โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้าน ยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลย จนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วย บางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ"

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้าน ยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลย จนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วย บางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ"

14 มิ.ย. 2024

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้าน

ยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลย

จนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วย

บางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ" ทุกคนโบกรถเมล์ท่าไหนกันคะ?

          “คุณรถเมล์ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปีปลายๆ สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาต้องโบกรถเมล์ท่าไหน คนขับถึงจะจอดรับ 

            โดย “คุณรถเมล์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เนื่องจาก BTS ส่วนต่อขยาย มีการปรับขึ้นราคาเหมาเป็น 15 บาท แล้วทีนี้หนูจะอยู่ในช่วงสถานีที่ต่อขยายเลยต้องจ่าย 15 บาท ซึ่งดูจากเงินของตัวเองแล้ว มันมีทางที่จะประหยัดได้ ก็เลยตัดสินใจไม่ขึ้น BTS เปลี่ยนมาลองขึ้นรถเมล์ดู ซึ่งปัญหาคือวันนั้นหนูเลิกงานประมาณ 4 โมงเย็น หนูก็โบกรถเมล์สายหนึ่ง คือ รถเมล์สายนี้บางทีเขาก็จอด แต่บางทีเขาก็ไม่จอด หนูก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วหนูเจอเหตุการณ์นี้ประจำ จนหลายครั้งเข้าหนูก็ทนไม่ไหว ก็ได้มีการโทรไปร้องเรียนบ้าง

            แล้วล่าสุดหนูก็โบกรถเมล์สายเดิมแต่เขาไม่จอดรับหนูอีกแล้ว ซึ่งคันถัดไปมาพอดี หนูก็โบก แต่คันนี้เขาจอดรับ พอขึ้นรถเมล์ไป หนูก็เลยแกล้งๆ ถามพี่กระเป๋ารถเมล์ว่า “พี่คะคือหนูสงสัยอ่ะ ก่อนหน้าคันพี่ หนูก็โบกแต่เขาไม่จอดเลย” พี่กระเป๋ารถเมล์ก็ตอบมาว่า “หรอเขาไม่จอดหรอ เขาไม่เห็นรึป่าว หนูโบกยังไง” หนูก็อธิบายท่าโบกให้พี่กระเป๋ารถเมล์ฟัง คือ หนูยกแขนขนานกับถนน ส่วนฝ่ามือก็คว่ำลง แล้วก็ยกตรงๆ ไม่ได้มีการขยับแขนโบกขึ้นลงหรืออะไร เพราะหนูคิดว่ามันน่าจะเป็นท่าปกติ เป็นสัญลักษณ์ที่ใครๆ ก็รู้ หนูคิดแบบนั้น แล้วหนูก็ยืนท่านั้นอยู่นานมากๆ เพราะคิดว่าเขาต้องเปลี่ยนเลนมาเพื่อจอดรับ พี่กระเป๋ารถเมล์ก็บอกว่า “ตอนที่พี่เห็นหนูเมื่อกี้ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหนูจะโบกรถเมล์รึป่าว” พี่เขาก็แนะนำว่า รอบหน้าให้โบกขึ้นลง ก็เลยจะอยากจะปรึกษาพี่ๆ ว่าหนูควรทำยังไงดี’

            โดย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ของหนูมันเหมือนคนที่ยืน แล้วแค่ยื่นแขนขนานกับถนนตรงๆ โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร คือการที่ยืนแบบนี้มันก็อาจจะดูแปลก แล้วคนขับอาจจะคิดว่าสรุป โบกมั้ย หนูโบกขึ้นลงเลยเคลื่อนไหวให้เขาเห็น ซึ่งรถเมล์เขาทำเวลารึป่าวอันนี้ไม่รู้นะ แต่เขาขับเร็วเป็นเรื่องปกติ สมมุติเขาขับเร็วแล้วมันไม่มีอะไรเคลื่อนไหว เขาอาจจะมองเป็นถังขยะ หรือคนถือป้ายโฆษณาข้างทาง อะไรแบบนี้รึป่าว แต่ถ้าโบกขึ้นลงแบบ “เห้ยยยยยย จอดดดด!” ถ้าแบบนี้อ่ะมันเห็น ลองเพิ่มการเคลื่อนไหวดู บางทีคนขับเขาไม่ได้ใส่ใจกับป้ายเท่าไหร่ไง เผลอๆ ไม่ทันเห็น ขับเลยไปแล้วก็ทำไรไม่ได้ เราต้องเรียกให้จิตเขาอยู่กับเราให้ได้’

            ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใครมันจะมายืนท่านี้ขนานกับถนนอ่ะ ถ้าไม่ใช่โบกรถ พี่ว่ามันไม่เกี่ยวกับท่าโบกรถของหนูหรอก คือ คนขับรถอ่ะขี้เกียจ เราต้องยอมรับว่ารถเมล์ในกรุงเทพมีหลายคันหลายสายมาก ที่บางทีเขาก็ไม่จอดเพราะเขาแค่ไม่อยากรับ อันนี้คือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ เขาก็แค่ไม่เข้ามารับ มันขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของคนขับคันนั้น ซึ่งมันก็มีคันดีๆ ที่จอดรับผู้โดยสารทุกป้าย แต่มันก็มีคันที่ผ่านไปเลย มันก็มีเยอะเช่นกัน พี่โดนประจำตอนสมัยเรียน ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ลองเคลื่อนไหวดู แต่พี่จะบอกว่า อย่าไปโทษตัวเอง มันเป็นที่คนขับ’ 

            สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือท่านี้มันคือท่าโบกรถ มันจะมีอย่างงี้นะ สมมติถ้ารถเมล์สายเดียวกัน แล้วมันขับตีคู่กันมา คันแรกมันจะไม่จอด มันจะให้คันหลังจอด ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของคนขับอย่างที่พี่เติ้ลบอก คราวหลังนะโบกขึ้นลงเลยแรงๆ เลย ฟีลแบบ “กูอยู่นี่!!!!” ซึ่งคนส่วนใหญ่เวลาโบกรถเมล์เขาก็จะยืนค่อมไปอีกเลนเลย แล้วโบกขึ้นลงแรงๆ หนูลองเคลื่อนไหวดู ซึ่งคนขับก็ร้อยพ่อพันแม่ บางคนก็รับ บางคนก็ไม่รับ ดีชั่วก็อยู่ในนั้นอ่ะ คือคนขับอาจจะคิดแบบนี้ก็ได้ถ้า โบกแรงๆ แสดงว่าอยากกลับบ้านมาก แต่ถ้าโบกแบบนิ่งๆ แสดว่าไม่ค่อยอยากกลับบ้านเท่าไหร่ รอคันถัดไปละกัน แต่ถ้าผู้โดยสารโบกส่วนใหญ่เขาก็จะจอดรับนะ เพราะมันเป็นหน้าที่เขา’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

