งานหนัก ใจยังไหว ร่างกายไหวไหม ?

HEALTHY LIFESTYLE

งานหนัก ใจยังไหว ร่างกายไหวไหม ?

26 เม.ย. 2023

            คนทำงานบางคนอาจเจองานหนักบ้าง เบาบ้างไม่เหมือนกัน แต่ทราบไหมคะว่าคนที่ทำงานหนักจะเกิดความเครียดสะสม ซึ่งเจ้าความเครียดนี่เหละค่ะ เป็นสาเหตุของหลายโรคเลยนะคะ เรามาเรียนรู้ลักษณะของคนที่ 'ทำงานหนัก' เกินไปกันดีกว่าค่ะ
 

1.ปวดตาและตาแห้ง

            คนที่ทำงานหนักมักจะมีความเครียด ทำให้ตับเสียสมดุล ดวงตาเป็นประตูแห่งตับ เมื่อตับร้อน จะทำให้ปวดตา ตาร้อน และตาแห้งได้ แพทย์แผนจีนแนะนำให้เอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนแล้วประคบไว้บริเวณดวงตาประมาณ 30 นาทีค่ะ

 

2.เจ็บคอ เสียงแหบ

            การทำงานหนักนั้นจะทำให้ใจร้อน เร่งรีบ แล้วร่างกายจะร้อนตามหัวใจไปด้วย คนที่ทำงานหนักมักจะเจ็บคอ หรือเป็นแผลในปากได้ง่าย แพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งนะคะ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ค่ะ
 

3.ปวดหัว มึนหัว
            ความเครียด ทำให้ตับขาดสมดุล เมื่อตับขาดสมดุลก็จะเกิดความร้อนที่ตับ ความร้อนมีลักษณะที่พุ่งขึ้น ทำให้รู้สึกปวดหัว หรือมึนหัวได้ง่าย แพทย์แผนจีนแนะนำให้ใช้นิ้วมือนวดด้วยตัวเองบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ท้ายทอย และขมับ สัก 30 นาที จะช่วยผ่อนคลายอาการปวดหัวได้ค่ะ

 

4.กล้ามเนื้อบริเวณไหล่แข็งกว่าปกติ
            อาการนี้เป็นผลจากการนั่งท่าเดียวนานๆ ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี และเกิดการเกร็งบริเวณไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งกว่าปกติ แนะนำให้นวด หรือไม่ก็ลองจัดกระดูก ฝังเข็มค่ะ


5.รับประทานอาหารมากกว่าปกติ
            ภาวะเครียดจะทำให้เรารับประทานอาหารมากเป็นพิเศษ ตามหลักแพทย์แผนจีนนั้นเมื่อม้ามอ่อนแอจะทำให้ไฟในกระเพาะมากขึ้น ไฟมากก็เผาพลาญแรง ทำให้กินอาหารไม่อิ่ม และอยากกินเรื่อยๆ ข้อนี้อาจต้องใช้ยาทานเข้าช่วยปรับสมดุลในร่างกายค่ะ

 

6.ความจำลดลง
            การทำงานหนักจะเผาพลาญพลังของร่างกาย โดยส่วนใหญ่แล้วพลังนี้จะมาจากไต พลังไตเป็นพลังที่หล่อเลี้ยงสมอง หากพลังไตโดนใช้ไปหมด พลังไตก็จะขึ้นไม่ถึงสมอง ทำให้ความจำเราลดลง แพทย์แผนจีนแนะนำให้นั่งสมาธิ ช่วยได้ค่ะ
 

7.หงุดหงิดง่าย
            หงุดหงิดง่ายอันนี้ปกติค่ะ ใครทำงานหนักแล้วไม่หงุดหงิด นับถือจริงๆ ความหงุดหงิดเกิดมาจากความเครียดที่สะสม อาการนี้ตามหลักแพทย์แผนจีนเรียกว่า 'พลังตับติดขัด' แบบว่ามันแน่นอก ต้องยกออก เป็นบ่อยกับคนที่เครียด วิธีแก้อาจจะต้องปล่อยวาง หรือกินยาปรับสมดุล ลดไฟในตับค่ะ


