มันปกติไหมคะ? การที่ HR บริษัทใหม่ที่เราไปสัมภาษณ์ ขอสลิปเงินเดือนที่เก่าเรา เพื่อเทียบดูว่าจริงตามที่เราสัมภาษณ์ไหม พอดีว่าตอนสัมภาษณ์หนูพูดโกหกอัพเงินเดือนตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อให้ที่ใหม่ให้สูงกว่า สัมผ่าน 2-3 รอบแล้ว

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

มันปกติไหมคะ? การที่ HR บริษัทใหม่ที่เราไปสัมภาษณ์ ขอสลิปเงินเดือนที่เก่าเรา เพื่อเทียบดูว่าจริงตามที่เราสัมภาษณ์ไหม พอดีว่าตอนสัมภาษณ์หนูพูดโกหกอัพเงินเดือนตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อให้ที่ใหม่ให้สูงกว่า สัมผ่าน 2-3 รอบแล้ว

11 ต.ค. 2024

มันปกติไหมคะ? การที่ HR บริษัทใหม่ที่เราไปสัมภาษณ์ ขอสลิปเงินเดือนที่เก่าเรา

เพื่อเทียบดูว่าจริงตามที่เราสัมภาษณ์ไหม พอดีว่าตอนสัมภาษณ์หนูพูดโกหกอัพเงินเดือนตัวเองให้สูงขึ้น

เพื่อให้ที่ใหม่ให้สูงกว่า สัมผ่าน 2-3 รอบแล้ว สุดท้ายแล้วหนูก็ตัดสินใจทำงานที่เก่า

            “คุณกิ่ง (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาออฟฟิศ ทำงาน

                โดย “คุณกิ่ง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้กิ่งมีงานปัจจุบันทำเกี่ยวกับโปรเจกต์ ควบคู่กับเซลล์ รับลูกค้าด้วย ซึ่งทำงานที่นี่มา 2 ปีกว่าแล้ว ก่อนหน้านี้กิ่งเคยทำ marketing มาก่อน ในตอนที่สัมภาษณ์งานที่นี่ ตอนนั้นกิ่งอายุ 24 ปี และขอฐานเงินเดือนไปก็ได้ตามที่คาดหวังไว้ จนเวลาผ่านไปเราคิดว่าทักษะการทำงานเรามากขึ้น ได้รับลูกค้าหลายเจ้า ได้ประสบการณ์มากขึ้น เลยรู้สึกว่าตัวเราเองเริ่มทำงานเกินเงินเดือนแล้ว ควรได้รับค่าตอบแทนที่มากกว่านี้หน่อย ด้วยงานที่มันเริ่มโหลด และภาระการเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานวันละ 70 กิโล ด้วยระบบองค์กรที่บริษัทเราที่มีการปรับเงินเดือนรอบละไม่เกิน 3 – 5 % ในการปรับเงินเดือน มันเล็กน้อยมาก เลยรู้สึกว่าไม่พอสำหรับค่าครองชีพที่เป็นอยู่

            จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามี HR บริษัทที่ใหม่ ซึ่งองค์กรนั้นเป็นองค์กรลักษณะเดียวกันกับที่เราทำอยู่ปัจจุบัน เขาโทรมาแล้วบอกว่าเห็น RESUME ของเราในเว็บออนไลน์ เขาแจ้งว่า พวกคุณสมบัติ ประสบการณ์เราดูตรงกับตำแหน่งที่เขาต้องการอยู่ เราก็ตอบตกลงสัมภาษณ์กับทางบริษัทนั้นไป หลังจากนั้นทาง HR คนนั้นเขาก็ขอให้เราอัปเดตเอกสาร RESUME โดยให้ระบุเงินปัจจุบัน แล้วก็เงินเดือนที่คาดหวัง เราก็เอ๊ะนิดนึง ด้วยความที่เราไปสัมภาษณ์มาหลายที่แล้ว สิ่งที่เราเจอมาตลอดคือเขาจะถามแค่เงินเดือนที่เราอยากได้ ไม่เคยเห็นที่ถามเงินเดือนปัจจุบันมาก่อน เราคิดว่ามันมีข้อเสียที่ว่าถ้าเราบอกเงินเดือนจริงเขาไปแล้ว เขาจะกดเงินเดือนที่เราเรียกกับที่ใหม่ไปมั้ย? เราก็กลัวว่าไปทำงานที่ใหม่ เงินก็จะขยับไม่เยอะ ปกติสมัยนี้ถ้าเราย้ายที่ทำงานใหม่ ถ้าไม่ได้มี skill จริงๆ เขาคงไม่ได้ให้มากกว่าที่เดิม

            แต่ทางบริษัทใหม่เขาเสนอกับเราว่าอยากให้เงินเดือนเรามากกว่าที่เราต้องการ แต่เขาขอเอกสารเงินเดือนเก่าไปรีเช็คก่อน ซึ่งตอนที่เราโกหกเงินเดือนปัจจุบันของเรากับเขาไปตั้งแต่แรกแล้ว สุดท้ายเราก็โทรหา HR คนนั้นว่าเราขอปฏิเสธไป เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับที่ใหม่ ยังอยากอยู่กับที่เก่า ตัวเรายังไม่เหมาะด้วย เลยอยากรู้ว่าถ้าจะไปทำงานที่ใหม่ เราต้องยื่นฐานเงินเดือนที่เก่าด้วยมั้ย?

