เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

อังคารคลุมโปง RECAP

เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

10 มี.ค. 2023

     ความเชื่อเรื่อง "ผีกระสือ" ที่มักจะเรืองแสงออกหากินของสดคาวและเน่าเหม็นในยามวิกาลมีมาอย่างยาวนานในบ้านเรา “พี่วิทย์ พชรพล” และครอบครัวก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่ากระสือมีจริง โดยอิงจากประสบการณ์ขนหัวลุก ที่พี่สาวแท้ ๆ ของพี่วิทย์เห็นมากับตา! โดยเรื่องนี้พี่วิทย์ได้นำมาเล่าให้ชาว “อังคารคลุมโปง X” (7 มีนาคม 2566) ได้เสียวสันหลังไปพร้อม กัน เรื่องจะเป็นยังไงนั้น ติดตามอ่านกันได้เลย!

     พี่วิทย์เล่าว่าต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณพี่วิทย์อายุแค่ 3 ขวบ ขณะที่ยังอาศัยอยู่ในย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ครอบครัวที่เริ่มมีฐานะดีขึ้น จึงมีแพลนว่าจะสร้างบ้านที่สวนฝรั่ง ระหว่างที่กำลังสร้างบ้าน ก็พักอาศัยอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กชั่วคราวไปก่อน พี่วิทย์และพี่ ๆ ในครอบครัวก็ชอบไปตกปลาหลังกระต๊อบ เพราะมีน้ำท่วมบ่อย และมีปลิงตัวเล็ก ๆ ทำให้พ่อมักจะห้ามไม่ให้เด็ก ๆ ในครอบครัวมาเล่นบริเวณนี้ นอกจากนั้น หลังกระต๊อบก็มีไส้ไก่ หรือพวกของเน่าเสียถูกนำมาทิ้งไว้

     พี่วิทย์อธิบายกระต๊อบหลังนั้นคร่าว ๆ ว่าทำจากไม้อัดยาว ๆ เรียงต่อกันทำให้จะมีช่องเล็ก ๆ ส่วนหลังคาเป็นสังกะสี ในทุก ๆ คืน จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง พี่สาวของพี่วิทย์ 2 คน ที่นอนอยู่ติดกับกำแพงไม้ก็นึกสงสัย และอยากรู้ให้ได้ว่ามันคือเสียงอะไร ทั้ง 2 ส่องลอดผ่านช่องแผ่นไม้กระต๊อบในระยะประชิด ก็เห็นเป็นผู้หญิงแก่ผมยาวยุ่งรุงรังกำลังกินไส้ไก่ด้วยความมูมมาม ที่สำคัญคือมีแสงไฟเล็ก ๆ ส่องสว่างขึ้นแล้วก็ดับ! พี่สาวของพี่วิทย์บอกว่า “ทุกครั้งที่พี่เล่า ภาพนั้นยังติดตาพี่อยู่เลยวิทย์”

     พี่วิทย์เชื่อว่าสิ่งนั้นคือ “กระสือ” ทั้งยังย้ำอย่างชัดเจนว่าไม่ได้โกหก และเล่าเสริมว่า “พี่สาวพี่ยังบอกอีกนะ ว่าตอนนั้นเขากินอย่างอร่อย เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เห็นเป็นคนแก่ หลังจากเขากินเสร็จ เขาก็ลอยออกไป แต่ลอยต่ำ ๆ นะไม่ได้ลอยสูง จากนั้นก็หายไป!” และยังเล่าอีกว่าพอเช้าวันถัดมา “ลุงขาว” พี่ชายแท้ ๆ ของพ่อพี่วิทย์เดินมาบอกว่า “เนี่ย ยายคนนี้ (กระสือ) แกเอาปากไปเช็ดคราบเลือกที่ผ้าขาวม้า” พ่อพี่วิทย์ก็บอกว่า “เมื่อคืนลูกสาว 2 คนก็เห็น”

     แม้ตอนนั้นพี่วิทย์จะยังเด็กมาก แต่ก็จำได้ว่าหลังกระต๊อบนั้นมีน้ำท่วมขัง พี่วิทย์ชอบเอาขาไปเล่นแล้วก็ไปตกปลากับพวกพี่ ๆ แต่พ่อก็จะมาอุ้มพี่วิทย์ออกไป เพราะมีปลิงมาเกาะ แล้วยังจำได้อีกว่าหลังกระต๊อบจะมีกลิ่นเหม็นมาก เพราะทิ้งของเน่าของเสีย อย่างไส้ไก่ไว้..