8.ร่างกายรู้สึกเหนื่อยง่าย
            เหนื่อยง่ายมาจากสาเหตุที่ร่างกายทำงานหนัก ใช้พลังจนหมด ในทางแพทย์แผนจีน เมื่อพูดว่าพลัง ก็คือ'ชี่' ถ้าพลังชี่อ่อนแอ หรือใช้จนหมด ก็เหมือนแบตเตอรี่ที่เหลือไฟแค่ขีดเดียว รอเวลาชาร์ต ซึ่งแพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มชา หรือซุปที่มีส่วนผสมของโสมอเมริกา เพราะสรรพคุณเป็นยาบำรุงพลังและหยิน หรือว่าทานยาปรับสมดุลก็ได้เช่นกันค่ะ

            เราต่างต้องทำงานหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว สุขภาพของเราย่อมสำคัญที่สุด ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ ขอให้มีความสุขกับการทำงานค่ะ หรือจะเปิด Green Wave เป็นเพื่อนระหว่างทำงาน ช่วยลดความเครียดได้นะคะ ^^

 

ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม

Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

31 ส.ค. 2022

เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

ทุกครั้งที่ปิดประตูบ้านจะเกิดคำถามว่า … เอากุญแจออกมารึยังนะ ?พอลงจากรถ จะเกิดคำถามว่า ล็อกรถรึยังนะ?เวลานั่งเม้าท์มอยกับเพื่อน สักพัก…จะถามตัวเองว่า เมื่อกี้จะพูดว่าอะไรนะ?ลืมนั่น! ลืมนี่! ลืมไม่ไหว! อาการขี้หลงขี้ลืมในเรื่องเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่เยอะ ถือว่ายังไม่เป็นโรคสมองเสื่อมค่ะ แต่อย่างไรก็ตามควรรู้สาเหตุและรีบแก้ไข เพราะอาจจะส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้ซึ่งสาเหตุมีดังนี้ค่ะ1. เกิดจากการนอนไม่เพียงพอ 6-8 ชม.ต่อวัน ทำให้เกิดอาการมึนหัว ตาไม่สว่าง สมองไม่ปลอดโปร่ง2. เหนื่อยสะสม ทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้พักผ่อน3. ความเครียด เวลาเราอยู่ในภาวะเครียด เราเองจะลืมบทสนทนาไปโดยฉับพลันได้4. โรคซึมเศร้า เพราะความปกติของสารในสมองมีผลต่อความจำและความคิดได้เช่นกัน และเมื่อเป็นซึมเศร้าจะ ทำให้ความสนใจในเหตุการณ์ปัจจุบันนั้นลดต่ำลง5. ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นปัญหาของวัยรุ่น Productive ที่ต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่าง คิดอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ทำให้ไม่มีสมาธิและโฟกัสเท่าที่ควร6. ไม่ออกกำลังกาย อาจจะมีผลทางอ้อม คือร่างกายไม่ค่อยได้รับออกซิเจน ทำให้สมองไม่ได้รับออกซิเจนไปด้วย7. การกินยาบางชนิด ยาในกลุ่มแอนตี้โคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) ยากลุ่มนี้จะเข้าไปขัดการทำงานของสารสื่อประสาทด้านความจำ *ในกรณีนี้หากเกี่ยวกับยาที่จำเป็นต้องทาน เมื่อเกิดอาการหลงลืมจนกระทบกับชีวิตประจำวัน แอดแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ให้ยาค่ะ เพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องหากเราไม่ได้มีพฤติกรรม 7 อย่างข้างบน แล้วยังมีอาการหลงลืมล่ะ?ภาพจาก : freepik.comงั้นมาสังเกตกันค่ะ ว่าอาการเบื้องต้นของโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย มีอะไรบ้าง1. ลืม วัน เดือน ปี ลืมนัดสำคัญหรือบางคนถึงขั้นลืมวันเกิดตัวเอง2. บุคลิกภาพเปลี่ยน เช่น พูดไม่ได้ใจความ บางครั้งพูดติด ๆ ขัด ๆ หรือพูดซ้ำ ๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารกับคนรอบข้างถดถอยลง3. การตัดสินใจแย่ลง การตัดสินใจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือต้องใช้เวลานานในการตัดสินใจ4. มักเกิดความผิดพลาดในการกะระยะ การบอกสี ซึ่งเป็นปัญหามากถ้าผู้ป่วยต้องขับรถ5. ภาวะเครียด ซึมเศร้า แยกตัวออกจากสังคม6. ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ไม่มีสมาธิ กระวนกระวาย ย้ำคิดย้ำทำ หากคุณเริ่มมีอาการข้างต้นนี้ แอดแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาค่ะ โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ที่ยังมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ ทั้งเรื่องของการงาน และการเข้าสังคม หากปล่อยไว้อาจกระทบกับชีวิตประจำวันระยะยาวได้นะคะส่วนถ้ามีอาการหลงลืมเล็ก ๆ น้อย ๆ แนะนำให้ปรับพฤติกรรม นอนหลับให้เพียงพอ 6-8 ชม.และลดความเครียด พักทำกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เช่นวาดรูป ร้องเพลง หรือการฟังเพลงที่ Green Wave 106.5 FM ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้นะคะที่มา https://bit.ly/3C8hmo8ที่มา https://www.mangozero.com/forgetfulness-in-teens/

