เรื่องเล่าจากม้าม่วง PowerpuffGAY 'บ้านติดวัด' I อังคารคลุมโปง X ม้าม่วง Powerpuff GAY [28 ม.ค. 2568]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากม้าม่วง PowerpuffGAY 'บ้านติดวัด' I อังคารคลุมโปง X ม้าม่วง Powerpuff GAY [28 ม.ค. 2568]

03 ก.พ. 2025

       บ้านที่เคยอยู่ทั้ง 2 หลังอยู่ติดวัดทั้งคู่ ทำให้เจอเหตุการณ์หลอนขนลุกซู่ตั้งแต่เด็ก กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘บ้านติดวัด’ เรื่องราวจาก ‘คุณม้าม่วง PowerpuffGAY’ ที่นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (28 ม.ค. 2568) มาฟังเรื่องเล่าสุดหลอนไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ถ้าพร้อมแล้ว ปิดไฟคลุมโปง แล้วมาอ่านความหลอนไปพร้อมกัน!

       เรื่องราวนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณม้าม่วง ซึ่งบ้านของคุณม้าม่วงอยู่ติดวัดทั้งที่ อุบลราชธานีและยโสธร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คุณม้าม่วงสงสัยเช่นกันว่าอะไรดลใจให้บ้านติดวัดทั้งสองที่ และมักจะมีบางอย่างให้เห็น..

เรื่องราวที่ ​1

       คุณม้าม่วงได้เริ่มเล่าว่าบ้านที่อำเภอวาริน จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ใกล้ทั้งวัดและโรงพัก เป็นจุดที่มักจะนำรถจากอุบัติเหตุหนักมาจอดพักไว้ ทำให้มักถูกเพื่อนล้อว่า “อีบ้านผีสิง” ตั้งแต่เด็ก 

       วันหนึ่ง ขณะที่คุณม้าม่วงนั่งอยู่ในบ้าน ก็เห็นแสงไฟวาบเข้ามาในบ้าน นั่นหมายความว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อออกไปดู ก็พบรถที่ชนอย่างรุนแรงจนตัวรถงอเป็นตัววี แล้วด้วยความที่คุณม้าม่วงต้องเป็นคนไปจ่ายตลาดตอนเย็นจึงพาน้อง ๆ ไปดูรถที่เกิดอุบัติเหตุ จึงได้เห็น คราบเลือดเปื้อนเต็มประตู ซึ่งดูจากสภาพแล้ว ไม่น่าจะมีใครรอด

       หลังจากนั้น เวลาล่วงเลยไปจนถึงตี 1 คุณม้าม่วงอยู่บ้านตามปกติและได้เหลือบไปมองที่รถคันเดิมแล้วต้องตกใจ มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังคารถ! เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง กลับพบความว่างเปล่า จึงพยายามบอกตัวเองว่าอาจจะตาฝาด จนกระทั่งเช้า ก็ไปเล่าให้ที่บ้านฟัง พ่อและพี่ชายจึงขับรถไปดูที่รถคันนั้นอีกครั้ง

       ขณะกำลังจอดมองซากรถ วิทยุภายในรถกลับเปิดขึ้นมาเอง! เสียงเพลงดังขึ้นโดยไม่มีใครแตะต้อง พ่อและพี่ชายตกใจ รีบขับรถกลับบ้าน แต่หลังจากนั้น วิทยุเครื่องเดิมยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ดับ จนตกกลางคืน ป้าของคุณม้าม่วงก็เห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนหลังคารถเช่นกัน!

เรื่องราวที่ 2

       บ้านคุณม้าม่วงเป็นพื้นที่ใกล้ตั้งอยู่หลังวัด ซึ่งพื้นที่ตรนี้เคยเป็นป่าช้าเก่า และมีต้นโพธิ์หรือต้นไทรใหญ่ ตั้งอยู่ ก่อนที่จะมีการล้างป่าช้า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผีดุ” และจุดนี้เป็นเส้นทางที่เวลาใครจะไปไหนต้องผ่านตลอด

       คืนหนึ่ง ชายคนหนึ่งซึ่งมีอาการมึนเมา ขับรถผ่านจุดนั้นและพูดจาท้าทายเสียงดัง “ไม่กลัวผี ไหนล่ะผี!” แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นแทบทำให้เขาสติแตก ขาทั้งสองข้างของบางสิ่ง ห้อยลงมาจากต้นไทร เข้ามาตรงหน้าเขา! หลังจากคืนนั้น เขากลายเป็นคนเสียสติ และผมร่วงหมดหัว เพราะหวาดกลัวจนสุดขีด!

