เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

HEALTHY LIFESTYLE

เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

31 ส.ค. 2022

ทุกครั้งที่ปิดประตูบ้านจะเกิดคำถามว่า … เอากุญแจออกมารึยังนะ ?

พอลงจากรถ จะเกิดคำถามว่า ล็อกรถรึยังนะ?

เวลานั่งเม้าท์มอยกับเพื่อน สักพัก…จะถามตัวเองว่า เมื่อกี้จะพูดว่าอะไรนะ?

ลืมนั่น! ลืมนี่! ลืมไม่ไหว! อาการขี้หลงขี้ลืมในเรื่องเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่เยอะ ถือว่ายังไม่เป็นโรคสมองเสื่อมค่ะ แต่อย่างไรก็ตามควรรู้สาเหตุและรีบแก้ไข เพราะอาจจะส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้

ซึ่งสาเหตุมีดังนี้ค่ะ

1. เกิดจากการนอนไม่เพียงพอ 6-8 ชม.ต่อวัน ทำให้เกิดอาการมึนหัว ตาไม่สว่าง สมองไม่ปลอดโปร่ง

2. เหนื่อยสะสม ทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้พักผ่อน

3. ความเครียด เวลาเราอยู่ในภาวะเครียด เราเองจะลืมบทสนทนาไปโดยฉับพลันได้

4. โรคซึมเศร้า เพราะความปกติของสารในสมองมีผลต่อความจำและความคิดได้เช่นกัน และเมื่อเป็นซึมเศร้าจะ ทำให้ความสนใจในเหตุการณ์ปัจจุบันนั้นลดต่ำลง

5. ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นปัญหาของวัยรุ่น Productive ที่ต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่าง คิดอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ทำให้ไม่มีสมาธิและโฟกัสเท่าที่ควร

6. ไม่ออกกำลังกาย อาจจะมีผลทางอ้อม คือร่างกายไม่ค่อยได้รับออกซิเจน ทำให้สมองไม่ได้รับออกซิเจนไปด้วย

7. การกินยาบางชนิด ยาในกลุ่มแอนตี้โคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) ยากลุ่มนี้จะเข้าไปขัดการทำงานของสารสื่อประสาทด้านความจำ *ในกรณีนี้หากเกี่ยวกับยาที่จำเป็นต้องทาน เมื่อเกิดอาการหลงลืมจนกระทบกับชีวิตประจำวัน แอดแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ให้ยาค่ะ เพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง

 หากเราไม่ได้มีพฤติกรรม 7 อย่างข้างบน แล้วยังมีอาการหลงลืมล่ะ?

ภาพจาก : freepik.com

งั้นมาสังเกตกันค่ะ ว่าอาการเบื้องต้นของโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย มีอะไรบ้าง

1. ลืม วัน เดือน ปี ลืมนัดสำคัญหรือบางคนถึงขั้นลืมวันเกิดตัวเอง

2. บุคลิกภาพเปลี่ยน เช่น พูดไม่ได้ใจความ บางครั้งพูดติด ๆ ขัด ๆ หรือพูดซ้ำ ๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารกับคนรอบข้างถดถอยลง

3. การตัดสินใจแย่ลง การตัดสินใจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือต้องใช้เวลานานในการตัดสินใจ

4. มักเกิดความผิดพลาดในการกะระยะ การบอกสี ซึ่งเป็นปัญหามากถ้าผู้ป่วยต้องขับรถ

5. ภาวะเครียด ซึมเศร้า แยกตัวออกจากสังคม

6. ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ไม่มีสมาธิ กระวนกระวาย ย้ำคิดย้ำทำ

           หากคุณเริ่มมีอาการข้างต้นนี้ แอดแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาค่ะ โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ที่ยังมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ ทั้งเรื่องของการงาน และการเข้าสังคม หากปล่อยไว้อาจกระทบกับชีวิตประจำวันระยะยาวได้นะคะ

