หนูมั่นใจในตัวเองว่าหนูสวย จนหนูสามารถใช้ความสวยของตัวเองหาประโยชน์จากผู้ชายคนอื่นได้ ตอนนี้หนูมีคนคุย 4 คนพร้อมกัน แต่ละคนก็รู้ว่าหนูคุยกับคนอื่นอยู่ หนูชัดเจนตั้งแต่แรก บอกทุกคนก่อนคุย แต่ทุกคนก็จะซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูมั่นใจในตัวเองว่าหนูสวย จนหนูสามารถใช้ความสวยของตัวเองหาประโยชน์จากผู้ชายคนอื่นได้ ตอนนี้หนูมีคนคุย 4 คนพร้อมกัน แต่ละคนก็รู้ว่าหนูคุยกับคนอื่นอยู่ หนูชัดเจนตั้งแต่แรก บอกทุกคนก่อนคุย แต่ทุกคนก็จะซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ

09 ก.ย. 2024

หนูมั่นใจในตัวเองว่าหนูสวย จนหนูสามารถใช้ความสวยของตัวเองหาประโยชน์จากผู้ชายคนอื่นได้

ตอนนี้หนูมีคนคุย 4 คนพร้อมกัน แต่ละคนก็รู้ว่าหนูคุยกับคนอื่นอยู่ หนูชัดเจนตั้งแต่แรก บอกทุกคนก่อนคุย

แต่ทุกคนก็จะซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ แล้วคาดหวังความรักจากหนู หนูรับมาตลอด มันผิดไหมคะ?

“คุณแม็ก (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (4 ก.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก- ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อม’ เกี่ยวกับปัญหาว่าเราสวยมาก เลยคุยกับผู้ชายหลายคน แต่ก็ไม่ได้จะจริงจังกับใคร แล้วเขาก็เปย์ให้ เราผิดมั้ยที่รับของเขา?

โดย “คุณแม็ก (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เรามองว่าเราสวย มีเสน่ห์ แล้วความสวยของเราสามารถหาประโยชน์ หรือทำอะไรให้กับเราได้ ผลที่เกิดขึ้นคือ มีผู้ชายมาติด เราพยายามบอกเขาตั้งแต่แรกว่าเรายังไม่ได้หาความสัมพันธ์ที่จริงจัง ไม่ได้อยากให้ใครมาคาดหวังในตัวเรามาก แต่ผู้ชายก็มักจะหาวิธีชนะใจเรา โดยการซื้อของให้ พาไปกินอาหารหรู แล้วเวลาผ่านไปผู้ชายจะคาดหวังกับของที่ซื้อให้เรามากขึ้น จนบางทีก็รู้สึกว่า “นี่เราผิดหรือป่าวที่รับของเขามา” แต่โดยส่วนตัวก็คิดว่า “เขาเต็มใจที่จะอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้นเอง”

ซึ่งความสัมพันธ์คนคุยนี้ เราไม่ได้มีแค่คนเดียว ถ้าคนที่คุยมานานมากก็จะได้รับของมาจากเขาประมาณหนึ่ง บางทีเขาก็จะแสดงความเป็นเจ้าของกับเราว่า เราไปไหน ไปกับใคร เราก็จะบอกตลอดว่า “เราไปกับคนคุยคนอื่น” เขาก็จะมีท่าทีไม่พอใจ มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาคาดหวังในความสัมพันธ์ของเรา เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเรายังไม่ได้อยากจริงๆ แต่ถ้าคุยไปเรื่อยๆ เราก็ยอมเปิดใจคุยด้วยได้ ซึ่งเป็นแบบนี้กับหลายๆคนที่คุยกับเรา

ตอนนี้เราคุยอยู่ 4 คน แต่ละคนก็จะรู้ว่าเราไม่ได้คุยกับเขาคนเดียว และแต่ละคนก็ซื้อของให้ หรือดูแลเรา จะมากน้อยแล้วแต่คน ถ้าเป็นปกติ เราเจอคนที่หึงหวงเรา หรือมีท่าทีไม่พอใจ เราก็จะเลิกคุยกับเขาไปเลย แต่พอมันเป็นหลายๆคนเข้า ก็ทำให้รู้สึกว่า “หรือจริงๆเราผิดเอง ในแง่ที่เราไปอยู่ในความสัมพันธ์พวกนี้ จนทำให้เขาคาดหวังกับเรามากขึ้น และสุดท้ายเราก็ไปทำให้เขาเสียใจอยู่ดี” และเราคิดว่าใน 4 คนนี้ ยังไม่มีคนที่ใช่เลย แม็กเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่าในความคิดของคนอื่นมองว่ามันผิดไหม? กับการที่เราไปรับของคนอื่น แต่เราก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเราให้ความสัมพันธ์ได้แค่คนคุย’

ซึ่งทางด้าน “ดีเจอ้อม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเราเห็นว่าปลายทางมันนำไปสู่สิ่งที่ไม่ชอบและผิด ต่อให้สิ่งนั้นบริสุทธิ์ ก็อาจจะต้องป้องกัน การออกตัวในบางครั้งมันเป็น Agenda ที่เราซ่อน เพื่อหลบเลี่ยงความผิดของเรา เพื่อปกป้องตัวเองว่า ”ฉันบอกเธอแล้วนะ“ แต่เรายังร่วมมือทำสิ่งนี้กับเขาอยู่ เราก็มีส่วน ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายเขาจะโกรธ เสียใจ และพยายามทำอะไรให้ได้มาเพราะไม่ได้ดั่งใจ โทษเขาอย่างเดียวไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าแม็กผิดไหม แม็กไม่ได้ผิดจากการออกตัว แต่ Agenda ที่ซ่อนอยู่ในใจ แม็กรู้อยู่กับตัว คำตอบมันอยู่ในใจ

