หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง

30 พ.ค. 2025

หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน

ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง

อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง ตอนนี้ Performance การทำงานของหนูไม่คืบหน้าเลย

เพราะหลายๆเรื่องโดนขัดโดยการตัดสินใจของหัวหน้าทั้ง 2 เจอแบบนี้ทุกวันบั่นทอนสุดๆ ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงคะ?

                “คุณเมย์ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 พ.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาหัวหน้าสองคนมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่คุยกันเลย เราที่เป็นคนกลางก็หนักใจ

                โดย “คุณเมย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีหัวหน้าสองคน ซึ่งมี direction ไม่ตรงกัน แต่ที่ต้องมีหัวหน้าสองคนเพราะเริ่มแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ หนูอยู่ภายใต้หัวหน้า A มาตลอด 1 ปี แต่เมื่อบริษัทมีการปรับผังองค์กร ก็เลยได้มาอยู่ภายใต้หัวหน้า B ซึ่งก็จะอยู่ภายใต้หัวหน้า A อีกทีนึง ประเด็นคือเขาไม่คุยกัน จะให้เมย์คุยแทนตลอด เดิมทีหัวหน้าสองคนนี้สนิทกันมาก แต่เคยมีปัญหาเรื่องการทำงานทำให้เกิดจุดแตกหักกันตั้งแต่นั้นมา ปกติหัวหน้า A จะคุยกับหัวหน้าคนอื่น ๆ เยอะมาก แต่กับหัวหน้า B คนนี้ คุยกันนับครั้งได้ ซึ่งก็อาจจะไม่ถึง 20 ครั้ง/ปี

                เวลาเขามีความเห็นไม่ตรงกัน การตัดสินใจอาจจะมาจากตรรกะของเขาจริง ๆ บ้างหรือบางครั้งก็มีความอคติที่อยากจะค้านในเรื่องนี้ด้วย แต่เขาจะกันไม่ค้านต่อหน้า ถ้าเมย์รู้สึกว่าอยากจะให้เขาไปคุยกันจังเลย เขาก็จะตอบกลับว่า "พี่ไม่คุย เธอไปคุย" งานมันก็เลยจะหนักมากขึ้น ปกติถ้าคนอื่นทำงานเสร็จภายใน 1-2 ชั่วโมง ของหนูจะเป็น 3-4 วันเพื่อให้มันจบ เพราะจะต้องแก้งานไปเรื่อย ๆ จากตอนแรกแก้ผ่าน A พอไป B ก็โดนตีกลับมา พอตีกลับมา A ก็บอกว่าไม่เอา ให้ทำใหม่ มันก็เลยหนักขึ้นมาก ๆ แต่หนูก็ทำงานนี่มา 1 ปีแล้ว

                ตอนนี้เรื่องราวไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่หัวหน้า A และหัวหน้า B แต่ถึงขั้น C Level แล้วด้วย ซึ่งตัวงานของหนูจะต้องผ่านหัวหน้า B-A-C ตามลำดับ หนูเคยคุยกับ B และ C เรื่องPerform ตก แต่เขาจะมองภาพรวมขององค์กรเป็นหลัก ถ้าเขาเห็นว่าหนูทำไม่ได้เท่าคนอื่น เขาจะไม่ถามถึงเหตุผลแต่เขาจะมองว่าทำไมหนูถึงทำไม่ได้ ซึ่งหนูเคยพยายามบอกไปแล้วว่างานหนูโหลดมากถ้าเทียบกับคนอื่น และงานของหนูก็พิเศษกว่าคนอื่นไปอีกขั้นหนึ่ง ทำให้ปัญหาที่ต้องแก้ก็มีมากกว่าคนอื่น หนูเคยเสนอ solution ไปแล้ว เพราะหนูจะได้ทำงานสะดวกขึ้น แต่ก็ต้องผ่านการ approve กับหัวหน้า B และ A ก็ทำให้หนูไม่ผ่านสักทีเพราะเขารู้สึกว่าเรายังทำได้ หนูก็เลยรู้สึกว่าทำไมอยู่ยากจัง หนูเครียดมากเลยเพราะหนูโดนความคาดหวังที่สูงกว่าคนอื่น เขามองว่าหนูมีความสามารถ ซึ่งจากตำแหน่งเดิมหนูก็ทำได้ดีเลย ไม่ได้แย่ แต่ตรงนี้ถ้าหนูมีพื้นที่ให้ทำงานเหมือนคนอื่นก็พอจะทำได้ พอเขามองว่าทำไม Performance หนูไม่ออกสักที หนูก็เครียด ก็เลยอยากถามว่าพี่ ๆ ว่า ถ้าเป็นพี่ ๆ จะลาออกเลยไหมทั้งที่ยังไม่มีงานรองรับ’

                ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ก่อนจะตัดสินใจออกจากงาน พี่จะต้องให้คนในบริษัทได้รับรู้ก่อนโดยเฉพาะหัวหน้า C ถึงแม้เขาจะมองภาพรวม แต่พี่ก็จะบอกเหตุผลไปว่าทำไม Performance เราถึงร่วงลง แล้วก็จะเล่าปัญหาเรื่องคนสองคนที่ความคิดเห็นไม่ตรงกันให้เขาฟัง เพราะพี่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนี้จริง ๆ แต่ถ้าหากถูกเมินเฉย ปัญหายังคงไม่ถูกแก้ไข ทำงานต่อไปพี่ว่าหนูคงจะได้ชาเลนจ์ตัวเองทุกวันเลย และมัน Uncomfort เกินไป พี่ก็ห่วงว่า ถ้าเมย์เจอเรื่องแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ประสิทธิภาพในการทำงานของเมย์ก็จะพินาศเหมือนกัน สุดท้ายพี่ก็จะประเมินตัวเองว่าพี่มั่นใจขนาดไหนที่จะออกไปหางานทำข้างนอก ถ้ามั่นใจว่าเก่งจริงพี่ว่าก็ออกมาเลย’

                ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘บริษัทส่วนใหญ่ก็จะมี HR เอาไว้จัดการปัญหาเหล่านี้ ตอนนี้ HR จะต้องลงมาแก้ไขปัญหานี้แล้วเพราะเขาต้องบริหารทรัพยากรบุคคล แต่ถ้าเมย์บอกว่า HR ที่นี่ไม่แข็งแรงก็ออกมาเถอะ เพราะการที่บริษัทนึงมีบุคคลที่ไม่ดี เรายังมีสิทธิ์ที่จะเติบโตไปแทนได้ แต่ถ้าบริษัทมีโครงสร้างโดยรวมที่ไม่ดี ก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไมเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกงานใหม่ที่ดีกับเราเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนอยู่ในโหมดเอาตัวรอดแล้ว เพราะสิ่งที่เมย์แบกไว้มันกำลังกลับมาทำให้เมย์เดือดร้อนเอง พี่มองว่าถ้าจะมีคนไหนมาช่วยเราได้ต้องเป็น HR แต่ถ้า HR ยังช่วยไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าบริษัทนี้จะดูแลคนที่ทำงานให้เขาได้อย่างไร เขาต้องได้รู้ว่า ปัญหาของคนระดับสูงทำให้คนที่อยู่ในส่วนปฎิบัติการทำงานไม่ได้ เขาต้องจัดการบางอย่าง ปล่อยไว้แบบนี้บริษัทก็ตายอยู่ดี สุดท้ายแล้วเมย์ต้องคำนึงถึงตัวเองเป็นหลักเพราะบริษัทถ้าไม่มีเราเขาก็หาคนอื่นมาแทนได้ แต่อนาคตของเรา เราควรเป็นคนที่ต้องดีไซน์ออกมาเอง อยู่ที่ไหนแล้วแย่ลงก็อย่าไปอยู่ อยู่ที่ไหนและเจริญเติบโตก็ไปอยู่ได้’

                สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แนะนำวิธี Survival ให้เข้าทาง A แล้วค่อยจัดการ B เพราะ A ใหญ่กว่าเราก็เป็นลูกสมุน A ไปเลย ใช้คำสั่งของ A มาสั่ง B อีกทีนึง ถ้าเกิดปัญหาก็บอกว่า A Approve แล้วให้ไปคุยกับ A เอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เพื่อนในกลุ่มเป็น VJ ในแอปกันหมด เพื่อนบอกไม่ต้องทำไรมาก ไลฟ์วันละ 2 ชั่วโมง เดือนนึงได้หลักหมื่น โชคดีก็จะมีลูกค้าขอแอดไลน์นอกรอบ อยากได้อะไรขอให้บอก ซื้อให้หมด ไม่ต้องการอะไรเลย หนูอยากทำแต่แฟนขอไว้ว่าอย่าทำได้ไหม?

15 มี.ค. 2024

เพื่อนในกลุ่มเป็น VJ ในแอปกันหมด เพื่อนบอกไม่ต้องทำไรมาก ไลฟ์วันละ 2 ชั่วโมง เดือนนึงได้หลักหมื่น โชคดีก็จะมีลูกค้าขอแอดไลน์นอกรอบ อยากได้อะไรขอให้บอก ซื้อให้หมด ไม่ต้องการอะไรเลย หนูอยากทำแต่แฟนขอไว้ว่าอย่าทำได้ไหม?

