Fit check เลือกสูทแบบไหนคือ ใช่ สำหรับคุณผู้ชาย

HEALTHY LIFESTYLE

Fit check เลือกสูทแบบไหนคือ ใช่ สำหรับคุณผู้ชาย

03 พ.ค. 2024

SUITS

สูท หรือ ชุดสูท หากเรานึกถึงคำนี้กันแล้ว หลายคนอาจคิดถึงเสื้อผ้าที่มีดีไซต์ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัว มักสวมใส่ ใช้กันในการทำงาน หรือวันสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะในงานรื่นเริงอย่าง งานแต่ง หรือจะจริงจังอย่าง งานพิธี ผู้คนก็มักสวมใส่ชุดสูทกันอยู่เสมอ ๆ แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าทำไม  ต้อง “ชุดสูท”

 

Suit (สูท) คือเครื่องแต่งกายแบบที่หลากสไตล์ สากล ที่ต้องประกอบไปด้วย Suit Jacket (แจ๊คเก็ตสูท) ใส่คู่กับ Suit Trousers (กางเกงสูทขายาว) โดยใช้เนื้อผ้าและโทนสีที่เหมือนกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือพูดกันง่ายๆว่า สูท คือ ชุดที่ตัดมาจากผ้าผืนเดียวกันนั้นเอง ประวัติศาสตร์ของสูทนั้นมีมานานตั้งแต่สมัยตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียว ในยุคสมัยนั้น สูท เป็นดั่งตัวแทนความมีอารยะ ความหรูหราฟู่ฟ่า และเสริมความสง่างาม ให้ผู้สวมใส่มี บุคลิกภาพที่ดี ดูภูมิฐานทางปัญญา

 

ด้วยความเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่แปลกเลยที่ สูท จะกลายเป็นเครื่องแต่งกายยอดนิยมตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จนถึงยุคสมัยปัจจุบัน

 

เราจะมาแนะนำกับรูปแบบ สูท ยอดฮิต มีอะไรกันบ้าง และเหมาะกับใคร

 

Single-Vent  หรือ สูท แบบกระดุม แถวเดียว เหมาะกับทุกรูปร่าง มีแบบ 1 / 2 / 3 กระดุม

 

1 กระดุม  

เอกลักษณ์ แฟชั่นสูทแนวแคชชวล สมัยใหม่ ใส่สบาย เหมาะสำหรับผู้ชายรูปร่างเล็ก ใส่แล้วดูหุ่นดี เน้นรัดช่วงเอวให้ดูเข้ารูปเข้าทรงมากขึ้น ช่วยให้ดูหุ่นเพรียวขึ้น

ข้อแนะนำ สามารถเลือกติดหรือไม่ติดกระดุมก็ได้ หากอยู่ในงานทางการควรติดกระดุมตลอดเวลา ปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่ง

 

 

2 กระดุม  

เอกลักษณ์ แฟชั่นสูทสุภาพ ทางการระดับสุด มาตรฐานสูทสากลนิยมใช้ในปัจุบัน เหมาะสำหรับผู้ชายทุกรูปร่าง / รูปร่างใหญ่

ข้อแนะนำ เมื่อติดกระดุมให้ติดเม็ดบนสุดเม็ดเดียวเท่านั้น ปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่ง

 


 

3 กระดุม  

เอกลักษณ์ ลุคทางการ สูทสไตล์วินเทจย้อนยุค สูทสไตล์คลาสสิค เหมาะสำหรับ ผู้ชายสูงช่วงตัวยาว ช่วยบาลานซ์ส่วนสูงได้ดี ใส่แล้วช่วยเพิ่มความโดดเด่น เพิ่มแฟชั่นให้ดูมีมิติ

ข้อแนะนำ หากติดกระดุม ให้เลือกติด สองเม็ดบน หรือติดแค่เม็ดกลางอย่างเดียว เท่านั้นปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่งเสมอ


