เรื่องเล่าจากสาวแอน The Ghost 'คุณค่าเเห่งความตาย' l อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost [ 26 ส.ค.2568 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากสาวแอน The Ghost 'คุณค่าเเห่งความตาย' l อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost [ 26 ส.ค.2568 ]

06 ก.ย. 2025

            เรื่องเล่าที่ทำให้บางคนถึงกับเสียน้ำตา เมื่อภรรยาแอบไปคบชู้นอกใจกับลูกพี่ลูกน้องของสามี จนในที่สุดก็หย่าร้างกัน ภรรยาสานสัมพันธ์กับชู้ต่อแต่ก็ไม่ราบรื่น จนเกิดเรื่องราวบานปลายกลายเป็นภรรยาตั้งท้องกับสามีที่หย่ากันไป

            รัก 3 เศร้า และ 1 ชีวิตของเด็กที่บริสุทธิ์จะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คุณค่าของความตาย’ จาก ‘คุณไอซ์’ โดยมี ‘สาวแอน The Ghost’ เป็นผู้ถ่ายทอด ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost’ (26 สิงหาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’

            ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ‘ไอซ์’ มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ ‘วัฒน์’ ในวันนั้นเขาได้โทรมาร้องไห้ ตัดพ้อว่า “กูไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ กูอะทนไอมิ้นไม่ไหว”

            ซึ่ง ‘มิ้น’ เป็นภรรยาเก่าของวัฒน์ที่เลิกกันไปตั้งแต่ 7 เดือนก่อน และวัฒน์ก็มีแฟนใหม่มาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ทำให้ไอซ์ไม่เข้าใจว่าทำไมวัฒน์ต้องร้องไห้เสียใจเรื่องมิ้น ในเมื่อก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจเพื่อนด้วยประโยคที่ว่า “มึงอยู่ก่อน มึงอย่าพึ่งเป็นอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปหามึงที่บ้าน”

            หลังจากที่ได้วางสายโทรศัพท์ไป ไอซ์ก็ได้เข้านอน แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นยาเส้นพร้อมกับเสียงผู้ชายที่พูดให้ตื่น เธอรีบลุกขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อที่จะขับรถ แต่ในระหว่างเดินทางก็มีสายโทรเข้ามาจากเพื่อนอีกคนที่ชื่อว่า ‘บิ๊ก’

            “ไอซ์มึงทำใจดี ๆ ไว้นะ ไอวัฒน์ตายแล้ว”

            ไอซ์ได้ยินดังนั้นก็ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ได้บอกให้วัฒน์รอก่อน แต่เพื่อนสนิทก็รอไม่ไหว

            จากนั้นก็ทราบว่าข่าวว่าวัฒน์ตัดสินใจจบชีวิตด้วยการผูกคอตายกับกิ่งไม้ที่ยื่นเข้าไปตรงหน้าต่างบ้านของมิ้นกับ ‘ทอม’ ซึ่งทอมคือลูกพี่ลูกน้องของวัฒน์ และเป็น LGBTQ+ แต่เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว วัฒน์ก็ได้รู้ความจริงว่า คนที่เชื่อใจทั้งสองคนแอบเป็นชู้กัน

            ทางด้านไอซ์เมื่อมาถึงที่หมายแล้ว บิ๊กก็ได้พาไปที่จุดเกิดเหตุแทนที่จะไปวัด เพราะที่นี่ เพื่อน ๆ กำลังตั้งศาลเตี้ย หาคนผิดโดยไม่พึ่งกฏหมาย แต่ทั้งมิ้นและทอมก็ได้หนีไปแล้ว

            จากนั้นไม่นาน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับกลิ่นยาเส้นแล้วพูดว่า “มึงก็บอกมันสิ”

            และอยู่ดี ๆ น้องที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านก็กลิ้งตกรถลงมาด้วยอาการตกใจ สีหน้าเหมือนคนกลัวอะไรสักอย่างจนไม่มีสติต้องรีบวิ่งหนีหายไป เพื่อนที่อยู่ตรงนั้นเมื่อมองไปที่ต้นไม้ที่วัฒน์ผูกคอตายก็วิ่งหายออกไปจากบ้านไม่ต่างกัน และบิ๊กก็วิ่งออกไปด้วย

            ไอซ์มีแต่ความงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงรีบโทรหาบิ๊กให้มารับ และก็ได้ไปถึงวัดในที่สุด ในคืนนั้นทั้งญาติสนิทและผองเพื่อนก็ได้นอนเฝ้าศพที่วัด แต่แล้วน้องที่ชื่อ ‘โรจน์’ ก็ตะโกนโวยวายขึ้นมาดังลั่นก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในโรงครัวของวัด ทุกคนพยายามจับมาถามและคุยให้ใจเย็นลงว่า โรจน์ที่ยังสั่นกลัวอยู่ได้แต่พูดว่า

            “ผมเห็นพี่วัฒน์ยืนอยู่บนตัวของพี่บิ๊ก แล้วพี่วัฒน์ค่อย ๆ นั่งลงยอง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอาตัวเอนไปข้างหลัง จากนั้นก็ฟาดหัวตัวเองมาข้างหน้า เขาทำย้ำ ๆ จนหัวของพี่วัฒน์หลุดออกมากระแทกหน้าพี่บิ๊ก หัวนั้นได้กลิ้งลงมาหยุดอยู่ที่ผม ผมเลยวิ่งหนี”