“คุณเตย (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 มีนาคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาอยากทำ VJ ในแอปพลิเคชันแต่แฟนหวงไม่อยากให้เราทำ โดย “คุณเตย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีเพื่อนในกลุ่มที่ทำวีเจด้วยกันหลายคน บางคนเขาทำ 2-3 แอป แต่แอปที่เพื่อนทำก็มีหลายเรท เริ่มตั้งแต่การชวนคุย ไปจนถึงเรื่อง 18+ เพื่อนส่วนใหญ่ก็ทำเรทชวนคุย แต่งหน้า แต่งตัวสวย ๆ ชวนคนในแอปคุย พูดอ้อน ให้คนในแอปเปย์ของขวัญ พอหนูอยู่ในกลุ่มเพื่อนแบบนี้ เพื่อนก็จะคุยกันประมาณว่า ได้เงินเยอะ บางคนที่โชคดีก็มีคนเปย์นอกแอป คือ ถ้ามี User ที่อยากได้ไลน์หรืออยากได้อินสตาแกรมส่วนตัวของเรา เราสามารถตั้งเรทราคาเองได้ ก็จะมีการทักมาเปย์หลังไมค์ เพราะถ้าเปย์ในแอปก็จะมีการหักส่วนต่าง บางคนได้เดือนละหลาย ๆ หมื่น พอหนูได้ยินบ่อย ๆ ก็เกิดกิเลส อยากได้เงินบ้าง... ต่อมาหนูได้ไปปรึกษาแฟน ซึ่งแฟนอายุน้อยกว่าหนู 2 ปี และกำลังเรียนอยู่ แฟนก็ไม่ได้ห้ามแต่ขอว่าไม่ทำได้ไหม? แฟนให้เหตุผลว่า ถ้าหนูทำเขาจะรู้สึกแย่ที่ไม่มีปัญญาเลี้ยง จนต้องให้คนอื่นมาเปย์แฟนตัวเอง หนูก็บอกว่ากับเขาว่า ไม่ใช่ให้คนอื่นมาเลี้ยง หนูก็ทำงานเลี้ยงตัวเองได้ แต่หนูแค่อยากมีรายได้เสริม อยากเอาเงินส่วนนี้ไปเสริมความงาม เข้าคลินิกทำหน้า เพราะเห็นว่าได้รายได้ดี ทำแค่วันละ 2 ชั่วโมงอยู่ที่บ้านก็ได้ แฟนก็บอกว่า ได้เงินก็จริง แต่แฟนคงเสียความรู้สึก และถ้าได้เงินง่าย ได้เยอะ มันจะทำให้เราติดสบายหรือเปล่า แต่ถ้าอยากทำจริง ๆ ก็ทำได้ แต่ไม่อยากให้ทำดีกว่า แฟนก็ถามหนูว่า เขาจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า? ซึ่งหนูก็ได้ไปเสิร์ชและอ่านในพันทิป มีหลายคู่ที่มีปัญหากันเพราะแฟนไปทำวีเจ อีกใจหนึ่งหนูก็อยากได้เงิน แต่อีกใจหนึ่งหนูก็แคร์ความรู้สึกแฟน ก็เลยมีคำถามอยากถามพวกพี่ ๆ ดีเจ 3 คำถาม คำถามละคนเพราะอยากเห็นมุมมองของพี่ ๆ ดีเจแต่ละคน ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้คำถามที่ 1 คือ ถ้าแฟนพี่มาขอทำวีเจ จะให้ทำไหมและเหตุผลคืออะไร? โดยให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องดูก่อนว่าในโลกสมมตินั้น ข้อจำกัดในการใช้ชีวิตของพี่เดือดร้อนขนาดไหน ถ้าไม่ได้เดือดร้อนพี่ก็ไม่อยากให้ทำ แอปวีเจก็เป็นการไลฟ์สดอีกแบบหนึ่ง หรือไลฟ์สดทำอาหารในอีกแพลตฟอร์มก็มี อย่างแอปที่พี่สตรีมเกมก็มีคนมาไลฟ์แบบพูดคุย ไลฟ์ประดิษฐ์ของ พี่คงอยากให้แฟนพี่ไปทำในแพลตฟอร์มที่พี่สบายใจและแฟนก็ยังหารายได้เสริมได้ด้วย พี่มองว่าถ้ามีทางเลือกอื่นที่สามารถสร้างรายได้เสริม พี่ก็อยากให้ทำทางเลือกอื่นที่สร้างรายได้มากกว่า พี่ก็จะช่วยหาด้วย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้คำถามที่ 2 คือ ยังไงกับคนที่ทำงานแบบนี้ แล้วคิดว่าคนทำงานแบบนี้ติดสบายไหม? โดยให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่างานนี้ไม่ได้สบายและยากมาก คือ 1. ต้องมีรูปร่างหน้าตาที่ดี ที่จะดึงให้คนมาดูได้ 2. ต้องมีลูกล่อลูกชนที่จะดึงคนให้กดหัวใจ และส่งของขวัญเปย์ตลอดทั้งชั่วโมง สำหรับพี่ มันไม่ใช่งานสบายที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แล้วพี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าคนที่ทำงานนี้ติดสบาย ต้องอาศัยความตั้งใจ ลงแรงกาย ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ พี่อยากจะบอกเตยอีกว่า อย่าพึ่งคิดว่าการทำวีเจมันทำง่าย ๆ แล้วจะได้เงิน ถ้าเรายังไม่ได้ทำ มันอาจจะมีรายละเอียดอีกหลายอย่าง ที่พอเราทำแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เตยต้องถามตัวเองให้ดี ๆ ก่อน’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้คำถามที่ 3 คือ ถ้าแฟนพี่มาพูดแบบนี้พี่ยังจะทำงานวีเจอยู่ไหม? โดยให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะดูว่าพี่ต้องทำอะไรบ้าง ถ้าให้พี่ไปเต้น พี่ก็ไม่ทำเพราะไม่ใช่ทาง พี่เป็นสายขายความสามารถ พี่ว่าเตยควรหาตรงกลางระหว่างแฟน เช่น ทำคอนเทนต์แต่งหน้า คอนเทนต์นั่งคุยไปเรื่อย ๆ หรือ NPC แต่ถ้าเตยเลือกแฟนคนนี้ เตยต้องเลือกคอนเทนต์ที่ไม่ทำร้ายจิตใจแฟน แต่ถ้าเตยเลือกทางวีเจ พูดอ้อน ขายเซ็กซี่ เตยก็ต้องไม่มีแฟน หรือต้องมีแฟนที่ยอมรับได้ ทุกวันนี้มีวิธีหาเงินทางออนไลน์หลายวิธีมาก ขายของออนไลน์ การทำ Affiliate เตยต้องไปหาความสามารถของตัวเองให้เจอก่อน มันจะดีกว่าการแก้ผ้าแล้วได้เงิน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