Double-Vent  หรือ สูท แบบกระดุม สองแถว เหมาะกับรูปร่างสมส่วนและ รูปร่างใหญ่  มักมี 4 / 6 / 8 กระดุม

 

 

4 กระดุม 

เอกลักษณ์ สไตล์ที่ให้ความวินเทจสูง  สามารถออกงานทางการ หรือลำลอง ใส่คู่กับกางเกงชิโน่ หรือกางเกงยีนส์เพื่อให้ดูลำลองมากขึ้น เหมาะกับผู้ชายรูปร่างสมส่วน / รูปร่างใหญ่  ช่วยปกปิดช่วงลำตัวทำให้ดูสูงโปร่งขึ้นได้

ข้อแนะนำ เลือกติดกระดุมเพียง สองเม็ดแถบบนสุด ไม่นิยมติดกระดุมเม็ดล่าง ไม่ต้องปลดกระดุมเมื่อนั่ง เพราะออกแบบช่วงตัวให้กว้างกว่าแบบมาฐาน

 

 

6 กระดุม 

เอกลักษณ์ สไตล์ที่ให้ความวินเทจ คลาสสิก โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่  ออกแบบช่วง อก กว้าง และมีความยาวสูท มากกว่าแบบมารฐาน

ข้อแนะนำ เลือกติดกระดุมเพียง สองเม็ดแถบบนสุด และเม็ดซ่อนไม่นิยมติดกระดุมเม็ดล่าง ไม่นิยมปลดกระดุมเมื่อนั่ง เพราะออกแบบช่วงตัวกว้างกว่าแบบมาฐาน

 

Credits :

https://www.dgrie.com/blog/double-breasted-single-brested-suit/  

https://www.dgrie.com/blog/big-size-suit-guide/ 

https://www.suitcube.com/double-breasted-suit/

https://www.dgrie.com/blog/how-to-pick-buttons-for-a-suit/

https://www.kaidee.com/blog/how-to-choose-suit/

 