 ส่วนถ้ามีอาการหลงลืมเล็ก ๆ น้อย ๆ แนะนำให้ปรับพฤติกรรม นอนหลับให้เพียงพอ 6-8 ชม.และลดความเครียด พักทำกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เช่นวาดรูป ร้องเพลง หรือการฟังเพลงที่ Green Wave 106.5 FM ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้นะคะ 

ที่มา https://bit.ly/3C8hmo8

ที่มา https://www.mangozero.com/forgetfulness-in-teens/

related HEALTHY LIFESTYLE

6 วิธีง่ายๆ ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

17 ก.ค. 2023

6 วิธีง่ายๆ ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

1. เดินถอยหลัง 10 - 15 นาที ช่วยลดอาการปวดหลังการเดินถอยหลังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณเอวและหลัง การบริหารนี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีอยู่ในท่าบริหารของมวยจีน "ไท้เก๊ก" ใครที่มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ ลองฝึกเดินถอยหลังดูนะคะ การเดินถอยหลังจะบังคับให้นิ้วเท้าสัมผัสพื้นก่อน ต่างจากการเดินปกติที่จะใช้ส้นเท้า จึงเป็นการลดแรงกระแทก และส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อในส่วนที่ต่างไปค่ะ 2. นั่งให้ตัวตรง น่องตั้งฉาก ลดอาการปวดหลังได้การนั่งที่ดี ต้องนั่งตัวตรง อกผาย ไหล่ผึ่ง อาจจะเมื่อยนิดนึงนะคะ แต่ถ้าชินแล้ว จะทำให้อาการปวดหลังที่มาจากการนั่งตัวไม่ตรงดีขึ้น แนะนำให้เอาหมอนมาลองหลังด้วยนะคะ ป้องกันอาการปวดหลังได้อีกทางค่ะ3.แช่และนวดฝ่าเท้า วันละ 30 ครั้ง หรือ 10 นาที จะช่วยบำรุงไตการใช้น้ำร้อนแช่เท้านั้นไม่เพียงแต่จะบำรุงไต ยังช่วยขับความร้อนออกจากตับด้วยค่ะ ช่วยลดความดัน ช่วยให้อารมณ์ของเราสงบ และยังช่วยเรื่องการนอนให้หลับสบาย ถ้าหากหลังจากแช่เท้าแล้วได้นวดเท้าต่อ จะทำให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น อวัยวะภายในมีการปรับสมดุล แนะนำว่าหลังจากแช่เท้าแล้วไม่ควรทำกิจกรรมอื่นต่อ ให้เตรียมเข้านอนได้เลย จะทำให้การบำรุงไต ได้ผลมากยิ่งขึ้น ควรแช่เท้าเวลา 3 ทุ่ม เพราะจะช่วยให้นอนดีค่ะ4. ดื่มขิงเป็นประจำ เพื่อป้องกันหวัดแพทย์จีนจัดขิงเป็นพืชรสเผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัดเย็น ขับเหงื่อ บำรุงกระเพาะอาหาร แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดคอเลสเตอรอลที่สะสมในตับ และเส้นเลือด ชาวจีนทั่วไปจึงนิยมต้มขิงกับน้ำตาลอ้อย หรือน้ำตาลแดง เพื่อช่วยแก้หวัด ถ้าใช้ขิงสดปิดที่ขมับทั้งสองข้างจะช่วยแก้ปวดหัว หรือถ้าเอาขิงสดอมไว้ใต้ลิ้นจะช่วยแก้อาการกระวนกระวาย แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ดีค่ะ5.ทานเนื้อสัตว์ให้น้อย ทานผักให้มาก ลดการเกิดไขมันอุดตันของเส้นเลือดเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ก็มากับไขมันทั้งนั้น มันแทรกอยู่ในอนูของเนื้อ ยิ่งลายพร้อยยิ่งอร่อย แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งอร่อย ก็ยิ่งทำร้ายร่างกายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราควรเลือกเนื้อที่ไม่ติดมัน หรือติดมันน้อยที่สุด และอย่าทานมากเกินไป ปริมาณที่จะเหมาะสมคือ เนื้อไม่ติดมันขนาดเท่าฝ่ามือ ให้ทานผักมากกว่าเนื้อสัตว์ จะช่วยย่อย และช่วยระบบขับถ่ายด้วยค่ะ6.ทำสมาธิก่อนนอน 10 - 15 นาที ช่วยลดอาการเวียนศีรษะการทำสมาธิก่อนนอน เป็นเรื่องที่ดี จะช่วยให้ระบบสมองของเรามีการเรียงตัวที่ดี ช่วยให้เราหลับได้ดีอีกด้วย และทำให้ตื่นเช้าขึ้นมาไม่เวียนศีรษะค่ะแต่ละวิธีไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ลองค่อยๆปรับ เปลี่ยนไปด้วยกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

