เรื่องเล่าจากลูกหว้า พิจิกา 'พี่ผมแดง' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากลูกหว้า พิจิกา 'พี่ผมแดง' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

22 ม.ค. 2025

       คุณลูกหว้า พิจิกา ได้นำเรื่อง ‘พี่ผมแดง’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (14 มกราคม 2568) ต้องบอกเลยว่า ประสบการณ์การเจอสิ่งลี้ลับของคุณลูกหว้าครั้งนี้ ทำให้ทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกทั้งคู่!

       ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คุณลูกหว้าได้ถูกเชิญไปงานแต่งของ ‘พี่บี มือคีย์บอร์ด ของวง ETC’ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้คุณลูกหว้าต้องค้างคืนที่บ้านของ ‘พี่โซ่ หัวหน้าของวง ETC’ ในใจของคุณลูกหว้าคิดว่า คงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

       หลังจากตื่นขึ้น คุณลูกหว้าก็ได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำ-แต่งหน้าตามปกติ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเวลา 8 โมงกว่า คุณลูกหว้าจึงตัดสินใจปลุกน้องที่มาด้วยกัน แต่ทั้ง ๆ ที่คุณลูกหว้าอาบน้ำแล้ว จู่ ๆ กลับรู้สึกง่วงอย่างประหลาด ทำให้คุณลูกหว้าตัดใจสินใจเอนตัวลงเพื่อพักสายตา หลังจากที่เอนตัวไป คุณลูกหว้าก็ได้หลับในทันทีและฝันเห็นภาพทุ่งหญ้ากว้าง และได้เห็นกลุ่มคนยืนอยู่ใกล้ ๆ แต่งตัวสีสันมากมาย ในใจของคุณลูกหว้าเหมือนได้ทำการสื่อสารกับกลุ่มคนตรงนั้นว่า ‘ไม่มีอะไรนะ เราแค่มางานแต่ง’ คุณลูกหว้าก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นความฝัน

       ผ่านไปสักพักหนึ่ง คุณลูกหว้าก็ได้ลืมตา และได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ปลายเท้าของตน จากนั้นก็ค่อย ๆ หันศีรษะมาทางคุณลูกหว้าอย่างช้า ๆ สีผมของผู้หญิงคนนั้นเป็นสีแดงปนสีส้ม ดวงตาสีน้ำตาลปนแดง และใช้ตาคู่นั้นจ้องมองมาที่คุณลูกหว้าแบบไม่ละสายตาคุณลูกหว้าจึงสะดุ้งตื่น!

       อาการที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนกับคนที่ฝันร้ายมาก ๆ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คุณลูกหว้าก็ปลอบตัวเองว่าสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงความฝัน หลังจากนั้น คุณลูกหว้าสบายใจมากยิ่งขึ้น

       นี่ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกในชีวิตของคุณลูกหว้าที่ได้เจอกับสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้

       หลังจากที่น้องของคุณลูกหว้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำ ในตอนนั้นตัวของคุณลูกหว้ายังไม่เล่าให้น้องฟังและคิดว่าคงไม่มีอะไรหลังจากนี้แล้ว จนกระทั่งไปที่โบสถ์และทำพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ทุกคนก็ตัดสินใจไปกินกาแฟกัน และมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้พูดขึ้นว่า

       “ด้านข้างของตัวบ้านคือโบสถ์ เป็นศาสนจักรของชาวคริสต์ แล้วทางด้านหลังของตัวบ้านก็อยู่ติดกับสุสาน”

       สิ้นคำพูดของรุ่นพี่ คุณลูกหว้าก็รู้สึกว่าจะได้รับข้อมูลที่ทำให้ทุกอย่างกระจ่าง จึงได้ตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เจอเมื่อเช้าให้ทุกคนตรงนั้นฟัง เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็ไม่ได้มองว่าเหตุการณ์ของคุณลูกหว้าแปลก เพราะที่สุสานตรงนั้นก็มีศพของมิชชันนารี ที่เป็นคนต่างชาติฝังไว้อยู่ด้วยเหมือนกัน

       คุณลูกหว้าจึงได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนน่าจะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ แต่ก็ยังไม่ทราบถึงเหตุผลว่า ‘ทำไมผู้หญิงผมแดงคนนั้นถึงจ้องมองคุณลูกหว้าอย่างไม่ละสายตาไปไหนเลย’

