หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

13 ก.ย. 2024

          “คุณตาล (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (11 ก.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาหมั้นกับแฟนเลยปล่อยท้อง แต่จับได้ว่าแฟนไปทำผู้หญิงคนอื่นท้องเหมือนกัน

           โดย “คุณตาล (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาเกือบ 3 ปี เขาดีกับหนูทุกอย่างจนทำให้หนูไว้ใจเขา และช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเขาบอกหนูว่า เขาอยากมีลูก ด้วยความที่พวกเรามีแพลนที่จะหมั้นกัน หนูจึงตัดสินใจว่า ถ้าอยากมีหนูก็จะมีให้ พอผ่านมาไม่กี่เดือน ก็รู้ว่าตัวเองท้องตามที่อยากได้ เราดีใจมากบอกพ่อแม่เขา แล้วก็พาหนูไปฝากครรภ์ พอหลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 วัน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง แอดเฟซบุ๊กหนูมา หนูจึงเข้าไปดูด้วยความสงสัยว่าเป็นใคร ทำไมถึงแอดมา พอเข้าไปดูสตอรี่ที่เขาตั้งเอาไว้ ก็ได้เห็นว่าเขาอยู่กับแฟนเรา ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาๆ เป็น 10 อัน หนูจึงไปถามแฟนว่า “คนนี้คือใคร ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน” แฟนหนูก็ยอมรับแต่โดยดีว่า “เขาคุยกับผู้หญิงคนนี้อยู่

            หนูทั้งโกรธ และตกใจ คือเขามีคนอื่นก่อนหนูท้องอยู่แล้ว แต่ที่ให้หนูตั้งท้องเพราะเขารู้ว่า ถ้าหนูท้องแล้วจับได้ว่าเขามีคนอื่น หนูก็ต้องให้อภัยเขาอยู่แล้ว หลังจากนั้นหนูก็คุยกับเขา หนูก็ให้โอกาสเขาปรับปรุงตัว แล้วก็เลิกกับผู้หญิงคนนั้น พอหลังจากนั้น 3 - 4 เดือน หนูเข้าไปส่องเฟซของผู้หญิงคนนั้น ก็เห็นว่าเขาโพสต์ว่าเขาท้อง หนูก็สงสัยว่าเขาท้องกับใคร ก็เลยไปถามแฟน ตอนแรกแฟนไม่ยอมรับ พอหนูเค้นถามไปเรื่อย จนเขายอมรับว่า “เขากำลังไปคุยกัน เพราะผู้หญิงคนนั้นขู่ว่า ถ้าแฟนของหนูไม่กลับไปคบกับเขา เขาจะฆ่าตัวตาย” แฟนหนูเลยยอมกลับไปคบกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งผู้หญิงคนนั้นที่ท้อง ก็ท้องกับแฟนหนู ตอนนี้ท้องประมาณ 2 - 3 เดือน

         หลังจากนั้น แฟนก็มาขอโอกาสหนู เขาบอกว่า “ถ้าให้เลือก เขาเลือกหนู เขาตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นได้ แต่เขาตัดขาดจากลูกไม่ได้” ซึ่งหนูเลยบอกว่า “ถ้าให้อยู่แบบนั้น หนูไม่โอเค” แล้วคำตอบที่ได้มาจากเขาคือ “งั้นขอไม่เลือกใคร จะอยู่คนเดียวเอง” ตอนนี้คือพ่อแม่ของหนูอยากให้หนูกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด หนูคิดว่าจะกลับบ้าน แล้วหนูก็คิดว่า ต่อให้กลับไปคืนดีกับเขาก็คงทำไม่ได้ เพราะหนูหมดความเชื่อใจเขาไปหมดแล้ว หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรมูฟออนจากตรงนี้ยังไงดีคะ?’

        เริ่มจาก “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ในภาวะของคนเป็นแม่จะมีฮาร์โมนอะไรบางอย่างที่ฟุ้งซ่าน และเป็นความกังวล พอเป็นลูกคนแรกตาลอาจจะคิดว่า เวลานี้เราไม่ควรอยู่คนเดียว แต่ในการที่พี่ได้คุยกับตาล ตาลเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ค่อนข้างแน่วแน่ ซึ่งตอนนี้เหมือนตาลได้ตัดแฟนที่เป็นเนื้อร้ายอออกไปได้ 1 ก้อนแล้ว ทีนี้เราต้องอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดซึ่งคือลูกของเรา พี่อยากให้ตาลมีความสุขและสนุกกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดมา ให้มีความสุขกับการรอคอยว่าเมื่อไหร่เขาจะเกิด ตัดไปเลยว่าการมีความสุขไม่ต้องมีผู้ชายคนนั้น ยิ่งตัดผู้ชายคนนั้นออกไปได้เท่าไหร่จะยิ่งดี ความสุขของตาลจะหดหายก็ต่อเมื่อตัดเขาไม่ขาด เขาจะวุ่นวายจนทำให้ตาลรู้สึกลังเล ในมุมของพี่ พี่อยากให้ตาลกลับไปอยู่กับที่บ้านกับพ่อแม่ แล้วรู้สึกว่า ”เราไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ตอนนี้เราอยู่กับคนที่รักเราทั้งหมดเลย คนที่ไม่รักเรา คนที่เห็นแก่ตัว คนที่พูดจาโกหกใส่เรา มันออกไปแล้ว” แล้วถ้าระหว่างนี้ตาลรู้สึกว่าเหงา ฟุ้งซ่าน หรืออยู่คนเดียว ตาล Direct มาหาพี่เลย เดี๋ยวพี่จะเป็นเพื่อนคุยกับตาล ทำยังไงก็ได้พี่หอมไม่อยากให้ตาลกลับไป พี่อยากให้ตาลมีความสุข อีกไม่กี่เดือนน้องจะเกิดมาแล้ว ”เราจะซื้อของอะไรไว้ดี เราจะสอนอะไรเขาดี” อย่าให้ใครมาทำลายความสุขเรา คนที่เขามาเพื่อทำร้ายเรามันจะออกไปแล้ว อดทนอีกนิดนึง เมื่อไหร่ที่มันออกไป วันนั้นจะไม่มีอะไรกวนใจตาลได้เลย’

      ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีที่ตาลจะมูฟออนคือโฟกัสกับตัวเองและลูกเลย หลังจากที่เราโชคร้ายเจอคนที่ไม่ดีคนนี้ จากนี้ไปมีจะดีขึ้นเรื่อยๆ  ตาลจะตั้งใจเลี้ยงลูกโดยมีคุณตาคุณยายช่วยเลี้ยงเขามาให้ดีที่สุด แล้วลูกก็จะออกมาเป็นคนดีที่ไม่ทำตัวเหมือนพ่อ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และพร้อมรับให้ตาลกลับบ้านเสมอ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เริ่มใหม่ ดูแลตัวเอง อีก 3 เดือนก็จะได้เจอเขาแล้ว ถ้าเป็นพี่พี่จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ให้เขาไม่ทำผู้หญิงคนไหนเสียใจ เขาจะไม่มีวันทำแบบนี้กับสิ่งที่พ่อทำกับแม่เขา เอาให้พ่อในอนาคตมาเห็น มันละอายใจตัวเอง เราต้องยืนอย่างสง่า กับลูก กับตา กับยาย’

      สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้ความคิดเห็นต่อว่า “ผู้ชายคนไหนที่ทำร้ายภรรยาในขณะที่ท้องอยู่ ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ พี่ให้เป็น 1 ในเคสที่ไม่น่าคบหามากที่สุด พี่ว่ามันเกิดกว่าจะให้โอกาส ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้โอกาส หรืออยู่กับเขาต่อ แถวเขายังหลอกให้ตาลท้องอีก ใจร้ายมาก เห็นด้วยกับพี่หอมเลยว่า การเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนบรรยากาศ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่น่าจะดีที่สุด อย่างน้อยยังมีคนที่ช่วยเลี้ยงน้อง แล้วอยากให้ตาลรู้เสมอว่า ด้วยฮอร์โมนจากการคลอด ไม่ว่าจะเศร้าอยู่ หรือปกติ ก็มีโอกาศที่จะเป็นซึมเศร้าหลังคลอด แต่ให้คิดว่า ถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่อาจจะหนักกว่านี้ก็ได้ พี่คิดว่าตาลเป็นคนฉลาด และรู้ว่าควรเลือกสิ่งไหนให้ตัวเองและลูก แล้ววันนี้ตาลได้เลือกแล้ว ด้วยความมั่นใจและเด็ดขาดในการตัดสินใจครั้งนี้ ขอเป็นคนที่สนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้ของตาล หลังจากนั้นไม่ต้องกังวลอะไรมาก แม่เลี้ยงเดี่ยวเก่งๆมีเยอะมากมากในวยุค จงเชื่อว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราและลูกแล้วในวันนี้ คนบางคนไม่มีดีกว่ามี และดูแลสุขภาพให้ดีนอนให้ดี กินให้ดี รู้สึกอุ่นใจที่ตาลตัดสินใจแบบนี้นะ ตาลเด็ดเดี่ยวมาก พวกพี่ขอส่งกำลังใจให้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คุยกับผู้ชาย 2 คนพร้อมกันมา 6-7 เดือน ทั้งสองเริ่มต้องการความชัดเจน แต่เราไม่รู้จะเลือกใคร 1.รุ่นน้องแสนดี เพอร์เฟคตามที่เราอยากได้ อนาคตดี แต่ไม่รู้สึกรัก 2.รุ่นพี่ นิสัยเจ้าชู้ ไม่อยากแต่งงานมีลูก

26 ม.ค. 2024

คุยกับผู้ชาย 2 คนพร้อมกันมา 6-7 เดือน ทั้งสองเริ่มต้องการความชัดเจน แต่เราไม่รู้จะเลือกใคร 1.รุ่นน้องแสนดี เพอร์เฟคตามที่เราอยากได้ อนาคตดี แต่ไม่รู้สึกรัก 2.รุ่นพี่ นิสัยเจ้าชู้ ไม่อยากแต่งงานมีลูก