(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

 

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณโดนัท 'พี่สาวสไบเเดง' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 10 ธ.ค. 2567 ]

18 ธ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณโดนัท 'พี่สาวสไบเเดง' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 10 ธ.ค. 2567 ]

‘คุณโดนัท’ สายจากทางบ้านได้นำเรื่อง ‘พี่สาวสไบแดง’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (10 ธันวาคม 2567) ฟังกัน มาดูกันว่า ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ จะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวจะน่ากลัวขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย! ‘คุณโดนัท’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ร่วมกันของคุณโดนัทและเพื่อน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ช่วงที่ทุกคนในบริษัททำงานหนักและจะต้องกลับบ้านดึกเป็นประจำ วันที่เกิดเรื่องขึ้นเป็นช่วงกลางดึก ในห้องออฟฟิศจะมีพนักงานอยู่ทั้งหมด 7 คน ห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเห็นหัวหน้านั่งอยู่ทางซ้ายมือ และตรงกลางมีพนักงาน 4 คนที่นั่งหันหน้าชนกัน 2 คนด้านหลังนั่งหันหน้าออกมาทางประตู วันนั้นเป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องทำงานอยู่ที่บริษัทจนดึก ในหน่วยงานจะมีการแบ่งทีมทำงาน โดยมีคน 3 คนทำงานเอกสาร ซึ่งเยอะมาก ๆ ขณะที่พวกเขาทำงานเอกสารกันอยู่ และเอกสารเหล่านี้จะต้องไปยื่นกับทางราชการ ถ้าไปยื่นเลยกำหนดเดดไลน์ จะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายหลักหมื่น ซึ่งพวกเขาเคยส่งมาแล้วหลายรอบ แต่ไม่ผ่านสักครั้ง จนหัวหน้าได้มีการพูดล้อเล่นลอย ๆ ว่า “ถ้ายื่นเอกสารผ่านสักทีนะ จะซื้อรีเจนซี่ถวายเลย” หลังจากนั้น 2-3 วัน เป็นวันที่คุณโดนัทและเพื่อนกลับก่อน ในห้องทำงานจะเหลืออยู่ 2 คน คนหนึ่งสมมติว่าชื่อ ‘พี่ปอ’ อีกคนชื่อ ‘คุณออ’ คุณอออายุรุ่นเดียวกันกับคุณโดนัท วันนั้นทั้งสองคนอยู่ในห้องด้วยกัน ช่วงเวลาประมาณ 1 – 2 ทุ่ม พี่ปอนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานคนเดียว ซึ่งหน้าห้องจะเป็นกระจกใสทั้งบาน มีไว้เพื่อเวลาคนมาติดต่อจะเห็นกันได้ง่าย ส่วนคุณออได้ออกจากห้องเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ในขณะที่คุณออเดินกลับมา หางตาเหลือบไปเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง ซึ่งไม่ใช่พี่ปอแต่เป็นคนอื่น คุณออจึงหันหน้าไปดู และสิ่งที่เห็นคือ ผู้หญิงนั่งอยู่ด้านหลังสุด เป็นเก้าอี้ที่หันมาทางประตู ใส่ชุดไทยสไบสีแดง หน้าสีขาว ปากแดง ใส่ชฎา นั่งระหว่างโต๊ะสองตัวที่อยู่ด้านในสุด นั่งตรงกลาง และมองออกมาทางคุณออ คุณออตกใจมาก จึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง และบอกพี่ปอว่า “กลับบ้าน