05 เม.ย. 2024

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้าคุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้ ขอผ่อนเดือนละพันครูบอก OK แต่สิ้นเดือนมาเงียบกริบ ทำไงดีคะ? “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับคุณครูที่โรงเรียนของลูกมาขอยืมเงิน ด้วยความเป็นห่วงลูกเลยให้ยืมไป... โดย “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 66 ลูกชายได้เข้าเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเทอมไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ คุณครูประจำชั้นก็ทักมาบอกว่า “ลูกชายงอแง ร้องไห้ อยากกลับบ้าน” เป็นแบบนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ นุ๊กก็ได้มีการปรึกษากับคุณครู คุยกันปกติว่าลูกเป็นยังไง ยังร้องไห้อยู่ไหม นุ๊กก็คุยกับคุณครูไปเรื่อย ๆ จนคุณครูจับทางเราได้ว่า เราเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวและใจอ่อน ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับลูกก็จะยอมทุกอย่าง อยู่มาวันหนึ่งคุณครูก็ทักมาว่า “คุณครูขอรบกวนหน่อยได้ไหม ครูขอยืมเงินสัก 5,00 บาท พอดีครูต้องกลับต่างจังหวัดไปทำธุระ เดี๋ยวสิ้นเดือนคืนให้” ก่อนที่จะให้ยืม นุ๊กก็มีการไปถามกับแม่ว่าจะให้คุณครูยืมดีไหม เพราะนุ๊กก็ไม่รู้ว่าคุณครูเป็นคนยังไง แม่ก็บอกว่า “คุณครูคงเดือดร้อนจริง ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่แบกหน้ามายืมผู้ปกครองหรอก จะมีคุณครูที่ไหนมายืมผู้ปกครองเด็ก” คุณครูก็บอกให้เก็บดอกได้ แต่นุ๊กก็บอกว่าไม่เอา ขอแค่คืนตรงเวลาก็พอ แล้วนุ๊กก็โอนเงินให้ พอถึงสิ้นเดือน คุณครูก็เงียบ แต่ด้วยความที่คุณครูเป็นครูประจำชั้นของลูกชาย นุ๊กก็เกรงใจคุณครูด้วย ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงก็เลยปล่อยผ่าน นุ๊กก็คิดแค่ว่าถ้าคุณครูเขามี เขาคงคืนเอง แต่ทุกครั้งที่นุ๊กไปรับลูก ก็เจอคุณครูทุกวัน เขาก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผ่านมา 1 เดือน คุณครูก็ทักมาอีกว่า “น้องชายจะโดนยึดรถ คุณแม่ช่วยหน่อยได้ไหม 10,000 บาท” นุ๊กก็บอกว่าเงินเยอะขนาดนี้ไม่มีให้ เพราะนุ๊กรู้ว่าถ้าให้ไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้คืนไหม นุ๊กก็ปฏิเสธแต่คุณครูก็ไม่หยุดทักมา ทักมาทั้งวันบอกว่า คุณครูเครียด ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งนุ๊กก็ไม่อยากมานั่งฟังปัญหาของใคร ในแต่ละวันเลี้ยงลูกกับทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว นุ๊กก็ได้แต่บอกว่า “ไม่รู้จะช่วยยังไง ไม่รู้จะหาที่ไหน” ซึ่งนุ๊กก็หงุดหงิดตัวเองด้วยที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ แต่คุณครูก็ยังไม่เลิกทักมา เหมือนกับว่าถ้านุ๊กไม่มีให้ เขาก็จะไม่เลิกทักมา ด้วยความที่เป็นครูประจำชั้นจะบล็อกก็ไม่ได้ เพราะจะต้องส่งความเคลื่อนไหวลูกชายให้เราตลอด นุ๊กก็อยากลองคุยกับคุณแม่ของเด็กร่วมห้องของลูกชาย แต่ก็ได้ไปปรึกษากับแม่ แม่ก็บอกว่าให้นุ๊กคิดดี ๆ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคุณแม่ของเด็กคนอื่นจะเป็นยังไง เพราะลูกชายยังอยู่ในความดูแลของคุณครูคนนี้ มันเลยทำให้นุ๊กกลัว กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง แต่สุดท้ายเราก็โอนเงินให้คุณครูไปเหมือนเดิม นุ๊กก็ยอมรับว่าเป็นการซื้อความสบายใจของเรา เพราะนุ๊กก็ไม่ได้อยากมานั่งเครียดกับปัญหาชีวิตใคร แต่นุ๊กก็ได้มีการยื่นข้อเสนอไปว่า คุณครูต้องผ่อนคืนเดือนละ 1,000 บาท เพราะเงินก้อนนี้กดออกมาจากบัตรเครดิต คุณครูก็รับปาก แต่จนถึงทุกวันนี้นุ๊กก็ยังต้องมารับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ พอนุ๊กโอนเงินให้คุณครูไปแล้ว คุณครูก็จะมีการไลน์มาบอกพฤติกรรมของลูกชายเป็นการส่วนตัว แต่นุ๊กก็ไม่ต้องการให้คุณครูมาดูแลลูกเราเป็นพิเศษ อยากให้ดูแลเหมือนกับเด็กทุกคน