คุยกับผู้ชาย 2 คนพร้อมกันมา 6-7 เดือนทั้งสองเริ่มต้องการความชัดเจน แต่เราไม่รู้จะเลือกใคร1.รุ่นน้องแสนดี เพอร์เฟคตามที่เราอยากได้ อนาคตดี แต่ไม่รู้สึกรัก2.รุ่นพี่ นิสัยเจ้าชู้ ไม่อยากแต่งงานมีลูกส่วนเราอยากแต่งอยากมีลูกแต่คนนี้รู้สีกรัก ถ้าเป็นทุกคนจะเลือกใครดีคะ? “คุณซัน (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [ 24 ม.ค. 67 ] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และดีเจต้นหอม เกี่ยวกับการตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ระหว่างคนดีหรือคนที่ชอบ โดย “คุณซัน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูได้รู้จักกับคน 2 คนในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นรุ่นพี่คนนึงอายุ 38 ปี และรุ่นน้องอีกคนนึงอายุ 28 ปี เจอกันในแอปพลิเคชัน เราตกลงกันกับทั้ง 2 คนเลยว่าจะเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่คุยกันไปเรื่อย ๆ เรายังไม่เคยเจอกันเลย แต่พอเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์เราก็เริ่มพัฒนาขึ้น มีนัดเจอกันบ้าง ทำทุกอย่างที่เหมือนแฟน แต่ยังไม่ได้อยู่ในสถานะแฟน มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทั้ง 2 คน แต่สำหรับหนูเรื่อง SEX ไม่ใช่ปัจจัยหลัก จนตอนนี้ระยะเวลาผ่านมาครึ่งปีแล้ว ทั้ง 2 คนก็เริ่มอยากได้คำตอบสถานะที่ชัดเจน ซึ่งรุ่นพี่รู้ว่าหนูมีอีกคนอยู่ แต่รุ่นน้องไม่รู้เลย หนูไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดีเพราะว่าคนที่เป็นรุ่นน้อง ค่อนข้างที่จะดูแลเทคแคร์ดีทุกอย่าง มีอนาคตเป็นแบบที่เราต้องการเลย แต่ยังมีความคิดที่ดูเป็นเด็กอยู่ ด้วยความที่เขาอายุน้อยกว่าเรา แต่ไม่ถึงขั้นทำให้เรา Toxic และหนูไม่ได้รู้สึกรัก ส่วนอีกคนนึงเป็นรุ่นพี่ เขาก็ดูแลเทคแคร์ดีเหมือนกัน แต่ไม่เท่ากับรุ่นน้อง และค่อนข้างที่จะเจ้าชู้นิดนึง แต่สำหรับหนู หนูรับได้และคิดว่าเอาอยู่ แล้วหนูก็รู้สึกว่ารักคนนี้มากกว่า แต่เรามองอนาคตไม่เหมือนกัน เพราะเป้าหมายหลักของหนู คือ อยากแต่งงาน หนูอยากฟังความคิดเห็นพี่ๆ ว่าหนูควรเลือกทางไหนดีคะ? ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าเราคุยกันด้วยเหตุผล แนะนำให้เลือกรุ่นน้อง เพราะว่าข้อเสียมันไม่ได้ทำลายชีวิตคู่เท่ากับคนที่ 2 แต่ถ้าเป็นเรื่องของหัวใจ ก็ต้องเลือกคนที่ 2 เพราะว่าทุกอย่างที่คุณซันไม่แน่ใจหรือกังวล ถ้าสุดท้ายเป็นแฟนกันจริง ๆ มันอาจจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่คุณซันกังวลก็ได้ สุดท้ายแล้วรู้สึกว่าการที่เราจะรักใครก็ต้องฟังหัวใจตัวเอง ส่วนคนแรกคุณซันก็มีความรู้สึกแหละ แต่แค่ไม่เท่ากับคนที่ 2 เพราะไม่อย่างนั้นคุณซันไม่คุยมาจนถึงตอนนี้หรอก แต่ถ้าพี่เป็นเพื่อน พี่ก็จะบอกว่า เลือกคนที่ชอบไป ถ้าอนาคตเป็นยังไงก็ต้องยอมรับผลที่ตัวเองเลือก’ ต่อมา “ดีเจเผือก” แนะนำว่า ‘ให้เลือกรุ่นพี่ เพราะคุณซันเลือกมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มาลองให้รู้ว่าจะรับนิสัยความเจ้าชู้ได้จริงไหม? ส่วนเรื่องแต่งงานเขาอาจจะเปลี่ยนใจในอนาคตก็ได้ แต่ถ้ารู้สึกว่าเริ่มเสียเวลา ทนไม่ไหวแล้ว เราค่อยไปตามหาคนที่มีนิสัยเหมือนรุ่นน้อง แต่อาจจะไม่ใช่คนเดิมก็ได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเจอหรือป่าว เพราะเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ คนดี ๆ ก็เริ่มไปมีครอบครัวกันหมด ตัวเลือกก็จะน้อยลง ผมขอให้เป็นการตัดสินใจที่ดี’ และ “ดีเจต้นหอม” แนะนำว่า ‘เพชรอยู่ตรงหน้าไม่เลือก เพราะหินก่อนนั้นมันใหญ่กว่า ฉันอยากจะท้าทายโดยการเจียระไน เผื่อว่ามีเพชรอยู่ข้างใน แต่ถ้าวันนึงเธอรู้ว่าหินก้อนนี้ไม่ใช่เพชรขึ้นมา แต่เพชรเม็ดนั้นมีคนอื่นเอาไปแล้ว เธอจะตามหาสิ่งเหล่านั้นไม่ได้แล้วนะ ซึ่งรุ่นน้อง คุณซันบอกเองว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีข้อเสียอะไรเลย ในขณะที่รุ่นพี่มีข้อเสียใหญ่มากคือเป้าหมายไม่ตรงกัน เรายังอยากจะเอาเวลาของเราไปเล่น คนที่เขารักเรา เขาทะนุถนอมและเทคแคร์เราเพราะเราคือคนสำคัญสำหรับเขา แล้วความสุขมันเกิดด้วย เพราะเราเลือกเหตุผลมากกว่าหัวใจ อันนี้คือสำหรับหอมนะ เมื่อกี้หอมถามว่าซันมีเวลาเล่นกับตัวเองกี่ปีที่อยากแต่งงาน ซันบอก 3 ปี ฉะนั้น 3 ปี มันน้อยมากเลย ที่จะไปลองกับคนนี้ ที่จะเสี่ยงทิ้งเพชรอันนี้ไป แต่ถ้าอยากเสี่ยงก็ต้องยอมรับความผิดหวังให้ได้ สิ่งที่ต้องรับให้ได้เลยคือเพชรก้อนนี้ต้องตกไปอยู่ในมือคนอื่น’ สุดท้ายนี้พี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน ขอให้สิ่งที่คุณซัน ตัดสินใจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