            บิ๊กที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่าอีกคืนเขาคงไม่อยู่แล้ว ในช่วงเย็นวันต่อมา ไอซ์ก็ได้มาอยู่เป็นเพื่อนบิ๊ก ขณะที่บิ๊กอาบน้ำอยู่นั้น ไอซ์ก็นั่งรอข้างนอก แต่กลับได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องน้ำว่า

            “กลัวแล้ว กลัวแล้ว”

            พร้อมกับเสียงถีบประตูห้องน้ำที่ดังปัง! จนประตูหลุดออกมา บิ๊กที่เปลือยเปล่าทั้งตัว ก็วิ่งออกไปที่ป่ากล้วย

            กว่าบิ๊กจะสงบสติได้ก็ใช้เวลานาน บิ๊กเล่าให้ไอซ์ฟังว่า ตอนนั้นกำลังใช้สบู่ฟอกหน้าอยู่ ขณะที่หลับตา กำลังใช้มือควานหาขันก็ใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะเจอ เขาก็คว้าและตักน้ำราดลงมาที่ใบหน้า แต่จังหวะที่ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เขาจับกลับไม่ใช่ขัน แต่เป็นปากของวัฒน์! เรียกได้ว่าขันใบนั้นคือหัวของวัฒน์นั่นเอง ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระยะประชิด เขาทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากขว้างหัวทิ้ง

            บิ๊กคิดว่ามันจะจบแค่นั้น เขารีบดึงผ้าขนหนูมาคลุมตัว แต่สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมากลายเป็นร่างของวัฒน์ที่กำลังโอบเขาอยู่จากด้านหลัง! สติบิ๊กได้หายไปแล้วมีแต่ความกลัวที่คลืบคลานเข้ามา ในเวลานั้นคิดแค่ว่ายังไงก็ต้องเอาตัวเองออกจากห้องน้ำให้ได้ บิ๊กจึงพยายามดิ้นถีบประตูออกมา

            หลังจากฟังเรื่องราวจบ ทุกคนก็ได้แต่คุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเพื่อนที่ตายไปถึงต้องเล่นงานหนักขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้ เวลาล่วงเลยจนมาถึงวันทำบุญร้อยวัน ในตอนเย็นเพื่อนก็มานั่งสังสรรค์กัน อยู่ ๆ บิ๊กก็พูดขึ้นมาว่า

            “กูรู้สึกผิดว่ะ กูเป็นเหตุผลที่ทำให้วัฒน์ตายด้วยส่วนหนึ่ง เพราะว่าวันที่เกิดเหตุ กูไปบ้านของทอม ไปส่งมันนี่แหละ กูอยากกินเหล้ากับเพื่อน เลยทิ้งมันไว้ตรงนั้น  สายแรกวัฒน์โทรมา ให้กูไปรับมัน สายที่สองโทรมาตัดพ้อว่าอยากตาย ไม่อยากอยู่แล้ว กูก็ปากพล่อยตอบมันไปว่า มึงตายก็ดี มึงจะได้เป็นผีรุ่นพี่ กูจะได้ขอหวยด้วย และที่สำคัญนะ ถ้ามึงตาย มึงมาหลอกกูคนแรกเลย เพราะว่ากูคือเพื่อนรักของมึง”

            ไอซ์เข้าใจกระจ่างว่าทำไมบิ๊กถึงได้โดนหลอก 

            หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 2 ปี ได้มีสายจากมิ้นโทรมาหาไอซ์  เธอได้ถามไปว่า

            “มึงหายไปไหนมา มึงทำให้เพื่อนกูตาย”

            มิ้นจึงได้เล่าทุกอย่างให้ฟังว่า..

            ในช่วงที่คบกับทอมก็มีทะเลาะกันบ้าง พอมีปากเสียงกัน มิ้นก็เลือกที่จะไปดื่มกับวัฒน์ และมีอะไรกันจนท้อง เมื่อท้องได้ 2 เดือน ทอมก็จับได้ ทั้งสามคนตัดสินใจมาเคลียร์กันที่บ้านของทอมว่าควรจะจัดการยังไงต่อ ทอมยื่นคำขาดกับมิ้นว่า

            “ถ้าเลือกวัฒน์ ก็ออกจากบ้านกูไป แต่ถ้ามึงเลือกกู ก็ต้องเอาเด็กคนนี้ออก”

            พอวัฒน์ได้ยิน ก็รู้สึกเศร้ามาก จนทำลายข้าวของ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายก็ก้มลงกราบมิ้นและทอม พรางอ้อนวอนว่า “เอาลูกกูไว้เถอะ ถ้ามึงไม่อยากเลี้ยงกูเลี้ยงเอง”

            แม้วัฒน์จะยอมทิ้งศักดิ์ศรีก้มลงกราบแทบเท้า แต่ทอมก็ไม่คิดจะเอาเด็กคนนี้ไว้ ทั้งยังสะใจที่ได้เป็นผู้ชนะ และพามิ้นกลับเข้าไปในบ้าน วัฒน์จึงตะโกนไล่หลังไปว่า

            “ถ้ามึงจะกำจัดลูกกู กูจะไปรอมันที่อีกโลกหนึ่ง!”

            นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่วัฒน์ได้พูดกับมิ้นและทอม

            เช้าวันต่อมา เมื่อได้เปิดหน้าต่างบ้านเพื่อรับลม ทั้งคู่ก็ได้เห็นว่าวัฒน์ผูกคอตายอยู่ตรงหน้าต่างบ้าน และที่ข้อเท้ายังเขียนชื่อเป็นชื่อจริงของมิ้นกับทอมไว้อีกด้วย ทั้งสองทำอะไรไม่ถูกจึงรีบหนีไปใต้ และมิ้นก็ยังคงเก็บเด็กคนนั้นไว้

            เวลาผ่านไปจนมิ้นคลอด และตั้งชื่อว่า ‘น้องโปรแกรม’ ไอซ์ไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง มิ้นจึงได้พาน้องโปรแกรมมาพบกับไอซ์ เมื่อไอซ์ได้เห็นเด็กผู้ชายวัย 2 ขวบ ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่านี่คือลูกของวัฒน์อย่างแน่นอน ไอซ์โผกอดน้องโปรแกรม ราวกับนี่คือวัฒน์เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

            จากนั้นมิ้นก็เล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากที่หนีไปใต้ วัฒน์ไม่เคยไปไหนไกล บางทีก็เดินถือหัวไปมา เวลาที่มิ้นสระผม ก็มาช่วยเธอสระผมบ้าง สถานที่ที่จะทำให้นอนได้ ไม่วัดก็เป็นบ้านหมอผี วันหนึ่ง ทอมและมิ้นเจอพระอาจารย์รูปหนึ่ง ทั้งสองได้เรียนวิปัสสนา กรรมฐาน รู้จักบาปบุญ

            และวันที่เปลี่ยนชีวิตทอมก็มาถึง มิ้นท้องแก่ใกล้คลอด ทอมก็ขับรถไปแต่ระหว่างทางก็มีควายสีดำวิ่งมาตัดหน้ารถ ทอมเลือกที่จะหักพวงมาลัยจนไปชนต้นไม้ ทั้งคู่สลบคาที่ แต่เสียงที่เรียกให้ทอมตื่นขึ้นมาคือเสียงของผู้ชาย บอกให้เขาไปช่วยมิ้น เพราะไฟกำลังโหมรถ ทอมได้สติก็รีบดึงมิ้นออกมา รถพยาบาลขับผ่านมาพอดี และน้องโปรแกรมก็ได้คลอดบนรถคันนั้น ทอมพูดกับอากาศหวังว่ามันจะส่งไปถึงวัฒน์ว่า

            ‘ขอบคุณนะพี่ที่มาช่วย ถ้าตอนนั้นหนูมีศีลมีธรรมหนูก็คงไม่ทำร้ายเด็กคนนี้ และคงไม่เป็นชู้กับมิ้น ตอนนี้หนูรู้สึกผิดแล้ว หนูยอมตายแทนเด็กคนนี้ด้วย’

            หลังจากคลอดน้องโปรแกรมออกมา พระอาจารย์ก็บอกกับมิ้นว่า

            “ให้เอาหลานไปคืนปู่กับย่า เพราะวัฒน์มาขอไว้ ไม่งั้นปู่กับย่าจะไม่รอด”

            มิ้นจึงถ่ายรูปน้องโปรแกรมส่งไปให้พ่อแม่ของวัฒน์ และเมื่อพ่อแม่วัฒน์ได้เจอน้องโปรแกรมก็ได้แต่ร้องไห้กอดหลาน เพราะว่านี่คือวัฒน์น้อยของแม่ เด็กคนนี้จะมาทดแทนความโหยหาที่ขาดหายไป จากนั้น พ่อวัฒน์ก็พูดขึ้นมาว่า

            “แม่มึง ไอที่เราคุยกันไว้ว่า 60 ปี เราอะอยู่ได้ยันร้อยปีเลยนะ”

            ทั้งมิ้นและทอมก็นำขันธ์ห้ามาไหว้พ่อกับแม่ ทั้งสองคนไม่ได้ด่าทอหรือทุบตี แต่กลับกอดกันแทน นี่ทำให้ไอซ์ตกผลึกได้ว่า การที่เรามีบุญ หรือรักษาศีล มันทำให้เราให้อภัยคนได้ ไอซ์เดินออกมานอกบ้าน พูดเบา ๆ กับเพื่อนสนิทของตนว่า

            ‘วัฒน์ มึงคิดเหมือนกูมั้ย ว่ามึงไม่ได้ตายฟรี มึงทำให้ไอชั่วสองคนนี้  กลับกลายเป็นคนดี และทำให้ครอบครัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ถึงตัวมึงจะตาย แต่คุณค่าของมึงก็ยังคงอยู่ คงถึงเวลาที่มึงจะไปสบายได้แล้ว’

            ไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินคีบบุหรี่ออกมาจากป่า และพูดกับเธอว่า “มันยังต้องชดใช้กรรมอีก”

            และเขาก็หายไป พร้อมกับรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งผ่านมา วัฒน์นั่งอยู่บนรถคันนั้นนั้น เขายิ้ม ดูมีความสุข และพยักหน้าให้เหมือนจะขอบคุณ และก็หายไป ไอซ์สะดุ้งเพราะน้องโปรแกรมเข้ามากอดจากข้างหลัง บอกให้ไปกินข้าวได้แล้ว..