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

18 พ.ค. 2025

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

เมื่อต้องไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ต้องพบเจอกับความยากลำบาก แต่ระหว่างที่ทำวิจัยอยู่นั้น งานทุกอย่างกลับราบรื่นไปได้ด้วยดี ..หรืออาจเป็นเพราะมีบางอย่างช่วยเหลืออยู่! นี่คือเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ จาก ‘อาจารย์มิ้นท์’ ที่ได้นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 พฤษภาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจเเนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ‘ดีเจมดดำ’ เรื่องราวสุดหลอนนี้จะเป็นอย่างไร ปิดไฟแล้วอ่านไปพร้อมกันเลย! อาจารย์มิ้นท์ได้เล่าว่า ตนเองได้ทุนไปทำวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 2 เดือน แม้จะอยู่ญี่ปุ่นแล้วอาจารย์มิ้นท์ก็ยังต้องเรียนภาษาจีนกับเหล่าซือที่ไทยอยู่ เธอจึงเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์แทน แต่วันแรกที่ไปทำวิจัยที่นั่นกลับพบว่าอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตจากมือถือแทน นอกจากนี้อาจารย์มิ้นท์ยังเล่าอีกว่า เหล่าซือที่สอนภาษาจีนของตนนั้นเป็นลูกหลานครูหมอโนราห์และเป็นคนเห็นผี ระหว่างที่กำลังเรียนภาษาจีนอยู่นั้น ในช่วงแรกเหล่าซือก็มีอาการตกใจแปลก ๆ อาจารย์มิ้นท์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เมื่อเรียนเสร็จก็ถามเหล่าซือว่าเกิดอะไรขึ้น เหล่าซือบอกว่า “มีผู้หญิงผมยาว ชุดขาวอยู่นอกหน้าต่าง” จากนั้นเหล่าซือก็บอกให้อาจารย์มิ้นท์เดินไปดูที่ระเบียง ปรากฏว่าที่ตึกแห่งนี้ไม่มีระเบียง ทำให้แน่ใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะมีคนยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่างอย่างแน่นอน เนื่องจากเหล่าซือคนนี้สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณได้ จึงบอกกับอาจารย์มิ้นท์ว่าผีสาวตนนั้นเป็นวิญญาณที่อยู่ที่นั่นมาหลายร้อยปีแล้ว และในวันนั้นเอง อาจารย์มิ้นท์ก็มีงานที่ต้องส่งด่วนในวันรุ่งขึ้น แต่อินเทอร์เน็ตก็ยังใช้งานไม่ได้ จึงคิดอยากท้าทายวิญญาณสาวตนนั้นว่า “ถ้าทำให้อินเทอร์เน็ตติดได้ จะถวายอาหารชุดใหญ่ให้” ปรากฏว่าอินเทอร์เน็ตกลับมาใช้งานได้ปกติ และสามารถส่งงานได้ทัน อาจารย์มิ้นท์จึงได้เตรียมอาหารชุดใหญ่เอาไว้สำหรับวิญญาณสาวตนนั้น และทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ชีวิตของอาจารย์มิ้นท์วนเวียนอยู่กับห้องนี้วันแล้ววันเล่า จนกระทั่งคืนหนึ่ง อาจารย์อีกคนได้เดินมาที่โต๊ะอาจารย์มิ้นท์ในระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่ จากนั้นเขาก็ทำหน้าตกใจ พออาจารย์มิ้นท์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่า “เห็นเหมือนคนกำลังนั่งกินข้าวกับอาจารย์มิ้นท์อยู่” อาจารย์มิ้นท์รู้ทันทีว่าเป็นวิญญาณสาวตนนั้นอย่างแน่นอน เมื่อใช้ชีวิตมาสักระยะในห้องทำงานห้องเดิม เธอก็เกิดความสงสัยว่าวิญญาณตนนั้นยังอยู่ที่เดิมหรือไม่?และ วิญญาณสาวตนนั้นรู้หรือไม่ว่าเธอไปที่ไหน ทำอะไรมาบ้าง จึงได้ลองถามเหล่าซือที่สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณดูอีกครั้ง สรุปว่าวิญญาณสาวตนนั้นสามารถบอกกับเหล่าซือได้หมดว่าอาจารย์มิ้นท์ทำอะไรมาบ้าง อาจารย์มิ้นท์ก็ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยขอวิญญาณตนนั้นว่า ‘ขอให้งานที่ทำอยู่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี’ เธอจึงคิดว่าที่ผ่านมาระหว่างที่ทำงานวิจัย ไม่ว่าจะติดต่อสถานที่ไหนในญี่ปุ่นก็เรียบง่าย อาจเป็นเพราะวิญญาณสาวช่วยเอาไว้ก็เป็นได้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เจอผู้ว่าจ้างปริศนาให้ร้องเพลง สุสานคนช้ำ, โรงแรมใจ และล่องเรือหารัก แต่พอเดินทางไปงานวัด กลับไม่ถึงเสียที! ระหว่างทางเจอลุงเสื้อขาว พอบอกน้า น้าบอกไม่เห็น! จะกลับบ้าน มีทางเดียวคือต้องร้องเพลงตามที่ขอเท่านั้น!