รู้หรือไม่? น้ำเย็นทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง

21 ม.ค. 2022

รู้หรือไม่? น้ำเย็นทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง

รู้หรือไม่? น้ำเย็นทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงอากาศร้อนๆอย่างนี้จะไม่ให้ดื่มน้ำเย็นได้อย่างไร?คนไทยชอบมากกับการดื่มน้ำเย็นไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบน้ำเปล่า น้ำอัดลมไอศกรีม ที่สำคัญชอบใส่น้ำแข็งเสริมให้เย็นเร็วขึ้นน้ำเย็นไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายถ้าเรารู้ว่าน้ำเย็นมีผลเสียกับร่างกายอาจจะไม่อยากดื่มสังเกตุได้จากคนอายุมากจะชอบดื่มน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็นเพราะอะไรเราไปหาคำตอบกันค่ะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นจัดในเวลาอันรวดเร็วอาจทำให้เกิดอาการBrain freezeหรืออาการเย็นจี๊ดขึ้นสมองปวดศีรษะไปชั่วขณะได้(คนที่เป็นโรคไมเกรนจะมีโอกาสเกิดอาการนี้ง่ายกว่าคนปกติ)โดยเป็นกระบวนการของสมองที่สั่งการส่งเลือดมาไหลเวียนที่หลอดเลือดบริเวณที่เย็นจัดอย่างเฉียบพลันเพื่อทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นอุ่นขึ้นและขยายหลอดเลือดให้ใหญ่ขึ้นจนไปกระตุ้นประสาทส่วนที่รับรู้ถึงความเจ็บปวดไปด้วยจึงเกิดเป็นอาการปวดศีรษะโดยฉับพลันนั่นเอง แต่ไม่ต้องห่วงค่ะอาการนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีและไม่ส่งผลระยะยาวต่อร่างกายใดๆทั้งสิ้นแต่หากจะพูดถึงอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวในแพทย์แผนจีนพบว่าการดื่มน้ำเย็นเป็นประจำทำให้ไตกระเพาะปัสสาวะม้ามกระเพาะอาหารทำงานหนักและขาดสมดุลค่ะการดื่มน้ำเย็นเป็นประจำในผู้สูงอายุอาจจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น เพราะแพทย์แผนจีนจะกล่าวถึงความเย็นกระทบไตหยางทำให้ปัสสาวะบ่อยและอั้นปัสสาวะไว้ได้ไม่นานปัสสาวะจะเยอะกว่าคนปกติปวดหลังปวดเอวบ่อยๆ เมื่อไตหยางอ่อนแอไตตั้งอยู่บริเวณเอวจะทำให้เมื่อยหลังเมื่อยเอวตลอดเวลาเข่าอ่อนขาไม่มีเรียวแรงปวดเมื่อยตามร่างกายโดยเฉพาะตามข้อต่างๆเช่นเข่าศอกข้อนิ้ว เพราะความเย็นในน้ำเย็นทำให้กระเพาะอาหารและม้ามอ่อนแอม้ามคุมกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายถ้าหากม้ามอ่อนแอลง จะมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อแนะนำให้ประคบร้อนทำให้กล้ามเนื้ออุ่นขึ้นจะช่วยลดปวดได้ค่ะท้องอืดท้องเฟ้อย่อยอาหารได้ช้าลง ไขมันในอาหารจับตัวเป็นไขกระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้นใช้เวลาย่อยนานขึ้นในแพทย์แผนจีนจะพูดถึงเรื่องม้ามและกระเพาะอาหาร มีความอ่อนแอลงทำให้การย่อยได้ช้าเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้ออาหารไม่ย่อยหลักแพทย์แผนจีนการดื่มน้ำเย็นจะทำให้พลังหยางในร่างกายลดลงจะทำให้หนาวง่ายปัสสาวะบ่อยมือเท้าเย็นด้วยนะคะแนะนำให้หลีกเลี่ยง ไม่ควรดื่มมากเกินไปควรดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องแทนการดื่มน้ำเย็นจัดและควรรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำควบคุมอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อปรับการทำงานของอวัยวะภายในช่วยให้ไตม้ามกระเพาะแข็งแรงยิ่งขึ้น เมื่ออวัยวะในร่างกายแข็งแรงจะช่วยให้เราสู้กับโรคที่เข้ามาโจมตีเราได้ค่ะขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะFacebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’GirlMusic Travel Lover