เขียน: อภิธิดา ดุรงค์พันธุ์

เรียบเรียง: วันทนีย์ ไชยชาติ

ภาพ: กิตติพงษ์ นาคทอง

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากเสือ พิชย 'ขอนั่งข้างๆ' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

13 ธ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากเสือ พิชย 'ขอนั่งข้างๆ' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

‘เสือ พิชย’ ผู้กำกับภาพยนตร์ 404 สุขีนิรันดร์..RUN RUN ได้นำเรื่อง ‘ขอนั่งข้างๆ’ มาเล่าให้รายการ’ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 ธันวาคม 2567) หลอนไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ เรื่องราวนี้จะทำเอาทั้งสองดีเจขนลุกขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย!! ‘เสือ พิชย’ เล่าว่าในกองถ่ายจะมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า เวลากลับบ้านจะต้องเรียกชื่อเป็นรายคนและต้องเรียกเป็นชื่อคนเท่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนนั้น คุณเสือไม่เชื่อเรื่องนี้ จนคุณเสือมีโอกาสได้ไปถ่ายหนังในตึกร้างเมื่อหลายปีที่ผ่านมา หลังจากถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย คุณเสือก็พูดเหมารวมขึ้นมาว่า “ทุกคนกลับบ้านกัน” หลังจากนั้น คุณเสือก็ได้กลับบ้านตามปกติ ลักษณะบ้านจะเป็นทาวน์โฮม มีห้องน้ำอยู่ใต้บันได ตอนนั้นคุณเสือกำลังล้างหน้าอยู่ ขณะที่คุณเสือกำลังเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นเงาของใครบางคนอยู่ข้างหลัง แต่สิ่งที่แปลกคือ ไหล่ของคน ๆ นั้นอยู่เหนือหัวของคุณเสือไปอีก! แต่ตอนนั้นคุณเสือคิดว่าคงออกกองมาหลายวันอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้า ทำให้ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองเจอคือผีหรือว่าแค่ตาฝาดไป เวลาผ่านมาถึงตอนที่คุณเสือ ถ่ายภาพยนตร์ 404 สุขขีนิรันดร์..RUN RUN ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ในกองก็มีทั้งนักแสดงตัวประกอบที่แต่งตัวเป็นผี ทีมช่างเบื้องหลัง ทีมแต่งหน้าต่าง ๆ ในวันนั้นคิวของทีมนักแสดงที่เป็นผีหมดคิวแล้ว ตามธรรมเนียมจะมีการถ่ายรูปรวมกัน และจะมีผู้จัดการกองใช้เครื่องวิทยุสื่อสารเรียก “ทุกคนมาถ่ายรูปรวมกัน ผีเผอ มาให้หมด” ซึ่งความหมายจริง ๆ คือทีมนักแสดงที่แต่งเป็นผี และช่างแต่งหน้า วินาทีนั้น คุณเสือก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่คุณเสือยังคิดในแง่ดีว่า ‘ทีมงานมีเป็นร้อย เขาคงไม่มาตามตัวเองหรอก’ หลังจากความคิดนั้น เวลาผ่านไปถึงเวลาเลิกกอง ในขณะที่คุณเสือกำลังเดินไปที่ลานจอดรถซึ่งเป็นลานโล่ง ๆ หน้าที่จอดรถของคุณเสือติดเซ็นเซอร์กันชน ซึ่งจะมีอยู่สองสี คือสีส้มกับสีแดง สีส้มคือห่างออกไปประมาณหนึ่ง ส่วนสีแดงคือใกล้ที่จะชนแล้ว ในตอนนั้นลานจอดรถเหลือเพียงรถของคุณเสือเพียงคันเดียว จังหวะที่คุณเสือกำลังจะถอยรถ จู่ ๆ หน้าจอเซ็นเซอร์ก็ขึ้นสีส้ม คุณเสือจึงสงสัยว่ามีอะไรขวางอยู่หรือเปล่า แต่พอมองออกไปดูก็ไม่เห็นสิ่งของหรืออะไรขวางอยู่ คุณเสือจึงเริ่มถอยรถอีกครั้ง สัญญาณก็ขึ้นเป็นสีส้มอีก จึงคิดว่า..เป็นเพราะเซ็นเซอร์อาจขัดข้อง จึงถอยหลังอีกครั้ง ครั้งนี้ สีเซ็นเซอร์เปลี่ยนจากสีส้มกลายเป็นสีแดงรอบคันและมีเสียงร้องเตือนดัง ตอนนั้นคุณเสือมีความรู้สึกว่า ‘เหมือนมีคนมายืนล้อมรถของตัวเองอยู่!’ คุณเสือจึงรีบถอยรถออกมาด้วยความคิดที่ว่า ‘เขาอยู่ข้างนอก’ พอขับรถออกมาได้สักพักหนึ่ง ในขณะที่ความเร็วเริ่มมากขึ้น จู่ ๆ เสียงสัญญาณเตือนให้รัดเข็มขัดของเบาะข้าง ๆ ก็ดัง แต่ที่แปลกคือ ที่นั่งข้างคนขับของคุณเสือไม่มีใครนั่งอยู่เลย เพราะมีแค่กระดาษบทใบบาง ๆ วางไว้ก็ไม่น่าจะทำให้เตือนขึ้นมาได้ ขณะนั้นคุณเสือเริ่มรู้สึกอึดอัด คิดว่าเขาน่าจะเข้ามาอยู่ในรถแล้ว และเสียงเตือนก็ยังคงดังต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งที่คุณเสือทำคือชะลอรถและหันไปคาดเข็มขัดให้เบาะข้าง ๆ เพื่อทำให้เสียงสัญญาณเตือนหายไป หลังจากนั้น คุณเสือก็ขับรถต่อไปจนถึงบ้าน คุณเสือใช้วิธีลงจากรถแล้วรีบปิดประตู โดยไม่เรียกเขาลงมาด้วย เพราะคุณเสือมีความเชื่อว่า เรียกขึ้นมาแล้วก็ต้องเรียกลงในสถานที่เดิม วันรุ่งขึ้นหลังจากที่คุณเสือถึงสถานที่ถ่ายทำเดิม หลังจากที่จอดรถก็เปิดประตูรถทุกบานทิ้งไว้ และพูดเชิญให้เขาลงรถไป เพื่อหวังไว้ว่าคนที่นั่งเบาะข้าง ๆ จะหายไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากมิวสิค 'เปรตเเถวบ้าน' l อังคารคลุมโปง X ปลายฟ้า-มิวสิค [ 11 พ.ย.2568 ]