แต่มันมีข้ออ้างให้เราว่าฉันบอกตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นมาบอกว่าฉันผิดทั้งหมดก็ไม่ใช่ แต่แม็กก็รู้ว่าการทำแบบนี้ มันทำให้แม็กไม่สบายใจ เพราะถ้าแม็กสบายใจ และไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดตั้งแต่แรก แม็กจะไม่โทรหาพวกพี่เลย สำหรับพี่ พี่มองว่า แม็กรู้ตัวแล้ว แต่พี่เป็นห่วงว่า ถ้าเกิด 1 ใน 4 คนนี้ เกิดคิดทำอะไรแม็กขึ้นมา การมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องระวัง เราคาดเดาอะไรใครไม่ได้เลย พี่ห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะการบงทุนทุกอย่างมันหวังผลเสมอ ขนาดไปวัดทำบุญบางคนยังหวังขอเลย แล้วอย่าคิดว่า เวลาเลิกกับใคร บางทีมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด ฉันจบเธอต้องจบ มันไม่ได้เสมอไป แล้วถ้าทั้ง 4 คน ไม่พร้อมจบพร้อมกัน แม็กจะปวดหัวคูณ 4 บางทีอาจจะถึงชีวิต’

ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘ผิดหรือป่าวที่ทำอยู่ มันอยู่ที่ว่าใช้ไม้บรรทัดใครวัด ถ้าเป็นไม้บรรทัดของคนอายุเท่าพี่ๆ ซึ่งเป็นไม้บรรทัดที่โบราณ แต่พยายามจะปรับเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ แต่ยังไม่ชิน เลยมองว่ามันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่คุ้นเลย เอาเป็นว่ามันทำร้ายคนอื่นแล้วกัน แต่ถ้าเปลี่ยนไม้บรรทัดของคนยุคสมัยนี้ที่วัยพอๆกับแม็ก ก็อาจจะมองว่าเรื่องนี้มันแฟร์แล้ว เพราะฉันเคลียร์แล้ว ไม่ได้บังคับให้ซื้อให้ ใครอยากจะให้ก็ให้ เธอเต็มใจวื้อเอง เพราะฉนั้นผิดไม่ผิดอยู่ที่ไม้บรรทัดที่มองจริงๆมแต่ถ้า 1 ใน 4 คนนี้ไม่ได้สนใจไม้บรรทัดขึ้นมา อาจจะเกิดอันตรายกับแม็ก เพราะยุคนี้มันแรงกันเหลือเกิน และเราไม่รู้ว่าคนเราจะขาดสติเมื่อไหร่ ต่อให้เขาไม่รู้บ้าน แต่เราก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางครั้งที่เห็นข่าว เรื่องเล็กน้อยกันมากๆก็ทำให้ฆ่ากันตายได้ ยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับความรัก มันยิ่งทวีความ หึง หวง โกรธ แค้น เยอะแยะไปหมด

เพราะฉะนั้นคำว่า  “แฟร์เกม” ตั้งแต่แรก เรามั่นใจหรือยัง ว่าเคลียร์ 100% คือคำว่า ”คนคุย“ ถ้าเป็นไม้บรรทัดในยุสมัยพี่ คนคุยคือการที่คุยกัน ศึกษากัน เพื่อที่จะเป็นแฟนในอนาคต หรือเพื่อตัดสินว่าเธอจะเป็นคนที่เป็นแฟนฉันไหมนะ ฉันขอคุยก่อน ถ้าใช่ค่อยคบหากัน ถ้าไม่ใช่ก็คือจบ พี่เลยไม่รู้ว่ายุคนี้มันมีคำบัญญัติสำหรับ เสตตัสที่แม็กมีไว้ให้ 4 คนนี้เป็นคำเฉพาะขึ้นมาหรือป่าว เพราะพี่รู้สึกว่า ถ้าคนคุยมีไว้เพื่อศึกษา และคัดออก-เข้า ใครเข้า ก็มาคบหากัน นี่คือคนคุย แต่จะว่าเป็น FWB ก็ไม่ใช่ เพราะอันนั้นมันมีแค่เรื่อง Sex จะมีสเตตัสตรงนี้หรือป่าวพี่ไม่รู้ แต่แม็กต้องเคลียร์ให้ชัดกว่านี้ ถ้า 1 ใน 4 ถ้าเขารู้สเตตัสดีพอก็คนไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ หรือถึงเขารู้สเตตัสดีพอ ในวันที่ความหึงหวงเกิดขึ้น เหตุผลก็ไม่สำคัญอีกต่อไป มันหน้ามืด มันเสียไปเท่าไหร่แล้ว เพราะฉนั้น เป็นห่วงความปลอดภัยตัวเองด้วยละกัน และถ้าเรายิ่งชัดเจน เราต้องตอกย้ำให้ชัดเจนว่าทุกคนไม่มีสิทธิ์ บอกให้รู้ว่า “พี่ยังไม่ใช่นะ ถึงจะพยายามก็ไม่ใช่ แต่ถ้าพี่จะยังอยู่ ก็แล้วแต่พี่” ทำให้เขาไม่มีความคาดหวัง ให้เขาไม่ต้องมีความผิดหวัง แล้วนำไปสู่ความแค้น ก็พอไปต่อกันได้’

และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ากติกาที่แม็กบอก มันเหมือนมีช่องโหว่อยู่ จริงๆมันก็แอบไม่แฟร์ เพราะแม็กใช้คำสุดท้ายว่า “หนูเปิดใจ ถ้าว่านึงหนูรู้สึกยังไง ก็อาจจะเกิดขึ้นได้” ซึ่งอันนี้มันทำให้มีความหวัง แต่ตัวแม็กเองคือ “ป่าว หนูไม่ได้อยากจะมีความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น” คือถ้าแม็กพูดกับเขาว่า “หนูชอบไปกินข้าวร้านอร่อยๆ หนูชอบไปที่สวยๆ หนูชอบให้คนซื้อของให้ แต่หนูจะไม่คบกับใครสักคนเป็นแฟนนะ” แบบนี้ถึงจะแฟร์ แล้วถ้าแบบนี้คนไหนยังอยู่กับเรา แล้ววันนึงแม็กเปิดใจ มันจะเหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเขามากเลย แต่ตอนนี้มันเหมือนแฟร์ แต่จริงๆมันไม่แฟร์เพราะมันมีรูโหว่ของมันอยู่ว่า เขามีความหวัง ซึ่งพี่ว่าแม็กก็รู้ว่าเขามีความหวังจากกติกาที่แม็กสร้างขึ้น ถ้าจะให้ตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิด จริงๆแล้วกติกาเหมือนจะแฟร์ แต่ตัวแม็กเล็งเห็นผลว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วแม็กก็โอเคที่จะเห็นมัน เพราะเราเห็นคนซื้อของแพงๆให้เรา คนพาเราไปนู่นไปนี่ เพราะเขามีความหวังว่า สักวันหนึ่ง แม็กจะถูกใจเขา แต่แม็กรู้ทั้งรู้ว่าป่าว เราไม่ได้อยากได้ใครสักคน เราแค่มีความสุขที่มีคนมาดูแล มีคนมาพาเราเที่ยวแบบนี้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูรู้สึกว่าหนูได้เวลาจากแฟนเท่าไหร่ก็ไม่พอค่ะ จนแฟนบอกหนูว่า "ถ้าให้เวลามากกว่านี้ พี่จะไม่มีเพื่อนแล้วนะ" รักของเราเป็นรักทางไกลด้วย เวลาเค้าหายไปมันก็อดคิดมากไม่ได้ เวลาเค้าเล่นเกมกับเพื่อนเค้าก็จะหายไปเลย จนหนูต้องคอยโทรหาตลอด