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

รู้สึกผิดที่ด่าแม่แฟนไป แต่เค้าก็สมควรโดนด่า! คบกับแฟนมา เราโพสน้อยใจแฟนลงเฟซ แม่แคปไปด่ากับลูกเค้า แม่เคยด่าเราว่า "มึงมันเป็นกระเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น" จากนั้นหนูขุดสรรพสัตว์ทุกตัวบนโลกมาด่าแม่เขา พอใจเย็นลงตอนนี้หนูรู้สึกผิด

10 มี.ค. 2025

รู้สึกผิดที่ด่าแม่แฟนไป แต่เค้าก็สมควรโดนด่า! คบกับแฟนมา เราโพสน้อยใจแฟนลงเฟซ แม่แคปไปด่ากับลูกเค้า แม่เคยด่าเราว่า "มึงมันเป็นกระเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น" จากนั้นหนูขุดสรรพสัตว์ทุกตัวบนโลกมาด่าแม่เขา พอใจเย็นลงตอนนี้หนูรู้สึกผิด

รู้สึกผิดที่ด่าแม่แฟนไป แต่เค้าก็สมควรโดนด่า! คบกับแฟนมา เราโพสน้อยใจแฟนลงเฟซแม่แคปไปด่ากับลูกเค้า แม่เคยด่าเราว่า "มึงมันเป็นกระเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น"จากนั้นหนูขุดสรรพสัตว์ทุกตัวบนโลกมาด่าแม่เขา พอใจเย็นลงตอนนี้หนูรู้สึกผิด ควรขอโทษดีไหมคะ? “คุณพี (นามสมมุติ)” อายุ 22 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มีนาคม 2568] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ของหนูกับเเม่เเฟน โดย “คุณพี (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูรู้สึกผิดที่ด่ากับแม่ของเเฟน เเต่เขาก็สมควรโดนด่าเเล้ว ต้องเล่าก่อนว่าหนูคบกับเเฟนมาประมาณ 8 ปี ทางบ้านก็รับรู้ทุกอย่างเเม่ของเเฟนก็ดูแลหนูดีมาก หนูไม่ต้องทำงานบ้านหรือต้องทำอะไรเลยตอนอยู่บ้านเขา เเต่สิ่งที่ทำให้หนูมีปัญหากับเเม่ของเเฟนคือ เเม่เขาเริ่มขอเงินเเฟนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเงินที่เเม่เขาขอไปก็เป็นเงินที่หนูกับเเฟนหามาด้วยกันทั้งคู่ ตอนเเรกหนูกับเเฟนก็ตกลงกันเเล้วว่าจะให้เงินกับเเม่เป็นรายเดือน จะไม่มีการให้เงินเเบบยิบย่อย ทั้งเเม่ของเขาเเละเเม่ของหนูเอง เรื่องที่ทำให้หนูกับเเม่ของเเฟนมีปัญหากัน เกิดขึ้นเมื่อตอนเดือนตุลาคมปีที่เเล้ว คือหนูน้อยใจเเฟน หนูเลยโพสต์ประมาณตัดพ้อในเฟซบุ๊ก แล้วเเม่ของเเฟนก็มาเห็นเลยเเคปภาพ เเล้วส่งไปให้เเฟนหนูดู เขาก็พูดว่า เเฟนมึงจะโพสต์อะไรหนักหนา หนูเลยทักไปหาเเม่ของเเฟนเลยว่า เเม่หนูน้อยใจเเฟน หนูก็โพสต์ในหน้าเฟสหนู ทีลูกสะใภ้คนโตโพสต์ด่าเเม่ เเม่ก็ลองไปว่าเขาบ้างนะ พอหนูพูดไปเเบบนั้น เเม่เขาก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น หลังจากที่หนูพิมพ์ไปเสร็จเเม่เเฟนก็ไปคุยกับเเฟนว่า หนูมันเป็นกะเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น ไปหาคนใหม่ดีกว่า พอหนูรู้ว่าเเม่เเฟนพูดเเบบนั้น หนูก็เลยด่ากลับไปบ้างเลย พอเเฟนรู้ เเฟนก็โกรธเเล้วเราก็ทะเลาะกัน เขาก็กลับบ้านไปหาเเม่เขาก่อน หนูก็เลยลองโทรไปหาเขาว่าจะเอายังไงจะเลิกใช่ไหม? เขาก็ไม่เลิกเเล้วก็หนีจากบ้านกลับมาหาเรา พอเเม่เขาจับได้ว่าลูกเขาหนีมาหาเรา เเม่เขาก็ด่าหนูอีกเเละก็โพสต์เเซะอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้หนูรู้สึกผิดที่ทำให้เเม่ลูกเขาทะเลาะกัน หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะทำยังไงดีกับเเม่เเฟน หนูควรจะขอโทษเลยดีไหม?’ โดย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าแม่ลูกคู่นั้นเขายังคิดถึงกันอยู่ ส่องเฟซกันไปมา พี่ก็คงบอกให้เขากลับไปคุยกับเเม่เถอะ เเต่ก็ต้องบอกเขาว่าถ้าเขากลับไปปัญหาเรื่องเงินมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม สุดท้ายถ้าจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ก็ต้องถามตัวพีว่า พีจะเเยกกระเป๋าไหม สุดท้ายก็ให้เขาไปคุยกันเพราะพี่ก็ไม่อยากให้เขาตัดแม่ ตัดลูกเพราะเรื่องของเรา เเละเรื่องขอโทษถ้าพีรู้สึกไม่สบายใจ พี่ว่าพีก็ไปขอโทษเขาได้’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าให้อยู่ในจุดที่ต่างคนต่างอยู่ เเล้วเเยกกระเป๋ากันดีกว่า ถามเเฟนว่าอยากกลับไปหาเเม่ไหม ถ้าอยากก็ต้องคุยเรื่องเงินกันให้เคลียร์ไปเลย เเละก็พยายามไม่ใช้คำที่เเรงมากเกินไป เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่เเม่เเฟน เเต่เป็นตัวของเเฟนพีเองมากกว่า’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถามว่าจะทำยังไงเพราถึงจะมีเรื่องมีราวมากเเค่ไหน เเต่ต้องทำให้เเม่ลูกเขาไม่คุยกันเลยเนี้ย มันก็ต้องรู้สึกผิดอยู่เเล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องจะขอโทษดีไหม พี่ว่าถ้าทำไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ เเต่สถานการณ์มันจะดีขึ้นไหม ไม่รู้เเต่พี่เชื่อว่าพีจะรู้สึกสบายใจไปเรื่องนึง เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ? หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลย

02 ก.พ. 2024

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ? หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลย

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ?หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลยแต่อาทิตย์ก่อนน้องเพิ่งจากไปด้วยอุบัติเหตุที่มาจากความประมาทของคนอื่น เสียใจที่สุดเลยค่ะ “คุณบี (นามสมมุติ)” อายุ 26 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [31 ม.ค. 67] ได้โทรมาขอกำลังใจ ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับน้องหมาที่เพิ่งเสียชีวิตไป โดย “คุณบี (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘หนูเพิ่งสูญเสียน้องหมาที่อยู่ด้วยกันมา 15 ปีจากอุบัติเหตุ น้องหมาอยู่กับหนูมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งผ่านมาอาทิตย์นึงเอง ครั้งนี้เหมือนหนูสูญเสียคนสำคัญของหนูครั้งแรกในชีวิตเลย หนูอยากจะขอกำลังใจจากพี่ทั้ง 3 คน นอกจากกำลังใจที่หนูอยากได้ ความเสียใจมันมีอยู่แล้วเพราะด้วยความที่น้องอยู่กับหนูมานาน น้องจากไปด้วยอุบัติเหตุ เลยทำให้อีกความรู้สึกนึงที่มันเกิดขึ้นในใจหนูคือ ความโกรธ ความโมโห คนที่มันทำ มันทำให้หนูย้ำคิดย้ำทำ ปล่อยว่างไม่ได้ ว่าเราจะโกรธเขาตลอดเวลาเลย’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘การจากไปด้วยอุบัติเหตุ เป็นอะไรที่สถานการณ์ยากลำบากที่สุด เพราะว่าเราไม่มีเวลาเตรียมตัว ให้นึกถึงว่า ไม่ช้าก็เร็ว เราทุกคนก็ต้องจากกัน จะจากเป็นหรือจากตายมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถึงเวลานั้นเราต้องเข้มแข็ง เวลาของความเสียใจมันใช้เวลา ยิ่งผูกพันมาก ๆ พี่ก็ใช้เวลาเป็นปี เป็นเรื่องที่ทำใจค่อนข้างยาก ให้เวลาเยียวยา จะไม่บอกว่าอย่าเสียใจนะ ยังไงมันก็เสียใจอยู่แล้ว ถือว่าที่โทรมาในพุธทอล์ควันนี้ พวกพี่กำลังกอดอยู่แล้วกัน เป็นกำลังใจให้นะ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘พี่อยากบอกน้องบีว่า น่าอิจฉามากเลย หนูเหมือนมีพี่ชายที่รักหนูมากแล้วอยู่กับหนูมา 15 ปี บางคนเขาอาจจะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ในชีวิตเลยก็ได้ เขาแค่นำไปอยู่ดาวหมาก่อน เดี๋ยววันนึงมันก็เป็นคิวของพวกเราเอง แล้ววันนั้นเราก็จะไปเจอกับเขาบนดาวดวงนั้น แต่ว่าถ้าคิดถึง พี่ว่ามองอะไรที่นึกถึงแล้วทำให้ยิ้ม นึกถึงภาพที่อยู่กับเขา โตมากับเขาหรืออื่น ๆ ให้มีความสุขแล้วก็คิดว่าสักวันหนึ่งเราก็จะไปเจอกับเขาบนนั้น เป็นกำลังใจให้นะ... สำหรับพี่ ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันหมด มันเหมือนถูกวางไว้แล้ว เหมือนว่าการที่เราต้องซวยเจอเรื่องแบบนี้ เพราะว่าถ้าคนนี้ไม่มาจังหวะนี้ มันก็จะไม่มาชนน้องหมาของเรา แต่พี่รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนเราเลี่ยงไม่ได้เลย โดยเฉพาะมันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่ใช่คนบนฟ้าที่มองลงมาแล้วเห็นว่า ถ้าเราไม่ออกไปตอนนี้ เราจะเจอใครอะไรแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุตามชื่อของมัน เราไม่สามารถควบคุมมันได้ พี่ว่าต้องยอมรับแล้วก็เข้าใจมัน การที่เราไปผูกใจเจ็บ มันจะทำให้ตัวเราเองนั่นแหละจะเจ็บไปต่อเรื่อย ๆ และก็ไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ ถ้าพี่ตอบเร็ว ๆ แบบนี้นะ น้องหมาเขาเสียไปแล้ว เสียเพราะคนใจร้าย แต่สุดท้ายเขาโชคดีมาก ๆ ที่ได้เจอคุณ ก่อนที่เขาจะจากไป การผูกใจเจ็บมันทำให้หนูไม่มีความสุข