20 พ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากมิวสิค 'เปรตเเถวบ้าน' l อังคารคลุมโปง X ปลายฟ้า-มิวสิค [ 11 พ.ย.2568 ]

'คืนหมาหอน' ในช่วงวันเลือกตั้งที่ชาวบ้านในพื้นที่จะรู้กันเลยว่า ต้องรีบเข้านอนก่อนฟ้ามืดเพราะอาจจะมีการเก็บหัวคะแนนกันเกิดขึ้น ในคืนนั้นก็มีเสียงดัง ‘ปั้ง’ เกิดขึ้นในกลางดึกแบบที่คิดไว้ หลังจากนั้นผ่านไปสามวันคุณแม่ ได้ยินเสียงหมาหอนดังไล่มาตามถนน พร้อมกับเห็นเงาสูงใหญ่เดินผ่านจุดเกิดเหตุ!? เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปงXปลายฟ้า - มิวสิค’ (11 พฤศจิกายน 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘เปรตแถวบ้าน’ ‘มิวสิค’ ได้เล่าเรื่องราวของ ‘คุณแม่’ ที่เคยเจอเหตุการณ์นี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรปราการเมื่อก่อนคุณแม่ จะอาศัยอยู่ใกล้ตลาดปลาแห่งหนึ่ง ซึ่งพื้นที่แถบนั้นเมื่อก่อนชาวบ้าน จะเรียกคืนคืนหนึ่งว่า คืนหมาหอน จะเป็นช่วงวันเลือกตั้ง ที่ชาวบ้านต่างรู้กันดีว่า ต้องรีบเข้าบ้านก่อนฟ้ามืด เพราะจะมีการ เก็บหัวคะแนน ในคืนก่อนเลือกตั้ง ซึ่งตึกที่คุณแม่ อาศัยอยู่จะใกล้กับบ้านของหัวคะแนนคนหนึ่งนั้น และตึกนั้นค่อนข้างแปลกตา เพราะเป็นตึกกระจกแบบ 360 องศา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงทำให้มองเห็นวิวได้ทั้งหมดเลย คืนนั้น…คุณแม่ รู้ว่าจะมีการเก็บหัวคะแนน จึงเข้านอนเร็ว แต่เมื่อมองออกไปทางหน้าต่าง ก็เห็นว่าชายคนนั้นยังไม่เข้าบ้าน นั่งดื่ม นั่งคุยกับเพื่อนอย่างไม่รู้ชะตากรรม… ไม่นานหลังจากนั้น เสียงดัง ‘ปั้ง!’ ก็ดังขึ้นกลางดึก คุณแม่ กับคุณยายได้ยินเต็มสองหู ต่างรู้ทันทีว่า เขาโดนเก็บแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่เดินไปดูที่เกิดเหตุ ก็พบเพียง คราบเลือด ทิ้งไว้ให้เห็นอยู่ตรงจุดนั้นหลังจากนั้นเวลาผ่านไปได้ สามวัน คืนนั้นขณะที่คุณแม่ นอนอยู่ในห้องฝั่งหัวเตียงหันไปทางถนนที่มีแสงไฟลอดหน้าต่างเข้ามากระทบกับกำแพงตรงปลายเท้า คุณแม่ได้ยินเสียงหมาหอน…เสียงนั้น ค่อย ๆ ดังขึ้น จนเหมือนเสียงมันไล่เข้ามา ตามทางถนนหน้าบ้าน จากนั้นเสียง ‘วี๊ดดดด…’ ก็ดังขึ้น พร้อมกับเห็นเงาของสิ่งที่มีชีวิต สูงใหญ่มากผิดปกติ ค่อย ๆ เดินผ่านไปช้า ๆ เงานั้นทอดยาวผ่านปลายเตียงของคุณแม่ พร้อมกับเสียง ‘วี๊ดดดด’ ที่ดังยาวต่อเนื่องไม่ขาดสายคุณแม่เชื่อว่า…สิ่งที่เห็นในคืนนั้น คือ ‘เปรต’ ที่กลับมาวนเวียนอยู่ตรงจุดที่เขาเสียชีวิต เพราะครบ สามวัน พอดีกับความเชื่อของคนโบราณ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

