ยังไงคะคุณแม๊! คบกับแฟนมา 5 ปี ย้ายไปอยู่บ้านแฟน แต่แม่แฟนใช้ชื่อแฟนเก่า เรียกเราทุกครั้ง ทั้งๆที่ชื่อไม่เหมือนกันเลย แฟนเก่าแฟนเค้าเคยคบกันมา 7 ปี จนตอนนี้เราอึดอัดย้ายออกจากบ้านแฟนมาแล้ว ล่าสุด แม่เพิ่งแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนใน Facebook ด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ยังไงคะคุณแม๊! คบกับแฟนมา 5 ปี ย้ายไปอยู่บ้านแฟน แต่แม่แฟนใช้ชื่อแฟนเก่า เรียกเราทุกครั้ง ทั้งๆที่ชื่อไม่เหมือนกันเลย แฟนเก่าแฟนเค้าเคยคบกันมา 7 ปี จนตอนนี้เราอึดอัดย้ายออกจากบ้านแฟนมาแล้ว ล่าสุด แม่เพิ่งแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนใน Facebook ด้วย

22 มี.ค. 2024

          “คุณปาล์ม (นามสมมติ)” อายุ 33 ปีสายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [20 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับแม่แฟนชอบเรียกชื่อเราเป็นแฟนเก่าตลอด

            โดย “คุณปาล์ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า หนูคบกับแฟนมา 5 ปี ทุกครั้งที่ต้องไปเจอแม่แฟนหรือพูดคุยกัน เขาจะชอบเรียกชื่อหนูเป็นชื่อแฟนเก่าของลูกชายเขาตลอด ปกติหนูแทนตัวเองว่าหนูตลอด แต่แฟนจะเรียกชื่อของหนู แล้วคุณแม่เขาก็ชอบไปแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนเราด้วย เพราะเป็นรูปที่แฟนเก่าถ่ายกับหลานเขา หลานเป็นลูกของน้องชายแฟนที่แม่เคยเลี้ยง แต่หนูก็พยายามที่จะทำดีด้วย พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีตลอด ตอนนี้หนูกับแฟนมีลูกด้วยกันแล้ว และก็แยกบ้านอยู่กับแม่แฟน แต่ก่อนที่จะแยกบ้านแม่เขาเคยพูดว่า ไม่ชอบเด็ก เกลียดเด็ก ไม่อยากได้ยินเสียงเด็ก หนูเลยแยกออกมาอยู่ที่อื่น เพราะหนูคิดว่า 5 ปีแล้วทำไมถึงยังเรียกผิดอยู่ แล้วหนูก็รู้สึกในใจว่าแม่เขาคิดอะไรเพราะแม่ก็อายุแค่ 55 เอง หนูอยากถามพี่ ๆ คิดว่าแม่เขาคิดอะไรไหมแล้วมีวิธีรับมือยังไงบ้าง

            คำแนะนำจากดีเจเผือก : มันแก้ไม่ได้หรอกกับคนที่ใช้ชีวิตมา 55 ปี มันมีแหละเวลาที่ผ่านไปแล้วจะชนะใจแม่ผัวได้ แต่ก็อย่าไปคาดหวังว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นแบบที่จะต้องรักกันเอ็นดูกัน แต่ถ้าเราเปลี่ยนเขาไม่ได้เราก็ต้องเปลี่ยนที่ความรู้สึกของตัวเองว่าเราอย่าเอาความสุขของเราไปผูกกับปฏิกิริยาของเขามาก แล้วยิ่งได้แยกกันอยู่คิดว่าความปวดหัวมันลดไปเยอะเลยนะ คือจินตนาการว่าถ้ายังอยู่บ้านเดียวกันพวกคำพูดอะไรเหล่านี้คงจะทำร้ายเราแทบจะทุกวัน ซึ่งคำว่าทำร้ายเราต้องเข้าใจก่อนว่าบางทีเขาก็พูดไปเรื่อยนะ มันอาจจะไม่ถูกต้องถูกใจเราแต่บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าเจตนาเขาเป็นแบบไหน เราฟังก็ไม่รู้หรอกว่าคาแรคเตอร์แม่สามีคุณปาล์มเขาเป็นแนวไหนกันแน่ พูดไปเรื่อย ปากร้ายใจดีหรือไม่ชอบหน้ากันจริง ๆ แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณปาล์มอยากเอาชนะใจก็เป็นตัวของตัวเองแหละ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเราเชื่อมั่นว่าตัวเราไม่ได้มาร้ายอะไร แล้วเราก็เป็นแม่ของหลานเขา เป็นเมียของลูกเขาวันนึงก็อาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่คุณปาล์มไม่ต้องไปหวังว่าจะดีขึ้นอะไรมากมายเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปอยู่ใกล้อะไรมากมีความสุขกับสามีกับลูกของตัวเอง เดี๋ยวพอเขาอายุสัก  3-4 ขวบ คุณปาล์มก็จะมีความสุขกับลูกมาก เพราะเดี๋ยวเขาเริ่มพูดเอง มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น อะไร ๆ ที่ออกมาจากปากเขามันจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ก็อยู่กับสิ่งที่สร้างความสุขให้เราอะไรที่มันทำให้เรารบกวนจิตใจมากก็เลี่ยง ๆ ไม่ต้องไปเจอ ส่วนเรื่องเรียกชื่อผิด ๆ ถูก ๆ อยู่ก็แทนชื่อตัวเองไปเลย ถ้ายังผิดอีกก็หายใจลึก ๆ และคิดว่าเขาเป็นแม่ผัวเราแค่นั้นเอง

            คำแนะนำจากดีเจเติ้ล : พี่เห็นด้วยกับพี่เผือกว่าต้องไม่คาดหวังว่าเขาเรียกเราถูก ทำตัวให้ชินไปเลยว่าถ้าฉันไปบ้านเมื่อไรฉันจะมีอีกชื่อนึง เพราะว่าตอนนี้เราไม่รู้ว่าที่เขาเรียกเพราะเขาหลงลืม เขาติดปากหรือเขาตั้งใจซึ่งคิดไปก็ปวดหัว แต่ตอนนี้หนูออกมาอยู่กับครอบครัวแล้วอะพี่ว่าก็แฮปปี้และที่เขายอมปล่อยออกมา แล้วยิ่งไปคาดหวังก็จะยิ่งเฮิร์ทป่าว ๆ สำหรับพี่ก็แค่คนคนนึงที่เราไม่ได้สนิทอะไรกับชีวิตมากก็ไม่ต้องคาดหวังว่าเขาจะมาจำอะไรเราหรอกสำหรับพี่นะ ถ้ามันจะทำให้พี่ะบายใจอันนี้ตอบแบบจริงใจ ถ้าตอบแบบขำ ๆ ปาล์มลองแทนตัวเองเป็นชื่อที่เขาเรียกไปเลย สมมติเขาเรียกหนูว่ากิ๊ฟ อ๋อค่ะกิ๊ฟก็ว่าอย่างนั้นแหละ ดูสิว่าเขาจะเอ๊ะไหม ถ้าเขาแกล้งจริง ๆ เขาก็คงแบบ อ้าวไม่ได้ชื่อกิ๊ฟแล้วทำไมแทนตัวเองว่ากิ๊ฟอะ  ก็ลองดูว่าจะเอายังไง