07 ก.ค. 2023

เจอผู้ว่าจ้างปริศนาให้ร้องเพลง สุสานคนช้ำ, โรงแรมใจ และล่องเรือหารัก แต่พอเดินทางไปงานวัด กลับไม่ถึงเสียที! ระหว่างทางเจอลุงเสื้อขาว พอบอกน้า น้าบอกไม่เห็น! จะกลับบ้าน มีทางเดียวคือต้องร้องเพลงตามที่ขอเท่านั้น!

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 มิถุนายน 2566) ที่ผ่านมา มีสายจาก ‘คุณเนฟ’ พยาบาลสาวที่ตอนเด็กเคยประสบพบเจอเหตุการณ์หลอนจึงนำมาเล่าให้ชาวอังคารคลุมโปงฟัง กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘เพลงผีบอก’ ที่ทำให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เสียวสันหลังวาบ! เรื่องราวจะหลอนขนาดไหน ปิดไฟ แล้วเปิดเพลง ‘ล่องเรือหารัก’ คลอไป อ่านไป ได้ฟีลกว่าเดิมแน่! เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณเนฟยังเด็กและรับงานเป็นนักร้องที่รับจ้างไปร้องตามงานต่าง ๆ เช่น งานบวช งานวัด งานขึ้นบ้านใหม่ งานสังสรรค์ ก็แล้วแต่ผู้ว่าจ้างจะจ้างให้ไปร้องที่ไหน เรียกได้ว่าเดินสายร้องเพลงตั้งแต่เด็ก โดยมีคุณแม่ช่วยสนับสนุน และเป็นผู้จัดการคิวงานให้ ครั้งหนึ่ง ในช่วงปลายฝนต้นหนาว มีสายจากผู้ว่าจ้างติดต่อมา ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายมีอายุ บอกว่าอยากให้คุณเนฟไปร้องเพลงในงานวัด ซึ่งวัดนี้ตั้งอยู่อีกตำบลหนึ่ง เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที เป็นวัดที่คุณแม่เคยไปทำบุญกับเพื่อนมาก่อน และเป็นวัดที่ค่อนเข้าเดินทางเข้าไปลึกอยู่พอสมควร เส้นทางคดเคี้ยว เป็นวัดที่อยู่ติดเขา แต่ก็เป็นวัดที่สวย นาน ๆ จะจัดงานวัด คุณแม่จึงเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดี หากคุณเนฟได้ไปร้องเพลงที่วัดแห่งนี้ นอกจากนี้ คุณลุงปลายสายก็รีเควสเพลงทั้งหมด 3 เพลง ได้แก่ สุสานคนช้ำ, โรงแรมใจ และล่องเรือหารัก และยังบอกอีกว่า ถ้าในงานมีเพลงที่อยากให้ร้องเพิ่ม จะบอกอีกครั้ง จากนั้นก็นัดเวลากันว่า คุณเนฟจะต้องถึงที่งานเวลา 1 ทุ่ม และขึ้นร้องเพลงในเวลา 2 ทุ่ม โดยตกลงค่าจ้างไว้ที่ 1,500 บาท ซึ่งถือว่าเยอะมากกว่าเรตที่คุณเนฟเคยได้ เมื่อจัดการนัดแนะรายละเอียดทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก่อนถึงวันที่จะต้องไปร้องเพลง ปรากฏว่าคุณแม่ดันป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ จึงฝากให้คุณน้าที่เป็นเพื่อนกัน ชื่อว่า ‘น้าเปิ้ล’ มีอาชีพเป็นวินมอเตอร์ไซค์ มีแฟนชื่อ ‘พี่น้อง’ ในตอนแรกทั้งสองก็เพราะไม่เคยไปที่วัดแห่งนี้ แต่คุณแม่ก็บอกว่าจะมีค่าตอบแทนให้ พร้อมกับเขียนแผนที่ไว้ให้ละเอียด ทั้งน้าเปิ้ลและพี่น้องจึงตกลงช่วยพาไป โดยที่ไม่รับค่าจ้าง เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ วันที่จะต้องไปร้องเพลงนั้นเป็นวันเสาร์ น้าเปิ้ลและพี่น้องมารับคุณเนฟเวลา 5 โมงครึ่ง โดยใช้รถจักรยานยนต์ขับไป น้าเปิ้ลเป็นคนขับ คุณเนฟนั่งตรงกลาง