เรื่องเล่าจากคุณนพพร ‘ยายเลื่อน’ l อังคารคลุมโปง X ณัฐผี The Scary [ 8 ก.ค.2568 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณนพพร ‘ยายเลื่อน’ l อังคารคลุมโปง X ณัฐผี The Scary [ 8 ก.ค.2568 ]

18 ก.ค. 2025

        ‘คุณนพพร’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวของยายสุดเฮี้ยนอย่าง ‘ยายเลื่อน’ ที่ตายไปพร้อมแรงแค้นและกลับมาเอาคืนอย่างสาสม เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ? ยายเลื่อนจะเฮี้ยนขนาดไหน ?สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ยายเลื่อน’

        ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว มีบ้านหลังหนึ่งที่เปิดร้านขายของชำ ลักษณะเป็นบ้านไม้ หลังบ้านติดกับสวน หน้าบ้านติดกับลำคลอง มีผู้คนพลุกพล่าน มีคนอาศัยอยู่หลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘ยายเลื่อน’ เธอมีปัญหาทางด้านสุขภาพเพราะเคยเกิดอาการชักเกร็งตั้งแต่เกิด ส่งผลให้พูดไม่ชัด ยายเลื่อนสามารถพูดได้แค่พยัญชนะ ‘อ.อ่าง’ เท่านั้น เช่น ‘ฉันชื่อเลื่อน’ จะพูดเป็น ‘อั๋นอื้อเลื่อน’ ซึ่งการที่พูดไม่ชัดก็มักจะทำให้โดนเพื่อน ๆ และเด็ก ๆ แถวนั้นล้ออยู่บ่อยครั้ง

        มีอยู่วันหนึ่ง ยายเลื่อนเดินทางไปธุระที่วัด ก็เจอกับเด็กวัยรุ่นแถวนั้นชื่อว่า ‘แท่ง’ กับ ‘ปลา’ เด็กพวกนี้แกล้งเดินชนจนยายให้ล้ม แล้วหยิบหวีสับของยายออกมา จากนั้นก็โยนขึ้นไปบนต้นมะม่วง ยายเลื่อนโกรธมากจนพูดออกมาว่า

        “อ้าอูอาย อูอะอาอักอออึง!” (ถ้ากูตาย กูจะมาหักคอมึง!)

        พอยายกลับบ้านก็ไม่กล้าเข้าบ้านเพราะเสื้อเลอะ จึงถอดไปซักที่ริมคลองก่อน ตกเย็นทุกคนกินข้าวกันแต่ยายเลื่อนไม่กลับมา ทุกคนในบ้านก็เริ่มออกตามหา เมื่อมองออกไปนอกระเบียงก็เห็นว่ายายกำลังชักแล้วหัวทิ่มลงน้ำไป พอลงไปช่วยก็พบว่ายายเสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นก็นำศพไปไว้ที่วัด แต่เนื่องจากการจมน้ำตายเป็นการตายโหงทำให้ยังไม่สามารถประกอบพิธีกรรมได้

        กระทั่งเช้าวันต่อมา ก็มีข่าวว่าแท่งไปผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง สอบถามกันไปมา เด็กวัดก็บอกว่าเมื่อคืนแท่งวิ่งมาที่วัดพร้อมร้องตะโกนโวยวายว่าโดนผียายเลื่อนหลอก เด็กวัดไม่ได้สนใจ จนกระทั่งตอนเช้ามาก็เจอกับศพแท่งแล้ว ที่สำคัญต้นมะม่วงต้นนั้นก็เป็นต้นเดียวกับที่แท่งโยนหวีสับขึ้นไป

        ตกเย็นทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ปลาก็ได้จ้างเรือแจวเพื่อกลับบ้าน ขณะเดินทางกลับ ปลาก็ได้ยินเสียงของยายเลื่อนเรียก

        “อา…อา…”

        พอหันกลับไปก็เห็นเป็นยายเลื่อนในสภาพขึ้นอืดกำลังลอยน้ำตามเรือมา ทั้งคนแจวเรือและปลาต่างก็ตกใจ กระโดดลงเรือแล้วรีบว่ายน้ำขึ้นฝั่ง รุ่งเช้าคนแจวเรือก็มาเล่าเหตุการณ์ว่าโดนหลอกให้ชาวบ้านฟัง ทุกคนก็ออกตามหาปลาจนพบว่าปลาจมน้ำตายอยู่ที่ท่าเรือหน้าบ้านของตนเองโดยสภาพศพเหมือนคนถูกหักคอ

        หลังจากนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่สัญจรผ่านไปมาซื้อของ ก็จะเจอยายเลื่อนปรากฏตัวให้เห็นเป็นประจำทำให้คนไม่กล้ามาซื้อของ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันไปที่วัดเพื่อขอความช่วยเหลือจาก ‘หลวงพี่ศร’ ซึ่งเป็นพระบวชใหม่ที่มีความสามารถในการทำพิธีกรรม จึงนิมนต์มาที่บ้านเพื่อมาขับไล่ยายเลื่อน

        ชาวบ้านต่างก็มามุงกันรอบบ้านเพื่อดูพิธีกรรมนี้ ขณะทำพิธีกรรมยายเลื่อนก็โผล่ตัวมาให้เห็น เหมือนเป็นคนมาคุยกับหลวงพี่ปกติ หลวงพี่จึงเทศน์ให้ฟังแล้วยายเลื่อนก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