            และ คำแนะนำจากดีเจต้นหอม : พี่ว่าแม่ผัวยังไม่ได้ร้ายอะไรมาก มันแค่มีปัญหาเล็กน้อยสำหรับการได้แม่ผัวอย่างนี้ แล้วเขาไม่ยุ่งกับเราคือเป็นบุญที่สุดแล้ว การที่เรามีครอบครัวและแม่ผัวไม่มาวุ่นวายกับเรานี่คือข้อดีที่ใหญ่มากมาทดแทน แต่ถ้าเรื่องนี้มันกวนใจ อันดับที่ 1 คือแทนชื่อตัวเองทุกครั้งแบบที่พี่เผือกบอก แทนตัวเองว่าปาล์มอย่างนู้น ปาล์มอย่างนี้ และอย่างที่ 2 ก็คือพี่เติ้ล ก็เป็นคนนั้นไปเลยไม่ต้องไปคิดว่ามันคือแฟนเก่า แต่มันชื่อซ้ำกันได้ไม่เป็นไรฉันชื่อนี้ได้ กับ 3 แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ไปเลยที่เกี่ยวกับชื่อคุณ ถ้าสุดท้ายแล้วไม่รอดจริง ๆ ก็เปลี่ยนที่ความคิดเราเพราะว่าสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ชั่งน้ำหนักแล้วมันมากกว่าสิ่งเล็กน้อยนี้มาก แล้วให้ลูกเราเรียกว่า แม่ปาล์ม ๆๆ ทุกครั้ง หรือจริง ๆ เขาอาจจะลืมจริง ๆ ก็ได้เพราะเราก็ไม่ได้เจอเขาบ่อยขนาดนั้น

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงลูก สามีหนูออกไปทำงาน เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน เจอหัวหน้าด่าทุกวัน ด่าโง่ ไม่มีสมอง หัวหน้าเอางานสามีไปเป็นงานตัวเองเพื่อเอาหน้า สามีทนไม่พูดมาตลอด หนูสงสารสามีสุดๆ แต่จะย้ายงานก็ไม่ได้

20 ธ.ค. 2024

หนูเป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงลูก สามีหนูออกไปทำงาน เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน เจอหัวหน้าด่าทุกวัน ด่าโง่ ไม่มีสมอง หัวหน้าเอางานสามีไปเป็นงานตัวเองเพื่อเอาหน้า สามีทนไม่พูดมาตลอด หนูสงสารสามีสุดๆ แต่จะย้ายงานก็ไม่ได้

