ทุกคนเคยเจอไหม? มีไลน์กลุ่มที่อยู่หลายสิบคน มีไว้คุยเรื่องเรียน คุยเรื่องงาน แต่จะมีอยู่ 2-3 คน ที่คุยแต่เรื่องตัวเอง เรื่องส่วนตัวในกลุ่ม ถ้าไม่มีใครตอบ ก็กด @ALL แท็กทุกคนในกลุ่ม รู้สึกรำคาญมาก ถ้าปิดแจ้งเตือนก็กลัวพลาดข่าวสารอัปเดตในกลุ่ม ทำยังไงดี?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ทุกคนเคยเจอไหม? มีไลน์กลุ่มที่อยู่หลายสิบคน มีไว้คุยเรื่องเรียน คุยเรื่องงาน แต่จะมีอยู่ 2-3 คน ที่คุยแต่เรื่องตัวเอง เรื่องส่วนตัวในกลุ่ม ถ้าไม่มีใครตอบ ก็กด @ALL แท็กทุกคนในกลุ่ม รู้สึกรำคาญมาก ถ้าปิดแจ้งเตือนก็กลัวพลาดข่าวสารอัปเดตในกลุ่ม ทำยังไงดี?

10 ต.ค. 2023

               “คุณนัท (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (4 ต.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม กับปัญหาคนในกรุ๊ปเรียนกรุ๊ปทำงานชอบเข้ามาคุยเรื่องส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวกับกรุ๊ป

             โดย “คุณนัท (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้ตัวคุณนัทเองจะทั้งเรียนและทำงานด้วย  โดยเรื่องนี้จะเกิดทั้งใน Line กลุ่มทำงานและเรียน แต่ส่วนมากจะเจอใน Line ของกลุ่มเรียน… โดยจะมีคนคนนึงในกลุ่ม ชอบโผล่เข้ามาว่า ‘เหงา หิวข้าว กลางวันกินอะไรดี วันนี้กินเหล้า กินเหล้าร้านนี้ กินเหล้ากับเราไหม’  อะไรแบบนี้ ถ้าไม่มีใครตอบเขาก็จะแท็ก All หาทุกคน

               แล้วมันก็จะเด้งเตือนทุกคน ก็จะกดเข้าไปดูว่ามีอะไรหรือเปล่า พอเข้าไปดูก็ไม่มีอะไร ก็จะเป็นพฤติกรรมอย่างนี้เรื่อยๆ มี ถ่ายรูปบ้านมาว่า เสร็จแล้วเหลืออีก 2% ถ่ายรูปอันนั้นมา อันนี้มา แล้วเขาก็มีคู่ขาเขา รับส่งกันว่า ”พี่กินเหล้าไหน พี่ทำอะไร“ เขาก็จะเฮฮากันอยู่ 2 - 3 คน ในกลุ่ม เขาไม่ตั้งกลุ่มไลน์แยก แต่เขามาใช้ไลน์กลุ่มที่สำหรับคุยเรื่องเรียน บางครั้งถ้าเราไม่เปิดดูเลย บางคนก็จะแบบ ปิดแจ้งเตือนไปเลยไม่ต้องรับรู้ ปิด แต่พอเปิดมาอีกทีร้อยกว่าข้อความ แล้วบางครั้งก็มีแท็กด้วยเราก็ต้องเปิดเข้าไปดู ว่ามีอะไรเกี่ยวกับเรื่องเรียนมั้ย แต่ก็ไม่เจออะไร

            ในไลน์กลุ่มทำงานก็จะมีคนที่ “พี่อยู่คอนเสิร์ตนี้ ใครมาที่นี่มาแจมกับพี่หน่อย พี่กินเหล้าอยู่ตรงนี้ ใครมาแจมกับพี่หน่อย เงาะอร่อยไปกินกับพี่ไหม” มันจะเป็นบุคคลซ้ำๆในแต่ละกลุ่ม กลุ่มเรียนก็จะเป็นคนเดิมซ้ำๆ มันก็เลยรู้สึกรำคาญ พอเราเริ่มรู้สึกรำคาญ เราไปเจอหน้าเขาก็จะรู้สึกแบบเบื่อหน้าเขา… ปัญหาที่จะถามวันนี้คือ หนูเป็นคนที่ขี้หงุดหงิด จุกจิกเรื่องพวกนี้เกินไปหรือเปล่า แล้วมีวิธีจัดการ Mindset หรือจัดการตัวเองยังไง ถ้าจะให้หนูเดินไปบอกเขา เห้ยพี่…พี่เลิกพิมพ์อย่างนี้ในไลน์กลุ่ม มันก็ทำไม่ได้อยู่ดี ถ้ามีวิธีแก้หรือแนะนำเพิ่มเติมได้

             งานนี้ คำแนะนำจาก “ดีเจต้นหอม” คือ  ‘สำหรับหอมไม่มี ถ้าเราจะบอกว่า พี่ หยุดพูดในกลุ่มแชท มันเป็นการสร้างบรรยากาศในกรุ๊ปให้มีปัญหา หอมก็จะเลือกปล่อยผ่าน แล้วก็อาจจะ สมมุติเจอร้อยกว่าข้อความแล้วแท็ก All มา ก็จะแบบ  “อุ้ย…เปิดมาเจอร้อยหว่าข้อความ ตกใจเลย เอางี้ ถ้าเกิดมีอะไรเรื่องเรียนหรือสำคัญ ยังไงแท็กนัดมาต่างหากให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่าา555555”  แต่มันจะมีปัญหา… ก็อดทน สำหรับหอม ไม่อยากทำให้บัวช้ำน้ำขุ่น’