เรื่องราวที่ 3

       เป็นเรื่องของคุณป้าของคุณม้าม่วง เรื่องมีอยู่ว่าคืนหนึ่ง ขณะที่คุณม้าม่วงอยู่บ้านกับป้า เสียง “แก๊ก ๆ ๆ” ดังขึ้นจากหน้าบ้าน คล้ายมีใครกำลังเดินอยู่ ป้านึกว่าลูกชายกลับมาจากเที่ยว จึงหยิบไฟฉายออกไปส่อง แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นหัวของผู้ชายวางอยู่บนเสาบ้าน!

       ป้าจึงรวบรวมความกล้า และเอ่ยถามว่า “ใคร?” แล้วก็หยิบมีดติดมือ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ทว่าหัวนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

       เช้าวันต่อมา มีคนเล่าว่า เมื่อคืนมีชายคนหนึ่งถูกฆ่าตัดหัว และว่ากันว่าดวงวิญญาณของเขายังคงวนเวียนออกมาตามหาหัวที่หายไป…

เรื่องราวสุดท้าย

       ที่บ้านของคุณม้าม่วงในจังหวัดยโสธร เป็นเรื่องราวของน้องสาวคุณม้าม่วง เรื่องมีอยู่ว่าน้องสาวของคุณม้าม่วงไม่ชอบอาบน้ำ สาเหตุก็คือบ้านอยู่ติดวัดจึงทำให้เขากลัวผี จนมืดน้องสาวก็ยังไม่ยอมอาบ ด้วยความหงุดหงิดคุณม้าม่วงจึงอุ้มน้องขึ้น แล้วตะโกนลั่นว่า “ไหนผี!?”

       ทันใดนั้นเอง น้องสาวก็ได้เห็นผู้หญิงใส่ชุดไทย ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ จ้องมองตรงมาที่พวกเขาอยู่!

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

ลุงข้างบ้านที่ไม่ได้เจอกันนาน พอกลับมาเจอทุกครั้ง ลุงยังทักทายและยิ้มให้ พอรู้ความจริง ขนหัวลุกไม่หยุด!

26 ก.พ. 2024

ลุงข้างบ้านที่ไม่ได้เจอกันนาน พอกลับมาเจอทุกครั้ง ลุงยังทักทายและยิ้มให้ พอรู้ความจริง ขนหัวลุกไม่หยุด!