        วันต่อมาก็ไม่มีใครเจอยายเลื่อน ต่างดีใจหวังว่าจะไปผุดไปเกิด แต่เวลาผ่านไปไม่กี่คืนปรากฏว่าใครที่มาดูพิธีกรรมวันนั้น ยายเลื่อนจะไปหาทุกคน บ้างก็บอกว่า ขณะที่ตักน้ำจากในโอ่งก็ยังเห็นเป็นหน้ายายเลื่อนลอยขึ้นมา บางครั้งก็ไปเรียกถึงหน้าบ้าน

        เรียกได้ว่าเมื่อก่อนใครได้ยินเสียงยายเลื่อนก็ต้องขำ แต่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของเสียงที่ชาวบ้านต่างกลัวไปหมด ชาวบ้านทนไม่ไหวจึงกลับมาตามหลวงพี่ศรอีกครั้ง แต่หลวงพี่กลับบอกว่าอาจจะทำพิธีกรรมไม่ได้ ถึงทำไปยายเลื่อนก็อาจจะไม่ไปไหนแล้ว แต่อีกวิธีที่จะช่วยได้คือต้องนิมนต์พระที่ยายเลื่อนศรัทธาหรือนับถือมาช่วย ซึ่งก็ต้องเป็น ‘หลวงปู่เส็ง’ เพราะท่านเป็นพระที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ ยายเลื่อนไม่โผล่มาให้เห็นในพิธีกรรมแล้ว หลวงปู่เส็งจึงสวดมนต์ อาบน้ำศพ และทำการเผาศพไป จากนั้นยายเลื่อนก็ไปกลับมาอีกเลย..

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

24 พ.ย. 2023

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

ระหว่างทางไปน้ำตกเผลอนอนหลับในรถ จึงฝันเห็นเหตุการณ์​คนเสียชีวิตในสถานที่ที่กำลังจะไป ปรากกฎว่า พอไปถึง.. เหตุการณ์เหมือนในฝันดันเกิดขึ้นจริง! เรื่องนี้ ‘NICECNX’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษจิกายน 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตัวตายตัวแทน’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! คุณไนซ์เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทีมงานใกล้ตัว นามสมมติว่า ‘พี่หนึ่ง’ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคุณไนซ์พอสมควร เพราะทุกคนล้วนเคยเกิดเหตุการณ์ ‘เดจาวู’ แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่หนึ่งถือว่าแรงมาก ๆ เพราะพอเดจาวูเสร็จ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงในอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา เรื่องมีอยู่ว่าในตอนเด็ก พ่อกับแม่พาพี่หนึ่งไปเที่ยวน้ำตก เป็นน้ำตกที่มีหลายชั้น ซึ่งในน้ำตกจะมีชั้นนึงที่เป็นวังน้ำวน พี่หนึ่งชอบไปเล่นที่ชั้นนี้มาก ขณะเดินทางไปน้ำตก ด้วยความเป็นเด็กจึงนอนหลับในรถตามปกติ แต่แล้วก็ฝันว่า พอไปถึงน้ำตก กำลังจะลงเล่นน้ำ คนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างพ่อค้าแม่ค้าวิ่งแตกตื่นกันมา พ่อกับแม่จึงถามไปถามคนแถวนั้นว่า “เกิดอะไรขึ้น อันนี้น้ำตกเปิดตามปกติรึเปล่า?” พ่อค้าแม่ค้าก็ตอบว่า “มีเด็กผู้หญิงจมน้ำ ไม่รู้เสียชีวิตรึเปล่า เพราะยังหาร่างไม่เจอ หากันมาเป็นชั่วโมงแล้ว อาจจะไม่รอดแล้วมั้ง” จากนั้นในฝันก็ตัดภาพเห็นพี่หนึ่งถึงน้ำตก เดินงัวเงียลงจากรถเพราะพึ่งตื่น เป็นจังหวะที่เขากู้ศพขึ้นมาพอดี พี่หนึ่งจึงชะเง้อดู เห็นเป็นเด็กผู้หญิงหน้าหมวย ใส่ชุดแขนสั้นสีฟ้า ผมประบ่า เป็นศพที่ถูกกู้ขึ้นมาจากในน้ำ จนในที่สุดก็สะดุ้งตื่น เป็นจังหวะเดียวกับรถใกล้จะถึงน้ำตกพอดี พอรถจอด พ่อกับแม่ก็ลงไปจากรถ แล้วคนก็วิ่งแตกตื่น แล้วหลังจากนั้นก็มีการพบศพคนเสียชีวิตเหมือนกับในฝัน! นั่นเป็นเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกที่หนึ่งไม่เคยลืม นอกจากนี้ คุณไนซ์ยังเสริมอีกว่า จริง ๆ แล้วตอนแรกน้ำตกมีชื่ออีกชื่อหนึ่ง แต่พอมีนักท่องเที่ยวมาเสียชีวิตซ้ำเยอะ ๆ เขาจึงตั้งชื่อตามและเปลี่ยนชื่อมาเรื่อย ๆ ในมุมหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานที่อันตราย แต่ว่าถ้าลองมุมอีกมองอาจจะเป็นการหาตัวตายตัวแทนก็เป็นได้...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณตุ๊กติ๊กดุ๊กดิ๊กปิ๊กเมืองผี ‘ขอลูกเสียผัว‘ l อังคารคลุมโปง X ณัฐผี The Scary [ 8 ก.ค.2568 ]

20 ก.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณตุ๊กติ๊กดุ๊กดิ๊กปิ๊กเมืองผี ‘ขอลูกเสียผัว‘ l อังคารคลุมโปง X ณัฐผี The Scary [ 8 ก.ค.2568 ]

