เช็คลิสเลย! ข้อควรปฏิบัติกินเจ รู้ไว้อิ่มบุญ!

HEALTHY LIFESTYLE

เช็คลิสเลย! ข้อควรปฏิบัติกินเจ รู้ไว้อิ่มบุญ!

19 ก.ย. 2022

ภาพจาก : posttoday.com 

เทศกาลกินเจถือเป็นเทศกาลสำคัญอีกหนึ่งเทศกาล ที่คนจีนและคนไทยหลาย ๆ คนให้ความสนใจ ซึ่งเทศกาลกินเจ

ในปี 2565 ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 25 กันยายน 2565 ถึง วันอังคาร ที่ 4 ตุลาคม 2565 กินเป็นระยะเวลา 9 วันด้วยกัน 

ถึงแม้จะเป็นเทศกาลที่เราคุ้นชินและร่วมทานกันอยู่แล้ว แต่หลายคนก็ยังเกิดข้อสงสัยว่า

เอ....แล้วที่ฉันกินอยู่มันถูกต้องมั้ยนะ? ซึ่งต้องบอกว่า “ ไม่ใช่แค่เรื่องการกิน ” เท่านั้น

ข้อปฏิบัติในการกินเจ  ต้องรวมถึง “ การปฏิบัติตัว ” ด้วยค่ะ

ภาพจาก : sirinanmongkol.com

 วันนี้กรีนเวฟรวมสิ่งที่ต้องปฏิบัติมาให้แล้ว เพื่อที่จะได้รับบุญกันเต็ม ๆ สิ่งที่ต้องปฏิบัติมีดังนี้ค่ะ

1.ไม่กินผักที่มีกลิ่นฉุน กลิ่นแรง เช่น กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม) , หัวหอม , หัวหอมใหญ่ , หอมแดง , ต้นหอม , ผักชี , กระเทียมโทนจีน , กุยช่าย , ใบยาสูบ (บุหรี่, ยาเส้น, ของเสพติดมึนเมา)

2.ห้ามกินเนื้อสัตว์ รวมถึง เนย นม หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์

3.ไม่กินอาหารรสจัด เช่น รสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก

4.ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  รวมถึงการตบยุง บี้มด หรือการตีสัตว์ รังแกสัตว์ด้วยนะคะ

5.ไม่กินอาหารรวมกับผู้ที่ไม่กินเจ เช่น ถ้วยชามต้องไม่ปนกัน ภาชนะที่ใช้ประกอบอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ต้องแยกกับคนที่กินเจ

6.แต่งกายด้วยชุดขาว ทำจิตใจให้สงบคงที่

7.ไม่พูดคำหยาบ ไม่นินทาว่าร้าย ส่อเสียด ด่าทอ หรือพูดจาเพ้อเจ้อ ทั้งทางการกระทำและความคิด

8.รักษาศีล 5 โดยเฉพาะ ห้ามดื่มสุราและเสพของมึนเมาทุกชนิด

ทั้ง 8 ข้อควรปฏิบัตินี้ หากทำได้ครบก็เป็นเรื่องดี แต่หากทำไม่ครบก็ไม่เป็นอะไรนะคะ สุดท้ายแล้วการกินเจจะได้บุญ หรือไม่ได้บุญล้วนอยู่ที่จิตใจค่ะ หากเรามีจิตคิดดี มีจิตตั้งใจจริง เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ

การกินเจ 1 ปี มีเพียง 1 ครั้ง เรามาตั้งใจทำไปพร้อมๆกันค่ะ ที่สำคัญใช้เวลาปฏิบัติเพียง 9 วันเท่านั้น

เพื่อที่จะชำระร่างกาย ช่วยให้ลำไส้สะอาด เพราะอาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่ง จะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ด้วยค่ะ

นอกจากการกินเจ หากปฏิบัติตัวร่วมด้วยก็จะช่วยชำระล้างจิตใจ ให้ใจเราได้พัก มีจิตเมตตาด้วยค่ะ

ข้อมูลจาก : https://www.posttoday.com/life/healthy/601520

ข้อมูลจาก : https://www.sanook.com/horoscope/70961/

related HEALTHY LIFESTYLE

5 หนังสือดีที่ทุกคนควรมีโอกาสได้อ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต

13 ม.ค. 2024

5 หนังสือดีที่ทุกคนควรมีโอกาสได้อ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต

อ่านหนังสือวันละนิด เข้าใจชีวิตวันละหน่อย เพราะหนังสือเป็นการสื่อสาร 2 ทางระหว่างผู้เขียนที่ต้องการสื่อสารผ่านตัวหนังสือ และผู้อ่านที่สามารถนำแนวคิดต่าง ๆ ไปปรับใช้ในชีวิตจริง วันนี้เราจึงอยากนำเสนอ 5 หนังสือดีที่ทุกคนควรมีโอกาสได้อ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต1.ไม่ว่าคุณจะคิดอะไร ให้คิดตรงข้าม (Whatever You Think, Think the Opposite)http://news.se-ed.com/?p=13034“ไม่ว่าคุณจะคิดอะไร ให้คิดตรงข้าม” ไม่ได้ความว่าสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ผิดแต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่า ทุก ๆ คนก็คิดเหมือนกันและสิ่งที่จะทำให้เราโดดเด่นและสามารถประสบความสำเร็จได้นั้นคือ การคิดที่แตกต่างไปจากเดิม ทำให้คุณได้ลองคิด ได้ลองทำอะไรแปลกใหม่มากขึ้นนั้นเอง2. Super Productivehttp://news.se-ed.com/?p=13034หนังสือที่ถอดความคิดของ “รวิศ หาญอุตสาหะ” ผู้บริหารและเจ้าของพอดแคสต์ Mission the moon และ Super Productive ซึ่งเป็นพอดแคสต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ที่จะพาคุณไปค้นหาแรงจูงใจในการทำงาน การรู้จักตัวเอง ภาวะหมดไฟแบบปลอม ๆ รวมถึงการรับมือกับคน Toxic ที่ผู้เขียนได้ปฏิบัติและสำเร็จมาแล้ว3. Atomic Habitshttps://www.naiin.com/product/detail/508699หนังสือที่ขายดีระดับโลกที่มียอดขายหลายล้านเล่ม ถูกตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 40 ภาษา เป็นหนึ่งใน “New York Times Bestseller” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนิสัย ที่มองว่าการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สามรถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่โดยการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาให้ในการอธิบาย หากคุณพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ยังไม่สำเร็จสักที หนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน4. Sapiens ประวัติย่อมนุษยชาติhttps://www.fathombookspace.co/product/19082-15734/sapiens-a-brief-history-of-humankindหนังสือที่รวบรวมของมวลมนุษยชาติ Homo Sapiens กว่า 70,000 ปีเอาไว้อย่างย่อ ๆ ให้เราเข้าใจถึงที่มาที่ไปของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ศาสนา ไปจนถึงการวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจะเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่าเราก็แค่มนุษย์ตัวจิ๋วคนหนึ่งที่ยังมีสิ่งที่เรายังไม่รู้อีกมาก5. อย่าปล่อยให้ใคร ฆ่า วาฬ ของคุณhttps://clubsister.com/lifestyle/5-recommend-books-for-officerอีกหนึ่งหนังสือของเจ้าของพอดแคสต์ Mission to the moon และผู้บริหารที่ทำให้บริษัทศรีจันทร์เครื่องสำอางไทยสู่สากล หนังสือเล่มนี้จำทำให้ไฟฝันของคุณกลับมาลุกโชนอีกครั้ง เมื่อคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ คุณจะเข้าใจเองว่า “วาฬ” ที่หน้าปกหนังสือนั้นคืออะไร แล้วการประสบความสำเร็จและการเอาชนะคนที่เรารู้สึกว่าเก่งนั้นจะไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไปการอ่านหนังสือ แท้จริงเราคือการเรียนรู้ และเข้าใจในตัวตนของเราผ่านหนังสือที่เราอ่าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยพัฒนาทักษะในการดำเนินชีวิตของเรา เพราะการอ่านหนังสือต้องใช้ทั้งสมาธิ และการประมวลผลที่เป็นระบบทำให้เราสามารถผ่อนคลายจากปัญหาที่เราพบเจอมาในแต่ละวันได้ อีกทั้งการอ่านหนังสือยังไปกระตุ้นการทำงานของสมอง ที่ชะลอและป้องกันการเป็นโรคอัลไซเมอร์อีกด้วยAuthor : NUTTANON.S