24 พ.ย. 2023

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

ระหว่างทางไปน้ำตกเผลอนอนหลับในรถ จึงฝันเห็นเหตุการณ์​คนเสียชีวิตในสถานที่ที่กำลังจะไป ปรากกฎว่า พอไปถึง.. เหตุการณ์เหมือนในฝันดันเกิดขึ้นจริง! เรื่องนี้ ‘NICECNX’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษจิกายน 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตัวตายตัวแทน’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! คุณไนซ์เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทีมงานใกล้ตัว นามสมมติว่า ‘พี่หนึ่ง’ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคุณไนซ์พอสมควร เพราะทุกคนล้วนเคยเกิดเหตุการณ์ ‘เดจาวู’ แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่หนึ่งถือว่าแรงมาก ๆ เพราะพอเดจาวูเสร็จ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงในอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา เรื่องมีอยู่ว่าในตอนเด็ก พ่อกับแม่พาพี่หนึ่งไปเที่ยวน้ำตก เป็นน้ำตกที่มีหลายชั้น ซึ่งในน้ำตกจะมีชั้นนึงที่เป็นวังน้ำวน พี่หนึ่งชอบไปเล่นที่ชั้นนี้มาก ขณะเดินทางไปน้ำตก ด้วยความเป็นเด็กจึงนอนหลับในรถตามปกติ แต่แล้วก็ฝันว่า พอไปถึงน้ำตก กำลังจะลงเล่นน้ำ คนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างพ่อค้าแม่ค้าวิ่งแตกตื่นกันมา พ่อกับแม่จึงถามไปถามคนแถวนั้นว่า “เกิดอะไรขึ้น อันนี้น้ำตกเปิดตามปกติรึเปล่า?” พ่อค้าแม่ค้าก็ตอบว่า “มีเด็กผู้หญิงจมน้ำ ไม่รู้เสียชีวิตรึเปล่า เพราะยังหาร่างไม่เจอ หากันมาเป็นชั่วโมงแล้ว อาจจะไม่รอดแล้วมั้ง” จากนั้นในฝันก็ตัดภาพเห็นพี่หนึ่งถึงน้ำตก เดินงัวเงียลงจากรถเพราะพึ่งตื่น เป็นจังหวะที่เขากู้ศพขึ้นมาพอดี พี่หนึ่งจึงชะเง้อดู เห็นเป็นเด็กผู้หญิงหน้าหมวย ใส่ชุดแขนสั้นสีฟ้า ผมประบ่า เป็นศพที่ถูกกู้ขึ้นมาจากในน้ำ จนในที่สุดก็สะดุ้งตื่น เป็นจังหวะเดียวกับรถใกล้จะถึงน้ำตกพอดี พอรถจอด พ่อกับแม่ก็ลงไปจากรถ แล้วคนก็วิ่งแตกตื่น แล้วหลังจากนั้นก็มีการพบศพคนเสียชีวิตเหมือนกับในฝัน! นั่นเป็นเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกที่หนึ่งไม่เคยลืม นอกจากนี้ คุณไนซ์ยังเสริมอีกว่า จริง ๆ แล้วตอนแรกน้ำตกมีชื่ออีกชื่อหนึ่ง แต่พอมีนักท่องเที่ยวมาเสียชีวิตซ้ำเยอะ ๆ เขาจึงตั้งชื่อตามและเปลี่ยนชื่อมาเรื่อย ๆ ในมุมหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานที่อันตราย แต่ว่าถ้าลองมุมอีกมองอาจจะเป็นการหาตัวตายตัวแทนก็เป็นได้...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากพี่เเจ็ค ‘บ้านรีโนเวท’ I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 28 พ.ค. 2567]

01 มิ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากพี่เเจ็ค ‘บ้านรีโนเวท’ I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 28 พ.ค. 2567]