เรื่องนี้ ‘คุณออโต้’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลุงข้างบ้านที่ไม่ได้เจอกันนาน พอกลับมาเจอกันอีก ลุงก็ทักทายและยิ้มให้เสมอ แต่พอมารู้ความจริงถึงกับช็อก เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย! โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เคยเจอกับตัวเองของคุณออโต้เมื่อ 25 ปีก่อน เป็นช่วงที่กำลังเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรกที่ไปเรียน คุณออโต้ก็ได้ทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย จึงไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน จนกระทั่งสอบปลายภาคเสร็จแล้วปิดเทอม จึงได้กลับบ้าน บ้านคุณออโต้อยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่เป็นข้าราชการ จึงไม่ค่อยอยู่บ้าน คุณออโต้จึงตัดสินใจนั่งรถกลับบ้านแต่จะไปลงที่บ้านเพื่อนก่อน เพื่อรอให้พ่อแม่กลับบ้านแล้วคุณออโต้ถึงจะกลับ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม เพื่อน ๆ ต่างมหาวิทยาลัย ก็ได้นัดมารวมตัวกันเพื่อดื่มสังสรรค์ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 ทุ่ม คุณออโต้ก็คิดว่าถ้าดึกไปมากกว่านี้ กลัวว่าพ่อแม่จะเข้านอนก่อน ซึ่งจะเข้าบ้านไม่ได้ คุณออโต้ก็เลยขอให้ ‘คุณบี’ (นามสมมติ) ขับรถไปส่งที่บ้าน ส่วนตัวของคุณบีเป็นคนกลัวผีมาก พอขับรถไปส่งคุณออโต้ถึงแค่หน้าปากซอยก็ขอกลับทันที ก่อนกลับคุณบีก็บอกกับคุณออโต้ว่า “ไอ้โต้ มึงเดินเข้าบ้านมึงเองนะ” คุณออโต้ที่เกรงใจเพื่อนมากจึงตอบไปว่า “ได้ ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินเข้าบ้านเอง” บ้านคุณออโต้ห่างจากปากซอยประมาณ 800-900 เมตร และสามารถเลือกเส้นทางเดินกลับบ้านได้ 2 เส้นทางคือ เส้นทางแรกต้องเดินผ่านวัด ผ่านกำแพงวัดที่มีโกฐกระดูกของผู้เสียชีวิต และเส้นทางที่ 2 คือ ทางเล็ก ๆ ที่ต้องเดินลัดเลาะตามบ้านของคนอื่น ซึ่งในเวลานั้นคุณออโต้ก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ 2 ก่อนที่จะถึงบ้านคุณออโต้ จะต้องเดินผ่านบ้านของ ‘ลุงเพชร’ ที่เป็นช่างเย็บเสื้อผ้า ซึ่งลุงเพชรรู้จักกับคุณออโต้มานานและเย็บชุดนักเรียนให้คุณออโต้มาตั้งแต่สมัยมัธยม ในขณะที่คุณออโต้กำลังเดินผ่านไปข้างหลังบ้านลุงเพชร ก็ได้ยินเสียงไอขึ้นมา “แค่ก ๆ” คุณออโต้จึงหันไปมองที่ต้นเสียง ปรากฏว่าเป็นลุงเพชรที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่ตรงสวนหลังบ้าน คุณออโต้ตกใจจึงพูดกับลุงเพชรไปว่า “โห้ลุง! ทำไมยังไม่นอน” ลุงเพชรก็ยิ้มให้ แล้วตอบกลับมาว่า “ออโต้พึ่งกลับมาบ้านหรอ” คุณออโต้ที่กำลังรีบกลับบ้านเพราะกลัวพ่อแม่จะนอนหลับก่อนแล้วจะเข้าบ้านไม่ได้ จึงตอบส่ง ๆ ไปว่า “ครับ ๆ” พอถึงบ้านคุณออโต้ก็ทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็ขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน พอไม่ได้กลับบ้านนาน ก็รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ จึงออกไปดูวิวที่ระเบียง