และถ้าน้องหมาเขามองลงมา เขาเห็นบีไม่มีความสุขเขาก็ไม่มีความสุข เพราะตอนนี้เขาอยู่กับหนูไม่ได้อีกแล้ว นึกถึงแต่เรื่องดี ๆ ไว้ดีกว่า สำหรับพี่นะ’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘ยอมรับก่อนว่าพี่ไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงแบบอยู่ด้วยกันยาว ๆ แต่ 15 ปี ที่อยู่ด้วยกันพี่ว่าก็คงไม่ต่างอะไรกับเราเสียคนในครอบครัวคนนึงไป สิ่งนึงที่พี่คุยกับลูกชายของพี่ 4 ขวบ เมื่อมีการศูนย์เสียเกิดขึ้นคือ เขาจะย้ายไปอยู่ในสมองของเรานะ คนที่จากไปเราจะเจอกับเขาได้แค่เราหลับตา เขาจะมาอยู่ในสมองของเรา จดจำเขาไว้ในความทรงจำของเรา อย่าลืมเขาแค่นั้น เขาจะอยู่กับเราไปตลอด พี่รู้สึกว่า คนเรามันมีอายุไข ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้วันนึงเราก็ต้องจากกัน พอวันนี้มันเกิดเหตุนี้ขึ้นมา มันกะทันหัน มันทำใจยาก มันทำให้บีเกิดความโกรธ ซึ่งถ้าเป็นพี่ก็คงโกรธมาก ๆ แต่มันเป็นเรื่องปกติที่เราโกรธ ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก ความประมาทจากบุคคลที่ 3 มันยิ่งทำให้เราโกรธ แต่หลังจากความโกรธนั้นสิ่งที่จะทำร้ายจริง ๆ คือทำร้ายเรา น้องไปแล้วคนที่เขาทำเขาอาจจะแคร์หรือไม่แคร์ก็ไม่รู้ แต่คนที่ยังรับความโกรธ ความโมโหอยู่ข้างใน คนที่โดนทำร้ายแน่ๆ คือเรา สุขภาพจิตเสีย พอเราอยู่กับความเครียด ความโกรธ ความเศร้ามาก ๆ เคมีในสมองก็จะหลั่งออกมาอีกแบบนึง สุดท้ายแล้วมันจะกระทบกับร่างกายเรา คนที่รับผลกระทบคือเรา เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะไปจมกับความโกรธ พี่ก็เลยเลือกที่จะให้อภัย ถ้าวันนั้นคนนั้นเลือกที่จะหยุดเวลาสั้น ๆ ได้ก็คงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น สุดท้ายมันก็กลับมาที่ประโยคที่ว่าต้องใช้เวลา จนกว่าเราจะเห็นด้วยกับประโยคนี้ได้จริง ๆ ว่า เขาคงไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก’ พี่ ๆ ดีเจทั้ง3 คนเพิ่มเติมว่า ‘15 ปี คิดถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา 15 ปี บีคิดว่า 15 ปี มันต้องใช้เวลาทำใจเท่าไหร่ อาจจะต้องให้เวลามันหน่อย ช่วงนี้ก็เศร้าได้แค่เรารู้ตัวว่าก็เศร้า ไม่เป็นไรหรอกให้เวลา ให้ร่างกาย ให้ชีวิตเราเจอกับความเศร้า ในมุมของผู้ใหญ่ที่อายุ 40 กว่า คิดว่า อันนี้ก็ฝึกบีนะ เพราะเดี๋ยวบีก็ต้องเจอการศูนย์เสียอีกเต็มไปหมด อันนี้เหมือนเป็นเคสนึง ว่าบีจะผ่านไปได้เท่าไหร่ ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ จะช้าจะเร็วเดี๋ยวมันต้องมาแน่ ๆ บีต้องเจอพวกพี่ทุกคนก็ต้องเจอหมด แต่เราจะอยู่อย่างไรให้มีชีวิตอยู่ต่อได้จากการศูนย์เสียคนที่รักไป ให้เวลาเยียวยา’ ก่อนวางสายไป “คุณบี(นามสมมุติ)” ขอฝากถึงแฟนๆ รายการ พุธทอล์ค พุธโทร ว่า ‘บางคนอาจจะบอกว่า แค่หมาตัวนึง ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่หนูอยากบอกว่า ทุกชีวิตมันมีค่าเท่ากัน แค่หมาตัวนึงของคุณแต่ว่าเขาคือโลกทั้งใบหรือคนในครอบครัวของเราเลย หนูอยากให้ทุกคนเลิกมองว่าชีวิตคนกับชีวิตสัตว์มันมีค่าไม่เท่ากันสักที’ สุดท้ายนี้พี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน ให้กำลังใจกอด “คุณบี(นามสมมุติ)” แน่น ๆ น้าาาเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=SZ-XdtFvSHUt=646sใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปี เคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลย รู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้ว