19 ม.ค. 2024

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

“คุณโอ (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [17 มกราคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ภรรยาขอหย่าไปอยู่กับผู้ชายอื่น แต่ยังอยากเป็นแม่ของลูกอยู่ โดย “คุณโอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ผมแต่งงานกับภรรยามา 10 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ทุกเทศกาลวันหยุดยาว ผมก็จะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศเสมอ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาได้พาครอบครัวไปเคาท์ดาวที่ญี่ปุ่น พอกลับจากญี่ปุ่น ผมจับได้ว่าภรรยาแอบไปคุยกับผู้ชายคนอื่น ผมถามถึงสาเหตุ กลับได้คำตอบว่า ‘หมดรักผมแล้ว รักผู้ชายคนใหม่มากกว่า’ เพราะที่ผ่านมาภรรยารู้สึกเจ็บปวดที่อยู่กับผม เพราะเขารู้สึกเหมือนผมไปบงการชีวิต และพูดหักน้ำใจภรรยาอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่จับได้ ภรรยาก็บอกอีกว่า ‘ทั้งทองและกระเป๋าแบรนด์เนม เอาไปจำนำเพื่อเอาเงินไปให้ผู้ชายคนใหม่ยืม’ ฝั่งผู้ชายคนใหม่ก็รู้ว่าภรรยามีครอบครัวอยู่แล้ว ผมเป็นห่วง กลัวว่าภรรยาจะโดนหลอก จึงขอประชุมสายกัน 3 คน ผมขอให้ผู้ชายคนใหม่คืนเงิน สิ้นเดือนมกราคมนี้ เพื่อแลกกับการจะไปฟ้องร้อง เป็นสิ่งที่ภรรยาขอไว้ว่าถ้าไม่ฟ้องผู้ชายคนใหม่ ก็อาจกลับไปเป็นครอบครัวเหมือนเดิม พอจบการสนทนา ผมก็แอบโทรศัพท์ไปหาผู้ชายคนใหม่อีกครั้ง เพื่อยื่นข้อเสนออีกว่า ‘เงินที่ยืมไปจะไม่เอาคืน แต่ให้แลกกับการบอกความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น’ ผู้ชายคนใหม่ ก็เล่าให้ฟังว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ วีดิโอคอลกันไปจนถึงเรื่อง Sex แล้ว พอรู้แบบนี้ผมยิ่งกลัวว่าภรรยาตัวเองจะถูกแบล็คเมล์ ผมก็เลยดาวน์โหลดข้อมูลการสนทนาและรูปภาพทางแชทมาเก็บไว้ ตอนแรกยังไม่กล้าเปิดดู จนล่าสุดเปิดดู ก็ปรากฏว่ามีรูปภาพตามที่คิดไว้จริง ซึ่งผมกับภรรยาเคยเดินทางไปที่อำเภอ 1 ครั้งแล้ว เพื่อจดทะเบียนหย่า แต่ผมร้องไห้ ขอร้องว่าไม่อยากหย่า เพราะ พ่อ-แม่ ของผมก็หย่ากัน เลยไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้นอีก ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก่อนที่จะโทรมาหาทางรายการ ภรรยาบอกกับผมว่า ‘รักลูก และก็ยังรักผู้ชายคนใหม่ด้วย เราหย่ากัน แต่ยังขออยู่เป็นครอบครัวได้ไหม’ ไม่ได้เป็น สามี-ภรรยา เป็นแค่ พ่อ-แม่ของลูก “คุณโอ” จึงโทรมาปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับดีเจทั้ง 3 คน จะทำยังไง? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าเป็นพี่คงไม่พยายาม ไม่ฝืน ในสิ่งที่มันจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ภรรยาเลือกทุกอย่างไว้แล้ว เหลือแค่คุณโอยอมรับความจริง และปล่อยไป การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัวครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ หนึ่งลูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สองก็ต้องถามภรรยาให้แน่ว่า ถ้าไปแล้วดีกว่าเรา ยังทำใจได้ แต่ถ้าไปแล้วยังเอาของที่คุณโอซื้อให้ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายคนนั้น มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าตอนนี้จริง ๆ หรอ’ “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘สเตปแรก คุณโอต้องยอมรับให้ได้ว่า ภรรยาเขาไม่ได้รักคุณโอแล้ว จะด้วยระหว่างทางที่คุณโอได้ทำผิดพลาดอะไรกับภรรยา หรือที่จริงแล้วเป็นแค่ข้ออ้างที่จะไปรักผู้ชายคนใหม่ คุณโอต้องผ่านสเตปนี้ไปให้ได้ก่อน ถึงจะไปสเตปสอง คือการอยู่ด้วยกันแบบ พ่อ-แม่ ของลูก สิ่งที่คุณโอเคยบอกว่า พ่อ-แม่ เลิกกันและไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้น ถ้าคุณโอยังฝืน รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาไม่รัก แต่รั้งไว้เพื่อให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พี่เติ้ลว่ามันผิด เหมือนว่าหนึ่งการมีเป้าหมายแบบนั้น กระทำแบบนี้ มันไม่ได้ทำให้ครอบครัวดีขึ้น สองเราคิดว่าเราหลอกว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ลูกก็คงรู้ แบบนี้มันแย่กว่าครอบครัวที่แตกซะอีก หรือสเตปต่อไป ถ้าอยากทำให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แต่ พ่อ-แม่ ไม่ได้รักกันแล้วก็ทำได้นะ แต่ไม่อยากให้คุณโอ ส่งเสียหรือดูแลภรรยาแบบเกินไป ในเมื่อภรรยาเลือกคนใหม่แล้ว ภรรยาก็ต้องดูแลตัวเองและเขาก็ต้องทำหน้าที่แม่ของลูก ตามที่เขาอยากจะเป็น จะมาใช้ข้ออ้างว่าเป็นแม่ของลูก แล้วคุณโอต้องมารับผิดชอบทุกอย่าง ให้เงินให้ทอง แบบนี้ไม่ได้’ “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘ความจริงเจ็บปวดเสมอ เวลาเราเลิกกัน มันมีคนบาดเจ็บ คนที่บาดเจ็บคือคนที่ยังไม่มีคนใหม่ ถ้าเขารักลูกมากพอ เขาจะไม่มีคนอื่น เขาจะรักษาครอบครัวไว้มากกว่านี้ การที่ภรรยายังเลือกอยู่กับคุณโอ แล้วอ้างความเป็นแม่ เขายังรักสบายอยู่ ในเมื่อสถานะ สามี-ภรรยา สิ้นสุดแล้ว เราไม่ควรรับผิดชอบภรรยาเก่า คุณโอกับเขาแยกกันอยู่ถึงเวลาก็มาดูแลลูก ถ้าเขาทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี เงินที่เคยให้ภรรยา เอามาจ้างคนดี ๆ เลี้ยงลูกคุณโอ สิ่งที่ไม่ให้ทำคือ เลี้ยงดูปูเสื่อ ถ้าผู้ชายคนใหม่สุภาพบุรุษจริง เขาจะไม่เอาเงินผู้หญิง ถ้าสุภาพบุรุษจริง คุณโอที่เป็นสามีโทรศัพท์ไปหาเขา ผู้ชายดี ๆ เขาเลิกยุ่งไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณโอต้องสงสารตัวเอง ทำหน้าที่ พ่อ-แม่ เท่านั้น สามี-ภรรยามันจบแล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