กลับบ้านเดี๋ยวนี้ กลับเลย หยิบกระเป๋ากลับ” พี่ปอก็ทำหน้างง แต่ก็ทำตามสิ่งที่คุณออบอก หยิบของและเดินออกมา ในระหว่างนั้น คุณโดนัทที่อยู่บ้าน ก็เห็นแชทไลน์เด้งขึ้นมา ซึ่งเป็นไลน์จากคุณออ ไลน์มาว่า “พี่โดนัท ผีอีเม้ยกับผีหนูแดงหน้าตาเป็นยังไง” ‘ผีอีเม้ย’ เกิดจากการที่คุณโดนัทเคยทำคลิปวิดีโอในองค์กร ซึ่งคุณโดนัทเล่นเป็นผีอีเม้ย ที่อยู่ในห้องทำงาน จึงเป็นที่จดจำว่าในห้องนี้มีผีอีเม้ย ส่วนผีหนูแดงเป็นสิ่งที่คุณโดนัทพูดเล่น ไม่ได้มีกุมารหรือว่าอะไรอยู่บางครั้งในห้องก็จะมีเสียงกดปากกา เสียงพิมพ์ดีด เสียงกระดาษพลิกหน้าบ่อย ๆ จึงทำให้มีคำเรียกผีหนูแดงขึ้นมา หลังจากนั้นคุณออก็ได้โทรมาหาคุณโดนัท และเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้น คุณโดนัทก็คิดว่าตัวเองยังไม่เคยเจอ เพราะปกติคุณโดนัทเป็นคนที่เจอผีบ่อยมาก แต่ไม่เคยเจอผีชุดไทยสีแดงนี้ ในห้องยิ่งไม่เคยเจอ คุณโดนัทจึงนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร และพูดตอบไปว่า “ไม่เคยเจอนะ ไม่น่าใช่หนูแดงแล้วก็ไม่น่าใช่อีเม้ยหรือเปล่า” หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ย้ายไปคุยกันในไลน์กลุ่มแทน คุณออได้ส่งรูปมาให้ดูเป็นรูปของ ‘นุ่น-วรนุช’ ที่แสดงละคร ใส่ชุดแดง หน้าขาว ปากแดง คุณโดนัทจึงนึกขึ้นได้อย่างหนึ่งคือ คล้ายกับนางรำในศาลหน้าที่ทำงานหรือเปล่า แต่คุณโดนัทก็นึกไม่ออกว่านางรำในศาลหน้าที่งานใส่ชุดสีอะไร จะใช่หรือเปล่า หลังจากนึกขึ้นได้ คุณโดนัทก็พิมพ์ไปในกลุ่มว่า ‘เอ้ะ หรือว่าเป็นนางรำหน้าที่ทำงานของเรา’ ข้างหน้าที่ทำงานของคุณโดนัท จะมีศาลพระพรหมและศาลตายายติดกัน ในศาลพระพรหมจะมีนางรำ ใส่สไบแดงทั้งหมด ด้วยความสงสัยคุณโดนัทจึงเข้าไปเสิร์ช Google ว่า ศาลพร้อมกับชื่อที่ทำงานของคุณโดนัท พอมีรูปศาลขึ้นมา พอคุณโดนัทซูมเข้าไปดู ปรากฏว่านางรำที่อยู่ศาลใส่ชุดสีแดง สไบแดง มีชฎา คุณโดนัทจึงได้บันทึกรูปนี้ แล้วส่งเข้าไปในกลุ่ม คุณออก็พิมพ์ตอบกลับมาว่า ‘ใช่เลย แบบนี้เลย’ วันรุ่งขึ้น คุณออก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับหัวหน้า หัวหน้าก็ค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่น้องในห้องเจอ สุดท้ายก็ต้องไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปถวายอย่างที่บอกไว้จริง ๆ เพราะ คาดว่าเขาน่าจะมาทวงสิ่งที่หัวหน้าเคยพูดไปแบบลอย ๆ เพราะหลังจากที่หัวหน้าพูดไปแบบนั้น ในวันเดดไลน์ตอนที่นำเอาเอกสารไปส่ง เจ้าหน้าที่ที่ตรวจเอกสารนั้น แค่เปิดก็ให้ผ่านไปแบบง่าย ๆ โดยที่ไม่ตรวจ ดังนั้นคุณโดนัทจึงคิดว่าสิ่งนี้เหมือนกับการบนบาน จึงได้ซื้อแอลกอฮอล์มากล่าวไหว้กันในห้อง หลังจากนั้นก็ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดไทยสีแดงอีกเลย...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเคน 'ออฟฟิศโซนหลอน' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

