คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

07 มิ.ย. 2024

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์

วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก

แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ จัดการความรู้สึกยังไงหรอคะ?

            “คุณแพท (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรัก แฟนทำเหมือนเดิมทุกอย่างดูแลเทคแคร์ดี แต่เรากลับรู้สึกเนือยๆ เบื่อๆ หรือว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของความรักครั้งนี้แล้ว

            โดย “คุณแพท (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นปัญหาเรื่องความรัก หนูมีแฟนที่คบกันมา 3 ปี จะ 4 ปี เขาอายุ 21 ปี หนูทำงาน ส่วนเขายังเรียนอยู่แต่ก็จะมีรับพาร์ทไทม์บ้าง เราไม่ได้อยู่กินด้วยกัน แต่อยู่จังหวัดเดียวกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลกันมาก แล้วก็ไม่ได้เจอกันทุกวันด้วย ส่วนใหญ่จะเจอกันแค่วันเสาร์ เดือนหนึ่งจะไปเที่ยวกัน 2 - 3 ครั้ง แล้วแต่โอกาสและเวลาว่างของทั้งคู่ แต่เราก็โทรคุยกันทุกวัน

            ซึ่งเราทั้งคู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เขาดีทุกอย่าง  ไม่มีเรื่องนอกใจ เรื่องเที่ยวตอนกลางคืน คือไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเลย แต่พอดีหนูเกิดความรู้สึกหนึ่งกับตัวเอง มันเป็นความรู้สึกแบบ เนือยๆ เบื่อๆ แบบว่าเหมือนอยากอยู่เงียบๆ เป็นบางที ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นครั้งแรกตอนที่คบกันได้ 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เป็นอีกเลย พึ่งกลับมาเป็นอีกครั้งเมื่อตอนต้นปี แล้วก็เป็นถี่ขึ้นด้วย เกือบจะทุกเดือนเลยก็ว่าได้ ส่วนแฟนก็เหมือนเดิมทุกอย่าง ดูแลหนูดีทุกอย่าง แต่ว่าหนูมีภาระงาน ต้องทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ หนูแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย แค่เดินทางไป - กลับ จากที่ทำงานก็เหนื่อยมากพอแล้ว เพราะที่ทำงานกับบ้านค่อนข้างอยู่ไกลกัน ซึ่งพอมีเวลาว่างก็จะทุ่มเวลาตรงนั้นให้กับเขาได้มากที่สุด อย่างเช่นวันนี้เลิกเร็วก็จะโทรหาเขา ชวนเขาเล่นเกม เหมือนว่าเป็นหน้าที่ไปแล้ว บางทีเขาถามหนูว่า “เราคอลกันมั้ย” แต่ตอนนั้นหนูใช้เวลานั่งพักของตัวเองอยู่ เลยรู้สึกไม่อยากคอลเลย แต่ก็ต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไปให้เวลาเขาก่อน

            แล้วก็มีเรื่องที่บ้านที่ต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง ก็เลยไม่มั่นใจว่าตรงส่วนนี้  มันมาเกี่ยวด้วยรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่มีอาการแบบนี้ หนูก็จะเนือยกับตัวเองแบบ “เฮ้ยเป็นอีกแล้วหรอ” อะไรอย่างเงี้ย และหนูก็กลัวว่า หนูจะพาให้เขาเครียดไปด้วย โดยตัวหนูเองก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับเขาอยู่แล้ว เราทั้งคู่ก็มีคุยเรื่องนี้กันเพื่อหาทางแก้ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง เพราะตัวหนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และเขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยหนูได้ยังไง เคยลองห่างกันไป ไม่เชิงว่าเลิกกัน แค่แยกย้ายกันไปทำกิจวัตรของตัวเอง เขาโฟกัสเรื่องอ่านหนังสือ หนูก็โฟกัสเรื่องงาน พอทำแบบนี้มันก็เหมือนจะดีขึ้นมานิดนึง อย่างเมื่อก่อนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน สมมุติมาตรวัดมันอยู่ที่ 150 แต่ว่าหลังๆ มามันเหลือ 100 มันไม่ได้ลดลงมาแต่มันเนิ่บๆ นิ่งๆ แล้วหนูก็ไม่เคยมีแฟนที่คบมานานขนาดนี้ด้วย ก็เลยไม่มั่นใจว่าตัวเอง เป็นอะไร เคยคิดจะไปหาจิตแพทย์ด้วย เผื่อมันเกี่ยวกับเรื่องลึกๆ ภายใต้จิตใจ

            พอหนูเป็นแบบนี้ หนูก็ลองไปหาข้อมูลในเน็ต ในเน็ตเขาบอกว่า เวลาคนคบกันมานานส่วนใหญ่เขาก็จะมาตายกันตรงนี้ หนูก็เลยหาต่อว่ามันเป็นอาการหมดรัก อิ่มตัว อะไรอย่างงี้รึป่าว ไปหาดูหลายที่มาก หนูก็พยายามคิดว่าตัวเองคงไม่ได้หมดรักแฟนหรอก ก็เลยอยากจะถามว่าพี่ๆ ว่าถ้าเกิดว่าความรู้สึกแบบนั้นมันกลับมาเล่นงานหนูอีก หนูจะทำยังไง หรือว่าทำเหมือนที่เคยทำมาตลอดทุกครั้งดี

            โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ภาวะอย่างงี้ต้องคุยกัน คือ ตอนนี้มันเหมือนกับหน้าที่การงานของหนูมันเยอะมาก และด้วยวัยนี้มันจะมีปัญหาเรื่องการสร้างตัว เพราะเราอยากจะทำงานทุกอย่างที่เราทำได้ เป้าหมายของเรามันคือเงิน แล้วก็บางทีแฟนอาจจะเข้ามาในจังหวะที่ไม่พร้อม ไม่พร้อม หมายความว่า คือการที่มีแฟน นอกจากเราจะทำงานแล้ว เรายังต้องมีเวลาให้เขาด้วย เรามีเวลาส่วนตัวของเรา และเขาก็ต้องมีของเขา และเราต้องมีเวลาร่วมกันอีก ทีนี้ของหนูเนี่ย แม้กระทั่งเวลาของตัวเองหนูยังไม่มีเลย แล้วพอหนูจะต้องแชร์เวลาให้เขาอีก มันกลายเป็นเวลาก้อนเดียวกัน ที่เหมือนต้องเจียดแบ่งกัน มันเลยทำให้หนูรู้สึกอึดอัดว่าทำไมหนูเหนื่อยจังเลย ตอนนี้หนูแบกอะไรไว้เยอะเกินไป