19 ม.ค. 2024

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

“คุณโอ (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [17 มกราคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ภรรยาขอหย่าไปอยู่กับผู้ชายอื่น แต่ยังอยากเป็นแม่ของลูกอยู่ โดย “คุณโอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ผมแต่งงานกับภรรยามา 10 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ทุกเทศกาลวันหยุดยาว ผมก็จะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศเสมอ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาได้พาครอบครัวไปเคาท์ดาวที่ญี่ปุ่น พอกลับจากญี่ปุ่น ผมจับได้ว่าภรรยาแอบไปคุยกับผู้ชายคนอื่น ผมถามถึงสาเหตุ กลับได้คำตอบว่า ‘หมดรักผมแล้ว รักผู้ชายคนใหม่มากกว่า’ เพราะที่ผ่านมาภรรยารู้สึกเจ็บปวดที่อยู่กับผม เพราะเขารู้สึกเหมือนผมไปบงการชีวิต และพูดหักน้ำใจภรรยาอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่จับได้ ภรรยาก็บอกอีกว่า ‘ทั้งทองและกระเป๋าแบรนด์เนม เอาไปจำนำเพื่อเอาเงินไปให้ผู้ชายคนใหม่ยืม’ ฝั่งผู้ชายคนใหม่ก็รู้ว่าภรรยามีครอบครัวอยู่แล้ว ผมเป็นห่วง กลัวว่าภรรยาจะโดนหลอก จึงขอประชุมสายกัน 3 คน ผมขอให้ผู้ชายคนใหม่คืนเงิน สิ้นเดือนมกราคมนี้ เพื่อแลกกับการจะไปฟ้องร้อง เป็นสิ่งที่ภรรยาขอไว้ว่าถ้าไม่ฟ้องผู้ชายคนใหม่ ก็อาจกลับไปเป็นครอบครัวเหมือนเดิม พอจบการสนทนา ผมก็แอบโทรศัพท์ไปหาผู้ชายคนใหม่อีกครั้ง เพื่อยื่นข้อเสนออีกว่า ‘เงินที่ยืมไปจะไม่เอาคืน แต่ให้แลกกับการบอกความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น’ ผู้ชายคนใหม่ ก็เล่าให้ฟังว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ วีดิโอคอลกันไปจนถึงเรื่อง Sex แล้ว พอรู้แบบนี้ผมยิ่งกลัวว่าภรรยาตัวเองจะถูกแบล็คเมล์ ผมก็เลยดาวน์โหลดข้อมูลการสนทนาและรูปภาพทางแชทมาเก็บไว้ ตอนแรกยังไม่กล้าเปิดดู จนล่าสุดเปิดดู ก็ปรากฏว่ามีรูปภาพตามที่คิดไว้จริง ซึ่งผมกับภรรยาเคยเดินทางไปที่อำเภอ 1 ครั้งแล้ว เพื่อจดทะเบียนหย่า แต่ผมร้องไห้ ขอร้องว่าไม่อยากหย่า เพราะ พ่อ-แม่ ของผมก็หย่ากัน เลยไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้นอีก ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก่อนที่จะโทรมาหาทางรายการ ภรรยาบอกกับผมว่า ‘รักลูก และก็ยังรักผู้ชายคนใหม่ด้วย เราหย่ากัน แต่ยังขออยู่เป็นครอบครัวได้ไหม’ ไม่ได้เป็น สามี-ภรรยา เป็นแค่ พ่อ-แม่ของลูก “คุณโอ” จึงโทรมาปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับดีเจทั้ง 3 คน จะทำยังไง? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าเป็นพี่คงไม่พยายาม ไม่ฝืน ในสิ่งที่มันจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ภรรยาเลือกทุกอย่างไว้แล้ว เหลือแค่คุณโอยอมรับความจริง และปล่อยไป การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัวครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ หนึ่งลูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สองก็ต้องถามภรรยาให้แน่ว่า ถ้าไปแล้วดีกว่าเรา ยังทำใจได้ แต่ถ้าไปแล้วยังเอาของที่คุณโอซื้อให้ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายคนนั้น มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าตอนนี้จริง ๆ หรอ’ “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘สเตปแรก คุณโอต้องยอมรับให้ได้ว่า ภรรยาเขาไม่ได้รักคุณโอแล้ว จะด้วยระหว่างทางที่คุณโอได้ทำผิดพลาดอะไรกับภรรยา หรือที่จริงแล้วเป็นแค่ข้ออ้างที่จะไปรักผู้ชายคนใหม่ คุณโอต้องผ่านสเตปนี้ไปให้ได้ก่อน ถึงจะไปสเตปสอง คือการอยู่ด้วยกันแบบ พ่อ-แม่ ของลูก สิ่งที่คุณโอเคยบอกว่า พ่อ-แม่ เลิกกันและไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้น ถ้าคุณโอยังฝืน รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาไม่รัก แต่รั้งไว้เพื่อให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พี่เติ้ลว่ามันผิด เหมือนว่าหนึ่งการมีเป้าหมายแบบนั้น กระทำแบบนี้ มันไม่ได้ทำให้ครอบครัวดีขึ้น สองเราคิดว่าเราหลอกว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ลูกก็คงรู้ แบบนี้มันแย่กว่าครอบครัวที่แตกซะอีก หรือสเตปต่อไป ถ้าอยากทำให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แต่ พ่อ-แม่ ไม่ได้รักกันแล้วก็ทำได้นะ แต่ไม่อยากให้คุณโอ ส่งเสียหรือดูแลภรรยาแบบเกินไป ในเมื่อภรรยาเลือกคนใหม่แล้ว ภรรยาก็ต้องดูแลตัวเองและเขาก็ต้องทำหน้าที่แม่ของลูก ตามที่เขาอยากจะเป็น จะมาใช้ข้ออ้างว่าเป็นแม่ของลูก แล้วคุณโอต้องมารับผิดชอบทุกอย่าง ให้เงินให้ทอง แบบนี้ไม่ได้’ “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘ความจริงเจ็บปวดเสมอ เวลาเราเลิกกัน มันมีคนบาดเจ็บ คนที่บาดเจ็บคือคนที่ยังไม่มีคนใหม่ ถ้าเขารักลูกมากพอ เขาจะไม่มีคนอื่น เขาจะรักษาครอบครัวไว้มากกว่านี้ การที่ภรรยายังเลือกอยู่กับคุณโอ แล้วอ้างความเป็นแม่ เขายังรักสบายอยู่ ในเมื่อสถานะ สามี-ภรรยา สิ้นสุดแล้ว เราไม่ควรรับผิดชอบภรรยาเก่า คุณโอกับเขาแยกกันอยู่ถึงเวลาก็มาดูแลลูก ถ้าเขาทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี เงินที่เคยให้ภรรยา เอามาจ้างคนดี ๆ เลี้ยงลูกคุณโอ สิ่งที่ไม่ให้ทำคือ เลี้ยงดูปูเสื่อ ถ้าผู้ชายคนใหม่สุภาพบุรุษจริง เขาจะไม่เอาเงินผู้หญิง ถ้าสุภาพบุรุษจริง คุณโอที่เป็นสามีโทรศัพท์ไปหาเขา ผู้ชายดี ๆ เขาเลิกยุ่งไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณโอต้องสงสารตัวเอง ทำหน้าที่ พ่อ-แม่ เท่านั้น สามี-ภรรยามันจบแล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

