Fit check เลือกสูทแบบไหนคือ ใช่ สำหรับคุณผู้ชาย

HEALTHY LIFESTYLE

Fit check เลือกสูทแบบไหนคือ ใช่ สำหรับคุณผู้ชาย

03 พ.ค. 2024

SUITS

สูท หรือ ชุดสูท หากเรานึกถึงคำนี้กันแล้ว หลายคนอาจคิดถึงเสื้อผ้าที่มีดีไซต์ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัว มักสวมใส่ ใช้กันในการทำงาน หรือวันสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะในงานรื่นเริงอย่าง งานแต่ง หรือจะจริงจังอย่าง งานพิธี ผู้คนก็มักสวมใส่ชุดสูทกันอยู่เสมอ ๆ แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าทำไม  ต้อง “ชุดสูท”

 

Suit (สูท) คือเครื่องแต่งกายแบบที่หลากสไตล์ สากล ที่ต้องประกอบไปด้วย Suit Jacket (แจ๊คเก็ตสูท) ใส่คู่กับ Suit Trousers (กางเกงสูทขายาว) โดยใช้เนื้อผ้าและโทนสีที่เหมือนกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือพูดกันง่ายๆว่า สูท คือ ชุดที่ตัดมาจากผ้าผืนเดียวกันนั้นเอง ประวัติศาสตร์ของสูทนั้นมีมานานตั้งแต่สมัยตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียว ในยุคสมัยนั้น สูท เป็นดั่งตัวแทนความมีอารยะ ความหรูหราฟู่ฟ่า และเสริมความสง่างาม ให้ผู้สวมใส่มี บุคลิกภาพที่ดี ดูภูมิฐานทางปัญญา

 

ด้วยความเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่แปลกเลยที่ สูท จะกลายเป็นเครื่องแต่งกายยอดนิยมตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จนถึงยุคสมัยปัจจุบัน

 

เราจะมาแนะนำกับรูปแบบ สูท ยอดฮิต มีอะไรกันบ้าง และเหมาะกับใคร

 

Single-Vent  หรือ สูท แบบกระดุม แถวเดียว เหมาะกับทุกรูปร่าง มีแบบ 1 / 2 / 3 กระดุม

 

1 กระดุม  

เอกลักษณ์ แฟชั่นสูทแนวแคชชวล สมัยใหม่ ใส่สบาย เหมาะสำหรับผู้ชายรูปร่างเล็ก ใส่แล้วดูหุ่นดี เน้นรัดช่วงเอวให้ดูเข้ารูปเข้าทรงมากขึ้น ช่วยให้ดูหุ่นเพรียวขึ้น

ข้อแนะนำ สามารถเลือกติดหรือไม่ติดกระดุมก็ได้ หากอยู่ในงานทางการควรติดกระดุมตลอดเวลา ปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่ง

 

 

2 กระดุม  

เอกลักษณ์ แฟชั่นสูทสุภาพ ทางการระดับสุด มาตรฐานสูทสากลนิยมใช้ในปัจุบัน เหมาะสำหรับผู้ชายทุกรูปร่าง / รูปร่างใหญ่

ข้อแนะนำ เมื่อติดกระดุมให้ติดเม็ดบนสุดเม็ดเดียวเท่านั้น ปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่ง

 


 

3 กระดุม  

เอกลักษณ์ ลุคทางการ สูทสไตล์วินเทจย้อนยุค สูทสไตล์คลาสสิค เหมาะสำหรับ ผู้ชายสูงช่วงตัวยาว ช่วยบาลานซ์ส่วนสูงได้ดี ใส่แล้วช่วยเพิ่มความโดดเด่น เพิ่มแฟชั่นให้ดูมีมิติ

ข้อแนะนำ หากติดกระดุม ให้เลือกติด สองเม็ดบน หรือติดแค่เม็ดกลางอย่างเดียว เท่านั้นปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่งเสมอ


Double-Vent  หรือ สูท แบบกระดุม สองแถว เหมาะกับรูปร่างสมส่วนและ รูปร่างใหญ่  มักมี 4 / 6 / 8 กระดุม