และพี่น้องนั่งซ้อนท้าย เวลาผ่านไปประมาณ 30-40 นาที ก็ถึงตำบลนั้น จากนั้นก็ต้องขับเข้าไปในซอยเพื่อไปที่วัด เป็นซอยที่ไม่ค่อยมีบ้านคน ไฟระหว่างทางก็น้อยลง ติดบ้าง ดับบ้าง ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ เมื่อถึงสุดทางของซอยนั้นก็จะมีสามแยก ซึ่งต้องเลี้ยวขวา คุณเนฟบอกว่าหลังจากเลี้ยวขวามาแล้ว คุณเนฟรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกนึง ข้างทางไม่มีแสงไฟแล้วและเต็มไปด้วยความมืด คุณเนฟคิดว่าตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาใกล้ 1 ทุ่มแล้ว ข้างทางเป็นสวนมันสำปะหลังเรียงเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา นอกจากนี้ อากาศยังเย็นลงอย่างรวดเร็ว จนเสื้อที่คุณแม่เตรียมมาให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ พี่น้องจึงกอดคุณเนฟไว้ไม่ให้หนาว เมื่อขับไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ถึงปลายทางเสียที สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นคือผ่านทางสามแพร่งเยอะมาก ซึ่งมันก็ตรงกับแผนที่ที่คุณแม่เขียนไว้ให้ นั่นแสดงว่าทั้งสามคนไม่ได้หลงทางอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงวัดเลย ไม่เจอแม้กระทั่งบ้านสักหลัง คุณเนฟไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว แต่รู้สึกว่าเมื่อย ปวดขา และชาก้นไปหมด จึงขอให้น้าเปิ้ลจอดพัก แต่น้าเปิ้ลก็บอกว่าจอดไม่ได้ เพราะไม่มีที่ปลอดภัยให้จอดพักเลย ข้างทางก็เปลี่ยว กลัวว่าจะมีโจรหรือสัตว์อันตราย น้าเปิ้ลบอกว่า “อดทนหน่อยนะลูก เดี๋ยวก็เจอวัดแล้ว” คุณเนฟซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางทำให้มองไม่เห็นทางข้างหน้าชัดเจน จึงชะโงกหน้าออกมาข้าง ๆ เพื่อที่จะมองไปข้างหน้า จังหวะนั้นทำให้คุณเนฟเห็นผู้ชายใส่เสื้อสีขาว หัวโล้น เดินก้มหน้าหลังค่อม แขนขวาเหมือนกับลากเสียมหรือจอบมาด้วย คุณเนฟที่ตอนนั้นยังเด็กเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไร และดีใจมากที่เจอคนสักที จึงพูดขึ้นมา “น้า! น้าถามคนนั้นสิว่าวัดอยู่ที่ไหน” แต่น้าเปิ้ลกลับขับรถเร็วขึ้น พี่น้องก็ยิ่งกอดคุณเนฟแน่นขึ้น คุณเนฟจึงชี้ไปที่ผู้ชายคนนั้นแล้วพูดขึ้นมาอีกรอบว่า “เนี่ย ๆ ถามคุณลุงคนนั้นสิว่าวัดอยู่ที่ไหน น้าจอดดด” แต่น้าเปิ้ลก็ไม่หยุดรถแต่อย่างใด ส่วนพี่น้องก็เอามือมาปิดหน้าคุณเนฟไว้ไม่ให้มองเห็น จากนั้นก็พูดว่า “เนฟ หนูอย่าทักนะลูก น้าไม่เห็นใคร น้ากลัว” คุณเนฟก็งงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคิดแค่ว่าเป็นคน ไม่ได้นึกถึงสิ่งลี้ลับอะไร จึงพูดขึ้นว่า “น้า หนูเห็นคนจริง ๆ น้าจะไม่เห็นได้ยังไง เขาใส่เสื้อสีขาว” แต่น้าเปิ้ลก็พูดขึ้นว่า “เนฟ ไม่เอา อย่าทักนะลูก มืด ๆ แบบนี้ น้าไม่เห็นใคร” เมื่อเห็นว่าน้าพูดย้ำ ๆ แบบนั้น คุณเนฟจึงไม่พูดอะไรต่อ เวลาผ่านไปประมาณ 