27 พ.ย. 2023

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้านไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้าย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น!ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลาเขาเหลือเราแค่คนเดียว ถ้าไม่อยากคุยกับป้าจะดูแย่รึป่าว... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาครอบครัวที่พ่อกับป้าระหองระแหงกัน จนทำให้รู้สึกลำบากใจ โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนแรกบ้านหนูอยู่กัน 5 คน คือ หนู , พ่อ , แม่ , คุณป้า (พี่สาวพ่อ) และน้องชาย ทีนี้เหมือนความสัมพันธ์ของป้ากับพ่อแม่ไม่ค่อยดีมานานแล้ว มีเหตุการณ์ที่พ่อว่าป้าแรง ๆ ทำให้วันนั้นป้าขอออกจากบ้านไป ซึ่งหนูเป็นคนกลาง ประกอบกับหนูก็สนิทกับป้าที่สุดในบ้าน ป้าเขาก็เลยจะคอยมาเล่าเวลาพ่อกับแม่ทำอะไรไม่โอเค หรือบางทีพ่อกับแม่ทำอะไรที่ไม่โอเคกับเขา เขาก็จะเอามาเล่าให้หนูฟัง หลังจากที่เขาออกจากบ้านหนูไป ป้าเขาก็ย้ายออกไปอยู่กับพี่สาวแท้ ๆ ด้วยกันอีกคนนึง แต่เหมือนอยู่ไม่ได้ เขาอยากกลับมาอยู่ที่บ้านมากกว่า เขารอพ่อมาง้อแต่พ่อหนูเขาก็ไม่ไปง้อ เพราะพ่อบอกว่า “ป้าเขาออกไปเอง ไม่ได้ไล่” ต่อจากนั้นป้าเขาก็ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว เป็นเหมือนหอพัก ก็ตามสไตล์คนแก่เขาไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนตลอด 60 ปี พอไปอยู่ก็เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ก็เลยไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชมาเดือนนึง ทีนี้พอออกมา เขาก็พูดว่า “ถ้าเขาอยู่ไม่ได้อีก จะยอมไปอยู่โฮมแคร์ (บ้านพักคนชรา) แล้ว” เพราะว่าตอนแรกหนูอยากให้เขาไปอยู่โฮมแคร์มากกว่า อย่างน้อยมันก็มีคนดูแล แล้วสุดท้ายพอออกมาประมาณ 1 เดือนก็อยู่ข้างนอกไม่ได้ เลยยอมไปอยู่โฮมแคร์ ช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาพึ่งออกไปจากบ้าน และก็ก่อนที่จะไปเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ป้าเขาจะโทรหาหนู มาว่า มาด่าพ่อกับแม่ให้หนูฟังทุกวัน แทบจะตลอดเวลาเลย ทำให้หนูรู้สึกเครียดและไม่อยากจะรับสายเขา แต่พอเขาย้ายเข้าไปอยู่โฮมแคร์ เหมือนเขาก็บอกว่ามันก็โอเคนะ แต่พออยู่มาได้ซักพักนึงป้าเขาก็บ่นว่าอยากออกแล้ว เพราะเหมือนเค้ามีปัญหากับคนในนั้น ตอนนี้เขาบอกว่าอยากจะออกมาอยู่หอข้างนอกเหมือนเดิม แม่ก็เคยถามว่าอยากจะให้เขากลับมาอยู่มั้ย? ซึ่งก่อนหน้านี้หนูก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่ มันจะมีช่วงที่หนูไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน แล้วพอมาช่วงหลัง ๆ หนูมานั่งทบทวนดู คือทุกครั้งที่ป้าเขาเจอหน้าหนูจะต้องว่าพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ด่าให้หนูฟัง มันทำให้หนูรู้สึกไม่อยากคุยกับเขา แต่หนูก็รู้ว่าเขามีแค่เรา มันเลยเหมือน “คุยก็เครียด ไม่คุยก็เครียด” หนูอยากจะถามว่า “หนูควรที่จะเปลี่ยนความคิดตัวเองมั้ย คือเขาก็แก่แล้ว และหนูก็พยายามคิดว่าเขามีเราแค่คนเดียว” แต่ที่หนูไปหาจิตแพทย์ เขาก็บอกว่าให้เราเอาตัวเองเป็นหลักถ้าเรารู้สึกไม่ดี หนูเลยคิดว่า หรือว่าเขาควรจะอยู่ในโฮมแคร์ต่อมั้ย คือหนูอยากรู้ความคิดเห็นพี่ ๆเฉยๆ ว่าคิดยังไงกัน... ซึ่ง “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าเพิ่มเติมว่า ‘นิสัยอื่น ๆ ของคุณป้าก็นิสัยดี แต่แค่รู้ว่าเขาเป็นช่วงวัยทองเฉย ๆ ส่วนเรื่องที่มีปัญหากับที่โฮมแคร์ เหมือนว่ามีคนในนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงชอบเปลี่ยนผ้าอ้อมตอนที่คนอื่นเขากำลังกินข้าวกัน แล้วเหมือนกับว่าป้าหนูเขาก็ไม่พอใจเพราะมันเหม็น เจ้าหน้าที่ก็เคยพูดกับคนที่ติดเตียงคนนี้ไปแล้วว่า “ไว้ค่อยเปลี่ยนได้มั้ย” คนนั้นเขาก็ไม่ยอม ซึ่งคนที่ติดเตียงเขาอยู่มาก่อนเลยมีพรรคพวกในนั้นเยอะ ป้าหนูเขาเลยเหมือนทะเลาะและโดนรุม คือเขาบอกว่าเขาจะไม่ไปอยู่โฮมแคร์ที่ไหน ๆ อีกแล้ว เขาบอกว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่ว่าหนูมองว่า ถ้าเป็นราคาที่มันสูงกว่านี้ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอย่างงี้ แต่ว่าด้วยสถานะทางการเงินไม่ได้เอื้ออำนวยเราขนาดนั้น คือ คุณป้าจะมีพี่สาวของคุณป้าที่ให้เงินแต่ละเดือนทุกเดือนอยู่ ตอนแรกป้าหนูเขาจะใช้เงินที่เก็บไว้ แต่ว่าช่วงที่เขาไปอยู่กับพี่สาว แล้วพี่สาวเขาไม่โอเค ให้ออกอะไรแบบนี้ เขาก็โทรมาคุยกับพ่อหนูว่าเดี๋ยวจะให้เดือนละเท่านี้ ๆ นะ “พาป้ากลับไปได้มั้ย” เพราะพี่สาวป้าเขาก็พึ่งหายจากมะเร็ง ลูกเขาก็ไม่อยากให้เขาเครียดด้วย พ่อหนูเขาก็ไม่ค่อยอยากให้ป้ากลับมาอยู่บ้านเหมือนกัน เพราะเหมือนพ่อมองว่าป้าทำให้น้องชายหนูทำอะไรเองไม่เป็น แต่จริง ๆ หนูมองว่าปัญหามันก็เกิดจากทุกคนในบ้าน ซึ่งหนูไปอยู่หอตั้งแต่อายุ 13 ก็เลยไม่ได้สนิทใกล้ชิดกับคนในบ้านขนาดนั้น แล้วเหมือนแม่กับป้าก็สปอยน้องขั้นสุด จากที่หนูคิด ป้าหนูก็ช่วยน้องเกินไปจริง ๆ น้องหนูอายุ 21 ป้ายังช่วยจัดกระเป๋าไปมหาลัยให้อยู่เลย หรือแม้แต่ตอนนี้น้องหนูยังนั่งรถเมล์เองไม่เป็นเลย แต่ทุกวันนี้ที่ป้าไม่อยู่ น้องเขาก็ทำด้วยตัวเองเพราะหนูไม่ช่วย ก็เห็นว่าน้องก็ทำได้ “กำลังคิดว่าหนูมองเขาในแง่ร้ายเกินไปมั้ย ทำกับเขาแย่รึเปล่า ที่ไม่อยากรับสายเขา ไม่อยากคุยกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็เหลือเราแค่คนเดียว” ด้าน “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องที่ว่าหนูมองโลกในแง่ร้ายจนรู้สึกกับเขาแบบนั้น เท่าที่พี่ฟังมา ถ้าพฤติการณ์รอบข้างเป็นแบบนี้ ถ้าเขาไปอยู่ที่ไหนแล้วคนก็จะไม่อยากอยู่กับเขา แสดงว่าเขาก็คงจริง ๆ แหละที่ทำให้หนูรู้สึกแบบนี้ จนหนูต้องไปคุยกับคุณหมอ พี่ว่ามันมีมูลแหละ หนูคงไม่ได้อยากรู้สึกไปเอง เพราะตอนนี้เหตุการณ์มันก็ชัดเจนว่าไปอยู่กับใครก็มักจะมีปัญหา พี่คิดว่าน่าจะให้เขาไปอยู่บ้านพักคนชราเพราะกลัวว่าถ้าไปอยู่คนเดียวจะซึมเศร้าอีก แล้วมันอาจจะนานไปจนสายเกินแก้พี่ว่ามันมีผลกระทบเยอะกว่าการไปอยู่บ้านพักคนชรา คือตอนนี้มันอยู่ที่ว่าเขาปรับตัวกับคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเงื่อนไขในชีวิตเขา เขาไม่มีที่ไปแล้ว หนูก็ต้องคุยกับเขาให้ได้ว่าเขาจะต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ เพราะบ้านพักก็มีเพื่อน มีอาหารต่าง ๆ ให้ ซึ่งมันก็ดีกว่าการไปอยู่หอพักคนเดียว เราอาจจะต้องคุยกับเขาให้เขาเห็นว่าเราหวังดีกับเขา บอกเขาตรง ๆ’ ต่อมาเป็น “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ป้า ป้าต้องฟังนะป้าต้องทบทวนก่อนว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นในชีวิตป้าจนป่านนี้ ทำไมป้าถึงอยู่กับใครไม่ได้ ป้าต้องมีเวลาทบทวนตัวเองหรือคุยกับตัวเอง