 

 

4 กระดุม 

เอกลักษณ์ สไตล์ที่ให้ความวินเทจสูง  สามารถออกงานทางการ หรือลำลอง ใส่คู่กับกางเกงชิโน่ หรือกางเกงยีนส์เพื่อให้ดูลำลองมากขึ้น เหมาะกับผู้ชายรูปร่างสมส่วน / รูปร่างใหญ่  ช่วยปกปิดช่วงลำตัวทำให้ดูสูงโปร่งขึ้นได้

ข้อแนะนำ เลือกติดกระดุมเพียง สองเม็ดแถบบนสุด ไม่นิยมติดกระดุมเม็ดล่าง ไม่ต้องปลดกระดุมเมื่อนั่ง เพราะออกแบบช่วงตัวให้กว้างกว่าแบบมาฐาน

 

 

6 กระดุม 

เอกลักษณ์ สไตล์ที่ให้ความวินเทจ คลาสสิก โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่  ออกแบบช่วง อก กว้าง และมีความยาวสูท มากกว่าแบบมารฐาน

ข้อแนะนำ เลือกติดกระดุมเพียง สองเม็ดแถบบนสุด และเม็ดซ่อนไม่นิยมติดกระดุมเม็ดล่าง ไม่นิยมปลดกระดุมเมื่อนั่ง เพราะออกแบบช่วงตัวกว้างกว่าแบบมาฐาน

 

Credits :

https://www.dgrie.com/blog/double-breasted-single-brested-suit/  

https://www.dgrie.com/blog/big-size-suit-guide/ 

https://www.suitcube.com/double-breasted-suit/

https://www.dgrie.com/blog/how-to-pick-buttons-for-a-suit/

https://www.kaidee.com/blog/how-to-choose-suit/

 

Author : MIK_MIKAZUKI

related HEALTHY LIFESTYLE

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

22 ก.ย. 2022

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

ภาพจาก : siamchemi.comระหว่างที่หูฟังกรีนเวฟ มือไถหน้าฟีดเฟซบุ๊ก ปากก็ดูดชานมไข่มุก ดื่มกาแฟลาเต้ กินเค้กไปด้วยเพลิน ๆ ใช่มั้ยคะ รู้นะ!แหม่…ใครจะไปอดใจไหว ก็อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมันอร่อยไปซะทุกอย่างเลยนี่นา…ภาพจาก : board.postjung.comจริง ๆ แล้ว สามารถทานได้ค่ะ แต่ต้องควบคุมปริมาณให้พอดีต่อวัน เพราะว่า “ น้ำตาลคือยาพิษ ” ถ้าทานเข้าไปมากๆจะมีแต่โทษและไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากสร้างความสุขชั่วคราวแต่จะทิ้งโรคไว้ในร่างกายของเราตลอดไปค่ะ พูดไปก็คงไม่เห็นภาพ เดี๋ยวจะแจงรายละเอียด “โทษของน้ำตาล” ให้ทราบคร่าว ๆ นะคะ1.น้ำตาลเป็นสารเร่งผิวหนังเหี่ยวย่นและริ้วรอย ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้ผิวเสีย หน้าแก่2.น้ำตาลทำให้อ้วน แน่นอนเรื่องนี้เรารู้กันดีค่ะ เพราะ ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมากเกินความต้องการ ไปสะสมกลายเป็นไขมันนั้นเอง3.น้ำตาลทำให้สมดุลของเลือดเสียไป เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งเพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ด้วย4.น้ำตาลทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง น้ำตาลมีส่วนผสมของซูโครส ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีให้กับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ เหงือกอักเสบ และคราบต่าง ๆ5.น้ำตาลทำให้ร่างกายเซื่องซึม การกินน้ำตาลปริมาณมากเป็นประจำแทนที่จะสดชื่น กลับทำให้กรดอะมิโน ที่ชื่อว่า ทริปโตฟานเข้าสู่สมองมาเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมองมีผลทำให้เกิดอาการเหนื่อย เซื่องซึมได้ภาพจาก : sukkaphap-d.comนี้แค่คร่าว ๆ นะทุกคน…โทษของน้ำตาล เยอะมากจริงๆค่ะแล้วแบบนี้ ต้องห้ามกินน้ำตาลเลยหรอ จะทำไหวมั้ยนะ?ไม่ต้องห่วงค่ะ หากกินน้ำตาลในปริมาณที่พอดี แค่เท่าที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ก็ไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย โดยปริมาณที่ควรกินต่อวัน มีดังนี้ค่ะ-เด็ก และ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรกินไม่เกิน 16 กรัม หรือ 4 ช้อนชา / วัน-วัยรุ่นหญิงชาย และ วัยทำงาน ควรกินไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา / วันแต่อย่างไรก็ตาม การไม่กินน้ำตาลเลย หรือกินให้น้อยกว่าปริมาณข้างต้น ก็ถือว่าปลอดภัยที่สุดค่ะเพราะ “น้ำตาลคือยาพิษ” ท่องไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อร่างกายที่แข็งแรงของเราค่ะข้อมูลจาก : https://www.vichaiyut.com/th/health/informations/5-โทษของน้ำตาล/ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณะสุข กรมอนามัย และ กระทรวงสาธารณะสุขข้อมูลจาก : รายการเพื่อนเป็นหมอ

นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

20 ส.ค. 2024

นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

นปโปะหม่ำๆ หม่ำๆ กู๊ดบอย คือทำนองเพลงติดหู ที่เรามักได้ยินบนโลกโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งที่มาของเพลงสุดน่ารักนี้ ก็เกิดจากเจ้าหมา ‘นปโปะ’ ที่ไม่ยอมกินอาหารโดยเด็ดขาดถ้าเจ้าของไม่ร้องเพลงให้ฟัง (ต้องมีทำนองด้วยนะ ไม่งั้นหนูไม่กิน!) ทำให้ใครหลายๆคนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอของนปโปะต้องอมยิ้มไปตามๆกัน แต่เอ๊ะ…แล้วสาเหตุที่ทำให้น้องหมาหลายๆตัว ไม่ยอมกินอาหารง่ายๆคืออะไรกันนะสาเหตุที่สุนัขไม่กินอาหาร1.อาการป่วยถึงแม้ว่าการอยากอาหารที่ลดลง ไม่ได้หมายความว่าน้องๆกำลังมีโรคร้ายแรงเสมอไป แต่การตรวจหาความผิดปกติอย่างทันท่วงทีก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น การเจ็บปวดทางร่างกาย ปัญหาทางช่องปากและฟัน การติดเชื้อในลําไส้ หรือมีสิ่งแปลกปลอมอุดตันทางเดินอาหาร เป็นต้น2.การฉีดวัคซีนการฉีดวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอาจมีผลข้างเคียง ทำให้สุนัขสูญเสียความอยากอาหารในระยะเวลาสั้นๆได้3.สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยสถานที่แปลกใหม่อาจทำให้น้องหมาเกิดความเครียดและประหม่าได้ รวมไปถึงการเดินทางด้วยรถยนต์ก็อาจทำให้น้องๆรู้สึกคลื่นไส้ เมารถ ทำให้ไม่อยากอาหารได้เช่นกัน4.พฤติกรรมส่วนตัวนิสัยของสุนัขบางตัวอาจมีความ ‘เลือกกิน’ ไปนิด ลองสังเกตดูว่าน้องหมาของเรามีนิสัยส่วนตัวอย่างไร และนำมาปรับใช้กับวิธีการฝึกกินอาหาร เช่น การให้อาหารเป็นเวลา หลีกเลี่ยงการให้อาหารใกล้สุนัขตัวอื่นจนเกินไป การปรับชามข้าวให้มีความสูงพอดีต่อตัว ตรวจสอบอาหารว่าไม่เหม็นอับ และไม่แข็งจนเกินไป เป็นต้น5.น้องหมาได้รับของรางวัลมากเกินไปความ ‘อิ่ม’ จากการกินขนมเยอะเกินไป อาจทำให้น้องๆรู้สึกไม่หิวอาหารแบบเดิมๆที่เคยกิน การกินขนมควรเป็น ‘รางวัล’ ของสุนัข ไม่ใช่อาหารจานหลัก และควรมีสัดส่วนไม่เกิน 10% ของแคลอรีต่อวันเมื่อคำนวณตามน้ำหนักตัว เพราะการให้ขนมมากเกินไปอาจนําไปสู่โรคอ้วนในสุนัขได้อีกด้วยวิธีกระตุ้นความอยากอาหารของน้องหมา1.