10-15 นาที คุณเนฟที่นั่งรถจนเมื่อยก็ทนไม่ไหว จึงบอกน้าเปิ้ลว่า “น้า กลับบ้านมั้ย? หนูเหนื่อยแล้ว” น้าเปิ้ลจึงชะลอรถเพื่อโทรหาแม่ แล้วบอกว่าหาวัดไม่เจอ คุณแม่จึงตะโกนออกมาว่า “แล้วทำไมไม่โทรมาตั้งนาน ตอนนี้มันสามทุ่มแล้ว!” น้าเปิ้ลก็บอกว่า “รู้สึกเหมือนผ่านมาไม่นานเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้โทรบอก” ซึ่งทั้งสามคนก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เหมือนกับผ่านไปไม่ถึง 15 นาทีด้วยซ้ำ คุณแม่จึงบอกว่า จะโทรกลับไปหาคุณลุงคนนั้น ให้เขามารับ ส่วนคุณเนฟและน้าทั้งสอง ก็จอดรถรออยู่ตรงนั้นไปก่อน ผ่านไปสักพัก คุณแม่ก็โทรกลับมา บอกว่าติดต่อคุณลุงคนนั้นไม่ได้ โทรไม่ติด ประมาณว่าไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก คุณแม่จึงบอกให้ทั้งสามคนกลับ น้าเปิ้ลและพี่น้องจึงคุยกันว่าจะกลับยังไง เมื่อได้ข้อสรุปก็พบว่าน้ำมันใกล้จะหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขับรถหาทางกลับ เมื่อขับไปสักพัก คุณเนฟก็ได้ยินเสียงผู้ชายมีอายุลอยมาตามลมว่า “ร้องเพลงสิ” คุณเนฟจึงบอกพี่น้องว่า “พี่คะ หนูได้ยินเสียงคนเขาบอกให้หนูร้องเพลง” พี่น้องได้ยินก็กอดแน่นขึ้น น้าเปิ้ลก็ยิ่งขับรถเร็วขึ้นไปอีก! สักพักเสียงตามลมก็แว่วมาอีกครั้ง ครั้งนี้ชัดขึ้นกว่าเดิมอีกว่า “ร้องเพลงสิ” ในตอนนั้นคุณเนฟไม่ได้กลัว หรือคิดถึงสิ่งลี้ลับอะไร ด้วยความไร้เดียงสาจึงบอกไปว่า “น้า เขาบอกให้หนูร้องเพลง เดี๋ยวหนูร้องเพลงให้เขาดีกว่า” น้าเปิ้ลจึงจอดรถข้างทาง “งั้นหนูร้องเพลง มีเพลงอะไรบ้างนะ ที่เขาขอมา” จากนั้นคุณเนฟก็ร้องเพลง 3 เพลงตามลิสต์ที่ผู้ว่าจ้างขอมา (ในรายการคุณเนฟร้องสด ๆ ให้ฟังด้วย) หลังจากที่ร้องเพลงจบ คุณเนฟที่เพลียมากจึงบอกน้าเปิ้ลว่า “น้า หนูร้องจบแล้ว” น้าจึงยกมือไหว้มือท่วมหัวแล้วบอกว่า “ขอพาน้องกลับบ้านนะครับ น้ำมันก็จะหมดแล้ว” หลังจากนั้นอากาศที่เย็นมากก็เริ่มอุ่นขึ้นมา แล้วน้าเปิ้ลก็ออกรถอีกครั้ง ไม่ถึง 5 นาที ก็เห็นแสงไฟ แล้วก็ออกจากทางสามแยกตรงนั้นได้ คุณเนฟที่เพลียมากก็ฟุบหลับไป คุณแม่บอกว่ากว่าจะถึงบ้าน ก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นก็พาคุณเนฟไปทำบุญที่วัด คืนนั้นเอง คุณแม่ก็ฝันว่า มีคุณลุงใส่เสื้อสีขาว เป็นเหมือนเสื้อเชิ้ตสีขาวของคนแก่สมัยก่อน ใส่ผ้าโสร่งผูกข้างหน้าเก่า ๆ เดินหลังค่อม แขนขาลากเสียมขุดดิน หัวโล้น มองไม่เห็นหน้า พูดกับคุณแม่ว่า “ขอบใจนะ” แล้วก็ให้เลขคุณแม่มา สรุปว่าคุณแม่ก็ถูกหวยได้เงินมากกว่า 1,500 บาท หลังจากเล่าจบ ทั้งดีเจแนน ดีเจเจ็ม และชาวอังคารคลุมโปงต่างปรบมือให้กับจังหวะการเล่าเรื่องที่ดีมาก ๆ คุณเนฟ และชื่นชมเสียงร้องของคุณเนฟกันยกใหญ่ หากอยากฟังเสียงของคุณเนฟว่าจะเพราะสมคำร่ำลือหรือไม่ ก็ตามไปฟังแบบเต็ม ๆ ได้ที่(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