21 ต.ค. 2024

หนูรู้สึกว่าหนูได้เวลาจากแฟนเท่าไหร่ก็ไม่พอค่ะ จนแฟนบอกหนูว่า "ถ้าให้เวลามากกว่านี้ พี่จะไม่มีเพื่อนแล้วนะ" รักของเราเป็นรักทางไกลด้วย เวลาเค้าหายไปมันก็อดคิดมากไม่ได้ เวลาเค้าเล่นเกมกับเพื่อนเค้าก็จะหายไปเลย จนหนูต้องคอยโทรหาตลอด

หนูรู้สึกว่าหนูได้เวลาจากแฟนเท่าไหร่ก็ไม่พอค่ะ จนแฟนบอกหนูว่า "ถ้าให้เวลามากกว่านี้ พี่จะไม่มีเพื่อนแล้วนะ"รักของเราเป็นรักทางไกลด้วย เวลาเค้าหายไปมันก็อดคิดมากไม่ได้ เวลาเค้าเล่นเกมกับเพื่อนเค้าก็จะหายไปเลยจนหนูต้องคอยโทรหาตลอด อยากรู้ว่านิสัยนี้มันงี่เง่าเกินไปไหมคะ? “คุณนิว (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [16 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนให้เวลามากแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไม่พอ โดย “คุณนิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีแฟนอายุ 20 ปี คบกันมาได้ประมาณ 6 เดือน เราสองคนคบกันแบบรักทางไกล อยู่คนละจังหวัด จะเจอกันเดือนนึง 1 ครั้ง แฟนหนูเขาให้เวลากับหนูมากแล้ว แต่หนูยังรู้สึกว่าเท่าไหร่ก็ไม่พอ จนตอนนี้เขาบอกว่าเขาไม่มีเพื่อนแล้ว เวลาที่เขาจะไปเที่ยวกับเพื่อน หนูก็ให้เขาไปตลอด แต่เวลาเขากลับมาเขาต้องมาง้อหนู เพราะหนูน้อยใจมากเลย ไม่ค่อยอยากให้เขาไปกับเพื่อนเหมือนกัน หนูพยายามเรียกร้องความสนใจ บางทีเขาเรียนเขาเลิก 1 ทุ่ม แต่หนูก็อยากให้เขาตอบแชทหนูเวลาเขาเรียนอยู่ ช่วงแรกๆเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโทรคุยกันตอนเขาทำงานหรือตอนเขาอ่านหนังสือ หนูงอแงจนเขาก็ยอมโทรคุยกับหนู หนูคิดว่าสิ่งที่หนูทำแล้วมันเยอะเกินไป คือ มีครั้งนึงเขาเลิกเรียนปุ๊บ เขาก็โทรคุยกับเพื่อนเพื่อที่จะเล่นเกม แต่เขาไม่โทรมาหาหนู เขาก็เงียบๆไป เขาก็หายไปประมาณครึ่งชั่วโมง หนูเลยถามเขาว่าหายไปไหน เขาบอกเล่นเกมกับเพื่อน หนูก็ร้องไห้ เขาก็เลยต้องหยุดเล่นเกม วางสายจากเพื่อน แล้วโทรมาหาหนู เพราะหนูรู้สึกว่าหนูรอเขามาทั้งวัน เขาไม่อยากคุยกับหนูหรอ ซึ่งสายล่าสุดที่เราคุยกันคือวันก่อนหน้า แต่เขาก็พิมพ์แชทมาคุยกับหนูตลอด แค่ไม่ได้โทรคุยกัน และก็มีอีกเหตุการณ์คือเขาขอนอนกลางวัน เพราะคืนที่ผ่านมาเขาทะเลาะกับหนู แล้วเขาไม่สบาย เพราะเขานอนดึก แต่หนูคิดว่าเขาคงไม่ได้อยากนอนกลางวันหรอก แต่แค่เขาไม่อยากคุยกับหนู หนูก็เลยร้องไห้ สุดท้ายเขาก็คอลกับหนูทั้งๆที่เขาป่วย แต่หนูรู้สึกผิดมาก หนูบอกเขาตลอดว่าหนูรู้สึกผิด แต่เขาบอกว่าหนูไม่ผิดหรอก เขาผิดเองที่ให้เวลาหนูไม่มากพอ หนูเคยพยายามจะเปลี่ยนนิสัย แต่มันติดนิสัย เวลาหนูรู้สึกแย่ หนูจะพิมพ์สั้นๆ แล้วเขาจะรู้ว่าหนูรู้สึกแย่ เขาก็จะถามเลยว่า “รู้สึกแย่ใช่มั้ย ขอโทษนะ งั้นเดี๋ยวนอนเสร็จแล้วคุยด้วยกันนะ” บางทีหนูก็บอกให้เขาไปหาเพื่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาง้อ แต่หนูก็เคยคุยกับเขาว่าถ้าเขารู้ว่าหนูรู้สึกแย่ แล้วทำไมถึงทำ หนูก็รู้ว่าหนูงี่เง่ามาก ก็เลยอยากปรึกษาพวกพี่ๆดีเจว่า ทำยังไงให้ตัวเองเลิกงี่เง่าขนาดนี้?’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คุณพ่อหนูอยากให้หนูสานต่อธุรกิจโรงงานครอบครัว แต่หนูรู้สึกว่าที่นี่ยังไม่มีระบบการทำงานที่ดี ยังเป็นโรงงานเล็กๆ ความตั้งใจของหนูอยากจะไปทำงานที่โรงงานใหญ่ๆ ไปเปิดโลก เรียนรู้ก่อน สัก 1-2 ปี กลับมาพัฒนาธุรกิจครอบครัวของหนู แต่จะพูดยังไงให้พ่อเข้าใจดี