เติมความหวาน กับ 5 ร้านโกโก้เข้มข้น

18 ก.ค. 2022

เติมความหวาน กับ 5 ร้านโกโก้เข้มข้น

“ความหวาน ในใจฉันเหมือนมันต่ำไป” ไปเติมกันหน่อยดีกว่าค่ะ วันนี้กรีนเวฟมีร้านโกโก้มาให้ทุกคนเลือกไปเติมความหวานกัน ขอบอกนะคะว่าโกโก้นอกจากเป็นเครื่องดื่มและขนมที่แสนอร่อยแล้วยังมีประโยชน์มาก ๆ เพราะมีสารที่มีประโยชน์เต็มไปหมดเลยค่ะ ช่วยให้คลายเครียด และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงด้วย แต่ละร้านที่กรีนเวฟเลือกมาฝากขอบอกว่าคับแก้วมากๆมาค่ะ ไปเริ่มกันที่ร้านแรกกันเลย1. Butter UP Cafeคาเฟ่ขนมหวาน กาแฟ และเครื่องดื่มในบรรยากาศแสนอบอุ่น ย่านเมืองทองธานี มีเมนูโกโก้เข้มข้น พร้อมขนมที่คนรักช็อคโกแลตจะต้องหลงรัก กับ Salted caramel chocolate tart ทาร์ตช็อคโกแลต แป้งโฮมเมด บางกรอบ สอดไส้ด้วยซอลท์คาราเมล และช็อคโกแลตกานาช ทานคู่กับโกโก้ ฟินมากค่ะที่อยู่ : ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 29 เข้ามา 100 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ ตรงสามแยกเวลาเปิด – ปิด : 09:00 - 19:00 น. ปิดวันพุธโทรศัพท์ : 099-4247996ขอบคุณภาพจาก : https://www.facebook.com/butterupcafe/2. Under Black Coffeeคาเฟ่สไตล์เท่ๆ กับโกโก้เข้มๆ ที่ทางร้านนำมากจากจังหวัดเชียงราย จะทำให้คุณได้พบกับช็อกโกแลตไทย ที่มีคุณภาพ และพบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ กับรสชาติไปทาง ผลไม้สด ดอกไม้ ไวน์และมีถั่วเล็กน้อย ทำให้เครื่องดื่มออกมาสดชื่น ไปลองชิมกันได้นะคะมี 3 สาขาค่ะ ทาวน์อินทาวน์, ลาดพร้าว, เกษตร-เสนาที่อยู่ : ทาวน์อินทาวน์, ลาดพร้าว, เกษตร-เสนาเวลาเปิด – ปิด : 07.00-19.00 น.