เรื่องเล่าจากเอฟ ‘หอเฮี้ยน ย่านลาดกระบัง’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

18 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากเอฟ ‘หอเฮี้ยน ย่านลาดกระบัง’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

เรื่องนี้ ‘เอฟ พงศ์พิทักษ์‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(14 พฤษภาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจมดดำ’ ‘ดีเจโซเซฟ’ และ ‘ดีเจแนน’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘หอเฮี้ยน ย่านลาดกระบัง’ เรื่องราวสุดเฮี้ยนนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย คุณเอฟเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นขณะที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ตอนนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาส่วนใหญ่มักจะมารวมตัวเพื่อติวหนังสือกัน แต่คุณเอฟเเรียนไม่ค่อยทัน จึงให้เพื่อนคนหนึ่งมาติวให้ส่วนตัวที่หอ การติวหนังสือเป็นไปอย่างปกติ แต่หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่สมาธิเริ่มหลุด เพราะเครียดเกินไป จึงใช้เวลาพักคุยเล่นกัน 5-10 นาที แต่พอคุยกันไปกันมา จับพลัดจับผลูคุยกันเรื่องผีเสียอย่างนั้น เพื่อนคุณเอฟที่ชื่อ ‘เอ’ (นามสมมติ) ถามว่า “มึงเคยเจอผีที่หอนี้ป่ะ” คุณเอฟตอบว่า “ก็ไม่เคยเจอนะ เคยมีบ้างที่รู้สึกเหนื่อย กึ่งหลับกึ่งตื่น คล้ายกับอาการผีอำ แต่ก็คิดไปในทางวิทยาศาสตร์ว่าอาจจะเหนื่อยทำให้เกิดอาการแบบนี้” เมื่อเอได้ยินดังนั้น เอก็พูดขึ้นมาว่า “มึงอยากลองดีป่าว มีสถานที่ให้ลองได้นะ” คุณเอฟก็บอกว่า “ไม่อยาก” เพราะรู้สึกกลัว แต่ในใจก็อยากรู้อยากเห็น จึงบอกเพื่อนว่า “เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย” คุณเอจึงเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่หอนอกบริเวณลาดกระบัง (ณ ปัจจุบันคุณเอฟก็ไม่ทราบว่าหอนี้ยังอยู่ที่เดิมหรือไม่) ในช่วงกีฬาสีของมหาวิทยาลัย ตอนนั้นคุณเอไม่มีหอพัก จึงไป-กลับจากบ้าน หากมีกิจกรรมหรือมีสอบ คุณเอก็จะขอมานอนที่หอเพื่อน วันนั้นเวลาประมาณหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่ม คนอื่นไปทำงานกันหมด แต่คุณเอทำเสร็จแล้ว จึงอยู่หอ พักผ่อน เล่นเกมไปเรื่อย ระหว่างที่เล่นมือถืออยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” คุณเอหันไปดูแล้วมองตาแมว ก็ไม่มีอะไรอยู่หน้าห้อง เปิดประตูไปเช็คก็ไม่มี ในใจก็คิดว่า ‘อาจจะเป็นห้องข้าง ๆ หรือเปล่า’ ที่คิดแบบนั้นเพราะมีห้องพักติดกันหมด ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ยิน คุณเอจึงกลับมานั่งที่เดิม ผ่านไปไม่กี่นาที ก็ได้ยินเสียงอีกครั้งเป็นเสียงเคาะเหมือนเดิม รอบนี้แรงกว่าเดิมด้วย “ปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก!” คุณเอมองไปที่ตาแมว แต่ก็ไม่มีอีกแล้ว จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์นี้อีก 2 รอบ รวมเป็น 4 รอบ แม้คุณเอจะไม่เชื่อเรื่องผี แต่ในใจก็แอบกลัวอยู่ หลังจากโดนรบกวนหลายครั้ง คุณเอก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญ จึงอยากพิสูจน์ว่ามีคนแกล้ง