08 ส.ค. 2025

คุณพ่อหนูอยากให้หนูสานต่อธุรกิจโรงงานครอบครัว แต่หนูรู้สึกว่าที่นี่ยังไม่มีระบบการทำงานที่ดี ยังเป็นโรงงานเล็กๆ ความตั้งใจของหนูอยากจะไปทำงานที่โรงงานใหญ่ๆ ไปเปิดโลก เรียนรู้ก่อน สัก 1-2 ปี กลับมาพัฒนาธุรกิจครอบครัวของหนู แต่จะพูดยังไงให้พ่อเข้าใจดี

คุณพ่อหนูอยากให้หนูสานต่อธุรกิจโรงงานครอบครัว แต่หนูรู้สึกว่าที่นี่ยังไม่มีระบบการทำงานที่ดียังเป็นโรงงานเล็กๆ ความตั้งใจของหนูอยากจะไปทำงานที่โรงงานใหญ่ๆ ไปเปิดโลก เรียนรู้ก่อนสัก 1-2 ปี กลับมาพัฒนาธุรกิจครอบครัวของหนู แต่จะพูดยังไงให้พ่อเข้าใจดี เพราะถ้าหนูทำตามที่พ่อบอกพ่อหนูก็อายุมากแล้ว สอนอะไรก็หลงๆลืมๆ สอนไม่เป็น ทุกคนคิดว่าควรจะเริ่มพูดกับคุณพ่อยังไงดีคะ? “คุณพี (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร ในคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ส.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อม’ เกี่ยวกับปัญหาอยากไปทำงานหาประสบการณ์ข้างนอก ก่อนที่จะมาบริหารกิจการที่บ้าน แต่คุณพ่อไม่เห็นด้วย โดย “คุณพี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตัวหนูเองเป็นนักศึกษาจบใหม่ และที่บ้านก็เป็นครอบครัวคนจีน คุณพ่อมีบริษัทที่อยากจะให้มารับช่วงต่อ ในช่วงเวลาที่ได้เรียนจบใหม่ๆ หนูก็เริ่มทำงานกับที่บ้านเลย แต่ความกดดันหลายๆอย่างทำให้รู้สึกว่า ยังทำได้ไม่ดี รวมกับว่าที่คุณพ่ออายุมากแล้ว มีหลายครั้งที่ท่านเกิดอาการหลงๆลืมๆทำให้สอนงานได้ไม่ต่อเนื่อง หนูเลยตัดสินใจว่า จะไปทำงานที่อื่นก่อน แล้วค่อยเก็บประสบการณ์กลับมาทำงานที่บ้าน พอปรึกษาคุณแม่ ท่านก็เห็นด้วยกับสิ่งที่หนูจะทำ แต่คุณพ่อไม่เห็นด้วย ท่านอยากให้เราทำที่บ้านเลย เขาบอกว่าสามารถสอนเราได้ แต่ระยะเวลามันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว หนูก็เห็นแล้วว่า หนูควรจะได้ประสบการณ์จากที่อื่นมากกว่า ท่านรู้ตัวถึงอาการหลงๆลืมๆของตัวเอง บางทีที่จะอยากจะสอนงาน ท่านก็ลืมว่าจะสอนอะไร คนในบริษัทคนอื่นก็ไม่สามารถสอนแทนได้ในส่วนของท่าน ประเภทงานที่บ้านของหนูทำ เป็นโรงงาน นำเข้าส่งออก ด้วยความที่หนูเรียนไม่ตรงสาย บางครั้งก็ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรท่าน แล้วหนูก็ได้งานแล้ว ที่ยื่นสมัครไปเป็นโรงงานนิคม ทำหน้าที่ล่าม เอกสารเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก โรงงานของคุณพ่อเป็นกิจการเล็ก ยังไม่ค่อยมีระบบ หนูไม่ชอบ เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก เลยอยากที่จะมีประสบการณ์ก่อน เพื่อมาพัฒนา ระบบตรงนี้ หนูอยากจะปรึกษาพวกพี่ว่า หนูตัดสินใจแล้วว่าจะไป ควรอธิบายให้คุณพ่อเข้าใจยังไงดี ว่าหนูไม่ได้ทิ้งกิจการที่บ้าน แค่อยากมีประสบการณ์มากพอ ที่จะกลับมาช่วยที่บ้าน’ โดยทั้ง ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อม’ ได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘การที่จะออกไปทำข้างนอก ต้องรีบทำให้ไว ครูพักลักจำให้มาก อาจจะเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อย ด้วยความที่เรียนไม่ตรงสาย หวังว่าทางที่พีเลือกไป จะสามารถนำมาปรับใช้กับกิจการที่บ้านได้จริงๆ มีโอกาสเรียนรู้ ควรเรียนรู้ให้มาก แต่เส้นทางที่เลือก เป็นเส้นทางที่ดี ควรตั้งเวลาให้กับคุณพ่อ ทำให้คุณพ่อสบายใจ ว่าเราจะไม่ทิ้งกิจการ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูอายุ 17 คบกับแฟนรุ่นน้อง เป็นนักบอล อายุ 15 เราคบกันแต่พ่อผู้ชายไม่อยากให้คบ เพราะเขาอยากให้ลูกเขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ลูกเขาเตะบอลมาตั้งแต่ 10 ขวบ กลัวว่าฝีมือจะตกเพราะมาคบหนู ตอนนี้เลิกกันแล้วแต่กลับมาคบกัน พ่อยื่นคำขาด

20 พ.ค. 2025

หนูอายุ 17 คบกับแฟนรุ่นน้อง เป็นนักบอล อายุ 15 เราคบกันแต่พ่อผู้ชายไม่อยากให้คบ เพราะเขาอยากให้ลูกเขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ลูกเขาเตะบอลมาตั้งแต่ 10 ขวบ กลัวว่าฝีมือจะตกเพราะมาคบหนู ตอนนี้เลิกกันแล้วแต่กลับมาคบกัน พ่อยื่นคำขาด