เรื่องนี้ ‘พี่แจ็ค The Ghost Radio’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (28 พฤษภาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ’ดีเจเคเบิ้ล’ เรื่องที่มีชื่อว่า ‘บ้านรีโนเวท’ เรื่องราวสุดหลอนนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย! พี่แจ็คบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจาก ‘คุณบอย’ โดยต้องย้อนกลับไปในช่วงที่คุณบอยทำอาชีพฉีดปลวก ซึ่งตัวคุณบอยจะมีเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนในการทำธุรกิจต่าง ๆ เพื่อนของคุณบอยได้ไปรับงานจากคนที่รู้จัก ซึ่งคนนี้คือเพื่อนของเพื่อนคุณบอยและเป็นหลานเจ้าของบ้าน เขาอยากให้ไปจัดการปลวก หนู และแมลงต่าง ๆ แต่ก่อนที่จะไปทำ คุณบอยได้เข้าไปดูสถานที่จริงว่าบ้านเป็นอย่างไร ซึ่งคุณบอยบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้าน 2 ชั้น ด้านล่างเป็นปูน ด้านบนเป็นไม้ บริเวณด้านล่างจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ด้านบนจะสำคัญกว่าเพราะเป็นไม้ จะต้องไล่ปลวกและฉีดปลวกก่อน ด้วยความที่ตัวคุณบอยเชี่ยวชาญทางด้านนี้อยู่แล้ว จึงรู้ว่าควรจะเริ่มทำอย่างไรก่อน บริเวณชั้น 2 จะมี 3 ห้องได้แก่ 2 ห้องนอน 1 ห้องโถง ก่อนที่คุณบอยจะเริ่มสำรวจ เจ้าของบ้านได้บอกให้เข้าไปดูห้องหนึ่ง เป็นห้องที่คิดว่าน่าจะเสียหายมากที่สุด คุณบอย เพื่อนคุณบอย และเจ้าของบ้านจึงขึ้นไปยังห้องนั้น คุณบอยบอกว่าแว๊บแรกที่เปิดประตูเข้าไปคือมีกลิ่นเหม็นเน่า เหมือนมีซากสัตว์ตายจำนวนมาก ตามสัญชาตญาณของคนทำงานแนวนี้สันนิษฐานว่าจะมีอยู่ 2 อย่างที่ตาย คือไม่หนูก็ตุ๊กแก จากนั้น คุณบอยก็ได้เดินไปสำรวจ ในระหว่างที่เดินสำรวจมุมต่าง ๆ คุณบอยก็ได้ไปเจอกับซากตุ๊กแกตายหลายจุด แต่มีอยู่หนึ่งตัวที่ดูแปลกไปคือมีแต่ตัวส่วนหัวหายไป ทำให้คุณบอยทราบว่าที่ห้องนี้เหม็นเพราะตุ๊กแกตาย คุณบอยจึงแจ้งกับเจ้าของบ้านว่าห้องนี้อาจจะต้องทำเยอะ ยังไม่รวมบนฝ้าที่ไม่รู้ว่าหนักขนาดไหน คุณบอยจึงจำเป็นที่จะต้องปีนขึ้นไปดู เมื่อคุณบอยเห็นก็ได้บอกว่า “หนักกว่าข้างล่างอีก” เพราะว่ามีซากตุ๊กแกนอนตายกลาดเกลื่อนเต็มไปหมด แต่คุณบอยก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะบ้านหลังนี้อยู่ในสวนจึงไม่แปลก แต่ที่ผิดปกติคือบนฝ้ามีรอยมือคนที่เหมือนเอาตัวลากไปกับฝ้า รอยเท้า รอยมือเต็มไปหมด ที่แปลกที่สุดคือตรงไหนที่มีคานติดกับฝ้าที่มีระยะห่างเพียงแค่นิดเดียว จะมีรอยมือที่เหมือนเอาตัวลากไปกับฝ้าสามารถผ่านช่องเล็ก ๆ นั้นไปได้ เมื่อคุณบอยลงมาด้านล่าง ได้บอกกับเจ้าของบ้านว่า “ด้านบนต้องทำความสะอาดเยอะนะ” เพราะกลิ่นเหม็นมาจากด้านบนเนื่องจากมีตุ๊กแกตายเยอะ หลังจากสำรวจห้องนี้เสร็จก็ไปสำรวจห้องอื่นต่อซึ่งเป็นห้องของน้าสาว ห้องนี้ก็เละไม่ต่างกัน มองไปทางไหนก็มีซากตุ๊กแกตาย เมื่อสำรวจเสร็จคุณบอยก็มาคุยกับเจ้าของบ้านว่า “ต้องทำเยอะนะ” เวลานั้นเป็นช่วงเที่ยงพอดี คุณบอยจึงลงมาพักทานข้าว ระหว่างที่กินข้าว ด้วยความที่คุณบอยเป็นคนที่ปีนขึ้นไปสำรวจบริเวณฝ้าและรู้สึกผิดปกติจึงคิดอยากถามกับเจ้าของบ้านว่าห้องนี้เกิดอะไรขึ้น เจ้าของบ้านจึงได้เล่าว่า อดีตของบ้านหลังนี้มีน้าสาวของเจ้าของบ้านอาศัยอยู่ ซึ่งห้องที่ไปดูมาเป็นห้องของน้าสาว น้าสาวเป็นคนหน้าตาดี สวย มีผู้ชายมาจีบเยอะ วัน ๆ ก็มักจะมีหนุ่ม ๆ ขี่รถมาจีบจนเป็นกิจวัตร แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้หญิงขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้านของน้าสาว ซึ่งบ้านหลังนี้ไม่มีรั้ว เมื่อจอดเสร็จผู้หญิงคนนี้ก็ได้หยิบห่อผ้าขาวที่พกมาปาเข้าไปในห้องของน้าสาว หลังจากนั้นก็ด่าน้าสาวพร้อมกับสาปแช่ง คนในบ้านและน้าสาวตกใจจึงพากันแห่ออกมาดู ภาพที่เห็นคือผู้หญิงคนนี้โกรธจัดยืนชี้หน้าด่าน้าสาว จนคนในบ้านต้องจับผู้หญิงคนนี้ออกไปและไล่น้าสาวกลับเข้าไปในห้อง ระหว่างที่กำลังจับผู้หญิงคนนี้ออกไปและน้าสาวกำลังกลับเข้าห้อง ขณะนั้นทุกคนได้ยินเสียงน้าสาวกรี๊ด ทุกคนจึงวิ่งกลับเข้าไปในห้อง ปรากฎว่าสิ่งที่เห็นคือน้าสาวนอนสลบอยู่ข้าง ๆ ห่อผ้า ซึ่งหลังจากที่ห่อผ้าถูกปาเข้ามาก็แตกกระจาย สิ่งที่ทุกคนเห็น คือ เป็นก้อนขาว ๆ ขุ่น ๆ มีเศษผม เศษเล็บ เต็มไปหมด เหมือนกับเป็นห่อผ้าที่ใช้ห่อกระดูกคนแล้วถูกเอามาโยนใส่เพื่อทำอะไรบางอย่าง ในช่วงชุลมุนนั้นเอง