หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง

30 พ.ค. 2025

หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน

ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง

อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง ตอนนี้ Performance การทำงานของหนูไม่คืบหน้าเลย

เพราะหลายๆเรื่องโดนขัดโดยการตัดสินใจของหัวหน้าทั้ง 2 เจอแบบนี้ทุกวันบั่นทอนสุดๆ ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงคะ?

                “คุณเมย์ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 พ.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาหัวหน้าสองคนมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่คุยกันเลย เราที่เป็นคนกลางก็หนักใจ

                โดย “คุณเมย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีหัวหน้าสองคน ซึ่งมี direction ไม่ตรงกัน แต่ที่ต้องมีหัวหน้าสองคนเพราะเริ่มแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ หนูอยู่ภายใต้หัวหน้า A มาตลอด 1 ปี แต่เมื่อบริษัทมีการปรับผังองค์กร ก็เลยได้มาอยู่ภายใต้หัวหน้า B ซึ่งก็จะอยู่ภายใต้หัวหน้า A อีกทีนึง ประเด็นคือเขาไม่คุยกัน จะให้เมย์คุยแทนตลอด เดิมทีหัวหน้าสองคนนี้สนิทกันมาก แต่เคยมีปัญหาเรื่องการทำงานทำให้เกิดจุดแตกหักกันตั้งแต่นั้นมา ปกติหัวหน้า A จะคุยกับหัวหน้าคนอื่น ๆ เยอะมาก แต่กับหัวหน้า B คนนี้ คุยกันนับครั้งได้ ซึ่งก็อาจจะไม่ถึง 20 ครั้ง/ปี

                เวลาเขามีความเห็นไม่ตรงกัน การตัดสินใจอาจจะมาจากตรรกะของเขาจริง ๆ บ้างหรือบางครั้งก็มีความอคติที่อยากจะค้านในเรื่องนี้ด้วย แต่เขาจะกันไม่ค้านต่อหน้า ถ้าเมย์รู้สึกว่าอยากจะให้เขาไปคุยกันจังเลย เขาก็จะตอบกลับว่า "พี่ไม่คุย เธอไปคุย" งานมันก็เลยจะหนักมากขึ้น ปกติถ้าคนอื่นทำงานเสร็จภายใน 1-2 ชั่วโมง ของหนูจะเป็น 3-4 วันเพื่อให้มันจบ เพราะจะต้องแก้งานไปเรื่อย ๆ จากตอนแรกแก้ผ่าน A พอไป B ก็โดนตีกลับมา พอตีกลับมา A ก็บอกว่าไม่เอา ให้ทำใหม่ มันก็เลยหนักขึ้นมาก ๆ แต่หนูก็ทำงานนี่มา 1 ปีแล้ว

                ตอนนี้เรื่องราวไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่หัวหน้า A และหัวหน้า B แต่ถึงขั้น C Level แล้วด้วย ซึ่งตัวงานของหนูจะต้องผ่านหัวหน้า B-A-C ตามลำดับ หนูเคยคุยกับ B และ C เรื่องPerform ตก แต่เขาจะมองภาพรวมขององค์กรเป็นหลัก ถ้าเขาเห็นว่าหนูทำไม่ได้เท่าคนอื่น เขาจะไม่ถามถึงเหตุผลแต่เขาจะมองว่าทำไมหนูถึงทำไม่ได้ ซึ่งหนูเคยพยายามบอกไปแล้วว่างานหนูโหลดมากถ้าเทียบกับคนอื่น และงานของหนูก็พิเศษกว่าคนอื่นไปอีกขั้นหนึ่ง ทำให้ปัญหาที่ต้องแก้ก็มีมากกว่าคนอื่น หนูเคยเสนอ solution ไปแล้ว เพราะหนูจะได้ทำงานสะดวกขึ้น แต่ก็ต้องผ่านการ approve กับหัวหน้า B และ A ก็ทำให้หนูไม่ผ่านสักทีเพราะเขารู้สึกว่าเรายังทำได้ หนูก็เลยรู้สึกว่าทำไมอยู่ยากจัง หนูเครียดมากเลยเพราะหนูโดนความคาดหวังที่สูงกว่าคนอื่น เขามองว่าหนูมีความสามารถ ซึ่งจากตำแหน่งเดิมหนูก็ทำได้ดีเลย ไม่ได้แย่ แต่ตรงนี้ถ้าหนูมีพื้นที่ให้ทำงานเหมือนคนอื่นก็พอจะทำได้ พอเขามองว่าทำไม Performance หนูไม่ออกสักที หนูก็เครียด ก็เลยอยากถามว่าพี่ ๆ ว่า ถ้าเป็นพี่ ๆ จะลาออกเลยไหมทั้งที่ยังไม่มีงานรองรับ’

                ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ก่อนจะตัดสินใจออกจากงาน พี่จะต้องให้คนในบริษัทได้รับรู้ก่อนโดยเฉพาะหัวหน้า C ถึงแม้เขาจะมองภาพรวม แต่พี่ก็จะบอกเหตุผลไปว่าทำไม Performance เราถึงร่วงลง แล้วก็จะเล่าปัญหาเรื่องคนสองคนที่ความคิดเห็นไม่ตรงกันให้เขาฟัง เพราะพี่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนี้จริง ๆ แต่ถ้าหากถูกเมินเฉย ปัญหายังคงไม่ถูกแก้ไข ทำงานต่อไปพี่ว่าหนูคงจะได้ชาเลนจ์ตัวเองทุกวันเลย และมัน Uncomfort เกินไป พี่ก็ห่วงว่า ถ้าเมย์เจอเรื่องแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ประสิทธิภาพในการทำงานของเมย์ก็จะพินาศเหมือนกัน สุดท้ายพี่ก็จะประเมินตัวเองว่าพี่มั่นใจขนาดไหนที่จะออกไปหางานทำข้างนอก ถ้ามั่นใจว่าเก่งจริงพี่ว่าก็ออกมาเลย’

                ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘บริษัทส่วนใหญ่ก็จะมี HR เอาไว้จัดการปัญหาเหล่านี้ ตอนนี้ HR จะต้องลงมาแก้ไขปัญหานี้แล้วเพราะเขาต้องบริหารทรัพยากรบุคคล แต่ถ้าเมย์บอกว่า HR ที่นี่ไม่แข็งแรงก็ออกมาเถอะ เพราะการที่บริษัทนึงมีบุคคลที่ไม่ดี เรายังมีสิทธิ์ที่จะเติบโตไปแทนได้ แต่ถ้าบริษัทมีโครงสร้างโดยรวมที่ไม่ดี ก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไมเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกงานใหม่ที่ดีกับเราเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนอยู่ในโหมดเอาตัวรอดแล้ว เพราะสิ่งที่เมย์แบกไว้มันกำลังกลับมาทำให้เมย์เดือดร้อนเอง พี่มองว่าถ้าจะมีคนไหนมาช่วยเราได้ต้องเป็น HR แต่ถ้า HR ยังช่วยไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าบริษัทนี้จะดูแลคนที่ทำงานให้เขาได้อย่างไร เขาต้องได้รู้ว่า ปัญหาของคนระดับสูงทำให้คนที่อยู่ในส่วนปฎิบัติการทำงานไม่ได้ เขาต้องจัดการบางอย่าง ปล่อยไว้แบบนี้บริษัทก็ตายอยู่ดี สุดท้ายแล้วเมย์ต้องคำนึงถึงตัวเองเป็นหลักเพราะบริษัทถ้าไม่มีเราเขาก็หาคนอื่นมาแทนได้ แต่อนาคตของเรา เราควรเป็นคนที่ต้องดีไซน์ออกมาเอง อยู่ที่ไหนแล้วแย่ลงก็อย่าไปอยู่ อยู่ที่ไหนและเจริญเติบโตก็ไปอยู่ได้’

                สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แนะนำวิธี Survival ให้เข้าทาง A แล้วค่อยจัดการ B เพราะ A ใหญ่กว่าเราก็เป็นลูกสมุน A ไปเลย ใช้คำสั่งของ A มาสั่ง B อีกทีนึง ถ้าเกิดปัญหาก็บอกว่า A Approve แล้วให้ไปคุยกับ A เอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