หนูอายุ 17 คบกับแฟนรุ่นน้อง เป็นนักบอล อายุ 15 เราคบกันแต่พ่อผู้ชายไม่อยากให้คบเพราะเขาอยากให้ลูกเขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ลูกเขาเตะบอลมาตั้งแต่ 10 ขวบ กลัวว่าฝีมือจะตกเพราะมาคบหนูตอนนี้เลิกกันแล้วแต่กลับมาคบกัน พ่อยื่นคำขาด คบได้แต่ฝีมือฟุตบอลห้ามตก แฟนหนูกดดันมาก “คุณซี” (นามสมมติ)” อายุ 17 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 พ.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อม” เกี่ยวกับปัญหาการมีแฟนเป็นนักฟุตบอล แต่ถูกคุณพ่อของแฟนกีดกัน เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้ลูกชายเสียสมาธิในการเดินตามเส้นทางสู่นักฟุตบอลอาชีพ โดย “คุณซี” (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีแฟนอายุ 15 ปี เขาเป็นนักกีฬา นักบอล แล้วเขาอาศัยอยู่กับคุณพ่อ เพราะพ่อแม่เขาแยกทางกัน บ้านเขาค่อนข้างมีฐานะ แต่เหมือนคุณพ่อเขาไม่ค่อยโอเคที่เขามีแฟน และพ่อเขาค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณ เพราะด้วยความที่เขาคาดหวังกับลูกเขาว่าต้องเป็นนักบอลมืออาชีพ คบกันช่วงแรกๆยังไม่มีอะไร แค่พ่อเขาไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้พูดถึง แต่พอช่วงหลังๆเขากับพ่อทะเลาะกันทุกวันเพราะพ่ออยากให้เลิกกับหนู ช่วงนี้แฟนหนูเขาขึ้นมอสาม แต่มอปลายเขาวางแผนไว้แล้วว่าจะไปสายฟุตบอลเลย ก็เลยกลายเป็นว่าเขาต้องเข้มงวดและแข่งเยอะมากขึ้น พ่อเขาก็พูดว่าอยากให้แฟนหนูห่วงอนาคตตัวเอง หนูไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน เพราะแฟนไม่ได้พูดให้ฟัง จนมีวันนึงหนูทะเลาะกับแฟน เขาก็ได้บอกเลิกหนู ที่ผ่านมาเขาไม่เคยบอกเลิกหนูเลย มากสุดคือการประชดกันเฉยๆ ตอนแรกหนูคิดว่าเขาก็คงเหนื่อยกับหนูแล้วก็คงไม่อยากไปต่อ แต่หนูก็ยังคาใจ ก็เลยทักไปถามว่าเหตุผลคืออะไร ขอชัดๆเลย เขาเลยบอกว่าก่อนที่เขากับหนูจะทะเลาะกันประมาณ 2 – 3 วัน พ่อเขามาพูดกับเขาจริงๆจังๆ ว่าให้เขาห่วงอนาคตตัวเองก่อน เรื่องนี้ยังไม่ต้องมีก็ได้ เขาเลยไม่มีทางเลือก ที่ผ่านมาหนูเข้าใจเขาว่าเขาต้องยอมพ่อตลอด เพราะพ่อเขาค่อนข้างเข้มงวดและกดดันมากๆ ตอนแรกหนูก็ต้องยอมรับสภาพ แต่หลังจากที่เลิกกัน 2 – 3 วันเราก็ยังคุยกัน เลยให้เขาลองไปเปิดใจคุยกับพ่อ แต่พ่อเขาก็ยังยืนคำเดิม จนเขาโทรไปปรึกษาแม่ เขาขอร้องแม่ให้ไปคุยกับพ่อให้หน่อย เพราะตัวหนูกับตัวเขาเองไม่ได้อยากเลิกกัน และค่อนข้างยอมรับได้ยาก เพราะการเลิกกันครั้งนี้มันไม่ใช่การตัดสินใจของเราสองคน เมื่อวานที่ผ่านมาพ่อเขาก็บอกว่า ให้มีได้ แต่ถ้าไม่รู้หน้าที่ตัวเองก็ให้เลิก ซึ่งก่อนหน้านั้นหนูพยายามที่จะให้เขาพิสูจน์ตัวเอง เพราะหนูไม่ทำให้เขาเสียอนาคตแน่นอน เวลาเขาไปซ้อม ไปแข่งหนูก็ไม่เคยไปขัดเขาเลย และหนูก็บอกฝั่งทางบ้านหนูด้วยว่าหนูคบอยู่กับน้องคนนี้ๆ หนูก็มีการชวนให้น้องมากินข้าวกับที่บ้านหนู แต่พ่อเขาก็ยังไม่ยอม ถึงจะมีแม่หนูด้วย เขาก็ไม่ไว้ใจ ทุกวันนี้พ่อเขายังยอมรับไม่ได้ว่าแฟนหนูมีหนู เหมือนแค่ยอมจำนน เพราะแม่ของแฟนไปพูดให้ หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูพอจะแก้อะไรได้บ้าง หรือ พอจะช่วยอะไรแฟนได้บ้าง? เพราะเขาไม่พูดเรื่องนี้กับหนูเลย เขาบอกว่าเขากลัวหนูไม่สบายใจเวลาพูดเรื่องพ่อเขา และอยากช่วยเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพ่อเขาให้ดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องเลิกกับหนู’ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ต้องทำตามพันธะสัญญาที่หนูให้ไว้กับพ่อเขาว่าหนูจะทำให้แฟนหนูไปเป็นนักบอลตามที่พ่อเขาฝัน จะไม่หือ ไม่อือ ไม่ขัด หรือทำทุกอย่างเพื่อรั้งอนาคตเขาเลย เพราะพ่อเขาคิดว่าหนูคืออุปสรรคในการเป็นนักบอลของลูกเขา เพราะฉะนั้นที่เขายังยอมให้มีหนูได้ เป็นแฟนได้ หนูต้องทำทุกอย่างให้เขาเห็นว่าหนูไม่ทำให้เขาเสียอนาคต’ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ซีต้องเข้าใจเส้นทางนักกีฬาอาชีพ ชีวิตมันต้องสูญเสียอะไรไปเยอะเหมือนกัน ทั้งชีวิตส่วนตัว เวลาว่าง หรือแม้กระทั่งชีวิตวัยเด็ก จะไม่ค่อยได้ไปมีแฟน หรือไปดูหนัง และไม่ใช่แค่พ่อเขาที่กดดัน แต่เป็นตัวเขาด้วยที่กดดันตัวเอง ส่วนเรื่องการจะทำยังไงให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเขาดี ระหว่างมีเราอยู่ ซีก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเพื่อนต่างเพศที่สนิทที่สุด การมีซี ดีกว่าไม่มี เช่น เราต้องไม่ทำตัวมีปัญหา’ “ดีเจอ้อม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในวันที่เขายังอายุ 15 เขาอยู่ใต้หลังคาบ้านของพ่อเขา เขาต้องทำตามกฎของพ่อ อันนี้คือเรื่องธรรมชาติที่สุด พ่อเขาเลี้ยงลูก ถึงเราจะไม่ชอบ แต่นั่นก็คือกฎของบ้านเขา เพราะฉะนั้นหนูสามารถเป็นเชียร์หลีดเดอร์ให้เขาได้ คือ หนูจะต้องไม่ทำให้คนกลางอึดอัด ไม่บั่นทอนให้จิตใจเขาระส่ำ พร้อมจะเผชิญกับทุกสถานการณ์’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไอโฟนของผมจับได้ว่ามีเครื่องติดตาม GPS อยู่ในรถ จนเจอว่าแฟนผมแอบติดไว้จริงๆ อาจจะเพราะที่ผ่านมา ผมเคยเป็นคนเจ้าชู้ แล้วก่อนจะเกิดเรื่อง แฟนเคยโทรถาม ว่าอยู่ไหน? ผมโกหกเขา แต่จริงๆ ผมแค่ไปดื่มไปดริ้งค์ กับน้องที่รู้จักใน IG น้องคนนี้เคยแค่คอลเสียวกันเฉยๆ