ปรากฏว่าคุณออโต้ยังเห็นลุงเพชรนั่งอยู่บนแคร่เหมือนเดิม คุณออโต้รู้สึกแปลกใจ เพราะต่างจังหวัดคนมีอายุจะเข้านอนเร็ว คุณออโต้ก็คิดในใจสักพัก ก็ได้ยินเสียงน้องชายตะโกนขึ้นมาว่า “พี่ออโต้ มาดูคอมให้หน่อย” จากนั้นคุณออโต้ก็ลงไปดูคอมให้น้อง เวลาผ่านไปสักพักก็เดินกลับมาที่เดิม แต่ครั้งนี้ก็ไม่เจอลุงเพชรแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ปิดเทอม คุณออโต้ก็มีการไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนเป็นประจำ กลับบ้านทีก็ 4-5 ทุ่ม ซึ่งคุณออโต้ก็ใช้จะเส้นทางเดิมที่ลัดเลาะตามบ้านของคนอื่น และทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้าน ก็จะเจอลุงเพชรทักทายและยิ้มให้ตลอด จนเวลาผ่านไปใกล้ถึงวันที่จะเปิดเทอม คุณออโต้มีชุดนักศึกษาตัวหนึ่งที่ซื้อมาผิดไซส์ จึงตั้งใจว่าจะเอาไปให้ลุงเพชรซ่อมให้ วันนั้นคุณออโต้ก็ตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะขอเงินแม่ไปจ่ายค่าซ่อมชุด แม่ก็ถามว่า “จะเอาไปซ่อมที่ไหน” คุณออโต้ก็ตอบไปว่า “กับลุงเพชรไงครับ” พอแม่ได้ยินก็มีท่าทีที่ตกใจ และสีหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ แม่ก็ถามย้ำอีกรอบหนึ่งว่า “จะเอาไปซ่อมที่ไหน” คุณออโต้ก็ตอบเหมือนเดิมว่า “ลุงเพชรไงครับ ลุงที่อยู่ข้างบ้านเรา” พอพูดจบแม่ก็เดินมาตีคุณออโต้ แล้วก็ตวาดใส่คุณออโต้ว่า “จะไปแก้กับลุงเพชรได้ยังไง ลุงเพชรตายไปตั้งแต่แกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยช่วงแรก ๆ แล้ว” ซึ่งคุณออโต้ไม่เชื่อ เพราะเจอลุงเพชรทุกวันและลุงเพชรก็ยังทักทายคุณออโต้ปกติ แม่ก็ยังบอกอีกว่า “อย่าโกหกนะ แม่กลัว” คุณออโต้คิดว่าแม่ตัวเองขี้เหนียวหาว่าจนนั้นกุเรื่องคนเสียชีวิตมาพูดแทน คุณออโต้หัวเสียจึงเดินออกจากบ้านแล้วเจอพ่อ คุณออโต้ก็เดินไปขอเงินพ่อ พ่อเลยถามว่า “จะเอาเงินไปทำอะไร” คุณออโต้ก็ตอบไปว่า “จะเอาไปจ่ายค่าซ่อมชุดนักศึกษา” ซึ่งพ่อก็ถามคำถามเดียวกับแม่ว่า “จะเอาไปซ่อมที่ไหน” คุณออโต้ก็ตอบเหมือนเดิมว่า “ลุงเพชรไงครับ ลุงที่อยู่ข้างบ้านเรา” พอพ่อได้ยินก็นิ่งไปสักพัก พ่อก็พูดขึ้นมาว่า “ลุงเพชรแกเสียแล้วนะ” หลังจากนั้นพ่อก็เดินเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างในบ้าน แล้วยื่นให้คุณออโต้ดู ปรากฏว่าเป็นซองงานศพของลุงเพชร พอคุณออโต้เห็นถึงกับช็อก ทำตัวไม่ถูก ซึ่งคุณออโต้จึงกลับมาคิดกับตัวเองว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณออโต้เจอลุงเพชรทุกวัน ลุงเพชรก็ยังทักทายและยิ้มให้ปกติ แล้วพ่อก็เล่าให้คุณออโต้ฟังว่า “ก่อนที่ลุงเพชรจะเสียชีวิต ลุงเพชรถามหาออโต้ด้วย” คุณออโต้ก็คิดว่า ด้วยความที่สนิทกันกับลุงเพชรและรู้จักกันมานาน ตั้งแต่เด็ก ๆ ลุงเพชรอาจอยากมาลาคุณออโต้ก็ได้(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกคือจุดเริ่มต้นของเรื่องสยอง! เมื่อสืบหาความจริงจึงพบว่ามีคนแอบหยิบของมีค่าออกจากที่เกิดเหตุ จากนั้นก็วุ่นทั้งหมู่บ้าน! เพราะมีร่างไหม้เกรียมศีรษะขาดออกมาหลอกหลอนจนแทบนอนไม่ได้!