                 ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘พี่เข้าใจน้องนัท พี่ไม่รู้สึกน้องนัทมากไป เพราะพี่ก็เป็น เราก็อยากอ่านแต่เรื่องที่มันเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ซึ่งพี่ว่ามันไม่ได้แปลก พี่ว่าคนอื่นในนั้นก็อาจจะรู้สึกเหมือนน้องนัทแหละ เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่เสียเวลากับเรื่องพวกนี้ ก็เหมือนกับบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นพี่ว่า เพราะเขาก็ไม่รู้ถ้าพูดไปมันจะยังไง แล้วก็ มันอาจจะดูว่าใครพูดก่อนใครเปิดก่อน คนนั้นมันก็อาจจะดูแบบไม่ค่อยดีในสายตาคนอื่นก็ได้ แต่ว่าถ้าจะให้แนะน ก็คือ… น้องนัทต้องทำใจจริงๆ แล้ว อันไหนข้ามได้ก็ข้าม

              แต่พี่ก็มีวิธีขำๆนะที่พี่เคยคิดว่าพี่จะทำ… ก็คือพี่จะเปลี่ยนชื่อไลน์ตัวเองแล้วพี่ก็จะไปเตะนางออก แล้วพี่ก็จะเปลี่ยนกลับ อันนี้คือกรณีที่แบบไม่ไหวแล้วโว้ยย แล้วมันจะจับไม่ได้ว่าใครเตะนางออกเผื่อนางจะรู้ว่า… ต้องมีอะไรแล้วแน่ๆเลย เผื่อนางจะได้พิจารณาตัวเอง แต่ถ้าจะให้ร้ายกว่านั้น ให้เปลี่ยนชื่อเป็นเพื่อนมันอ่ะ ให้มันด่ากันเองว่าเตะออกทำไม’

             ปิดท้ายกันด้วย “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำว่า ‘การที่เราจะรู้สึกรำคาญไม่ผิด แต่ว่าถ้ามันรำคาญถึงขนาดที่ว่าโพสต์เลยเนี่ย… ผมว่ามันจะทำให้ชีวิตคุณนัทอ่ะ มันทุกข์ไปนิดนึง ก็คือตอนนี้ผมเนี่ย จะรู้สึกใช้หลักการดำเนินชีวิตที่อย่าไปสร้างความเครียดอะไรให้กับชีวิตมันมากมาย เก็บความเครียดนั้นไว้ปล่อยสำหรับเรื่องราวที่มันควรจะเครียด เวลาที่เราเครียดหรือเกิดรู้สึกทางลบ ทั้งสารเคมีในสมองเอย ทั้งระบบการเต้นของหัวใจ คือมันหงุดหงิดอ่ะ เมื่อไหร่ที่เราหงุดหงิดหรือรำคาญ มันก็จะทำให้วันนั้นมันเป็น Bad day  แล้วโลกทุกวันนี้มันก็เลวร้ายมากพออยู่แล้ว มันมีเรื่องราวร้ายๆ อะไรมาทำให้เรารู้สึก Bad day อยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว

             เพราะฉะนั้น อะไรที่มันไม่มีคุณค่าพอที่จะทำให้ผมหงุดหงิดได้ ผมก็จะไม่สนใจมัน ผมจะพยายามเก็บความหงุดหงิดไว้ใช้กับเรื่องที่มันเหมาะสม แล้วก็ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกว่าเรื่องราวที่คุณนัทเจอมันเบา ก็ปิด Notification ก็ได้ แล้วค่อยๆมาไล่ๆดูก็ได้

               ซึ่งสำหรับคุณนัทอาจจะมองปัญหานี้รุนแรงกว่าคนอื่น ก็อยากให้ค่อยๆปรับลง ถ้าคุณนัทยังมีเรื่องอื่นๆในชีวิต ที่ยังซีเรียสกว่านี้หรือน่าจะเครียดกว่านี้ แล้วคุ้มค่ากับการที่เราจะเสียเซลล์สมองกับการรับมือมากกว่านี้ ก็เปลี่ยนไปโฟกัสกับเรื่องนั้น แล้วผมเชื่อว่าทุกคนก็จะมีกรุ๊ปไลน์ที่ปิด Notification ไว้อยู่แล้ว เราไม่เปิดของทุกกรุ๊ปอยู่แล้ว ผมก็ปิดนะ แล้วเมื่อไหร่ที่เราเปิดกรุ๊ปไลน์เราก็มาไล่ดูว่าเราพลาดอะไรไปหรือเปล่า มันก็จะทำให้เราหลีกเลี่ยงความวุ่นวายไปได้เยอะเลยครับ ก็ลองปิด Notification ลองเอาใจออกมาจากกรุ๊ปไลน์ดู’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

นักศึกษาท้อใจ โทรเล่าความรู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ใช้อำนาจข่ม ขายหนังสือเรียนหลายร้อย แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องเงิน ต้องส่งตัวเองเรียน ไปขออาจารย์ถ่ายแบบฝึกหัดแล้วส่งออนไลน์พร้อมเพื่อนคนอื่นได้ไหม? อาจารย์บอก ไม่ได้ มันจะละเมิดลิขสิทธิ์ สุดท้ายต้องจำใจจ่ายเงิน

20 พ.ย. 2023

นักศึกษาท้อใจ โทรเล่าความรู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ใช้อำนาจข่ม ขายหนังสือเรียนหลายร้อย แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องเงิน ต้องส่งตัวเองเรียน ไปขออาจารย์ถ่ายแบบฝึกหัดแล้วส่งออนไลน์พร้อมเพื่อนคนอื่นได้ไหม? อาจารย์บอก ไม่ได้ มันจะละเมิดลิขสิทธิ์ สุดท้ายต้องจำใจจ่ายเงิน