            ฉะนั้นหอมรู้สึกว่าเราควรต้องคุยกันกับแฟนว่า “เฮ้ยตอนนี้งานมันยุ่งมากเลย แล้วเราแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ช่วงนี้อาจจะขอให้มันยืดหยุ่นหน่อยได้มั้ย อาจจะไม่ได้มีเวลาคอลบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน หรืออาจจะไม่ได้ไปเดทกันทุกวันเสาร์ แต่อยากให้เข้าใจหน่อย ช่วงนี้มันเครียดจริงๆ” หอมคิดว่าการพูดคุยกับเขาน่าจะดีกว่าเพราะว่า เรารักกัน เท่าที่หอมเช็คแล้วเนี่ย แพทไม่ได้เบื่อแฟน ไม่ได้ถึงจุดอิ่มตัว แพทยังรู้สึก ภูมิใจในตัวแฟน ว่าแฟนเป็นคนดีอย่างนู้นอย่างนี้ แต่สิ่งที่แพทขาดมันเป็นเรื่องของเวลา ที่เวลาส่วนตัวกับเวลาของแฟนตอนนี้มันแย่งกันอยู่ แล้วแพทต้องการเวลาส่วนตัว ช่วงนี้มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ยากนิดนึงสำหรับชีวิตคู่ แต่เรายังจะเดินไปด้วยกัน คือเราต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ได้ก่อน ไม่งั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเหนื่อยกับเราเหมือนกัน ค่อยๆ ปรับมันจะเป็นอย่างงี้แหล่ะ ช่วงเวลาสร้างตัว’

            ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาแล้วกัน อยากให้ลองตรวจสอบ “PMS อาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน” บางทีผู้หญิงบางคนไม่รู้ตัวว่ามันเกิดจาก ฮอร์โมน ที่สวิงเร็วมาก คือบางครั้งถ้าเรานอยด์อะไรแบบไม่มีเห็นผล แล้วเป็นทุกเดือน เป็นสักพักหนึ่งในช่วงประจำเดือนมา มันแทบจะใช่เลยนะ เท่าที่พี่เคยสัมผัสมา เพราะฉะนั้นเริ่มจากลงวันที่ประจำเดือนมาก็ได้ ลองบันทึกดูมันอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง สมมุติฮอร์โมนมันเปลี่ยนแบบรวดเร็วมาก บวกกับปัญหาเรื่องงาน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ฮอร์โมนเราเปลี่ยนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง แล้วอีก 1 สาเหตุสำคัญคือ การที่เราคบกันมา 3 - 4 ปี พี่ว่ามันเข้าสู่ช่วงนิ่งของความสัมพันธ์พอดีเลย พอสัก 3 ปี อะไรที่มันเคยหวือหวา หรือมันเคย 150 อย่างที่แพทว่า แล้วมันลดลงมาเหลือ 100 พี่ว่ามันก็ปกติ อาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ประกอบกันพอดี แล้วทำให้ทุกอย่างมันผสมรวมกันเป็นอารมณ์เดียวที่แพทสัมผัสได้ เพราะฉะนั้นลอง Checklist ดูทีละอย่าง แล้วก็ถึงแม้ว่าจะคบกันมา 3 - 4 ปี ความหวือหวามันจะลดลง หรือเราจะเริ่มรู้สึกมีความเบื่อ ปรากฎขึ้นมา ซึ่งมันยังปกติ

            ถ้าสุดท้ายแล้วคำถามที่เราลองถามตัวเองว่า ถ้าเบื่อแล้ววันหนึ่งไม่มีเขาอยู่ในชีวิต เราอยู่ได้มั้ย ลองดูเลยว่าถ้าเราไม่ได้คบกับคนนี้อีกต่อไป ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ถ้าคำตอบคือ “อยู่ไม่ได้” นั่นแปลว่า ความเบื่อที่มันลดลง และความหวือหวาที่มันหายไป พี่ว่ามันคือเรื่องปกติของความสัมพันธ์ ทุกๆ คู่มันจะต้องผ่านจุดนี้ จุดที่เราไม่ได้หวานฉ่ำ ไม่ได้หลงไหลกันเท่ากับตอนที่เราจีบกันปี 2 ปีแรก หรือใดๆ ก็ตาม จะผ่านได้ ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างที่เขาว่าถ้าคบกันก็จะกลายเป็นเพื่อนกัน แพทคงเคยได้ยินประโยคนี้ แต่พี่ว่า ไม่ใช่ จริงๆ คบกันไปจะกลายเป็นคู่ชีวิตกัน แล้วยิ่งอยู่เป็นคู่ชีวิตแล้ว มันไม่ต้องการความหวือหวาและมานั่งตื่นเต้นอะไรกันแล้ว มันอยู่เพื่อสร้างครอบครัว อยู่กันเพื่ออนาคตมากกว่า มันคือความรักนั่นแหล่ะ แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนความรู้สึกไปบ้างตามธรรมชาติของมนุษย์’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ทุกอย่างที่พี่จดไว้บนกระดาษ ก็คือพี่หอมและพี่เผือกพูดไปหมดแล้ว เห็นตรงกันหมดเลย พี่ไม่ได้รู้สึกว่าคุณแพทไม่ได้ ไม่รักเขา เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้มันมีเรื่องงานที่พี่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาหลักๆ อันนี้จากที่ฟัง แล้วพี่คิดว่า ที่คุณแพทบอกว่าเหมือนเคยอยากจะไปปรึกษาจิตแพทย์ พี่ว่าลองดูก็ได้นะ เพราะพี่ไม่รู้ว่า ไอความเนือยๆ เบื่อๆ ของคุณแพท บางทีมันส่งผลจริงๆ โดยที่คุณแพทไม่ได้รู้ตัว บางคนพอเวลาเครียดกับงาน เหมือนมันอยู่ในจิตตลอดเวลา ไม่สามารถทำงานหรือเคลียร์งานได้ พะว้าพะวง หรืออะไรก็ตาม แล้วพี่ว่าอายุแบบคุณแพทเรื่องงานมันสำคัญจริงๆ ซึ่งบางครั้ง เวลาที่เราต้องโฟกัส กับงานมากๆ การมีแฟน บางทีมันอาจจะกลายเป็นภาระก็ได้ คือถ้าไม่เจ๋งจริงเอาไม่อยู่เหมือนกันนะ หมายถึงว่าต้องเป็นคนที่มีทักษะประมาณหนึ่งเลย ที่สมมุติเวลามันมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากๆ โดยที่เราก็ยังไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องแฟน มันหาไม่ได้ในทุกคน เราจะเห็นว่าบางคน งานสำเร็จมาก แต่ความรักคือพังพินาศ เพราะว่าเขาไม่สามารถจัดการมันได้จริงๆ