ไม่งั้นป้าจะย้ายที่จนไม่มีที่สิ้นสุด ป้าจะย้ายไปเรื่อย วันนี้ปัญหา คือ ป้าไม่สามารถอยู่กับใครได้ ป้ากำลังเล่นบทผู้ถูกกระทำ คนรอบข้างกระทำป้าทั้งหมด วันนี้ไหน ๆ ป้าอยู่บ้านพักคนชรา อยากให้ป้าทบทวนว่าเราสามารถปรับตัวอะไรได้บ้าง ป้าเป็นคนเก่ง ใช้ความเก่งของตัวเองในการปรับตัวให้อยู่กับคนอื่น มันไม่มีใครที่ทำอะไรถูกใจเราทั้งหมดหรอก แต่เราต้องอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้ เราต้องอยู่บนที่นี้ให้ได้ ฉะนั้นเราลองปรับเปลี่ยนตัวเองดูมั้ย ลองปล่อยวางดูมั้ย เผื่อว่าอะไรดี ๆ มันจะดีขึ้น บอกป้าเขาอย่างงี้ บอกให้ป้าได้คิด เพราะจากเสียงหนูแล้ว หนูเป็นคนที่ยอมป้าทุกอย่าง แล้วหนูเป็นคนที่แบบเหมือนเป็นฟูกให้กับป้า “มีอะไร ก็มาล้มทางนี้” นี่คือฟูกชิ้นสุดท้ายแล้วป้า ก่อนที่ป้าจะเสียหนูไปอีกคน เพราะหนูบอกแล้วว่าหนูไม่ต้องการพลังงานลบ หนูจะรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่ป้ายังอยู่ที่นี่อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ และมันก็เป็นประโยชน์กับชีวิตป้า แล้วพอป้าจะขอพูดเรื่องนั้น ให้บอกป้า หยุดดดดด! ไม่ต้องพูด ให้ป้าคิดก่อนว่าสิ่งที่ป้าจะพูดออกมานั้นคนอื่นเสียหายหรือไม่ ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ป้าพูด คนอื่นเสียหายป้าไม่ต้องพูดหรือลืมมันไป วันนี้ต้องการโทรแค่ “ป้ากินข้าวยัง สบายดีมั้ย” ต้องการแค่นี้ อยากได้แค่ความห่วงใยในมุมบวก เราควรมาแลกซึ่งกันและกัน และถ้าเกิดว่าป้าปรับตัวสามารถเข้ากับคนอื่นได้ วันนึงป้าอาจจะกลับมาอยู่ในบ้านเราก็ได้นะ แต่ถ้าเราไม่อยากให้เขากลับมาก็อย่าพูดประโยคนี้ออกไป’ และสุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาตัวเองให้รอดก่อน ยุคนี้เอาตัวเองให้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่ต้องกังวลอะไรก็ยากแล้ว ในเวลาแบบนี้เราจะแบกเขาไปได้ถึงไหน ก็คือจะดูแลไปตลอดเลยมั้ย ถ้าคุณหนูมีกำลังและสามารถดูแลได้ ก็ทำได้ตามความต้องการ แต่เท่าที่ฟังมาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ เราก็มีคุณพ่อคุณแม่ของเราที่เราจะต้องดูแล ช่วยเหลือเท่าที่เราจะช่วยเหลือได้ การที่ป้าไปอยู่โฮมแคร์แล้วเราก็ต้องช่วยเหลือ คือ เราก็ช่วยเหลือตรงนั้นได้ แต่หมายความว่าจะเอาเขามาอยู่ในชีวิตเราตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเวลาจะช่วยเหลือใคร เราเองก็ต้องสบายใจด้วย ถ้าเราไม่สบายใจเราจะมีกำลังไปช่วยเหลือเขาได้ยังไง ถ้าการมีอยู่ของเขามันทำให้เราสภาพจิตใจไม่ดีเลย แล้วมันดีจริง ๆ เหรอกับการที่หยิบยื่นมือไปช่วยเขาแล้วเราก็เจ็บเอง พี่เชื่อว่าการจะช่วยเหลือใคร ตัวเราต้องสบายใจก่อน สบายใจปุ๊บ จิตมันก็ดี เราก็มีกำลังที่จะช่วยเหลือกัน แต่เท่าที่ฟังดูเรื่องที่เปลี่ยนผ้าอ้อมตอนกินข้าวมันก็พอมีเหตุมีผลอยู่ แต่ว่าพอพิจารณาจากทั้งชีวิตเขาแล้ว มันก็น่าแปลกที่เขาจะมีปัญหาตลอดทางจริง ๆ แล้วก็เชื่อว่าต่อให้ด่าไปก็ไม่น่าเปลี่ยน คิดว่าด่าไป เขาก็จะงอนแล้วก็จะหาย สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มา 60 ปีแล้ว มันกลายเป็นตัวเขาไปแล้ว มันคงยากที่เขาจะเปลี่ยนแล้ว เขาไม่ได้เกิดมาพร้อมทัศนคติที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งถ้าเขาไม่เปลี่ยนและเราไม่ไหว ก็เอาเท่าที่เราไหว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