เรื่องนี้ถูกถ่ายทอดโดย ‘คุณตุ๊กติกดุกดิ๊กปิกเมืองผี’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ขอลูกเสียผัว’ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ‘คุณแอน’ กับสามีที่ได้ไปขอลูกกับศาลเก่าแห่งหนึ่ง แต่ชีวิตคู่กลับต้องเจอเรื่องราวสุดช็อค เพราะดันไปขอผิดศาล! เรื่องราวทั้งหมดจะหลอนและขนหัวลุกซู่ขนาดไหน? สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ‘คุณตุ๊กติกดุกดิ๊ก’ ได้เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝากเล่าจาก ‘คุณแอน’ โดยคุณแอนได้แต่งงานกับสามี และได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของสามีที่จังหวัดสุโขทัย แม้ว่าทั้งสองจะแต่งงานกันมาหลายปี แต่ก็ยังไม่มีลูกเสียที จนคนระแวกบ้านนำเรื่องนี้ไปแซวกันสนุกปากว่า “อุ้ย ทำไมมันไม่มีลูกสักที มันอะไรหรือเปล่า” ช่วงแรกที่เจอคำถามเหล่านี้ สองสามีภรรยาก็ไม่ได้รู้สึกยี่หระอะไร คิดว่าเดี๋ยวชาวบ้านก็เลิกพูดกันไปเอง แต่นานวันเข้าเรื่องนี้กลับไม่จบละลุกลามมากขึ้น คำพูดของชาวบ้านส่งผลกระทบต่อสองสามีภรรยา ทำให้บรรยากาศในบ้านมาคุ ยิ่งคุณแอนเป็นสะใภ้ที่ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหญ่ด้วยแล้ว เรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้คุณแอนรู้สึกอึดอัด เพราะแม้กระทั่งคนในครอบครัวก็เริ่มรู้สึกกับคำพูดเหล่านั้นด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น สามีของคุณแอนก็คอยอยู่ข้าง ๆ และให้กำลังใจเสมอว่า “เออ ไม่เป็นไรนะที่รัก เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไป” สองสามีภรรยาอดทนกับคำพูดเหล่านั้นมาเรื่อย ๆ กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ทั้งสองได้ไปเป็นเจ้าภาพกฐินที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จ ก็ได้เงินให้วัดมากถึงสองแสนบาท และได้มานั่งพูดคุยสนทนาสัพเพเหระกันในวัด อยู่ ๆ ทางญาติฝั่งสามีก็ได้เอ่ยปากถามหลวงพ่อไปว่า “หลวงพ่อ พระองค์ไหนในวัดที่พอจะขอลูกได้บ้างไหม” หลวงพ่อเขาก็ตอบกลับมาว่า “เรื่องนี้ให้มันเป็นธรรมชาติแล้วกันเนอะ” ทว่าในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ‘ป้าหนิง’ หนึ่งในสมาชิกครอบครัวก็พูดขึ้นมาว่า “เห้ย ป้านึกออกแล้ว มีอยู่ศาลนึง แถว ๆ บ้านเรานี่แหละ ไว้กลับไปเนี่ย ไปขอพรได้เลยนะ ศาลมันอยู่ใกล้บ้าน ศาลนี้คนไปขอพรเยอะ ใครไปขออะไรก็ได้” ป้าหนิงให้พิกัดศาลมาเสร็จสรรพ คุณแอนและสามีจึงคิดกันว่า ‘คราวนี้ คงต้องลองไปขอลูกแล้ว’ แม้นี่จะไม่ใช่ความต้องการของทั้งสอง แต่ก็อยากจะลองไปขอพรดู เพราะทนความกดดันจากคนรอบข้างไม่ไหว และแล้ววันนั้นก็มาถึง ทั้งสองได้ขับรถไปตามพิกัดที่ที่ป้าหนิงบอก เมื่อไปถึงก็พบว่าศาลนั้นค่อนข้างรกร้าง มีต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นเต็มไปหมด ตัวศาลเองก็เก่าและค่อนข้างทรุดโทรม ทั้งคู่เกิดความไม่มั่นใจ คิดว่าอาจจะมาผิดศาล แต่เมื่อพิจารณารอบข้างดูแล้ว ก็ไม่พบศาลอื่นอีก ทั้งคู่คิดว่าน่าจะมาถูกต้องแล้ว จึงได้เข้าไปขอพร หลังจากนั้นไม่นาน คุณแอนก็ตั้งท้อง เมื่อเข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอก็เตือนว่า “คุณแม่อายุเยอะนะ ต้องอย่าลืมว่าลูกจะต้องมีความเสี่ยง อาจจะมีเรื่องโรคสมอง เรื่องเลือดต่าง ๆ ที่มันจะเป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้” เมื่อถึงกำหนดคลอด ก็ออกมาเป็นลูกชายฝาแฝด เด็กทั้งคู่ไม่มีภาวะเสี่ยงร้ายแรงที่คุณหมอคาดว่าจะเกิดขึ้นเลย มีเพียงเรื่องโรคเลือดที่อาจจะต้องระมัดระวัง นานวันเข้าเด็กทั้งคู่ก็เริ่มเติบโต เลี้ยงง่าย น่ารัก ใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กทั่วไป ทว่ามีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่คุณแอนนอนกลางวันอยู่ ก็ฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในบ้านไม่ได้ เขายืนรออยู่หน้าบ้าน และตะโกนเรียก ตัวคุณแอนก็เดินลงมา จึงได้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้รอคุยด้วย แต่เมื่อลูกของคุณแอนเดินตามมา