“คุณแซ่บ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่รู้สึกเหมือนโดนอำนาจข่มทางการเรียน โดย “คุณแซ่บ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ล่าสุด เปิดเทอม 2 ซึ่งในแต่ละรายวิชาก็เหมือนจะให้เราได้เลือกซื้อหนังสือ ใครจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ แล้วมันก็มีอยู่วิชานึงที่เรารู้สึกว่าเราไม่ซื้อก็ได้ เราหารกับเพื่อนเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เคยเรียนมา เรารู้สึกว่าหนังสือเล่มนึงไม่ได้ใช้ขนาดนั้นเพราะเหมือนที่อาจารย์สอนก็มีสไลด์ให้ แล้วมันมีอยู่วิชานึงอาจารย์ก็ให้ลงชื่อคนที่ซื้อหนังสือ เพราะว่าเขาจะนับจำนวน หนูไม่ได้ลงชื่อเพราะหนูหารกับเพื่อนเลยเขียนเป็นชื่อเพื่อนลงไป ทีนี้พอส่งกระดาษรายชื่อไป อาจารย์เขาเหมือนเห็นว่าที่ช่องชื่อหนูไม่มีการลงชื่อ อาจารย์เลยเรียกให้หนูไปคุยหน้าห้อง แต่ที่หน้าห้องก็มีเพื่อน ๆ นั่งอยู่ แล้วอาจารย์เขาก็บอกว่า ‘หนูแน่ใจหรอว่าหนูจะไม่ซื้อหนังสือ ตัวนี้จะเปิดเรียนเป็นเทอมสุดท้ายแล้วนะ’ ก็คือปีหน้าเขาจะปรับหลักสูตรอะไรแบบนี้ จะไม่ซื้อจริง ๆ หรอ หนูก็เลยตอบไปว่า ‘จริงค่ะ อยากลดค่าใช้จ่าย’ อาจารย์ก็เลยถามว่า ‘แล้วถ้าอาจารย์ให้ทำแบบฝึกหัดจะทำยังไง’ หนูเลยตอบว่า ‘ก็คงให้เพื่อนถ่ายหน้าแบบฝึกหัดมาให้ แล้วหนูจะเขียนคำตอบในโทรศัพท์แล้วค่อยส่งผ่านระบบแทนอะไรแบบนี้’ แล้วอาจารย์เขาก็บอกมาว่า ‘ถ้าอย่างนั้นมันจะติดเรื่องลิขสิทธิ์นะ หนูต้องเขียนหนังสือขออนุญาตอาจารย์’ เขาบอกว่าถ่ายรูปแล้วเขียนคำตอบลงกระดาษแล้วก็ส่งอาจารย์เขาอีกที เขาก็จะให้เขียนหนังสือแล้วก็จะเซ็นต์เก็บเป็นหลักฐานเอาไว้ แล้วทีนี้หนูก็เหมือนถามอาจารย์ว่ายังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ไม่เอา ทำไมอาจารย์ไม่เรียกมาทีเดียวอาจารย์ เขาก็ตอบว่ามันเหมือนเช็คชื่อยังไม่ถึง หนูก็เลยบอกว่าโอเคค่ะ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าหนูจะเอาหนังสือของญาติมาส่งอาจารย์ แล้วทีนี้หนูก็ไปนั่งที่พอซักพักอาจารย์เขาก็ปล่อยกลับให้กลับได้เลย หนูก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่เห็นเรียกคนอื่นเลย แล้วหนูก็เอาเรื่องนี้มาปรึกษาที่บ้าน เพราะว่าในความรู้สึกหนู อาจารย์เขาเหมือนถามย้ำซ้ำ ๆ ว่า ‘จะไม่ซื้อจริงหรอ ถ้าแบบเกรดไม่ดีจะทำยังไง’ ในความรู้สึกหนูเหมือนกับว่าถ้าไม่ซื้อหนังสือ เกรดหนูจะไม่ดี ที่บ้านก็เลยบอกว่าให้ซื้อไปเถอะลูก ให้มันจบ ๆ ไป เพราะว่าในตอนมัธยม หนูมีปัญหาอะไรแบบนี้แล้ว คือให้ลงชื่อเรียนพิเศษ แต่ว่าหนูไม่ได้ลงเรียน ทีนี้อาจารย์ที่เขาสอนพิเศษเหมือนเขาขายคอร์สพร้อมข้อสอบย่อย ที่จะเอาไปออกข้อสอบนักเรียนทั่วไป เหมือนนักเรียนที่เขาเรียน จะรู้แนวข้อสอบอยู่แล้ว แล้วห้องที่ไม่ได้เรียนก็ต้องมานั่งลุ้นเอาว่าจะออกอะไร ในความรู้สึกส่วนตัวหนูรู้สึกเหมือนมีอคติกับบุคลากรที่ทำแบบนี้ มันไม่ดี หนูอยากพูด มันรู้สึกอึดอัดมากเลย เหมือนหนูรู้ว่ามันผิด แต่ก็ต้องยอม หนูก็เลยอยากถามพวกพี่ ๆ ว่า ‘ถ้าสมมติเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ สายการทำงานแบบนี้ เจอแบบนี้ในสังคม เราควรจะปรับตัวยังไง จะตั้งรับยังไงดีคะ ?’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็วันนึงที่เราออกมาเราอย่าเป็นคนแบบนั้น เราคือเด็กรุ่นใหม่แล้ว เราก็คือมองแล้วจำไว้เลยว่านี่คือคนในยุคนี้ คนที่มันทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ พอรวมกันแล้วมันกลายเป็นฟันเฟืองที่ยิ่งใหญ่ แล้วถ้าเกิดคนพวกนี้ที่ทุจริตไปอยู่ในจุดที่มีอำนาจสูงสุด มันก็จะทำความฉิบหายได้เยอะมาก เราเติบโตมาแล้ว อย่าเป็นอย่างงั้น หนูจะใช้ชีวิตยังไง ก็คงใช้ชีวิตตามน้ำ ซื้อก็ซื้อเพื่อตัดปัญหา เหมือนไม้ซี่ที่งัดไม้ซุงไม่ไหว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มองไปรอบ ๆ ตัว ก็เห็นการโกงกันซึ่ง ๆ หน้าเยอะเลย พี่ไม่สามารถจะบอกให้แซ่บไปต่อสู้ความถูกต้องอะไร เพราะว่ารู้สึกแย่เหมือนกันที่เราจะบอกเด็กคนนึงไม่ได้ว่าแบบ งั้นหนูก็สู้เพื่อความถูกต้องสิ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าสู้ ร้องเรียนอะไรก็ไม่ได้ดีขึ้นมา แซ่บลองมองออกไปนอกมหาลัยมันมีอะไรที่ไม่โปร่งใสเต็มไปหมด คำถามคือแล้วเราคิดยังไง คือคนเจนพี่ฝากความหวังไว้ให้คน GEN Z นะ ว่าเด็กที่กำลังตาม ๆ มา มันเติบโตมาพร้อมกับตรรกะชีวิตอีกแบบนึง พี่มองขึ้นไป GEN ก่อนหน้าพี่มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว รุ่นพี่ก็ยังไม่ได้เป็นรุ่นที่คิดได้เหมือนรุ่นใหม่ ๆ รุ่นพี่ก็ยังอยู่ในรุ่นปรับตัว คนที่ปรับได้เหมือนเราก็มี คนที่มันยังอยู่กับชุดความคิดเดิม ๆ ก็มี ซึ่งมันไม่โปร่งใสเต็มไปหมด พวกพี่ก็ไม่ได้พอใจ พี่ถึงให้คำแนะนำกับแซ่บไม่ได้ว่าให้สู้เพื่อความถูกต้องสิ เพราะสู้ไปก็เท่านั้น’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พอฟังเสียงแซ่บเหมือนแซ่บจะผิดหวัง เดี๋ยวจะเฟล พี่แค่รู้สึกว่ามันมีครูที่เป็นแบบคนนี้หนึ่งคน แต่พี่ก็เชื่อว่าอาจารย์ท่านอื่น ๆ ก็ไม่เป็นแบบนี้กับแซ่บ มันก็ต้องมีอาจารย์ดี ๆ ด้วย แต่ถูกต้องแล้วที่หนูรู้สึกผิด พี่เห็นด้วย แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แล้วเราจะทำยังไงกับตัวเองต่อ ไม่อยากให้ตัวเองหมดหวังสิ้นหวัง หมดกำลังใจ ก็ต้องบอกตัวเองเลยว่าเราจะไม่เป็นคนแบบนั้นเหมือนที่เคยพูดกัน เราก็จะไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น เพราะตอนนี้เราควบคุมมันได้ แต่ตอนนั้นเราควบคุมไม่ได้เพราะอาจารย์นั่นมันเป็นคนแบบนั้น ในกลุ่มอาจารย์ที่เยอะ ๆ นางก็เป็นคนนิสัยแบบนั้น แต่เอาจริงมันอาจมีเหตุผลเบื้องหลัง บางคนเขาเสนอว่าแบบ คณะอาจเสนอมาว่าแบบช่วยหน่อยเว้ย ดันหนังสือขายหน่อย อะไรอย่างงี้เพราะเราก็ไม่รู้เบื้องหลังรู้ดีเทลละเอียดขนาดนั้น ตัวแซ่บเองก็ไม่รู้ มันก็เป็นไปได้หมดเลย ที่จะทำให้คน ๆ นึงตัดสินใจทำอะไรลงไป อย่างที่เราเห็นในข่าว เราไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นเขาเจออะไรมาหรืออะไอย่างนี้ด้วย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ … ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง” ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว” จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก...

