คบกับแฟนมา เขาหวงหนู มีข้อห้ามต่างๆ ไปผับห้ามเต้นกับเพื่อน ห้ามใส่เสื้อโป๊ ใส่ได้แค่เสื้อยืดหลวมๆ บางทีให้หนูใส่กางเกงบอล ล่าสุดสงกรานต์ห้ามหนูออกจากบ้าน ด้วยเหตุผล "เปอเซ็นต์ผู้หญิงโดนปะแป้งเยอะกว่าผู้ชาย" หนูไม่โอเคเค้าก็บอกเลิกหนูเลย จะง้อยังไงดีคะ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบกับแฟนมา เขาหวงหนู มีข้อห้ามต่างๆ ไปผับห้ามเต้นกับเพื่อน ห้ามใส่เสื้อโป๊ ใส่ได้แค่เสื้อยืดหลวมๆ บางทีให้หนูใส่กางเกงบอล ล่าสุดสงกรานต์ห้ามหนูออกจากบ้าน ด้วยเหตุผล "เปอเซ็นต์ผู้หญิงโดนปะแป้งเยอะกว่าผู้ชาย" หนูไม่โอเคเค้าก็บอกเลิกหนูเลย จะง้อยังไงดีคะ?

12 เม.ย. 2024

          “คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 เม.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร’ เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนหวงห้ามเล่นสงกรานต์

            โดย ​“คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนไม่ให้หนูไปเล่นน้ำสงกรานต์ เขาให้เหตุผลว่า ผู้หญิงมีเปอร์เซ็นต์ที่จะโดนปะแป้ง โดนลวนลามมากกว่าผู้ชาย เขาเป็นแฟนหนูเขาจะไม่ยุ่งเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าตัวหนูเป็นผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงเขาเลยไม่ให้หนูไป แต่เขาออกไปเล่นได้ เขาไม่พาหนูไปด้วยเพราะว่าอยู่ไกลกันก็เลยไม่ได้เล่นน้ำด้วยกัน เขาเป็นคนหวงหนูมาก ชอบห้ามหนูในสิ่งที่เป็นตัวหนู เช่น เรื่องการแต่งตัว เรื่องไปเที่ยวกับเพื่อน เขาก็จะห้ามนู่นห้ามนี่ หนูก็รู้ว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ Toxic แต่หนูก็รักเขาเลยยังอยู่ หนูกับเขาอายุ 22 ปีเท่ากัน คบกันมาประมาณปีกว่า ๆ ถ้ารวมคุยด้วย

            สิ่งที่เขาห้ามมีเรื่องแต่งตัว แล้วก็ถ้าไปร้านเหล้าก็ห้ามเต้นกับเพื่อน ให้นั่งเฉย ๆ ต้องใส่เสื้อยืดเท่านั้น กางเกงขาสั้น บางทีก็ให้ใส่กางเกงบอล ชุดนักศึกษาหนูใส่ได้แค่ทรงพลีท ไม่สามารถใส่ทรงเอได้เลย แต่เรื่องที่กำลังเป็นปัญหาในตอนนี้คือ เรื่องเล่นน้ำสงกรานต์ หนูแค่ไม่เข้าใจว่าเขาไปเล่นได้ ทำไมหนูถึงไปเล่นไม่ได้ หรือว่าถ้าเขาไม่ให้หนูเล่น เขาก็ไม่ควรออก เพราะคนที่นอนอยู่บ้านรู้สึกกังวล เป็นห่วงเขา หนูอยากออกไปสักแค่วันนึง แต่หนูไม่ได้อยากไปสาดน้ำ แค่อยากออกไปเจอเพื่อนเฉย ๆ เวลาหนูโดนเขาห้ามเยอะ หนูก็เลยพูดกับเขาว่า เนี่ย ถ้าเกิดเธอมาห้ามในสิ่งที่เราชอบ งั้นเราก็ห้ามเธอไปร้านเหล้าเหมือนกัน เขาก็ตอบว่า ได้ แต่สุดท้ายก็มีไปอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ไปบ่อยเท่าเดิม

            ล่าสุดหนูพยายามไกล่เกลี่ยขอเขาว่า ขอให้เขาเล่นน้ำแค่ 2 วันได้ไหม เขาก็บอกว่า ไม่ได้เลย ทีนี้ก็ทะเลาะกันหนักมาก เพราะว่าหนูก็ขอเขา เขาไม่ยอม เถียงกันไปเถียงกันมาก็บอกเลิกหนูเลย พอเขาบอกเลิกหนูก็ง้อ หนูรู้สึกว่าไม่ควรบอกเลิกเพราะเรื่องแค่นี้ หนูก็เลยพยายามง้อเขา ตอนนี้เขาก็ไม่ค่อยจะคุยกับหนูเท่าไหร่ ค่อย ๆ เฟดตัวออกไป แต่หนูก็พยายามทำตัวดี ๆ ก็บอกเขาว่า โอเค เธอไปเล่นได้เลย เราอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ได้ แต่สิ่งที่อยากถามพี่ๆดีเจ คือ มีวิธีไหนบ้างที่จะบอกให้เขาแฟร์ ๆ กับเรา หรือวิธีพูดให้เขาเปลี่ยนความคิดสักนิดนึงได้ไหม?