กลายเป็นว่าผู้หญิงในฝันคนนั้นพยายามที่จะเอาลูกไป จึงได้มีการยื้อยุดฉุดกระชากกันแล้วได้พูดไปว่า “นี่ลูกฉัน เอาไปไม่ได้” ผู้หญิงในฝันก็พูดด่าทอคุณแอนว่าตัวของคุณแอนไปขโมยของเขามา และจากร่างที่ปกติ ผิวของผู้หญิงคนนี้กลับค่อย ๆ เปื่อยยุ่ยและก็หลุดออกมาเป็นชิ้น! คุณแอนตกใจจนสะดุ้งตื่นขึ้นมา และได้เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้สามีฟัง ตัวสามีก็เพียงแค่คิดว่าน่าจะนอนเยอะหรือกินมากเกินไปจนธาตุเพี้ยน ทว่าความฝันนั้นกลับเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ซ้ำกันแทบจะทุกคืน นานวันความฝันก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในฝันมีผู้ชายอีกคนหนึ่งมาเพิ่ม และพูดมาประมาณว่า “มึงอะ เอาลูกกูไป มึงขโมยลูกกู กูจะเอาลูกกูคืน” จากนั้นก็จะยื้อยุดฉุดกระชากกัน แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมานั่นคือ แม้กระทั่งในยามตื่น คุณแอนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในบ้านตลอด ผ่านไปสักพักหนึ่ง จู่ ๆ ลูกแฝดก็ไม่สบาย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ต้องเขาโรงพยาบาลรักษาตัวระยะยาวด้วยโรคเลือดที่เป็นอยู่ ที่บ้านต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลตลอด ในขณะที่ตัวคุณแอนและสามีเทียวไปมา คุณแอนก็รู้สึกได้ว่าเวลาที่กลับบ้าน จะเห็นว่าเหมือนจะมีขาหรือเงาคนเดินอยู่ในบ้าน พอเดินเข้าไปสำรวจกลับไม่มีใครเลย พอไปถามญาติ ทุกคนก็ยังไม่มีใครกลับบ้าน ทำให้สองสามีภรรยาเริ่มเอะใจ เรื่องนี้เริ่มจะไม่ปกติแล้ว.. แม้จะเกิดเรื่องไม่สบายใจภายในบ้าน แต่ทั้งคู่ก็อดทนอยู่กันต่อไป และนอกจากเงานั้นยังมีเสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ เกิดขึ้นภายในบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นว่าคนทั้งบ้านเริ่มเจอกับสถานการณ์เดียวกัน ทั้งเงา ทั้งเสียง มาครบเลยทีเดียว กระทั่งความกลัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากที่ตอนแรกทุกคนในบ้านนอกแยกห้องกัน ก็เริ่มมานอนอยู่รวมกันในโซนกลางเพื่อความสบายใจของทุกคน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์แย่มากขึ้น สองสามีภรรยาก็เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น และตัวสามีก็ดันหลุดปากมาว่า “เนี่ย ถ้าเรื่องมันเยอะขนาดนี้นะ งั้นเดี๋ยวกูจะไปเผาศาลเลยไหม ศาลที่เคยไหว้ขอลูกกันหน่ะ” ซึ่งมันแรงมากสำหรับคุณแอน เธอจึงตอบกลับไปว่า “เฮ้ยพี่ ทำไมพูดขนาดนี้ มันแรงมากเลยนะ” จากนั้น สามีก็แยกตัวออกไป ไม่ได้กลับบ้านสองคืน เพื่อที่ทั้งคู่จะได้ไม่ทะเลาะกัน เวลาผ่านไปสองสามวันหลังจากนั้น ดันมีข่าวหลุดมาจากในหมู่บ้านว่าศาลเก่าที่อยู่ในระแวกนั้นเกิดไฟไหม้ คุณแอนเริ่มอยู่ไม่สุขและคิดในใจว่าสามีของตนอาจจะเป็นคนเผาก็เป็นได้! เมื่อสามีกลับมาที่บ้าน ทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกัน สามีกล่าวปฏิเสธ และอธิบายว่า “ไม่ได้ทำ วันที่ทะเลาะกันหน่ะ โมโหจริง ๆ นะ แต่ไม่ได้ทำ ที่ออกจากบ้านไปคือไปนอนบ้านเพื่อน ไปพักสมอง พักหายใจให้ตัวเองอารมณ์เย็นลง แต่พอมันเย็นลงแล้ว ก็ไม่ได้ทำ อารมณ์สงบแล้ว เลยกลับมาบ้าน เพื่อตั้งใจว่าจะมาคุยกันดี ๆ มาขอโทษมาคุยกันด้วยเหตุผล” หลังจากคุยเรื่องนี้จบ ในใจคุณแอนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด หลังจากนี้คุณแอนก็เริ่มเข้าวัด ทำบุญ ปฏิบัติธรรมให้ตัวเองสงบมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าพอทำเช่นนี้ จากที่เคยฝันซ้ำ ๆ ตอนนี้ความฝันก็เริ่มกลายเป็นเรื่องราวที่ชัดขึ้น ในความฝันนั้น ชายหญิงคู่เดิมไม่ได้อยู่ที่หน้าบ้านแล้ว แต่ดันอยู่ภายในบ้าน เมื่อชายหญิงคู่นั้นเข้ามาแล้ว เขาก็กำลังยื้อยุดฉุดกระชากลากลูก คุณแอนจึงได้วิ่งกรูเข้าไปดึงลูกคืน และได้เกิดการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น คุณแอนถูกผลักจนล้ม และชายหญิงคู่นี้ก็พยายามที่จะมาทำร้ายคุณแอน กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังไล่หลังมา ปรากฏว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของสามีที่พูดว่า