            พี่ก็รู้สึกว่า ถ้าคุณแพทมีโอกาสก็ลองคุยกับคุณหมอจิตแพทย์ดู บางทีมันอาจจะปลดล็อคก็ได้ หรือจะเป็น PMS อย่างที่พี่เผือกบอกก็เป็นไปได้หมด แต่ถ้าตอนนี้พี่รู้สึกว่า สิ่งหนึ่งที่มันน่าจะเป็นปัญหาเลยคือ ความโหลด ของคุณแพทที่ทำงานหนัก แต่ว่าสุดท้ายทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไปอยู่ที่พี่เผือกพูดว่า ถ้าแพทจะทำงานจนรู้สึกว่า เฮ้ยเราอยู่กับงานแล้วเราอยู่คนเดียวได้ สุดท้ายถ้าวันนั้นแพทรู้สึกว่า เฮ้ยเราทุ่มเทกับงานแล้วได้อยู่กับตัวเองแล้วมันสบาย โดยที่แพทกลับบ้านแล้วไม่มีใครมาถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ถ้าแพทโอเค มันก็อาจจะเหมาะกับชีวิตของแพทก็ได้ แต่ถ้าแพทรู้ตัวว่า หนูก็ยังเป็นคนที่เวลากลับบ้านมาเหนื่อยๆ แล้วอยากให้มีคนถามไถ่ว่า วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ให้มีคนได้พูดได้ปรึกษา แพทก็ต้องช่างน้ำหนักตัวเองดู มันต้องมีคำตอบให้ตัวเองว่า สุดท้ายการอยู่คนเดียวหรือว่ามีเขาอยู่ อะไรมันดีกับชีวิตเรามากกว่ากัน แล้วเรื่องสุดท้ายเช่นกัน พี่ว่าการที่หนูไม่เคยมีแฟนระยะยาวมันเลยยิ่งทำให้หนูงงว่า เฮ้ยก่อนหน้ามันหวือหวาตลอด เพราะหนูเวลาแค่นั้นไง สำหรับพี่ทุกวันนี้นั่งเล่นมือถือหรืออ่านหนังสือแล้วมีแฟนนั่งอยู่ข้างๆ ก็พอ มันก็ไม่ได้มีความหวือหวาใดๆ แล้ว แต่มันก็อาจจะต้องหากิจกรรมทำร่วมกัน ไปเดทกันเพื่อเติมความหวานกันหน่อย ไม่ใช่อยู่กันเฉยๆ ไม่หาอะไรทำด้วยกัน ถ้าในความโรแมนติกมันก็จะหมดกันไปได้ในสักวัน แต่ว่าความหวือหวามันไม่เท่าอยู่แล้วน้องแพท มันไม่มีทางเท่า ใครทำเท่าได้นี่คือ กราบเลยอ่ะ มันลดลงอยู่แล้วตามปกติ เพียงแต่ว่ามันลดลงในปริมาณที่เรารู้สึกว่า เออพอดีอ่ะ มันอยู่ด้วยกันแล้วเราสบายใจที่มีคนอยู่ข้างๆ มากกว่า’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมลองย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟน แต่พออยู่กันไปเรื่อยๆ ก็เข้ากันไม่ได้ จนผมได้ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น พอแฟนจับได้เลยบอกเลิก แต่สิ่งที่ยังติดอยู่คือ คำพูดของแฟนที่บอกว่า ข้อดีข้อเดียวของเราคือ เราไม่เจ้าชู้ ตอนนี้ Move on จากคำพูดเขาไม่ได้เลย..

29 เม.ย. 2025

ผมลองย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟน แต่พออยู่กันไปเรื่อยๆ ก็เข้ากันไม่ได้ จนผมได้ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น พอแฟนจับได้เลยบอกเลิก แต่สิ่งที่ยังติดอยู่คือ คำพูดของแฟนที่บอกว่า ข้อดีข้อเดียวของเราคือ เราไม่เจ้าชู้ ตอนนี้ Move on จากคำพูดเขาไม่ได้เลย..