08 ส.ค. 2025

ไอโฟนของผมจับได้ว่ามีเครื่องติดตาม GPS อยู่ในรถ จนเจอว่าแฟนผมแอบติดไว้จริงๆ อาจจะเพราะที่ผ่านมา ผมเคยเป็นคนเจ้าชู้ แล้วก่อนจะเกิดเรื่อง แฟนเคยโทรถาม ว่าอยู่ไหน? ผมโกหกเขา แต่จริงๆ ผมแค่ไปดื่มไปดริ้งค์ กับน้องที่รู้จักใน IG น้องคนนี้เคยแค่คอลเสียวกันเฉยๆ

ไอโฟนของผมจับได้ว่ามีเครื่องติดตาม GPS อยู่ในรถ จนเจอว่าแฟนผมแอบติดไว้จริงๆ อาจจะเพราะที่ผ่านมาผมเคยเป็นคนเจ้าชู้ แล้วก่อนจะเกิดเรื่อง แฟนเคยโทรถาม ว่าอยู่ไหน? ผมโกหกเขา แต่จริงๆ ผมแค่ไปดื่มไปดริ้งค์กับน้องที่รู้จักใน IG น้องคนนี้เคยแค่คอลเสียวกันเฉยๆ ผมอยากรู้ว่าผมมีสิทธิ์โกรธไหมที่แฟนมาติดเครื่องติดตามแล้วแฟนมีสิทธิ์ทำแบบนี้ไหมครับ? “คุณเอ (นามสมมติ)” สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ส.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก– ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนแอบติดเครื่องติดตามไว้ที่รถของเรา โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมเป็นผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้ชาย คบกันมาเกือบ 10 ปี เกริ่นก่อนว่าเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว แฟนผมเขาไป Hang Out นั่งชิลล์กับเพื่อนเขาประมาณ 6 โมงเย็นและโดยปกติจะกลับช่วงเที่ยงคืน-ตีหนึ่งและกลุ่มที่เขาไปจะเป็นแก๊งเกย์ผู้ชายด้วยกัน คือผมไม่เคยเจอหรือพูดคุยกับเพื่อนเขาเป็นการส่วนตัว เขาเป็นเพื่อนกันมานานแล้วแต่พึ่งมาเริ่มสนิทกันช่วงหลัง ๆ แล้วเพื่อนเขาฝั่งนู้นถ้าว่าง ๆ ช่วงวันศุกร์จะชอบมาชวนไปนั่งชิลล์ ไป Common ซึ่งผมก็จะไม่ไปเพราะผมไม่ใช่คนชอบดื่มชอบเที่ยวอยู่แล้ว ช่วงแรก ๆ ตัวของผมเองไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่เพราะผมไม่รู้ว่าเป็นแบบไหนอะไรยังไงเลยให้เขาไป แต่ผมก็มีความรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ตรงนี้คือจะเป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นตอนนั้น พอเขาไป ตัวผมเองก็อยู่บ้าน ตอนนั้นผมรู้สึกดาวน์ ๆ นอยด์ ๆ เพราะมันมีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องที่บ้าน ตอนนั้นผมเลยชวนน้องคนนึงที่รู้จักใน IG ที่เคยคุยกันในลักษณะของการคอลเสียวแต่เวลาทำอะไรแบบนั้นไม่ได้เปิดหน้าหรือเจอกันมาก่อน จริง ๆ ผมเคยสารภาพเรื่องนี้ไปกับแฟนก่อนหน้านี้แล้วด้วย แต่ว่าวันนั้นผมแค่ชวนน้องออกไปทานข้าวด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้เล่าเรื่องอะไรให้ฟัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน ตอนนั้นคือผมรู้สึกเหงา อยู่บ้านคนเดียวแค่รู้สึกอยากคุยกับใครบางคนเพราะผมมีปัญหาเรื่องที่บ้านแต่แฟนไม่อยู่ และก็ไม่ได้บอกแฟนเรื่องที่มีปัญหากับที่บ้านคือปล่อยเขาไป Hang Out เลย และผมออกจากบ้านประมาณ 6 โมง ถึงประมาณทุ่มนึง ออกจากร้านและกลับบ้านประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ ประเด็นคือว่ามีคนนึง ผมไม่รู้ว่าเป็นใครเจออยู่ร้านอาหาร เหมือนกับว่าเขาเจอผมแล้วไป inbox บอกแฟนผมว่าผมว่ากินข้าวกับคนอื่นที่ร้านอาหารและเขาได้ไปเช็คกล้องในรถเลยเห็นว่าผมไปไหน เวลาอะไรต่าง ๆ ทั้งของผมและของเขามันพอดีกัน ผมไม่ได้ไปทั้งคืน พอกลับมาตอนประมาณเที่ยงคืน-ตีหนึ่ง ผมกลับมานอน เขาไม่ได้กอดผมและหันหลังใส่ ซึ่งอันนี้คือสิ่งที่ผิดปกติ แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งวันถัดมาผมรู้สึกว่ามันเป็นการคุยกันแบบถามคำตอบคำ ไม่ปกติผมรู้สึกอึดอัด พอตกเย็นมาผมเลยเรียกเขามาคุยว่า “เป็นอะไร ถามจริง ๆ” หลังจากนั้นเขาก็อธิบายให้ผมฟังว่ามันเป็นลักษณะแบบนี้นะและเขาได้ขอบอกเลิกผมไปในวันนั้นเลย