อย่าทำร้ายลูกเมียเขา ถ้าจะเอาอะไรไปสักอย่างนึง ให้เอาเขาไปแทน สิ้นเสียงของสามี ชายหญิงแปลกหน้าได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มและบอกกลับมาว่า“ได้” จากนั้นก็ปล่อยทุกคน และทั้งหมดนี่ก็คือความฝันสุดท้ายที่คุณแอนฝันเห็น เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สิ่งที่หน้าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นคือ แฝดที่เคยอยู่โรงพยาบาลก็เริ่มอาการดีขึ้น และสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ กลับมาวิ่งเล่นปกติได้ แต่สิ่งที่ต้องแลกมานั่นคือสามี เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จุดที่สามีคุณแอนเสียชีวิตคือตรงศาลไม้เก่าหลังนั้น ที่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ซากเก่า ๆ ที่ถูกไหม้ คุณแอนรู้สึกเสียใจมาก เพราะทั้งคู่รักกันมานาน ในช่วงที่จัดงานศพ ก็มีคนมาถามว่าได้เจอสามีบ้างหรือไม่ คนในครอบครัวที่อยู่บ้านเดียวกันก็บอกว่าเจอบ้าง เขาใช้ชีวิตปกติ รดน้ำต้นไม้ เดินอยู่ในบ้านบ้าง แต่คุณแอนกลับไม่เคยเห็นสามีเลย จะรู้สึกแค่มีคนมาลูบผมเวลานอน ที่รู้ว่าเป็นสามีเพราะว่าน้ำหนักมือที่คุ้นเคย ซึ่งไม่เพียงแค่ฝ่ามือเท่านั้น แต่จะมีเสียงด้วยของสามีที่มักจะพูดว่า “แอน ไม่เป็นอะไรนะ ไม่เป็นอะไร” และจะลูบผมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณแอนจะหลับ เมื่อถึงวันเผา คุณแอนบอกว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ไม่ได้รู้สึกถึงสามี คุณแอนจึงคิดในใจว่า เขาอาจจะไปในที่ที่ควรจะไปแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร ช่วงก่อนฟ้าสาง คุณแอนได้สะดุ้งตื่น เพราะฝันว่าเห็นสามียืนอยู่ตรงหน้าศาลไม้เก่านั้น มีโซ่ล็อกคอไว้ และกระชากสามีหายเข้าไปในศาล หายไปกับความมืด คุณแอนรู้สึกไม่สบายใจมาก ๆ จึงได้นำเรื่องนี้ไปบอกทางแม่สามี และพระ แต่ก็ยังไม่ได้ทางออก เพราะพระท่านจะบอกมาเพียงว่า ให้ไปทำบุญ กรวดน้ำให้สามี แต่ทุกครั้งที่คุณแอนทำ ก็จะฝันเหมือนเดิมซ้ำ ๆ ว่าเห็นสามียืนอยู่ที่เดิมที่หน้าศาล และสามีจะพูดเพียงแค่ว่า “แอน มันไม่ถึง พี่ไปไม่ได้ เขาไม่ให้ไป” และจะถูกกระชากเข้าไปทุก ๆ ครั้ง เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ ‘ป้าหนิง’ ที่เป็นต้นเรื่องนี้ หลังจากที่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ป้าหนิงกลับบอกว่า “เห้ย มึงไปผิดศาลรึป่าว ศาลที่กูให้ไปอะ อยู่ใกล้บ้านจริง ๆ มันเป็นศาลใหม่นะเว้ย ไม่ใช่ศาลเก่า” แต่เมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว ก็ต้องหาทางออกอื่นต่อไป คุณแอนที่ชอบฟังเรื่องผีจึงได้ติดต่อ ‘คุณตุ๊กติกดุกดิ๊ก’ เพื่อขอความช่วยเหลือ คุณตุ๊กติกดุกดิ๊กจึงบอกไปว่า “งั้นทำแบบนี้นะ ธูปสองดอก ดอกดาวเรืองหรือดอกมะลิล้วน ๆ ก็ได้สักพวกนึง เอาไปไหว้หน้าบ้าน ตอนไหว้พี่หันหน้าออกจากตัวบ้าน และไหว้ขอพระแม่ธรณีและปู่เวสสุวรรณ บอกตรง ๆ เลย ว่าลูกชื่อนามสกุลนี้ เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายกับนายชื่อนามสกุลนี้ แล้วเราเกิดเหตุหรือประสบปัญหาอะไร บอกท่านไปว่าเราต้องการให้ช่วยเหลือหรือปลดปล่อยใคร” ตัวของคุณแอนก็ได้ทำตามคำแนะนำทั้งหมด ปรากฏว่าตัวสามีของคุณแอนได้มาเข้าฝันอีกครั้ง และได้บอกว่า “พี่ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ว” หลังจากที่สามีคุณแอนมาเข้าฝัน สิ่งที่เป็นผลกระทบถึงคุณตุ๊กติกดุกดิ๊กคือ ตัวคุณตุ๊กติกดุกดิ๊กจะเสี่ยงเจออุบัติเหตุเป็นประจำในช่วงหนึ่งสัปดาห์ จึงต้องเข้าวัด ทำบุญบ่อย บางทีก็รู้สึกเหมือนมีใครมาบอกอะไรบางอย่าง แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว โดยท้ายที่สุดคุณตุ๊กติกดุ๊กดิกยังเล่าเพิ่มอีกว่า ที่ศาลนั้นถูกเผา มันเกิดจากไฟฟ้าแถวนั้นลัดวงจร และวิญญาณชายหญิงคู่นั้นก็คาดว่าน่าจะมาจากศาลแน่นอน เพราะในศาลนั้นมีเจ้าของพื้นที่เดิมเป็นคนเล่นของ และได้เอาลูกแฝดมาเส้นบูชายันต์ที่ตรงนี้(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