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าคนลักษณะนี้ ด้วยอายุเท่านี้ พูดไปเขาก็ไม่น่าจะฟังเหตุผลหรอก น้ำก็เคยคุยกันไปแล้วเรื่องสงกรานต์จบที่เลิกกัน พี่ยังคิดไม่ออกเหมือนกันจะมีเหตุผลอะไร ที่ทำให้คนคนนึงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกซะจากว่าวันหนึ่งเขาจะอายุมากพอ ความคิดโตพอที่จะแยกแยะได้ ระหว่างความหึงหวงใดใดก็ตามกับความไว้ใจคนของเรา แล้วก็เหมือนใจกว้างมากขึ้น

            ถ้าหนูพยายามที่จะหาจุดกึ่งกลางกับผู้ชายคนนี้ ณ เวลานี้พี่ว่ายังยากอยู่ ถ้ารักจริง ๆ พร้อมที่จะยอมจริง ๆ ก็อาจจะต้องทนก่อนระยะนี้ แต่พี่คิดว่าเขาไม่น่าจะเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้ ด้วยความที่อายุ 22 ปีเท่ากันอยู่ แล้วหนูก็ไม่อยากให้เขามาเปลี่ยนตัวตนหนู แต่เอาเข้าจริงหนูก็ยอมเขา เพราะฉะนั้นถ้ายังคบกับเขา พี่ว่ายังไงก็ต้องยอมแบบนี้ ให้เอาเหตุผลอะไรไปพูด เดี๋ยวก็เลิกกันอีก เอาเป็นว่าถ้าเขามาฟัง สิ่งเดียวที่พี่พอจะช่วยได้ก็คือ ไอ้หนุ่มเอ้ย พ่อหนุ่ม เมื่อก่อนพี่ก็เป็น แต่เดี๋ยวเราโตขึ้นมันจะค่อย ๆ ใจกว้างขึ้นแหละ แล้วถ้ายิ่งโตขึ้นได้เร็วเมื่อไหร่ แฟนเราก็จะได้หายใจหายคอ แล้วความอึดอัดที่อยู่ด้วยกันก็จะยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ ชีวิตจะยิ่งมีความสุขขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรารู้จักปล่อยวางนะไอ้หนุ่มนะ’

            ต่อมา “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าก่อนจะไปคุยกับเขา หนูคุยกับตัวเองก่อน ไม่รู้สิเวลาที่คนเรารักกันมันก็ต้องอยากให้เขามีความสุขในการอยู่ข้าง ๆ เรา ไม่ได้แปลว่าอยู่กับฉัน แล้วเธอต้องทำสิ่งสิ่งนั้น สิ่งนี้ นี่มีแฟนไม่ได้เข้าคุก การที่บอกว่าต้องแฟร์กับหนูหน่อย หนูก็ต้องแฟร์กับตัวเองด้วยเหมือนกันว่า เฮ้ย ชีวิตฉัน ฉันอยากมีแฟนแล้วทำให้ฉันมีความสุขในทางของฉันเช่นเดียวกัน และเมื่อไหร่ก็ตามทีที่เขาเองบังคับใด ๆ แล้วน้องก็ทำตามสิ่งที่เขาบังคับมาโดยตลอด อะไรจะเข้าฝันเขาหรอว่า เขาฝันเสร็จปั๊บ พรุ่งนี้ปล่อยให้น้ำเป็นอิสระบ้างดีกว่า สงสารน้ำจังเลย ไม่มีทาง

            วันนี้พี่ยังเป็นคนที่เชื่อเสมอว่า คนเราอะไรก็ได้ ไม่มีอยู่จริงหรอก ความรักของคนที่เป็นผู้ใหญ่ มันจะไม่ใช่แค่ห้ามทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ พี่ว่านิดนึงน้ำเองก็ดันมีความรู้สึกว่า พี่ แต่เขาก็หวงหนูไงคะ หนูก็เลยรู้สึกว่าการหวงถือว่าเป็นการรักมาก แต่พี่ไม่ได้อยากพูดให้น้องนอยด์นะ พี่เห็นมาเยอะมากว่า ไอ้คนที่หวงแฟนระดับเกินเบอร์ไปมาก ตัวเองทำทุกอย่างเลย แล้วยิ่งถ้าน้องทำตัวเองเป็นดาวบริวารที่โคจรรอบตัวเขา ยอมเขาอะไรก็ได้ ขนาดเรื่องนี้คนที่ควรโกรธคือเราด้วยซ้ำ น้องกลับกลายเป็นง้อ พี่ว่าคน 2 คนเวลารักกัน เราต้องแคร์ความสุขของกันและกันด้วย ไม่ใช่พยายามบังคับให้เราเป็นแบบนั้นแบบนี้ และเราเองก็ดันพยายามบังคับตัวเองให้เป็นแบบนี้ด้วย อึดอัดก็อึดอัด แต่แสดงออกก็ไม่ได้กลัวเขาไม่รัก

            พี่รู้สึกว่าหึงนิด ๆ น่ารักนะ แต่หึงมากไปคล้ายดูถูก หึงมากไม่ได้แปลว่ารักมาก แต่แค่อยากเป็นเจ้าของชีวิต พี่เป็นคนที่เชื่อว่าคนรักกันเป็นเจ้าของหัวใจ แต่ไม่ใช่เจ้าของชีวิต เขาควรจะรู้ว่าน้ำมีความสุขกับเรื่องนี้ และถ้าเกิดเขาหวงมากก็แค่มาเล่นน้ำกับหนู พาหนูไปด้วย เขาไม่แฟร์กับหนูไม่เท่าหนูไม่แฟร์กับตัวเอง คือรักเขาพี่เข้าใจ แต่การรักเขาไม่ได้แปลว่าต้องยอมทุกสิ่ง จนกระทั่งเบียดบังความสุขของตัวเอง’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าจะให้พี่พูดอะไรกับแฟนหนู พี่ก็จะบอกเขาว่า ต้องรู้จักที่จะให้เกียรติคนรักมากกว่านี้ สิ่งเดียวที่เขาทำตอนนี้มันมาจากเรื่องเดียวที่พี่รู้สึกคือ เขาไม่ไว้ใจ เหมือนเขาจะตัดสินว่าการที่น้องน้ำแต่งตัวแบบนี้ มันจะทำให้น้องน้ำนอกใจเขา สำหรับพี่รู้สึกว่าแฟนกันมันต้องไม่ทำให้พี่ไม่ชอบตัวเอง เราชอบแต่งตัวแบบนี้ เรามีความสุขกับการแต่งตัวแบบนี้ ซึ่งมันอยู่ในขอบข่ายที่ไม่ได้อนาจาร คนทั่วไปเขาก็แต่งกัน อยู่ ๆ ก็ไม่ให้เราแต่ง น้ำต้องตื่นมาใส่กางเกงบอล ใส่เสื้อตัวใหญ่ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่ตัวเองไม่ได้ชอบ พี่รู้สึกว่ามันคือคนรักที่เราจะมีความสุขจริง ๆ หรอ คนที่อยู่ด้วยกันแต่ทำให้เราไม่ชอบตัวเองอยู่คนเดียวดีกว่าหรือเปล่า’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