21 ส.ค. 2023

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ … ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง” ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว” จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก...

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ…ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง”ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว”จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หน่อยนะครับ เจ้าหน้าที่บอก...“คนนี้ก็จะตาย คนนั้นก็จะเปลี่ยนผ้าอ้อม มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน” “คุณปีใหม่ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา(16ส.ค. 66)ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมเกี่ยวกับปัญหาคุณพ่อเจอคำพูดที่ทำร้ายจิตใจจากบุคลากรทางการแพทย์จนไม่มีใจอยากรักษา โดย “คุณปีใหม่ (นามสมมติ)” เล่าว่า `พ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐในตัวจังหวัดแห่งหนึ่ง หลังจากที่เข้าคีโมครบหกครั้งแล้ว พ่อมีสภาวะแทรกซ้อน ก็คือเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พ่อมีอาการปวดขาข้างขวาขึ้นมา แล้วทีนี้คุณหมอจะนัดพบทุกๆ 3 เดือน เพื่อตรวจเลือด แต่แกมีอาการปวดขาแล้วไม่ยอมไปหาหมอเลย ด้วยทางบ้านหนูก็ไม่ได้มีรถยนต์ ไม่ได้มีรถส่วนตัว เวลาที่จะไปหาหมอแต่ละทีจะลำบาก ก็ต้องไปรถโดยสารแทน แกเลยรอให้ถึงกำหนดนัดก่อน ถึงจะไปโรงพยาบาล แล้วกำหนดนัดอีกครั้งก็คือ กันยายนเลย แต่ด้วยอาการของแก มันปวดมาก จนนอนไม่ได้ ทานข้าวไม่ได้เป็นระยะเกือบเดือนเลย จนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ก็เลยตัดสินใจจะเรียกรถฉุกเฉิน คือจะต้องไปหาหมอแล้วแกรอไม่ไหวแล้ว พอไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอตรวจอาการเบื้องต้นและด้วยพ่อมีโรคประจำตัว คุณหมอบอกว่า “จะต้องให้คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้มาดูอาการ และค่อยทำเรื่องส่งไปรักษากระดูก” คือต้องรอก่อน พอคุณหมอเจ้าของไข้มาถึงก็ให้พ่อนอนรอดูอาการที่ห้องรวมคนไข้ เบื้องต้นหนูได้แจ้งหมอไว้แล้วว่า พ่อไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นะ เพราะคุณพ่อเดินไม่ได้จากอาการปวดขา เวลาที่แกปวดขาก็จะปวดตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงเอว รวมไปถึงอวัยวะเพศและมีอาการร้อนมาจากข้างใน และด้วยตำแหน่งเตียงของพ่อจะอยู่ห่างจากห้องน้ำประมาณ 10 เมตร คืออยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง หนูก็เลยขอคุณหมออยู่เฝ้าพ่อได้ไหม คุณหมอแจ้งกลับมาว่า ตามปกติแล้วจะไม่ให้ญาติอยู่เฝ้า หนูกับแม่คุยกันว่าไม่เป็นไรถ้าหมอไม่ให้เฝ้า จะให้พ่อใส่แพมเพิสแทน ซึ่งแกไม่เคยใส่แพมเพิสมาก่อน คืนแรกที่ใส่แพมเพิสแกหนูคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร จนวันต่อมาหนูเลิกงานรีบไปหาพ่อเลย สิ่งที่หนูเจอคือ คุณพ่อมีอาการหน้าซีด ตัวสั่นเหมือนตกใจอยู่ตลอดเวลา หนูคิดว่าเป็นอาการจากที่แกไม่ได้กินข้าว หรือปวดขามากจนไม่ได้นอนหรือเปล่า ก็เลยถาม “พ่อวันนี้ปวดขาไหม” แกตอบไม่ค่อยปวดเท่าไหร่ แล้วก็เงียบไป ซึ่งปกติพ่อจะเป็นคนชอบชวนคุย เวลาถามกลายเป็นคนถามคำตอบคำ ซึ่งตามปกติเวลาเยี่ยมของโรงพยาบาลรัฐ เขาจะแบ่งเป็น 3 ช่วง เริ่มจาก 6 โมงเช้า - 8 โมง และช่วงเที่ยง – บ่ายโมง ช่วงสุดท้าย 5 โมง – 1 ทุ่ม พอใกล้หมดเวลาเยี่ยม พ่อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าแชทไลน์กลุ่ม แล้วพิมพ์เล่าถึงเหตุการณ์แรกที่แกเจอว่า เมื่อคืนพ่อโดนพยาบาลดุ เพราะแกจะให้พยาบาลช่วยเปลี่ยนแพมเพิสให้ ด้วยความที่แกไม่เคยใส่แพมเพิสมาก่อน อาจจะมีอาการร้อนหรือปัสสาวะเต็มแล้ว แกเรียกพยาบาล 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งก็เว้นระยะประมาณ 