Author : MIK_MIKAZUKI

related HEALTHY LIFESTYLE

ยีนส์ทรงนี้ ดีกับหุ่นไหมนะ

10 เม.ย. 2024

ยีนส์ทรงนี้ ดีกับหุ่นไหมนะ

สวัสดีสาว ๆ วันนี้เราจะมาพูดถึงกางเกงยอดฮิตที่ทุกบ้านต้องมี นั่นก็คือ “กางเกงยีนส์”เชื่อว่าทุกคนต้องมีกางเกงยีนส์กันอยู่แล้ว แต่บางคนคงเลือกที่จะพับเก็บเข้าตู้ไปเพราะอาจจะคิดว่าหุ่นเราไม่เหมาะกับกางเกงยีนส์ ใส่แล้วไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง หรือบางคนอยากใส่กางเกงยีนส์แต่ไม่รู้ว่ากางเกงยีนส์แบบไหนจะเหมาะกับเรานะ วันนี้เรามีคำตอบมาให้เรามาเริ่มกันที่เช็ครูปร่างตัวเองกันว่าหุ่นเราเป็นทรงไหนกันนะขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ : https://i.pinimg.com1.หุ่นทรงแอปเปิ้ล ( Apple Shape ) ลักษณะคือมีรูปร่างเป็นทรงกว้าง หน้าอก เอว สะโพกมีขนาดเท่ากัน2.หุ่นทรงลูกแพร์ ( Pear Shape ) ลักษณะคือช่วงบนเล็กกว่าช่วงล่าง เอวเล็ก แต่มีสะโพกและต้นขา3.หุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ (Triangle Shape) ลักษณะคือช่วงบนใหญ่กว่าช่วงล่าง ไหล่กว้าง แต่ช่วงสะโพกจะมีขนาดเล็ก4.หุ่นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangle Shape) ลักษณะคือช่วงบนและล่างมีขนาดเท่ากันไม่มีเอว รูปร่างตรง5.หุ่นทรงนาฬิกาทราย (Hourglass Shape) ลักษณะคือมีความสมดุลระหว่างช่วงบนและช่วงล่าง เอวคอด ดูมีอก มีสะโพกเมื่อทุกคนรู้จักรูปร่างตัวเองแล้วต่อไปเรามาเลือกกางเกงยีนส์กันดีกว่ากางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นแอปเปิ้ลทรงขากระบอกใหญ่ , ทรงขาบาน,ทรงขาม้า-ควรเน้นกางเกงยีนส์เอวสูงหรือกางเกงยีนส์ที่มีช่วงขอบเอวกว้าง เพราะขอบเอวกว้างๆนั้นจะช่วยในการเก็บหน้าท้องให้เข้ารูปได้ดีมากขึ้น-ไม่ควรกางเกงยีนส์ที่บีบช่วงขามาก ๆ อย่างเช่นกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่ เพราะการที่ใส่กางเกงยีนส์ที่บีบช่วงขา จะทำให้ลำตัวดูใหญ่ขึ้นกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นลูกแพร์ทรงขากระบอกใหญ่ , ทรงขาบาน,ทรงขาม้า-ควรเน้นกางเกงยีนส์สีทึบหรือสีเข้ม เพราะจะช่วยอำพรางสะโพกและเลือกกางเกงยีนส์ที่ช่วยกระชับสะโพกได้ดี อย่างกางเกงยีนส์เอวปกติหรือเอวสูง เพราะเก็บสะโพกได้ดีและเอวดูเล็กลง-ไม่ควรเลือกกางเกงยีนส์ที่รัดต้นขาหรือรัดรูปร่าง เช่น ทรงสกินนี่ เพราะจะทำให้ต้นขาและสะโพกชัดเกินไปกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นสามเหลี่ยมคว่ำทรงขาม้า,ทรงบอย,ทรงขาบาน,ทรงขากระดิ่ง-ควรเลือกกางเกงยีนส์ที่มีสีอ่อนกว่าเสื้อ เพราะจะช่วยทำให้สะโพกออกมาดูเด่นมากขึ้น และสวมเสื้อที่สีเข้มเพราะว่าจะช่วยอำพรางไหล่ที่กว้างของเราได้-ไม่ควรเลือกกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่เพราะจะทำให้สะโพกดูแคบกว่าเดิมกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงสกินนี่, ทรงขาม้า, ทรงกระบอกเล็ก, ทรงขาบาน-ควรเลือกกางเกงยีนส์เอวปกติหรือเอวต่ำและกางเกงยีนส์ควรมีลูกเล่นตรงช่วงสะโพกเพราะจะช่วยเพิ่ม volume ให้กับสะโพก ทำให้เราดูมีสะโพกมากขึ้น-ไม่ควรใส่กางเกงยีนส์เอวสูง จะทำให้เอวเด่นเกิน และทำให้เราดูไม่มีส่วนเว้าโค้งกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นนาฬิกาทรายทรงสกินนี่,ทรงขาม้า,ทรงกระบอกเล็ก,ทรงขาบาน,ทรงกระบอกใหญ่-ควรใส่กางเกงยีนส์เอวปกติหรือเอวสูง จะช่วยทำให้ขาดูยาวสวยขึ้น และกางเกงยีนส์เอวสูงจะช่วยให้ช่วงเอวเห็นชัดขึ้น จากที่เอวคอดอยู่แล้วก็จะทำให้เอวเราชัดกว่าเดิม-ไม่ควรสวมกางเกงยีนส์เอวต่ำ เพราะจะทำให้สะโพกดูใหญ่และทำให้ขาสั้นลงอีกด้วย...............................................................................ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วลิสต์กันไว้หรือยังว่ากางเกงยีนส์ทรงไหนเหมาะกับเราบ้าง นอกจากจะได้กางเกงที่เหมาะกับแล้วเรายังได้เช็ครูปร่างตัวเองอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าเราจะมีรูปร่างแบบไหน ชอบเสื้อผ้าแบบไหน ขอแค่เรามั่นใจในตัวเองมั่นใจกับสิ่งที่เสื้อผ้าที่เราใส่แค่นี้ก็พอแล้วว Have a good day นะคะ :)