15 ธ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเคน 'ออฟฟิศโซนหลอน' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 ธันวาคม 2567) ที่ผ่านมา มีเรื่องเล่าจาก ‘คุณเคน’ ที่ทำเอา 3 ดีเจ ‘ดีเจมดดำ’ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจโซเซฟ’ จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลย!!! ‘คุณเคน’ เล่าว่าย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีก่อน เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ออฟฟิศกลางใจเมืองย่านราชประสงค์ คุณเคนเข้าไปทำงานโดยที่ไม่เคยรู้ว่ามีเหตุการณ์พื้นถล่มที่ตึกนี้มาก่อน เนื่องจากตอนที่เกิดเรื่อง คุณเคนไม่ได้อยู่ประเทศไทยจึงไม่ทราบเรื่อง เมื่อกลับประเทศไทยก็ได้เข้าทำงานที่ตึกแห่งนี้ ออฟฟิศของคุณเคนอยู่ชั้นที่ 16 ส่วนชั้น 17-20 จะเป็นร้านอาหาร (ปัจจุบันร้านอาหารไม่มีแล้ว เหลือเพียงร้านอาหารที่มีไว้เฉพาะงานอีเว้นท์เท่านั้น) คุณเคนมีตำแหน่งเป็นเซลล์ที่จะคอยดูแลทุกอย่างของการจัดงานเลี้ยงของบริษัทนี้ ในช่วงแรก ๆ ที่เข้ามาทำงานนั้น คุณเคนจะนั่งทำงานอยู่ห้องใน ห้องในคือห้องที่มีหลายคนนั่งอยู่รวมกัน รอบข้างจะแบ่งเป็นห้องส่วนตัว ส่วนตรงกลางจะมีฉากกั้นเพื่อให้เป็นสัดส่วน ลักษณะงานนั้นจำเป็นต้องอยู่ออฟฟิศดึก ๆ เป็นประจำ ส่วนใหญ่ก็ต้องอยู่คนเดียว ช่วงแรกคุณเคนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ แต่พอเริ่มมืด เวลา 2 ทุ่มกว่า ทุกคนในออฟฟิศกลับบ้านกันหมดแล้ว ในชั้นนี้ทั้งเงียบและมืด คุณเคนก็มักจะได้ยินเสียง ก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก และเสียงกระดาษหล่น คุณเคนสงสัยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงติดสินใจเดินเข้าไปดู สิ่งที่เห็นก็คือกระดาษหล่นจริง ๆ แต่ดูจากรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะกระดาษที่วางอยู่มันจะหล่นลงจากโต๊ะได้อย่างไร คุณเคนทำเพียงแค่สงสัยแต่ก็ไม่ได้กลัวอะไรจึงกลับไปนั่งทำงานต่อ เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน บางคืนเขาก็มักจะได้เสียงโทรทัศน์เปิด แต่เมื่อเดินออกไปดูก็เห็นว่าโทรทัศน์ปิดอยู่เสียอย่างนั้น เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่ง คุณเคนได้ย้ายที่นั่งไปอยู่โซนนอกห้อง แต่ก็ยังคงต้องนั่งทำงานอยู่คนเดียวดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นเคย ขออธิบายเพิ่มเติมว่าโต๊ะของแผนกบัญชีจะมีเครื่องคิดเลขที่เอาไว้ให้แผนกคิดคำนวณเป็นเครื่องคิดเลขแบบเสียบปลั๊ก ในวันหนึ่ง น่าจะมีคนในออฟฟิศเสียบปลั๊กทิ้งไว้ เพราะอยู่ ๆ เครื่องคิดเลขก็พิมพ์จนกระดาษออกมาจากเครื่องคิดเลขคล้าย ๆ มีคนกำลังใช้งานอยู่! คุณเคนนั่งมองเครื่องคิดเลขที่กำลังทำงานและคิดว่า ‘เครื่องจะหยุดทำงานตอนไหน’ ผ่านไปสักพักก็ยังไม่หยุด เขาจึงพูดออกมาว่า “มึงหยุดนะ คนจะทำงาน” เครื่องคิดเลขก็ยังไม่หยุด เขาจึงตัดสินใจเดินไปถอดปลั๊กออก หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่ที่น่าตกใจก็คือ อยู่ ๆ ก็มีเสียงคุยกันผ่านช่องเพดาน! ซึ่งคุณเคนอยู่ที่ออฟฟิศคนเดียว ในตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เขาก็คิดว่ามันคงไม่มีใครมาคุยกันเวลานี้แน่นอน เมื่อเดินไปดูทั่วออฟฟิศก็ไม่เจออะไรแต่สิ่งที่ได้ยินเป็นเสียงพูดคุยที่ไม่ใช่ภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาที่เข้าใจได้ จากนั้นก็พยายามหาต้นเสียงแต่ก็หาไม่เจอความหลอนยิ่งทวีคูณมากขึ้น เมื่อคืนหนึ่ง คุณเคนอยู่ชั้น 16 ข้างบนเป็นชั้น 17 ที่เอาไว้จัดงานบ่อย ๆ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงมีคนขนของอยู่ข้างบนชั้น 17 ดัง ตึ้งตั้ง ๆ !!! คุณเคนไม่ได้กลัวแต่ตอนนั้นเขารู้สึกว่ามันรบกวนสมาธิการทำงานมาก เพราะเขาอยากรีบทำงานให้เสร็จ เมื่อข้างบนเสียงดังไม่หยุดก็เกิดความโมโห จึงกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 17 เพื่อจะต่อว่า แต่แล้วก็ไม่มีใครอยู่บนชั้น 17 เลย! คุณเคนคิดว่าตนคงโดนหลอกแล้วเป็นแน่ จึงรีบกลับลงมาทำงานต่อให้เสร็จ หลังจากนั้นผ่านไป เป็นช่วงที่คุณเคนกำลังจะลาออก ตอนนั้นเขากำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่ออฟฟิศจะแบ่งแยกห้องน้ำชายหญิง ห้องน้ำผู้ชายจะอยู่ข้างในสุด ส่วนห้องน้ำหญิงจะอยู่ก่อนถึงห้องน้ำผู้ชาย ตอนนั้นดึกมากแล้ว เขาจึงเข้าห้องน้ำผู้หญิง เพราะมีห้องหนึ่งที่มีสายชำระ จึงเลือกที่จะเข้าห้องนั้น และคิดว่าคงไม่มีใครมาเข้าห้องน้ำแล้ว แต่เขากลับได้ยินเสียงคนเดินอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ ซึ่งโดยปกติแล้วบริเวณหน้าห้องน้ำจะมียามคอยเฝ้าตรวจตรา และจะมีห้องแคนทีนอยู่ใกล้ ๆ ห้องน้ำ ซึ่งห้องแคนทีนนี้บางทียามก็มักจะมากินข้าว ทำให้คุณเคนไม่แน่ใจว่าใช่ยามหรือเปล่า จึงนั่งเงียบเพื่อฟังเสียงว. ตอนแรกเขาได้ยินเสียงว. สักพักเสียงว.และเสียงเดินก็ค่อย ๆ ไกลออกไป แต่ก็ยังได้ยินเสียงเดินอยู่บริเวณข้างหน้าแต่ไม่มีเสียงว. พอเสียงเดินหายไปสักพัก น้ำในตรงอ่างล้างมือก็เปิดเอง ซึ่งเป็นระบบเซนเซอร์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้คุณเคนหลอนสุด ๆ จนเขาคิดในใจว่าถ้ามาจริงขออีกรอบหนึ่ง มันก็มาจริง ๆ ตามที่ใจเขาคิดแต่มันแรงขึ้น! เหมือนกับว่ากำลังโกรธที่คุณเคนไปท้าทาย คุณเคนบอกว่าตอนนั้นเขาขนลุกไปทั้งตัว บรรยากาศตรงนั้นเปลี่ยนไป รู้สึกเย็นยะเยือก คุณเคนรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวและอยู่ไม่ได้ จึงเก็บของแล้วรีบออกจากออฟฟิศทันที อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่ยามเล่าให้คุณเคนฟัง ยามเล่าว่า เขาต้องมานอนเฝ้าของที่ชั้น 17 ขณะที่กำลังนอนอยู่ ก็มีผู้หญิงใส่ชุดไทย มารำไทยอยู่ตรงหน้า! อีกเรื่องเล่าหนึ่งเป็นเรื่องเล่าของลูกค้า คุณเคนบอกว่ามีลูกค้าที่เคยมาที่ชั้น 18 ซึ่งชั้นนี้จะมีห้อง Private อยู่ แต่ต้องเดินผ่านโซน Outdoor และต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะไปถึงห้อง Private คุณเคนเล่าว่า ลูกค้าเคยเห็นคนยืนอยู่ข้างในห้องมืด ๆ ยืนจ้องมาที่ลูกค้าที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ ลูกค้าก็สงสัยว่าคนนั้นคือใคร จึงบอกกับพนักงานให้ขึ้นไปดู แต่พอพนักงานมองไปที่ห้องนั้น พนังงานกลับไม่เห็นใครยืนอยู่! คุณเคยทิ้งท้ายว่าใครมาที่นี่ก็จะโดนกันเกือบทุกคน อย่างเช่นคนที่ดูแลตึกที่ต้องมาทำงานในช่วงเช้า ประมาณ 7 โมงครึ่ง ก็มักจะไม่เปิดไฟเวลาเดินดูตึก พอจะเข้าห้องน้ำ ก็ไปเปิดไฟแล้วเข้าห้องน้ำเลย เขาจะทำแบบนี้เป็นประจำ และมักจะรู้สึกว่ามีคนเดินตาม มีคนเปิดไฟตามทางเดินให้ อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือ คนที่อยู่มานานก่อนที่จะสร้างชั้น 17 – 18 ขึ้นมา ชั้น 19 จะมีการสร้างเพดานที่เอาไว้เก็บชนวน คนที่อยู่มาแรก ๆ บอกว่า เขาเคยรู้มาว่าคนที่มาทำงานที่นี่เป็นช่างไฟ มากัน 3 คน เพราะตอนเข้ามาก็มีการเซ็นชื่อเพื่อเข้ามาในตึก แต่ตอนออกเขากลับเจอแค่ 2 คน เขาพยายามเดินตามหาอีกคนที่หายไป แต่พยายามหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ จึงคิดว่าน่าจะกลับบ้านหรือมีเหตุจำเป็นที่จะต้องกลับ ส่วนช่างไฟอีก 2 คนก็เก็บของกลับ ปรากฏว่าช่างไฟอีก 2 คนก็หายไปด้วย จนเขาได้กลิ่นแปลก ๆ ที่ชั้น 19 ปรากฏว่ากลายเป็นศพเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น สันนิษฐานว่าอาจโดนไฟดูดตาย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