ผู้หญิง ผู้ชาย ไตอ่อนแอ อาการเหมือนกันไหม ?

16 ส.ค. 2023

ผู้หญิง ผู้ชาย ไตอ่อนแอ อาการเหมือนกันไหม ?

ไตพร่อง เป็นปัญหาของหลายคน ลักษณะอาการ ใบหน้าจะมองคล้ำ ปวดหลัง ขาไม่มีแรง อาจจจะรวมไปถึงคนที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันสูง เส้นเลือดสมองอุดตัน อาการเป็นพิษในเลือด หรือโรคไตวายเรื้อรัง โรคที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่มีอาการไตพร่องระยะสุดท้ายแทบทั้งสิ้น แต่เราจะรอจนเป็นระยะสุดท้ายแล้วค่อยดูแลตามแนวการรักษาแบบฉบับแพทย์แผนจีน เมื่อเห็นตับมีปัญหา ให้ไปรักษาที่ม้าม หมายถึงการรักษาเมื่อโรคยังไม่เกินนั่นเอง หลายคนที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรและไม่คิดรักษา แต่พอเป็นแล้วมันอาจจะใกล้จุดจบของชีวิตแล้วก็ได้นะคะ ไตในหลักแพทย์แผนจีนจะเสื่อมลงเรื่อยๆตามอายุของเรา ฉะนั้นการดูรักษาไตให้คงอยู่ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่เป็นโรค อาการที่กล่าวไปนั้นถ้าหากคุณมีอาการ 1 ใน 3 แสดงว่าไตคุณเริ่มพร่องแล้วค่ะอาการไตพร่องจะมีอาการปวดหลัง เหนื่อยง่าย ไม่มีเรี่ยวแรง ระบบการมองและการฟังประสิทธิภาพแย่ลง ผมร่วงง่าย ผมขาวก่อนวัย ฟันโยกง่ายและรากฟันไม่แข็งแรง ขอบตาดำคล้ำ ผิวหน้าดำคล้ำ สภาวะแก่ก่อนวัย ลืมง่าย ไม่อยากอาหาร ปวดกระดูกหรือข้อรู้สึกตัวร้อนโดยไม่มีสาเหตุ และมีอาการมึนหัวบ่อยๆอาการไตพร่องในผู้ชายและผู้หญิงมีบางส่วนที่ไม่เหมือนกันนะคะอาการไตพร่องของผู้ชายอาการไตพร่องจะเกี่ยวกับสมรภาพทางเพศ ทำให้สมรภาพทางเพศลดลง ความต้องการทางเพศลดลง ถ้าหนักเข้า จะทำให้อวัยเพศไม่แข็งตัว หลั่งเร็ว เมื่อนำอสุจิไปตรวจสอบ อสุจิจะไม่แข็งแรง ซึ่งเป็นสาเหตุของคนมีบุตรยากค่ะส่วนผู้หญิงที่มีอาการไตพร่องผู้หญิงจะเกี่ยวกับประจำเดือนมาร่วมด้วย เช่น เลือดออกกระปิดกระปอย ประจำเดือนมานานกว่าปกติ การตั้งครรภ์ได้ยาก แท้งบ่อยก็เป็นอาการของคนไตพร่องได้เช่นกันค่ะอาหารที่เหมาะกับคนไตพร่องอาการไตพร่องจะแบ่งออกเป็นไตหยินพร่อง และไตหยางพร่อง อาการไตหยางพร่องนั้นจะเป็นคนที่ขี้หนาว ส่วนอาการไตหยินพร่องจะมีอาการร้อนวูบวาบ กระหายน้ำง่าย อุ้งมือเท้าร้อนไตหยินพร่อง เช่น ปลิงทะเล เก๋ากี้ ตะพาบน้ำ เห็ดหูหนูขาว เพื่อที่จะไปบำรุงไตหยินไตหยางพร่อง เช่น เนื้อแพะ เขากวาง อบเฉยเป็นต้นการบำรุงไตไม่ใช่แค่อาหารตามข้างต้นนี้ แต่ตามหลักแพทย์แผนจีนแล้ว อาหารที่เป็นสีดำก็สามารถบำรุงไตได้เช่นกัน อาทิ ถั่วดำ งาดำ เห็ดหูหนูดำ เห็ดหอม สาหร่ายทะเลก็สามารถบริโภคได้เช่นกันค่ะการถูเอวบำรุงไตในทางทฤษฏีของแพทย์แผนจีน "เอวคือบ้านของไต" เราสามารถถูเอวเพื่อที่จะบำรุงไต เพราะการถูเอวทำให้เอวมีความร้อน สรรพคุณบำรุงไตให้ไตแข็งแรง ทำให้เลือดลมบริเวณเอวไหลเวียนได้ดีขึ้นนวดท้องน้อยเพิ่มพลัง (จุดตานเทียน)จุด丹田(ตานเทียน)อยู่ใต้สะดึอ 3 นิ้ว หรือ 1 ฝ่ามือการนวดท้องน้อยหรือตานเทียนจะช่วยเพิ่มพลัง สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อที่จะไปต่อสู้กับโรคต่างๆ และยังสามารถบำรุงไต ทำให้อายุยืนได้อีกด้วย การนวดจุดตานเทียน ต้องถูฝ่ามือให้ร้อนก่อน นำมาตั้งที่จุดตานเทียน นวดเบาๆทิศทางสวนเข็มนาฬิกาการบำรุงสามารถทำได้หลายอย่าง1.รักษาระดับอารมณ์“ความกลัวจะไปทำร้ายไต”คนเป็นโรคไต ต้องรักษาระดับอารมณ์ให้ดี ทำจิตใจให้สงบ สดชื่น ไม่เครียด เท่านี้พลังไตก็จะไม่สูญเสีย ถ้าหากพลังไตเพียงพอ อวัยวะต่างๆก็จะมีพลังไปหล่อเลี้ยงด้วย จะทำให้ร่างกายแข็งแรง2.ดุแลระบบทางเดินอาหารการบำรุงดูแลไตนั้น ต้องให้ความสำคัญกับม้ามและกระเพาะอาหาร เพราะม้ามกระเพาะอาหารเป็นจุดศูนย์กลางของร่างกาย การรับประทานอาหารที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคไต ต้องลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะอาหารเหล่านี้อาจจะไปทำให้ไตเสื่อมได้เร็วขึ้น ตามหลักแพทย์แผนจีนแล้วการดูแลม้ามกระเพาะอาหาร ทำให้ศูนย์กลางแข็งแรง สามารถนำพลังไปเลี้ยงไตได้ เมื่อไตแข็งแรงจะทำให้ร่างกาย มีพลังที่จะไปต่อสู่กับโรค3.อย่าเหนื่อยเกินเหตุความเหนื่อยจนเกินไป ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม จะทำให้สูญเสียพลังของร่างกายไป พลังต่างๆของร่างกายล้วนแต่มาจากเลือดทั้งสิ้น การที่เราเหนื่อยจนเกินไปนั้น ทำให้สูญเสียเลือดไป พอขาดเลือด พลังก็จะไม่เพียงพอที่จะไปเลี้ยงร่างกาย เช่น การใช้สมองบ่อย การใช้สายตาบ่อย จะทำให้สูญเสียพลังเช่นกัน ฉะนั้นการทำกิจกรรมทุกอย่าง อย่าให้เยอะจนเกินไป อย่าให้เหนื่อยจนเกินไป เพราะเราไม่ทราบได้ว่าจะทำให้เลือดที่หล่อเลี้ยงเราสูญเสียไปแค่ไหน ดูแล ป้องกัน ดีกว่าการมารักษาทีหลังนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก GREEN WAVE ค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