30 นาที พยาบาลก็รับรู้ ฟังที่พ่อพูดแล้วก็เดินหนีไป จนประมาณตี 3 - 4 คุณพ่อก็ถามอีกครั้งว่า “เปลี่ยนแพมเพิสให้หน่อยได้ไหมครับ มันเต็ม” พยาบาลก็ตอบกลับด้วยภาษาอีสาน แปลออกมาก็ความหมายประมาณ ฉันเบื่อตาแก่คนนี้จัง... เหตุการณ์ที่สอง ต่อเนื่องจากที่พยาบาลไม่ยอมเปลี่ยนแพมเพิสให้ แกก็พยายามที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำเอง แต่ด้วยความที่แกไม่มีไม้เท้า ทำให้ขณะที่พยายามลุกก็เกิดเสียงดังที่เตียงขึ้น ทำให้พยาบาลหันมาเห็น แล้วถามว่า “ทำอะไร” พ่อก็บอกว่า“จะไปเข้าห้องน้ำครับ พาไปเข้าห้องน้ำได้ไหม” พยาบาลพูดประมาณว่า “ตายมาหลายคนแล้วนะอยู่ในห้องน้ำ” หนูคิดว่าเหมือนพยาบาลจะสื่อว่าเดี๋ยวลื่นอะไรประมาณนี้ จนเหตุการณ์ที่สามที่พ่อเจอคือ เตียงข้างๆเป็นผู้สูงอายุใกล้จะเสียชีวิตแล้ว พยาบาลก็มารุมดูกันที่เตียงแล้วมีคนยืนข้าง ๆเตียงของพ่อ พ่อก็เลยกระซิบบอก “คุณหมอครับ ผมรบกวนเปลี่ยนแพมเพิสให้หน่อยได้ไหม” ซึ่งคนที่ยืนอยู่เป็นบุรุษพยาบาล ตอบกลับพ่อว่า “เอ้า! คนนึงก็จะตาย อีกคนก็จะเปลี่ยนแพมเพิส มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน” หลังจากนั้นพ่อโทรหาหนู แกขอกลับบ้าน หนูก็ถามแกเป็นอะไรหรือเปล่า เป็นเพราะเหตุการณ์ที่พิมพ์มาใช่ไหม หนูก็บอกแกไม่เป็นไรนะหนูจะคุยกับคุณหมอให้ว่าขอย้ายได้ไหม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอคุณหมอ พ่อเซ็นปฏิเสธ การรักษาเองทั้งหมด พอกลับบ้านมา พ่อเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน แกจะพูดเรื่องที่แกเจอย้ำๆ ซ้ำๆ ประมาณว่า พ่อจู้จี้เกินไปหรอ พ่อไปเป็นภาระให้เขาหรือเปล่า หรือเขาคิดว่าพ่อเป็นโรคจิตหรือเปล่า? หลังจากนั้นหนูก็โทรไปร้องเรียนกับทางโรงพยาบาล เขาก็แจ้งมาว่าตอนนี้พ่อมีอาการน่าเป็นห่วงนะ ยังไม่ได้ทำการรักษาอะไรเลย พ่อเซ็นยกเลิกทั้งหมดก่อน หนูบอกเหตุผลที่พ่อยกเลิกการรักษาว่าพ่อเจออะไรบ้าง ทางโรงพยาบาลก็บอก ถ้างั้นจะย้ายตึกให้ ญาติต้องดูแลคนไข้เอง แต่ตอนนี้พ่อไม่อยากรักษาแล้ว แกบอกว่า “ถ้าเกิดพ่อจะตาย ก็อย่าเอาพ่อไปที่นี่อีก” หนูอยากขอคำแนะนำวิธีหรือคำพูดยังไงดี ไม่ให้พ่อโทษแต่ตัวเอง... ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พูดไปเลยว่าพยาบาลคนนั้นคงเครียด อาจจะมีเรื่องเยอะแยะมากมาย คนอื่นๆก็โดนแบบนี้เหมือนกัน พ่อไม่ต้องไปสนใจ พูดให้พ่อรับรู้ว่าสิ่งนี้มันไม่ได้เกิดจากพ่อ แต่มันเป็นเพราะตัวของพยาบาลคนนั้น เป็นเรื่องที่เราบังเอิญไปเจอคนแบบนี้ ทางด้าน “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาชื่อไป complain กับทางโรงพยาบาล ให้เขาได้รับรู้ว่าบุคคลนี้เป็นปัญหาของแผนกนั้นอยู่ แล้วพยายามบอกคุณพ่อว่า มันไม่ได้เป็นปัญหาที่พ่อ แต่มันเป็นปัญหาที่คน ลองยกตัวอย่างคนที่เขาดีๆ สุดท้ายไม่ใช่ความผิดของพ่อเลย อาการ ร่างกายที่จะดีขึ้นก็คือ จิตใจต้องดีขึ้นก่อน ถ้าจิตใจเราแข็งแรงเดี๋ยวอย่างอื่นก็จะตามมาครับ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูอยากให้คุณพ่อรักษาตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใครเลย แต่เพื่อครอบครัวของเรา เพื่อคนที่เรารัก กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเกิดพ่อห่อเหี่ยว คนในบ้านก็จะห่อเหี่ยวตามนะ ขอให้พ่อกลับไปรักษาเราจะได้อยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ ส่วนเรื่องพยาบาล พ่อไม่ผิดเลย ยายนั่นมันร้ายเอง คนอย่างยายนั่นต้องเจอคนแบบหนู...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เพื่อนรักของหนูมีนิสัยชอบ กินข้าวต่อหนู บางทีหนูก็ไม่ชอบให้ใครมาแย่ง แล้วที่ผ่านๆมาจะมีผู้ชายหล่อ หน้าตาดี โปรไฟล์ดีๆเข้าหาหนูเยอะมาก เพื่อนบอก "ถ้าคนนี้มึงเลิกคุย กุขอได้ไหม?" ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น...