กางเกงมือสองเจ้าของตามมาหา! เรื่องราวของคนชอบเสื้อผ้ามือสอง ซื้อแบบไม่สนใจ จนได้ของแถมกลับมา!

25 ม.ค. 2024

กางเกงมือสองเจ้าของตามมาหา! เรื่องราวของคนชอบเสื้อผ้ามือสอง ซื้อแบบไม่สนใจ จนได้ของแถมกลับมา!

เรื่องนี้เป็นสายจาก ‘คุณมิ้น’ ที่โทรมาเล่าเหตุการณ์ของรุ่นน้องให้แฟนรายการ ‘ อังคารคลุมโปง X’ (16 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ‘น้องอาย’ รุ่นน้องของคุณมิ้น เกี่ยวกับเสื้อผ้ามือสองที่ได้ของแถมกลับมาด้วย เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา คุณมิ้นเล่าว่า ‘น้องอาย’ ชอบซื้อเสื้อผ้ามือสองมาก จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่กางเกงลายทหารและกางเกงคาร์โก้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง น้องอายจึงไปหาซื้อกางเกงในร้านที่ไปบ่อย ๆ ก็ได้เจอกางเกงที่มีลักษณะโดนใจ แต่เป็นขนาดของผู้ชาย น้องอายจึงขอผ้าถุงจากแม่ค้าและลองสวม เมื่อลองสวมก็รู้สึกว่าเอวใส่ได้พอดี แต่ช่วงขาของกางเกงยาวเกิน ด้วยความชอบ น้องอายจึงซื้อกลับมาและเอามาเก็บไว้ในตู้ เพื่อที่จะเอาไปตัดขากางเกงให้พอดีกับตัวเอง หลังที่ซื้อกางเกงกลับมา น้องอายรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา เวลาทำงานหางตาก็จะเห็นเหมือนกับมีคนเดินอยู่ในห้อง บางทีก็ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในตู้เสื้อผ้า น้องอายจึงมารื้อดู เพราะนึกว่ามีหนู แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร น้องอายเล่าให้คุณมิ้นฟังว่า เคยฝันว่าตัวเองปวดปัสสาวะ และสะดุ้งตื่นเห็นเงายืนอยู่ข้างตู้ที่ปลายเตียง จึงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างเตียง แต่พอเปิดไฟก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น จึงคิดว่าตัวเองตาฝาด หลังจากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำกลับมาปิดโคมไฟแล้วล้มตัวนอนอีกครั้ง ช่วงกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงประตูตู้เสื้อผ้าแง้มออก จึงมองดูในความมืด เห็นว่าประตูมันแง้มมานิดนึง แต่ก็นอนต่อเพราะคิดว่าไม่มีอะไร ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนกองเสื้อผ้าไหลออกมาจาก น้องอายจึงตัดสินในเปิดไฟห้องเพื่อที่จะเก็บเสื้อผ้าที่ไหลออกมา ในกองผ้านั้นมีกางเกงลายทหารที่เพิ่งซื้อมาอยู่ในนั้นด้วย น้องอายเก็บเสื้อผ้ายัดเข้าตู้เหมือนเดิม ปิดไฟกลับมานอนต่อ หลังจากล้มตัวลงนอนได้สักพัก ยังไม่ทันเคลิ้มหลับ น้องอายบอกว่าได้ยินเสียงบางอย่างในตู้ และตู้เสื้อผ้าก็สั่นโยก น้องอายจึงจับที่เตียงนอนเพราะคิดว่าแผ่นดินไหว ปรากฏว่ามีแค่ตู้ที่สั่น พอตู้หยุดสั่น น้องอายค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนแต่สายตายังจ้องอยู่ที่ตู้ เห็นเงาผู้ชายคล้ายตำรวจไม่ก็ทหาร สูงประมาณ 180 เซนติเมตร ไม่แน่ใจว่าหน้าตาเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าดำไปทั้งตัว ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ากำลังมองมาที่น้องอาย! น้องอายไม่กล้าจ้องเงานั้นจึงหลบสายตาแต่ก็สังเกตุเห็นว่าผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อสีขาว กางเกงลายทหารเหมือนกับที่น้องอายซื้อมา น้องจึงคิดว่าน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับกางเกงที่ซื้อมา น้องอายก้มหน้าและพูดออกมาว่า “พี่คะ หนูอยู่คนเดียว พี่อย่าหลอกหนูเลย ถ้าหนูทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ หนูขอโทษ” หลังจากพูดจบก็ยังก้มหน้าอยู่แต่ความรู้สึกอากาศรอบตัวหยุดนิ่ง จึงตัดสินใจค่อย ๆ เงยหน้าดูก็ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ที่ตู้แล้ว น้องอายจึงเดินไปเปิดไฟห้องและตัดสินใจว่าจะออกไปหาเพื่อน แต่ตอนนั้นเป็นเวลาตี 2 กว่าแล้ว จึงจัดสินใจเปิดไฟแล้วนอนจนถึงเช้า ตื่นเช้ามา น้องอายคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากกางเกงที่ซื้อมา จึงเอากางเกงมาดูแต่ไม่พบอะไร น้องอายจึงตัดสินใจกลับด้านดูด้านใน ทำให้เห็นว่ามีคราบสีแดงคล้ำ ๆ คล้ายเลือด ตรงบริเวณขากางเกงฝั่งซ้าย และขอบกางเกงด้านในมีคราบเลือดเป็นวงขนาดใหญ่ น้องอายจึงโทรไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังและถ่ายรูปกางเกงส่งไปและมีความคิดว่าจะตามหาที่มาของกางเกงตัวนี้ แต่ร้านไม่น่าจะรู้เพราะเสื้อผ้ามือสองส่วนใหญ่มาจากหลาย ๆ ที่ น้องอายตัดสินใจว่าจะเอากางเกงตัวนี้ทิ้งแต่มีความคิดว่าเขาจะโกรธไหม จึงตัดสินใจเอากางเกงตัวนี้ไปที่วัดและเล่าเหตุการณ์ที่เจอให้กับหลวงพ่อฟัง หลวงพ่อจึงแนะนำให้สวดบังสุกุลและเผากางเกงตัวนี้ให้เขาไป น้องอายทำตามที่หลวงพ่อแนะนำ หลังจากที่ทำไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในห้องอีก คุณมิ้นเล่าต่อว่าปัจจุบันน้องอายก็ยังชอบซื้อเสื้อผ้ามือสองอยู่ แต่จะดูให้ละเอียดก่อน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