ขอแค่ไม่ละเลยหน้าที่ความเป็นครูจากลูกเราก็พอ ระหว่างนั้นคุณครูก็ไลน์มาขอยืมเงินอยู่เรื่อย ๆ ทีละเล็กละน้อย นุ๊กก็โอนให้ แต่ก็มีที่นุ๊กลองเอาบัญชีที่เป็นชื่อของคนอื่นโอนไป และบอกกับคุณครูว่า “แม่ไม่มีแล้ว แม่หามาให้ครูได้เท่านี้ คุณครูก็ต้องคืน” เพราะยืมมาจากคนอื่น คุณครูก็คืนเงินในส่วนนี้ แต่ก็ยังไม่คืนยอดเก่าที่ยืมไป จนตอนนี้ยอดเงินที่คุณครูยืมไปทั้งหมด 30,000 บาท นุ๊กอยากจะมาระบายและอยากได้คำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มีแค่นุ๊กกับแม่ที่รู้อยู่สองคน แต่นุ๊กพูดกับแม่มากไม่ได้เพราะว่านุ๊กรู้ว่าตัวเองเป็นคนให้เขายืมเอง จะบอกใครก็ไม่ได้ ถ้าบอกสามีเขาคงอาละวาด นุ๊กก็กลัวลูกชายมีปัญหา อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข อยากขอคำปรึกษากับพี่ ๆ ดีเจว่า จะคุยกับคุณครูยังไง จะมีวิธียังไงบ้าง? เพราะนุ๊กยังมีความเกรงใจคุณครู เรื่องที่เขาเป็นครูคนแรกที่ทำให้ลูกชายนุ๊กเขียน ก.ไก่ และอ่านออกได้ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต่อให้คุณครูเป็นคนจับมือลูกคุณนุ๊กเขียน ก.ไก่ ได้ ก็เป็นคนละเรื่องกับการยืมเงินผู้ปกครอง ต้องบอกสามีให้ลุยแทน ถ้าเราต่อสู้ไม่ไหวก็ให้สามีไปคุย ถ้าคุยกับคุณครูไม่รู้เรื่องก็บอกว่า “ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงคุณครูคนอื่น หรือถึงผู้บริหารโรงเรียนก็เคลียร์หนี้มา แล้วมันก็จะจบอยู่แค่นั้น” เท่าที่คุณนุ๊กบอกว่าถ้าสามีรู้ บ้านแตกแน่นอน สามีคงมีพลังพอที่จะต่อสู้ได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณครูโรงเรียนอนุบาลทุกคนประเทศนี้ ในโลกนี้ ทำให้นักเรียนเขียนหนังสือและอ่านอออกได้ มันเป็นหน้าที่ที่คนเป็นคุณครูต้องทำให้นักเรียน เขาถูกจ้างมา เขาไม่ได้ทำฟรีเพื่อคุณธรรมค้ำจุนโลก คุณนุ๊กแคปหลักฐานการยืมเงินไว้แล้วให้ผอ.ดู ให้ผอ.ช่วย คุณนุ๊กยังต้องจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิตเองก็ยื่นหลักฐานให้ผอ.ช่วยเคลียร์ เพราะคุณนุ๊กได้มีการคุยกับคุณครูแล้ว แต่ไม่มีท่าทีว่าจะคืน หรือถ้าผอ.ไม่ช่วย คุณนุ๊กก็บอกสามีและบอกกับผอ.ไปว่าถ้าเรื่องนี้ถึงสามีก็คงมาในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง คุณนุ๊กต้องไม่ยอมเพราะคุณนุ๊กต้องจ่ายดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ซึ่งมันเยอะมาก แล้วทำไมเราต้องมาจ่ายให้เขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่คุณครูเป็นคนยืม แต่ตอนนี้เป็นห่วงทัศนคติของคุณนุ๊กมาก ๆ อยากให้คิดดี ๆ ว่าการช่วยคนอื่น เกรงใจคนอื่น จนตัวเองถูกทำร้ายเอง มันสมควรแล้วจริง ๆ หรอ ที่เราต้องเจอแบบนี้เพียงเพราะเราเป็นใจอ่อน ในสิ่งที่เราไม่ได้ทำผิด เรื่องบางเรื่องเราต้องปรึกษาคนรอบด้าน เรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แล้วก็ได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไลน์บอกคุณครูว่าสามีรู้เรื่องแล้ว คุณครูอาจต้องผ่อนจ่ายหรือคุณครูอาจจะต้องหาเงินก้อนมาคืน เพราะถ้าไม่ได้คืน สามีจะเอาเรื่องนี้ไปบอกผอ.ให้จัดการ ต้องเอาเรื่องให้ได้ และที่สำคัญคุณนุ๊กอย่าทำแบบนี้อีก ตรรกะผิดที่มองว่า คนไม่ดีแต่เราฝากลูกไว้กลับคนแบบนี้ ครูคนนี้ไม่ใช่ครูที่ดี ครูไม่ใช่แค่สอนเด็กในตำรา ครูต้องสอนการใช้ชีวิตเด็ก ฉะนั้นครูต้องมี Mindset ที่ดีก่อน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่ พี่ก็จะให้ลูกย้ายห้อง และจะบอกกับผอ.ว่าครูคนนี้มีพฤติกรรมแบบนี้ ยืมเงินผู้ปกครอง พี่จะไม่มีทางฝากลูกไว้กับครูแบบนี้แน่นอน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เรียนอยู่ห้อง King แล้วครูถามว่าใครจะเรียนต่อสายไหน แต่พอหนูยกมือตอบ เรียนสายอาชีพ เพื่อนหนูที่เรียนเก่งๆในห้องคนนึง พูดขึ้นมาว่า เรียนสายอาชีพ คือ “คนชั้นต่ำ” หนูได้ยินแบบนั้นแล้วเฟลไปเลย เก็บมาคิดมากถึงตอนนี้ พี่ๆคิดเห็นยังไงกันบ้างคะ?