24 มิ.ย. 2024

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปี เคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลย รู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้ว

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปีเคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลยรู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้วตอนนี้ผมเพิ่งผ่านโปรงานปัจจุบัน แต่ความรู้สึกนั้นเริ่มกลับมาอีกแล้ว “คุณโต๋ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สี่ในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนงาน โดย “คุณโต๋ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนงานบ่อยมากเลย คือ ผมเรียนจบสายสังคมศาสตร์ หลังจากที่ผมเรียนจบมา ผมได้มีโอกาสเข้าไปทำงานที่แรกเกี่ยวกับงานบริการ อาจจะไม่ตรงกับสายที่เรียน แต่ก็ยังได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาอยู่บ้าง ทำได้อยู่ 3 ปี ซึ่งเพื่อนร่วมงานก็ดี คอยช่วย คอยซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจกัน เวลาโดนหัวหน้าด่าหรือโดนกดดันแต่พอได้เจอเพื่อน มันก็ยังอยู่ได้ จนผ่านมา 2 – 3 ปีเพื่อนก็ทยอยลาออกกันไปหมด แล้วต่อมาผมก็ลาออก เพราะผมต้องไปบวช ซึ่งใช้เวลาในการบวชค่อนข้างนานอยู่ และอยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ด้วย แต่ก็ไปทำงานที่ไหนก็ทำได้ไม่เคยถึงปีเลย ส่วนใหญ่เหตุผลที่ลาออก บางทีไปเจอสภาพแวดล้อมการทำงาน หรือว่าบรรยากาศการทำงานที่มันรู้สึกอึดอัด ต้องเจอเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานที่กดดัน พอเราเข้าไปแล้วเหมือนเราเป็นเด็กใหม่ แล้วพยายามปรับตัวเข้าหาเขา แต่พออยู่ไปสักพักเหมือนเราเข้ากับเขาไม่ได้เลย หลังจากลาออกจากที่ทำงานที่แรก ผมเปลี่ยนที่ทำงานไปก็รวมๆ 10 ที่ได้แล้ว ในระยะเวลา 2 ปี ระยะเวลาในการทำงานที่สั้นสุด 1 - 2 วันก็ไม่ไปแล้ว ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ผมต้องการ คือ อยากเจอเพื่อนร่วมงานที่ดี และระยะทางของการไปทำงาน ที่ทำงานอยู่ตอนนี้ ผมทำงานผ่านโปรมาได้ 4 – 5 เดือนแล้ว ผมมีความรู้สึกกลับไปวนลูปเดิม รู้สึกอยากเปลี่ยนงานอีกแล้ว รู้สึกที่นี่ไม่เหมาะกับเราอีกแล้ว เพราะเวลาที่ผมไปตามงานหรือถามงานอะไร เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าเหมือนหงุดหงิดใส่ คุยกับผมเหมือนไม่อยากคุย แกล้งบ้าง หรือไม่อยากตอบบ้าง ซึ่งเวลาพี่ๆเขาสอน ผมก็จดไว้ตลอด แต่คำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามเรื่องใหม่ตลอด ผมอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่าผมจะทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700 แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400 ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว

03 พ.ค. 2024

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700 แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400 ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว พอไม่ให้แม่ก็ร้องไห้ใส่ลูกสาวเผยความรู้สึก หนูอยากจบลูปนี้จะทำยังไงดีคะ? “คุณมีน (นามสมมติ)” อายุ 13 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [1 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่ตัวเองโดนคุณแม่ยืมเงินตั้งแต่ ป.5 จนตอนนี้ขึ้น ป.1 แล้ว พฤติกรรมของแม่ก็ยังเหมือนเดิม โดย ​“คุณมีน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ย้อนกลับไปสมัยที่ยังเป็นเด็ก แม่ของหนูมักจะถามย้ำมาตลอด และถามย้ำแทบจะทุกปีว่า ‘ถ้าแม่กับพ่อเลิกกัน หนูจะเป็นอะไรไหม?’ จนกระทั่งขึ้นชั้น ป. 5 หนูก็บอกกับแม่ไปว่า ‘ถ้าแม่เหนื่อย แม่ก็ออกมานะ’ แล้วแม่ก็ถามอีกว่า ‘แล้วเราจะยังอยู่กับแม่ไหม?’ ตอนนั้นเลยตอบแม่ไปว่า ‘อยู่ค่ะ’ เวลาผ่านไปไม่นานพ่อกับแม่ก็หย่ากัน พ่อจึงย้ายไปอยู่กับภรรยาใหม่ ส่วนหนูก็อยู่กับคุณแม่ หลังจากนั้นก็ขึ้นชั้น ป.6 หนูทำคะแนนสอบ O-Net ได้เต็ม จึงได้เงินสนับสนุนจากโรงเรียน 5,000 บาท พฤติกรรมของแม่ก็เริ่มเปลี่ยน แม่ก็เริ่มที่จะขอยืมเงินจากหนูทีละ 2,000 บาท โดยอ้างว่าจะเอาเงินไปเปิดบัญชีให้ หนูก็ไม่ได้คิดอะไร เอาเงินให้แม่ไป แล้วหนูก็มารู้ทีหลังว่า แม่เอาเงินไปลงทุนขายของ แต่ไม่ได้กำไรอะไรกลับคืนมาเลย ให้เหตุผลกับหนูว่า ‘แม่ขายไม่ดี’ ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่รู้เลยว่า ‘แม่เอาเงินของหนูไปใช้เพื่อการลงทุนขายของจริงหรือเปล่า ?’ หลังจากนั้นก็ขึ้นชั้น ม.1 หนูก็ได้เงินค่าขนมเพิ่มจากพ่อ เป็นรายอาทิตย์ครั้งละ 700 บาท แม่ก็เริ่มที่จะขอยืมเงินอีกครั้ง ซึ่งขอยืมทีละ 300 - 400 บาท หนูก็ถามหาเหตุผลจากแม่ แม่ก็ให้เหตุผลว่า ‘เอาไว้ใช้ซื้อข้าวให้หนู’ หนูอยากจะถามแม่ว่า ‘แล้วเงิน 1,000 ที่พ่อให้แม่เอาไว้ซื้อข้าวให้หนูมันหายไปไหน ?’ แต่หนูก็ไม่ได้ถามออกไป ทำได้แค่ให้เงินแม่ไป รวมถึงช่วงปิดเทอมด้วย หนูได้เงินค่าขนม 500 บาท แม่ก็จะมาขอยืมทีละ 200 - 300 บาท แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนเคยมีครั้งหนึ่ง หนูลองปฏิเสธแม่ แม่เขาก็ร้องไห้ บอกกับหนูว่า ‘ทำไมหนูถึงไม่ช่วยเขาเลย หนูไม่รักเขาแล้ว’ ทุกครั้งที่ยืมเขาจะคืนบ้าง ไม่คืนบ้าง แต่จะขอยืมทุกครั้งเมื่อหนูได้เงิน ซึ่งหนูให้เกือบทุกครั้ง หนูก็ปล่อยเลยตามเลยไป โดยหลังจากที่แม่เลิกลงทุนขายของ แม่ก็ไปเป็นลูกจ้างขายของในตลาดหน้าโรงเรียน และตอนนี้แม่ก็ทำงานอยู่ในสถานบันเทิง ซึ่งแม่ก็ไม่ได้มีครอบครัวใหม่ ปัจจุบันแม่อายุ 46 ปีแล้ว หนูเคยถามว่า ‘แม่เอาเงินไปใช้ทำอะไร?’ แม่เคยให้เหตุผลว่าเอาไปเลี้ยงแมว เพราะหนูเคยเลี้ยงแมว ที่บ้านของแม่ ซึ่งแมวพวกนั้นก็ไม่ได้ทำหมัน ทำให้มีแมวเยอะ ภาระของแม่ก็เลยเยอะขึ้น ทั้งค่าอาหาร และค่าดูแลรักษา ในหลายครั้งที่แม่ยืมเงินหนู แต่ละอาทิตย์ หนูจะต้องบริหารเงินใช้เอง โดยการขอค่าขนมหรือค่าข้าวเพิ่ม จากคนอื่นในครอบครัว ซึ่งตอนนี้หนูขึ้น ม.2 แล้ว ตลอดระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ ป.5 ถึง ม.2 แม่ก็จะขอยืมเงินมาตลอด จากการคาดการณ์จำนวนเงินที่แม่ยืมก็น่าจะถึง 10,000 กว่า แม้ในตอนที่หนูชวนเขาไปเที่ยว หนูก็ต้องเป็นคนออกค่ากิน ค่าเดินทางให้เขาทั้งหมดเลย พ่อรับรู้เรื่องนี้ แต่พ่อไม่รู้ว่า ทุกวันนี้แม่ก็ยังยืมอยู่ ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ที่พ่อให้เงินหนูเพิ่ม เพื่อเอามาให้แม่ แต่แม่ก็ไม่รับเงินนั้น แต่ก็มาเอาเงินของหนูแทน พ่อกับแม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน เพราะจริง ๆ แล้ว แม่ก็ทำงานมีเงินหลักหมื่น พอเขาทะเลาะกัน แม่ก็มาคุยกับหนูว่า ‘ทำไมถึงไปบอกพ่อ ทำไมหนูถึงไม่ช่วยเขาเลย’ แม่มักพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนหนูจำได้ขึ้นใจ ตอนช่วงหลังๆ เวลาที่พ่อถามหนูก็ต้องแก้ต่างให้แม่ หลังจากเหตุการณ์ที่แม่บอกว่า ‘หนูไม่รักเขา’ ทุกครั้งที่แม่ขอยืม หนูก็จะปฏิเสธ แต่แม่ก็ยังทำเหมือนว่าเสียใจ จนหนูต้องเป็นคนรู้สึกผิด เพราะหนูถูกปลูกฝังมาโดยตลอดว่า ‘คนเป็นลูกต้องกตัญญู’ แม้ว่าแม่จะไม่เคยทวงบุญคุณ แต่หนูก็จะรู้สึกแปลก แม่ของหนูเป็นคนที่ชอบดูดวง จนมาพูดกรอกหูกับหนูตลอดเลยว่า ‘เขามีดวงที่มีคนเข้าอุปถัมภ์ เหมือนว่าเดี๋ยวเขาก็จะรวยขึ้น เขาจะมีเงินเยอะ แล้วหนูจะไม่มีวันทิ้งเขา’ เหมือนกับว่า ‘ให้แม่มาก่อน เดี๋ยวแม่ก็รวย แม่ก็จะใช้เงินดูแลมีน’ หนูอยากถามว่า ‘หนูควรจะทำอย่างไร ให้แม่หยุดยืมเงิน โดยที่ไม่ต้องมีปัญหาต่อ เพราะว่าหลังจากนี้ แม่คงไม่ได้มีบทบาทของความเป็นแม่อีกแล้วค่ะ’ ​ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คงต้องบอกปัญหานี้กับพ่อ เพื่อให้พ่อเป็นคนจัดการปัญหาให้ เพราะแม่เขาคงคิดว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินของพ่อ เป็นเงินที่พ่อให้มา ไม่ใช่เงินของหนู เขาคิดว่านี่คือเงินที่พ่อ หรือญาติ ๆ ให้ เขาไม่ได้มองว่านี่คือเงินของมีน การที่เขามาเอาเงินจากมีน ก็เหมือนว่าเขาเอาเงินพ่อ ที่บางทีเขาอาจจะไปขอที่พ่อแล้ว แต่พ่อก็ไม่ให้ หรือมันอาจจะเป็นเงินที่เขาจำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม ซึ่งถ้าหนูบอกว่าอยากให้เรื่องนี้จบ หนูก็ต้องบอกพ่อ ให้พ่อจัดการกับเรื่องนี้ แล้วหนูก็ต้องเลือกสักฝั่ง ต้องไม่ปกป้องแม่ ต้องเลือกทำสิ่งที่ถูก แล้วเรื่องนี้ก็จะจบ เพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากเงินที่พ่อให้ หนูไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้เองได้ ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้พ่อฟังเหมือนที่โทรมาเล่าให้พวกพี่ฟัง’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ข้อหนึ่ง น้องมีนต้องเรียกแม่มาคุย ถ้าไม่กล้าก็ข้ามข้อนี้ไป แต่ถ้ากล้าก็บอกแม่เลยว่า ที่มีนเรียกแม่มาคุย เพราะต่อจากนี้มีนจะไม่ให้แม่ยืนเงินแล้ว เพราะมีนก็ยังไม่มีรายได้ แล้วปัญหาของแม่ก็คือ มันดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ต้องออกค่าเทอม