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

22 ก.ย. 2022

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

ภาพจาก : siamchemi.comระหว่างที่หูฟังกรีนเวฟ มือไถหน้าฟีดเฟซบุ๊ก ปากก็ดูดชานมไข่มุก ดื่มกาแฟลาเต้ กินเค้กไปด้วยเพลิน ๆ ใช่มั้ยคะ รู้นะ!แหม่…ใครจะไปอดใจไหว ก็อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมันอร่อยไปซะทุกอย่างเลยนี่นา…ภาพจาก : board.postjung.comจริง ๆ แล้ว สามารถทานได้ค่ะ แต่ต้องควบคุมปริมาณให้พอดีต่อวัน เพราะว่า “ น้ำตาลคือยาพิษ ” ถ้าทานเข้าไปมากๆจะมีแต่โทษและไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากสร้างความสุขชั่วคราวแต่จะทิ้งโรคไว้ในร่างกายของเราตลอดไปค่ะ พูดไปก็คงไม่เห็นภาพ เดี๋ยวจะแจงรายละเอียด “โทษของน้ำตาล” ให้ทราบคร่าว ๆ นะคะ1.น้ำตาลเป็นสารเร่งผิวหนังเหี่ยวย่นและริ้วรอย ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้ผิวเสีย หน้าแก่2.น้ำตาลทำให้อ้วน แน่นอนเรื่องนี้เรารู้กันดีค่ะ เพราะ ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมากเกินความต้องการ ไปสะสมกลายเป็นไขมันนั้นเอง3.น้ำตาลทำให้สมดุลของเลือดเสียไป เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งเพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ด้วย4.น้ำตาลทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง น้ำตาลมีส่วนผสมของซูโครส ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีให้กับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ เหงือกอักเสบ และคราบต่าง ๆ5.น้ำตาลทำให้ร่างกายเซื่องซึม การกินน้ำตาลปริมาณมากเป็นประจำแทนที่จะสดชื่น กลับทำให้กรดอะมิโน ที่ชื่อว่า ทริปโตฟานเข้าสู่สมองมาเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมองมีผลทำให้เกิดอาการเหนื่อย เซื่องซึมได้ภาพจาก : sukkaphap-d.comนี้แค่คร่าว ๆ นะทุกคน…โทษของน้ำตาล เยอะมากจริงๆค่ะแล้วแบบนี้ ต้องห้ามกินน้ำตาลเลยหรอ จะทำไหวมั้ยนะ?ไม่ต้องห่วงค่ะ หากกินน้ำตาลในปริมาณที่พอดี แค่เท่าที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ก็ไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย โดยปริมาณที่ควรกินต่อวัน มีดังนี้ค่ะ-เด็ก และ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรกินไม่เกิน 16 กรัม หรือ 4 ช้อนชา / วัน-วัยรุ่นหญิงชาย และ วัยทำงาน ควรกินไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา / วันแต่อย่างไรก็ตาม การไม่กินน้ำตาลเลย หรือกินให้น้อยกว่าปริมาณข้างต้น ก็ถือว่าปลอดภัยที่สุดค่ะเพราะ “น้ำตาลคือยาพิษ” ท่องไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อร่างกายที่แข็งแรงของเราค่ะข้อมูลจาก : https://www.vichaiyut.com/th/health/informations/5-โทษของน้ำตาล/ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณะสุข กรมอนามัย และ กระทรวงสาธารณะสุขข้อมูลจาก : รายการเพื่อนเป็นหมอ