หนูเป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงลูก สามีหนูออกไปทำงาน เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นานเจอหัวหน้าด่าทุกวัน ด่าโง่ ไม่มีสมอง หัวหน้าเอางานสามีไปเป็นงานตัวเองเพื่อเอาหน้า สามีทนไม่พูดมาตลอดหนูสงสารสามีสุดๆ แต่จะย้ายงานก็ไม่ได้ เพราะ สวัสดิการที่นี่ดีมากๆ จะทำยังไงต่อไปดีคะ? “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [18 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาอยากขอวิธีให้กำลังใจแฟนเวลาโดนคำพูด Toxic จากที่ทำงาน โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตัวบีเองเป็นคุณแม่ เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ส่วนแฟนจะทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ทีนี้เขาเริ่มงานใหม่ แต่สภาพที่เขากลับจากทำงานมาบ้านทุกวัน จะเป็นสีหน้าที่เหนื่อย มันไม่ใช่เหนื่อยกาย แต่เหมือนมันเหนื่อยใจ มันห่อเหี่ยว และเราก็คุยกัน เขาบอกว่า ‘เขาโดนที่ทำงานพูดไม่ดีใส่ ด้อยค่า ทั้งคำหยาบสารพัดมาหมด’ แฟนหนูเป็นคนทำงาน หัวหน้าของเขาโยนงานมาให้ทำ เออเนี่ยทำไปนะ พอทำเสร็จเขาก็เอาผลงานที่แฟนหนูทำไปเป็นของตัวเอง แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดแฟนหนูจะโดนด่าทันที เพราะแฟนหนูตำแหน่งรองลงมาจากเขา เพราะฉะนั้นมันจะต้องคุยกันบ่อย หนูบอกตรง ๆ ไม่ได้จะชื่นชมหรือยอแฟน แต่เขามีความสามารถ หนูอยู่กับเขามา 10 กว่าปีแล้ว เขามีความสามารถ เคยทำงานด้วยกัน เขาพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาเขาติดต่อประสานงานกับสายต่างประเทศ หัวหน้าจะพูดอย่างนี้ “มึงก็พูดได้หนิ กูนึกว่ามึงโง่” หรือเวลาทำงานแฟนหนูเสนออะไรไป แต่เขาเหมือนอยากเอาอย่างที่เขาคิด แล้วเขาก็มาด่าแฟนหนู “โง่ปะเนี้ย คิดไม่ได้เหรอ สมองไม่มีเหรอ” ซึ่งบริษัทนี้แฟนหนูพึ่งเริ่มทำมาได้ 2 - 3 เดือนเอง ที่ตัดสินใจเลือกเพราะสวัสดิการและเงินเดือน เลยเลือกที่นี่ มันตอบโจทย์ทุกอย่าง สวัสดิการเขาครอบคลุมถึงครอบครัว เราฟังปัญหาจากเขาแล้วเราก็เครียดนะ แต่เราบอกกับเขาเลยว่าเราอยากให้เขาระบายกับเราให้ได้มากที่สุด ทั้งกอด ทั้งปลอบ ทั้งคุยกับเขา เขาเป็นคนเก่ง เก่งมาก ๆ หนูเชื่อเลยว่างานทุกอย่างที่หนักเขาทำได้ แต่ถ้าอยู่กับคนแบบนี้ทุกวัน หนูกลัวว่าเขาจะเครียดสะสม บางทีเวลาเขากลับมาบ้านนั่งเหม่อและพูดว่า “อะไรวะเนี่ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้” บางทีเราก็น้อยใจ สามีกลับมาเห็นหน้าเราแล้วก็ลูกมันผิดหวังขนาดนี้เลยเหรอ มันเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เขาก็บอกว่าไม่ใช่ แล้วตอนเช้าตอนที่กำลังจะไปทำงาน หน้าเขาลอย ลอยแบบไร้จุดหมายประมาณว่า กูต้องไปทำงานหรือกูต้องไปโดนด่า ถามว่ามันมีผลกระทบกับครอบครัวไหม เวลาเรามองมันรู้สึกสะเทือนใจ เราพยายามปลอบเขาแต่เหมือนมันส่งไปไม่ถึง หนูเคยพยายามบอกเขาว่าถ้าพี่ไม่ไหว พี่ย้ายงานนะ ขอเถอะหนูไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้ แต่พี่เขาตอบกลับมาว่า ‘ลาออกไม่ได้ หาสวัสดิการกับครอบครัวมันยาก’ เพราะหลัก ๆ เขานึกถึงเราแล้วก็ลูก เด็กเนาะยังไงก็ต้องมีประกัน ทั้งครอบครัวแสนนึง มันครอบคลุมกับการรักษาพยายามทุกอย่างเลย ซึ่งบริษัทนี้เขาทำให้ เพราะลูกคนหนึ่งอายุ 5 ขวบ อีกคนก็ 2 ขวบกว่า ๆ เลยอยากขอกำลังใจจากพี่ ๆ และอยากถามพี่ ๆ ว่า มันจะมีวิธีไหนบ้างที่เราจะส่งกำลังใจไปให้ถึงเขา เพื่อให้เขาได้รู้สึกว่าได้ชาร์จแบตให้เขามีพลังไปสู้ต่อและปล่อยวางเรื่องที่ทำงานให้ได้ หนูก็เข้าใจว่า เราพูดว่าให้วางมันอยู่ที่นั่น มันพูดง่าย แต่คนที่รับมันยากมากเลย’ ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มองในมุมดีสิ่งที่เราได้รับ สิ่งที่เราอดทน ราคาที่ต้องจ่ายมันแพงมากในเมื่อคุณบีอยากได้สวัสดิการ อยากได้เงินเดือนทุกอย่างมันดีๆๆ แต่มันแลกมากับบางเรื่องในการ Toxic อย่างน้อยในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มันทำให้ครอบครัวเราสบาย มันอาจจะเหนื่อยใจไปบ้าง ตรงนี้อาจจะต้องแลกเพราะที่อื่นให้เราแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดว่าเหนื่อยให้มาระบายกับเรานะ ให้เราเป็นที่พักเลย ไปเหนื่อยอยู่ตรงนั้น แต่พอก้าวเข้าบ้านเราดูแลเขา บีบนวดดูแลเขาอย่างดีให้เขาสบายใจ ให้เขารู้สึกว่ามาอยู่บ้านแล้วผ่อนคลาย ทำที่บ้านอย่าให้ตกหล่น’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณบีต้องไม่เอาความเครียดของเขามาเป็นเรื่องของเราเลย เพราะตอนคุณบีเล่ามา คุณบียังเอามารบกวนจิตใจอยู่ ที่บอกว่าทำไมเห็นหน้าลูก หน้าเมียแล้วยังซีเรียส ทำไมถึงไม่มีความสุข คุณบีต้องเข้าใจเลยว่า เขาจะต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอด เรามีหน้าที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากหน้าเครียดเป็นหน้ายิ้มให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ทำให้เขารู้สึกว่า เมื่อใดที่กลับมาบ้าน ที่นี่คือสวรรค์ของคุณ คุณไปนรกมาแค่ 12 ชั่วโมงทำงาน คุณกลับบ้านนี่คือสวรรค์แล้ว ที่นี่จะมีทุกอย่างให้คุณ ต้องซัปพอร์ตเบอร์นั้นเลย เพื่อให้เขารู้จุดหมายของเขา ‘โอเคอันนั้นกูเอาวิญญาณไปแลก แต่ที่นี่คือที่ของกู’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใช้ลูกเป็นแหล่งเติมพลังครับ ผมเชื่อว่าทุกคนปัญหาจะเบาลงเมื่อเห็นหน้าลูกเวลามีความสุข ให้เขาโฟกัสที่ลูก ถ้าเราทำเพื่อเงินก็ต้องคิดแต่เรื่องเงิน เราทำเพื่อสวัสดิการก็ต้องคิดแต่เรื่องสวัสดิการ ผมแนะนำว่าให้เขาไปคุยกับ HR เท่าที่ผมได้ไปสัมภาษณ์กับองค์กรใหญ่ ๆ มา HR มีผลอย่างมากในการจัดการคนในออฟฟิศของเขา และถ้าเป็น HR ที่ดีพอ บริษัทใหญ่จริง สวัสดิการดีอย่างนี้จริง ๆ HR ต้องมีพาวเวอร์พอที่จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์กร หัวหน้าที่ Toxic ขนาดนี้แฟนคุณบีไม่ได้เป็นคนแรกที่โดนหรอกครับ HR มีไว้เพื่อช่วยพนักงานในประเด็นแบบนี้นี่แหละครับ สุดท้ายความอดทนคนเรามีจำกัด ต้องบอกกับแฟนเสมอว่าถ้าเธอไหวฉันเชื่อว่าเธอไหว แต่ว่าอย่าบอกตัวเองว่าไหวทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองไหวหรือเปล่า คนบางคนสะกดจิตตัวเองว่าไหว แต่จริง ๆ ข้างในไม่ไหวแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