งานที่หนูทำ ยืดหยุ่นเรื่องเวลา เข้างานกี่โมงก็ได้ แต่แฟนหนูไม่เข้าใจ พูดกรอกหูทุกวัน ‘อยู่บ้านเฉยๆสบายเนอะ’ ทั้งที่งานบ้านเราก็ทำ งานประจำเราก็ต้องทำ และทุกเช้าหนูก็ส่งเขาขึ้นรถไปทำงานทุกวัน หรือจริงๆเเล้วเเฟนเเค่อิจฉาเพราะเราตื่นสายได้

21 ก.พ. 2025

งานที่หนูทำ ยืดหยุ่นเรื่องเวลา เข้างานกี่โมงก็ได้ แต่แฟนหนูไม่เข้าใจ พูดกรอกหูทุกวัน ‘อยู่บ้านเฉยๆสบายเนอะ’ ทั้งที่งานบ้านเราก็ทำ งานประจำเราก็ต้องทำ และทุกเช้าหนูก็ส่งเขาขึ้นรถไปทำงานทุกวัน หรือจริงๆเเล้วเเฟนเเค่อิจฉาเพราะเราตื่นสายได้

งานที่หนูทำ ยืดหยุ่นเรื่องเวลา เข้างานกี่โมงก็ได้ แต่แฟนหนูไม่เข้าใจ พูดกรอกหูทุกวัน‘อยู่บ้านเฉยๆสบายเนอะ’ ทั้งที่งานบ้านเราก็ทำ งานประจำเราก็ต้องทำและทุกเช้าหนูก็ส่งเขาขึ้นรถไปทำงานทุกวัน หรือจริงๆเเล้วเเฟนเเค่อิจฉาเพราะเราตื่นสายได้เเต่เเฟนต้องตื่นเช้า? “คุณหมวย (นามสมมติ)” อายุ 30ปี สายสุดท้ายของ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในความสัมพันธ์กับแฟน โดย “คุณหมวย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำงานตำเเหน่ง Project Coordinator​​ ที่ช่วยผู้จัดการ ผู้ช่วย เลยทำให้มีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลาการทำงาน ไม่ได้ทำงานเป๊ะๆ เเบบเข้างาน 9 โมง เลิกงาน 6 โมงเย็น แต่คือหนูสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ เข้างานกี่โมงก็ได้ ซึ่งตรงนี้มันทำให้หนูเกิดปัญหากับเเฟนเพราะว่า เเฟนมองหนูว่าขี้เกียจรึป่าว ทำไมเขาต้องตื่นเช้าไปทำงาน เเต่หนูไปทำงานสายๆ เเล้วเขาก็ชอบพูดกับหนูเเบบติดนอยว่า เออ ทำไมงานสบายจัง หรือหนูทำงานจริงรึป่าวเนี่ย เเต่หนูกับเเฟนก็อายุห่างกันเเค่ 3 - 4 ปี เเต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดเเบบนี้เป็นเพราะหนูก็พึ่งย้ายมาทำงานนี้ ตอนที่คบกับเขามาได้ประมาณ 2 ปี ส่วนเรื่องภายในบ้านตอนนี้ หนูก็ช่วยเขาออกค่าใช้จ่ายเป็นปกติ ไม่ได้ให้เขาออกคนเดียว หรือไปเบียดเบียนเขาเลย ก็คือหนูสามารถดูเเลตัวเองได้ เเล้วหลังๆมาปัญหานี้ก็ทำให้หนูรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง เเละคำพูดเขาด้วย ที่สำคัญหนูไม่ได้อยากทะเลาะกับเขาเรื่องนี้เพราะหนูทำงานก็เหนื่อยเเล้ว เขาทำงานฝั่งของเขาก็เหนื่อย เเล้วทุกเช้าหนูก็จะตื่นมาส่งแฟนไปทำงานก่อน แต่โดนพูดเเบบนี้ตลอด หนูอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรคุยกับเขาเรื่องนี้เเบบจริงจังดีไหม หรือควรปล่อยผ่านเป็นเรื่องขำๆ ไปดีคะ? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ประเด็นพี่กำลังคิดอยู่ปัญหานี้มันเกิดจากอะไร หรือเขาไม่ได้ว่าหนูด้วยเหตุเเละผล เขาอาจจะคิดว่าทำไมตัวเองต้องตื่นเช้า เเต่เเฟนสามารถไปทำงานตอนไหนก็ได้ ก็เลยรู้สึกเเบบ ฟาดงวงฟาดงาเเบบนั้นรึป่าว ก็อาจจะลองปรับเปลี่ยนดู เเต่ถ้ามันสุดทางเเล้วจริงๆพี่ว่าอาจจะต้องลองปรับเขาออกไปเเทน’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จากที่พี่ลองฟังดู เขาดูไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตเท่าไหร่นะ เเละพี่ก็เชื่อว่าต่อให้หมวยลาออกจากงาน เเล้วทำงานบ้านอย่างเดียวเขาก็จะพูดเหมือนเดิมว่า เเล้วถ้าหมวยกล้าพูด หมวยก็ต้องลองพูดกับเขาดูนะ ว่าเขาไม่โอเคอะไรกับหมวย เพราะถ้าพูดตามความเป็นจริงหมวยก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หมวยลองคุยกับเขาดูว่าเเบบ เธอโอเครึป่าว หรือเธอมีปัญหาอะไรจากงาน เเล้วถ้าเขาบอกว่าไม่มี ก็บอกให้หยุดพูดเเบบนี้กับหมวย ลองคุยกับเขาประมาณนี้ พูดในความรู้สึกเเบบเป็นห่วงเขา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