09 เม.ย. 2024

เพื่อนรักของหนูมีนิสัยชอบ กินข้าวต่อหนู บางทีหนูก็ไม่ชอบให้ใครมาแย่ง แล้วที่ผ่านๆมาจะมีผู้ชายหล่อ หน้าตาดี โปรไฟล์ดีๆเข้าหาหนูเยอะมาก เพื่อนบอก "ถ้าคนนี้มึงเลิกคุย กุขอได้ไหม?" ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น...

เพื่อนรักของหนูมีนิสัยชอบ กินข้าวต่อหนู บางทีหนูก็ไม่ชอบให้ใครมาแย่งแล้วที่ผ่านๆมาจะมีผู้ชายหล่อ หน้าตาดี โปรไฟล์ดีๆเข้าหาหนูเยอะมากเพื่อนบอก "ถ้าคนนี้มึงเลิกคุย กุขอได้ไหม?" ตอนแรกคิดว่าพูดเล่นแต่คนคุยเก่าของหนูแคปแชทเพื่อนมาให้ดูว่าเพื่อนหนูทักมาหาจริงๆ “คุณคะนิ้ง(นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (3 เม.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเพื่อนชอบกินของเหลือ ตั้งแต่ข้าว ขนม ไปจนถึงผู้ชาย! โดย ​“คุณคะนิ้ง(นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘หนูมีเพื่อนสนิท 1 คน นามสมมุติว่า ​“บี” ในแก๊งจะมี 4 คน แต่หนูสนิทกับบีที่สุด เรา 2 คนเป็นเพื่อนสนิทกันแต่เราจะแตกต่างกันมาก ๆ บีจะเป็นคนติดเที่ยว ติดร้านเหล้า แต่หนูจะเป็นคนไม่ชอบไปไหน ชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน สมัยมัธยมบีจะมีนิสัยนึงที่หนูรู้สึกว่าไม่โอเคเลยก็คือ เขาชอบมาแย่งข้าวหนูกิน ถ้าเป็นขนมแบบชิ้น ๆ เรายังจะแชร์กันได้ แต่บางทีมันเป็นข้าวในจานที่หนูทำมาจากห้อง พอเปิดกล่องมาปุ๊บ บีก็หันมาแล้วก็พูดว่า ขอกินบ้างดิคำนึง ซึ่งหนูยังไม่ได้กินเลย หนูก็เลยพูดอ้อม ๆ ไปว่า เออเนี่ย ความจริงกูอะไม่ชอบให้ใครมาแย่งข้าวกูกินนะ ค่อนข้างจะซีเรียส แต่เขาก็ไม่หยุด หนูก็ยอมเขา จนเราจบ ม.6 กันทั้งคู่ แล้วแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่น นาน ๆ ทีก็จะเจอกัน คราวนี้มันเป็นผลพวงต่อมาอีกเรื่องนึงคือ ด้วยความที่ตัวหนูเองมีคนเข้ามาเยอะมาก ๆ แล้วบีก็จะรู้ว่าหนูคุยกับใคร คบกับใคร รู้ตั้งแต่คุยยันเลิกคุย จะรู้กันทุกอย่าง ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาหาหนูโปรไฟล์ดีมาก บางคนก็หล่อ บางคนก็รวย บางคนก็ทั้งหล่อทั้งรวย บีก็จะพูดเสมอว่า หาให้บ้างได้ไหม อยากได้อะไรแบบนี้บ้าง กูเป็นเพื่อนมึง ทำไมกูไม่เคยได้อะไรแบบนี้เข้ามาบ้างเลย หนูก็เลยบอกว่า โอเค เดี๋ยวหาให้ละกัน คราวนี้มันมาถึงจุดที่เริ่มจะแตกหักคือ หนูได้ไปนัดเจอกับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วบีก็ขอไปด้วย พอไปเจอคนคุยหนู บีก็มากระซิบข้างหูว่า ถ้าคนนี้มึงเลิกคุย กูขอได้ไหม? หนูก็คิดว่าบีคงพูดเล่นแหละ คงไม่มีเพื่อนคนไหนอยากทำแบบนี้หรอก พอหนูเลิกคุยกันคนนี้ คุยกับคนที่ 2 ก็นัดเจออีก บีก็เหมือนเดิมไปด้วยแล้วพูดว่า อุ้ย คนนี้หล่ออะ ถ้ามึงเลิกคุยกูขอได้ไหมเนี่ย หล่อจริง ๆ หนูก็คิดว่าเพื่อนหยอกเล่น จนผ่านไป 3-4 คน หนูก็ไม่ได้อะไร ด้วยความที่หนูเป็นคนเชื่อใจเพื่อน พอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ ๆ หนูก็มีพูดบ้างประปรายว่า มึงบ้าป่ะเนี่ย คือคุยต่อกูเนี่ยนะ บีก็ขำ จนมีวันหนึ่งคนคุยเก่าหนู เขาโทรมาแล้วส่งหลักฐานแชทมาว่า นิ้ง เพื่อนนิ้งทักมาหาพี่ เขามาขอคุยกับพี่นะ คือพี่ไม่รู้จะพูดยังไงดี พี่ก็ไม่อยากจะพูดทำร้ายจิตใจเขา อยากให้นิ้งจัดการคนของนิ้งเองนะ พี่อยากให้คุยกันเองเพราะเป็นเพื่อนกัน หนูก็ไปคุยกับเขาว่า มึงไปทักหาพี่เขาหรอ? เขาก็พูดว่า กูแค่ไปเต๊าะเล่น ๆ ก็ไม่มีอะไร หนูก็ไม่พอใจแหละแต่หนูก็ไม่ได้พูดอะไร หนูอยากรู้ว่า