01 ธ.ค. 2023

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

“คุณชาเย็น (นามสมมติ)” อายุ 17 ปี สายที่สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่ว่าจะเรียนต่อหรือลาออกมาทำงานดีเพราะว่าสงสารพ่อแม่ที่ทำงานลำบากมาส่งตัวเองเรียน โดย “คุณชาเย็น (นามสมมติ)” ได้เริ่มปรึกษาว่า ‘หนูเลือกที่จะเรียนต่อ หรือว่าเลือกที่จะออกจากโรงเรียนดี หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานส่งหนูเรียนเพราะว่าหนูเป็นคนที่ไม่เข้าเรียน ชอบโดดเรียน เพราะในห้องหนูไม่มีเพื่อนเลย ก็จะโดดเรียนไปนั่งที่โรงอาหารกับเพื่อนห้องอื่น เพื่อนในห้องเดียวกันก็ไม่มีใครพูดกับหนู เพราะเขาเห็นหนูเป็นคนไม่ดีกันไปหมดแล้ว หนูเคยขึ้นไปเรียนครั้งนึง เรียนไปหนูก็ไม่มีความสุข หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหาส่งหนูเรียน หนูเห็นท่านทำงานลำบากแล้วสงสาร หนูเลยคิดว่า ออกทำงานดีไหมเพื่อหาเงินให้พ่อแม่บ้าง อยากหาเงินมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ตอนนี้หนูอยู่ ม.4 หนูคิดว่าจะไปทำเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วก็ไปเรียน กศน. เอาวุฒิม.6 ไปต่อมหาวิทยาลัยหนูคิดไว้ว่าอย่างนี้ หนูอยากปรึกษาว่าหนูควรลาออกมาทำงานหรือว่าควรจะเรียนต่อดี’ โดยเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเก ไม่เรียนหนังสือ ไม่ตั้งใจ เพื่อนพี่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พี่มีทั้งกลุ่มที่เป็นเด็กเรียน และไม่เรียน แต่พี่ชอบเอาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มเด็กเกเร เพราะพี่มีปัญหาทางบ้าน บ้านพี่ไม่ค่อยอบอุ่นพี่ก็เลยไปทำอะไรแบบนั้น แต่คนที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวหรือกลุ่มเกเรของพี่ ไม่ตายก็ติดคุก ไม่ติดคุกก็ติดยาแล้วก็เป็นบ้า ทั้งหมด 30 กว่าคน มีพี่รอดคนเดียว พี่เลยไม่แน่ใจว่าชาเย็นจะเป็น 1 ในคนที่รอดไหม ที่พี่รอดเพราะพี่หันกลับมาเรียนในวันหนึ่ง พี่เลือกที่จะไม่ติดยาแล้วก็ตายไปกับเพื่อน พี่เลือกวกกลับมา แล้วพี่รู้สึกเสียดายเวลาที่ ณ เวลานั้น กูไปทำอะไรอยู่วะ พี่ก็คิดแบบนี้ พี่อยากได้เงิน แต่การอยากได้เงินของพี่ พี่มีเป้าหมายในชีวิต ก็คือหาเงินเรียนในสิ่งที่ต้องการ พี่ฟังชาเย็น พี่ไม่เห็นเป้าหมายที่มันแข็งแรง เป็นเป้าหมายระยะสั้นๆ จะไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟแบบนี้ พี่ว่าความทะเยอทะยานมันน้อยไปหน่อย ถ้าเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วต้องไปเรียนต่อ สุดท้ายมันก็ต้องไปเรียนต่อ แล้วปัญหาที่เพื่อนไม่คุยกับเรา มันไม่แปลกหรอกเพราะเราไปอยู่กลุ่มที่มันคนละเคมีกับเขา ถ้าวันนี้เราอยากกลับไปอยู่ ในสังคมที่เพื่อนเขาคุยกับเรา เราก็ลองคุยกับเขาก่อน เราไปตั้งใจเรียนไปอยู่ในกลุ่มของเขา มันมีวิธีในการเขาหาเพื่อนได้เยอะแยะ พี่ว่าโลกข้างนอกอันตรายเกินไป แต่มันก็อยู่ที่ใจชาเย็นนะ ถ้าอยากออกมาหาเงินจริง ๆ อันนี้ต้องคุยกับพ่อแม่ เราก็ลองปรึกษาเขาว่าให้หนูออกมาทำงานดีไหม หนูอยากหาเงิน แต่เป้าหมายต้องแข็งแรงกว่านี้หน่อยว่าทำงานอะไร ต้องการเงินเท่าไหร่ พี่ว่าการเรียนหนังสือมันก็ให้อะไรมากกว่าที่เราคิด วุฒิการศึกษามันสามรถทำให้ง่ายกับการเปลี่ยนอาชีพ สมมติว่าอยากไปทำธุรการ ไปเรียนคุณครู แบบนี้เขาดูวุฒิการศึกษา ยกเว้นชาเย็นจะบอกว่าหนูอยากจะไปเป็นเน็ตไอดอล หนูสามารถทำเงินได้ 100 ล้าน ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา แต่ต้องถามตัวเองว่าแล้วเราชอบทางนี้ไหม หรือเรามีความสามารถทางนี้ไหม ถ้าวันนี้เรายังไม่รู้ตัวเองว่าต้องการอะไรหรือชอบอะไร พี่ว่าการเรียนไปก่อนเป็นสิ่งที่ดี พี่แนะนำแบบนี้ แต่ถ้าอยากจะออกจริงๆ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า เราต้องการเงินนี้ไปทำอะไร เพื่ออะไรแล้วเลือกอาชีพที่เหมาะกับเรา’ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เราอยู่กับเพื่อนแบบไหนก็มีความเป็นไปได้ว่าเราจะกลายเป็นคนแบบนั้นเยอะมาก เลือกอยู่กับคนที่จะพาเราไปสู่สิ่งที่ดี พาเราเจริญขึ้น อันนี้คำแนะนำแรก คำแนะนำที่สอง ถ้าสงสารคุณพ่อคุณแม่จริงๆ สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือทำให้เงินที่เขาจ่าย