27 พ.ย. 2023

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้านไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้าย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น!ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลาเขาเหลือเราแค่คนเดียว ถ้าไม่อยากคุยกับป้าจะดูแย่รึป่าว... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาครอบครัวที่พ่อกับป้าระหองระแหงกัน จนทำให้รู้สึกลำบากใจ โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนแรกบ้านหนูอยู่กัน 5 คน คือ หนู , พ่อ , แม่ , คุณป้า (พี่สาวพ่อ) และน้องชาย ทีนี้เหมือนความสัมพันธ์ของป้ากับพ่อแม่ไม่ค่อยดีมานานแล้ว มีเหตุการณ์ที่พ่อว่าป้าแรง ๆ ทำให้วันนั้นป้าขอออกจากบ้านไป ซึ่งหนูเป็นคนกลาง ประกอบกับหนูก็สนิทกับป้าที่สุดในบ้าน ป้าเขาก็เลยจะคอยมาเล่าเวลาพ่อกับแม่ทำอะไรไม่โอเค หรือบางทีพ่อกับแม่ทำอะไรที่ไม่โอเคกับเขา เขาก็จะเอามาเล่าให้หนูฟัง หลังจากที่เขาออกจากบ้านหนูไป ป้าเขาก็ย้ายออกไปอยู่กับพี่สาวแท้ ๆ ด้วยกันอีกคนนึง แต่เหมือนอยู่ไม่ได้ เขาอยากกลับมาอยู่ที่บ้านมากกว่า เขารอพ่อมาง้อแต่พ่อหนูเขาก็ไม่ไปง้อ เพราะพ่อบอกว่า “ป้าเขาออกไปเอง ไม่ได้ไล่” ต่อจากนั้นป้าเขาก็ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว เป็นเหมือนหอพัก ก็ตามสไตล์คนแก่เขาไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนตลอด 60 ปี พอไปอยู่ก็เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ก็เลยไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชมาเดือนนึง ทีนี้พอออกมา เขาก็พูดว่า “ถ้าเขาอยู่ไม่ได้อีก จะยอมไปอยู่โฮมแคร์ (บ้านพักคนชรา) แล้ว” เพราะว่าตอนแรกหนูอยากให้เขาไปอยู่โฮมแคร์มากกว่า อย่างน้อยมันก็มีคนดูแล แล้วสุดท้ายพอออกมาประมาณ 1 เดือนก็อยู่ข้างนอกไม่ได้ เลยยอมไปอยู่โฮมแคร์ ช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาพึ่งออกไปจากบ้าน และก็ก่อนที่จะไปเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ป้าเขาจะโทรหาหนู มาว่า มาด่าพ่อกับแม่ให้หนูฟังทุกวัน แทบจะตลอดเวลาเลย ทำให้หนูรู้สึกเครียดและไม่อยากจะรับสายเขา แต่พอเขาย้ายเข้าไปอยู่โฮมแคร์ เหมือนเขาก็บอกว่ามันก็โอเคนะ แต่พออยู่มาได้ซักพักนึงป้าเขาก็บ่นว่าอยากออกแล้ว เพราะเหมือนเค้ามีปัญหากับคนในนั้น ตอนนี้เขาบอกว่าอยากจะออกมาอยู่หอข้างนอกเหมือนเดิม แม่ก็เคยถามว่าอยากจะให้เขากลับมาอยู่มั้ย? ซึ่งก่อนหน้านี้หนูก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่ มันจะมีช่วงที่หนูไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน แล้วพอมาช่วงหลัง ๆ หนูมานั่งทบทวนดู คือทุกครั้งที่ป้าเขาเจอหน้าหนูจะต้องว่าพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ด่าให้หนูฟัง มันทำให้หนูรู้สึกไม่อยากคุยกับเขา แต่หนูก็รู้ว่าเขามีแค่เรา มันเลยเหมือน “คุยก็เครียด ไม่คุยก็เครียด” หนูอยากจะถามว่า “หนูควรที่จะเปลี่ยนความคิดตัวเองมั้ย คือเขาก็แก่แล้ว และหนูก็พยายามคิดว่าเขามีเราแค่คนเดียว” แต่ที่หนูไปหาจิตแพทย์ เขาก็บอกว่าให้เราเอาตัวเองเป็นหลักถ้าเรารู้สึกไม่ดี หนูเลยคิดว่า หรือว่าเขาควรจะอยู่ในโฮมแคร์ต่อมั้ย คือหนูอยากรู้ความคิดเห็นพี่ ๆเฉยๆ ว่าคิดยังไงกัน... ซึ่ง “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าเพิ่มเติมว่า ‘นิสัยอื่น ๆ ของคุณป้าก็นิสัยดี แต่แค่รู้ว่าเขาเป็นช่วงวัยทองเฉย ๆ ส่วนเรื่องที่มีปัญหากับที่โฮมแคร์ เหมือนว่ามีคนในนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงชอบเปลี่ยนผ้าอ้อมตอนที่คนอื่นเขากำลังกินข้าวกัน แล้วเหมือนกับว่าป้าหนูเขาก็ไม่พอใจเพราะมันเหม็น เจ้าหน้าที่ก็เคยพูดกับคนที่ติดเตียงคนนี้ไปแล้วว่า “ไว้ค่อยเปลี่ยนได้มั้ย” คนนั้นเขาก็ไม่ยอม ซึ่งคนที่ติดเตียงเขาอยู่มาก่อนเลยมีพรรคพวกในนั้นเยอะ ป้าหนูเขาเลยเหมือนทะเลาะและโดนรุม คือเขาบอกว่าเขาจะไม่ไปอยู่โฮมแคร์ที่ไหน ๆ อีกแล้ว เขาบอกว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่ว่าหนูมองว่า ถ้าเป็นราคาที่มันสูงกว่านี้ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอย่างงี้ แต่ว่าด้วยสถานะทางการเงินไม่ได้เอื้ออำนวยเราขนาดนั้น คือ คุณป้าจะมีพี่สาวของคุณป้าที่ให้เงินแต่ละเดือนทุกเดือนอยู่ ตอนแรกป้าหนูเขาจะใช้เงินที่เก็บไว้ แต่ว่าช่วงที่เขาไปอยู่กับพี่สาว แล้วพี่สาวเขาไม่โอเค ให้ออกอะไรแบบนี้ เขาก็โทรมาคุยกับพ่อหนูว่าเดี๋ยวจะให้เดือนละเท่านี้ ๆ นะ “พาป้ากลับไปได้มั้ย” เพราะพี่สาวป้าเขาก็พึ่งหายจากมะเร็ง ลูกเขาก็ไม่อยากให้เขาเครียดด้วย พ่อหนูเขาก็ไม่ค่อยอยากให้ป้ากลับมาอยู่บ้านเหมือนกัน เพราะเหมือนพ่อมองว่าป้าทำให้น้องชายหนูทำอะไรเองไม่เป็น แต่จริง ๆ หนูมองว่าปัญหามันก็เกิดจากทุกคนในบ้าน ซึ่งหนูไปอยู่หอตั้งแต่อายุ 13 ก็เลยไม่ได้สนิทใกล้ชิดกับคนในบ้านขนาดนั้น แล้วเหมือนแม่กับป้าก็สปอยน้องขั้นสุด จากที่หนูคิด ป้าหนูก็ช่วยน้องเกินไปจริง ๆ น้องหนูอายุ 21 ป้ายังช่วยจัดกระเป๋าไปมหาลัยให้อยู่เลย หรือแม้แต่ตอนนี้น้องหนูยังนั่งรถเมล์เองไม่เป็นเลย แต่ทุกวันนี้ที่ป้าไม่อยู่ น้องเขาก็ทำด้วยตัวเองเพราะหนูไม่ช่วย ก็เห็นว่าน้องก็ทำได้ “กำลังคิดว่าหนูมองเขาในแง่ร้ายเกินไปมั้ย ทำกับเขาแย่รึเปล่า ที่ไม่อยากรับสายเขา ไม่อยากคุยกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็เหลือเราแค่คนเดียว” ด้าน “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องที่ว่าหนูมองโลกในแง่ร้ายจนรู้สึกกับเขาแบบนั้น เท่าที่พี่ฟังมา ถ้าพฤติการณ์รอบข้างเป็นแบบนี้ ถ้าเขาไปอยู่ที่ไหนแล้วคนก็จะไม่อยากอยู่กับเขา แสดงว่าเขาก็คงจริง ๆ แหละที่ทำให้หนูรู้สึกแบบนี้ จนหนูต้องไปคุยกับคุณหมอ พี่ว่ามันมีมูลแหละ หนูคงไม่ได้อยากรู้สึกไปเอง เพราะตอนนี้เหตุการณ์มันก็ชัดเจนว่าไปอยู่กับใครก็มักจะมีปัญหา พี่คิดว่าน่าจะให้เขาไปอยู่บ้านพักคนชราเพราะกลัวว่าถ้าไปอยู่คนเดียวจะซึมเศร้าอีก แล้วมันอาจจะนานไปจนสายเกินแก้พี่ว่ามันมีผลกระทบเยอะกว่าการไปอยู่บ้านพักคนชรา คือตอนนี้มันอยู่ที่ว่าเขาปรับตัวกับคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเงื่อนไขในชีวิตเขา เขาไม่มีที่ไปแล้ว หนูก็ต้องคุยกับเขาให้ได้ว่าเขาจะต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ เพราะบ้านพักก็มีเพื่อน มีอาหารต่าง ๆ ให้ ซึ่งมันก็ดีกว่าการไปอยู่หอพักคนเดียว เราอาจจะต้องคุยกับเขาให้เขาเห็นว่าเราหวังดีกับเขา บอกเขาตรง ๆ’ ต่อมาเป็น “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ป้า ป้าต้องฟังนะป้าต้องทบทวนก่อนว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นในชีวิตป้าจนป่านนี้ ทำไมป้าถึงอยู่กับใครไม่ได้ ป้าต้องมีเวลาทบทวนตัวเองหรือคุยกับตัวเอง ไม่งั้นป้าจะย้ายที่จนไม่มีที่สิ้นสุด ป้าจะย้ายไปเรื่อย วันนี้ปัญหา คือ ป้าไม่สามารถอยู่กับใครได้ ป้ากำลังเล่นบทผู้ถูกกระทำ คนรอบข้างกระทำป้าทั้งหมด วันนี้ไหน ๆ ป้าอยู่บ้านพักคนชรา อยากให้ป้าทบทวนว่าเราสามารถปรับตัวอะไรได้บ้าง ป้าเป็นคนเก่ง ใช้ความเก่งของตัวเองในการปรับตัวให้อยู่กับคนอื่น มันไม่มีใครที่ทำอะไรถูกใจเราทั้งหมดหรอก แต่เราต้องอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้ เราต้องอยู่บนที่นี้ให้ได้ ฉะนั้นเราลองปรับเปลี่ยนตัวเองดูมั้ย ลองปล่อยวางดูมั้ย เผื่อว่าอะไรดี ๆ มันจะดีขึ้น บอกป้าเขาอย่างงี้ บอกให้ป้าได้คิด เพราะจากเสียงหนูแล้ว หนูเป็นคนที่ยอมป้าทุกอย่าง แล้วหนูเป็นคนที่แบบเหมือนเป็นฟูกให้กับป้า “มีอะไร ก็มาล้มทางนี้” นี่คือฟูกชิ้นสุดท้ายแล้วป้า ก่อนที่ป้าจะเสียหนูไปอีกคน เพราะหนูบอกแล้วว่าหนูไม่ต้องการพลังงานลบ หนูจะรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่ป้ายังอยู่ที่นี่อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ และมันก็เป็นประโยชน์กับชีวิตป้า แล้วพอป้าจะขอพูดเรื่องนั้น ให้บอกป้า หยุดดดดด! ไม่ต้องพูด ให้ป้าคิดก่อนว่าสิ่งที่ป้าจะพูดออกมานั้นคนอื่นเสียหายหรือไม่ ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ป้าพูด คนอื่นเสียหายป้าไม่ต้องพูดหรือลืมมันไป วันนี้ต้องการโทรแค่ “ป้ากินข้าวยัง สบายดีมั้ย” ต้องการแค่นี้ อยากได้แค่ความห่วงใยในมุมบวก เราควรมาแลกซึ่งกันและกัน และถ้าเกิดว่าป้าปรับตัวสามารถเข้ากับคนอื่นได้ วันนึงป้าอาจจะกลับมาอยู่ในบ้านเราก็ได้นะ แต่ถ้าเราไม่อยากให้เขากลับมาก็อย่าพูดประโยคนี้ออกไป’ และสุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาตัวเองให้รอดก่อน ยุคนี้เอาตัวเองให้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่ต้องกังวลอะไรก็ยากแล้ว ในเวลาแบบนี้เราจะแบกเขาไปได้ถึงไหน ก็คือจะดูแลไปตลอดเลยมั้ย ถ้าคุณหนูมีกำลังและสามารถดูแลได้ ก็ทำได้ตามความต้องการ แต่เท่าที่ฟังมาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ เราก็มีคุณพ่อคุณแม่ของเราที่เราจะต้องดูแล ช่วยเหลือเท่าที่เราจะช่วยเหลือได้ การที่ป้าไปอยู่โฮมแคร์แล้วเราก็ต้องช่วยเหลือ คือ เราก็ช่วยเหลือตรงนั้นได้ แต่หมายความว่าจะเอาเขามาอยู่ในชีวิตเราตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเวลาจะช่วยเหลือใคร เราเองก็ต้องสบายใจด้วย ถ้าเราไม่สบายใจเราจะมีกำลังไปช่วยเหลือเขาได้ยังไง ถ้าการมีอยู่ของเขามันทำให้เราสภาพจิตใจไม่ดีเลย แล้วมันดีจริง ๆ เหรอกับการที่หยิบยื่นมือไปช่วยเขาแล้วเราก็เจ็บเอง พี่เชื่อว่าการจะช่วยเหลือใคร ตัวเราต้องสบายใจก่อน สบายใจปุ๊บ จิตมันก็ดี เราก็มีกำลังที่จะช่วยเหลือกัน แต่เท่าที่ฟังดูเรื่องที่เปลี่ยนผ้าอ้อมตอนกินข้าวมันก็พอมีเหตุมีผลอยู่ แต่ว่าพอพิจารณาจากทั้งชีวิตเขาแล้ว มันก็น่าแปลกที่เขาจะมีปัญหาตลอดทางจริง ๆ แล้วก็เชื่อว่าต่อให้ด่าไปก็ไม่น่าเปลี่ยน คิดว่าด่าไป เขาก็จะงอนแล้วก็จะหาย สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มา 60 ปีแล้ว มันกลายเป็นตัวเขาไปแล้ว มันคงยากที่เขาจะเปลี่ยนแล้ว เขาไม่ได้เกิดมาพร้อมทัศนคติที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งถ้าเขาไม่เปลี่ยนและเราไม่ไหว ก็เอาเท่าที่เราไหว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