11 ก.ย. 2023

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมาสุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน พอเราเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดรู้ว่าเป็นคนนอก แต่จะมองข้ามเรื่องนี้ยังไงดี? เพราะต้องทำงานร่วมกัน “คุณเตย (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมกับปัญหาที่ทำงานชอบจับคู่จิ้นให้คนอื่น โดย “คุณเตย (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท แล้วต้องย้ายสาขาไปอยู่อีกที่สาขานึง พอเราย้ายเข้าไปก็เจอวัฒนธรรมการจับคู่จิ้น แซว ชง โดยที่คนแซวก็ไม่ได้สนว่าคนที่จับคู่ เค้าจะแต่งงานแล้ว มีครอบครัว หรือแบบว่ามีแฟนอยู่แล้ว อย่างล่าสุด มีน้องผู้ชายคนนึงเพิ่งเข้ามาใหม่ คนในบริษัทก็ถามน้องผู้ชายว่า ‘น้องผู้หญิงคนนี้น่ารักไหม? ถ้าน่ารักก็จีบสิ’ แต่คนในบริษัทก็รู้ว่าน้องทั้ง 2 คนต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบชง ชอบแซว แต่เป็นกันทั้งแผนก ส่วนน้องที่ถูกชงตอนแรก ๆ ก็ปฏิเสธ ‘พี่ก็อย่าแซวสิ’ สุดท้ายไม่รู้ว่าไปชงกันถูกมุมหรืออะไรยังไง จนน้องทั้งคู่ลงเอยด้วยการนอกใจแฟนของตัวเอง มามีความสัมพันธ์กันจริง แต่เราเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ชงรู้สึกยังไงกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์พวกเค้าก็เฮฮา ยังชง ยังแซวกันอยู่เรื่อย ๆ เราก็ไม่ได้ไปสุงสิงอะไรกับพวกเค้า แต่เวลาทำงานมันต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะมีพวกคำทะลึ่ง คำส่อเสียดที่แบบว่า พูดกันไปไม่คิดถึงจิตใจแฟนของคนที่โดนแซว โดนจิ้นบ้างเลย คือในสถานการณ์นี้เรารู้ว่าเราเป็นคนนอก แต่เราก็มีความรู้สึกที่ควรจะให้เกียรติถึงแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันก็ตาม อยากจะได้คำแนะนำว่าเราจะมองข้ามเรื่องนี้ยังไง คือเราต้องทำงานในห้องเดียวกับพวกเค้า ทุกวันนี้พยายามแล้วที่จะช่างมัน คิดว่าเรามาทำงานหาเงิน แต่มันก็อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้…. งานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันอยู่ที่ความอึดอัดนั้นมันทำให้เรายังมีแรงลุกไปทำงานหรือเปล่า? คือเรื่องพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากันนะ บางทีคนนึงฟังอาจจะรู้สึกก็ช่างมันดิ ใครมันจะบิ้ว จะปีนต้นงิ้วก็ไปเถอะ เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาหูฟังสักอัน ฟังเพลงไป บางคนอาจจะรู้สึกแค่นั้นก็พอแล้ว แต่กับเตยอาจจะรู้สึกว่า คำพูดคำจาที่บิ้วกันมา ไม่ได้แคร์ศีลธรรมเลย มันทำให้เตยอึดอัดถึงขนาดที่ว่าไม่มีสมาธิทำงานเลยหรือเปล่า หรือกระทบอะไรขนาดไหน อันนี้เตยก็ต้องตอบตัวเองก่อน ถ้าถึงขั้นทำให้อึดอัดแล้วก็ไม่มีความสุขเลย กับการที่ต้องไปนั่งในแผนกนั้นก็หางานใหม่ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ศีลเสมอหรือมีภูมิต้านทานเรื่องตรงนี้ไม่พอ หรือถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา ก็รู้สึกว่าช่างเค้า ใครจะดีจะชั่วก็ดูไว้ แล้วเราก็อย่าไปเป็นแบบคนพวกนั้น หน้าที่ของการไปทำงาน พื้นฐานก็คือ การไปทำงาน หารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อันดับที่สองก็คือการเข้าสังคม ซึ่งถ้าสังคมนั้นมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะไปเข้า เราก็จงหาแต่เงินแล้วก็กลับบ้าน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ หนึ่งอดทน สองหางานใหม่ อะไรง่ายกว่ากันก็เลือกอันนั้นเลย ถ้ารู้สึกหางานใหม่ยาก แล้วหางานใหม่มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ชอบด้วยนะ พี่ยังรู้สึกว่าเคสนี้ยังเบานะ เคสอื่นๆ คือกระทบเข้ามาสู่ตัวเองเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบเตย เค้าแค่เป็นคนอีกประเภทที่เตยไม่ชอบ วิธีการยังพอใส่หูฟังได้ แล้วก็คนเราเจอคนร้อยพ่อพันแม่ตลอด ที่เข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกใจเรา มันคือความแตกต่าง ซึ่งการที่เราไม่ชอบ เราสามารถละได้โดยการช่างมัน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ส่วนคู่นั้นที่นอกใจแฟน เดี๋ยวชีวิตมันพังเอง ชีวิตรักที่มันไม่ซื่อสัตย์โอกาสที่จะได้รักที่ดีมันยากอยู่แล้ว มันคือชีวิตเขา แค่เขาไม่มายุ่งกับเราคือพอแล้ว ต่อให้ลาออกไป ก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใครที่ไม่ชอบอีก ฉะนั้นสิ่งที่ฝึกเราได้ก็คือ พวกนี้ยังเบา ช่างมัน ปล่อยวาง อยู่ห่างๆ ไม่ชอบก็คือไม่คบ คุยได้แต่ไม่คบ ไม่ต้องถึงขั้นไม่คุย โกรธเขา เพราะจะทำให้เราเครียดแทน’ ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เพิ่งไปอ่านหลักที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ เค้าบอกถ้าเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ หนึ่งเปลี่ยนเค้า เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ซึ่งในกรณีนี้เตยเปลี่ยนเค้าได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะเราไม่สามารถไปบอกเค้าได้ว่า “พี่คะรณรงค์อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ทุกคนผิดศีลธรรม น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้วทำแบบนี้ไม่ดี” เราพูดไม่ได้ แต่กรณีนี้เราทำได้คือ ปรับตัวเอง เตยต้องช่างมัน แต่พี่เข้าใจนะแง่ศีลธรรม แต่ถ้ามันยังไม่ได้มาลุกลามพื้นที่สิทธิของเรา ลองพิจารณาพวกเค้าเป็นบัว 4 เหล่าไปเลย มันต้องมีคนที่ไม่รู้อยู่แล้ว ลองพิจารณาว่าคนเรามันก็แค่นี้ เราก็อย่าไปทำเหมือนเค้า เราดูเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าสุดท้ายยังทนไม่ไหว มันก็ยังมีข้อสุดท้ายคือ เดินออกมา แค่นี้ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอปัญหา….’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