ฟังเพลงตอนออกกำลังกาย ถึก! ทน! มากขึ้น

28 ต.ค. 2022

ฟังเพลงตอนออกกำลังกาย ถึก! ทน! มากขึ้น

คนรักเสียงเพลงอย่างเราๆคงเข้าใจดี ว่าเวลาออกจากบ้าน อุปกรณ์อีกอย่างที่จะขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ หูฟัง ถ้าวันไหนออกไปข้างนอกแล้วลืมหูฟังนะ จะมีความรู้สึกว่า...เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่าง ยิ่งเวลาทำกิจกรรมเพลินๆ ยิ่งต้องฟังเพลงโปรดเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนออกกำลังกายภาพจาก Freepik.com และรู้มั้ยคะ ว่าการฟังเพลงตอนออกกำลังกาย ไม่ได้เพิ่มแค่ความสนุกได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มความอึด! ถึก! ทนทานได้อีกด้วย เพราะมีงานวิจัยที่ทำการวัดคลื่นสมองด้วยเครื่อง Electroencephalogram (EEG) ในขณะฟังเพลงพบว่า การฟังเพลงขณะออกกำลังกายนั้นช่วยลดคลื่นธีต้า (Theta waves) ชนิดความถี่ 4-7 เฮิร์ต (Hz) ได้ ซึ่งกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการระงับอาการเมื่อยล้าต่างๆ ในขณะที่เรากำลังออกกำลังกายค่ะ เราจึงทนต่อความเมื่อยล้าขณะที่ออกกำลังกายได้ดีขึ้น และทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นนั้นเองภาพจาก my-best.in.th โดยการเลือกระดับความเร็วของเพลงที่ฟังขณะออกกำลังกายก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้ มีงานวิจัยพบว่า การฟังเพลงที่มีจังหวะเร็วจะส่งผลดีต่อสมรรถภาพทางกาย เมื่อออกกำลังกายที่ระดับความหนักเบาถึงปานกลาง โดยที่การออกกำลังกายแต่ละชนิดก็จะมีระดับความเร็วของจังหวะเพลงที่เหมาะสมแตกต่างกันด้วย เช่น หากต้องการปั่นจักรยานให้มีสมรรถภาพทางกายสูงสุดก็ควรเลือกฟังเพลงที่จังหวะความเร็ว 125 – 140 BPM6 หรือเวลาวิ่งบนลู่วิ่งสายพานให้มีสมรรถภาพทางกายสูงสุดก็ ควรเลือกฟังเพลงที่จังหวะความเร็ว 123-131 BPM7ภาพจาก thaiheartfound.org ไม่น่าล่ะ!! เวลาที่แอดไปวิ่ง แล้วฟังเพลงที่ดนตรีสนุกๆ แอดก็รู้สึกว่าวิ่งได้ระยะมากขึ้น วิ่งได้นานขึ้น แต่ถ้าใครวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้า วิ่งไม่เร็วมาก วิ่งสบายๆก็สามารถเปิดฟัง Green Wave 106.5 FM ได้ที่ APP Atime Fungfin มีเพลงสบายๆ และดีเจคุยสนุกยามเช้า ฟังไป วิ่งเหยาะๆไป อาจจะทำให้การวิ่งไม่น่าเบื่อและวิ่งได้นานมากขึ้น ใครที่เป็นสายออกกำลังกาย ลองดูนะคะแหล่งอ้างอิง : https://bit.ly/3MDTCLRแหล่งอ้างอิง : https://bit.ly/3gezdRcแหล่งอ้างอิง : สสส.

นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

20 ส.ค. 2024

นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

นปโปะหม่ำๆ หม่ำๆ กู๊ดบอย คือทำนองเพลงติดหู ที่เรามักได้ยินบนโลกโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งที่มาของเพลงสุดน่ารักนี้ ก็เกิดจากเจ้าหมา ‘นปโปะ’ ที่ไม่ยอมกินอาหารโดยเด็ดขาดถ้าเจ้าของไม่ร้องเพลงให้ฟัง (ต้องมีทำนองด้วยนะ ไม่งั้นหนูไม่กิน!) ทำให้ใครหลายๆคนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอของนปโปะต้องอมยิ้มไปตามๆกัน แต่เอ๊ะ…แล้วสาเหตุที่ทำให้น้องหมาหลายๆตัว ไม่ยอมกินอาหารง่ายๆคืออะไรกันนะสาเหตุที่สุนัขไม่กินอาหาร1.อาการป่วยถึงแม้ว่าการอยากอาหารที่ลดลง ไม่ได้หมายความว่าน้องๆกำลังมีโรคร้ายแรงเสมอไป แต่การตรวจหาความผิดปกติอย่างทันท่วงทีก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น การเจ็บปวดทางร่างกาย ปัญหาทางช่องปากและฟัน การติดเชื้อในลําไส้ หรือมีสิ่งแปลกปลอมอุดตันทางเดินอาหาร เป็นต้น2.การฉีดวัคซีนการฉีดวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอาจมีผลข้างเคียง ทำให้สุนัขสูญเสียความอยากอาหารในระยะเวลาสั้นๆได้3.สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยสถานที่แปลกใหม่อาจทำให้น้องหมาเกิดความเครียดและประหม่าได้ รวมไปถึงการเดินทางด้วยรถยนต์ก็อาจทำให้น้องๆรู้สึกคลื่นไส้ เมารถ ทำให้ไม่อยากอาหารได้เช่นกัน4.พฤติกรรมส่วนตัวนิสัยของสุนัขบางตัวอาจมีความ ‘เลือกกิน’ ไปนิด ลองสังเกตดูว่าน้องหมาของเรามีนิสัยส่วนตัวอย่างไร และนำมาปรับใช้กับวิธีการฝึกกินอาหาร เช่น การให้อาหารเป็นเวลา หลีกเลี่ยงการให้อาหารใกล้สุนัขตัวอื่นจนเกินไป การปรับชามข้าวให้มีความสูงพอดีต่อตัว ตรวจสอบอาหารว่าไม่เหม็นอับ และไม่แข็งจนเกินไป เป็นต้น5.น้องหมาได้รับของรางวัลมากเกินไปความ ‘อิ่ม’ จากการกินขนมเยอะเกินไป อาจทำให้น้องๆรู้สึกไม่หิวอาหารแบบเดิมๆที่เคยกิน การกินขนมควรเป็น ‘รางวัล’ ของสุนัข ไม่ใช่อาหารจานหลัก และควรมีสัดส่วนไม่เกิน 10% ของแคลอรีต่อวันเมื่อคำนวณตามน้ำหนักตัว เพราะการให้ขนมมากเกินไปอาจนําไปสู่โรคอ้วนในสุนัขได้อีกด้วยวิธีกระตุ้นความอยากอาหารของน้องหมา1.เปลี่ยนอาหารเม็ดโดยการเลือกสูตรอาหารที่มีส่วนผสมคล้ายกับอาหารสูตรเก่า และช่วยปรับให้ระบบย่อยอาหารของน้องๆรู้สึกคุ้นเคย ด้วยการค่อยๆผสมอาหารใหม่เข้ากับอาหารเก่า และเพิ่มปริมาณของอาหารใหม่ในแต่ละมื้อวันที่ 1-2: ผสมอาหารใหม่ 25% กับอาหารเก่า 75%วันที่ 3-5: ผสมอาหารใหม่ 50% กับอาหารเก่า 50%วันที่ 6-7: ผสมอาหารใหม่ 75% กับอาหารเก่า 25%วันที่ 8 เป็นต้นไป : อาหารใหม่ 100%ซึ่งสุนัขบางตัวอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนนานมากกว่านี้ โดยเฉพาะกับน้องๆที่มีกระเพาะย่อยอาหารบอบบาง2.เพิ่มท็อปปิ้งตกแต่งอาหาร หรือ ทําให้อาหารเม็ดนิ่มลงเติมน้ำหรือซุปผักอุ่นๆลงในอาหารแห้งและปล่อยแช่ให้นิ่ม ช่วยให้น้องหมาเคี้ยวอาหารได้ง่าย เพิ่มกลิ่น กระตุ้นความอยากอาหาร (ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยนะ ว่าไม่มีหัวหอมหรือกระเทียมอยู่ในส่วนผสมของน้ำซุป เพราะอาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงทำให้น้องเป็นโรคโลหิตจางได้)3.หลีกเลี่ยงการให้อาหารโดยไม่มีเงื่อนไขการวางอาหารของน้องหมาทิ้งไว้ให้เดินมากินตอนไหนก็ได้ อาจจะดูเป็นวิธีที่สะดวก แต่ก็ส่งผลตามมาหลายอย่าง เช่น การไม่เห็นพฤติกรรมความอยากอาหารที่เปลี่ยนไปของน้องๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางร่างกายผู้เลี้ยงควรกำหนดเวลาให้อาหารอย่างชัดเจน และทำการจับเวลา 15 นาที หากในช่วงเวลานี้น้องๆมีท่าทีไม่ยอมกินอาหารที่วางไว้ ให้เก็บอาหารจนกว่าจะถึงเวลามื้อต่อไป เป็นการฝึกให้น้องหมาไม่ติดนิสัยเมินอาหารนั่นเอง4.ทําให้มื้ออาหารเป็นเรื่องสนุกทำให้การกินอาหารตื่นเต้นขึ้น ด้วยการใส่อาหารไว้ในเครื่องเล่นสำหรับน้องหมา กระตุ้นสัญชาตญาณการหาอาหาร รวมไปถึงการให้คำชมเมื่อน้องๆยอมกินอาหารนั่นเองสุดท้ายนี้ การเมินไม่ยอมกินอาหารของน้องหมาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพฤติกรรมส่วนตัว ความประหม่า หรืออาการเจ็บป่วย เจ้าของจำเป็นต้องสังเกตนิสัยและความผิดปกติที่น้องๆพยายามจะบอกเรา และหากน้องหมาไม่ยอมกินอาหารนานกว่าสองวัน (หรือสองมื้อหากมีโรคประจําตัว) ควรติดต่อสัตวแพทย์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าน้องๆจะสุขภาพดี เหมือนกับน้องนปโปะ ที่หนูแค่อยากได้ยินคำชมเยอะๆตอนกินข้าวเฉยๆน้าAuthor : L’ara

album

0
0.8
1