01 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

เมื่อสิ่งที่คืบคลานเข้ามาคือสิ่งที่มองไม่เห็น มันเป็นเสียงเหยียบหญ้าดัง สวบ สวบ สวบ แต่กลับไม่พบใคร จนต้องปั่นจักรยานหนีสุดชีวิต! แต่ใครจะคิดว่าเสียงนั้น ดันตามมาหลอกหลอนถึงในฝันเกือบทั้งอาทิตย์! เรื่องราวสุดหลอนในวัยเด็กจะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘มันใกล้เข้ามาแล้ว’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(25 กุมภาพันธ์ 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีีเจเจ็ม’ ที่จะเป็นเพื่อนหลอนไปกับคุณ!! ‘คุณเป็ดน้อย’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเป็ดน้อยเอง เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2534 สมัยก่อนคุณเป็ดน้อยชอบปั่นจักรยานไปเล่นบ้านคนนั้นคนนี้ ซึ่งในวันนั้นคุณเป็ดน้อยได้ปั่นจักรยานไปงานวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง พอถึงช่วงเย็นคุณเป็ดน้อยและเพื่อน ๆ ก็นัดกันเพื่อจะมารวมตัวที่บ้านคุณเป็ดน้อย ที่อยู่ซอยที่ 3 ถัดมาจากนั้นหนึ่งซอย จะเป็นซอยที่มียาวที่สุดในหมู่บ้าน ตรงกลางซอยจะมีสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ เมื่อนัดแนะกันเสร็จ เด็ก ๆ ก็ปั่นจักรยานออกมา แต่เพื่อนคนอื่นปั่นกันเร็วมาก ยกเว้นคุณเป็ดน้อยที่ปั่นช้า พอไปถึงกลางซอยทางขึ้นสะพาน คุณเป็ดน้อยเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดพักที่กลางสะพาน ซึ่งทั้งสองข้างของคลองจะเป็นตลิ่ง พอมองไปก็จะเห็นเป็นต้นไม้เรียงรายไม่มีบ้านคน และในตอนที่นั่งพักอยู่นั้น คุณเป็ดน้อยก็ได้ยินเสียง สวบ สวบ สวบ เหมือนเสียงคนเดินผ่านกอหญ้ามาจากตลิ่งริมคลอง ด้วยความปากไว จึงพูดไปว่า “ใครหน่ะ” แต่ก็ไม่เห็นใคร และยังได้ยินเสียงเดินอยู่ แล้วเสียงนั้นก็เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คุณเป็ดน้อยก็ยังคงถามว่าใคร จนกระทั่งคุณเป็ดน้อยเริ่มคิดว่า เสียงที่ดังอยู่คงไม่มีใครหรอกแต่กอหญ้ายวบเหมือนเป็นรอยเท้า และรอยที่กอหญ้ายวบก็มาทางคุณเป็ดน้อยเรื่อย ๆ โดยที่คุณเป็ดน้อยไม่เห็นอะไรเลย ตอนนั้นความคิดในหัวของคุณเป็ดน้อยคิดว่า ‘หญ้ามันยวบได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมมันถึงมาทางเรา’ จนกระทั่งหญ้ายวบมาถึงส่วนปูนที่เป็นสะพาน และเสียงก็เงียบไป คุณเป็ดน้อยจึงได้สติจากเสียงที่เพื่อนตะโกน แล้วรีบปั่นจักรยานต่อ คุณเป็ดน้อยปั่นแบบไม่คิดชีวิตจนล้มได้แผล เมื่อถึงบ้านจึงเข้าไปทำแผลเป็นอันดับแรก ในคืนนั้น คุณเป็ดน้อยก็ฝันว่า ตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วมองไปที่สะพาน แล้วก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสแลค ค่อย ๆ เดินมาจากสะพาน จนผ่านบ้านหลังแรก คุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่น และวันต่อมาคุณเป็ดน้อยได้ฝันแบบเดิม แต่ผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านมาเรื่อย ๆ จนผ่านบ้านหลังที่สอง คุณเป็ดน้อยสะดุ้งตื่นเช่นเดิม โดยที่คุณเป็ดน้อยก็ฝันแบบนี้ทุก ๆ คืน เป็นเวลาเกือบอาทิตย์ จนเริ่มเห็นผู้ชายคนนั้นชัดเจนขึ้น ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อเซิ้ตสีขาวตรงกลางเสื้อมีสีน้ำตาล และก็ไม่ได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูด เพราะมองยังเห็นไม่ชัดพอ มีอยู่คืนหนึ่งที่คุณเป็ดน้อยฝันว่าอยู่ในบ้าน ประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ และผู้ชายที่เห็นในฝันก็ยืนอยู่หน้าบ้าน ผู้ชายคนนั้นมีแผลขนาดใหญ่อยู่ที่คอ และตรงที่คุณเป็ดน้อยเห็นเป็นสีน้ำตาลคือรอยคราบเลือด ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาและโวยโวยว่าอะไรบางอย่าง ซึ่งได้ยินเสียงไม่ชัด ในตอนที่คุณเป็ดน้อยกำลังตกใจอยู่ ก็ได้มีคนมาจับไหล่จากด้านหลัง และคนที่ยื่นมือมาจับนั้นก็เป็นคุณอาของคุณเป็ดน้อย และคุณอาก็พูดว่า “มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” พอคุณเป็ดน้อยรู้สึกตัว ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว ประตูบ้านก็ปิดสนิท และคุณอายังบอกต่อว่า ทุกคืนคุณเป็ดน้อย มักจะละเมอเดินออกมายืนหน้าบ้าน จนทุกคืนคนในบ้านต้องออกมาอุ้มคุณเป็ดน้อยกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม ซึ่งตัวคุณเป็ดน้อยเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นได้อย่างไร คุณเป็ดน้อยจึงพยายามเล่าเรื่องที่ฝันให้คุณอาฟัง แต่คุณอาก็บอกว่า “โอ๊ย เด็กฝัน ไร้สาระ” จากนั้นก็พาคุณเป็ดน้อยกลับไปนอน คืนต่อมาคุณเป็นน้อยก็เห็นผู้ชายที่อยู่ในฝัน มายืนอยู่ตรงหน้าต่างปลายเตียง ในฝันผู้ชายคนนั้นก็ได้ยื่นมือมาจับขาคุณเป็ดน้อย แล้วดึงลงมาจากเตียง จนหล่นลงมาที่พื้น คุณเป็ดน้อยก็ร้องไห้โวยวาย จนปัสสาวะราดอยู่ตรงนั้น ในที่สุดคุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาที่ปลายเตียง เพราะเสียงของคนในบ้านที่วิ่งมาในห้อง ทุกคนจึงเริ่มเชื่อในสิ่งที่คุณเป็ดน้อยเล่าเกี่ยวกับความฝัน จึงพาไปทำพิธีที่วัด และหลังจากนั้นคุณเป็ดน้อยก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นอีกเลย คุณเป็ดน้อยยังบอกต่ออีกว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เป็นคนกลัวผีจนขึ้นสมองไปเลย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ทำยังไงดีเมื่อปลาไม่ติดเบ็ด ตัดสินใจค่อย ๆ เดินหา จนไปเจอกับดักของใครไม่รู้มีปลาติดอยู่ จึงขอแบ่งมากินสักหน่อย มารู้ทีหลังว่า..?!