จะทำยังไงดีคะ? เป็นห่วงคุณแม่วัย 76 แกเป็น ซุปเปอร์ฮีโร่ ของทุกคนเลย ช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามา ให้เงินญาติ หลานห่างๆ อาสาขับรถไปส่งคนนู้น คนนี้ ไปเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมอุปกรณ์ให้บ้านคนอื่น แกทำหมดเลย บางวันออกบ้านไปติดต่อไม่ได้แบตหมด

09 ธ.ค. 2024

จะทำยังไงดีคะ? เป็นห่วงคุณแม่วัย 76 แกเป็น ซุปเปอร์ฮีโร่ ของทุกคนเลย ช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามา ให้เงินญาติ หลานห่างๆ อาสาขับรถไปส่งคนนู้น คนนี้ ไปเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมอุปกรณ์ให้บ้านคนอื่น แกทำหมดเลย บางวันออกบ้านไปติดต่อไม่ได้แบตหมด

จะทำยังไงดีคะ? เป็นห่วงคุณแม่วัย 76 แกเป็น ซุปเปอร์ฮีโร่ ของทุกคนเลย ช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามาให้เงินญาติ หลานห่างๆ อาสาขับรถไปส่งคนนู้น คนนี้ ไปเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมอุปกรณ์ให้บ้านคนอื่นแกทำหมดเลย บางวันออกบ้านไปติดต่อไม่ได้แบตหมด ลืมเอามือถือไป ก็เป็นห่วงเค้ามาก “คุณมะม่วง (นามสมมติ)” อายุ 40 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [4 ธ.ค 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาคุณแม่ชอบช่วยเหลือคนอื่น โดย “คุณมะม่วง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มันเริ่มจากคุณแม่เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือทุกคนตั้งแต่ญาติพี่น้อง แล้วตอนนี้ก็ขยายไปถึงเพื่อนของญาติพี่น้องด้วย อย่างญาติพี่น้องก็จะขอหยิบยืมเงิน แต่ส่วนใหญ่คือให้ไปเลย ญาติห่าง ๆ ใครมาขอก็จะให้ไป หลาน ๆ ก็จะให้ 1,000 – 5,000 บาท เรื่องเงินก็เรื่องนึง ตอนนี้ด้วยความที่ท่านก็อายุเยอะแล้ว 76 ปี แต่ท่านก็ยังแอคทีฟมาก ช่วยเหลือทุกคน เช่น เพื่อนไม่สบายก็ขับรถไปรับเพื่อนที่บ้าน แล้วก็พาไปหาหมอนั่งรอ และก็พากลับไปส่งบ้าน แล้วก็ขับกลับบ้านเรา บางที่เป็นโรงบาลรัฐก็ต้องไปรอนาน ๆ ก็เลยคิดทำไมแม่เราต้องไปนั่งรอกับเขาด้วย? ทำไมญาติพี่น้องเขาไม่ช่วย จนล่าสุดอันนี้เป็นเพื่อนคุณป้าอีกทีนึง เขาอยู่ตัวคนเดียวแล้วขโมยขึ้นบ้าน ขโมยก็แงะประตู หน้าต่างแล้วเหมือนก็เขาอยู่ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย คุณแม่ก็เลยไปซ่อมหน้าต่าง ซ่อมประตู ซื้อม่าน คือเหมือนทำบ้านให้เขาใหม่ เราก็แบบทำไมญาติพี่น้องเขาไม่ทำให้ ซึ่งเรื่องการช่วยเหลือความใจดีของคุณแม่เนี่ยเคยเป็นประเด็นในที่บ้านมาแล้ว เพราะว่าตอนนั้นคุณพ่อยังอยู่ คุณพ่อก็ค่อนข้างจะน้อยใจว่า ทำไมไม่ดูแลคนที่บ้านก่อน คุณแม่ออกจากบ้านแทบทุกวัน ไปช่วยคนนู้นช่วยคนนี้ ขับรถให้ญาติ ๆ บ้างเพื่อนบ้าง แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่แล้ว คุณแม่เลยยิ่งแอคทีฟไปใหญ่ ทั้งที่อายุก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาคือคุณแม่ก็อายุเยอะแล้วก็ไม่อยากให้ขับรถ บางครั้งรถก็มีไปเฉี่ยวกับที่จอดรถบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรง เคยพยามพูดแล้วแต่แม่ก็ไม่เชื่อ หนูอยากจะถามพี่ ๆ ดีเจ 2 ข้อคือ “พอจะพูดยังไงให้มัน Effective กว่านี้ หรือว่าเราควรจะพอได้แล้ว?” กับ “ควรจะหากิจกรรมอะไรให้ทำดี” ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ทั้งสองข้อแก้ให้ไม่ได้ค่ะ มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในคำถามแรกพูดยังไงให้แม่เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าถามว่าคุณแม่ทำมาทั้งชีวิตจะเปลี่ยนยังไงคะ ไม่มีทางเลยก็ให้มอง ถ้ามันเป็นความสุขของเขาก็ปล่อยเขา แต่ว่าดูอันนี้ไม่ได้อันตรายกับท่าน แล้วท่านยังดูแข็งแรงอยู่นะ 76 แล้วออกมาทำแบบบเนี้ยมันคือความสุขจริง ๆ ก็ได้นะถ้าอยู่บ้านแล้วมันไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นข้อแรกเราตีไปเลยว่ามันทำไม่ได้มันไม่มีวิธีพูดใด ๆ ส่วนข้อสองกิจกรรมมีครบหลากหลายแล้ว มันต้องมีกิจกรรมที่คนสูงอายุทำแล้วเผาเวลา อย่างเช่นกิจกรรมที่บ้านพักคนชราเขาทำกัน “ไผ่นกกระจอก” “คุณมะม่วง” เสริมต่อว่า ‘เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่ได้ทำงานก็จะพาแม่ไปกินข้าวไปคาเฟ่กับหลานซึ่งท่านก็ไปด้วย’ ดีเจเลยให้คำปรึกษาต่อว่า ‘คุณแม่ก็ทำดีแล้ว ทำครบทุกย่างแล้วจัดสรรเวลาดีซะด้วย ไม่ได้บกพร่องอะไรที่เราจะไปริดรอนความสุขเขา’ “ดีเจเติ้ล” เสริมต่อว่า ‘เพราะนี่พึ่งเห็นบทความ ‘การที่เราปล่อยให้พ่อแม่เราเกษียณ แล้วปล่อยให้อยู่บ้านเฉย ๆ อ่ะยิ่งทำให้เขาแก่ทำให้เสี่ยงอัลไซเมอร์’ ทำให้ชีวิตเฉามากเลยนะ เพราะเขารู้สึกว่าทำได้อีกตั้งเยอะ นอกจากนี้อาจจะให้ท่านเล่นเกม ออกกำลังกายหน้าห้าง เต้นลีลาศอะไรประมาณนี้ ดีเจมองว่า สิ่งที่คุณแม่ทำเป็นเรื่องน่ารักในวัยเขามากเลยนะ ถ้ามันไม่ได้เสี่ยงอันตรายอะไร แต่ทางที่ดีควรหาคนไปเป็นเพื่อนเขาคอยโทรบอกเวลามีอะไร ถ้าเราไม่มีเวลาตามเขาไปตลอด หรือหาอะไรติดตาม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆ จากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่ รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม

24 มี.ค. 2025

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆ จากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่ รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆจากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม จะเริ่มยังไงดี?“คุณเมย์ (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาทะเลาะกับแม่จนไม่ได้คุยกันมานาน โดย “คุณเมย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแม่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แม่อายุ 60 ปีแล้ว แม่อยู่ที่ต่างจังหวัด เป็นคนละจังหวัดกับเรา บางครั้งแม่ก็จะมาเยี่ยมที่บ้าน ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตปกติ ดูแลแม่ปกติ เช่นถามว่า แม่จะไปเที่ยวไหนมั้ย จะทำอะไรมั้ย เราเองก็กลัวแม่จะเหงา เลยหากิจกรรมให้เขาทำ มีอยู่วันหนึ่ง เราก็ใช้ชีวิตปกติ คุณแม่ก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ และประมาณ 4 โมงเย็น เป็นช่วงที่เด็กๆ เลิกเรียน เราก็เตรียมตัวไปรับลูกชายที่โรงเรียน แต่อยู่ๆ แม่ก็โพ่งขึ้นมาเลยว่า วันนี้เราไปห้างกันเถอะ อยากไปช้อปปิ้งจัง จะไปดูเสื้อผ้า เราก็เลยบอกแม่ไปว่า แม่ เราไปวันหลังได้ไหม เพราะว่าวันนี้หนูจะต้องไปรับหลาน แล้วเราก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ คิดว่าแม่จะเข้าใจและเห็นด้วยกับเรา หลังจากนั้นเราก็ไปรับลูกชาย พอกลับมาเราก็เห็นแม่นั่งอยู่และสังเกตได้ว่า แม่ดูอารมณ์ไม่ดี เราเลยไปถามแม่ว่า แม่เป็นอะไร แม่น้อยใจหรือเปล่า ที่ไม่ได้พาไปห้าง แล้วแม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และก็บอกว่า ใช่! ฉันน้อยใจ!แล้วก็เดินหนีเข้าห้องตัวเองไป เราก็คิดว่าแม่น่าจะยังงอนอยู่ เลยปล่อยให้แม่อยู่กลับตัวเองไปก่อน ระหว่างนั้นเราส่งข้อความไปหาน้องสาว ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เลิกงานมาแล้วช่วยไปคุยกับแม่ให้หน่อย เผื่อแม่จะอารมณ์ดีขึ้น พอน้องสาวกลับมาจากที่ทำงานก็เข้าไปอธิบายให้แม่ฟังว่า เวลานั้นถ้าไปห้างจะลำบากรถติด ถ้าจะไป ไปวันหลังดีไหม ซึ่งเราก็คิดว่าพอน้องไปอธิบายแม่จะเข้าใจ แต่กลายเป็นว่า แม่ร้องไห้แล้วตะโกนเหมือนเด็ก ขว้างปาข้าวของ และใช้คำที่ทำให้ลูกๆ เสียใจ ประมาณว่า ฉันดูพวกเธอมานานละ พวกเธอก็เป็นแบบนี้กัน และพูดว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดี ดูแลเขาไม่ดี แม่ก็บอกว่า ฉันจะกลับบ้านแล้ว จะกลับตอนนี้เลย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าพวกเธอไปหาฉัน ก็จะไม่เจอฉันอีก แต่เราก็ให้แม่พักคืนนี้ก่อน เผื่อจะใจเย็นขึ้นแล้วค่อยมาคุยกัน วันรุ่งขึ้นแม่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังอารมณ์เสียเหมือนเดิม แล้วก็ไม่พร้อมที่จะรับฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นเลย เราเลยจองตั๋วให้แม่เพื่อที่จะกลับบ้าน เพราะที่บ้านก็จะมีคนที่อายุใกล้ๆ กัน จะได้คุยกับแม่เผื่ออารมณ์ดีขึ้น และหลังจากทะเลาะกันได้ 2 อาทิตย์ เราก็ให้น้องสาวโทรไปคุยว่าเป็นยังไงบ้าง และเหมือนแม่ก็รู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง แม่เลยไปปรึกษาหมอ แล้วหมอก็บอกว่า เป็นเพราะฮอร์โมน และอาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของคนที่จะเป็นซึมเศร้า ตอนที่แม่กลับไปอยู่บ้าน แม่จะอยู่กับน้าสาว แล้วหลายๆ คนในบ้านพยายามบอกให้เรากับแม่ลองคุยกันดู แต่จริงๆ แล้ว เราแค่ต้องการคำขอโทษจากแม่ ให้แม่ยอมรับว่า สิ่งที่แม่พูด แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูด เพราะเราก็เป็นลูกคนโต เรารับผิดชอบครอบครัวมาเยอะมากจริงๆ และคิดว่าตัวเองก็ทำได้ดีมากๆ เท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทะเลาะกัน เราได้พาแม่ไปห้าง 2 แห่ง ตอนเช้าไปด้วยกันห้างแรก ตอนเย็นก็ไปอีกห้างหนึ่ง และเราก็ค่อยถามแม่ตลอดว่าจะเอาอะไร คือตามใจแม่ทุกอย่าง ปัจจุบันนี้เราก็ยังทะเลาะกับแม่ และยังไม่ได้คุยกัน เราก็พยายามที่จะบอกตัวเองว่า ให้อภัยแม่ได้ไหม เพราะเราก็เหลือแม่แค่คนเดียว ซึ่งเราก็ให้อภัยแม่ได้ แต่พอนึกถึงคำพูดที่แม่เคยพูด เป็นคำพูดที่มันทำร้ายเรา แล้วในช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เราอ่อนไหวและต้องผ่านเรื่องอะไรมาหลายๆ อย่าง แม่ก็ไม่ได้รู้ว่าลูกต่อสู้กับอะไรบ้าง เราก็ยังรู้สึกแย่อยู่ พอคิดจะกลับไปคุยกับแม่เราก็ทำไม่ได้ เพราะทิฐิที่เรามี ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เกลียดทิฐิตัวเองมากๆ และเอาชนะมันได้ยากมากจริงๆ แต่ตอนนี้เราก็ยังซัพพอร์ตแม่อยู่ไกลๆ ยังติดตามอยู่ว่าแม่ทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้คุยกัน เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า เราจะตั้ง mindset ยังไง ให้เราก้าวผ่านความรู้สึกที่เสียไป และกลับไปคุยกับแม่ได้เหมือนเดิมคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าเมย์ก็ต้องคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้แม่ไม่อยู่ให้เมย์โทรไปหาแล้วจะเป็นยังไง อะไรก็ตามทั้งหมด เราคือครอบครัว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องไปกันต่อ พี่ว่าหลายบ้านคุณแม่คุณลูกก็อาจจะมีเรื่องที่ไม่ดีต่อกันมากกว่านี้ เขาก็ต้องตัดสินใจที่จะไปต่อ ถ้าเขายังอยากเป็นครอบครัวกันอยู่ แล้วเมย์ก็รักคุณแม่ และอีกอย่างคือ จนตอนนี้เมย์อายุ 32 แล้ว พี่ว่าเมย์ก็น่าจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้แม่ไม่พอใจ หรือโกรธมาบ้าง แต่แม่ก็ยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ได้ ซึ่งพี่ว่ามันคือครอบครัว เรามีความรักให้กัน แม้ว่าอีกฝั่งจะผิด แต่เราก็ต้องให้อภัยกัน เพราะเรารักกัน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในบางสถานการณ์ บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว มันอาจจะไม่มีประโยชน์ในการหาคนผิดคนถูก ในความสัมพันธ์ ในความเป็นครอบครัวกันในทุกรูปแบบ บางครั้งการที่เราพยายามจะบอกให้คนหนึ่งยอมรับว่าผิด มันอาจจะไม่ใช่ทางออกของปัญหาเสมอไป ต้องลองคิดดูดีๆ ว่าถ้าเราได้ยินคำนั้น มันจะทำให้เราปลดล็อกทุกอย่างในคำๆ เดียวหรอ? เวลาของคนเรามันจะน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งเราจะไม่มีวันเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ที่สูงอายุมากๆ ที่เขาจะต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ลูกก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันคงทรมานมาก กับการที่เขาเคยมีใครมาทั้งชีวิต แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งมันก็โหวง เวลาในชีวิตเขามันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ทีละวันๆ ที่คุณหมอบอกว่ามันอาจจะเป็นภาวะซึมเศร้า มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะจากที่คุณเมย์เล่ามา แม่เขาอยู่คนเดียว เราอย่าหาผิดหาถูกกับคนที่ป่วยเลย เขายิ่งน่าสงสารขึ้นไปใหญ่ ลองคิดสิว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ GEN เก่า แล้วยอมรับว่าตัวเองผิดถึงขนาดไปหาหมอ ซึ่งมันไม่ง่าย และมันก็แค่ 1 ประโยคที่เราตามหากัน ผมมองว่ามันยังมีเรื่องอีกมากมายที่น่าห่วงกว่านั้น เช่น คุณแม่จะอยู่ยังไงคนเดียวกับภาวะแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ณ เวลานั้นใครจะเป็นคนใกล้ตัวที่ดูแลแม่ มันเลยมีเรื่องอื่นที่น่าห่วงกว่าคำขอโทษ สำหรับในมุมมองของคนนอกที่ได้ฟัง ส่วนเรื่องที่คุณเมย์เจอมา ผมเข้าใจมากๆ แล้วมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเมย์น้อยใจอยู่แบบนี้ แต่บางทีเราน้อยใจไปแล้ว แล้วยังไงต่อ และผมว่าเราทุกคนให้วันนี้ไม่มีวันเข้าใจ จนกว่าจะอายุเท่าคุณแม่แล้วอยู่คนเดียว ไม่มีใคร ผมก็ไม่อยากให้วันนั้นคุณเมย์มานึกย้อนว่า ‘อ๋อ ฉันเพิ่มเข้าใจในวันที่มันไม่มีโอกาสที่จะได้สื่อสารอะไรกันแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่เมย์เป็นอยู่ หนักอกหนักใจอยู่ คือการที่เมย์ถือทิฐิเอาไว้ ฉะนั้นอยากเบา อยากปล่อยวาง ก็คือ วางมันลงซะ คำขอโทษทั้งหมดมันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ‘ขอโทษมาสิ แม่แพ้มาสิ’ ต่อให้เมย์ได้คำขอโทษ และความพ่ายแพ้ของแม่ เมย์ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น ชัยชนะมันไม่ใช่ชัยชนะจริงๆ การรักษาความรักที่เรามีให้ซึ่งกันและกัน มันคือชัยชนะของครอบครัวนี้แล้ว เมย์ลองนึกถึงวันที่เมย์เป็นแม่ขึ้นมาแล้วลูกไม่คุยกับเมย์ มันจะเจ็บปวดขนาดไหน นั้นก็คือคำตอบ วันนี้เมย์เป็นทั้งแม่และลูก ฉะนั้นจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองบทบาทเลย ลองเข้าหาคุณแม่เถอะ เราไม่รู้ว่าแม่ปวดเป็นอะไรด้วยซ้ำ และสิ่งที่แม่ทำและแสดงออกมาที่มันไม่ปกติแบบนี้ นั้นแปลว่าแม่กำลังป่วย แล้วแม่กำลังเผชิญกับความยากลำบาก มันอาจจะมากกว่าเราด้วยซ้ำ ฉะนั้นคำขอโทษไม่มีความหมายเลย ถ้าเทียบกับชีวิตแม่เรา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แม่หนูเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมาก จนหนูเริ่มสังเกตว่าผิดปกติ ไปเจอว่าแม่ขายบริการทาง X มีลูกค้าติดต่อมา รับงานเรื่อยๆ หลังๆมาแม่เพิ่งทราบว่ามีเชื้อ HIV แต่แม่ก็ยังไม่หยุดทำงานนี้ ค่าตัวที่แม่รับ ทำหนูตกใจกว่าเดิม 200 – 300 บาท จะทำยังไงดีคะให้แม่เลิก