หรือเป็นเสียงจากห้องข้าง คิดได้ดังนั้น คุณเอก็กำลูกบิดประตูไว้ กะว่าถ้ามีเสียงอีกจะเปิดประตูทันที ไม่นานเสียงเคาะก็มา รอบนี้เคาะจนประตูลูกบิดสั่น แต่พอเปิดประตูออกไป กลับไม่มีอะไรอยู่เลย! คุณเอคิดว่าถ้าเป็นห้องอื่น ประตูเราจะต้องไม่สั่น แต่ประตูกลับสั่นตามจังหวะเคาะ คุณเอรู้สึกแปลกใจจึงปิดประตู แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นกลับไปที่เตียง แต่เปิดประตูห้องน้ำแง้มเอาไว้ คุณเอไม่อยากคิดอะไรแล้วจึงรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน พอกำลังจะขึ้นเตียง เสียงเคาะก็มาอีก 2 รอบ คุณเอพยายามเมินเสียงนั้น แต่กลับทวีความรุนเเรงเพิ่มขึ้น แล้วยังมีเสียงน้ำจากอ่างล้างมือในห้องน้ำที่เปิดประตูเเง้มไว้ เหตุการณ์เริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆ จนคุณเอทนไม่ไหว แต่ก็พยายามข่มตาไม่สนใจ ฟังเพลงไป ปกติแล้วหากประตูห้องนั้นปิด ตัวกลอนจะเข้าล็อคและมีเสียง “แกร๊ก” ซึ่งตอนนั้นคุณเอเปิดแง้มไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท หลังจากได้ยินเสียงน้ำไหลสักพักก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” เหมือนประตูปิดเอง! คุณเอได้ยินก็รีบพุ่งไปที่ประตู สิ่งที่สังเกตุเห็นคือประตูห้องน้ำ มันปิดสนิท! เขาก็พยายามคิดว่าอาจจะเป็นเพราะลม หรือเพราะประตูห้องอื่นปิดแรงจนประตูของเราปิดไปด้วย แต่ในตอนนั้นไม่มีลมเลย คุณเออยู่ไม่ได้จึงออกจากห้องไป ส่วนน้ำค่อยกลับมาปิดตอนเช้า เหตุการณ์ต่อมา ยังอยู่ในช่วงกีฬาสีเพื่อนในกลุ่มคุยกันเรื่องที่นอน สรุปคือได้ผู้กล้า 4 คน ไปนอนที่เตียงใหญ่ เป็นหมอนเรียงกันกับผ้าห่มผืนใหญ่ ซึ่ง 1 ในนั้นก็มีคุณเอฟอยู่ด้วย แต่เขาไม่ได้ไป คุณเอที่ติวหนังสือให้จึงไปแทน ซึ่งคุณเอนอนริมซ้ายสุดแล้วก็เรียงกันอีก 3 คน หลังจากนอนไปสักพักก็เริ่มเคลิ้มหลับ แต่คุณเอรู้สึกเหมือนโดนดึงผ้าห่ม เขาคิดว่าเพื่อนแกล้ง เลยดึงกลับมา เป็นแบบนี้อยู่ 3 รอบ คุณเอเริ่มโมโหจึงดึงกลับมาแรง ๆ แล้วกำผ้าห่มไว้ แต่ปรากฎว่าโดนกระชากผ้าห่มลงมาครึ่งตัว! คุณเอลุกขึ้นมา มองอีก 3 คนที่นอนอยู่ ปรากฎว่าทุกคนทำท่ายกมือขึ้นสองข้างเหมือนกำลังบอกว่า พวกเราไม่ได้เป็นคนดึง แล้วหางตาของเอก็เห็นอะไรดำ ๆ อยู่มุมเตียง เขารีบหันไปมองก็เห็นเงาผู้หญิง ดำ ๆ ผอม ๆ ผมปิดหน้า เอามือดึงผ้าห่มช้า ๆ อยู่ ในตอนนั้นทุกคนตะลึงกันหมด จากนั้นก็มีเสียงก็ทุบตู้ไม้ “ตึก ตึก ตึก ตึก” หางตาคุณเอเห็นตรงตู้เห็นเป็นเหมือนเท้าเด็ก เห็นเป็นกุมารทองไม่มีหน้า แต่มีรอยยิ้มแล้วนั่งเอาส้นเท้าเคาะตู้อยู่! พอเห็นอย่างนั้น ทุกคนวิ่งหนีกระเจิง ไม่มีใครอยู่ต่ออีกเลย หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครค้างหอนี้จนหมดสัญญา อาจจะเข้าไปเอาของตอนกลางวันบ้าง เพราะทุกคนกลัวหมด และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าหอนี้มีประวัติอะไร ทำไม…จึงมีผู้หญิงและกุมารทองอยู่ที่นี่(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ซื้อที่ใหม่ไว้สร้างบ้าน หลังจากมาอยู่ก็เจอแต่เรื่องแปลก ๆ ทั้งเจองูตัวใหญ่ เจอผู้หญิงปริศนา ประตูเปิดเอง ทำไรไม่ได้ เลยจำใจต้องอยู่!