“คุณเอ็กซ์(นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา[23 เมษายน 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา ยังรู้สึกผิดที่นอกใจแฟน เพราะข้อดีของเราข้อเดียวที่เขาบอกคือ เราไม่เจ้าชู้ โดย “คุณเอ็กซ์(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนได้ประมาณ 6 เดือน เขาอายุประมาณ 24 ปี ในช่วง 4 เดือนแรกผมกับเขาแทบจะไม่มีปัญหาอะไร เจอกันตลอด มีไปรับไปส่งกันบ้าง จนวันหนึ่งผมรู้สึกว่าเราน่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพราะผมอยากลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และผมเองก็ยังไม่เคยได้ย้ายมาอยู่กับแฟนสักครั้ง เลยลองปรึกษาแฟนดู ซึ่งแฟนก็ตกลง เราเลยได้เลือกคอนโดที่จะไปอยู่ด้วยกัน แต่หลังจากนั้น 2 เดือน เหมือนเราทั้งสองคนก็ได้เห็นข้อดีข้อเสียของกันและกัน ซึ่งก่อนที่ผมจะคบกับแฟน เขาเคยพูดประมาณว่า “เขาเป็นคนพูดตรง พูดแรงนะ เธอจะรับได้ไหม” ตอนนั้นผมก็ตอบโอเคไป พอผมได้มาอยู่กับเขา ผมเจอคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ‘ผมไม่สมบูรณ์แบบขนาดนั้นเลยหรอ’ เช่น ผมกำลังจะย้ายงาน แล้วผมต้องการคำปรึกษา เลยไปถามเขาว่า ”เธอ เรากำลังจะย้ายงาน เรารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลย รู้สึกว่าที่นี่ให้เงินเดือนประมาณหนึ่ง อีกที่ก็ให้ประมาณนี้ เราจะไปสัมภาษณ์ดีไหม“ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาอารมณ์เสียอยู่หรือเปล่า เขาก็พูดมาว่า “ทำไมเธอดูเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยเนาะ“ เขาก็พูดด้วยอารมณ์นิ่งๆ เงียบๆ ผมก็แบบงง กับคำพูดของเขา และก็รู้สึกแย่ประมาณหนึ่ง แล้วผมก็จะเจอกับเหตุการณ์ประมาณนี้เรื่อยๆ เหมือนอยู่ในกรอบ มีครั้งหนึ่งที่ผมตัดสินใจที่จะซื้อโต๊ะเพื่อจะใช้วางคอมพิวเตอร์ในการทำงาน เขาก็พูดประมาณว่า “เขาไม่ชอบโต๊ะนี้ เธอพอจะเปลี่ยนโต๊ะได้ไหม” ผมก็อธิบายเหตุผลของผม เขาก็มีเหตุผลของเขา เหมือนเราหาตรงกลางกันไม่ได้ เขาก็จะพูดต่อว่า “เอางี้ไหม เดี๋ยวเขาไปอยู่ห้องอื่น เธอก็อยู่ห้องของเธอไป” หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ ผมก็ได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมก็ไป repire story ผู้หญิงคนนั้น แล้วก็มีการพูดคุยกันบ้าง เหมือนได้ปรึกษาเรื่องทัศนคติ ตอนแรกผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ความรู้สึกก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังไม่เคยเจอกันเลย จนมาวันหนึ่งแฟนผมก็จับได้ว่าผมนอกใจ เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดที่จะลบแชทที่คุยกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งแฟนผมก็ได้ตัดสินใจที่จะบอกเลิกผม ผมก็ง้อเขาประมาณ 3 อาทิตย์ เขาก็บอกว่า เขาไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเขาไม่สามารถที่จะหาสาเหตุที่ผมนอกใจเขาได้และคำพูดที่เขาพูดมาแล้วผมรู้สึกแย่เลยคือ “เธอรู้ไหมว่า เธอไม่ได้อยู่ในสเปคเขาสักข้อเลย แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่เขาสามารถเอาไปบอกคนอื่นๆ ได้ ก็คือ การที่เธอมีเขาแค่คนเดียว” มันทำให้ผมรู้สึกผิด และก็ไม่ move on กับคำพูดนี้สักที ผมยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมทำลงไป ผมก็รู้ว่าการนอกใจเป็นเรื่องที่ผิดมาก แล้วผมก็รู้สึกแย่ที่ผมไม่สามารถแก้ไขคำพูดของเขา หรือกลับไปเป็นคนใหม่ให้เขาเห็นได้แล้ว เพราะเราก็เลิกกันมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่ผมก็ยอมรับกับผลรับที่ผมทำลงไป ตอนนี้ผมเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า ผมต้อง move on ยังไงกับความรู้สึกนี้ดี ที่ยังยึดติดกับเขาอยู่ครับ?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องใช้เวลา เพราะเพิ่งเดือนเดียวเอง ผมว่าคำหนึ่งที่ผมคิดว่ามันใช่ คือ ช่วงเวลาที่เรามีสิทธิ์ที่จะดูแล เราก็ควรที่จะใช้สิทธิ์ในการดูแลนั้นให้ดีที่สุดในฐานะคนคบกัน เมื่อไหร่ที่มันจบแล้วบางคนเขาไปเลย เขาไม่ได้ต้องการคำแก้ตัวอะไร ในคำพูดที่เขาพูด ผมคิดว่าเขามีอะไรที่ไม่ชอบในตัวคุณเอ็กซ์เยอะมาก พอได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเพิ่งอยู่ด้วยกันมาแค่ 2 เดือน นั้นแปลว่าในมุมของเขา เขาไม่ถูกใจในตัวคุณเอ็กซ์หลายอย่าง นั้นอาจทำให้เขาพูดจาไม่รักษาน้ำใจหรือเปล่า แต่อย่างน้อยคุณเอ็กซ์ก็เป็นแฟนที่ซื่อสัตย์ พอตรงนี้มันไม่เหลือแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทนกับผู้ชายคนนี้ทำไม ในเมื่ออย่างอื่นก็ไม่ได้ถูกใจ สมมติในเรื่องความมั่นใจ เขาอาจจะไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ เขาอาจจะชอบผู้ชายที่เป็นผู้นำ แต่ถ้าถามว่ามันผิดไหม มันก็ไม่ผิด บางทีถ้าคุณเอ็กซ์เจอผู้หญิงที่ชอบเป็นผู้นำ มันก็อาจจะไปด้วยกันได้ แค่ชีวิตที่ลองใช้ร่วมกันมันไม่เข้ากัน และเรื่องเดียวที่เขาคิดว่ามันดี ดันมาเจอแบบนี้ เขาก็เลยไปเลย ส่วนจะ move on ยังไง มันต้องใช้เวลา มันแล้วแต่คน บางคนอาจไปหาอะไรใหม่ๆ หรืออาจหาคนใหม่ๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลา เวลามันก็จะค่อยๆ เยี่ยวยาไปตามสเต็ปของมัน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่ผ่านมามันก็เป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต สิ่งที่คุณเอ็กซ์เจอก็ต้องรับบทเรียนไป ซึ่งมันมีราคาที่จะต้องจ่าย ของชิ้นนี้มันหลุดมือเราไปแล้ว มันไกลเกินกว่าที่มือเราจะเอื้อมถึงแล้ว ฉะนั้นอยากจะ move on ก็ต้องทิ้งอดีต ไม่ต้องไปคิดถึงว่าทำไมเราทำแบบนั้น ทำไมวันนั้นไม่ทำแบบนี้ ซึ่งมันผ่านไปแล้ว ให้มองหาทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิตเรา และถ้ามันยังเจ็บปวดอยู่ มันเป็นเรื่องของเวลา และราคาที่ต้องชดใช้ มีหนึ่งคำคมสำหรับคนที่ต้องการ move on ถ้าเรามั่วแต่ร้องไห้ น้ำตาทุกหยด เราเป็นคนเช็ดมันเอง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอ็กซ์ต้องยอมรับก่อนว่าสิ่งที่ตัวเองทำตอนนี้มันผิด ซึ่งมันก็มีทั้งคนผิดที่ได้รับโอกาส กับคนผิดที่ไม่ได้รับโอกาสแก้ไข ซึ่งในกรณีของแฟนคนนี้ พี่ว่าเอ็กซ์จะไม่ได้รับโอกาสแก้ไข จากนั้นก็ต้องให้อภัยตัวเอง เพื่อที่เราจะไปต่อให้ได้ ไม่งั้นเราก็นอนจมอยู่กับความรู้สึกผิดอย่างนี้ไปจนวันตาย มันไม่มีประโยชน์ ให้อภัยตัวเองเสร็จแล้วไปต่อ ถ้ามีโอกาสได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใหม่ก็ต้องไม่ทำแบบนี้อีก แค่นี้พอ เอาความผิดพลาดนี้เป็นบทเรียน มีชีวิตต่อไป และทำดีกับแฟนคนต่อๆ ไป มีปัญหาก็เคลียร์กันให้จบ ไม่ใช่มีปัญหาแล้วเอาใจไปคุยกับคนอื่น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ที่หนีบปูหนูผิดตรงไหน? พรุ่งนี้หนูจะไปกินเลี้ยงปีใหม่ ทุกครอบครัวจะเอาอาหารไปรวมกัน บ้านเจ้าภาพเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์ กับ ปูขน หนูบอกพ่อแม่ว่าเตรียมที่หนีบปูไปด้วยไหม จะได้กินกันสะดวก พ่อแม่หัวเราะ บอกเอาไปไม่ได้ จะดูตั้งใจไปกินเกิน