8 อาการ ร่างกายฟ้องว่าคุณกำลัง “ทำงานหนัก”

19 ธ.ค. 2023

8 อาการ ร่างกายฟ้องว่าคุณกำลัง “ทำงานหนัก”

1.ปวดตาและตาแห้งคนที่ทำงานหนักมักจะมีอารมณ์เครียด ทำให้ตับเสียสมดุล ดวงตาเป็นประตูแห่งตับ เมื่อตับร้อน จะทำให้ปวดตา ตาร้อน และตาแห้งได้นะคะ แพทย์แผนจีนแนะนำให้เอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนแล้วประคบไว้บริเวณดวงตาประมาณ 30 นาทีค่ะ2.เจ็บคอ เสียงแหบการทำงานหนักจะทำให้ใจร้อน เร่งรีบ แล้วร่างกายจะร้อนตามหัวใจไปด้วย คนที่ทำงานหนักมักจะเจ็บคอ หรือเป็นแผลในปากได้ง่าย อันนี้แพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งนะคะ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ค่ะ3.ปวดหัว มึนหัวความเครียด ทำให้ตับขาดสมดุล เมื่อตับขาดสมดุลก็จะเกิดความร้อนที่ตับ ความร้อนมีลักษณะที่พุ่งขึ้น ทำให้รู้สึกปวดหัวหรือมึนหัวได้ง่าย แพทย์แผนจีนแนะนำให้ใช้นิ้วมือนวดด้วยตัวเองบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ท้ายทอย และขมับสัก 30 นาที จะช่วยผ่อนคลายอาการปวดหัวได้ แต่ถ้ามีโอกาสลองไปฝังเข็มดูนะคะ จะทำให้หัวโล่งโปร่งสบายทีเดียว4.กล้ามเนื้อบริเวณไหล่แข็งกว่าปกติอาการนี้เป็นผลจากการนั่งท่าเดียวนานๆ ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี และเกิดการเกร็งบริเวณไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งกว่าปกติ แพทย์แผนจีนแนะนำให้นวด หรือไม่ก็ลองจัดกระดูก ฝังเข็มค่ะ5.รับประทานอาหารมากกว่าปกติภาวะเครียดจะทำให้เรารับประทานอาหารมากเป็นพิเศษ ตามหลักแผนจีนนั้นเมื่อม้ามอ่อนแอจะทำให้ไฟในกระเพาะมากขึ้น ไฟมากก็เผาพลาญแรง พลอยให้กินอาหารไม่อิ่ม และอยากกินเรื่อยๆ ข้อนี้อาจต้องใช้ยาทานเข้าช่วยปรับสมดุลในร่างกายค่ะ6.ความจำลดลงการทำงานหนักจะเผาพลาญพลังของร่างกาย โดยส่วนใหญ่แล้วพลังนี้จะมาจากไต พลังไตเป็นพลังที่หล่อเลี้ยงสมอง หากพลังไตโดนใช้ไปหมด พลังไตก็จะขึ้นไม่ถึงสมอง ทำให้ความจำเราลดลง แพทย์แผนจีนแนะนำให้นั่งสมาธิค่ะ ช่วยได้จริงๆ7.หงุดหงิดง่ายหงุดหงิดง่ายอันนี้ปกติค่ะ ใครทำงานหนักแล้วไม่หงุดหงิด นับถือจริงๆ ความหงุดหงิดเกิดมาจากความเครียดที่สะสม อาการนี้ตามหลักแพทย์แผนจีนเรียกว่า 'พลังตับติดขัด' แบบว่ามันแน่นอก ต้องยกออก เป็นบ่อยกับคนที่เครียด วิธีแก้อาจจะต้องปล่อยวาง หรือกินยาปรับสมดุล ลดไฟในตับค่ะ8.ร่างกายรู้สึกเหนื่อยง่ายเหนื่อยง่ายมาจากสาเหตุที่ร่างกายทำงานหนัก ใช้พลังจนหมด ในทางแพทย์แผนจีน เมื่อพูดว่าพลัง ก็คือ'ชี่' เมื่อพลังชี่อ่อนแอ หรือใช้จนหมดก็เหมือนแบตเตอรี่ที่เหลือไฟแค่ขีดเดียว รอเวลาชาร์ต ซึ่งแพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มชา หรือซุปที่มีส่วนผสมของโสมอเมริกา เพราะสรรพคุณเป็นยาบำรุงพลังและหยิน หรือว่าทานยาปรับสมดุลก็ได้เช่นกันค่ะ มีกันกี่อาการคะ ลองสังเกตตัวเอง หาเวลาพักผ่อน หรือจะเปิด GREEN WAVE ฟังไปด้วยตอนทำงาน ช่วยผ่อนคลายไปในตัวนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