21 ก.พ. 2025

เรียนอยู่ห้อง King แล้วครูถามว่าใครจะเรียนต่อสายไหน แต่พอหนูยกมือตอบ เรียนสายอาชีพ เพื่อนหนูที่เรียนเก่งๆในห้องคนนึง พูดขึ้นมาว่า เรียนสายอาชีพ คือ “คนชั้นต่ำ” หนูได้ยินแบบนั้นแล้วเฟลไปเลย เก็บมาคิดมากถึงตอนนี้ พี่ๆคิดเห็นยังไงกันบ้างคะ?

“คุณจิน (นามสมมติ)” อายุ 15 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 ก.พ. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาการเลือกเรียนต่อสายอาชีพ โดย “คุณจิน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูกำลังเครียดมาก เพราะเพื่อนในห้องพูดใส่ว่า “พวกชั้นต่ำ” แค่เพราะหนูเลือกจะไปเรียนสายอาชีพ จริง ๆ เพื่อนคนนี้เป็นคนที่ชอบเหน็บแนมคนอื่นอยู่แล้ว ทุกคนในห้องรู้ดีว่าเขาเรียนเก่ง ดีทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาไม่มีคือ มารยาท ตอนนี้หนูใกล้จะจบ ม.3 แล้ว ก็จะมีครูประจำชั้นถามว่า มีใครจะไปเรียนสายอาชีพบ้าง? หนูเป็นคนเดียวทั้งห้องที่ยกมือขึ้น ซึ่งต้องบอกก่อนว่าหนูอยู่ห้องคิง ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ จะไปต่อ ม.ปลายโรงเรียนดัง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนก็คงแปลกใจว่าทำไมหนูถึงเลือกเส้นทางนี้ พอครูเห็นว่ามีหนูคนเดียวที่ยกมือ ครูก็ไม่ได้ว่าอะไร แนะนำดีมากด้วยซ้ำ แต่ก็พูดว่า สายอาชีพไม่ได้ใบปริญญานะ มันจะได้ใบอนุปริญญา ถ้าอยากได้ปริญญาต้องไปเรียนต่ออีกสองปี แล้วทันทีที่ครูพูดจบ เพื่อนคนนั้นก็สวนขึ้นมาเสียงดังว่า ก็มันต่ำไง ก็คือพวกชั้นต่ำไง ตอนนั้นในใจหนูก็สงสัยว่าใครพูด หนูหันไปมอง แล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นเพื่อนคนนั้น คำพูดนั้นทำให้หนูรู้สึกแย่มาก โคตรนอย ทำให้หนูพูดอะไรไม่ออก แต่สิ่งที่ทำให้หนูดีใจมากที่สุดคือครูสวนกลับแทนหนูว่า เธอนั่นแหละที่ชั้นต่ำ เรียนเก่ง บ้านรวยก็จริง แต่ไม่มีมารยาทเลย ตอนนั้นบอกเลยว่าสะใจ แต่ถึงอย่างนั้น ในใจหนูก็ยังนอยอยู่ว่าหนูผิดเหรอที่เลือกเรียนสายอาชีพ ในสายตาเพื่อน หนูคือ “พวกชั้นต่ำ” จริง ๆ เหรอ? ส่วนเหตุผลที่หนูเลือกเรียนสายอาชีพเพราะที่บ้านหนูไม่ได้มีกำลังพอจะส่งเรียนสูง ๆ และหนูเองก็ไม่ได้คิดจะเข้ามหาลัยแต่แรก หนูแค่เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตัวเองที่สุด แต่พอเห็นสายตาเพื่อนทั้งห้องที่มองมา