17 ม.ค. 2025

ที่หนีบปูหนูผิดตรงไหน? พรุ่งนี้หนูจะไปกินเลี้ยงปีใหม่ ทุกครอบครัวจะเอาอาหารไปรวมกัน บ้านเจ้าภาพเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์ กับ ปูขน หนูบอกพ่อแม่ว่าเตรียมที่หนีบปูไปด้วยไหม จะได้กินกันสะดวก พ่อแม่หัวเราะ บอกเอาไปไม่ได้ จะดูตั้งใจไปกินเกิน

ที่หนีบปูหนูผิดตรงไหน? พรุ่งนี้หนูจะไปกินเลี้ยงปีใหม่ ทุกครอบครัวจะเอาอาหารไปรวมกันบ้านเจ้าภาพเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์ กับ ปูขน หนูบอกพ่อแม่ว่าเตรียมที่หนีบปูไปด้วยไหม จะได้กินกันสะดวกพ่อแม่หัวเราะ บอกเอาไปไม่ได้ จะดูตั้งใจไปกินเกิน หนูแค่หวังดีอยากให้ทุกคนกินกันสะดวกขึ้น “คุณเอฟ (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่ห้าในรายการ ‘พุธทอล์ค พุธโทร’ เมื่อคือวันพุธที่ [15 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาปาร์ตี้บ้านเพื่อน โดย “คุณเอฟ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เพื่อนสนิทของพ่อ เขาจัดงานปีใหม่วันที่ 18 มกราคมนี้แล้วเขาเชิญครอบครัวเราไป ในงานจะมีประมาณ 10 คน หนูก็เลยถามพ่อว่าในงานเป็นแบบไหนยังไง เราจะได้เตรียมพร้อม เตรียมตัว เพื่อให้ดูเข้ากับงาน พ่อก็เลยบอกว่าทุกคนจะเอาอาหารไปแชร์กัน ฟีลแบบหนังฝรั่งที่มีเพื่อนบ้านมาปาร์ตี้กัน เราก็เลยคุยกันว่า เราจะเอาอาหารอิตาลีไปไหม? พวกสปาเก็ตตี้ พิซซ่า สั่งจากร้านอาหารแล้วเอาไป เราก็เลยตกลงกันว่าจะเอาอันนั้นไป คราวนี้พ่อก็มาบอกว่าเจ้าบ้าน เขาเลี้ยงล็อบสเตอร์กับปูขนนะ หนูก็เลยบอกว่าจะเอาที่หนีบปูไปนะ พอบอกเสร็จพ่อกับแม่ก็ขำหนักมากเลย กับสิ่งที่เราพูดว่าจะเอาที่หนีบปูไป แล้วเราก็เลยงงว่าเขาขำอะไรกันเหรอ พ่อก็เลยบอกว่า “อย่าเอาไปเลย มันดูแบบไม่มีมารยาท เหมือนเราตั้งใจจะไปกินปูอย่างเดียว” ซึ่งตัวเราไม่ได้ชอบกินปูขนาดนั้นด้วยซ้ำ ก็เลยเล่าเจตนาให้พ่อฟังตอนนั้นว่า ‘งานเขาจัดที่บ้าน บ้านคนเราจะมีที่หนีบปูสักกี่อันเชียว มันก็น่าจะมีสักอันสองอัน แต่คนไปประมาณ 10 กว่าคนเลย ถ้าทุกคนกินปู คนก็ต้องรอนานไหม เพราะมีที่หนีบปู 1-2 อัน เจตนาเราคือหวังดี ที่หนูเอาไปไม่ได้จะเอาไปวางให้เขาเห็นเลย แต่สิ่งที่เราคิดคือแค่พกไป ดูสถานการณ์ก่อนว่ามันพอใช้ไหม ละการที่เราเอาไปเพิ่มอีกหนึ่งอัน มันจะกลายเป็น 3 อัน มันอาจจะทำให้การหมุนเวียนที่หนีบปูดีขึ้น ทุกคนจะได้กินไวขึ้น’ ละเขาก็ไม่เก็ทกับสิ่งที่เราอธิบาย เขาก็ขำหนักอีกหลังจากที่เราอธิบายเจตนาของเราไป แล้วเขาก็บอกว่า “ถึงขออธิบายไปก็ไม่เข้าใจหรอก ลองไปเล่าให้คนอื่นฟัง ให้คนอื่นอธิบายเอาละกัน อาจจะเข้าใจมากกว่า” หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่าหนูผิดไหมที่หนูเอาที่หนีบปูไป’ ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ไม่ผิดเลย แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ด้วย แต่เข้าใจในมุมของพ่อแม่ เนื่องจากว่ามันเป็นอาหารที่เขาเตรียมมาเอง แสดงว่าบ้านเอฟเตรียมตัวขนาดนั้น เพื่อที่จะเตรียมตัวมากินปู การที่เราไปแล้วเอาที่หนีบไปด้วย ต่อให้มีพิซซ่าอะไรอยู่ในมือ มันก็เข้าใจในมุมผู้ปกครองที่คิดว่าตั้งใจเกินไป เพราะว่าผู้ใหญ่อาจจะไม่ได้มองว่าที่หนีบปูมันจำเป็นขนาดนั้น คนกินปูก็ใช้มือแกะกันส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นมันเป็นความหวังดีที่ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าบ้านหนูจัดเป็นโฮสต์ว่าไปอย่าง แต่นี่เราไปในฐานะแขก’ ดีเจทั้งสามท่านยังเสริมอีกว่า ‘ถ้าอยากทดลองแนะนำให้เอาไป ใส่กระเป๋าไป แล้วดูว่ามันจะต้องใช้ไหม?’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ที่ออฟฟิศหนูสังเกตเห็นพี่ผู้ชายคนนึง เนียนมานั่งคุยกับพี่ผู้หญิง จังหวะพี่ผู้หญิงลุกเขารีบไปนั่งเก้าอี้แทนที่แล้วชวนคุย ค่อยๆเลื่อนมือถือสอดไปใต้กระโปรง ทำแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ผู้หญิงใส่กระโปรงมา ภายนอกพี่เขาดูดี เฟรนด์ลี่ มีลูกสาวตัวเล็กมาที่ทำงานบ่อยๆ

25 เม.ย. 2025

ที่ออฟฟิศหนูสังเกตเห็นพี่ผู้ชายคนนึง เนียนมานั่งคุยกับพี่ผู้หญิง จังหวะพี่ผู้หญิงลุกเขารีบไปนั่งเก้าอี้แทนที่แล้วชวนคุย ค่อยๆเลื่อนมือถือสอดไปใต้กระโปรง ทำแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ผู้หญิงใส่กระโปรงมา ภายนอกพี่เขาดูดี เฟรนด์ลี่ มีลูกสาวตัวเล็กมาที่ทำงานบ่อยๆ