‘ใหม่ รอเรน’ ถูกไหว้วานให้มาช่วยทำธีสิสในยามวิกาล!

06 ต.ค. 2023

‘ใหม่ รอเรน’ ถูกไหว้วานให้มาช่วยทำธีสิสในยามวิกาล!

เรื่องหลอนในครั้งนี้ มาจากประสบการณ์ตรงของอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง ‘ใหม่ รอเรน’ กับเรื่องหลอนในรั้วมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่า ‘ธีสิสสยอง’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 ตุลาคม 2566) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! ย้อนกลับไปในสมัยที่คุณใหม่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในช่วงนั้นคุณใหม่เองบอกว่าเธอพักอยู่ที่หอพักนอกจึงทำให้เธอสะดวกสบายเรื่องเวลาจะออกไปไหนมาไหน เพราะไม่ได้มีกฎ เข้า-ออก ที่ตายตัวเหมือนกับหอภายในมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุนี้เอง คุณใหม่จึงถูกไหว้วานจากรุ่นพี่ที่รู้จัก นามสมมุติ ‘พี่ส้ม’ ให้มาช่วยทำโปรเจกต์จบในเวลากลางคืนที่คณะของพี่ส้ม เนื่องจากพี่ส้มนั้นเรียนเภสัชและกำลังทำการทดลองในห้องแล็บเกี่ยวกับสารเคมี แต่ด้วยระยะทางจากบ้านของพี่ส้มมายังมหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล และการทดลองนี้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนย้ายสารเคมีอยู่ตลอด จึงทำให้พี่ส้มไม่สามารถที่จะทำการทดลองในเวลากลางคืนได้ เธอจึงได้ไหว้วานให้คุณใหม่ มาช่วยรับผิดชอบให้แทนในยามวิกาล คุณใหม่เล่าว่า บรรยากาศของคณะแพทยศาสตร์ค่อนข้างวังเวงมาก และยังต้องเดินผ่านห้องของอาจารย์ใหญ่อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวที่นี่ในเวลากลางคืนเป็นอย่างมาก และด้วยความที่คุณใหม่เองนั้นไม่ได้ศึกษาในคณะนี้ จึงไม่มีบัตรนักศึกษาประจำคณะ นั่นทำให้เธอต้องคอยหลบเจ้าหน้าที่เพื่อขึ้นไปที่ตึกในทุก ๆ คืน จากประสบการณ์ครั้งนี้ คุณใหม่เล่าว่าตัวเธอไม่ได้พบเจออะไรในระหว่างทำการทดลอง แต่ด้วยบรรยากาศของคณะแพทยศาสตร์ประกอบกับร่างอาจารย์ใหญ่ที่เธอต้องเจอในระหว่างทางเดิน ก็ทำเอาคุณใหม่รู้สึกขนลุกอยู่เหมือนกัน ไม่นานหลังจากที่คุณใหม่ช่วยพี่ส้มทำการทดลองสำเร็จ พี่ส้มก็เล่าเรื่องสยองระหว่างที่กำลังทำการทดลองให้คุณใหม่ฟัง พี่ส้มเล่าว่าส่วนตัวพี่ส้มเองเป็นคนชอบร้องเพลงมาก และในวันนั้นเธอกำลังทำการทดลองกับเพื่อนในห้องแล็บอยู่ 2 คน จังหวะที่เธอร้องเพลงพร้อมกับตบเท้าเป็นจังหวะดนตรี จู่ๆ หลังจากที่เธอหยุดร้องเพลงและเงียบไป ปรากฏว่าเธอได้ยินเสียงเท้าแทรกเข้ามาคล้ายกับสิ่งที่เธอทำไปเมื่อสักครู่ แต่ด้วยเธอเรียนสายแพทย์ก็ไม่ได้คิดหรือเอะใจอะไร เพราะคิดเพียงว่ามันเป็นเสียงสะท้อนจากห้องแล็บเท่านั้น วันต่อมา พี่ส้มก็มาทำการทดลองตามปกติ และยังอธิบายลักษณะของห้องทดลองเพิ่มเติมว่า ห้องแล็บเป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง มีโต๊ะยาวสำหรับการทดลองสองฝั่ง และมีตู้ไว้เก็บสารเคมีและอุปกรณ์ทดลองต่าง ๆ เป็นตู้กระจกยาว ซึ่งอุปกรณ์แต่ละอย่างก็อยู่กระจัดกระจายกัน ในระหว่างที่พี่ส้มกำลังจะเดินไปหยิบอุปกรณ์จากอีกจุดนึงไปยังอีกจุดนึง จู่ ๆ พี่ส้มก็เริ่มสังเกตเห็นเงาของตัวเองในกระจกเงานั้นมีลักษณะคล้ายกับผู้หญิง แต่เงานั้นไม่ได้ขยับตามตัวเธอไป และเห็นว่ามันกำลังเดินสวนกับเธออยู่หลายรอบ! พี่ส้มเริ่มเอะใจว่ามี ‘บางอย่าง’ อยู่กับเธอในห้องนี้ จากนั้น พี่ส้มและเพื่อนจึงตัดสินใจเก็บของ และเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด จากนั้นก็กลับบ้านไป วันที่ 3 สำหรับการทดลองสารเคมีของพี่ส้มก็เป็นไปอย่างปกติ หลังจากที่ทำการทดลองเสร็จก็ชวนเพื่อนกลับบ้านเพราะตอนนั้นกำลังจะมืดแล้ว ขณะที่พี่ส้มกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตู จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังดันประตูสวนมาเพื่อเปิดมันมาจากด้านนอก! แต่ที่แปลกคือไม่มีใครอยู่ข้างนอกห้องนั้นเลย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้พี่ส้มไม่กล้าเล่าให้คุณใหม่ฟัง เพราะกลัวว่าถ้ารู้จะทำให้คุณใหม่หวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะมาที่นี่ หลังจากที่พี่ส้มเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณใหม่ฟัง คุณใหม่ก็ได้ทราบถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่ส้มว่า มีนักศึกษาสาวคนหนึ่ง เธอต้องเข้ามาทำธีสิสจบเช่นเดียวกันกับพี่ส้ม ในวันนั้นเธอเกิดเคราะห์ร้ายประสบอุบัติเหตุ จนเสียชีวิต แต่ด้วยจิตสุดท้ายต้องมาที่ทำการทดลองที่มหาวิทยาลัย ทำให้ทุกคนเห็นเธอในลักษณะแบบนั้นนั่นเอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1