31 ต.ค. 2023

โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกคือจุดเริ่มต้นของเรื่องสยอง! เมื่อสืบหาความจริงจึงพบว่ามีคนแอบหยิบของมีค่าออกจากที่เกิดเหตุ จากนั้นก็วุ่นทั้งหมู่บ้าน! เพราะมีร่างไหม้เกรียมศีรษะขาดออกมาหลอกหลอนจนแทบนอนไม่ได้!

ติดตามเรื่องราวความสยอง จากเรื่อง ‘คืนสยองหลอนทั้งหมู่บ้าน’ โดย ‘คุณรุ้ง’ ไปพร้อมกับ ‘ดีเจมดดำ’, ‘ดีเจเคเบิ้ล’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 ตุลาคม 2566) ไปอ่านพร้อมกันเลย! ย้อนกลับไปเมื่อ 31 ปีก่อน มีเหตุโศกนาฎกรรมสุดช็อค ที่เครื่องบินของสายการบินประเทศเพื่อนบ้านตก เนื่องจากขณะเครื่องลดระดับลงจอด มีฝนตกหนักและทัศนวิสัยไม่ดี มีรายงานว่าเครื่องถูกฟ้าผ่านักบินลดระดับความสูงไม่ถูกต้อง จนนำเครื่องลงจอดผิดเป้าหมายและตกลงในที่สุด ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้พบผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทุกคนในบริเวณนั้นต่างพากันออกมาดูเหตุการณ์ยังสถานที่เกิดเหตุ ในตอนแรกตัวคุณรุ้งเองก็ไม่ได้สนใจ แค่รับรู้ว่ามีข่าวเครื่องบินตกบริเวณใกล้บ้าน เย็นวันนั้น เพื่อนของคุณรุ้ง นามสมมุติ ‘เจิด’ ชวนไปดูสถานที่เกิดเหตุ เธอจึงตัดสินใจไปด้วย ในสถานที่เกิดเหตุมีซากเครื่องบินและสัมภาระของผู้โดยสารกระจัดกระจายอยู่บ้าง และมีบางส่วนที่เจ้าหน้าที่ได้เก็บกวาดไปแล้ว จากนั้นก็ต่างพากันแยกย้ายกันกลับบ้าน ในคืนนั้น ขณะที่คุณรุ้งนอนหลับก็สะดุ้งตื่นด้วยอาการปวดปัสสาวะ จึงตัดสินใจลุกไปเข้าห้องน้ำ ในระหว่างทางสายตาก็หันไปทางหน้าต่างซึ่งทะลุเห็นบริเวณหน้าบ้าน ปรากฏว่าเธอสังเกตเห็นมีบางคนยืนอยู่บริเวณนั้น แสงไฟจากถนนส่องลงมากระทบตัวคนนั้น และก็ค่อย ๆ หันลำตัวก็เข้ามาทางบ้านของเธอ! ในใจคุณรุ้งตอนนั้นคิดแค่ว่าเป็นแค่ใครบางคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จเธอก็กลับไปนอนตามปกติ คืนต่อมา เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คุณรุ้งรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเดินอยู่บริเวณนอกบ้าน ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นขโมยขึ้นบ้าน จึงตัดสินใจแอบส่องออกไปจากผ่านหน้าต่าง ปรากฎเธอเห็นผู้ชายเดินตัดหน้าไป จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็หยุดชะงักตรงบริเวณหน้าต่าง เหมือนกับว่ารับรู้ว่ามีคนแอบมอง! ไม่นานก็ค่อย ๆ หันกลับมาอย่างช้า ๆ และจ้องมาทางตัวคุณรุ้ง! ในตอนนั้นคุณรุ้งตกใจจนขนลุก เพราะสิ่งที่กำลังยืนประจันหน้าเธออยู่นั้น เป็นร่างกายที่มีรอยไหม้เกรียมและศีรษะขาดหายไป! คุณรุ้งเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งกลับไปยังห้อง แล้วนอนคลุมโปงทันที ขณะที่เธอรู้สึกกลัวอยู่ใต้ผ้าห่ม หูก็ดันไปได้ยินเสียงเท้าเดินฉับ ๆ ภายในบ้าน คล้ายกับสิ่งนั้นกำลังพยายามหาอะไรบางอย่าง! ในตอนเช้าคุณรุ้งเล่าทุกอย่างให้คุณแม่ฟัง จากนั้นเธอถึงกลับต้องขนหัวลุกอีกครั้ง เพราะแม่เล่าว่าทุกคนในหมู่บ้านได้มาเล่าว่าเจอเหตุการณ์คล้ายกันกับคุณรุ้ง! หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจิดได้มาบอกกับคุณรุ้งว่า ในวันที่ทั้งคู่ไปยังสถานที่เกิดเหตุ เจิดบังเอิญไปเหยียบกับอะไรบางอย่าง พอยกเท้าขึ้นปรากฎว่าเป็นแหวนทอง จึงตัดสินใจเก็บกลับมาด้วยเพราะคิดว่าคงมีมูลค่า จากนั้นคุณเจิดก็ตั้งใจจะขายแหวนวงนี้ แต่คุณรุ้งบอกว่าให้นำไปคืน จึงตัดสินใจกลับไปยังสถานที่เกิดเหตุ และโยนแหวนนี้ทิ้งไป เหตุการณ์หลอนชวนขนหัวลุกที่หลาย ๆ บ้านเจอ ก็อาจเป็นเพราะเจ้าของแหวนอยากจะได้ของคืน จึงต้องมาตามหาทุกบ้านในบริเวณนั้นนั่นเอง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเเชมพู 'พี่พยาบาล' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 19 พ.ย. 2567 ]

23 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเเชมพู 'พี่พยาบาล' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 19 พ.ย. 2567 ]