หนูควรจะพูดกับเพื่อนคนนี้ยังไง? ตอนนี้หนูยังเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่ในอนาคตหนูอาจจะเลิกเป็นเพื่อนกัน หนูก็แค่อยากบอกให้เขาแก้นิสัยนี้แบบถาวร ไม่อยากให้เอานิสัยนี้ไปทำกับคนอื่นเพิ่ม ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่ต้องไปพูด เลิกคบก็คือเลิกคบ แต่ถ้าเพื่อนมาถามว่า ทำไมถึงเลิกคบ ก็บอกเหตุผลไปเลยว่า กูไม่ชอบมึงเรื่องนี้ กูก็เลยคิดว่ามึงกับกูอาจจะคนละเคมี ก็เลยเฟดแค่นั้น ส่วนเขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาเพราะเลิกคบแล้ว’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คือถามว่าสิ่งที่เพื่อนนิ้งทำ ที่เพื่อนบอกว่าถ้าไม่เป็นแฟนกันแล้ว ขอต่อนะ พี่รู้สึกว่าในบางคนที่เขาโอเคมันก็จะไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา แต่ตอนนี้มันเป็นปัญหาสำหรับนิ้ง เพราะนิ้งไม่ชอบคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อันนี้มองแบบใจกว้าง พี่ก็รู้สึกว่าถ้านิ้งไม่ชอบเรื่องนี้ ก็ต้องบอกเขาให้ชัด เรื่องแย่งข้าวกินพี่รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพื่อนที่สนิทกันจริง ๆ กินได้ไม่ติด ไม่ได้รู้สึกว่า 3 คำทำให้ชีวิตมีปัญหานะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าเขาไม่ได้กินของหนูจนหมด พี่ว่าหนูเป็นคนหวงของด้วยแหละ ตอนนี้พี่รู้สึกว่าเหมือนนิ้งตัดสินเพื่อนโดยการเอาตัวเองเลือกเขา บางอย่างถ้าเป็นเพื่อนสนิทกันมันต้องพูดกันตรง ๆ แล้วถ้าเขาไม่ทำ ก็บอกไปว่า ไม่ได้ ไม่ชอบแบบนี้ เราก็มีสิทธิ์ที่จะเลิกคบกับเขาได้ ก็ไม่ได้มีปัญหา นิ้งอย่าบอกว่า หนูไม่อยากเลิกคบใครก่อน หนูไม่อยากทำใครหล่นหาย พี่ว่าถ้าคุยกันแล้วมันไม่โอเค รู้สึกว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับการกินข้าว หรือมายุ่งกับแฟนเก่าเลย ก็ต้องห่างอย่าทนสนิทกัน แล้วยังคงมีเรื่องอย่างนี้อยู่ในใจ พี่ว่ามัน Toxic ทั้งตัวหนูเองแล้วก็เขา แล้วเราก็บอกเขาด้วยความหวังดีแล้ว จากนั้นชีวิตเขาจะเป็นยังไงก็ปล่อยเขาไป เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเขา อย่าหวังดีขนาดนั้น ถ้าสุดท้ายแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าคงไม่ใช่เพื่อนสนิทอะไรขนาดนั้น สำหรับมาตรฐานของพี่ ถ้าเพื่อนสนิทมันคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องมาลำบากมากมาย เท่าที่พี่ฟังมาทั้งหมดพี่รู้สึกว่า เราเป็นคนหวงของ หวงทุกอย่างในชีวิต และรู้สึกว่าเราเหนือกว่าเพื่อน แล้วถ้าคนนี้มาคุยต่อคนเดียวกับเรา ฉันถือว่าเธอไม่ควรมาเสมอฉันได้ คนที่คุยกับฉันถ้าไม่หล่อก็รวย ไม่ก็ทั้งหล่อทั้งรวย คำนี้พี่เด้งตัวเองออกมาจากนิ้งเลย เพราะพี่รู้สึกว่านิ้งเหนือกว่าเพื่อน พี่ว่ามันอาจจะไม่ใช่หน้าที่เราที่จะไปเปลี่ยนแปลงชีวิตใครภายใน 1-2 ประโยค กาลเวลาจะค่อย ๆ สอนเขาเองว่า การที่เขาทำแบบนี้กับเพื่อน เพื่อนก็จะหนีเขาไปทีละคน แบบคะนิ้งคนหนึ่งละ ถ้าแก้ไม่หายกาลเวลาก็จะทำให้เขาไม่มีเพื่อนไปเรื่อย ๆ เอง โดยที่นิ้งไม่ต้องไปเป็นผู้เปลี่ยนชีวิตใคร แล้วตอนนี้ในเมื่อชีวิตมันพัดพาให้ห่าง ๆ กันไปแล้ว ถ้าพี่เป็นคะนิ้งก็รู้สึกว่า โชคดีแล้วล่ะ ปล่อยให้เขาได้ไปใช้ชีวิตแบบนี้กับคนอื่น โชคดีของเราแล้วที่เขาออกไปจากชีวิต ถ้ายิ่งเราเป็นคนที่ไม่กล้าตัดความสัมพันธ์กับใครก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ สุดท้ายถ้าเป็นเพื่อนสนิทก็คุยกันได้ แต่พี่ว่ามันเลยเวลาที่จะคุยแล้ว ถ้ามันห่างไปแล้วก็ช่างมัน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