07 มิ.ย. 2024

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้วเราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิตย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา รู้สึกติดค้างไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย “คุณนิค (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [5มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักที่ความรู้สึกยังค้างคา โดย “คุณนิค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นเรื่องราวที่เราเคยถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไปนานมากแล้ว ซึ่งเรื่องมันจบไปแล้วแต่เรายังรู้สึกผิดอยู่ เริ่มจากเราเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมาก่อนตั้งแต่ม.ปลาย เค้าเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนแล้วก็ค่อยมาคบกับเราที่เป็นทอม เวลาที่เค้าทะเลาะกับเพื่อนเราก็จะอยู่ข้าง ๆ เค้าตลอด เค้าก็มักจะบอกกับเราว่า “อย่าทิ้งเค้าไปไหนนะ” เพราะเราเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเค้า จนจุดเปลี่ยนมันเกิดช่วงที่เราทั้งคู่เข้ามหาลัย เค้าสอบติดมหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด เราก็ไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่หลังจากนั้นได้ 2 อาทิตย์เค้าก็โทรมาบอกเลิกเราเลย ทั้งๆไม่มีสัญญาณอะไรและเราก็ไม่ได้เตรียมใจไว้เลย ซึ่งเหตุผลที่เค้าบอกเราคือเราขี้หึงเกินไป งี่เง่าเกินไป โทษความผิดให้กับเราหมดเลย เราเลยไปส่องเฟซบุ๊คของเค้า และสิ่งที่เราเจอคือเค้าโพสรูปคู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนคุยใหม่ของเค้า เราเลยโกรธเค้ามาก ไล่ลบรูปคู่ทั้งหมด บล็อกเค้าทุกช่องทาง แต่ด้วยความที่พี่สาวของเราเรียนที่มหาลัยเดียวกับเค้า เราเลยยังได้ทราบข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง หลังจากจบมหาวิทยาลัย แฟนเก่าเราประกาศแต่งงานทันที เราก็แอบรู้สึกช็อคนิดนึงแต่ก็รู้สึกว่ามันผ่านมานานมากแล้วทำไมถึงต้องไปคิดอีก แต่มันดันมีเรื่องบังเอิญที่ทำให้เราต้องไปเจอเค้าและภาพที่เราเห็นคือเค้ากำลังอุ้มลูกอยู่ เราตัวชา ทำตัวไม่ถูก เลยเลือกที่จะเดินสวนไป ผ่านไปสักพักเราก็ได้ยินข่าวคราวอีกทีคือเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งแม่และพี่สาวก็ไปให้กำลังใจเค้าและเหมือนจะดีขึ้น แต่สุดท้ายเค้าก็เสียชีวิต พอเราได้ยินแบบนั้นก็เหมือนโลกถล่ม สิ่งที่เราพยายามเกลียดเค้าหรือลืมเค้ามาโดยตลอดทำให้เราเสียศูนย์ไปเลย เราเลยขอแฟนคนปัจจุบันไปงานศพของเค้า และเราก็เสียใจที่คุยกับเค้าผ่านธูป และบอกกับตัวเองว่าทำไมเราไม่ทักไปคุยกับเค้า ทำไมเราถึงใจร้ายกับเค้า เราเลยกลับไปดูในเฟสบุ๊คคือเค้าไม่เคยลบรูปคู่กับเราเลย มันเลยยิ่งทำให้เราคิดว่าทำไมมีแต่เราที่มีทิฐิ และโกรธเค้าอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้เราต้องไปปรึกษาจิตแพทย์และกินยา แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงเค้าเราก็จะร้องไห้ตลอด เลยอยากจะถามพี่ ๆ ว่าเราผิดมั้ยที่ตอนเลิกกันเราบล็อกเค้าทุกช่องทาง และถ้าอยากเลิกคิดเรื่องนี้พี่ช่วยแนะนำมุมมองใหม่ให้ได้มั้ยคะเพราะเราจมปลักกับตรงนี้มานานมาเกินครึ่งปีแล้ว’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณนิคไม่ผิดที่บล็อกเค้าเพราะเค้าบอกเลิกเรา จริง ๆ สำหรับผู้หญิงเรื่องแบบนี้เค้าวางแผนมาแล้วว่าจะเลิก กะว่าไปถึงอีกจังหวัดเค้าจะหาวิธีบอกเลิก หรือเค้าอาจจะไปแล้วไปเจอใครที่นู้นภายใน 2 อาทิตย์ สำหรับหอมมันก็คือการนอกใจ ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เราต้องเสียดาย เป็นหอมหอมก็ไม่ทักหา อาจจะใช้เวลาไปสักพักถึงจะให้อภัย ฉะนั้นตรงนี้ไม่ผิดอยู่แล้วเพราะเลิกกันไม่ดี ส่วนรื่องเปลี่ยนมุมมอง หอมว่าเราไม่ใช่หมอดู ไม่มีใครรู้อนาคตว่าใครจะต้องไปเจออะไร แล้วสัจธรรมของชีวิตคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติมาก ไม่วันหนึ่งคุณนิคไปเค้าก็ไป มันไม่ใช่ความผิดเรา สิ่งที่เราทำมันก็ถูกต้องแล้วคือต่างคนต่างใช้ชีวิตเพราะเลิกกันไปแล้ว นิคอาจจะรู้สึกเสียดายที่น่าจะให้อภัยและคุยกับเค้าเพราะนี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง หอมคิดว่ามันเป็นความเสียดายมากกว่าที่คุณนิคจะเก็บมาโทษตัวเองว่าเราทำผิดทำไมเราไม่คุยกับเธอ มันไม่ใช่แค่คุณนิคอย่างเดียว เค้าอยากคุยกับเรารึเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้ แล้วที่บอกว่าไลน์เด้งมาหาเราก็มีคนให้ข้อสันนิฐานว่า จริง ๆ เค้าอาจจะไม่ได้แอดเรามา แต่ถ้ามีเบอร์เราไลน์มันก็จะเด้งอัตโนมัติเวลาที่เค้าเปลี่ยนมือถือ และในเมื่อเค้าเป็นคนทิ้งเราก่อนเราก็ไม่ผิดที่เราทักเค้าไป แล้วการที่คุณนิครู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และวันที่เค้าเสียชีวิตแล้วคุณนิคจะไปอโหสิกรรมอันนี้ก็เปนเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งเค้าจะเจออะไร เค้าจะจากเราไปตอนไหน ถ้าคุณนิครู้สึกว่านี่เป็นบทเรียนและไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีก วันนี้คนที่อยู่ข้าง ๆ คุณนิค คุณนิคก็ต้องทำดีกับเค้าเช่น แฟนใหม่ที่เราคบ ถ้าวันหนึ่งเค้าเป็นอะไรขึ้นมาเราจะเสียดายอะไรที่เรายังไม่ได้ทำบ้าง ให้ทำกับคนนี้หรือทำกับคนรอบข้างเหมือนจะจากกันตลอดเวลา เพราะงั้นทำตีต่อกันกับคนที่ยังเหลืออยู่ อันนี้หอมว่าดีกว่า และเลิกคิดถึงคนที่จากไปแล้วและไม่ต้องโทษตัวเอง เพราะเค้าไปแล้วและไม่รับรู้อะไรแล้ว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ใกล้เคียงกับหอม เพราะพี่ก็ถามว่าว่าทำไมนิคคิดว่าตัวเองผิด แต่ด้วยจังหวะของการเลิกกันมันอาจจะกระทันหัน ซึ่งการเลิกกันแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับคู่อื่น ๆ คนเรามีการบอกบอกเลิกหรือวิธีหยุดความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็หายไปเลย บางคนก็มานั่งคุย อันนี้ก็แล้วแต่คู่ แล้วพอเลิกกันไปผมมองว่าต่างคนต่างวางตัวกันดี เอาจริงคุณนิคก็ไม่ควรทักไปอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีสาเหตุที่ต้องคุยกันในฐานะเพื่อนเก่าหรืออะไรก็ตาม ยิ่งทักคุยกันอาจจะยิ่งเป็นปัญหากับความสัมพันธ์ปัจจุบันของแฟนเค้าซะมากกว่า ผมว่าต่างฝ่ายต่างทำถูกแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน และสุดท้ายคนที่จะติดค้างเรื่องคำขอโทษก็น่าจะเป็นฝ่ายเค้ามากกว่า ผมมองว่าทุกอย่างดำเนินไปตามปกติที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีความผิดอะไรจากคุณนิคเลย ในเรื่องของมุมมองคุณนิคต้องล้างความคิดว่าตัวเองผิดก่อน ผมไม่เห็นว่าคุนนิคจะต้องมีอะไรที่ติดค้างหรือรู้สึกผิด เพราะต่างฝ่ายก็ต่างไปมีชีวิต คนที่เลิกกันแล้วบางทีก็ไม่เหมาะไม่ควรที่เราจะคบหากันต่อ แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตามมันต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจก้าวข้ามความเป็นเพื่อนมาเป็นแฟน มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ย้อนกลับไปไม่ได้ พอเลิกกันก็ต้องทำใจว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันจะไม่กลับมา และทุกอย่างี่เกิดขึ้นมาผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติทุกอย่าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะเสนอมุมมองที่ต่างพี่เผือกพี่หอมนิดนึง เท่าที่พี่ฟังมาพี่รู้สึกเสียดายชีวิตคุณนิคมากเลย พี่รู้สึกว่า 9 ปีตั้งแต่เลิกกับเค้าคุณนิคไม่ได้ไปไหนเลย อย่างตอนที่เจอเค้าอุ้มลูกแล้วคุณนิคหนี ถ้าเป็นคนที่มูฟออนแล้วพี่ว่าเค้าคงเดินไปถามสารทุกข์สุขดิบ แต่สำหรับเติ้ลมองว่าเหมือนคุณนิคยังอยากได้เค้าเป็นแฟน ยังเฝ้าดูชีวิตเค้าตลอด เรื่องของเค้ายังเข้ามากระทบจิตใจคุณนิคตลอด แล้วสุดท้ายคนที่ไม่ไปไหนก็คือตัวคุณนิค แต่วันนี้เค้าเสียไปแล้วแต่คุณนิคเองที่ยังไม่ไปไหน ซึ่งทำให้เติ้ลเสียดายเวลาที่คุณนิคจะไปมีความสุขกับตัวเอง ถ้าคุณนิคยังไม่เลิกคิดว่าตัวเองผิด ก็โปรดให้อภัยตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ที่ออฟฟิศหนูสังเกตเห็นพี่ผู้ชายคนนึง เนียนมานั่งคุยกับพี่ผู้หญิง จังหวะพี่ผู้หญิงลุกเขารีบไปนั่งเก้าอี้แทนที่แล้วชวนคุย ค่อยๆเลื่อนมือถือสอดไปใต้กระโปรง ทำแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ผู้หญิงใส่กระโปรงมา ภายนอกพี่เขาดูดี เฟรนด์ลี่ มีลูกสาวตัวเล็กมาที่ทำงานบ่อยๆ