“น้ำเต้าหู้” ประโยชน์คับแก้ว

29 ส.ค. 2023

“น้ำเต้าหู้” ประโยชน์คับแก้ว

1.หลายคนดื่มน้ำเต้าหู้เพื่อลดความอ้วน ลดน้ำหนัก และไขมัน มีงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองประสิทธิผลของนมวัว นมถั่วเหลืองปรุงแต่ง และอาหารเสริมแคลเซียมที่มีผลต่อการลดไขมันในผู้หญิงก่อนวัยทองที่มีภาวะอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน พบว่าการบริโภคนมไขมันต่ำอย่างนมถั่วเหลืองปรุงแต่ง ช่วยลดภาวะอ้วนและภาวะอ้วนลงพุงในกลุ่มตัวอย่างทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญอีกหนึ่งการทดลองได้เปรียบเทียบประสิทธิผลของน้ำเต้าหู้กับนมวัวขาดมันเนยกับระดับไขมันในเลือดและการทำปฏิกิริยากับผนังเซลล์ไขมัน (Lipid Peroxidation)ในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง ผลลัพธ์ที่ได้ชี้ว่าน้ำเต้าหู้มีส่วนช่วยในการลดระดับไขมันในเลือดและลดการเกิดปฏิกิริยาที่สารอนุมูลอิสระทำปฏิกิริยากับกรดไขมันไม่อิ่มตัวในผนังเซลล์ ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ป่วยภาวะไขมันในเลือดสูง ส่วนการทดลองเพื่อหาประสิทธิผลในการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายด้วยเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลือง โดยทำการทดลองในกลุ่มตัวอย่างชาวฝรั่งเศสที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงในกลุ่มความเสี่ยงระดับปานกลาง ผลที่ได้คือ การบริโภคเครื่องดื่มจากถั่วเหลืองที่มีสารแพลนท์ สเตอรอล (Plant Sterol)ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดเลว (non-HDLและLDL)ลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า น้ำเต้าหู้อาจช่วยควบคุมและลดระดับไขมันในผู้ป่วยที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงที่อยู่ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง2.น้ำเต้าหู้บำรุงกระดูก การทดลองเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของนมถั่วเหลืองที่มีสารไอโซฟลาโวนที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตและกระบวนการสร้างหรือสลายกระดูกในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนชาวสเปน พบว่าการบริโภคนมถั่วเหลืองช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินดี และช่วยลดกระบวนการสลายกระดูก นอกจากนั้น การบริโภคสารไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองเพิ่มเติม อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของกลุ่มตัวอย่างได้ และช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกได้อีกด้วย3.