10 ม.ค. 2025

เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

“คุณอูน (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ม.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความรักในวัย Gen Z โดย “คุณอูน (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ จนได้พบกับหนุ่มคนหนึ่งที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน มีการเจอกันผ่าน ๆ บ้างตามมหาวิทยาลัย เพราะตึกอยู่ใกล้ ๆ กัน หลังจากได้คุยกันผ่านแอปพลิเคชันนั้นสักพักหนึ่ง เราทั้งคู่ได้ย้ายมาคุยกันในไอจี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ เราคุยกันมาได้ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งทักมาหาหนู เขาถามว่า “เธอคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่หรือเปล่า?” แล้วเขาก็ย้ำว่า “อย่าเพิ่งบอกผู้ชายนะว่าเราทักมา” หนูก็ถามกลับไปว่า “มีอะไรรึเปล่าคะ?” เขาตอบว่า “เราคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่นะ แล้วเธอคุยกับเขามานานหรือยัง?” หนูตอบไปว่า “เพิ่งคุยได้สักพักค่ะ” เขาถามต่อทันทีว่า “สักพักนี่นานแค่ไหน?” หนูบอกว่า “ประมาณ 3 อาทิตย์ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นเขาได้บอกกับหนูว่า เขาเลิกคุยกับผู้ชายคนนี้เพื่อให้หนูคุยต่อ แต่เมื่อหนูไปถามผู้ชายว่า “ผู้หญิงคนที่ทักมาเป็นคนคุยกับเธอหรือเปล่า?” ผู้ชายตอบว่า “เราเลิกคุยกันไปนานแล้ว ก่อนที่เราจะมาคุยกับเธออีก” และตอนนี้ฝั่งผู้ชายได้มีการบล็อกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วด้วย และมากไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้เขามักจะพูดเหน็บแนมใส่หนู เช่น ถ้าไปห้องผู้ชายก็ฝากเก็บของที่เป็นของเราออกด้วยนะ เลยยิ่งทำให้หนูรู้สึกผิด ตอนนี้หนูไม่แน่ใจว่าเจตนาของผู้หญิงคนนั้นที่ทักมาคืออะไร เขาอยากได้ผู้ชายกลับคืน หรือมาโทษว่าหนูคือสาเหตุที่ทำให้เขาเลิกคุยกัน หนูก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่า หนูผิดไหม? เพราะหนูเป็นฝ่ายที่มาทีหลัง’ ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเรื่องที่หนูเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าไม่ผิดเพราะผู้ชายอิสระแล้ว และฝ่ายหญิงก็เป็นคนบอกเองว่าสามารถคุยกันต่อได้เลย แต่แนะนำเพิ่มให้เลี่ยงการอ่านข้อความของผู้หญิงคนนั้นเวลาที่เขาทักมา เพราะไม่ได้ประสงค์ดีสักเท่าไหร่’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าคนคุยในความหมายของพี่ พี่มีสิทธิ์ที่จะคุยเพราะยังไม่ใช่แฟน แล้วเธอมาก่อนฉันแค่อาทิตย์เดียวแล้วยังไง และทั้งสองคนคุยกับผู้ชายในเวลาที่แทบจะทับซ้อนกัน ดังนั้นจึงถือว่าไม่ผิด เพราะเรามีสถานะเท่ากันคือ คนคุย แต่ถ้าเขาเป็นแฟนกันแล้ว แบบนั้นถือว่าผิด เรามาทีหลังเราควรที่จะถอยออกมา’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้สอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการจีบกันในยุคปัจจุบัน และได้คำตอบว่า คนสมัยนี้มักจะคุยกันผ่านทางดีเอ็มในไอจี และมักจะเก็บไลน์ไว้เพื่อคุยเรื่องเรียนหรือเรื่องงานมากกว่า พร้อมให้กำลังใจเพิ่มเติมว่า ถ้าหนูอยู่ในสถานะคนคุยกันทั้งสองฝ่าย มันก็เท่ากัน ไม่ต้องไปคิดว่าใครมาก่อนหรือมาหลัง เพราะไม่เกี่ยวกัน และฝ่ายผู้ชายอาจจะมีคนคุยมากกว่านี้ก็ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรือรู้สึกผิด เพราะในเรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1