25 เม.ย. 2025

ที่ออฟฟิศหนูสังเกตเห็นพี่ผู้ชายคนนึง เนียนมานั่งคุยกับพี่ผู้หญิง จังหวะพี่ผู้หญิงลุกเขารีบไปนั่งเก้าอี้แทนที่แล้วชวนคุย ค่อยๆเลื่อนมือถือสอดไปใต้กระโปรง ทำแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ผู้หญิงใส่กระโปรงมา ภายนอกพี่เขาดูดี เฟรนด์ลี่ มีลูกสาวตัวเล็กมาที่ทำงานบ่อยๆ

ที่ออฟฟิศหนูสังเกตเห็นพี่ผู้ชายคนนึง เนียนมานั่งคุยกับพี่ผู้หญิง จังหวะพี่ผู้หญิงลุกเขารีบไปนั่งเก้าอี้แทนที่แล้วชวนคุยค่อยๆเลื่อนมือถือสอดไปใต้กระโปรง ทำแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ผู้หญิงใส่กระโปรงมาภายนอกพี่เขาดูดี เฟรนด์ลี่ มีลูกสาวตัวเล็กมาที่ทำงานบ่อยๆ หนูควรบอกใครก่อนดี “คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 เม.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘มีพี่ในทีมคนหนึ่งเป็นผู้หญิง นามสมมุติว่า “พี่ฟ้า” เป็นคนสวย ตัวเล็ก น่ารัก และจะมีพี่อีกคนที่อยู่ต่างแผนก เป็นผู้ชาย นามสมมุติว่า “พี่เอ็ม” ดูเป็นคนเฟรนลี่ คุยกับทุกคนในบริษัทได้หมด เขามักจะเดินมาคุยเล่นกับพวกหนูในทีม โดยส่วนตัวหนูเป็นคนไม่ค่อยพูด อยู่เงียบ ๆ ทำงานของตัวเอง และเพิ่งเริ่มทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงปี วันหนึ่งพี่ฟ้าใส่กระโปรง แล้วลุกขึ้นยืนเม้ามอยกับพี่อีกคนในทีม ขณะนั้นพวกเขากำลังดูหน้าจอคอมพิวเตอร์และคุยกันอยู่ ซักพักพี่เอ็มเดินมานั่งตรงเก้าอี้พี่ฟ้า แล้วก็สไลด์ตัวเข้าไปใกล้ ๆ พี่ฟ้า ซึ่งปกติเขาก็ทำแบบนี้เป็นประจำ ถ้าไม่สังเกตุก็จะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของเขา แต่วันนั้นสายตาหนูบังเอิญเหลือบไปเห็นพอดี เขาถือโทรศัพท์ด้วยมือขวา โดยคว่ำหน้าจอลง และกล้องโทรศัพท์ก็โผล่ออกมา ตอนแรกหนูก็คิดว่าเขาจับโทรศัพท์ปกติ ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่เพราะหนูเป็นคนขี้ระแวง เวลามีคนเดินมาก็จะชอบสังเกต ทีนี้ เขาค่อย ๆ เลื่อนโทรศัพท์เข้าไปใกล้ ๆ ใต้กระโปรง และมีจังหวะหนึ่งที่เขาเหลือบตามองโทรศัพท์ตัวเอง จากนั้นก็เขยิบเข้าไปใกล้พี่ฟ้ามากขึ้น ตรงนั้นไม่ได้มีแค่พี่ฟ้าคนเดียว แต่มีคนอื่นยืนอยู่ด้วยหลายคน ไม่มีใครหันมาสังเกตข้างหลังตัวเองเลย ส่วนหนูนั่งอยู่ด้านหลังเขา ถึงจะหันหลังให้ แต่ก็หันไปมองเป็นระยะ ๆ ว่าเขาคุยอะไรกัน ตอนที่หนูเห็นครั้งแรก หนูก็ใจเต้น เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า หลังจากวันนั้นหนูก็เริ่มสังเกตเรื่อย ๆ ว่าเวลาที่เขาเดินมา เขายังทำพฤติกรรมแบบนี้อีกไหม หนูสังเกตว่าถ้าพี่ฟ้าใส่กางเกง เขาก็ไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น แต่ถ้าใส่กระโปรง เขาก็ยังคงเดินมาแล้วสไลด์ตัวเข้าไปใกล้เหมือนเดิม มีวันหนึ่งที่พี่ฟ้ายืนแล้วเลื่อนตัวไปด้านข้าง เขาก็เลื่อนตัวตามไปด้วย ทำให้หนูเริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกขั้น และทุกครั้งที่เขาทำ เขาจะตั้งโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าขาเสมอ แม้หนูจะไม่เห็นหน้าจอว่าเปิดกล้องหรือเปล่า แต่ก็สังเกตพฤติกรรมไว้ ปกติหนูไม่ค่อยคุยกับพี่ ๆ เพราะเป็นเด็กสุดในทีม เลยไม่กล้าบอกใคร หนูสนิทกับหัวหน้าทีมที่สุด เวลามีอะไรก็จะปรึกษาเขา หัวหน้าทีมเป็นทอม และหนูก็ไม่แน่ใจว่าเขากับพี่ฟ้ากุ๊กกิ๊กกันรึเปล่า แต่เพราะเรื่องนี้มันละเอียดอ่อน หนูเลยรู้สึกกลัวและไม่กล้าเล่า อีกอย่างพี่เอ็มดูมีภาพลักษณ์เฟรนลี่ ไม่ดูเป็นคนมีพิษมีภัย ก่อนหน้านี้พี่เอ็มก็มีพฤติกรรมกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ คล้าย ๆ กัน เช่น ขยี้ผมแบบเอ็นดู ตอนนั้นหนูก็คิดว่าเขาเอ็นดูจริง ๆ แต่หลังเหตุการณ์วันนั้น หนูก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ และสังเกตว่าเขาไม่ได้ทำแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ได้มีลักษณะตรงสเปกเขา พี่เอ็มน่าจะอายุสามสิบกว่าปีแล้ว เขามีลูกสาว และเคยพาลูกมาที่ออฟฟิศ ให้พวกหนูช่วยกันเลี้ยง เด็กน่ารักดี แค่อายุประมาณอนุบาล หนูเลยยิ่งรู้สึกกลัวว่า ถ้าเราไปเล่า จะมีใครเชื่อหรือเปล่า เหตุการณ์ที่หนูเห็นแบบชัด ๆ มี 4 วัน แต่ละวันก็เกิดขึ้นมากกว่า 2 ครั้ง พี่เอ็มชอบเดินมาแถวนี้บ่อยมาก ส่วนพี่ฟ้าก็ชอบคุยเม้ามอยโดยไม่ทันระวังตัว ตอนแรกหนูก็ตั้งใจจะถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน แล้วให้หัวหน้าทีมช่วยดู ถ้าพี่เขารู้สึกเหมือนกัน หนูก็อยากให้เขาช่วยสังเกตเพิ่มเติมด้วย หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า หนูควรเริ่มเล่าเรื่องนี้กับใครก่อนดี? และควรพูดยังไง? เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าน้ำสนิทกับหัวหน้า ก็ต้องเข้าทางหัวหน้านะ ถ้าเรายังไม่แน่ใจ พี่ว่าเราก็ต้องหาคนที่เราไว้ใจว่าคุยกับเขาได้ เพื่อที่จะเป็นพยานร่วมกัน สมมติว่าเขาชื่อพี่ดิน พี่ก็จะบอกว่า “เออ พี่ดิน คือหนูบังเอิญไปเห็นสิ่งที่พี่เอ็มทำ แต่หนูไม่แน่ใจว่าหนูคิดมากไปเองรึเปล่า เลยอยากให้พี่ดินช่วยมาดูหน่อยว่าทำไมเวลาพี่เอ็มเขามาคุยกับพี่ฟ้า หนูเห็นว่าเขาเอามือถือไปไว้ใต้กระโปรงพี่ฟ้า แต่หนูก็ไม่แน่ใจ เลยอยากให้พี่ดินช่วยดูหน่อยว่าสิ่งที่หนูคิดมันจริงรึเปล่า” จริง ๆ คนเฟรนลี่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ทำแบบนี้ เพราะบางทีคนเฟรนลี่ทำแบบนี้ คนเลยไม่รู้ไง ถ้าน้ำลองประมวลสถานการณ์ทั้งหมดดี ๆ แล้วน้ำรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นอย่างที่น้ำคิดจริง ๆ พี่ว่ามันควรต้องบอกนะ เพราะว่าเขาก็คือภัยของคนในออฟฟิศ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แอบถ่ายเขาสัก 2–3 คลิป ถ้าเขาทำบ่อย แล้วลองเอาไปให้หัวหน้าทีมดู แล้วเข้าหาแบบตลก ๆ หน่อย เผื่อเขาบอกว่าไม่ใช่ เราก็ยังสามารถพลิกแพลงได้ เพื่อปกป้องตัวเราเอง สิ่งที่เราทำอยู่คือการเป็นพลเมืองดี พอหัวหน้าทีมเห็นภาพในกล้องของหนูแล้ว เขาจะประเมินเอง ถ้ามันใช่ เขาอาจจะดำเนินเรื่องขอดูกล้องวงจรปิด แล้วเอามาใช้ประกอบกัน’สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ เห็นด้วยกับการที่จะไปบอกหัวหน้า ถ้าเราอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่การจะแอบถ่ายก็ไม่ง่าย อาจจะเริ่มต้นจับตาดูกันแค่ 2 คนก่อน แต่ถ้าน้ำเชื่อในสกิลนักสืบของน้ำ น้ำถ่ายได้ก็เอาเลย แต่ถ้าจะพิสูจน์เรื่องนี้ ต้องค่อย ๆ ให้มันชัดเจนจริง ๆ ความมั่นใจมันสำคัญมากกับเรื่องนี้ เพราะมันต้องมีคนเสียหายแน่ ๆ แต่ว่าจะเป็นฝั่งไหน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมเป็นเกย์ มีแฟนที่คบกันมา 8 ปี แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 เขาออกไปสวิงกิ้ง นอกบ้านกับคนอื่นมาตลอด แต่ผมมีอะไรกับเค้าแค่คนเดียวมาตลอด แฟนบอกผมว่ามันคือรสนิยมทางเพศรูปแบบนึง สรุปแล้วผมผิดปกติ หรือ แฟนกันแน่ที่ผิดปกติ พอไปถามเพื่อนผม ตอบไม่เหมือนกันเลยครับ