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

22 ก.ย. 2022

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

ภาพจาก : siamchemi.comระหว่างที่หูฟังกรีนเวฟ มือไถหน้าฟีดเฟซบุ๊ก ปากก็ดูดชานมไข่มุก ดื่มกาแฟลาเต้ กินเค้กไปด้วยเพลิน ๆ ใช่มั้ยคะ รู้นะ!แหม่…ใครจะไปอดใจไหว ก็อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมันอร่อยไปซะทุกอย่างเลยนี่นา…ภาพจาก : board.postjung.comจริง ๆ แล้ว สามารถทานได้ค่ะ แต่ต้องควบคุมปริมาณให้พอดีต่อวัน เพราะว่า “ น้ำตาลคือยาพิษ ” ถ้าทานเข้าไปมากๆจะมีแต่โทษและไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากสร้างความสุขชั่วคราวแต่จะทิ้งโรคไว้ในร่างกายของเราตลอดไปค่ะ พูดไปก็คงไม่เห็นภาพ เดี๋ยวจะแจงรายละเอียด “โทษของน้ำตาล” ให้ทราบคร่าว ๆ นะคะ1.น้ำตาลเป็นสารเร่งผิวหนังเหี่ยวย่นและริ้วรอย ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้ผิวเสีย หน้าแก่2.น้ำตาลทำให้อ้วน แน่นอนเรื่องนี้เรารู้กันดีค่ะ เพราะ ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมากเกินความต้องการ ไปสะสมกลายเป็นไขมันนั้นเอง3.น้ำตาลทำให้สมดุลของเลือดเสียไป เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งเพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ด้วย4.น้ำตาลทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง น้ำตาลมีส่วนผสมของซูโครส ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีให้กับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ เหงือกอักเสบ และคราบต่าง ๆ5.น้ำตาลทำให้ร่างกายเซื่องซึม การกินน้ำตาลปริมาณมากเป็นประจำแทนที่จะสดชื่น กลับทำให้กรดอะมิโน ที่ชื่อว่า ทริปโตฟานเข้าสู่สมองมาเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมองมีผลทำให้เกิดอาการเหนื่อย เซื่องซึมได้ภาพจาก : sukkaphap-d.comนี้แค่คร่าว ๆ นะทุกคน…โทษของน้ำตาล เยอะมากจริงๆค่ะแล้วแบบนี้ ต้องห้ามกินน้ำตาลเลยหรอ จะทำไหวมั้ยนะ?ไม่ต้องห่วงค่ะ หากกินน้ำตาลในปริมาณที่พอดี แค่เท่าที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ก็ไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย โดยปริมาณที่ควรกินต่อวัน มีดังนี้ค่ะ-เด็ก และ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรกินไม่เกิน 16 กรัม หรือ 4 ช้อนชา / วัน-วัยรุ่นหญิงชาย และ วัยทำงาน ควรกินไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา / วันแต่อย่างไรก็ตาม การไม่กินน้ำตาลเลย หรือกินให้น้อยกว่าปริมาณข้างต้น ก็ถือว่าปลอดภัยที่สุดค่ะเพราะ “น้ำตาลคือยาพิษ” ท่องไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อร่างกายที่แข็งแรงของเราค่ะข้อมูลจาก : https://www.vichaiyut.com/th/health/informations/5-โทษของน้ำตาล/ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณะสุข กรมอนามัย และ กระทรวงสาธารณะสุขข้อมูลจาก : รายการเพื่อนเป็นหมอ

Omega Verse หรือ ABO Verse คืออะไร ?

21 ส.ค. 2024

Omega Verse หรือ ABO Verse คืออะไร ?

ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่ามีการทำคอนเทนต์ต่าง ๆ โดยมีการใช้คำว่า Alpha, Beta หรือ Omega ทุกคนอาจสงสัยว่าคำพวกนี้มาจากไหนหรือเป็นอาการยังไง วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกัน ว่าโลกของ Omega Verse มีอะไรบ้าง!Omega Verse คืออะไร ?Omega Verse เป็นแนวเรื่องจักรวาลโลกสมมุติที่ได้รับความนิยมในแวดวงแฟนฟิคชั่นและนิยายแนวโรแมนติก-เหนือธรรมชาติ มีการแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจน ในจักรวาลนี้ตัวละครจะถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ๆ คือ Alpha, Beta และ Omega โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและบทบาทเฉพาะแตกต่างกันไป1. Alpha (A)อัลฟ่า เป็นกลุ่มตัวละครที่มีลักษณะเป็นผู้นำ เป็นชนชั้นที่มีอำนาที่สุดในจักรวาลนี้ มักมีบุคลิกที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการปกครองและปกป้อง ตัวละครที่เป็นอัลฟ่าจะมีพลังที่แข็งแกร่งและมักเป็นฝ่ายที่มีอำนาจในความสัมพันธ์ มีบทบาทในการดูแลและปกป้องดูแลโอเมก้า2. Beta (B)เบต้า เป็นกลุ่มตัวละครที่มีลักษณะธรรมดาในจักรวาล เป็นชนชั้นกลางหรือชนชั้นทั่วไปและมีสัดส่วนมากที่สุด ไม่มีคุณสมบัติพิเศษเหมือนอัลฟ่าหรือโอเมก้า และมักมีบทบาทเป็นตัวละครสนับสนุนในเรื่องราวต่าง ๆ3. Omega (O)โอเมก้า เป็นกลุ่มตัวละครที่โดยส่วนมากมีความอ่อนโยนและถูกมองว่าเป็นฝ่ายที่ต้องการการปกป้อง เป็นชนชั้นที่มีอำนาจน้อยที่สุด โดยส่วนมากจะถูกกดทับจากชนชั้นอื่น ๆ ลักษณะเฉพาะของ Omega Verseกลุ่มจักรวาลประเภทนี้จะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับสัตว์ในโลกของเรานั่นเอง1.Pheromone หรือ ฟีโรโมน ในจักวาลนี้อัลฟ่าและโอเมก้ามีกลิ่นติดตัวที่เรียกว่า ฟีโรโมนอยู่ซึ่งกลิ่นจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล2.Soulmate หรือคู่ชีวิต คือการที่อัลฟ่าและโอเมก้าเกิดการจับคู่กันตั้งแต่แรกเจอ เป็นสิ่งที่หากันเจอยากมาก โดยหากเจอกันจะสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าคนนี้คือโซลเมทของกันและกัน โดยทั้งสองฝ่ายจะได้กลิ่นของกันและกันอย่างรุนแรงและแสดงอาการฮีทหรือรัทขึ้นมา3.Heat หรือการฮีท คือการที่โอเมก้ามีอาการอยากผสมพันธุ์ และปล่อยกลิ่นฟีโรโมนออกมาอย่างรุนแรงเพื่อดึงดูดอัลฟ่าที่อยู่ใกล้ ๆ ให้มามีเพศสัมพันธ์ด้วย อาจเกิดจากการที่ได้กลิ่นของโซลเมทหรือเจอฟีโรโมนของอัลฟ่าที่ปล่อยออกมา4.Rut หรือการรัท คือการที่อัลฟ่าเกิดความรู้สึกอยากผสมพันธ์อาจเกิดจากการได้กลิ่นฟีโรโมนในช่วงฮีทของโอเมก้า หรือถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ของตนเอง ฟีโรโมนที่ถูกปล่อยออกมาช่วงนี้สามารถกระตุ้นให้โอเมก้าฮีทได้5.Bond หรือการผูกพันธะ เกิดได้จากการที่อัลฟ่านั้นกัดเข้าที่หลังคอโอเมก้า ถือเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของและอำนาจเหนือโอเมก้าของอัลฟ่า เพื่อให้อีกฝ่ายไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตนได้6.Nesting หรือการทำรัง เกิดจากการที่โอเมก้าที่มีครรภ์มีอาการติดกลิ่นคู่ของตัวเอง และรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อห่างกัน จึงใช้เสื้อผ้าหรือสิ่งของที่มีกลิ่นอีกฝ่ายติดอยู่มากองรอบตัวหรือ ‘สร้างรัง’ เพื่อให้ถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นของคู่ เป็นการเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้ตนเองของโอเมก้ามีครรภ์ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้จักรวาล Omega Verse มาสร้างบทหรือพล็อตสามารถสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงลึกในเรื่องของการกดขี่หรือการมีชนชั้นวรรณะในสังคมได้เป็นอย่างดี ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการเขียน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังสามารถเพิ่มความสนุกให้กับบทได้อีกด้วยAuthor : Warissแหล่งข้อมูล :https://aboth-info.wixsite.com/whatisabohttps://www.phoenixnext.com/guild/omegaversehttps://urbancreature.co/omegaverse-problematic-world/

นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

20 ส.ค. 2024

นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

นปโปะหม่ำๆ หม่ำๆ กู๊ดบอย คือทำนองเพลงติดหู ที่เรามักได้ยินบนโลกโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งที่มาของเพลงสุดน่ารักนี้ ก็เกิดจากเจ้าหมา ‘นปโปะ’ ที่ไม่ยอมกินอาหารโดยเด็ดขาดถ้าเจ้าของไม่ร้องเพลงให้ฟัง (ต้องมีทำนองด้วยนะ ไม่งั้นหนูไม่กิน!) ทำให้ใครหลายๆคนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอของนปโปะต้องอมยิ้มไปตามๆกัน แต่เอ๊ะ…แล้วสาเหตุที่ทำให้น้องหมาหลายๆตัว ไม่ยอมกินอาหารง่ายๆคืออะไรกันนะสาเหตุที่สุนัขไม่กินอาหาร1.อาการป่วยถึงแม้ว่าการอยากอาหารที่ลดลง ไม่ได้หมายความว่าน้องๆกำลังมีโรคร้ายแรงเสมอไป แต่การตรวจหาความผิดปกติอย่างทันท่วงทีก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น การเจ็บปวดทางร่างกาย ปัญหาทางช่องปากและฟัน การติดเชื้อในลําไส้ หรือมีสิ่งแปลกปลอมอุดตันทางเดินอาหาร เป็นต้น2.การฉีดวัคซีนการฉีดวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอาจมีผลข้างเคียง ทำให้สุนัขสูญเสียความอยากอาหารในระยะเวลาสั้นๆได้3.สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยสถานที่แปลกใหม่อาจทำให้น้องหมาเกิดความเครียดและประหม่าได้ รวมไปถึงการเดินทางด้วยรถยนต์ก็อาจทำให้น้องๆรู้สึกคลื่นไส้ เมารถ ทำให้ไม่อยากอาหารได้เช่นกัน4.พฤติกรรมส่วนตัวนิสัยของสุนัขบางตัวอาจมีความ ‘เลือกกิน’ ไปนิด ลองสังเกตดูว่าน้องหมาของเรามีนิสัยส่วนตัวอย่างไร และนำมาปรับใช้กับวิธีการฝึกกินอาหาร เช่น การให้อาหารเป็นเวลา หลีกเลี่ยงการให้อาหารใกล้สุนัขตัวอื่นจนเกินไป การปรับชามข้าวให้มีความสูงพอดีต่อตัว ตรวจสอบอาหารว่าไม่เหม็นอับ และไม่แข็งจนเกินไป เป็นต้น5.น้องหมาได้รับของรางวัลมากเกินไปความ ‘อิ่ม’ จากการกินขนมเยอะเกินไป อาจทำให้น้องๆรู้สึกไม่หิวอาหารแบบเดิมๆที่เคยกิน การกินขนมควรเป็น ‘รางวัล’ ของสุนัข ไม่ใช่อาหารจานหลัก และควรมีสัดส่วนไม่เกิน 10% ของแคลอรีต่อวันเมื่อคำนวณตามน้ำหนักตัว เพราะการให้ขนมมากเกินไปอาจนําไปสู่โรคอ้วนในสุนัขได้อีกด้วยวิธีกระตุ้นความอยากอาหารของน้องหมา1.