เปลี่ยนอาหารเม็ดโดยการเลือกสูตรอาหารที่มีส่วนผสมคล้ายกับอาหารสูตรเก่า และช่วยปรับให้ระบบย่อยอาหารของน้องๆรู้สึกคุ้นเคย ด้วยการค่อยๆผสมอาหารใหม่เข้ากับอาหารเก่า และเพิ่มปริมาณของอาหารใหม่ในแต่ละมื้อวันที่ 1-2: ผสมอาหารใหม่ 25% กับอาหารเก่า 75%วันที่ 3-5: ผสมอาหารใหม่ 50% กับอาหารเก่า 50%วันที่ 6-7: ผสมอาหารใหม่ 75% กับอาหารเก่า 25%วันที่ 8 เป็นต้นไป : อาหารใหม่ 100%ซึ่งสุนัขบางตัวอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนนานมากกว่านี้ โดยเฉพาะกับน้องๆที่มีกระเพาะย่อยอาหารบอบบาง2.เพิ่มท็อปปิ้งตกแต่งอาหาร หรือ ทําให้อาหารเม็ดนิ่มลงเติมน้ำหรือซุปผักอุ่นๆลงในอาหารแห้งและปล่อยแช่ให้นิ่ม ช่วยให้น้องหมาเคี้ยวอาหารได้ง่าย เพิ่มกลิ่น กระตุ้นความอยากอาหาร (ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยนะ ว่าไม่มีหัวหอมหรือกระเทียมอยู่ในส่วนผสมของน้ำซุป เพราะอาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงทำให้น้องเป็นโรคโลหิตจางได้)3.หลีกเลี่ยงการให้อาหารโดยไม่มีเงื่อนไขการวางอาหารของน้องหมาทิ้งไว้ให้เดินมากินตอนไหนก็ได้ อาจจะดูเป็นวิธีที่สะดวก แต่ก็ส่งผลตามมาหลายอย่าง เช่น การไม่เห็นพฤติกรรมความอยากอาหารที่เปลี่ยนไปของน้องๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางร่างกายผู้เลี้ยงควรกำหนดเวลาให้อาหารอย่างชัดเจน และทำการจับเวลา 15 นาที หากในช่วงเวลานี้น้องๆมีท่าทีไม่ยอมกินอาหารที่วางไว้ ให้เก็บอาหารจนกว่าจะถึงเวลามื้อต่อไป เป็นการฝึกให้น้องหมาไม่ติดนิสัยเมินอาหารนั่นเอง4.ทําให้มื้ออาหารเป็นเรื่องสนุกทำให้การกินอาหารตื่นเต้นขึ้น ด้วยการใส่อาหารไว้ในเครื่องเล่นสำหรับน้องหมา กระตุ้นสัญชาตญาณการหาอาหาร รวมไปถึงการให้คำชมเมื่อน้องๆยอมกินอาหารนั่นเองสุดท้ายนี้ การเมินไม่ยอมกินอาหารของน้องหมาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพฤติกรรมส่วนตัว ความประหม่า หรืออาการเจ็บป่วย เจ้าของจำเป็นต้องสังเกตนิสัยและความผิดปกติที่น้องๆพยายามจะบอกเรา และหากน้องหมาไม่ยอมกินอาหารนานกว่าสองวัน (หรือสองมื้อหากมีโรคประจําตัว) ควรติดต่อสัตวแพทย์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าน้องๆจะสุขภาพดี เหมือนกับน้องนปโปะ ที่หนูแค่อยากได้ยินคำชมเยอะๆตอนกินข้าวเฉยๆน้าAuthor : L’ara

เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

31 ส.ค. 2022

เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

ทุกครั้งที่ปิดประตูบ้านจะเกิดคำถามว่า … เอากุญแจออกมารึยังนะ ?พอลงจากรถ จะเกิดคำถามว่า ล็อกรถรึยังนะ?เวลานั่งเม้าท์มอยกับเพื่อน สักพัก…จะถามตัวเองว่า เมื่อกี้จะพูดว่าอะไรนะ?ลืมนั่น! ลืมนี่! ลืมไม่ไหว! อาการขี้หลงขี้ลืมในเรื่องเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่เยอะ ถือว่ายังไม่เป็นโรคสมองเสื่อมค่ะ แต่อย่างไรก็ตามควรรู้สาเหตุและรีบแก้ไข เพราะอาจจะส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้ซึ่งสาเหตุมีดังนี้ค่ะ1. เกิดจากการนอนไม่เพียงพอ 6-8 ชม.ต่อวัน ทำให้เกิดอาการมึนหัว ตาไม่สว่าง สมองไม่ปลอดโปร่ง2. เหนื่อยสะสม ทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้พักผ่อน3. ความเครียด เวลาเราอยู่ในภาวะเครียด เราเองจะลืมบทสนทนาไปโดยฉับพลันได้4. โรคซึมเศร้า เพราะความปกติของสารในสมองมีผลต่อความจำและความคิดได้เช่นกัน และเมื่อเป็นซึมเศร้าจะ ทำให้ความสนใจในเหตุการณ์ปัจจุบันนั้นลดต่ำลง5. ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นปัญหาของวัยรุ่น Productive ที่ต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่าง คิดอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ทำให้ไม่มีสมาธิและโฟกัสเท่าที่ควร6. ไม่ออกกำลังกาย อาจจะมีผลทางอ้อม คือร่างกายไม่ค่อยได้รับออกซิเจน ทำให้สมองไม่ได้รับออกซิเจนไปด้วย7. การกินยาบางชนิด ยาในกลุ่มแอนตี้โคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) ยากลุ่มนี้จะเข้าไปขัดการทำงานของสารสื่อประสาทด้านความจำ *ในกรณีนี้หากเกี่ยวกับยาที่จำเป็นต้องทาน เมื่อเกิดอาการหลงลืมจนกระทบกับชีวิตประจำวัน แอดแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ให้ยาค่ะ เพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องหากเราไม่ได้มีพฤติกรรม 7 อย่างข้างบน แล้วยังมีอาการหลงลืมล่ะ?ภาพจาก : freepik.comงั้นมาสังเกตกันค่ะ ว่าอาการเบื้องต้นของโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย มีอะไรบ้าง1. ลืม วัน เดือน ปี ลืมนัดสำคัญหรือบางคนถึงขั้นลืมวันเกิดตัวเอง2. บุคลิกภาพเปลี่ยน เช่น พูดไม่ได้ใจความ บางครั้งพูดติด ๆ ขัด ๆ หรือพูดซ้ำ ๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารกับคนรอบข้างถดถอยลง3. การตัดสินใจแย่ลง การตัดสินใจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือต้องใช้เวลานานในการตัดสินใจ4. มักเกิดความผิดพลาดในการกะระยะ การบอกสี ซึ่งเป็นปัญหามากถ้าผู้ป่วยต้องขับรถ5. ภาวะเครียด ซึมเศร้า แยกตัวออกจากสังคม6. ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ไม่มีสมาธิ กระวนกระวาย ย้ำคิดย้ำทำ หากคุณเริ่มมีอาการข้างต้นนี้ แอดแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาค่ะ โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ที่ยังมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ ทั้งเรื่องของการงาน และการเข้าสังคม หากปล่อยไว้อาจกระทบกับชีวิตประจำวันระยะยาวได้นะคะส่วนถ้ามีอาการหลงลืมเล็ก ๆ น้อย ๆ แนะนำให้ปรับพฤติกรรม นอนหลับให้เพียงพอ 6-8 ชม.และลดความเครียด พักทำกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เช่นวาดรูป ร้องเพลง หรือการฟังเพลงที่ Green Wave 106.5 FM ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้นะคะที่มา https://bit.ly/3C8hmo8ที่มา https://www.mangozero.com/forgetfulness-in-teens/