ที่ออฟฟิศหนูสังเกตเห็นพี่ผู้ชายคนนึง เนียนมานั่งคุยกับพี่ผู้หญิง จังหวะพี่ผู้หญิงลุกเขารีบไปนั่งเก้าอี้แทนที่แล้วชวนคุยค่อยๆเลื่อนมือถือสอดไปใต้กระโปรง ทำแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ผู้หญิงใส่กระโปรงมาภายนอกพี่เขาดูดี เฟรนด์ลี่ มีลูกสาวตัวเล็กมาที่ทำงานบ่อยๆ หนูควรบอกใครก่อนดี “คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 เม.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘มีพี่ในทีมคนหนึ่งเป็นผู้หญิง นามสมมุติว่า “พี่ฟ้า” เป็นคนสวย ตัวเล็ก น่ารัก และจะมีพี่อีกคนที่อยู่ต่างแผนก เป็นผู้ชาย นามสมมุติว่า “พี่เอ็ม” ดูเป็นคนเฟรนลี่ คุยกับทุกคนในบริษัทได้หมด เขามักจะเดินมาคุยเล่นกับพวกหนูในทีม โดยส่วนตัวหนูเป็นคนไม่ค่อยพูด อยู่เงียบ ๆ ทำงานของตัวเอง และเพิ่งเริ่มทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงปี วันหนึ่งพี่ฟ้าใส่กระโปรง แล้วลุกขึ้นยืนเม้ามอยกับพี่อีกคนในทีม ขณะนั้นพวกเขากำลังดูหน้าจอคอมพิวเตอร์และคุยกันอยู่ ซักพักพี่เอ็มเดินมานั่งตรงเก้าอี้พี่ฟ้า แล้วก็สไลด์ตัวเข้าไปใกล้ ๆ พี่ฟ้า ซึ่งปกติเขาก็ทำแบบนี้เป็นประจำ ถ้าไม่สังเกตุก็จะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของเขา แต่วันนั้นสายตาหนูบังเอิญเหลือบไปเห็นพอดี เขาถือโทรศัพท์ด้วยมือขวา โดยคว่ำหน้าจอลง และกล้องโทรศัพท์ก็โผล่ออกมา ตอนแรกหนูก็คิดว่าเขาจับโทรศัพท์ปกติ ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่เพราะหนูเป็นคนขี้ระแวง เวลามีคนเดินมาก็จะชอบสังเกต ทีนี้ เขาค่อย ๆ เลื่อนโทรศัพท์เข้าไปใกล้ ๆ ใต้กระโปรง และมีจังหวะหนึ่งที่เขาเหลือบตามองโทรศัพท์ตัวเอง จากนั้นก็เขยิบเข้าไปใกล้พี่ฟ้ามากขึ้น ตรงนั้นไม่ได้มีแค่พี่ฟ้าคนเดียว แต่มีคนอื่นยืนอยู่ด้วยหลายคน ไม่มีใครหันมาสังเกตข้างหลังตัวเองเลย ส่วนหนูนั่งอยู่ด้านหลังเขา ถึงจะหันหลังให้ แต่ก็หันไปมองเป็นระยะ ๆ ว่าเขาคุยอะไรกัน ตอนที่หนูเห็นครั้งแรก หนูก็ใจเต้น เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า หลังจากวันนั้นหนูก็เริ่มสังเกตเรื่อย ๆ ว่าเวลาที่เขาเดินมา เขายังทำพฤติกรรมแบบนี้อีกไหม หนูสังเกตว่าถ้าพี่ฟ้าใส่กางเกง เขาก็ไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น แต่ถ้าใส่กระโปรง เขาก็ยังคงเดินมาแล้วสไลด์ตัวเข้าไปใกล้เหมือนเดิม มีวันหนึ่งที่พี่ฟ้ายืนแล้วเลื่อนตัวไปด้านข้าง เขาก็เลื่อนตัวตามไปด้วย ทำให้หนูเริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกขั้น และทุกครั้งที่เขาทำ เขาจะตั้งโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าขาเสมอ แม้หนูจะไม่เห็นหน้าจอว่าเปิดกล้องหรือเปล่า แต่ก็สังเกตพฤติกรรมไว้ ปกติหนูไม่ค่อยคุยกับพี่ ๆ เพราะเป็นเด็กสุดในทีม เลยไม่กล้าบอกใคร หนูสนิทกับหัวหน้าทีมที่สุด เวลามีอะไรก็จะปรึกษาเขา หัวหน้าทีมเป็นทอม และหนูก็ไม่แน่ใจว่าเขากับพี่ฟ้ากุ๊กกิ๊กกันรึเปล่า แต่เพราะเรื่องนี้มันละเอียดอ่อน หนูเลยรู้สึกกลัวและไม่กล้าเล่า อีกอย่างพี่เอ็มดูมีภาพลักษณ์เฟรนลี่ ไม่ดูเป็นคนมีพิษมีภัย ก่อนหน้านี้พี่เอ็มก็มีพฤติกรรมกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ คล้าย ๆ กัน เช่น ขยี้ผมแบบเอ็นดู ตอนนั้นหนูก็คิดว่าเขาเอ็นดูจริง ๆ แต่หลังเหตุการณ์วันนั้น หนูก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ และสังเกตว่าเขาไม่ได้ทำแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ได้มีลักษณะตรงสเปกเขา พี่เอ็มน่าจะอายุสามสิบกว่าปีแล้ว เขามีลูกสาว และเคยพาลูกมาที่ออฟฟิศ ให้พวกหนูช่วยกันเลี้ยง เด็กน่ารักดี แค่อายุประมาณอนุบาล หนูเลยยิ่งรู้สึกกลัวว่า ถ้าเราไปเล่า จะมีใครเชื่อหรือเปล่า เหตุการณ์ที่หนูเห็นแบบชัด ๆ มี 4 วัน แต่ละวันก็เกิดขึ้นมากกว่า 2 ครั้ง พี่เอ็มชอบเดินมาแถวนี้บ่อยมาก ส่วนพี่ฟ้าก็ชอบคุยเม้ามอยโดยไม่ทันระวังตัว ตอนแรกหนูก็ตั้งใจจะถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน แล้วให้หัวหน้าทีมช่วยดู ถ้าพี่เขารู้สึกเหมือนกัน หนูก็อยากให้เขาช่วยสังเกตเพิ่มเติมด้วย หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า หนูควรเริ่มเล่าเรื่องนี้กับใครก่อนดี? และควรพูดยังไง? เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าน้ำสนิทกับหัวหน้า ก็ต้องเข้าทางหัวหน้านะ ถ้าเรายังไม่แน่ใจ พี่ว่าเราก็ต้องหาคนที่เราไว้ใจว่าคุยกับเขาได้ เพื่อที่จะเป็นพยานร่วมกัน สมมติว่าเขาชื่อพี่ดิน พี่ก็จะบอกว่า “เออ พี่ดิน คือหนูบังเอิญไปเห็นสิ่งที่พี่เอ็มทำ แต่หนูไม่แน่ใจว่าหนูคิดมากไปเองรึเปล่า เลยอยากให้พี่ดินช่วยมาดูหน่อยว่าทำไมเวลาพี่เอ็มเขามาคุยกับพี่ฟ้า หนูเห็นว่าเขาเอามือถือไปไว้ใต้กระโปรงพี่ฟ้า แต่หนูก็ไม่แน่ใจ เลยอยากให้พี่ดินช่วยดูหน่อยว่าสิ่งที่หนูคิดมันจริงรึเปล่า” จริง ๆ คนเฟรนลี่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ทำแบบนี้ เพราะบางทีคนเฟรนลี่ทำแบบนี้ คนเลยไม่รู้ไง ถ้าน้ำลองประมวลสถานการณ์ทั้งหมดดี ๆ แล้วน้ำรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นอย่างที่น้ำคิดจริง ๆ พี่ว่ามันควรต้องบอกนะ เพราะว่าเขาก็คือภัยของคนในออฟฟิศ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แอบถ่ายเขาสัก 2–3 คลิป ถ้าเขาทำบ่อย แล้วลองเอาไปให้หัวหน้าทีมดู แล้วเข้าหาแบบตลก ๆ หน่อย เผื่อเขาบอกว่าไม่ใช่ เราก็ยังสามารถพลิกแพลงได้ เพื่อปกป้องตัวเราเอง สิ่งที่เราทำอยู่คือการเป็นพลเมืองดี พอหัวหน้าทีมเห็นภาพในกล้องของหนูแล้ว เขาจะประเมินเอง ถ้ามันใช่ เขาอาจจะดำเนินเรื่องขอดูกล้องวงจรปิด แล้วเอามาใช้ประกอบกัน’สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ เห็นด้วยกับการที่จะไปบอกหัวหน้า ถ้าเราอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่การจะแอบถ่ายก็ไม่ง่าย อาจจะเริ่มต้นจับตาดูกันแค่ 2 คนก่อน แต่ถ้าน้ำเชื่อในสกิลนักสืบของน้ำ น้ำถ่ายได้ก็เอาเลย แต่ถ้าจะพิสูจน์เรื่องนี้ ต้องค่อย ๆ ให้มันชัดเจนจริง ๆ ความมั่นใจมันสำคัญมากกับเรื่องนี้ เพราะมันต้องมีคนเสียหายแน่ ๆ แต่ว่าจะเป็นฝั่งไหน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เรามีเพื่อน 2 คนที่คบกันมา 10 กว่าปี แล้วก็มีแฟนที่คบกันมา 7-8 ปี หลังๆพอเพื่อนนัด เราเทเพื่อนไป 2-3 ครั้งแล้ว เพราะต้องไปเจอ ไปอยู่กับแฟน จนตอนนี้เพื่อนสนิท ค่อยๆเฟดหายไปจากเรา เราอยากได้วิธีบาลานซ์ความสัมพันธ์ ระหว่าง เพื่อน กับ แฟน จังเลยค่ะ

09 ธ.ค. 2024

เรามีเพื่อน 2 คนที่คบกันมา 10 กว่าปี แล้วก็มีแฟนที่คบกันมา 7-8 ปี หลังๆพอเพื่อนนัด เราเทเพื่อนไป 2-3 ครั้งแล้ว เพราะต้องไปเจอ ไปอยู่กับแฟน จนตอนนี้เพื่อนสนิท ค่อยๆเฟดหายไปจากเรา เราอยากได้วิธีบาลานซ์ความสัมพันธ์ ระหว่าง เพื่อน กับ แฟน จังเลยค่ะ

“คุณหวาน (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ ‘พุธทอล์ค พุธโทร’ เมื่อคือวันพุธที่ [4 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการบาลานซ์ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแฟน โดย “คุณหวาน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทกับแฟน หวานมีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นผู้หญิง ในกลุ่มจะมีอยู่สามคน เราอะคบกับเพื่อนกลุ่มนี้มาตั้งแต่มัธยม เลยสนิทกันมาก คุยกันทุกอย่าง คุยกันแทบทุกวัน จากตอนนั้นถึงตอนนี้ประมาณ 10 กว่าปีแล้ว และจะมีช่วงขึ้นมหาวิทยาลัย แต่ละคนก็เรียนมหาลัยคน จึงใช้วิธีการคอลคุยกัน ถ้าวันว่างก็จะมาเจอกัน เราจะปรึกษาปัญหาชีวิตกันทุกอย่าง แต่ปัญหามันเริ่มจากที่หวานมีแฟน และหวานก็คบกับแฟนคนนี้มาตลอดระหว่างที่มีเพื่อนกลุ่มนี้ จนตอนนี้คบกันมาเข้าปีที่ 7-8 แล้ว ก็คือไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแฟนเลย คบกับแฟนปกติดีทุกอย่าง แต่ว่ามันจะมีช่วงเวลาที่เรานัดเพื่อน แล้วทีนี้บางครั้งมันมีเหตุให้ต้องยกเลิกนัดของเพื่อน แล้วไปกับแฟน มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง จนครั้งล่าสุดเรานัดกัน แต่หวานยกเลิก เพราะว่าแฟนหวานไปทำงานต่างจังหวัด ไม่ได้กลับมานาน ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขากลับมากรุงเทพฯพอดี ถ้าได้ไปเจอ ก็จะไม่ได้เจอแฟนอีกเป็นอาทิตย์ หวานก็เลยขอยกเลิกนัดเพื่อน จริงๆก็คือขอเลื่อนเป็นวันอื่น แต่เพื่อนไม่ว่าง เพื่อนก็เลยไปกันสองคน หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หวานก็รู้สึกว่าในกลุ่ม หวานจะมีกลุ่มไว้คุยกันสามคนกับเพื่อน ในกลุ่มจะคุยกันในเรื่องต่างๆ เรื่องนู้น เรื่องนี้อยู่ตลอด แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้น ในกลุ่มคือเงียบมาก ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือพูดคุยอะไรกันเลย เลยรู้สึกว่ามันแปลกๆ หวานก็ได้ทักเพื่อนคนหนึ่งไปก่อน สมมติว่าชื่อ ‘เอ’ หวานก็ทักเอไปว่า ‘บีเป็นอะไรหรือเปล่ามันเงียบๆไปนะ’ เอก็ตอบว่า ‘มึงอะชอบเทนัด พวกกูนัดมึงก็ไม่อยากจะมา ถ้ากูคุยแล้วกูนัดมึง มึงก็เทกูอีก’ หวานก็เลยอธิบายไปว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นเพราะอะไร เพื่อนก็ได้บอกกลับมาว่าเข้าใจ หลังจากนั้น หวานก็ทักไปหาบี เพื่อที่จะให้บีเข้าใจตรงกัน บีก็บอกว่าบีอะไม่ได้โกรธนะ แต่บีพูดมาประโยคหนึ่งว่า ‘ชีวิตของหวานตอนนี้ ไม่ได้ต้องการออกมาเจอพวกเขาเหมือนเดิมแล้ว’ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้คือเราไปไหนไปกัน ดึกขนาดไหน ตีหนึ่งตีสองไปหมด แต่ด้วยความที่หวานมีแฟน ก็เลยต้องแบ่งเวลา การจะไปข้างนอกแล้วกลับดึกๆมันก็เลยทำไม่ได้แล้ว เพราะมันมีคนที่รอหวานกลับบ้านเหมือนกัน และก็อยากจะมีเวลากับแฟนด้วย คือหวานไม่ได้อยู่กับแฟนทุกวัน หวานต้องแบ่งให้เวลากับที่บ้านด้วย แฟนด้วย เพื่อนด้วย หวานเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ถ้าเป็นพี่ๆจะมีวิธีการจัดการปัญหา เกี่ยวกับการบาลานซ์เวลาระหว่างเพื่อนสนิทกับแฟนยังไง? แล้วหวานควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้? คือหวานพยายามทักไปบอกเพื่อนแล้ว เพื่อนบอกว่าไม่ได้โกรธ แต่ตอนนี้ทุกอย่างคือไม่เหมือนเดิมเลย ความสัมพันธ์ตอนนี้คือไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้หวาน 