โทรศัพท์ : ทาวน์อินทาวน์ 093-5424655, ลาดพร้าว 101 063-5544991,เกษตร-เสนา 095-4466224ขอบคุณภาพจาก: https://www.facebook.com/UnderBlackCoffee/3. Midnight A Cocoaร้านโกโก้ขวัญใจคนนอนดึก มาพร้อม 3 ระดับให้เลือกตามความเข้มข้น กับ 3 สาขาให้ไปเลือกเติมความหวาน เจริญกรุง 86, สายไหม หทัยราษฎร์7, สี่เเยกบ้านเเขก ที่มาพร้อมสโลแกน “ความสุข คือ กำไร จ่ายแบงก์ 50 คือ จุดขาย” คุณผู้ฟังคนไหนเลิกงานดึกๆ แวะไปเติมความหวาน ให้หายเหนื่อยได้ตามสาขาใกล้บ้านเลยนะคะที่อยู่ : เจริญกรุง 86, สายไหม หทัยราษฎร์7, สี่เเยกบ้านเเขกเวลาเปิด – ปิด : 20.00-24.00 น.โทรศัพท์ : 080-0766767ขอบคุณภาพจาก: https://www.facebook.com/midnightacocoa4. Frank Cake Barร้านโกโก้ดังย่านอารีย์ ทางร้านใช้ผงโกโก้นำเข้าจากยุโรป มีให้เลือก 2 สูตร สูตรแรก ออริจินัล โกโก้มีความหวานกลาง(25%) รสชาติทานง่าย สำหรับทุกเพศทุกวัย ส่วนดาร์คโกโก้ ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยการถอดความหวานและเพิ่มปริมาณโกโก้ ทำให้มีลักษณะเหนียวหนืดกว่าและไม่มีความหวานเลย(0%) ถูกใจสายโกโก้เข้มข้นเลยค่ะที่อยู่ : 46 ซ.อารีย์ 1 สามเสนใน พญาไท กทมเวลาเปิด – ปิด : 9:30-18:00โทรศัพท์ : 088-5770502ขอบคุณภาพจาก: https://www.linktr.ee/frankcakebar5. โกโก้ร้านไอ้ต้นร้านนี้มีความเข้มข้น 3 ระดับให้เลือกค่ะ เริ่มตั้งแต่ “ละอ่อน”สำหรับคนที่ชอบทานโกโก้เข้มๆ แต่ก็ยังรักในความหวาน, “เข้ม” จะมีความขมมากกว่าระดับแรก แต่ก็ยังมีความหวาน เหมาะสำหรับสายกลาง และ “โคตรเข้ม” สำหรับท่านที่ชอบความขม เข้มของรสชาติโกโก้ ความหวานจะน้อยลงกว่าเดิม สายเข้มห้ามพลาดเมนูนี้ค่ะที่อยู่ : สายไหม, เจริญกรุง86, สี่แยกบ้านแขกเวลาเปิด – ปิด : 17.00-22.00 น. ปิดทุกวันจันทร์โทรศัพท์ : 088-3381788, 081-4560172ขอบคุณภาพจาก: https://www.facebook.com/cocoaiton/เติมความหวาน กับ 5 ร้านโกโก้เข้มข้นแล้ว อยากได้เพลงหวานๆเพิ่ม ขอได้ที่ https://atime.live/greenwave/live และ App Atime Fungfin ได้เลยนะคะ เพลงดีดี กับความรู้สึกดีดีรอคุณอยู่ที่ Green Wave 106.5 fm ค่ะ ^^Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

ตดเหม็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย อาจจะมีอันตรายกับลำไส้