ซึ่งผมก็ดีเฟ้นว่า “เฮ้ย ไปกินข้าวกัน ไม่ได้ไปมีอะไรกัน ทำไมการลงโทษอันนี้มันถึงต้องถึงขั้นเทียบเท่ากับการไปมีอะไรกับคนอื่นเลยหรอ” ผมก็พยายามจะอธิบายไป ซึ่งโชคดีที่เขารับฟังผมและให้อภัย ถัดไปประมาณเกือบอาทิตย์ ผมขับรถตามปกติ แต่เหมือนโทรศัพท์ผมมันขึ้นเจอว่ามีอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นเหมือนเครื่องติดตามขึ้นมาที่หน้าจอเป็นชื่อนี้ ผมเลยไปเสิร์ชหาในเว็บไซต์เลยรู้ว่ามันเป็นเครื่องติดตาม จากนั้นผมเลยไปค้นในรถต่อแบบทุกซอกทุกมุมเป็นของชิ้นเล็ก ๆ นูน ๆ แบน ๆ ความกว้างเหมือนกับเหรียญ 10 สองเหรียญ ผมเจออยู่หลังเบาะคนนั่งข้าง ๆ ที่มันจะเป็นที่ใส่เอกสารอยู่ด้านหลังเบาะ ผมจึงรู้ว่าผมถูกติดตามอยู่ ผ่านไปผมเลยเริ่มรู้สึกนอยด์ ๆ เพราะแบบเหมือนเราโดนสะกดรอยตามตลอดเลย ตอนนั้นผมก็คิดว่าเป็นแฟนทำเพราะมันไม่มีใครแล้ว มันรู้สึกนอยด์ เหมือนเวลาเขาถามว่าอยู่ไหน ซึ่งผมก็รู้สึกว่าเขารู้อยู่แล้วจะแกล้งถามอีกทำไม แต่ผมไม่ได้พูดไป จากนั้นผมเริ่มทนไม่ไหว รู้สึกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผมคุยกับเขาเหมือนมันมีเส้นบาง ๆ อะไรที่กั้นไม่ให้ผมรู้สึกคุยได้เต็มที่เพราะผมรู้ว่าเขาเหมือนมาจับผิดผม โดยการเอาสิ่งนี้มาตามผม ผมก็รู้สึกอึดอัดไม่ชอบ เลยเปิดใจคุยไปเลยว่า “มันเป็นข้อดีใช่ไหมที่จะต้องรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน โดยที่เดี๋ยวใช้เครื่องนี้ตรวจสอบก็ได้ จะได้ไม่ต้องโทรหากันบ่อยขึ้นใช่ไหม” จากนั้นเขาจึงตอบกลับมาว่า “โอเค งั้นเอาออกไปเลยก็ได้” แต่ว่าจริง ๆ ตอนนี้ผมยังไม่ได้เอาออก ซึ่งคำถามของผมคือว่า ถ้าเอาเอาออกตามที่เขาบอก เขาจะมีความระแวง ความไม่ไว้ใจว่าผมไปไหน ไปจริงหรือเปล่า ยังจะอยู่กับเขาอยู่หรือเปล่าหรือถ้าผมไม่เอาออกเพราะอยากจะให้แฟนรู้สึกสบายใจ แต่เป็นตัวผมเองที่ต้องรู้สึกอึดอัด บางครั้งก็รู้สึกว่ามีคนมารู้ความเคลื่อนไหว มาเช็คสเตตัสของเราตลอดเวลา แต่ว่าด้วยงานของผมมันต้องไปประชุม ใช้รถไปหาลูกค้าบ่อย ๆ บางทีอาจจะแวะนู้นนี่นั่นหลายที่ บางทีผมเกิดตอบไม่ตรงไม่ครบกับที่เครื่องติดตามมันระบุตำแหน่งเอาไว้ มันจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตอีกไหม?’ โดย “ดีเจอ้อม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ไม่ว่าจะเอาเครื่องติดตามออกหรือเอาไว้เหมือนเดิม เขาก็ยังคงระแวงอยู่เหมือนเดิมเท่ากันเพราะเขามีความลังเลอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาคงออกไปตั้งแต่แรก มันเป็นเรื่องของความไว้ใจ ถ้าเขาสบายใจเดี๋ยวเขาก็เอาออก มันอยู่ที่พฤติกรรมของคุณมากกว่า ปัญหาอยู่ที่คุณเอว่า คุณจะทำให้เขาไว้ใจได้อีกหรือเปล่า ซึ่งมันต้องใช้เวลาและสร้างมัน มันเป็น consequence ที่คุณต้องจัดการกับมัน’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อยากให้เอเคลียร์ก่อนว่าสิ่งที่เอทำมันเป็นสิ่งที่ผิดในแง่ของคู่รัก สำหรับพี่การที่เอไปเจอกับน้องคนนั้นพี่มองว่ามันผิดนะเพราะมันไม่ใช่การไปเจอคนปกติแต่ไปเจอเพราะเอเคยวิดีโอคอลเสียวกับเขา ผิดขนาดที่ว่าเขาสามารถเลิกกับเอได้เลยด้วยซ้ำ อีกทั้งเอยังเอาคน ๆ นี้มาเจอกันนอกรอบ ลับหลังเขาอีก อันนี้ผิดแบบผิดมาก ๆ มันคือการนอกใจสำหรับพี่ แฟนทุกคนต้องรู้สึกแล้วเราเป็นแฟนกันมา 10 ปี คิดง่าย ๆ เขาไปกับเพื่อนเกย์เขา เอยังหึงและโกรธเขา นี่เอยังไปกับคนที่ตัวเองเคยคอลแบบนั้นแล้วแฟนดันมารู้เพราะคนอื่นบอกอีก ซึ่งการที่เขางอนและติดเครื่องดักฟังไว้นี่ถือว่าเป็นบุญมาก น้อยกว่าเหตุด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นเอต้องรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ แล้วเพราะพี่รู้สึกว่าเราทำขนาดนี้ แฟนเอาแค่นี้ แต่จริง ๆ แล้วเขามีสิทธิ์ทำกับเอได้มากกว่านี้อีกแต่เขาไม่ทำ ฉะนั้นเอจะเรียกร้องความเป็นธรรมจากเรื่องนี้ได้อย่างไรกับการที่มีเครื่องติดตามที่รถตัวเอง ถ้าเป็นคนทั่วไปที่เขารู้ว่าตัวเองทำผิดและตอนนี้เขากลับใจแล้ว พี่ว่ามันไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย มันไม่ใช่ประเด็นที่เอจะต้องกลัวว่าจะตอบไม่ตรง ประเด็นคือเอต้องเลิกทำนิสัยแบบนั้นให้ได้ก่อนเพราะตอนนี้เขาไม่มีทางไว้ใจเอ สำหรับพี่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น จงก้มหน้ายอมรับกรรมนี้ไป อีกอย่างที่พี่จะพูดคือเอต้องทนให้ไหวและต้องถามตัวเองว่ารักคน ๆ นี้ขนาดไหน ถ้ารักเขาแล้วอยากมีเขาอยู่ในชีวิตต่อ เขาจะทำอะไรเอต้องทนให้ไหวเพื่อที่จะได้ไปต่อ ทำให้เขาเชื่อใจเอได้จริง ๆ ว่าจะไม่ออกไปเจอกับใครอีก แต่ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าเขาซื่อสัตย์แล้วต้องมาเจอคนแบบนี้ พี่ว่ามันไม่แฟร์กับเขา แต่ขึ้นอยู่กับน้องอีกอยู่ดีนะ’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มว่า ‘เห็นด้วยกับดีเจเติ้ลทุกอย่าง ผมไม่เข้าใจสาเหตุที่จะตอบไม่ตรงคือถ้าคนเราไม่ได้มีอะไรปิดบังคนรัก มันไม่มีโอกาสที่จะตอบไม่ตรง นอกจากวันนึงคุณจะไปประมาณ 75 ที่ ผมไม่เข้าใจเรื่องตอบไม่ตรงจริง ๆ สมองคนเราจะมีวิธีการบอกเจ้าของร่างว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ไม่เหมือนกัน จริง ๆ คุณเอไม่ได้ผิด ไม่ใช่คนที่จิตใจไม่ดี แต่สมองของคุณเอคำว่าผิดกับถูกมันเป็นอีกแบบนึงที่ไม่ตรงกันกับคนอื่น ๆ รวมถึงแฟนคุณเอด้วย หนึ่ง การที่เราไม่ได้ตกลงว่ามันคือ Open Relationship ผมว่าส่วนใหญ่ไม่ว่าจะไปคุยกับคนอื่นด้วยเหตุผลอะไร ผิดหมด มันจะมีสาเหตุอะไรที่เราต้องไปคุยกับคนอื่น ในขณะที่เรามีแฟนอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปคุย นอกจากเป็นเพื่อนของเรา เราไม่ต้องไปหาใครก็แล้วแต่ใน IG คุย ไม่ว่าจะคุยธรรมดา คุยแบบเต๊าะหรือจะคุยเสียว ผมว่าผิดเท่ากันครับ จะโกหกเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ มันคือการโกหกเหมือนกัน ขนาดเรื่องเล็ก ๆ ยังโกหกกัน เรื่องใหญ่ ๆ คุณจะบอกกันหรอ มันผิดทั้งหมดเลย ค่อย ๆ ทำความเข้าใจว่าคนอื่นเขาคิดยังไง สำหรับผมแล้วถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น วันดีคืนดีผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมว่าเหตุการณ์นี้มันจะส่งผลต่อคนที่มีพฤติกรรมแตกต่างกันคนละแบบ ถ้าคนที่มีชีวิตที่ซื่อสัตย์ต่อคนรักเป็นอย่างมาก บริสุทธ์จริง ๆ ไม่ไปไหน เมื่อไหร่ก็ตามที่เราค้นพบว่าเจอเครื่องดักฟังอยู่บนรถเรา สิ่งที่ต้องนอยด์ที่สุดในชีวิตคือเราทำอะไรผิด ถึงทำให้แฟนไม่ไว้ใจวะ คนที่นอยด์สุดไม่ควรเป็นคนที่เอามาติดไว้ แต่เป็นตัวเอง แต่ถ้าเรื่องสนี้มันเกิดขึ้นกับคนที่มันมีมูลความผิดจริง ๆ จะรู้สึกทันทีว่ามาตามมองฉันทำไม มันอึดอัด คนเรามีเงื่อนไขในการมองคนรักหรือคู่ชีวิตต่างกัน คุณอาจจะมองว่าไม่เห็นผิดอะไรแต่กับคู่ที่เขาซื่อสัตย์จต่อกัน มันแค่ทักไปก็ผิดแล้ว ฉะนั้นผมเข้าข้างแฟนคุณเอเต็มที่และจะขอร้องไม่ให้เอาออกด้วยคือสมมติถ้าผมเป็นคุณเอแล้วพลาดไปครั้งนึงแล้ว แล้วผมคิดว่าผมจะอยู่กับคน ๆ นี้ต่อ ได้โปรดทิ้งเครื่องนี้เอาไว้เพราะมันเป็นสิ่งเดียวแล้วที่จะพิสูจน์ตัวของคุณเอได้ ในเมื่อตัวและคำพูดของคุณเอเองมันไม่สามารถยืนยันความบริสุทธ์ของตัวเองได้ ก็ให้เทคโนโลยีมันช่วยยืนยันแทน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1