คือสงสัยอะค่ะ เวลาเราให้ของขวัญใครสักคน ทำไมถึงไม่แกะกันหรอคะ? เราให้ของขวัญพี่ที่ทำงานไป ผ่านมา 1 เดือนกว่าๆแล้วเขายังไม่แกะเลย แล้วทุกคนเวลาได้ของขวัญจากใครสักคน จะแกะเลยไหมคะ

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คือสงสัยอะค่ะ เวลาเราให้ของขวัญใครสักคน ทำไมถึงไม่แกะกันหรอคะ? เราให้ของขวัญพี่ที่ทำงานไป ผ่านมา 1 เดือนกว่าๆแล้วเขายังไม่แกะเลย แล้วทุกคนเวลาได้ของขวัญจากใครสักคน จะแกะเลยไหมคะ

05 มี.ค. 2024

            “คุณเฟย์ (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 ก.พ. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ กับปัญหาที่ให้ของขวัญพี่ในทีม แต่ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เขายังไม่แกะของขวัญเลย

            โดย ​“คุณเฟย์ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘เฟย์เป็นคนที่ชอบเลือกของขวัญหรือชอบเขียนการ์ด แล้วในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามันก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะให้ของขวัญ ซึ่งเฟย์ก็จะให้ของขวัญกับคนที่เรารู้สึกว่า เราอยากขอบคุณเขาในปีที่ผ่านมา แล้วหนึ่งในนั้นคือทีมที่เราทำงานด้วย ก็เลยซื้อของขวัญให้กับคนในทีม เพราะเรารู้สึกว่าทีมที่ทำงานด้วยกันตอนนี้น่ารักมากในทีมมีกันอยู่ประมาณ 5 คน คือจริง ๆ เป็นบริษัทใหญ่แต่ว่าทีมที่สนิทกันคือทีมนี้

            พอผ่านมาประมาณ 1 เดือน ก็มีช่วงวาเลนไทน์ เฟย์ก็เอาของขวัญไปให้เพื่อนในทีมอีก ปกติตอนแรกในทีมจะมีกันอยู่ 3 คน ทุกคนก็จะแลกของขวัญกันอยู่แล้ว พอมีเป็น 5 คนเฟย์ก็ให้ของขวัญ แล้วมีพี่ในทีมเล่าให้ฟังว่า เนี่ย ๆ มีอะไรจะสารภาพ คือคนนี้ยังไม่เปิดของขวัญปีใหม่ของเฟย์เลย ซึ่งมันผ่านมา 1 เดือนแล้ว เฟย์ก็คิดว่า เฮ้ย มันมีคนแบบนี้ด้วยหรอ คนที่ยังไม่แกะของขวัญ

          ถ้าเป็นกลุ่มเพื่อน เฟย์ก็คือเห่อของที่ได้มาแล้วแกะเลย ช่วงแรกที่เฟย์รู้ ก็รู้สึกเฟล ๆ ไปนิดนึงว่าผ่านไปเป็นเดือนแล้วทำไมไม่แกะสักที แต่ก็มาคิดดูว่า ความตั้งใจของเราที่อยากให้เขามันสำเร็จแล้ว เขาจะไปทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ตอนนี้อยากชวนคุย Topic ว่า ทุกคนได้ของขวัญมาแล้วแกะกันเลยไหม? แล้วคนที่ไม่แกะของขวัญ จะแกะเมื่อไหร่?

          ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่ พี่ก็กอง ๆ ไว้ ถ้าช่วงปีใหม่มันไม่ได้เยอะ ก็ไม่ได้มานั่งแกะทุกอัน บางทีของพี่มันจะเดาได้ว่าแก้วน้ำ ก็เลือกที่จะไม่แกะ ถ้ามันไม่ได้จากคนที่พิเศษมากพี่ก็ไม่ได้ซีเรียส ถ้าได้จากคนที่ออฟฟิศทั่วไป ก็ทิ้งไว้ค่อยแกะทีหลัง’

         ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แกะเลย คือนอกจากว่าเรามองอย่างที่เติ้ลบอก ถ้ามองแล้วเราพอรู้ว่าคืออะไร เราก็อาจจะไม่ได้รีบแกะ ส่วนใหญ่คงแกะแหละ คนเราได้ของขวัญ แต่ก็จะมีคนขี้เกียจแฝงอยู่ไม่น้อย’

         สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แกะ แต่อย่างแฟนคลับให้ช่อเงินมา ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้แกะ เพราะมันรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่รู้อยู่ในกล่อง คือแกะคืนนั้นเลย เฟย์ไม่ต้องเสียใจใด ๆ คนแตกต่างกัน มีทั้งคนที่แกะ แล้วก็ไม่แกะ ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้สำคัญ เขาคือขี้เกียจ…’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นเหตุ! มี Social แฟนทุกแอป ยกเว้นไลน์ เลยขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Line เป็นรูปคู่ สุดท้ายแฟนไม่เปลี่ยน แล้วบอกเลิก! ลั่น ทำนิสัยแบบนี้มัน Toxic บอกหนูคือต้นเหตุในการเลิกกันครั้งนี้ ตอนนี้รู้สึกผิดอยากขอกำลังใจค่ะ

07 พ.ค. 2024

เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นเหตุ! มี Social แฟนทุกแอป ยกเว้นไลน์ เลยขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Line เป็นรูปคู่ สุดท้ายแฟนไม่เปลี่ยน แล้วบอกเลิก! ลั่น ทำนิสัยแบบนี้มัน Toxic บอกหนูคือต้นเหตุในการเลิกกันครั้งนี้ ตอนนี้รู้สึกผิดอยากขอกำลังใจค่ะ