27 ต.ค. 2023

ทำยังไงดีเมื่อปลาไม่ติดเบ็ด ตัดสินใจค่อย ๆ เดินหา จนไปเจอกับดักของใครไม่รู้มีปลาติดอยู่ จึงขอแบ่งมากินสักหน่อย มารู้ทีหลังว่า..?!

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 ตุลาคม 2566) ต้อนรับฮาโลวีนที่กำลังจะถึงกับเรื่องชวนขนหัวลุกจากสาย ‘คุณแฟร้งค์’ ที่ทำเอา ‘ดีเจเจ็ม’ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ และ ‘ดีเจมดดำ’ ต้องอึ้ง! กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ยายคง’ ถ้าพร้อมแล้วก็ปิดไฟแล้วอ่านไปพร้อมกันเลย! เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนกลับไปประมาณ 5 ปีที่แล้ว ความหลอนได้เกิดขึ้นที่จังหวัดอุทัยธานี โดยคุณแฟร้งค์เป็นคนชื่นชอบการตกปลาและได้ทำการวางแผนนัดกับเพื่อนว่าจะไปตกปลาด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ผลัดเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ แต่มีอยู่ที่หนึ่ง ที่คนมักจะเล่าต่อกันมาว่าเป็นห้วยตกปลาที่เหี้ยนที่สุด และคุณแฟร้งค์ก็ดันนัดกับเพื่อนว่าจะไปตกปลาที่ห้วยแถวนั้นด้วยกัน เวลาประมาณสองทุ่มของคืนที่นัดกันไว้ คุณแฟร้งค์กับเพื่อนกำลังเตรียมอุปกรณ์ไปตกปลาและได้เดินทางไปถึงที่หมายประมาณสามทุ่ม ทุกคนเริ่มเขวี้ยงเบ็ดตกปลาทิ้งไว้จนถึงสี่ทุ่ม แต่ดูแล้วก็ยังไม่มีท่าทีที่จะมีปลาสักตัวมาติดเบ็ด เพื่อนคุณแฟร้งค์จึงเปิดไฟฉาย เดินส่องตามทางข้าง ๆ ห้วยนั้น เมื่อเดินไปเรื่อย ๆก็ได้ไปเจอกับที่ดักปลา มีปลาติดอยู่ประมาณ 2-3 ตัว เพื่อนคุณแฟร้งค์จึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูและยกขึ้นมา ก็เห็นว่ามีปลาติดอยู่ คุณแฟร้งค์รีบพูดห้าม “เห้ย!! นั้นมันของเค้านะ เอาไปไม่ได้นะ” แต่เพื่อนคุณแฟร้งกลับไม่ได้มีท่าทางกลัว และตอบกลับมาเพียงว่า “ไม่เป็นอะไรหรอกน่า แค่ตัวสองตัวเองเอาไปเผากินกัน” จากนั้นเพื่อนของคุณแฟร้งค์ก็เอาปลามาเผานั่งกินกันตามประสาวัยรุ่น ในระหว่างที่นั่งกินด้วยกันเพื่อนของคุณแฟร้งค์อีกคนก็ลืมเตรียมน้ำมาด้วย ทำให้สถานการณ์ตอนนั้นเริ่มไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนตัดสินใจนั่งกินกันต่อค่อยไปหาน้ำทีหลัง ไม่นาน จู่ ๆ ก็มีคุณยายคนหนึ่งเดินตรงออกมาจากในป่า และเดินไปยกกับดักปลาพร้อมกับบ่นพึมพำว่าทำไมปลาไม่ติดเลย หรือว่าปลาหายไปไหน คุณแฟร้งค์จึงตะโกนพูดคุยกับคุณยายว่า “ยายได้ไปแล้ว” แต่ในความจริงแล้ว ปลาที่หายไปคือปลาที่พวกเขากำลังเผานั่งกินกันอยู่ คุณยายส่ายหัวส่งท่าทางกลับมาว่ายังไม่ได้ คุณแฟร้งค์ถามคุณยายอีกว่า “ยาย บ้านยายอยู่ไหน” คุณยายก็ชี้นิ้วไปทางหลังป่า โดยไม่พูดไม่จาอะไร คุณแฟร้งค์จึงเอ่ยปากขอน้ำดื่มจากคุณยาย และถามซ้ำไปว่า “บ้านยายอยู่ไกลไหม ผมลืมเอาน้ำมา ขอน้ำดื่มจากยายหน่อยได้ไหม” คุณยายจึงตอบกลับมาว่า “ได้ เอ็งเดินตามทางไปนะ เดี๋ยวยายเดินตามไป