ฟังเพลงตอนออกกำลังกาย ถึก! ทน! มากขึ้น

28 ต.ค. 2022

ฟังเพลงตอนออกกำลังกาย ถึก! ทน! มากขึ้น

คนรักเสียงเพลงอย่างเราๆคงเข้าใจดี ว่าเวลาออกจากบ้าน อุปกรณ์อีกอย่างที่จะขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ หูฟัง ถ้าวันไหนออกไปข้างนอกแล้วลืมหูฟังนะ จะมีความรู้สึกว่า...เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่าง ยิ่งเวลาทำกิจกรรมเพลินๆ ยิ่งต้องฟังเพลงโปรดเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนออกกำลังกายภาพจาก Freepik.com และรู้มั้ยคะ ว่าการฟังเพลงตอนออกกำลังกาย ไม่ได้เพิ่มแค่ความสนุกได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มความอึด! ถึก! ทนทานได้อีกด้วย เพราะมีงานวิจัยที่ทำการวัดคลื่นสมองด้วยเครื่อง Electroencephalogram (EEG) ในขณะฟังเพลงพบว่า การฟังเพลงขณะออกกำลังกายนั้นช่วยลดคลื่นธีต้า (Theta waves) ชนิดความถี่ 4-7 เฮิร์ต (Hz) ได้ ซึ่งกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการระงับอาการเมื่อยล้าต่างๆ ในขณะที่เรากำลังออกกำลังกายค่ะ เราจึงทนต่อความเมื่อยล้าขณะที่ออกกำลังกายได้ดีขึ้น และทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นนั้นเองภาพจาก my-best.in.th โดยการเลือกระดับความเร็วของเพลงที่ฟังขณะออกกำลังกายก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้ มีงานวิจัยพบว่า การฟังเพลงที่มีจังหวะเร็วจะส่งผลดีต่อสมรรถภาพทางกาย เมื่อออกกำลังกายที่ระดับความหนักเบาถึงปานกลาง โดยที่การออกกำลังกายแต่ละชนิดก็จะมีระดับความเร็วของจังหวะเพลงที่เหมาะสมแตกต่างกันด้วย เช่น หากต้องการปั่นจักรยานให้มีสมรรถภาพทางกายสูงสุดก็ควรเลือกฟังเพลงที่จังหวะความเร็ว 125 – 140 BPM6 หรือเวลาวิ่งบนลู่วิ่งสายพานให้มีสมรรถภาพทางกายสูงสุดก็ ควรเลือกฟังเพลงที่จังหวะความเร็ว 123-131 BPM7ภาพจาก thaiheartfound.org ไม่น่าล่ะ!! เวลาที่แอดไปวิ่ง แล้วฟังเพลงที่ดนตรีสนุกๆ แอดก็รู้สึกว่าวิ่งได้ระยะมากขึ้น วิ่งได้นานขึ้น แต่ถ้าใครวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้า วิ่งไม่เร็วมาก วิ่งสบายๆก็สามารถเปิดฟัง Green Wave 106.5 FM ได้ที่ APP Atime Fungfin มีเพลงสบายๆ และดีเจคุยสนุกยามเช้า ฟังไป วิ่งเหยาะๆไป อาจจะทำให้การวิ่งไม่น่าเบื่อและวิ่งได้นานมากขึ้น ใครที่เป็นสายออกกำลังกาย ลองดูนะคะแหล่งอ้างอิง : https://bit.ly/3MDTCLRแหล่งอ้างอิง : https://bit.ly/3gezdRcแหล่งอ้างอิง : สสส.

album

0
0.8
1