“คุณใหม่ (นามสมมติ)” สายที่สามในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปคู่ โดย “คุณใหม่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนเก่ามาเกือบปี ประมาณ 11 เดือนได้ ขอเล่าก่อนว่าตอนที่คบกันได้ประมาณ 5 – 6 เดือน เราก็ไปมาหาสู่กันปกติ เป็นความรักระยะไกล เราอยู่คนละจังหวัดกัน แต่ไม่ไกลมาก ตอนนั้นหนูไปเที่ยวบ้านเขา และไปเล่นไอแพดของเขา หนูไปแอบนั่งอ่านแชทเขาแล้วอึ้งเลย! ทำให้หนูไปรู้ว่าเขาแอบไปมี Friends with benefits (FWB) แอบไปคุยกับรุ่นพี่คนสนิท เคยไปรับไปส่งกันหลายรอบ เคยไปมีซัมติงกัน 1 ครั้ง และไปเต๊าะผู้หญิงอีก 2 - 3 คน ชอบไปกด LOVE ในสตอรี่บลาๆ หนูเห็นปุ๊บก็ร้องไห้ แล้วเขาก็มาบอกว่าเขาเลือกหนูนะ จะให้เขาทำยังไงก็ได้ หนูก็เลยโอเค งั้นขอพิสูจน์หน่อย ก็เลยให้เขาทักไปบอกคนที่เต๊าะหรือคนที่มีอะไรด้วยว่าหนูจับได้แล้วนะ เธอเลือกหนู ก็เลยเป็นสาเหตุของการที่หนูได้รหัสเฟซบุ๊กกับไอจีเขามา หลังจากนั้นหนูอยู่กับความหวาดระแวงมาตลอด เขาไปไหน จะทำอะไร บางทีหนูก็อยากรู้ อยากเห็น อยากให้ถ่ายรูปส่งมาให้ดู แต่เขาก็ไม่ค่อยถ่าย ทำเป็นลืมบ้าง ถ่ายบ้าง ไม่ถ่ายบ้าง จนช่วงหลังๆหนูเริ่มมีความตะหงิดใจ รู้สึกถึงความเปลี่ยนไป หนูก็เลยขอให้เขาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในไลน์เป็นรูปคู่ แล้วเขารับปากว่า โอเค เดี๋ยวจัดการให้ แล้วเขาก็ทำเป็นลืม จนหนูเว้นระยะเวลาไว้ให้สัก 3 – 4 วัน หนูก็ไปถามเขาว่า ลืมหรือเปล่า ทำไมยังไม่เปลี่ยนให้ เขาก็ตอบกลับมาว่า ทำไมทำตัวน่ารำคาญจังเลย ทำไมถึงเยอะ ไม่อยากทำอะไรให้ใครอีกแล้ว ซึ่งเขาใส่รูปส่วนตัวของเขา เนื่องจากเฟซบุ๊กกับไอจีเขา เรามีรหัส เราก็เลยสามารถเข้าไปดูได้ว่าเขาเล่นอะไร หรือคุยกับใครหรือเปล่า เลยกลายเป็นจุดที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน ซึ่งพฤติกรรมของเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจในชีวิตประจำวันของเรา เมื่อก่อนตอนคุยกันแรกๆอาจจะมีใส่ใจบ้าง แต่หลังๆมาไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ค่อยอยากรู้ว่าไปทำงาน ถึงที่ทำงานหรือยัง เที่ยงนี้กินข้าวอะไร เย็นนี้ไปไหนมั้ย? ล่าสุดหนูเป็นคนบอกเลิกเขา เพราะหนูรู้สึกว่าไม่อยากจะทนแล้ว เขาไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกเราเลย เวลาทะเลาะกันบางทีเขาเลือกที่จะไม่คุย หายไปเลย ไม่รับโทรศัพท์ ไม่อธิบายใดๆ อาจจะหายไปนอน ไม่คุยกัน 2-3 วัน แล้วก็ทักมาคุยปกติ เหมือนข้ามเรื่องที่ทะเลาะกันไปเลย ตอนที่หนูตัดสินใจเลิก หนูก็ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เขาก็เลยทักมาว่าทำไมไม่ทักไปชวนกันเลย ไหนบอกจะพาไปเที่ยว เพราะมันเป็นที่ที่เคยคิดว่าจะไปด้วยกัน เขาก็ได้มีโอกาสตอบกลับมาเป็นเพราะหนูขี้ระแวงทำให้เขารู้สึกอึดอัดและเป็นตัวต้นเหตุของความสัมพันธ์เป็นพิษครั้งนี้ แล้วมันทำให้หนูรู้สึกว่าเราผิดหรือเปล่า เราแย่หรือเปล่า? และช่วงแรกๆที่เลิกกันไป เขายังไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่าน หนูก็เลยเข้าไปเห็นที่เขาคุยกับเพื่อนเขา ประมาณว่า กูเลิกแล้วนะ เบื่อมาก รำคาญ ไม่กลับไปแล้วเว้ย หนูว่าเขารู้ว่าหนูเข้าไปอ่าน เขาอาจจะอยากให้หนูเจ็บบ้าง หนูก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพี่ๆดีเจ’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ดีแล้วที่หนูใจแข็ง หลายๆคนที่เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มักจะใจอ่อน ส่วนเรื่องที่เขามาโทษเรามันเป็นทรงเดิมๆของคนที่เขาทำผิดแบบนี้ ถ้ามันไม่มีเหตุมันจะระแวงกันทำไม ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นคำตอบพื้นที่ข้อห้าประมาณนี้ คิดถึงวันที่เขาทำเราเจ็บไว้ เอาความรู้สึกนั้นอยู่กับตัวไว้ มันจะได้ไม่ใจอ่อน เมื่อไหร่ที่เราเริ่มเจ็บน้อยลงเราจะเริ่มใจแข็งมากขึ้น มันเป็นเรื่องปกติ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันก็เข้าใจได้ว่าทำไมหนูถึงเป็นแบบนี้ พี่ว่ามันดีกับหนูนะการที่ใจเด็ดแบบนี้ อย่างน้อยการไปมีแฟนใหม่อาจจะทำให้หนูสบายใจกว่านี้ ไม่ต้องให้หนูมาระแวง ถ้าสมมติเขาเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นรูปคู่ แล้วจากนั้นยังไงต่อ หนูคิดว่าหนูจะไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้หรอ? กลายเป็นว่าเรื่องที่เขาไปนอกใจมันเป็นปมในใจหนูแล้ว หนูจะไม่มีทางเว้นว่างจากการเข้าไปดูของเขา เข้าไปสืบของเขา มันไม่สบายใจไปแล้ว การที่หนูบอกเลิกเขาแล้วเขาชัดเจน ไม่รั้งหนูไว้ ถ้าเขารักหนูจริงๆ เขาต้องพยายามเข้าใจหนูมากกว่านี้ พี่ว่าตัดสินใจแบบนี้ก็ดีแล้ว และต้องแข็งแรง อย่ากลับไป’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หลายคนคงคิดว่าจะทะเลาะกัน เลิกกันเพราะเรื่องโปรไฟล์หรอ? เรื่องโปรไฟล์เป็นส่วนหนึ่งของการนอกใจ ชีวิตคู่ปิดตาข้างนึงได้ แต่ไม่ใช่เรื่องนอกใจ มันมีเรื่องที่ผู้หญิงยอมได้ และยอมไม่ได้ สำหรับผู้ชายคนนี้เลิกไปดีแล้ว ถ้าเขารักเราจริง แค่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เอง ขึ้นรูปคู่เพื่อความสบายใจของแฟน แล้วเขาก็เป็นคนมีประวัติ เพราะฉะนั้นหวังว่าใหม่จะไม่กลับไป ถ้าอยู่แล้วทำให้เราเจ็บปวด ก็ไม่เอา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปี เคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลย รู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้ว