กลับมามีค่ากลับมาคุ้มค่า ไม่ยากเลยแค่เดินขึ้นไปเรียน ขึ้นไปแล้วเขาไม่คุยด้วยไม่แปลกครับเพราะว่า ชาเย็นบอกเคยขึ้นไปครั้งเดียวแล้วใครจะคุยกับหนูล่ะลูก เพราะเขาเรียนกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว หนูเพิ่งเคยขึ้นไปครั้งเดียว ถ้าสมมติหนูเป็นคนที่นั่งเรียนอยู่ แล้วก็มีใครไม่รู้ที่โดดเรียนตลอดเลย แล้ววันหนึ่งมาเพิ่งขึ้นมา หนูจะไปสนิทกับเขาหรอ หนูจะอยากคุยกับเขาหรอ ต่อให้เขาไม่ได้มองว่าหนูเป็นคนดีหรือไม่ดีก็เถอะ เขาก็ไม่ได้สนิทพอที่จะเดินเข้ามาคุย ถ้าเขารู้ว่าใครดีใครไม่ดีแล้วไม่อยากจะมาอยู่กับคนไม่ดี ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าชาเย็นจะบอก ชาเย็นไม่ใช่เป็นคนไม่ดี ชาเย็นแค่ขึ้นไปเรียนอยู่กับเพื่อนมันก็จะค่อยๆ รู้จักกันไปเอง ทีนี้ทำไมถึงอยากให้กับไปเรียน การเรียนให้มันจบอย่างน้อยคือการศึกษาขั้นต่ำ วุฒิการศึกษาที่ชาเย็นจะได้มันทำให้ชาเย็นจะเอาไปยื่นทำงานในอนาคตได้มากกว่าเยอะเลย แล้วโรงเรียนที่มีกฎระเบียบครอบไว้ชาเย็นยังไม่อยู่ แล้วถ้าไปเรียน กศน. ที่ไม่มีอะไรมาครอบไว้ ชาเย็นจะบังคับตัวเองได้หรอ แล้วจะจบไหม กศน. แล้วคิดว่าตัวเองจะสอบผ่านไหม จะเรียนตามเขาได้ไหมในเมื่อกฎของโรงเรียนหนูยังทำไม่ได้เลย พี่บอกสั้นๆ ว่า เรียนให้จบม.6 นี่เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่คนเราจะรับผิดชอบตัวเองได้’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากให้เรียน เพราะว่าฟังจนถึงตอนนี้ พี่อาจจะรีบตัดสินเร็วเกินไปแต่พี่คิดว่าชาเย็นไม่น่ารอดในการออกไปทำงานและหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองแล้วจะกลับไปเรียน กศน. ไปต่อมหาวิทยาลัย พี่คิดแบบี้เลยนะ อย่างที่พี่เผือกถาม หนูเรียนตอนนี้ตามหลักสูตรปกติหนูยังทำไม่ได้ ที่มีเงินจากพ่อแม่ที่ส่งให้หนูไปเรียน แล้วการที่ต้องไปเรียนและทำงานไปด้วยพี่ว่ามันยากมากเลยนะ อันนั้นพี่จะเห็นในกรณีของคนที่เขาไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน เขามีเป้าหมายว่า เขาทำงานเพื่อหาเงินเพื่อนส่งตัวเองเรียน กศน. อันนั้นพี่เข้าใจได้ และพี่เชื่อว่าแบบนั้นเขาจะประสบความสำเร็จ เขามีเป้าหมายในชีวิต แต่ตอนนี้ชาเย็นเหมือนเอาอันนี้มาแก้ปัญหาที่มันเป็นการแก้ปัญหาผิดวิธีมากเลย พวกพี่พยายามจะถามว่า การที่กลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจที่ทำงานส่งหนูเรียน หนูก็แค่ไปตั้งใจเรียนให้มันจบ หนูบอกปัญหาเรื่องเพื่อน พี่บอกว่าปัญหาเรื่องเพื่อนแค่นี้หนูยังสู้มันไม่ได้ หนูยังกลัว โลกข้างนอกพี่ว่ามันเลวร้ายกว่านี้อีก หนูจะทำอย่างไรถ้าหนูไปเสิร์ฟแล้วโดนเจ้าของร้านโกง หนูจะทำอย่างไรถ้าโดนลูกค้าด่า เพื่อนร่วมงานไม่คบ หรืออะไรก็ตามมันเกิดขึ้นได้ทั้งหมด โลกข้างนอกพี่ว่ามันโหดกว่าในโรงเรียน เยอะ เพื่อนไม่คุยกับหนูเพราะคิดว่าหนูเกเร ปัญหาแบบนั้นสำหรับพี่ มันสามารถแก้ปัญหาได้ แต่หนูเลือกที่จะเอาตัวเองออกจากโรงเรียน กระโจนเข้าสู่สิ่งที่มันมันเยอะกว่านี้ถ้ามันจะเกิดปัญหาขึ้น แล้วสำหรับพี่ การเรียนมันทำให้พี่มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ มันไม่ใช่แค่วิชาความรู้ที่เราจะได้จากโรงเรียน แต่มันยังหมายถึงการที่เราจะรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน รู้จักการเข้าสังคม รู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งตอนนี้พี่คิดว่ามันเร็วมากเลยที่ชาเย็นจะตัดสินใจหันหลังให้มันเลย เพียงเพราะว่าเพื่อนไม่คุยกับเรา ชาเย็นแก้ปัญหาที่ผิดอยู่ตอนนี้ เพราะคุณพ่อคุณแม่ลำบากในการหาเงินมาให้หนู หนูก็ต้องเห็นคุณค่าของมัน โดยการไปเรียนหนังสือและตั้งใจเรียน ช่วงม.ปลาย มันจะเป็นช่วงที่ทำให้หนูได้รู้ว่าหนูอยากเรียนเพื่อไปเป็นอะไร จะทำให้หนูได้รู้ว่าหนูชอบอะไร โลกภายนอกมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ที่หนูพูดพี่ว่าหนูยังไม่เจออะไรมาเลย สำหรับพี่ยังไงการเรียนก็สำคัญและมันก็ทำให้พี่เป็นผู้เป็นคนก็เพราะการเรียนนี่แหละ ทั้งเพื่อน คุณครู กิจกรรม ถ้าหนูเลือกออกมาแล้ว มันกลับไปหาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว คิดดีๆ นะ พี่อยากให้กลับไปเรียนหนังสือ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