22 พ.ย. 2023

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบเขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียนบางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสมไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิมตอนนี้แม่รู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ดีไหม? “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” อายุ 48 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวอายุ 11 ขวบ รู้สึกกังวลและเป็นห่วง เพราะเขาเครียดเกินวัย โดยสายนี้ “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ลูกสาวค่อนข้างมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเลยเวลาที่ลูกสาวอยู่ในโรงเรียน ต้องบอกว่าลูกสาวส่วนตัวเป็นคน Perfectionist มาก ทำอะไรก็ต้องดีทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ลายมือสวย ระบายสีสวย แม้กระทั่งการเรียนก็ต้องดีที่สุด เขาจะสร้างบรรทัดฐานของตัวเองให้เป็นคนที่ดีมาตลอด จนทำให้เขาเริ่มมีความเครียดสะสม พอลูกสาวเราขึ้น ป.5 การเรียนของเขาก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ครูที่สอนก็ไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อก่อน จะมีดุบ้าง ด่าบ้าง แต่ไม่ได้ดุหรือด่าลูกสาวเราคนเดียว หมายถึงว่าเขาก็พูดถึงโดยรวม แต่ลูกสาวเราก็จะเก็บมาคิดมาก เวลามีการบ้านเขาก็จะนั่งทำจนดึกดื่น ยิ่งช่วงสอบเขาจะนั่งติวหรืออ่านหนังสือดึกมาก บางทีอ่านไม่เข้าใจ เขาก็จะร้องไห้ หรือให้เราปลุกเขาตั้งแต่ตี 5 เรารู้สึกว่ามันเครียดเกินกว่าที่เด็กวัยนี้ควรจะเป็น ซึ่งเขาก็เป็นคนที่มีภาวะเครียดมาหลายปีอยู่แล้ว เคยมีเหตุการณ์หนึ่ง สมัยที่ลูกสาวเราเรียนอยู่ที่โรงเรียนเก่า เขามีภาวะเครียดเกี่ยวกับครูผู้สอน แม่ก็แก้ปัญหา โดยการพาเขาย้ายโรงเรียนไป ซึ่งเราก็มีการคุยกับครูไว้ว่าให้ดูแลเขาเป็นพิเศษ ตอนที่ลูกสาวขึ้น ป.5 คุณครูที่สอนแต่ละวิชาก็มีหลากหลายขึ้น แม่ก็เข้าใจ เพราะว่าแม่ก็อยากให้เขาเจอกับสังคมที่มันหลากหลายอยู่เหมือนกัน เพราะโตไปเขาก็ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่เหมือนว่าลูกสาวยังคงเครียดอยู่เหมือนเดิม วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า แม่ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ไหม? เพราะว่าคุยกับหลาย ๆ บอกเราคิดไปเอง บางคนก็บอกว่ามันคือธรรมชาติของเด็ก ดีแล้วที่ลูกสาวเรามีความขยันมุ่งมั่นดี แต่เราก็รู้สึกว่ามันหนักเกินไปอยู่ดี หรืออีกอย่างที่อยากสอบถามคือ เราเองหรือเปล่าที่ต้องไปพบจิตแพทย์เอง เพราะรู้สึกว่าเราจะห่วงลูกมากเกินไป ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า ‘สำหรับพวกเรา สิ่งที่เกิดกับลูกเป็นสิ่งที่ต้องคิดมาก ต้องใส่ใจอยู่แล้ว มันต้องคอยสังเกต สิ่งแบบนี้มันเป็นอะไรที่น่ากังวลมาก อะไรที่มันแพ้ไม่ได้ ยอมรับความผิดหวังไม่ได้ เราควรที่จะพาเขาไปพบจิตแพทย์เลยตอนนี้ เพราะว่าเด็กวัยนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว ตอนนี้เรายังควบคุมเขาได้ ควรที่จะพาเขาไปให้เร็วที่สุด มันเครียดเกินไป เหมือนว่าเขาไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเลย ได้วิ่งเล่นหมือนเด็กคนอื่น ๆ เลย ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกแล้วมันเครียด มันมีปัญหา ก็ไปพบจิตแพทย์ได้ เพราะเขาจะบอกเลยว่าคุณแม่ควรที่จะทำตัวยังไงเพราะว่าเราเป็น Effect สำหรับเขาอยู่แล้ว มันต้องเริ่มที่คุณแม่ เดี๋ยวลูกก็จะปรับไปตามนั้น การมีลูกเราคิดน้อยไม่ได้ มันควรมีความบาลานซ์กัน ในระหว่างรอที่จะไปพบแพทย์ เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกในเน็ตดูก่อน มันจะมีข้อมูลมากมาย ทั้งเทคนิคต่าง ๆ หรือคลิปวิดีโอที่มันจะพอเป็นแนวทางสำหรับคุณแม่ได้ หรือหากิจกรรมระหว่างครอบครัวให้เขารู้สึกได้ผ่อนคลาย รวมถึงการศึกษาที่มันเข้มข้นมากเกินไปอาจจะยังไม่เหมาะ ถ้ามันจะทำให้เด็กคนนึงต้องมีภาวะเครียดขนาดนี้ โรงเรียนทางเลือกอาจจะเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