13 ม.ค. 2023

ตดเหม็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย อาจจะมีอันตรายกับลำไส้

ตดเหม็นอันตรายไหมการผายลม หรือ การตด ฟังดูแล้วเป็นเรื่องน่าอาย และน่าขบขันไม่น้อย แต่มันก็เป็นเพียงกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย ในการขับไล่ลมหรือแก๊สผ่านลำไส้ใหญ่เท่านั้นค่ะ ทุกครั้งที่เรากินอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งพูดคุยทั่วไป เรากลืนอากาศเข้าไปด้วย การตดในชีวิตประจำวันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่หลายคนก็ยังคงมีข้อข้องใจว่า ตดบ่อยแค่ไหนเรียกว่าปกติ? ตดดัง และเหม็นเป็นสัญญาณอันตรายเกี่ยวกับสุขภาพหรือไม่? บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหาการผายลมเหล่านี้เองค่ะตดบ่อยแค่ไหน เรียกว่าปกติ? โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีร่างกายอุดมสมบูรณ์และแข็งแรงดี จะตดประมาณ 14 - 23 ครั้งต่อวัน เมื่อใช้เกณฑ์นี้เป็นตัววัดแล้ว การผายลมที่มากกว่า 23 ครั้งภายในหนึ่งวันถือว่าผิดปกติค่ะ โดยความผิดปกตินี้อาจเกิดจากการรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊สในร่างกายมากเกินไป เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ชีส กระหล่ำปลี หัวหอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม หรืออาจเกิดจากภาวะความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งภายในร่างกายการผายลมบ่อยมากเกินไปนั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกสุขภาพภายในได้เป็นอย่างดี ซึ่งภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการผายลมมีด้วยกันดังนี้ค่ะ• โรคมะเร็งลำไส้• โรคลำไส้แปรปรวน• ระบบดูดซึมอาหารทำงานผิดปกติ• การแพ้อาหารที่มีส่วนประกอบของแลคโตส (lactose) เช่น นมวัวและโยเกิร์ต• ภาวะที่เกี่ยวของกับกระเพาอาหาร เช่น การที่อาหารเป็นพิษ เราควรหมั่นนับจำนวนครั้งที่เราผายลมในแต่ละวัน เพื่อสังเกตการทำงานที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้ หากมีการผายลมที่บ่อยครั้งเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สได้ง่าย แต่หากยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และหาทางแก้ไขอย่างเร็วที่สุดนะคะตดดังและตดเหม็น อันตรายหรือไม่?การผายลมที่มีเสียงดัง เกิดจากการที่แก๊สถูกขับออกมาด้วยแรงดันอากาศหรือแรงเบ่งที่สูงมาก หรืออาจเกิดจากการที่แก๊สต้องแทรกตัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดที่บีบตัวแน่น เสียงที่มาพร้อมกับการผายลมจึงไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติอะไร ส่วนกลิ่นตดนั้น ขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่แล้วอาหารจำพวกโปรตีนจะก่อให้เกิดแก๊สที่มีกลิ่นเหม็นมาก เช่น อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่ ชีส และนม รวมไปถึงถั่วชนิดต่างๆด้วย อีกทั้งแก๊สเหล่านี้ต้องเดินทางผ่านลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอาหาร และกากอาหารที่ถูกย่อยสลายแล้ว จึงมีกลิ่นเหม็นเป็นธรรมดาและไม่ถือว่าเป็นสัญญาณของความผิดปกติของสุขภาพแต่อย่างใด ในแพทย์แผนจีนการที่ตดบ่อย และมีกลิ่นเหม็นมากๆนั้น คืออาการของลำไส้ กระเพาะอาหาร ม้ามทำงานไม่ดี กลิ่นเหม็นยิ่งมาก มักจะมาจากความร้อนชื้น การที่จะลดความร้อนชื้นได้นั้น เราไม่ควรรับประทานเนื้อสัตว์เยอะ ไม่รับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน พยายามดื่มน้ำมากๆ ก็อาจจะช่วยลดอาการตดเหม็นได้ค่ะ ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1