ขนลุกกับเรื่องราวสุดหลอนในโรงพยาบาล โดย ‘คุณแชมพู’ ที่ได้นำเรื่อง ‘พี่พยาบาล’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 พฤศจิกายน 2567) ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกซู่! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย! ‘คุณแชมพู’ ได้เล่าว่าตนเป็นพนักงานอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งในตึกที่คุณแชมพูทำงานอยู่มีการก่อสร้าง ทำให้ต้องใช้ทางออกทางเดียว และอาชีพนี้ก็ทำให้คุณแชมพูต้องกลับบ้านช่วงเย็น - ค่ำทุกวัน ต้องผ่านจุด ๆ นี้ตลอด โดยส่วนตัวคุณแชมพูเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่ใจสู้ คิดว่าคงไม่มีอะไร จึงใช้ชีวิตตามปกติต่อไป อยู่มาวันหนึ่ง คุณแชมพูมีโอกาสได้เจอกับ ‘พี่พยาบาล’ คนหนึ่งที่อายุประมาณ 50 ปี ทุกครั้งที่เจอ ก็จะสวัสดีทักทายตลอด ซึ่งครั้งสองครั้งแรกที่สวัสดี พี่พยาบาลคนนั้นไม่เห็นคุณแชมพู และไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา จนคุณแชมพูเริ่มเอะใจว่า ‘เขาจะไม่เห็นเราจริง ๆ หรอ?’ ด้วยความที่ทางเดินไม่ได้กว้างมากนัก ออกไปทางแคบด้วยซ้ำ แถมพื้นที่ตรงนั้นมีแค่พวกเขาสองคน โอกาสที่พี่พยาบาลคนนั้นจะไม่เห็นคุณแชมพูมีน้อย เพราะมันใกล้กันมาก แต่คุณแชมพูก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนมาครั้งที่สาม - ครั้งที่สี่ คุณแชมพูก็เจออีก ในช่วงเวลาเดิมประมาณ 6 โมงครึ่ง เป็นช่วงที่ฟ้าจะมืดก็ไม่มืด จะสว่างก็ไม่สว่าง ตะวันโพล้เพล้ เมื่อเดินไปเจอพี่พยาบาล ก็หันไปสวัสดี แต่พี่พยาบาลไม่หันมอง จนคุณแชมพูคิดว่าตนนั้นไปทำผิดอะไรมาหรือเปล่า อาจทำให้เขาไม่พอใจ และไม่อยากคุยกับตน แต่สายตาของพี่พยาบาลคนนี้ที่คุณแชมพูเห็น เป็นสายตาที่ว่างเปล่า เหมือนมองไม่เห็นอะไรที่อยู่รอบตัวเลย ซึ่งในครั้งสองครั้งแรกคุณแชมพูก็ยังไม่ทันได้สังเกต แต่พอหลายครั้งเริ่มรู้สึกว่าแปลก ๆ พี่พยาบาลคนนั้น ไม่ได้มีสีหน้าตึงเครียด แต่เป็นสีหน้าที่เรียบเฉย ขาวซีด สายตาของเขามองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่ได้มีการหันกลับมามองตัวคุณแชมพูเลย ตอนนั้นเอง คุณแชมพูเริ่มเอะใจขำ ๆ ว่า ‘ใช่คนหรือเปล่านะ’ แต่ก็คิดว่าไม่ใช่ จึงได้ไปปรึกษากับพี่ในห้องที่ทำงานมานานแล้ว คุณแชมพูเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เจอ และพูดทิ้งท้ายตลก ๆ ว่า ‘เขาจะใช่คนหรือเปล่านะ’ พี่คนนั้นก็ได้เงียบไป และให้คุณแชมพูบอกถึงรูปพรรณสัณฐานของพี่พยาบาลคนนี้แทน คุณแชมพูได้ตอบไปว่า “เป็นพี่พยาบาลผมสั้นแบบลอนประบ่า ส่วนสูงกลาง ๆ ส่วนสูงประมาณนี้ สีผิวประมาณนี้ ใส่เสื้อพยาบาลที่ค่อนข้างขาวไปทางสีขาวซีด” พี่ในห้องคนนั้นก็ถามเพิ่มเติม และก็ได้เงียบไป ตอบกลับแค่ว่า “ไม่มีอะไรหรอก คิดมากไป ลองไปทำบุญดูจะได้สบายใจ” คุณแชมพูเล่าต่อว่า มีหลายเหตุการณ์ที่พอมีคนรู้ว่าคุณแชมพูเจอแบบนี้ เขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดมาก ไม่มีอะไรหรอก’ แต่คุณแชมพูรู้สึกว่าเหมือนพวกเขาจะรู้อะไรบางอย่าง แต่ไม่อยากบอกให้คุณแชมพูรู้ เพราะกลัวคุณแชมพูจะคิดมากและรู้สึกกลัว จนอยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนสนิทที่อยู่แถวบ้านคุณแชมพู ซึ่งแม่ของเพื่อนคนนี้เป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน โดยที่เพื่อนสนิท ก็ให้คุณแชมพูได้พูดคุยสอบถามกับแม่ของเขา ด้วยความที่รูปพรรณสัณฐานไม่ได้สังเกตยากมาก แม่ของเพื่อนก็เลยหยิบรูปมาให้คุณแชมพูดูและถามว่า “ใช่คนนี้หรือเปล่า” พอคุณแชมพูเห็นรูป ‘มันใช่เลย คือมันใช่!’ นี่คือสิ่งที่คุณแชมพูคิดเป็นอย่างแรกหลังจากที่เห็นรูป และสิ่งที่รู้ต่อมาคือ ‘เขาไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว’ เพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ พอคุณแชมพูได้ยินก็ขนลุกซู่ และคิดในใจว่า ‘คงไม่ใช่หรอก หรืออาจจะหน้าคล้าย’ นอกจากนี้ เมื่อสอบถามคนอื่น ๆ ก็ได้ความว่าบุคลากรที่เข้ามาใหม่ก็มักจะเห็นแบบเดียวกัน ส่วนคนเก่า ๆ ก็ชินแล้ว เหมือนจิตของพี่พยาบาลคนนั้นยังอยากทำงานอยู่ และยังผูกพันกับที่ที่เขาเคยอยู่ และหลังจากที่คุณแชมพูได้รู้ความจริงก็ไม่เคยเจอพี่พยาบาลคนนั้นอีกเลย...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