สำหรับคนที่ความดันสูงเป็นประจำ น้ำเต้าหู้ช่วยลดความดันโลหิต มีการทดลองศึกษาประสิทธิผลของเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลือง ในด้านคุณค่าทางโภชนาการและอิทธิพลต่อการลดน้ำหนัก พบว่าเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลืองอาจช่วยลดระดับความดันโลหิตซิสโตลิกและไดแอสโตลิกลงได้ ซึ่งเป็นความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัว ในกลุ่มตัวอย่างเยาวชนเพศหญิงที่มีภาวะอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน อย่างไรก็ตาม ในการทดลองนี้ยังไม่พบผลลัพธ์ในด้านน้ำหนักตัวที่ลดลง หรือขนาดเส้นรอบเอวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด อีกงานทดลองที่ศึกษาผลลัพธ์จากการบริโภคน้ำเต้าหู้ที่สัมพันธ์กับระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2ที่มีภาวะไตผิดปกติร่วมด้วย พบว่าการบริโภคน้ำเต้าหู้มีผลต่อการควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นในผู้ป่วยกลุ่มนี้ค่ะ4.มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน จากการค้นคว้าหาประสิทธิผลของการบริโภคผลิตภัณฑ์นมและนมถั่วเหลืองเป็นประจำทุกวันทั้งก่อนมื้ออาหาร30นาที และพร้อมมื้ออาหารในกลุ่มทดลองเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี เพื่อศึกษาหาอิทธิพลต่อระบบย่อยอาหาร ระดับน้ำตาลและสารอินซูลินในเลือด พบว่า การดื่มนมทั้งนมถั่วเหลืองและนมวัวก่อนมื้ออาหาร30นาที จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารได้มากกว่าการดื่มพร้อมมื้ออาหาร ซึ่งวิธีการนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานจากการบริโภคอาหารที่มีค่าGIสูง (Glycemic Index:ค่าดัชนีน้ำตาล) ซึ่งยังต้องค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดและเป็นประโยชน์ในอนาคต5.ลดความเครียดแถมยังสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย งานวิจัยมากมายได้นำเสนอประสิทธิผลของน้ำเต้าหู้และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง มีงานวิจัยหนึ่งที่สนับสนุนคุณประโยชน์ของโปรตีนถั่วเหลืองเช่นกัน แต่นำเสนอในด้านที่แตกต่าง คือ การทดลองให้ผู้ป่วยกลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome)บริโภคโปรตีนถั่วเหลืองในปริมาณแต่น้อยเพียง25กรัม ทุกวัน ผลคือกลุ่มทดลองได้บริโภคโปรตีนถั่วเหลืองปริมาณ25กรัม ทุกวัน เป็นเวลา90วัน โดยไม่พบผลข้างเคียงในการทดลองนี้ และยังเป็นประโยชน์ในทางรักษา คือ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มไขมันดี (HDL)ในผู้ป่วยกลุ่มอาการเมตาบอลิกอีกด้วยค่ะ พูดง่ายๆคือน้ำเต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีนและฮอร์โมนเอสโตรเจน น้ำเต้าหู้ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลังและขจัดความอ่อนแอให้กับร่างกาย ลดสารตะกั่วในเลือดช่วยป้องกันตับไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายและยังช่วยให้เมทาบอริซึมในร่างกายเผาพลานทำงานดีขึ้นแนะนำผู้สูงอายุดื่มบ่อยๆจะช่วยไม่ให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัวหรือโรคกระดูกพรุนได้ง่ายอีกด้วยนะคะขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1