28 เดี๋ยวซัก 30 กว่าหวานจะชิว แล้วหวานก็จะอยู่กับแฟน พี่เคยมีเพื่อนเป็นชะนีล้วนจากมหาวิทยาลัย สนิทกันมาก เจอกันทุกวัน ไปนอนค้างด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกันเกือบทุกอาทิตย์ แต่พอเพื่อนมีแฟน พี่ก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวให้ได้ เคยผ่านช่วงงอนมาแล้ว เคยด่ากันจนถึงขนาดออกกลุ่มมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพื่อนกันจนถึงทุกวันนี้ และยังไปกินข้าวกัน แต่ว่าเหลือแค่สามเดือนครั้งแล้วตอนนี้ จากกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เจอกันได้ทุกอาทิตย์ แต่เราก็ไม่ได้โกรธอะไรกันแล้ว ทุกวันนี้ตอนอายุ 43 ความสัมพันธ์ ความรัก มันยังอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เข้มข้นแบบเมื่อก่อนแล้ว เมื่อต่างคนต่างมีคู่ชีวิต เขาจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งนั้น พี่ว่ามันเกิดขึ้นได้และเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ เราก็ต้องเข้าใจเพื่อนว่าเขามีสิทธิที่จะรู้สึกแบบนั้น มันต้องยอมเป็นไปตามเงื่อนไขของชีวิตตัวเอง ความสำคัญมันไม่เหมือนกันอีกต่อไปแล้ว’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ามันเป็นไปตามวัย อย่างตอนอายุ 15 มีแฟนแล้วเพื่อนบอกให้เลือกกับแฟน พี่ก็เลิกเลยนะ กับแฟนคนแรกโดยที่ไม่ได้ทะเลาะกัน คือเพื่อนต้องมาก่อนตอนนั้น พอเราโตมาเลยรู้ว่ามันก็ไม่ใช่เพื่อนที่ดี แต่เราเสียผู้ชายที่ดีไปแล้ว หลังจากโตมากขึ้น เพื่อนก็ต้องรู้ว่าผู้ชายสำคัญ เพราะเวลาที่มึงมีแฟน กูก็จะไม่ห้ามมีสักคำ ต่อให้มึงนัดกับกูว่าจะออกมา แต่อยู่ ๆ ผู้ชายโทรตาม กูก็จะบอกว่าโอเคไปหาผู้ชายก่อน เพื่อนมาเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจเปลี่ยนเพื่อน พี่รู้สึกว่าอายุ 28 แล้วมันไม่ใช่เด็กแล้ว มันต้องรู้ว่าผู้ชายสำคัญมากแค่ไหน เวลาเรามีแฟนเราอยากอยู่กับแฟนอยู่แล้ว เพื่อนมีหน้าที่ซัพพอร์ตเรา สมมติว่า อะวันนี้ฉันมีผู้ชายนะ ต้องคุยกับเพื่อนให้เข้าใจเลยว่า เธอฉันมีผู้ชาย ฉันอยู่กับผู้ชายก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมาหาเธอ เธอโอเคไหม ถ้าเขาไม่โอเคเปลี่ยนเพื่อนเลย หาเพื่อนผู้หญิงที่มันแมน ๆ มันจะเข้าใจเรื่องนี้ เดี๋ยวกูกลับมาเองวันที่ผู้ชายเลิกกับกู มึงมีหน้าที่ซัพพอร์ต มีหน้าที่ฉีดยากู ต่อให้วันนี้กูทะเลาะกับแฟน แล้ววันหน้ากูไปดีกัน มึงก็ต้องกินอาหารหมาเพื่อกู นี่คือเพื่อน! ความรักให้ไปแล้วมันไม่ต้องมีเงื่อนไข แค่เห็นกูมีความสุข มึงก็มีความสุข หาเพื่อนแบบนี้’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เราไม่ได้จะสร้างครอบครัวกับเพื่อน อันนี้คือสิ่งที่จะบอก ในตอนอายุ 28 วงเพื่อนมันยังสำคัญแหละ แต่นี้แหละคือช่วงเริ่มต้นของการออกไปสร้างครอบครัว แล้วก็ค่อยๆ ห่างจากวงเพื่อน แค่อยู่ในระยะปรับตัวกันเท่านั้นเอง เพื่อนก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์นี้ เราก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์นี้ เมื่อก่อนบ้านพี่คือที่รวมตัวของแก๊งเพื่อนเลย แล้วพอการเข้ามาของลูกจ๋า(ภรรยาดีเจเผือก) ตัวแปรสำคัญที่สุด เขาจะนอนไม่ได้ถ้ามีเสียงคุยกันอยู่หน้าห้อง เพื่อนก็ค่อย ๆ หาย แต่ข้อดีของฝั่งผู้ชายคือมันไม่งอนกัน มันเข้าใจ กำลังจะบอกว่าถ้ากลุ่มสามคนนี้ไม่เข้าใจ แล้วมันต้องเลิกคบกัน อย่าไปคิดมาก ก็แปลว่ามันหมดเวลาที่จะเป็นเพื่อนกันแค่นั้นเอง ชีวิตมันก็ไหลไปตามขั้นตอนของมัน ถ้ามันจะงอนกันในวันนี้ เดี๋ยวมันก็จะกลับมาเจอกัน ในวันที่แต่ละคนมีครอบครัว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1