เห็นคนกำลังจับแขนซ้ายและแขนขวาของพ่ออยู่!” เหมือนกับว่าพยายามไม่ให้ลุงชัยตีมีด และแต่ละคนสภาพเป็นศพที่มีคราบเลือดและคราบน้ำเหลือง คนหนึ่งพยายามจับแขนลุงชัย อีกคนขี่คอและเอามือปิดตาลุงชัยไว้ ในตอนแรกลุงชัยไม่เชื่อลูกสาว ลุงชัยจึงไปกินข้าวตามปกติ หลังจากกินเสร็จก็กลับมาตีดาบต่อ พอตีไปได้สักพักลุงชัยก็รู้สึกเจ็บหน่วง บริเวณหน้าอกจึงตัดสินใจเลิกตีมีด แล้วรีบกลับไปนอนในช่วงหัวค่ำ ในระหว่างที่นอนลุงชัยก็รู้สึกไม่สบายตัว เจ็บหน้าอก และไอ อาการคล้ายกับคนจะไม่สบาย แต่เมื่อถึงกลางดึกลุงชัยก็สะดุ้งตื่น สิ่งที่ลุงชัยเห็นเป็นอย่างแรกเมื่อลืมตา คือผู้หญิงยืนเหยียบอยู่บนหน้าอกของลุงชัย และเมื่อหันไปฝั่งซ้ายก็เห็นผู้ชายสูงอายุนั่งทับแขนลุงชัยอยู่ ฝั่งขวาเป็นผู้หญิงตาแดงก่ำจ้องมาที่ลุงชัย! ในตอนที่ลุงชัยกำลังตกใจ ผู้หญิงที่เหยียบหน้าอกลุงชัยอยู่ก็ค่อย ๆ ยื่นมือมาล้วงปากลุงชัยเหมือนจะดึงลิ้นของลุงชัยออกมา ลุงชัยก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ส่วนร่างที่ทับแขนลุงชัยอยู่ทั้งสองฝั่งเหมือนขึงลุงชัยไว้ ก็เอาค้อนมาทุบที่มือลุงชัยจนเลือดไหลออกมา ลุงชัยกำลังจะหันไปเรียกเมียแต่ก็ไม่สามารถเรียกได้เพราะร่างที่เหยียบบนหน้าอกล้วงปากอยู่! ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลูกสาวเดินมาดู บรรดาร่างที่อยู่ด้านซ้ายและขวาของลุงชัยก็หายไปเหลือเพียงแต่ร่างที่เหยียบหน้าอกของลุงชัย ลูกสาวลุงชัยบอกว่า “ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาทั้งบนบ้าน และข้างล่างเพราะนึกว่าพ่อตีมีดอยู่” แต่ความเป็นจริงกลับเห็นพ่ออาเจียนออกมาเป็นเลือด มือทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด ในขณะนั้นเมียของลุงชัยก็ตื่นและบอกว่าได้ยินเสียงลุงชัยไอแต่ลุกขึ้นมาดูไม่ได้เพราะมีคนแก่สองคนจับตัวเมียลุงชัยไม่ให้หันไปช่วย! จนตอนเช้าลุงชัยก็รีบไปหาหลวงตาที่วัดและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งในระหว่างที่เล่าอยู่ลุงแดงก็ตามมาที่วัด เพราะลุงแดงไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอ หลวงตาจึงบอกให้ลุงชัยถามลุงแดงว่าให้อะไรมา เพราะถ้ามาช้ากว่านี้เขาเอาถึงตายนะ ลุงชัยจึงพยายามถามลุงแดง ลุงแดงจึงตัดสินใจบอกว่า “เหล็กที่ให้ไป เป็นเหล็กที่เอามาจากตะปูตอกฝาโลงศพ” เพราะลุงแดงเป็นคนเล่นของจึงสะสมตะปูมานาน และงานที่ลุงแดงทำ คือสัปเหร่อ และแกคิดว่าถ้าเอาตะปูที่ใช้ตอกฝาโลงศพมาทำมีดน่าจะขลัง หลวงพ่อจึงบอกให้เอาเหล็กชิ้นนี้ไปทิ้งหรือทำลาย ด้วยคาวมที่ลุงแดงเสียดาย จึงนำเหล็กนั้นกลับไป ส่วนลุงชัยก็ขอให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ หลังจากวันนั้นลุงแดงก็หายหน้าหายตาไป แต่ลุงชัยก็ได้ข่าวหลังจากนั้น 4-5 เดือนว่าลุงชัยนั้นเสียสติไปแล้ว เวลาเดินผ่านตะปูที่ไหนก็จะงัดออกมาทุกครั้ง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1