08 ธ.ค. 2023

ซื้อที่ใหม่ไว้สร้างบ้าน หลังจากมาอยู่ก็เจอแต่เรื่องแปลก ๆ ทั้งเจองูตัวใหญ่ เจอผู้หญิงปริศนา ประตูเปิดเอง ทำไรไม่ได้ เลยจำใจต้องอยู่!

อ่านความแปลกจากเรื่อง ‘บ้านหลังใหม่’ โดย ‘คุณป๊อบ’ ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในรายการอังคารคลุมโปง X (5 ธันวาคม 2566) เรื่องราวนี้จะหลอนแค่ไหน แล้วคุณป๊อบต้องเจอกับอะไรระหว่างที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ไปอ่านพร้อมกันเลย! เรื่องราวความสยองนี้ เป็นประสบการณ์ตรงจากคุณป๊อบ ย้อนกลับไปเมื่อ ปี พ.ศ. 2557 ครอบครัวคุณป๊อบอยากได้ที่ไว้เพื่อปลูกบ้าน จึงไปดูที่คลอง 5 จังหวัดปทุมธานี แต่ในปีนั้นเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงตัดสินใจว่าจะหาซื้อแถวบ้านที่ต่างจังหวัดแทนช่วงแรก ครอบครัวคุณป๊อบได้แวะไปดูที่ดินแถวบ้านญาติ ในสมัยนั้นที่ดินตรงนี้ยังเป็นป่าต้นยูคาลิปตัส ปรากฏว่าชอบมาก จึงคิดว่าจะซื้อที่ตรงนี้แทน ตอนนั้นก็มีคนต้องการซื้อที่ดินแปลงนี้เหมือนกัน และเสนอราคาที่สูงกว่าครอบครัวคุณป๊อบ ตอนนั้นคิดว่าคงไม่น่าได้ แม่ของคุณป๊อบจึงไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทางขอให้ได้ที่ตรงนี้ ไม่นานก็ได้รับการติดต่อมาจากเจ้าของ ทุกคนดีใจมาก จึงรีบตอบตกลงไปทันที หลังจากที่ได้ที่ดินนี้มาแล้ว พวกเขาคิดว่าจะถางป่ายูคาลิปตัสออก แต่ในระหว่างวันที่กำลังถางป่า ปรากฏว่าไปเจองูเห่าตัวใหญ่ประมาณ 2 เมตร จึงขอให้คนงานจับไปปล่อยที่อื่น เรื่องราวแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นหลังจากนี้ตลอด ทุกครั้งที่ที่ดินตรงนี้นี้มีการเปลี่ยนแปลง ก็มักจะเจอกับงูเง่าทุกรอบ ซึ่งแต่ละรอบขนาดของงูก็แตกต่างกันออกไป คุณป๊อบต้องเจอเรื่องราวแปลก ๆ แบบนี้จนบ้านสร้างเสร็จเรียบร้อย วันหนึ่ง ‘คุณแม่อร’ (นามสมมุติ แม่ของคุณป๊อบ) มีธุระจะพูดคุยกับ ‘ป้าอ้าย’ (นามสมมุติ ป้าของคุณป๊อบ) จึงนัดหมายว่าจะมาที่บ้านหลังนี้ ในระหว่างที่แม่อรกำลังเดินอยู่ในบ้าน ก็สังเกตเห็นผู้หญิงใส่ผ้าไหมมัดหมี่ (ผ้าซิ่นในภาคอีสาน) กำลังเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอ ตอนนั้นคิดว่าเป็นป้าอ้ายที่นัดกันไว้ จึงรีบเดินตามไป หลังจากที่แง้มประตูเข้าไปก็ไม่เจอใคร จากนั้นแม่อรจึงไปรอที่หน้าบ้าน ไม่นานป้าอ้ายก็มาถึง ตอนนั้นเธอไม่เห็นใครจึงเข้ามาในบ้าน ปรากฏว่าระหว่างที่เดินอยู่ก็สังเกตเห็นผู้หญิงใส่ผ้าไหมมัดหมี่เดินเข้าไปในห้องเหมือนกัน จึงรีบตามไป ในระหว่างที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู ป้าอ้ายได้ยินเสียงเรียกของแม่อรจากนอกบ้าน ป้าอ้ายจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้อง ก็ไม่เจอใครเลย และรีบออกไปหาแม่อรทันที เรื่องราวแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งน้าสะใภ้ คุณตา รวมถึงตัวคุณป๊อบเอง ต่างพากันเจอเรื่องราวสุดขนหัวลุกแบบนี้เหมือนกัน วันหนึ่ง น้าสะใภ้อยู่ในครัว ก็สังเกตเห็นมือปริศนาเปิดประตูเอง หรือแม้กระทั่งคุณตากำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ได้ยินเสียงเด็ก “หนูขออยู่ด้วย หนูกลัวผี” คุณตาตอบไปทันที “หนูก็เป็นผีอยู่แล้วหนิ หนูจะกลัวทำไม” ไม่นานเด็กคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “หนูกลัวผีตัวอื่นในบ้านหลังนี้ !” คุณตาจึงตัดสินใจเปิดประตูให้ผีตนนี้เข้ามาอยู่ด้วย รวมถึงตัวคุณป๊อบก็เคยเจอผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแม่ แต่พอสังเกตดูดี ๆ มันคือใครก็ไม่รู้! หรืออีกเหตุการณ์ก็คือประตูเปิดเอง ทั้ง ๆ ที่ล็อกไว้แล้ว ด้วยความที่คุณป๊อบเป็นคนปากไวจึงด่าไปว่า “ไม่มีมารยาทเลยอะ เปิดประตูแล้วไม่รู้จักปิด” จากนั้นประตูก็ค่อย ๆ ปิดเอง ! มีอยู่วันหนึ่ง หมู่บ้านมีการทำบุญใหญ่ และจะมีหมอธรรมมาทำพิธีรดน้ำมนต์ให้บ้านทุกหลังในหมู่บ้าน พอจังหวะที่หมอธรรมมาถึงบ้านของคุณป๊อบก็ว่าทักขึ้นว่า “เคยเจอเรื่องราวแปลก ๆ กันบ้างมั๊ย อย่างคนเดินอยู่ในบ้าน รู้ไหมว่าที่นี่เป็นทางผ่าน บ้านหลังนี้เป็นเมืองบังบด” ทุกคนเงียบกันหมด และต้องจำใจอยู่เพราะตอนนั้นก็ลงทุนกันไปเยอะมาก จึงไม่คิดจะย้ายไปไหน เพราะตั้งแต่อยู่มาก็ไม่ได้เกิดเรื่องร้ายอะไรกับครอบครัว ซ้ำยังได้โชคถูกหวยกันบ่อยครั้ง จึงไม่ได้กลัวอะไรมาก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1