10 ม.ค. 2025

เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

“คุณอูน (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ม.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความรักในวัย Gen Z โดย “คุณอูน (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ จนได้พบกับหนุ่มคนหนึ่งที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน มีการเจอกันผ่าน ๆ บ้างตามมหาวิทยาลัย เพราะตึกอยู่ใกล้ ๆ กัน หลังจากได้คุยกันผ่านแอปพลิเคชันนั้นสักพักหนึ่ง เราทั้งคู่ได้ย้ายมาคุยกันในไอจี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ เราคุยกันมาได้ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งทักมาหาหนู เขาถามว่า “เธอคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่หรือเปล่า?” แล้วเขาก็ย้ำว่า “อย่าเพิ่งบอกผู้ชายนะว่าเราทักมา” หนูก็ถามกลับไปว่า “มีอะไรรึเปล่าคะ?” เขาตอบว่า “เราคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่นะ แล้วเธอคุยกับเขามานานหรือยัง?” หนูตอบไปว่า “เพิ่งคุยได้สักพักค่ะ” เขาถามต่อทันทีว่า “สักพักนี่นานแค่ไหน?” หนูบอกว่า “ประมาณ 3 อาทิตย์ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นเขาได้บอกกับหนูว่า เขาเลิกคุยกับผู้ชายคนนี้เพื่อให้หนูคุยต่อ แต่เมื่อหนูไปถามผู้ชายว่า “ผู้หญิงคนที่ทักมาเป็นคนคุยกับเธอหรือเปล่า?” ผู้ชายตอบว่า “เราเลิกคุยกันไปนานแล้ว ก่อนที่เราจะมาคุยกับเธออีก” และตอนนี้ฝั่งผู้ชายได้มีการบล็อกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วด้วย และมากไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้เขามักจะพูดเหน็บแนมใส่หนู เช่น ถ้าไปห้องผู้ชายก็ฝากเก็บของที่เป็นของเราออกด้วยนะ เลยยิ่งทำให้หนูรู้สึกผิด ตอนนี้หนูไม่แน่ใจว่าเจตนาของผู้หญิงคนนั้นที่ทักมาคืออะไร เขาอยากได้ผู้ชายกลับคืน หรือมาโทษว่าหนูคือสาเหตุที่ทำให้เขาเลิกคุยกัน หนูก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่า หนูผิดไหม? เพราะหนูเป็นฝ่ายที่มาทีหลัง’ ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเรื่องที่หนูเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าไม่ผิดเพราะผู้ชายอิสระแล้ว และฝ่ายหญิงก็เป็นคนบอกเองว่าสามารถคุยกันต่อได้เลย แต่แนะนำเพิ่มให้เลี่ยงการอ่านข้อความของผู้หญิงคนนั้นเวลาที่เขาทักมา เพราะไม่ได้ประสงค์ดีสักเท่าไหร่’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าคนคุยในความหมายของพี่ พี่มีสิทธิ์ที่จะคุยเพราะยังไม่ใช่แฟน แล้วเธอมาก่อนฉันแค่อาทิตย์เดียวแล้วยังไง และทั้งสองคนคุยกับผู้ชายในเวลาที่แทบจะทับซ้อนกัน ดังนั้นจึงถือว่าไม่ผิด เพราะเรามีสถานะเท่ากันคือ คนคุย แต่ถ้าเขาเป็นแฟนกันแล้ว แบบนั้นถือว่าผิด เรามาทีหลังเราควรที่จะถอยออกมา’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้สอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการจีบกันในยุคปัจจุบัน และได้คำตอบว่า คนสมัยนี้มักจะคุยกันผ่านทางดีเอ็มในไอจี และมักจะเก็บไลน์ไว้เพื่อคุยเรื่องเรียนหรือเรื่องงานมากกว่า พร้อมให้กำลังใจเพิ่มเติมว่า ถ้าหนูอยู่ในสถานะคนคุยกันทั้งสองฝ่าย มันก็เท่ากัน ไม่ต้องไปคิดว่าใครมาก่อนหรือมาหลัง เพราะไม่เกี่ยวกัน และฝ่ายผู้ชายอาจจะมีคนคุยมากกว่านี้ก็ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรือรู้สึกผิด เพราะในเรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1