พีคในพีค อีก 3 วันต้องแต่งงานแล้ว แต่เพิ่งจับได้ว่าสามีมีผู้หญิงอีก 2 คน พอยกเลิกงานแต่ง เพิ่งรู้ว่าตัวเองท้อง ตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ แต่สามีไปบอกทุกคนรอบตัวว่า ที่เลิกกันเพราะผู้หญิงดื่มจนแท้งลูก

17 พ.ย. 2023

พีคในพีค อีก 3 วันต้องแต่งงานแล้ว แต่เพิ่งจับได้ว่าสามีมีผู้หญิงอีก 2 คน พอยกเลิกงานแต่ง เพิ่งรู้ว่าตัวเองท้อง ตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ แต่สามีไปบอกทุกคนรอบตัวว่า ที่เลิกกันเพราะผู้หญิงดื่มจนแท้งลูก

“คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่แฟนนอกใจ โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘จริงๆ แล้วเรากำลังจะแต่งงานกัน แต่จับได้ว่าเขามีคนอื่นอีก 2 คน ถึงขนาดพาไปเจอที่บ้าน ไปนอนที่บ้าน ไปกินข้าวกับน้องสาวเขากันแล้ว แต่ผู้หญิงทั้ง 2 คนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้มีเราอยู่ จะรู้แค่ว่าผู้ชายเขามีอีกไอจี มีอีกเฟส มีอีกเบอร์โทร มีอีกไลน์นึง เราคบกับเขามา 3 – 4 ปีแล้ว กำหนดวันแต่งงานเราคือ วันเสาร์ 18 ที่จะถึงนี้ เรารู้เรื่องที่เกิดนี้มาประมาณ 4 เดือนมาแล้ว และเรื่องราวนี้ กับคนแรกเขาคบกันมา 3 เดือนแล้ว ส่วนอีกคนคบกันมาประมาณ 1 เดือน ก่อนหน้านั้นเราก็ไม่เคยเอะใจเลย เราเหมือนแค่แบบรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนที่รับสายตอนกลางคืนยากขึ้น เราจะเจอกันแค่วันศุกร์เสาร์ วันธรรมดาเราจะแค่โทรหากัน แต่จะรู้สึกว่าทำไมช่วงเย็นๆ รับสายยากจัง กว่าจะโทรกลับก็นานจัง นอนไวจัง หรือบางทีกว่าจะมาหาก็ทำไมขับรถนานจัง หรือบางทีไปกินเหล้ากับเพื่อนทำไมถึงกว่าจะกลับมันนานจัง แค่ประมาณนั้น บางทีเขาจะบอกแค่ว่าแบตโทรศัพท์หมดแล้วก็หายไปเลยก็มี ตอนนั้นก็เป็นช่วงที่ Pre Wedding เรียบร้อยแล้ว เตรียมการ์ดแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้เราก็ไม่รู้ว่าเขามีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อนไหมหรือว่ามีแต่เราจับไม่ได้ งานแต่งนี้เราก็ตกลงกันทั้ง 2 ฝั่ง เริ่มดำเนินการกันตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ที่เริ่มจับได้คือมีคนมาบอกว่า “คิดดีๆ นะน้ำ มันมีคนอื่น” หลังมีคนมาบอกแบบนั้น เราเลยเริ่มเช็คจากใช้แอพเช็ค Location ติดตามไปโดยบอกเขาว่า “ช่วงนี้เราทำงานเราอาจจะต้องไปไหนมาไหนโดยที่เราอาจจะลืมบอก เดี๋ยวดู Location เราจากตรงนี้แล้วกันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เราก็ดูของเธอ เธอก็ดูของเรา น่ารักดีออก” เขาก็ยอม แต่ว่าเขามีโทรศัพท์ 2 เครื่อง ตั้งไว้ในอีกเครื่อง แต่ใช้อีกเครื่อง เครื่องที่ตั้งไว้ก็วางไว้ที่ห้อง อีกเครื่องนึงก็ใช้ไปหาอีก 2 คนนั้น ก็รู้สึกว่าแอพพึ่งไม่ได้แล้ว ก็ให้เพื่อนขับรถตามไป แต่ตอนนั้นตัวเราอยู่ต่างประเทศ เราก็คิดว่าก่อนหน้านั้นเขาก็ขับรถมาส่งเราที่สนามบิน พอเสร็จแล้วก็ขับไปหาผู้หญิงคนนั้นเลย เราก็รู้สึกแล้วว่าที่มันไม่รับสาย ที่ Location มันหายๆ เราก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว ก็เลยให้เพื่อนไปตาม แต่วันแรกเพื่อนก็ยังตามไม่เจอ ผู้ชายก็รับผู้หญิงมานอนที่บ้าน แล้วก็จะโทรหาเราเป็นช่วงๆ เหมือนกับช่วงที่ผู้หญิงเข้าห้องน้ำเขาถึงจะโทรมา จังหวะที่เราจับได้เลยคือ เขาจองทริปไปเที่ยวต่างจังหวัดกับผู้หญิงคนนั้นแล้วตอนนั้นก็ให้เพื่อนตามไปอีก ก็เจอเขานั่งอยู่ด้วยกันบนรถ แล้วเพื่อนเราก็เข้าไปถามว่า “ไปไหนกันหรอคะ” แล้วเราก็วิดีโอคอลไป ผู้ชายก็ตอบกลับมาว่า “กำลังจะพาเพื่อนไปส่งที่บ้าน ฝนมันตก” เราก็ถาม “แล้วเพื่อนมาไงอะ” เขาตอบกลับมาว่า “เพื่อนก็นั่งวินมา” เราเลยบอกว่า “งั้นเปิดประตูรถให้ดูหน่อยสิ” คือเขาจองทริปไปทะเล ถ้ากลับบ้านมันจะมีแค่กระเป๋าใบเดียวที่ลีบๆ แบนๆ แต่ถ้าไปทะเลต่อให้คืนเดียวกระเป๋าก็ต้องอลังการแน่นอน หนูก็ “เปิดประตูสิขอดูหน่อย” เขาก็บอกว่า “ไม่ได้เดี๋ยวทะเลาะกับเพื่อน” เราก็คิดว่าใครมันจะไปทะเลาะกับเพื่อนเพราะว่าเปิดประตูให้แฟนดู มันไม่มี ผู้ชายเขาก็เลยขึ้นรถแล้วก็ขับรถหนีไปเลย แต่ว่าเรามีเบอร์โทรของผู้หญิงเราก็เลยโทรคุยกัน ก็เลยโป๊ะ พอคนแรกจับได้ เขาก็ทักไลน์มาบอก “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ เรายังมีโอกาสอยู่ไหม” แต่อีกวันนึงเขาก็ไปอยู่กับอีกคนนึง เราก็ไม่ได้ให้โอกาสเขา แต่ก็ยังไม่ได้บอกเลิก เพราะว่ามีหมาด้วยกันอยากจะไปเอาหมาก่อน และตอนนี้ก็เลิกกันแล้ว แต่ว่ามันมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับหนูอีก หลังจากที่หนูเข้าไปเก็บของออกมาเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นอีก 3 วัน รู้สึกว่าตัวเองแปลกๆ ก็เลยพึ่งทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ตอนนั้นก็เริ่มให้โอกาสเขาแล้ว แต่มันก็ยังติดอยู่ในใจ เราไม่ได้อยากได้ผู้ชายคนนี้ ตอนแรกก็อาจจะยังไม่ยกเลิกงานแต่งหรือยังไงดี แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็แบบเขาลืมวันฝากครรภ์ อยากให้เราออกค่าคลอดเอง เขาก็แสดงความเป็นพ่อแต่แบบว่าเราช่วยดูแลแต่เงินตรงนี้เธอออกไปก่อนได้ไหม เราก็เลยตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์โดยที่ไม่บอกเขา บอกเขาไปแค่ว่า “เราแท้ง” แต่หลังจากนั้นแม่เขาโทรมาบอกว่า “อ้าวฉันนึกว่าที่เลิกกันนี่เป็นเพราะแก ฉันได้ยินมาแค่ว่าแกกินเบียร์จนเด็กออก” เราก็อธิบายไปว่าทำไมถึงยกเลิกงานแต่งจริงๆ เขาก็ช็อกไปแล้วก็ขอโทษแทนลูก น้ำควรจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง เหมือนน้ำโดนกระทำขนาดนี้ แล้วการที่น้ำตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์มันก็ยากมากแล้วนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจอมันก็เหนื่อยมากๆ แล้ว จะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง เขาไม่ได้บอกแค่แม่เขา เขาบอกทุกคนรอบข้างเขา ว่าเรากินเบียร์จนแท้ง ข้อมูลที่เขากระจายออกไปมันเป็นแบบนี้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นใครที่เราลองทักไปถามเขาก็จะตอบกลับมาว่า “อ้าว ผมก็เข้าใจแบบนั้น” เราควรจะจัดการความรู้สึกตัวเองหรือว่าเราควรไปแก้ตัวกับคนเหล่านั้นดีไหม หรือว่าเราควรจะทำยังไงดี แต่เราไม่ชอบเลยในการที่เราเหมือนเป็นคนที่แบบ…ระยำ ทำไมเราเป็นคนผิด เหมือนการที่เลิกกันเป็นเพราะว่าเรากินเบียร์จนเราเลิกกัน ไม่โทษตัวเองเลย ทำไมเราถึงได้รับสายตาแบบนั้น จริงๆ เราเป็นคนถูกกระทำนะ แล้วเขาก็มีทักมาบอกว่า “ถ้าคนมันรักกันจริงอะนะ แค่นอกใจอะ ให้อภัยมันก็ได้แล้วเปล่าวะ ถ้ารักกันจริง”’ ซึ่งงานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อันนี้เข้าใจ เมื่อก่อนก็เป็น ถ้าใครมาว่าร้ายให้ร้าย หรือว่ามีข้อมูลบางอย่างที่มันออกไปแล้วมันไม่ตรงกับที่เราเป็นจริงๆ เราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราจะดับเบิ้ลความหงุดหงิด ความไม่อยากให้ข้อมูลมันผิด เพราะเรารู้อยู่แกใจว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นมันกระจายออกไป แม่งโคตรหงุดหงิดเลย กูไม่ได้ทำอะ ถ้าทำแล้วมันกระจายออกไปเราก็จะเข้าใจเพราะเราทำ แต่ว่าอันนี้ยิ่งมันเป็นความเป็นความตายของชีวิตนึงด้วย แล้วเราหนักขนาดไหน คนเป็นคนที่ตั้งครรภ์แล้วต้องยุติการตั้งครรภ์อะ เข้าใจคำน้ำที่ว่ามันหนักมากแล้วนะ แล้วการที่เราตัดสินใจแบบนี้ ถ้ามันไม่เหลือ… จริงๆ ก็คงไม่ทำ อันนี้เข้าใจเลย พอข้อมูลมันถูกถ่ายทอดออกไปในวงที่มันก็ไม่ใช่วงของเราที่เราจะชี้แจงอะไรได้ กำลังชั่งใจว่าถ้าเป็นตัวเอง ผมก็เป็นคนไม่ชอบเหมือนกัน ก็อาจจะชี้แจงเหมือนกัน แต่…ก็คงจะเป็นบางคนที่เรารู้สึกว่าเราอยากให้เขาได้รับรู้ความจริง อาจจะเป็นคนที่เราแคร์อะไรแบบนี้ น้ำลองประเมินแล้วกัน ในวงเหล่านั้นมันก็อาจจะมีใครบางคนที่น้ำรู้สึกแคร์มากๆ ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด แล้วมันก็จะมีใครบางคนที่ช่างแม่งเหอะ จะคิดอะไรก็เรื่องของมัน ต่อให้เราอธิบายก็ไม่รู้ว่ามันจะเชื่อเราหรือเปล่า แล้วต่อให้มันเชื่อหรือไม่เชื่อจะมีประโยชน์อะไรต่อชีวิตเราเปล่า พวกนั้นตัดไปเลย เราคัดไว้เฉพาะคนที่เรารู้สึกว่าถ้าเขาเข้าใจผิดมันจะทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนแล้วน้ำไม่โอเค คนบางคนความสัมพันธ์เปลี่ยนน้ำอาจจะรู้สึกว่าช่างมันเปลี่ยนก็เปลี่ยนไป ก็ถือว่าตัดทั้งคนที่ไม่ดีก็คืออดีตแฟน กับมิตรที่อยู่ในวงเดียวกันมันก็เหมือนคนที่คล้ายๆ กัน ถ้าคิดแบบนี้น้ำก็อาจจะไม่ต้องแคร์เขามาก ก็แจ้งเฉพาะคนที่เราแคร์ก็พอ เราจะได้สบายใจในส่วนหนึ่งของเรา’ ต่อมาเป็น “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็เข้าใจในความรู้สึกน้ำที่ได้เผชิญอยู่ตอนนี้ มันโกรธ มันโมโห มันผิดหวัง พี่ว่ามันมีหลายความรู้สึกมาก ก็เป็นกำลังใจให้น้ำก่อนที่จะให้คำปรึกษา ว่าสิ่งที่เจอมันต้องใช้เวลาในการเยียวยาตัวเองกว่าที่จะกลับมาได้ เพราะว่าเรื่องมันก็เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งเรื่องนอกใจ ทั้งเรื่องที่จะต้องตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ไป สำหรับพี่ พี่เห็นด้วยกับพี่เผือกเรื่องที่ว่า น้ำอาจจะไม่สามารถไปควบคุมข่าวลือที่มันแพร่สะพัดออกไปได้ตอนนี้ เพราะว่าตอนนี้มันได้ถูกจุดไฟไปแล้ว แต่ว่าเราอาจจะต้องเลือกว่าเราแคร์ใครบ้าง อย่างที่พี่เผือกบอกเราไม่สามารถไปแคร์ได้ทุกคน น้ำคิดง่ายๆ เหมือนดาราที่เขามีข่าวลือแล้วมันไปทั้งประเทศแล้วการที่เขาจะมานั่งไล่ตามแก้ทีละคน ตายพอดีมันมีชีวิตปกติไม่ได้หรอก แต่ว่าพี่แค่รู้สึกเหมือนพี่เผือกว่าเราต้องเราจะต้องดูว่าคนไหนที่เรารู้สึกว่าเราแคร์จริงๆ เขาควรจะได้รับรู้ความจริงนั้น เพราะเราไม่อยากให้เขามองเราในมุมที่มันไม่ใช่เรา ในขณะที่น้ำบอก คนอื่นที่มันอยู่นอกวงที่มันเป็นเพื่อนฝั่งเขา พี่คิดว่ามันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามไปเข้าหาเขาเพื่ออธิบาย พี่ว่าก็เท่านั้น เขาไม่ได้รักเราไม่ได้แคร์เราอยู่แล้ว เอาคนที่เรารู้สึกว่าเราอยากให้คนนี้เข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น มันน่าจะง่ายกว่า พี่คิดวิธีช่วยนะ พี่ว่าการที่จะไปบอกทีละคนมันเหนื่อยนะ หนูมีช่องทางที่เรามีแต่เพื่อนที่เราแคร์ ก็พิมพ์เล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นในมุมของหนูก็ได้ ด้วยสังคมโซเชียลทุกวันนี้เดี๋นวเรื่องมันจะถูกแชร์ไปเอง คนมันจะปะติดปะต่อได้เอง พี่ว่าสุดท้ายแล้วกระบวนการกลไกมันจะทำงานของมันเอง แต่ว่าตอนนี้หนูได้ทำเพื่อให้หนูสบายใจแล้วว่าหนูได้บอกเล่าเรื่องจริงที่มันเกิดขึ้นแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งนี้จะมอบให้กับน้ำ ก็คือ สมมติว่ามีน้ำอยู่ในแก้วแล้วเราถือน้ำอยู่ เราอยากรู้ว่าน้ำนี้มันหนักไหม หยิบน้ำขึ้นมาแล้ววางแก้ว เราก็ไม่ได้รู้สึกหนักอะไรมากมาย ถ้าเราถือน้ำแก้วเดิมแล้วถือไว้อยู่อย่างนั้น ยิ่งนานเท่าไหร่เรายิ่งเมื่อย เรายิ่งงรู้สึกว่ามันหนักทั้งๆ ที่ปริมาณน้ำมันก็เท่าเดิม ฉะนั้น วิธีการจัดการของน้ำก็คือ ปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ไม่ให้ทำร้ายเรา นี่เป็นวิธีคิดสำหรับน้ำ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