11 ต.ค. 2024

ผมเป็นเกย์ มีแฟนที่คบกันมา 8 ปี แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 เขาออกไปสวิงกิ้ง นอกบ้านกับคนอื่นมาตลอด แต่ผมมีอะไรกับเค้าแค่คนเดียวมาตลอด แฟนบอกผมว่ามันคือรสนิยมทางเพศรูปแบบนึง สรุปแล้วผมผิดปกติ หรือ แฟนกันแน่ที่ผิดปกติ พอไปถามเพื่อนผม ตอบไม่เหมือนกันเลยครับ

ผมเป็นเกย์ มีแฟนที่คบกันมา 8 ปี แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 เขาออกไปสวิงกิ้ง นอกบ้านกับคนอื่นมาตลอดแต่ผมมีอะไรกับเค้าแค่คนเดียวมาตลอด แฟนบอกผมว่ามันคือรสนิยมทางเพศรูปแบบนึงสรุปแล้วผมผิดปกติ หรือ แฟนกันแน่ที่ผิดปกติ พอไปถามเพื่อนผม ตอบไม่เหมือนกันเลยครับ “คุณต้น (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายแรกในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่ผมแปลกหรือแฟนแปลก เพราะแฟนมีรสนิยมชอบไปมีอะไรกับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ยังคบกับเราอยู่ โดย “คุณต้น (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องท้าวความก่อนว่าเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมได้คบกับแฟนคนนึง เราเป็นคู่รักชาย-ชาย ก็คือช่วง 2 ปีเเรกคบกันมันก็ไม่ได้มีอะไร ก็รักหวานอมขมกลืนกันปกติ เป็นแฟนคู่รักปกติ เเต่พอมาอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนจากมัธยมขึ้นเป็นมหาลัย ด้วยสังคมที่มันใหญ่ขึ้น ด้วยสังคมที่มันเจริญมากยิ่งขึ้น ตัวผมเองก็เรียนอยู่อีกมหาลัยนึง แฟนผมเองก็เรียนอยู่อีกมหาลัยนึง ซึ่งเขาเป็นรุ่นพี่เขาจะได้เข้ามหาลัยก่อนผมปี 1 อยู่แล้ว เขาก็จะเจอโลกก่อนผม ผมไม่ได้เข้าใจวงการการเป็น LGBTQ สักเท่าไหร่ในช่วงนั้นเพราะว่าเป็นเด็กจากบ้านนอกเข้าไปเรียนมหาลัย ก็พบปัญหาว่าแฟนเริ่มมีรสนิยมทางเพศที่เปลี่ยนไป วันนึงนอนกันอยู่ เขาก็บอกว่า “คุณครับ เค้าอยากมีเซ็กส์เเบบ 3 คนจังเลย” ด้วยเราเองก็ เฮ้ย! มันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมากก่อน คำพูดนี้ทำไมมันมาจากคนของเรา ตัวผมเองก็ไม่ได้หาคำตอบอะไรนะเลยถามว่า “ทำไมถึงคิดเเบบนั้น” เขาก็ตอบว่า “เค้ามาอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้น อยากรู้อะไรที่มันตื่นเต้นมากขึ้นกว่านี้” ซึ่งตัวเราเองรักเขามากนะ รักเขามากกว่าตัวเองแหละ ก็ยอมนะ ยอมให้เขาออกไปมีอะไรกับคนอื่นตามที่เขาอยากจะออกไป ไม่ได้มาสวิงกับผม ถามว่าเราโอเคมั้ย ความรู้สึกลึก ๆ ในใจเราอ่ะเราไม่ได้โอเคหรอก แต่ด้วยความรักที่เรารักเขามาก เราก็ยอม หลังจากนั้นก็มีการออกไปใช้ชีวิตเเบบนี้เรื่อย ๆ อยู่กันมา 4-5 ปีจนผมเรียนจบ เขาเรียนจบก่อนก็ไปทำงานที่ต่างจังหวัด เเต่ผมทำงานที่จังหวัดเดิม คือมันมีความสัมพันธ์ที่ห่างกันไปแล้วตั้งเเต่คุณออกไปมีอะไรกับคนอื่นเเล้ว ก็คือห่างกันด้วยระยะทาง ก็มีการคุยกันเรื่องการใช้ชีวิตเเบบนี้ มันสุ่มเสี่ยงนะ ควรหยุดการทำพฤติกรรมเเบบนี้ได้เเล้ว เขาก็โอเค เดี๋ยวจะหยุดพฤติกรรมนี้เเล้วเรากลับไปใช้ชีวิตคู่กัน ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ผมก็ไปหาเขาทุกเสาร์ - อาทิตย์เพราะว่าหยุดตรงกัน มันมีอยู่ช่วงนึง ด้วยนิสัยเราเป็นคนชอบเก็บกวาดห้องปกติ ก็ไปเจอเส้นผมตามพื้นหลากสีมาก ชมพู ฟ้า เขียว ม่วง ด้วยความเป็นคนขี้สงสัย เราก็เก็บเส้นผมพับใส่กระดาษทิชชู่ไว้ รอเขากลับมาจากที่ทำงาน ผมก็ถามว่าคุณเปลี่ยนสีผมหรอ? ทำไมในห้องคุณมีเส้นผมหลายสี ผมก็ได้คำตอบจากเขาว่า “อ๋อ ไม่ได้เปลี่ยน เเต่พี่ที่ทำงานเขาเปลี่ยนสีผมกันหลายคน มันอาจจะติดถุงเท้าผมกลับมาก็ได้” ด้วยความที่รักเขามากเลยไม่ได้สงสัยเลย ก็ผ่านไปไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผมก็ให้โอกาสเขาอีกเเล้ว กลับมาคุยเหมือนเดิม เเต่เริ่มมีการใช้แอปพลิเคชั่นติดตามกันเกิดขึ้น เเละเวลานอนก็จะคอลหากันตลอดเวลา ผมจะโทรหาตั้งเเต่ 4 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเช้าของอีกวัน ด้วยความคิดผมเองมองว่าถ้าเราเห็นกันเเละกันอยู่ตลอดเวลา มันคงจะไม่มีโอกาสที่จะไปทำแบบนั้น เเต่มันไม่มีผลเลย มีเหตุการณ์นึงเกิดขึ้น เพื่อนผมโทรมาหาเเล้วบอกว่า “ไม่ไหวละ มึงต้องขึ้นไปหากูหน่อยละ มันมีเรื่องที่ต้องคุย” ก็ตัดสินใจจัดการทำภารกิจตัวเองให้เสร็จเเล้วก็ไปหาเขา ก็ได้คุยกันว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็ไปนั่งรวมกันกับเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน วันนั้นก็มีประมาณ 11 คน ก็มีเพื่อนคนนึงเดินมาตบไหล่เบา ๆ เเล้วพูดว่า “ขอโทษนะที่ทำเเบบนี้ พอดีว่าต้องพูด เก็บไว้ไม่ได้” คือเพื่อนคนนี้ไปมีอะไรกับแฟนผมมา ทั้ง ๆ ที่เห็นผมคอลกันอยู่ เเต่แฟนผมแหงนหน้าจอขึ้น เพื่อไม่ให้เห็น ให้เห็นเเค่เพดาน และปิดลำโพงไว้ มันเป็นจังหวะเที่ยงคืนถึงตี 1 ผมก็ต้องนอนเเต่ก็คอลกันไว้ทั้งวันทั้งคืน พอคนที่ 1 มาสารภาพ ก็มีคนที่ 2 3 4 5 6 มาสารภาพว่าได้กันหมดเลย เขารวมตัวมาบอกเราว่าให้เราหยุดกับคน ๆ นี้เเล้ว เพราะมันไม่ได้มีเเค่นี้ หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันเเล้วก็ได้เลิกกัน หลังจากที่เลิกกัน ผมเลยถามเพื่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้ที่มันเกิดขึ้นกับผม การที่แฟนออกไปมีอะไรกับคนอื่น มันเป็นเรื่องปกติมั้ย? มันก็เสียงแตกกันว่ามันก็ไม่ได้แปลกเลย คู่เราก็เป็น อีกเสียงคือไม่ถูก ความรักมันไม่จำเป็นต้องออกไปแบบนั้น ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าในความสัมพันธ์แบบ LGBTQ ผมเองที่ไม่ปกติหรือเขาที่ไม่ปกติ? โดยดีเจทั้ง 3 คน (ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ไม่ได้ผิดปกติ มันขึ้นอยู่กับความชอบเเละรสนิยม เเล้วก็เงื่อนไขข้อตกลงระหว่างกัน ไม่เกี่ยวกับ LGBTQ เพราะว่าชายหญิงก็มี มีคู่ที่ Open Relationship มี FWB มีคนที่อยู่ใน Swinging Group ที่มีแฟนอยู่เเล้ว เขาไปเสร็จเเล้วก็กลับมาใช้ชีวิตคู่กัน ซึ่งรสนิยมของเราก็ต้องตรงกัน เเต่ของต้นเป็นแบบรักเดียวใจเดียว ก็ต้องหาคนที่ไม่ได้ออกไปทำแบบนั้น ไม่ได้มีใครแปลก แฟนก็ไม่ได้เเปลก เเต่เป็นเเค่เรื่องรสนิยมที่แตกต่างกัน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1