ทั้ง ๆ ที่แม่ควรจะมีส่วนในการดูแลมีนด้วยซ้ำ แล้ววันนี้มินก็ไม่ได้เรียกร้องให้แม่ทำหน้าที่แม่ด้วยซ้ำ มีนก็แค่อยากจะบอกแม่ว่าปัญหาของแม่ แม่ก็ต้องแก้เอง และถ้าแม่มีปัญหาเรื่องเงินอีก มีนจะต่อสายให้คุยกับพ่อ เพราะนั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ข้อสอง อาจจะแก้ว่าพ่อมีปัญหาเรื่องเงิน แม่ขอค่าเทอมหน่อย เพื่อให้แม่รู้ว่า นี่ก็เป็นหน้าที่แม่เหมือนกัน กับข้อสาม… วิธีของพี่เผือก… ให้ผู้ใหญ่จัดการปัญหานี้แทนเรา แล้วก็อยากให้มีนเข้มแข็งในการปฏิเสธ ต้องมีเด็ดเดียว ! สมมติว่าเขามาขออีก ก็บอกเขาไปเลยว่า ดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ต้องมาออกค่าเทอมให้มีน แม่รู้ใช่ไหมว่าการที่ทำให้เด็กคนนึงเกิดมา คนที่ทำให้เกิดมาจะต้องรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย อันนี้มันกลับตาลปัตรไปหมดเลย มีนต้องเข้มแข็ง ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ! ถ้าแม่ร้องไห้ก็คือต้องยื่นทิชชูให้แม่ แล้วก็บอกว่าจะร้องอีกแค่ไหน ให้กลับไปร้องที่บ้าน อันนี้ยากไปไหมคะ ถ้ายากพี่จะบอกวิธีที่ง่ายกว่านี้… บอกแม่ว่า มีนก็ไม่มีเหมือนกัน แล้วถ้าแม่อยากได้จริง ๆ มีนจะให้แม่คุยกับพ่อนะ แล้วมีนก็ต่อสายโทรศัพท์ตรงนั้นเลย ทำยังไงก็ได้ แต่หนูต้องไม่ให้เขายืม เพราะเขาจะติดนิสัยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เป้าหมายคือไม่ให้ยืมอีกแล้ว มีนต้องเก็บเงิน หรือบริหารเงินด้วยตนเอง เพราะตอนนี้มีนก็ 13 แล้ว เราต้องดูแลตัวเอง ! พี่ก็เห็นด้วย ที่คุณพ่ออาจจะต้องลงมาแก้ปัญหาเรื่องนี้ แล้วไม่ว่าแม่จะว่าเรายังไงก็ตาม ก็ไม่ต้องสนใจ ถ้าแม่เป็นแบบนี้อยู่ พ่อก็ต้องลงมาจัดการ’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีแรก แบบประนีประนอมที่พี่คิดได้ตอนนี้ ลองบอกแม่ว่าพ่อให้เงินใช้รายวัน ถ้าจะมาขอยืมต้องไปเอากับพ่อ หนูใช้วันละ 100 ก็ไม่พอแล้ว ถ้าแม่ต้องการเงินเพิ่ม ก็ไปเอากับพ่อเลย หนูไม่มี ! วิธีสอง ก็คือการคุยกับคุณพ่อว่าแม่ยืมเงินหนู แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม พี่อยากบอกกับมีนว่า ถ้าแม่เขาพูดว่า ทำแบบนี้คือลูกอกตัญญู พี่ว่าตัวพี่และคนอื่น ๆ ที่ฟังอยู่ อยากบอกหนูว่าหนูไม่ใช่เด็กอกตัญญู อย่างที่หนูบอก คุณแม่เขาต้องดูแลหนูด้วยซ้ำ แต่นี่หนูเอาค่าขนมของตัวเองไปให้เขาตั้ง 3 ปี มันไม่ใช่สิ่งที่หนูจำเป็นต้องทำด้วยซ้ำ แต่นี่คือหนูก็รักเขา อยากช่วยเหลือเขา แต่บางครั้งเราต้องรู้ว่า ถ้าเราต้องช่วยเหลือคนอื่น เราต้องไม่ลำบากด้วย แต่ตอนนี้มันชัดเจนว่า ตัวหนูลำบากและหนูมีใช้ไม่พอ หนูต้องไปขอเพิ่ม หนูจึงไม่สบายใจ เขาจำเป็นต้องรู้ผิดชอบชั่วดี ว่าการที่เขามายืมเงินลูกที่ลูกได้อาทิตย์ละ 700 แสดงว่าเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่ามีนจะกินอยู่ยังไง หรืออาจเป็นเพราะว่าเค้ามั่นใจ ว่ามีนจะรอด เพราะว่ามีนยังมีพ่อกับป้าคอยดูแล แต่ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เสียคน !’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1