24 ก.พ. 2025

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

นักศึกษาพักอยู่ในหอพักราคาถูก ทุกชั้นของหอพักจะมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ และทุกคืนจะได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงชายปริศนาที่ดังมาจากหน้าห้องว่า “น้องอยู่ไหน พี่รอหน้าห้อง เปิดประตูให้พี่หน่อย” เจ้าของเสียงคือใคร? แล้วเขามาหาใคร? และเหตุใดหอพักแห่งนี้ ถึงต้องมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ทุกชั้น? หาคำตอบได้ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 กุมภาพันธ์ 2568) กับเรื่องราวสุดหลอนจาก ‘คุณกุ้ง’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘พี่รออยู่หน้าห้อง’ พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ แล้วระวังให้ดี.. คืนนี้ อาจมีใครมาเคาะประตูห้องคุณ! เรื่องราวนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณกุ้ง ซึ่งขณะนั้นคุณกุ้งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ กำลังจะสำเร็จการศึกษา และได้เข้าพักในหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารห้าชั้น ส่วนใหญ่ผู้อยู่อาศัยเป็นนักศึกษา มีเพียงบางส่วนที่เป็นคนทำงาน ในช่วงแรกที่เข้าพัก ทุกอย่างดูปกติ ไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือ ทุกชั้นของอาคารนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ นอกจากนี้ ห้องที่คุณกุ้งพักคือห้อง 312 อยู่ตรงกับบันได และหน้าห้องติดกระจกแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์สิงโตคาบดาบ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก คิดเพียงว่าอยู่ห้องไหนก็ได้ คืนหนึ่ง ในช่วงสอบไฟนอลของภาคเรียนแรก หอพักจะค่อนข้างเงียบกว่าปกติ เวลาประมาณ 3 - 4 ทุ่ม ขณะที่คุณกุ้งกำลังเดินกลับห้อง ทุกอย่างดูเงียบสงบ จนกระทั่งได้ยินเสียงชายคนหนึ่งคุยโทรศัพท์ “น้องอยู่ไหนแล้ว พี่รออยู่หน้าห้อง ถ้าใกล้ถึงแล้วบอกหน่อย หรือเปิดประตูให้พี่หน่อย” เสียงนั้นพูดซ้ำไปซ้ำมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แล้วก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่สุดทางเดิน แต่งกายคล้ายยุค 80-90 สวมเสื้อยืดสีขาว ทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ ตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร จึงเดินเข้าห้องไป แต่เมื่ออยู่ในห้อง เขากลับเริ่มเอะใจ ทำไมเสียงที่ได้ยินถึงใกล้มาก ทั้ง ๆ ที่ชายคนนั้นยืนอยู่ห่างออกไปพอสมควร จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาคิดว่าอาจเป็นเพื่อนหรือแฟน จึงเปิดประตูออกไป แต่กลับไม่พบใคร หน้าห้องว่างเปล่า เขาจึงปิดประตู คิดว่าอาจเป็นเสียงจากห้องอื่นที่อยู่คนละชั้น แต่แล้วเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาเปิดประตูออกไปอีกครั้ง และเหมือนเดิม.. ไม่มีใครอยู่หน้าห้อง จนครั้งที่ 3 เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากบันได คราวนี้เป็นเพื่อนของเขาเอง มาขอยืมหนังสือ เขาจึงถามทันทีว่า “เมื่อกี้แกเคาะประตูห้องเราหรือเปล่า?” เพื่อนปฏิเสธว่า “ไม่นะ เราเพิ่งเดินขึ้นมา” ในคืนต่อมา เขาพบชายคนเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้คุยโทรศัพท์ แต่กลับนั่งอยู่ตรงบันได จ้องมาทางเขาและเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “น้องอยู่ที่ไหน พี่อยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย” แต่น่าแปลกที่ปากของชายคนนั้นไม่ได้ขยับเลย คราวนี้ เขามั่นใจว่า สิ่งที่เห็น ไม่ใช่คนแน่นอน เขาเริ่มลังเลว่าจะย้ายออกดีไหม เพราะค่าเช่าหอพักถูกมาก จึงพยายามอดทน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มได้ยินเสียงนี้บ่อยขึ้น รวมถึงเพื่อนบางคนก็ได้ยินเช่นกัน คุณกุ้งตัดสินใจไปถามคนดูแลหอพัก ตอนแรกเขาเลี่ยงที่จะตอบ จนคุณกุ้งต้องบอกว่า “บอกหนูเถอะค่ะ ยังไงหนูก็อยู่มา 3-4 เดือนแล้ว อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว” ในที่สุด คนดูแลหอพักก็ยอมเล่าให้ฟัง “พี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงหรือเปล่านะ เพราะพี่เพิ่งมาเฝ้าหอได้ไม่นาน แต่ยามของหอพักข้าง ๆ เคยเล่าให้ฟังว่า.. เคยมีคู่รักชายหญิงเช่าห้องอยู่ที่ชั้นสาม ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงทำงานกันคนละที่ วันหนึ่ง ฝ่ายชายกลับมาที่ห้อง อยู่ในห้องได้ 2 วันก็ยังไม่มีความผิดปกติอะไร จนฝ่ายหญิงโทรมาหา แล้วไม่มีคนรับสาย เขาเลยเดินทางมาหาฝ่ายชายที่หอพักแห่งนี้ ปรากฏว่าเคาะห้องก็ไม่เปิด แต่พอโทรไปเสียงโทรศัพท์ดัง จนเขาขอให้งัดห้อง แล้วสิ่งที่ได้เห็นคือ ฝ่ายชายนอนไหลตายอยู่บนที่นอนแล้ว ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะย้ายออก เธอมักได้ยินเสียงชายคนหนึ่งพูดหน้าห้องวนซ้ำ ๆ ว่า ‘น้องอยู่ไหน พี่รออยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย’ เธอได้ยินแบบนี้ทุกคืน จนสุดท้ายทนไม่ไหว และย้ายออกไป” และเหตุผลที่ทุกชั้นในหอพักแห่งนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ ก็ได้รับคำตอบว่า “ตอนที่ก่อสร้างหอพัก มีคนงานคนหนึ่งชอบเป่าเครื่องดนตรีหลังเลิกงาน แต่แล้ววันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุ ตกจากนั่งร้าน แม้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต เจ้าของอาคารจึงนำเครื่องดนตรีมาติดไว้ที่คานของทุกชั้นเพื่อแก้เคล็ด” และสิ่งที่ทำให้คุณกุ้งขนลุกยิ่งขึ้น คือรุ่นพี่ที่เคยพักที่นี่เล่าว่า “คืนใกล้วันโกน มักมีคนเห็นชายชุดเปื้อนฝุ่นเดินอยู่ที่ชั้นหนึ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงเป่าขลุ่ยท่ามกลางความเงียบ” เรื่องนี้ทำให้หลายคนที่รู้ประวัติของหอนี้ ค่อย ๆ ทยอยย้ายออกไป และนั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหอพักแห่งนี้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1