ตอนนั้นมันก็อดคิดไม่ได้ว่า พวกเขาจะมองเรายังไง? บางคนก็ยังมาถามซ้ำว่า คิดดีแล้วเหรอที่จะไปเรียนสายอาชีพ? หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูเลือกผิดรึเปล่าที่มาทางนี้ และในสายตาเพื่อน เราคือพวกชั้นต่ำจริงหรอ? เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องการเรียนสายอาชีพ พี่ว่าในทุกวันนี้เรียนในสิ่งที่ชอบไปเลย ใบปริญญามันก็สำคัญแต่ว่าถ้ามันมีเป้าหมายที่แข็งแรงแล้ว เราสามารถไปทางนั้นได้เลย ทีนี้เพื่อนที่มองว่าชั้นต่ำ พี่ว่ามันน่าจะมีคนเดียว แต่คนอื่นที่ถามเพราะถามด้วยความห่วงใย แต่ถ้าวันนี้มีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากหาเงิน ก็ไม่ต้องแคร์ ส่วนเพื่อนคนนั้น การที่โดนอาจารย์แก้ต่างให้เรา มันเจ็บกว่านะ เพราะการต่ำโดยทัศนคติ มันคือต่ำที่สุดแล้ว เราแค่รู้จักตัวเราดีก็พอ และชีวิตในอนาคตจะเจออะไรอีกเยอะ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าเรื่องเพื่อนด่าว่าชั้นต่ำไม่สำคัญเลย วันนี้ลองตั้งเข็มทิศชีวิตใหม่ มองอนาคตตัวเอง เรื่องทุนการศึกษามหาวิทยาลัยก็มีสำหรับคนที่ขาดแคลน ต้องถามตัวเองว่าอยากทำงานอะไร การเลือกเรียนคอมพิวเตอร์ธุรกิจแค่เพราะเรียนมาตอนมัธยม พี่ไม่แน่ใจว่าถูกเลือกที่ถูกหรือเปล่า สายอาชีพบางอันมีทักษะติดตัวมากกว่า แต่ก็อยากให้เปิดโอกาสมหาวิทยาลัยด้วย เพราะสามารถขอทุนได้ อย่ายึดติดกับสายอาชีพหรือสามัญ แค่หาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนเลือกเรียน’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าทุกคนคงเห็นเหมือนกันว่า มีแค่คนนั้นที่มองว่าการเรียนสายอาชีพมันเป็นเรื่องชั้นต่ำ เพราะพี่รู้สึกว่าเรียนอะไรก็ได้ แต่สุดท้ายปลายทางมันไม่ได้วัดกันแค่ใบปริญญาเท่านั้น สำหรับพี่นะ แต่สิ่งที่สำคัญคือการตั้งใจ ไปให้ได้ ไปให้รอด แล้วไปให้สุด ส่วนเพื่อนคนที่บอกว่าเรียนสายอาชีพชั้นต่ำก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนที่นั่งเครื่องบินแล้วดูถูกคนเดินถนน คนที่คิดแบบนั้นแล้วพูดออกมาด้วยความไม่กรั่นกรองก็คือเรียลชั้น G ของแท้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมสงสัยครับ เวลาผมเติมน้ำมันรถ 2000 บาท พนักงานจะเสนอบริการเช็ดกระจกให้ พอวันนี้ผมเติม 500 บาทพนักงานไม่ค่อยสนใจ และ ไม่ถามเช็ดกระจกให้ด้วย ผมเลยอยากรู้ว่า...