เอ็งเดินตามทางไปเลยมันจะมาทางไปบ้านยายอยู่” คุณแฟร้งค์และเพื่อนก็ไม่รอช้า เดินตามหลังคุณยายเข้าไปในป่า ส่วนเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันนั่งรออยู่ที่ห้วยตกปลา คุณแฟร้งค์และเพื่อนเดินเข้าไปตามทางสักพักก็ได้เห็นปลายทางเป็นบ้านไม้ หลังคาแฝก มีใต้ถุนต่ำ สามารถเหยียบจากพื้นขึ้นบ้านได้เลย และมีโอ่งตั้งอยู่ จากนั้นบริเวณรอบเป็นป่าทั้งหมด คุณแฟร้งค์และเพื่อนก็ไม่ได้คิดอะไร มองหาขวดน้ำเพื่อจะกรอกน้ำในโอ่งไปให้เพื่อนที่นั่งรออยู่ เมื่อคุณแฟร้งค์กรอกน้ำใส่ขวดจนเต็ม จึงตะโกนขอบคุณยายแล้วหันหลังจะเดินกลับไปยังห้วยตกปลา จังหวะที่กำลังจะเดินออกก็ได้ยินเสียงครก เหมือนยายกำลังตำหมากหรือตำอะไรสักอย่าง จากนั้นสายตาคุณแฟร้งค์ก็มองไปยังประตูบ้านของยาย เห็นว่าประตูบานนั้นค่อย ๆ เปิดออกเองและมีเสียงดังขึ้น ‘แกร๊กกกกก’ แล้วยายก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับค่อย ๆ ยิ้มเห็นฟันดำมาทางคุณแฟร้งค์และเพื่อนอย่างช้า ๆ จังหวะนั้นยายก็หักคอตัวเอง! ต่อหน้าต่อตาคุณแฟร้งค์และเพื่อน จากนั้นก็ก้มเก็บหัวขึ้นมายิ้มให้อีกครั้ง ในตอนนั้นทั้งคู่สติแตก พร้อมกับตะโกนว่า “ผีหลอก ผีหลอก!!!” แล้วก็รีบวิ่งหนีทะลุป่าออกไป เมื่อวิ่งไปถึงยังห้วยตกปลา ปรากฏว่าเพื่อนที่นั่งรออยู่ก็หายไป คุณแฟร้งค์และเพื่อนไม่สามารถติดต่อได้ พยายามโทรหาแต่ก็ไม่รับสาย ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็รีบเก็บของและระแวงอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัวว่าคุณยายจะตามมา จู่ ๆ เพื่อนที่หายไปก็โทรกลับมา คุณแฟร้งค์ได้ถามหาว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน พร้อมกับเล่าว่าทั้งคู่โดนผีหลอกมา เพื่อนที่หายไปรีบตอบกลับมาว่าโดนผีหลอกเหมือนกัน! ตอนนี้อยู่ที่บ้านใครก็ไม่รู้วิ่งหนีมาด้วยความตกใจกลัว ตัวคุณแฟร้งค์เองก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ ทำได้เพียงรวบรวมสติให้ได้มากที่สุด และรีบตามไปหาเพื่อน เมื่อตามไปเจอเพื่อนคุณแฟร้งค์รีบเล่าทันทีว่าตนไปเจอดีอะไรมา จากนั้นเพื่อนที่หายตัวไปก็รีบเล่าให้ฟังว่า จังหวะที่คุณแฟร้งค์และเพื่อนเดินตามเข้าไปในป่า จู่ ๆ ยายก็หันแค่คอมาแล้วส่งยิ้มมาให้ จังหวะนั้นตกใจกลัวและทำอะไรไม่ถูกจึงรีบวิ่งหนีออกไปก่อนโดยไม่ได้ตะโกนบอกคุณแฟร้งค์และเพื่อนก่อน คุณแฟร้งค์จึงตัดสินใจถามคุณลุงเจ้าของบ้านที่เพื่อนวิ่งหนีมาหลบ คุณลุงเล่าว่ายายที่ทั้งสามคนเจอชื่อว่า ‘ยายดง’ แกชอบมาดักปลาอยู่ตรงริมห้วยนี้ แล้ววันดีคืนดีแกก็มาดักปลาตามปกติ จู่ ๆ ก็เกิดฝนฟ้าตกลมแรงจนพัดต้นไม้หักมาทับคอยายแกตายบริเวณตรงนั้น และคาดว่าปลาที่ทั้งสามคนนำมาเผากินกัน น่าจะเป็นปลาที่ยายแกดักไว้ก่อนตาย คุณลุงก็พาเดินย้อนกลับไปดูว่ายังมีรอยคราบเลือดติดอยู่เลย เพราะเหตุเพิ่งเกิดได้เพียง 7 วันเท่านั้น(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1