เปลี่ยนอาหารเม็ดโดยการเลือกสูตรอาหารที่มีส่วนผสมคล้ายกับอาหารสูตรเก่า และช่วยปรับให้ระบบย่อยอาหารของน้องๆรู้สึกคุ้นเคย ด้วยการค่อยๆผสมอาหารใหม่เข้ากับอาหารเก่า และเพิ่มปริมาณของอาหารใหม่ในแต่ละมื้อวันที่ 1-2: ผสมอาหารใหม่ 25% กับอาหารเก่า 75%วันที่ 3-5: ผสมอาหารใหม่ 50% กับอาหารเก่า 50%วันที่ 6-7: ผสมอาหารใหม่ 75% กับอาหารเก่า 25%วันที่ 8 เป็นต้นไป : อาหารใหม่ 100%ซึ่งสุนัขบางตัวอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนนานมากกว่านี้ โดยเฉพาะกับน้องๆที่มีกระเพาะย่อยอาหารบอบบาง2.เพิ่มท็อปปิ้งตกแต่งอาหาร หรือ ทําให้อาหารเม็ดนิ่มลงเติมน้ำหรือซุปผักอุ่นๆลงในอาหารแห้งและปล่อยแช่ให้นิ่ม ช่วยให้น้องหมาเคี้ยวอาหารได้ง่าย เพิ่มกลิ่น กระตุ้นความอยากอาหาร (ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยนะ ว่าไม่มีหัวหอมหรือกระเทียมอยู่ในส่วนผสมของน้ำซุป เพราะอาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงทำให้น้องเป็นโรคโลหิตจางได้)3.หลีกเลี่ยงการให้อาหารโดยไม่มีเงื่อนไขการวางอาหารของน้องหมาทิ้งไว้ให้เดินมากินตอนไหนก็ได้ อาจจะดูเป็นวิธีที่สะดวก แต่ก็ส่งผลตามมาหลายอย่าง เช่น การไม่เห็นพฤติกรรมความอยากอาหารที่เปลี่ยนไปของน้องๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางร่างกายผู้เลี้ยงควรกำหนดเวลาให้อาหารอย่างชัดเจน และทำการจับเวลา 15 นาที หากในช่วงเวลานี้น้องๆมีท่าทีไม่ยอมกินอาหารที่วางไว้ ให้เก็บอาหารจนกว่าจะถึงเวลามื้อต่อไป เป็นการฝึกให้น้องหมาไม่ติดนิสัยเมินอาหารนั่นเอง4.ทําให้มื้ออาหารเป็นเรื่องสนุกทำให้การกินอาหารตื่นเต้นขึ้น ด้วยการใส่อาหารไว้ในเครื่องเล่นสำหรับน้องหมา กระตุ้นสัญชาตญาณการหาอาหาร รวมไปถึงการให้คำชมเมื่อน้องๆยอมกินอาหารนั่นเองสุดท้ายนี้ การเมินไม่ยอมกินอาหารของน้องหมาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพฤติกรรมส่วนตัว ความประหม่า หรืออาการเจ็บป่วย เจ้าของจำเป็นต้องสังเกตนิสัยและความผิดปกติที่น้องๆพยายามจะบอกเรา และหากน้องหมาไม่ยอมกินอาหารนานกว่าสองวัน (หรือสองมื้อหากมีโรคประจําตัว) ควรติดต่อสัตวแพทย์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าน้องๆจะสุขภาพดี เหมือนกับน้องนปโปะ ที่หนูแค่อยากได้ยินคำชมเยอะๆตอนกินข้าวเฉยๆน้าAuthor : L’ara

album

0
0.8
1