ญาติก็ช่วยกันเก็บห่อผ้าไปไว้สักที่ แล้วพาน้าสาวไปโรงพยาบาล เมื่อตรวจแล้วก็ไม่มีความผิดปกติ แต่หลังจากวันนั้น น้าสาวมักจะบ่นปวดหัว และทำตัวไม่ปกติ จากที่เป็นคนสวย เป็นมิตร กลับกลายเป็นเก็บตัวไม่ออกจากห้อง ไม่กินข้าว จนต้องนำข้าวเข้าไปในห้อง แม้จะพาไปหาหมอแต่ก็ได้ความเหมือนเดิมว่าน้าสาวไม่ได้เป็นอะไร แต่แล้ววันหนึ่งสิ่งที่ไม่ปกติก็เกิดขึ้น คนในบ้านกำลังจะเอาข้าวไปให้น้าสาว ปรากฏว่าเคาะประตูแล้วแต่ก็ไม่ยอมเปิด จึงเปิดเข้าไปดู ภาพที่เห็นคือน้าสาวนั่งอยู่ที่มุมห้องกำลังทำอะไรบางอย่าง พอเรียกน้าสาวที่ทำตัวยุกยิก น้าสาวที่กำลังทำอะไรอยู่นั้นก็หยุดทันทีแล้วหันมา สิ่งที่เห็นทำเอาคนในบ้านตกใจมาก คือ น้าสาวกำลังคาบหัวตุ๊กแกที่ถูกดึงออกมาจากตัวและเต็มไปด้วยเลือด ด้วยความที่ทุกคนในบ้านตกใจจึงรีบเข้าไปจับตัวน้าและเอาหัวตุ๊กแกออกแล้วนำส่งโรงพยาบาล โรงพยาบาลจึงแจ้งว่าอาการนี้น่าจะผิดปกติทางจิต มีใครในบ้านไปทำอะไรที่ส่งผลให้น้าสาวได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจรึป่าว ทางบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร ไปหาพระก็แล้ว หมอดูก็แล้ว ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอาการของน้าสาวคือ ‘โดนของ’ แต่ไม่รู้ว่าโดนอะไร แต่สิ่งที่หนักขึ้นกว่าเดิม คือทุกวันที่มีฝนตกน้าสาวจะกรีดร้องเสียงดัง โหวกเหวกโวยวายเหมือนคนเสียสติ จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนมาเยี่ยมบ้านหลังนี้ ประจวบเหมาะกับวันนั้นเป็นวันฝนตก ทุกคนในบ้านก็เฝ้าระวังว่าน้าสาวจะกรีดร้องหรือไม่ ปรากฏว่าเมื่อฝนตกน้าสาวกลับเงียบกริบ แต่ฝ้าเพดานข้างบนมีเสียง กุกกักไปมา คนในบ้านจึงคิดว่าเป็นหนู เลยพยายามไล่ดูและเอาไม้กระทุ้งเพดาน ระหว่างที่กำลังเอาไม้กระทุ้งนั้นก็มีฝ้าแผ่นหนึ่งหลุดลงมา แล้วทุกคนก็หันไปมอง สิ่งที่ทุกคนเห็นคือ น้าสาวห้อยหัวลงมาจากฝ้าปากคาบตุ๊กแกไปด้วย แล้วน้าสาวก็วิ่งกลับเข้าไปในเพดาน พอปีนเข้าไปดูปรากฎว่าฝ้าเพดานเต็มไปด้วยซากตุ๊กแกที่น้าสาวเหมือนไปจับแล้วกิน เหมือนกับคนโรคจิต คนในบ้านเลยจับน้าสาวลงมาสงบสติ ระหว่างที่ลงมาน้าสาววิ่งเข้าไปในอีกห้อง ทุกคนจึงรีบวิ่งตามไป พอไปถึงก็เห็นน้าสาวกำลังนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่าง นั่งหันหลังให้ออกไปด้านนอก หันหน้าเข้ามาในบ้านแล้วแกก็เคี้ยวตุ๊กแกไปด้วย คนในบ้านจึงจะรีบวิ่งไปจับ ปรากฏน้าสาวทิ้งตัวเองหงายลงไปจากชั้น 2 นอนแน่นิ่งอยู่ด้านล่าง ทุกคนจึงรีบพาไปโรงพยาบาล วันรุ่งขึ้นหมอแจ้งว่าน้าสาวเสียชีวิตแล้ว สาเหตุการตายไม่ได้มาจากการตกจากชั้น 2 แต่เสียชีวิตจากการที่เลือดเป็นพิษที่น่าจะมาจากสิ่งที่น้าสาวกินเข้าไป ก็คือตุ๊กแกจำนวนมากที่ทั้งดิบทั้งสกปรก หลังจากจัดการพิธีศพของน้าสาวเสร็จ คนในบ้านก็คิดกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้าสาว สิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัวคนในบ้าน คือผู้หญิงที่เคยมาโยนห่อผ้าสีขาวใส่หิ้งของน้าสาว คนในบ้านเลยคุยกันว่าห่อผ้าที่ถูกเก็บไปอยู่ที่ไหน ซึ่งก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเก็บและห่อผ้าถูกเก็บไว้ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าของบ้านต้องหาให้ได้คือผู้หญิงคนนี้เป็นใคร จึงเริ่มสืบจากการไปถามคนนั้น คนนี้ ว่ารู้จักผู้หญิงลักษณะแบบนี้ไหม แล้วก็ได้คำตอบจากป้าคนหนึ่งในหมู่บ้านว่ารู้จัก บ้านอยู่ไม่ไกลกันเอง ทำให้ฉุกคิดได้ว่าทำไมรู้สึกหน้าคุ้น ๆ เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนในหมู่บ้าน เจ้าของบ้านเลยไปที่บ้านของผู้หญิงคนนี้ เมื่อไปถึงคนข้างบ้านบอกว่าบ้านหลังนี้เคยมีสามีภรรยาอยู่ แต่เสียชีวิตหมดแล้ว เหมือนคู่นี้ทะเลาะกันแล้วผู้ชายหนี ผู้หญิงจึงผูกคอตาย จากนั้นก็มีการสืบเรื่องต่อไปอีก ได้ความว่า ผู้ชายบ้านนี้เจ้าชู้ จีบผู้หญิงไปเรื่อย แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่ผู้ชายจะไปจีบบ่อยก็คือน้าสาว ผู้หญิงจึงจับได้ว่าสามีตัวเองมาบ้านน้าสาวบ่อย จึงทะเลาะกับผู้ชายทำให้ผู้ชายหนีออกจากบ้านไป ผู้หญิงคนนี้เสียใจมากเลยผูกคอตาย แต่ก่อนที่จะผูกคอตายผู้หญิงคนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านของน้าสาวก่อนแล้วทำคุณไสยใส่น้าสาว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1