กำลังจัดงานแต่งงาน ให้ตรงกับวันเกิดแฟน คบกันมา 10 ปีพอดี ที่ผ่านมาเป็นคู่รักชิลๆ ไม่ค่อยเซอร์ไพร์สกัน แต่ครั้งนี้อยากสร้างความประทับใจให้เขา สิ่งเดียวที่เขาจะเลือกมากกว่าหนูคือ ลิเวอร์พูล ค่ะ ขอไอเดียหน่อยนะคะ

31 ม.ค. 2025

กำลังจัดงานแต่งงาน ให้ตรงกับวันเกิดแฟน คบกันมา 10 ปีพอดี ที่ผ่านมาเป็นคู่รักชิลๆ ไม่ค่อยเซอร์ไพร์สกัน แต่ครั้งนี้อยากสร้างความประทับใจให้เขา สิ่งเดียวที่เขาจะเลือกมากกว่าหนูคือ ลิเวอร์พูล ค่ะ ขอไอเดียหน่อยนะคะ

“คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่ 5 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาขอไอเดียจาก ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟน ซึ่งตรงกับวันแต่งงานของเราพอดี โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มีแพลนจะแต่งงานในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งก็คือเดือนมีนาคม หนูตั้งใจเลือกวันที่แต่งให้ตรงกับวันเกิดของแฟน หนูคบกับแฟนมาถ้าถึงวันที่แต่งงานจะครบ 10 ปีพอดี ต้องบอกก่อนว่าชีวิตคู่ของหนู ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คือ แฟนเป็นคนที่ดีมาก เขาเป็นคนนิ่ง ๆ พูดน้อย ไม่ค่อยแสดงความรักออก สื่อให้คนอื่นเห็นมากมาย แต่ว่าคู่ชีวิตของเรามีความสุข เพราะว่าเขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ ไม่ทำให้เราไม่สบายใจ แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบาย เราก็ร่วมทุกข์ ร่วมสุขมาด้วยกัน คือในวันแต่งงานมันก็เป็นวันเกิดของเขาด้วย หนูคิดไม่ออกว่าจะสร้างโมเม้นท์ประทับใจยังไงให้เขาดี อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นของหรืออะไรที่มีมูลค่า แค่อยากให้เป็นสิ่งที่เขานึกถึงแล้วก็ประทับใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาชอบทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลมาก ซึ่งการดูบอลเป็นอย่างเดียวที่เขาเลือกก่อนเรา แต่พรีเวดดิ้งของเราก็เป็นธีมลิเวอร์พูลไปแล้ว ทีนี้หนูก็เลยอยากจะขอไอเดียจากพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า จะเซอร์ไพรส์วันเกิดของเขายังไงดีในวันแต่งงาน’ ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ซื้อตั๋วไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์เลย อาจจะไม่ต้องหรูหราอะไร ถ้าไม่ซื้อทัวร์ เราสามารถทำงบเอง 5 - 6 หมื่นก็ไปดูได้ หรือเดี๋ยวนี้มันมีอินฟลูเอนเซอร์ด้านฟุตบอลเขาก็ทำทัวร์เยอะมาก ถ้าหนูมีงบหรือมั่นใจว่าจะไปแน่ ๆ เราสามารถทำเป็นตั๋วน่ารัก ๆ ให้ แล้วบอกเดี๋ยวเค้าพาไปดู อันนี้ผู้ชายน่าจะชอบ แต่ทางผู้ชายก็อาจจะคิดว่า 50/50 ว่าจะได้ไปไหม แต่ถ้าหนูให้เป็นตั๋วแพคเกจที่มันได้มาแล้วเลย เขาก็ยิ่งฟินมาก แต่ถ้าไม่ทันก็สัญญากันไว้ก่อนก็ได้ ว่าเดี๋ยวจะพาไปดู แล้วก็บอกไปว่า ‘เราก็ไม่รู้นะว่าเธอชอบไหม แต่เราอยากให้เธอไปดูลิเวอร์พูลด้วยตาของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1