30 ก.ย. 2025

ผมสงสัยครับ เวลาผมเติมน้ำมันรถ 2000 บาท พนักงานจะเสนอบริการเช็ดกระจกให้ พอวันนี้ผมเติม 500 บาทพนักงานไม่ค่อยสนใจ และ ไม่ถามเช็ดกระจกให้ด้วย ผมเลยอยากรู้ว่า...

ผมสงสัยครับ เวลาผมเติมน้ำมันรถ 2000 บาท พนักงานจะเสนอบริการเช็ดกระจกให้พอวันนี้ผมเติม 500 บาทพนักงานไม่ค่อยสนใจ และ ไม่ถามเช็ดกระจกให้ด้วย ผมเลยอยากรู้ว่า...ปกติเวลาเติมน้ำมันรถ พนักงานจะเช็ดกระจกให้เราตอนไหนขึ้นอยู่กับ ราคาน้ำมันที่เติมหรือ นิสัยส่วนบุคคลของพนักงานแต่ละคน ?? “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี เป็นสายสุดท้ายในรายการพุธทอล์ค พุธโทรเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [24 ก.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา“ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องขอเช็ดกระจกจากเด็กปั๊ม แต่กลับโดนมองแรงใส่เพราะเติมน้ำมันแค่ 500 บาท “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘วันนี้ผมไปเติมน้ำมันแล้วไปขอให้เขาเช็ดกระจกให้แต่โดนมองแรงใส่ ต้นเรื่องคือผมเคยเติมน้ำมันประมาณ 2,000-3,000 บาท เขาก็จะมาถามว่า ‘พี่เช็ดกระจกไหม?’ แต่พอวันนี้ผมไปเติมมาแค่ 400-500 บาท แล้วผมอยากเช็ดกระจก ผมก็ไม่กล้า เกรงใจเขา และน้ำที่ฉีดที่ปัดน้ำฝนเราก็หมด ก็เลยถามไปว่า ‘พี่เช็ดกระจกให้หน่อยได้ไหมครับ?’ เขาก็มองแรงใส่ ผมก็เลยคิดว่า หรือเพราะเราเติมน้อยไปเลยไม่มีบริการนี้ จะเดินไปขอเช็ดเองก็ไม่กล้า ผมเลยสงสัยว่าปกติแล้วเราขอให้เขาเช็ดกระจกให้ได้ไหม?’ ทางด้าน “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมว่าเรื่องเช็ดกระจก มันน่าจะเจอที่คน คือเติมแค่ 500 เนี่ย ต่อให้เราเรียกเช็ดก็จกเขาก็ต้องทำเพราะเขาจะลุ้นว่าจะได้ทิปรึเปล่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเติมมากเติมน้อยไม่น่าเกี่ยวกับบริการเสริมเพราะมันเป็นช่องทางที่น้อง ๆ พนักงานจะได้เงินเพิ่ม คิดว่าอย่างนั้น’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘ถ้าเราให้เขาเช็ดเขาก็ต้องเช็ด ทำฟรีก็ต้องเช็ด แต่หอมเป็นคนให้ทิปอยู่แล้ว เขาทำเพื่อทิปนะการเช็ดกระจก ยอดเติมน้ำมันไม่เกี่ยวกับเขาเพราะเขาไม่ใช่เจ้าของปั๊ม เขาอาจจะมองว่าเติมน้ำมันเยอะอาจจะให้ทิป มันก็แล้วแต่คน ถ้าเราต้องการให้เช็ด เขาก็ต้องจัดการให้มันเป็นหน้าที่ของเขา’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาปิดท้ายว่า ‘ไม่น่าเกี่ยวกับเงินที่เราเติม ถ้าคุณบีอยากได้ก็แจ้งเขาได้เลย แล้วก็อาจจะทิปเขาหน่อยเป็นน้ำใจ’เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFung Fin

album

0
0.8
1