04 ธ.ค. 2023

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

“คุณปาย (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม ว่าถูกเพื่อนร่วมงานไม่ชอบหน้า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน จนตอนนี้สถานการณ์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดย “คุณปาย (นามสมมติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘วันแรกที่เราเข้ามาทำงาน ก็มีพี่ในทีมมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ที่ทำงานจับกลุ่มเม้าส์เรา ไม่ชอบเราตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงาน เพราะรู้ว่าเงินเดือนเราสูงกว่าพวกเขา เพราะก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานที่นี่ พวกรุ่นพี่ไปถามกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนของเรา มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด เพราะเงินเดือนเราสูงเทียบเท่ากับเขาที่ต้องทำงานถึง 3 ปีจึงจะมีเงินเดือนเท่าเรา เรายังรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจับกลุ่มเม้าส์เรา ทั้งที่เราก็มีวุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงานมาก่อน ตอนยื่นใบเสนอเงินเดือนกับทางหัวหน้างาน ก็เป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย เราจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นที่จับตามองของรุ่นพี่ที่ทำงาน ในช่วงแรก ๆ พี่ในทีมก็คอยมาบอกข่าวตลอด เราก็ทำงานมาเรื่อย ๆ จนเราก็ทำมาได้สักระยะประมาณสองเดือนครึ่ง หัวหน้าก็แจ้งว่าเราน่าจะผ่านโปรได้แล้ว จนเรื่องนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองของพวกรุ่นพี่อีกครั้งเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครผ่านโปรเร็วขนาดนี้ บางคนก็ต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกถึงจะผ่านโปร ช่วงแรก ๆ ก็มีพี่ในทีมก็คอยถามไถ่เราบ้าง เราก็คิดว่าเขาหวังดี จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแฟน แฟนก็คอยเตือนเราว่าที่เขาเข้ามา เขาเข้ามาเพราะหวังดีจริงมั๊ย หรือเพราะผลประโยชน์อื่น เราก็ตอบแฟนตลอดว่า “ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไร ” แฟนก็มักจะเตือนว่านิสัยของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง แต่พี่ในทีมคนนี้ก็จะบอกเราตลอดว่าเราโดนนินทาในกลุ่มว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ไม่ชอบเราต่าง ๆ นา ๆ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนสักครั้ง ตอนนี้เราก็ทำงานที่นี่มาเข้าเดือนที่ 6 แล้ว สถานการณ์ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่าต่อหน้าทำอีกอย่าง แต่ลับหลังเรารู้ว่าเขาชอบนินทาเรา วันนึงหัวหน้ามอบหมายงานให้เรารับผิดชอบ พอเราทำงานชิ้นนี้เสร็จ มันก็เป็นที่น่าพอใจของหัวหน้า จนหัวหน้าเรียกทุกคนมารวมกัน และบอกว่างานของเราดีมาก อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง จนคนในบริษัทบอกเราจะทำงานนี้ทำไม ทำให้คนอื่นดูไม่ดี เขาก็ชอบพูดเหน็บแนมเราตลอด “ถ้าคิดว่าเก่งมากก็มาทำแทนเลย เดี๋ยวจะลาออกให้” จนตอนนี้พี่ในทีมที่เคยเตือนเราก็ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งนู้นแล้วเพราะเราก็เคยมีปัญหากัน เพราะเขาชอบพูดให้เราดูผิด จนเราขึ้นเสียงใส่เขาเพื่ออธิบาย เขาเลยไม่มาคุยกับเราอีกเลย จนตอนนี้เราก็ไม่มีเพื่อนคบเลยในที่ทำงาน หลังจากที่เราทะเลาะกับพี่ในทีมไปตอนนั้น ถึงตอนนี้ทุกคนในทีมเราก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเรา พยายามไม่คุยกับเรา และเริ่มมาเยอะกับเรามากขึ้น จากงานที่เคยส่งมาแล้วผ่านตลอด แต่รอบนี้กลับกลายเป็นว่าไม่ผ่าน ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำเหมือนเดิมตลอด เขาให้คำตอบแค่ว่า “ไม่ได้ มันไม่ได้” จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าเขาก็บอกแค่ว่าทีมน่าจะลืมบอก เราเลยตัดสินใจกลับไปคุยกับทีมว่าถ้างานพลาด ให้รีบแจ้งเราเลยได้มั๊ย เรายินดีที่จะแก้ แต่ในระหว่างที่เรากำลังเจรจากับพี่ ๆ ในทีม เราก็รู้สึกว่าบรรยากาศก็ไม่ได้ชวนอยู่สักเท่าไหร่ ก็เลยแอบบันทึกเสียงในมือถือ ก่อนจะเดินออกไปเพราะเราอยากรู้ว่าเขาคุยกันเกี่ยวกับเรายังไง ปรากฏว่าสิ่งที่เขาคุยกันคือบอกว่า “เราขี้เกียจ ขึ้เกียจก็คือขี้เกียจ อย่าไปเล่นละครตบตาหัวหน้าว่าตัวเองขยัน” จริง ๆ เราก็อยากจะหักหน้าเขาเหมือนกันว่าอยากให้ทำได้เหมือนเรา ไม่ใช่ให้เราทำได้คนเดียว ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดที่เพื่อนร่วมงานชอบพูดเหน็บแนมข้ามหัวกันไปมา ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมกันที่ดีกันก็ได้ แต่ขอทำงานโดยที่ไม่ต้องมาจิกกัดเราแบบนี้ เราอยากรู้วิธีการรับมือ เพราะเราไม่ได้สนใจเรื่องนินทาเราแล้ว แต่บางทีได้ยินมันก็รู้สึกโมโห เพราะเราไม่ได้ลาออกจากที่นี่ อยากทำงานที่นี่ เพราะงานมันโอเคกับเราแล้ว ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าถ้าเราไม่อยากได้ยินเสียงไหน เรามีวธีการจัดการกับมันอยู่ สำหรับพี่คงเลือกวิธีไม่กี่วิธี อย่างเช่น 1. คิดซะว่าหมาเห่าอยู่ตรงนั้น หรือว่าเช้า ๆ เสียงนกอีแร้งมาร้องอยู่ข้างบ้านไม่หยุด หาอะไรมาอุดหูซะ แก้ที่เรา 2. แก้ที่ความคิดของเรา ลองไม่สนใจเสียงเหล่านั้น ลองคิดซะว่าเป็นเสียงนกเสียงกา สุดท้ายแล้วพี่ค้นพบว่าเราไปอุดปากนกไม่ได้ อุดปากหมาที่มันเห่าไม่ได้ แต่ว่าเราอยู่ที่วิธีคิดเรามากกว่า ทำไปตามความสบายใจของเรา ความเป็นมืออาชีพของเรา เสียงด่าทอพี่เข้าใจนะว่ามันน่าลำคาญ แต่ว่าถ้าเทียบกันแล้วพี่อยากให้ปายอยู่มากกว่า แล้วให้พวกนั้นลาออก ทำงานให้เป็นมืออาชีพต่อไป ถ้าสุดท้ายมันมีอะไรตัดขัดเกี่ยวกับเรื่องงานก็บอกหัวหน้าว่าเราทำเต็มที่แล้ว เอาจริง ๆ ทางเลือกตอนนี้มันก็มีไม่มากก็คือ 1. ทนอยู่ต่อ 2. ลาออกไปเลย เพราะฉนั้นไม่ต้องใส่ใจ การจะรุ่งเรือง บางทีมันต้องมีอุปสรรคบ้าง เราทำงานให้หัวหน้าเห็น ให้บริษัทเห็น เป้าหมายเราคือตรงนั้น ระหว่างทางอย่าไปใส่ใจ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เพราะว่าปายรักงานนี้ ปายอยากทำงานนี้ เพราะปายเห็นความเจริญเติบโตของมัน และปายก็ยังมีเจ้านายที่พี่เชื่อว่าเขาก็อยู่ทีมปายนะ เพราะฉะนั้นพี่ว่าปายต้องอดทน อย่างที่พี่เผือกบอกว่าเห็นพวกเขาเป็นอุปสรรคขวากหนามที่จะขัดขวางให้เราไปถึงเป้าหมาย ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของปายที่ชัดเจนด้วยนะ ซึ่งต่างจากพวกเขาที่ไม่มีแต่อนาคตเลย ถ้าหัวหน้าปายมีคุณสมบัติมากพอ วันนึงเขาก็จะเห็นสิ่งที่พวกนั่นทำเอง และคงจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้หัวฟน้าเขาก็รับรู้แล้วแหละว่าเพื่อนร่วมงานไม่ชอบเรา เขาก็ดูมีเป้าหมทยที่ชัดเจนให้ปายนะ ว่าปายมาที่บริษัทเพื่อทำงาน ไม่ได้มาหาเพื่อน ซึ่งปายไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำ หรือถ้าเราไม่ไหวกับเพื่อนร่วมงานพวกนั้นแล้ว เพราะมันส่งผลกับงาน พี่ว่าก็เปิดใจคุยกับหัวหน้าได้นะ เดี๋ยวหัวหน้าก็ต้องจัดการปัญหาตรงนี้เอง ปายสามารถรายงานปัญหาได้เลย ส่วนเสียงนกเสียงกาเล่านั้น วันนี้พี่จะให้ไป 2 ทางเลือกคือ 1. พยายามไม่สนใจ ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเราต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น หมาคือหมา จะไปห้ามหมาให้มันเห่าไม่ได้ พี่เข้าใจแหละว่ามันยาก พี่ไม่รู้หรอกนะว่าปายนิสัยยังไง แต่ถ้าเป็นพี่วันนึงถ้าทนไม่ไหว พี่จะหันไปแล้วพูดกับเขาเลยว่า ไม่ได้ให้มาชอบ ไม่ได้ให้มารัก ไม่ต้องมาเอ็นดูอะไรทั้งสิ้น เกลียดหรือด่าได้เลย แต่อย่ากระทบงาน ถ้ากระทบงานเมื่อไหร่ฟาดทันที! แต่ตอนี้เราก็ต้องทำได้แค่ทน ถ้าถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ คนเหล่านั้นก็แค่วุ้น หรือเป็นแค่จุลินทรีย์เท่านั้นแหละ เพราะพี่เชื่อว่าถ้ามารไม่มี บารมีไม่เกิด ปิดจบที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ เราต้องเก็บหลักฐาน แล้วพร้อมต่อสู้ ปายต้องไม่ทนไปตลอด ไม่งั้นสภาพจิตปายเสียแน่นอน พวกนั้นต้องแบ่งไปบ้าง แต่ตัวแรง ๆ ไปเลย ให้รู้ว่าเราพร้อมบวก! อีกอย่างทำทีว่าคุยโทรศัพท์ให้พวกมันได้ยินไปเลยให้รู้ว่าเราสายตบ มัสันดานดิบที่ร้ายแรง! พี่ว่าทุกคนก็พูดมาหมดแล้วแหละ ซึ่งพี่ก็เห็นด้วยหมดเลย แต่ถ้าถึงจุดที่มันกระทบกับงานเมื่อไหร่ ให้ไปฟ้องเจ้านายแล้วเรียกคุยเลยทั้งห้อง แล้วบอกสาเหตุทุกอย่างไปว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุผลของเราว่าแค่ต้องการชีวิตการทำงานที่พาไปสู่เป้าหมายการทำงาน เรื่องส่วนตัวพวกเขาก็ควรที่จะเก็บไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องฟ่นออกมา เพราะอาจจะทำให้เรา Toxic เพราะบริษัทไหนก็ตามที่ไม่ดูแลคนดี สักวันหนึ่งคนดีทั้งหมดก็จะลาออกหมด แล้วมันจะเหลือแต่พวก Toxic หรืออีกอย่างน้องก็พูดกับเขาไปตรง ๆ ไปเลยว่าการกระทำพวกพวกเขาเหล่านี้มัน Toxic จนทำให้เราหมดกำลังใจทำงาน เรามาทำงานในบริษัทนี้ก็เพราะอยากให้บริษัทมันเติบโต ตอนนแรกเราโคตรมีไฟเลย แต่ตอนนี้เราโคตรหมดไฟเลย เราทนเรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว แต่ก่อนที่เราจะพูดอย่างนั้น ปายก็ต้องมีหลักฐานนะว่าคนพวกนี้ทำให้งานของเราไม่ก้าวหน้า ให้เขารู้สึกว่าอารมณ์เราถึงที่สุดแล้วถึงออกมาพูดแบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1