26 ก.ค. 2024

แม่หนูเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมาก จนหนูเริ่มสังเกตว่าผิดปกติ ไปเจอว่าแม่ขายบริการทาง X มีลูกค้าติดต่อมา รับงานเรื่อยๆ หลังๆมาแม่เพิ่งทราบว่ามีเชื้อ HIV แต่แม่ก็ยังไม่หยุดทำงานนี้ ค่าตัวที่แม่รับ ทำหนูตกใจกว่าเดิม 200 – 300 บาท จะทำยังไงดีคะให้แม่เลิก

“คุณมิ้นต์ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่แรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [24 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่ติดเชื้อ HIV แต่ยังขายบริการอยู่ โดย “คุณมิ้นต์ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องของแม่หนู พ่อกับแม่หนูแยกทางกันตั้งแต่เด็ก หนูอยู่กับพ่อ ส่วนน้องสาวอยู่กับแม่ แม่หนูอายุ 45 ปี จะเป็นคนที่มีนิสัยเปลี่ยนแฟนบ่อยแทบทุกเดือน ช่วงที่หนูเด็กๆ เวลาแม่มาเยี่ยมเค้าก็จะเปลี่ยนแฟนทุกครั้ง จนหนูไม่อยากให้แม่มาหาเพราะคนแถวบ้านเค้าก็จะนินทาเรื่องที่แม่มาหาแล้วเปลี่ยนแฟน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่มาหาแล้วเหมือนจะคืนดีกับพ่อ พอผ่านไปอยู่ดี ๆ เค้าก็กลับบ้านไปพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นแม่หนูไม่มีโทรศัพท์แต่เจอผู้ชายคนนั้นที่ขนส่งเลยพาเค้ากลับบ้าน แล้วเหมือนแฟนเก่าแม่ก็ไปเจอทวิตเตอร์แม่ที่ขายบริการด้วย หนูก็เลยถามน้องสาว ซึ่งน้องสาวก็ไม่รู้ จนเวลาผ่านไป 3 ปี แม่ก็กลับมาบอกว่าเค้าป่วยและอยากให้หนูไปหา หนูเลยถามเค้าว่าเค้าป่วยเป็นอะไร? เค้าก็บอกว่าเค้าเป็นโรคที่คนรังเกียจ หนูก็เลยพาเค้าไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ผลปรากฎว่าแม่หนูเค้าติดเชื้อ HIV แล้วหนูก็ให้เงินไปรักษา เพราะเค้าบอกว่าเค้าไม่สามารถทำงาน หาเงินได้แล้ว หนูก็เชื่อใจเค้า เพราะเค้าบอกเค้าจะหยุดเรื่องผู้ชายก็เลยช่วยเหลือเค้าไป จนผ่านมาประมาณเดือนกว่า หนูก็เห็นเค้าโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าเหงา อยากหาคนมาอยู่ด้วยหรือใครสักคนที่รักเค้าไปเลี้ยง หนูก็เริ่มเอะใจว่าเค้าไม่ได้เลิกทำเหมือนที่เค้าบอก เลยไปเสิร์ชในทวิตเตอร์ก็เจออีกว่าเค้ายังขายบริการอยู่ แต่ที่หนูตกใจคือเค้ารับแบบไม่ป้องกันด้วย หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบอกเค้ายังไง หนูเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วเพราะว่าน้องสาวที่อยู่กับเค้าก็มีนิสัยเหมือนเค้าเลย คือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแฟนทุกเดือน และหนูก็เคยเตือนเค้าไปแล้ว เค้าก็บอกว่าเค้าเลิกแล้ว ที่หนูกลัวคือแม่หนูเค้าขายถูกมาก 200 - 300 หนูก็กลัวว่าคนที่มาซื้อแม่จะมารับเชื้อไปแพร่ต่อในครอบครัว หนูไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเค้ายังไงให้เค้าหยุดเพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นตราบาป ปกติแม่หนูจะฟังรายการพุธทอล์คพุธโทร เค้าจะแชร์หน้าเฟสอยู่บ่อย ๆ เลยอยากให้พี่ ๆ พูดถึงแม่ว่าสิ่งที่เค้าทำมันเป็นยังไง? โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ทุก ๆ การกระทำของคนที่เป็นแม่ มันส่งผลถึงลูกอยู่แล้ว ทีนี้ลูกโทรเข้ามาแม่ก็ต้องคิดแล้วว่าที่ผ่านมาเราทำหน้าที่แม่ดีพอแล้วรึเปล่า ทำไมเราถึงทำให้ลูกเราทุกข์ขนาดนี้ แล้วสิ่งที่ลูกเรากำลังเป็นห่วงอยู่ มันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นรึเปล่า คุณแม่ควรคุยกับลูก บางทีลูกก็ไม่กล้าที่จะเปิดใจหรือพูดคุยกับคุณแม่ แม่ลองเป็นฝ่ายเข้าหาลูกดู ลูกโทรเข้ามาวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากห่วง ฉะนั้นแม่ลูกควรพูดคุยกัน และสิ่งที่ลูกบอกคือไม่อยากให้แม่แพร่เชื้อ แม่ก็ลองหาวิธีดูว่าแม่จะไม่แพร่เชื้อได้อย่างไร ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการหอมว่าชั่งหัวมัน เพราะการไม่ใส่ถุง โอกาสของการติดเชื้อมันมีอยู่แล้ว ชั่งหัวลูกค้ามัน เอาเรื่องความสัมพันธ์ของแม่ลูกดีกว่า ว่าวันนี้เราจะดูแลสภาพจิตใจลูกเรายังไง เรามีคำตอบอะไรให้ลูกเรา ยังไงหน้าที่แม่ก็ลาออกไม่ได้ ฝากคุณแม่เรื่องนี้ละกัน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมไม่แน่ใจย่าคุณแม่จะติดขัดเรื่องเงินมากน้อยแค่ไหน แต่รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง เข้าใจว่าชีวิตที่ลำบากมันทำให้ต้องคิดถึงตัวเราก่อน แต่ว่าในขณะที่เราต้องการพาตัวเราให้รอด ไม่ว่าจะปัญหาอะไรก็ตาม เราก็ไม่ควรพาเอาชีวิตคนอื่นเค้าแย่ไปด้วย ผมไม่รู้ว่าแม่ถือหรือเชื่อเรื่องอะไร แต่จริง ๆ บาปกรรมเราคงไม่ได้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ว่าถ้าพูดถึงกรรม กรรมก็คือผลของการกระทำ ทุกอย่างที่เราทำมันมีผลเสมอ มันอาจจะไม่ได้ตกถึงแม่ แต่วันนี้ความทุกข์มันตกถึงลูกอย่างมหาศาล ถึงแม้จะไม่ใช่ความรับผิดชอบอะไรของเค้าเลยก็ตาม มิ้นเองก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจก็ได้ ชีวิตใครชีวิตมัน แม้กระทั่งลูกสาวังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมากกว่าเรา ผมว่ามันมีอะไรที่ผิดไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดที่จะพอนึกถึงคนอื่นได้บ้างก็ป้องกัน แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็คิดถึงชีวิตคนอื่นได้บ้าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ ก็เคารพในการตัดสินใจที่จะทำอะไร เพราะมันก็ชีวิตใครชีวิตมัน มันก็อาจจะเป็นหนทางเดียวที่คุณแม่มีอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ ซึ่งเติ้ลก็ไม่สามรถไปตัดสินได้ ว่าอย่าทำแบบนั้น อย่าทำแบบนี้ แต่อย่างน้อย ๆ การกระทำของคนทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน แต่สิ่งที่คุณแม่ตัดสินใจทำอยู่ตอนนี้มันมีส่วนที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วตัวเองด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณแม่ป่วยขนาดไหน แต่การที่คุณแม่ขายบริการโดยใช้เรื่องการสดเป็นการดึงดูดมันเหมือนเป็นการทำร้ายคนอื่นทางอ้อม เพราะว่าการเป็นโรคนี้ไม่ใช่แค่คนที่มาใช้บริการจะติดได้ แต่ถ้าคนนั้นเค้าไปมีอะไรกับภรรยาหรือคนอื่น ๆ มันก็มีสิทธิ์ที่จะแพร่ไปได้อีก และมันจะควบคุมความเสียหายไม่ได้ อยากให้คิดดี ๆ การที่แค่จะให้ตัวเองรอดโดยที่ไม่สนว่าคนอื่นจะเป็นยังไง มันสมควรแล้วมั้ยกับทางรอดของตัวเองในแบบนั้น เท่าที่น้องมิ้นเล่าให้ฟังมีน้องสาวที่เห็นคุณแม่เป็นตัวอย่าง อยากให้รู้ว่าบางอย่างไม่ใช่เราตัดสินใจแล้วจะทำได้เลย คิดหน้าคิดหลังว่าจะมีใครได้ผลกระทบจากสิ่งที่เราทำไหม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1