24 มิ.ย. 2024

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปี เคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลย รู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้ว

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปีเคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลยรู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้วตอนนี้ผมเพิ่งผ่านโปรงานปัจจุบัน แต่ความรู้สึกนั้นเริ่มกลับมาอีกแล้ว “คุณโต๋ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สี่ในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนงาน โดย “คุณโต๋ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนงานบ่อยมากเลย คือ ผมเรียนจบสายสังคมศาสตร์ หลังจากที่ผมเรียนจบมา ผมได้มีโอกาสเข้าไปทำงานที่แรกเกี่ยวกับงานบริการ อาจจะไม่ตรงกับสายที่เรียน แต่ก็ยังได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาอยู่บ้าง ทำได้อยู่ 3 ปี ซึ่งเพื่อนร่วมงานก็ดี คอยช่วย คอยซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจกัน เวลาโดนหัวหน้าด่าหรือโดนกดดันแต่พอได้เจอเพื่อน มันก็ยังอยู่ได้ จนผ่านมา 2 – 3 ปีเพื่อนก็ทยอยลาออกกันไปหมด แล้วต่อมาผมก็ลาออก เพราะผมต้องไปบวช ซึ่งใช้เวลาในการบวชค่อนข้างนานอยู่ และอยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ด้วย แต่ก็ไปทำงานที่ไหนก็ทำได้ไม่เคยถึงปีเลย ส่วนใหญ่เหตุผลที่ลาออก บางทีไปเจอสภาพแวดล้อมการทำงาน หรือว่าบรรยากาศการทำงานที่มันรู้สึกอึดอัด ต้องเจอเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานที่กดดัน พอเราเข้าไปแล้วเหมือนเราเป็นเด็กใหม่ แล้วพยายามปรับตัวเข้าหาเขา แต่พออยู่ไปสักพักเหมือนเราเข้ากับเขาไม่ได้เลย หลังจากลาออกจากที่ทำงานที่แรก ผมเปลี่ยนที่ทำงานไปก็รวมๆ 10 ที่ได้แล้ว ในระยะเวลา 2 ปี ระยะเวลาในการทำงานที่สั้นสุด 1 - 2 วันก็ไม่ไปแล้ว ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ผมต้องการ คือ อยากเจอเพื่อนร่วมงานที่ดี และระยะทางของการไปทำงาน ที่ทำงานอยู่ตอนนี้ ผมทำงานผ่านโปรมาได้ 4 – 5 เดือนแล้ว ผมมีความรู้สึกกลับไปวนลูปเดิม รู้สึกอยากเปลี่ยนงานอีกแล้ว รู้สึกที่นี่ไม่เหมาะกับเราอีกแล้ว เพราะเวลาที่ผมไปตามงานหรือถามงานอะไร เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าเหมือนหงุดหงิดใส่ คุยกับผมเหมือนไม่อยากคุย แกล้งบ้าง หรือไม่อยากตอบบ้าง ซึ่งเวลาพี่ๆเขาสอน ผมก็จดไว้ตลอด แต่คำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามเรื่องใหม่ตลอด ผมอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่าผมจะทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอม แล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’ แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน

05 ก.พ. 2024

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอม แล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’ แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอมแล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน ไปเล่าให้เพื่อน เพื่อนบอกไม่ควรทำเหมือนเราช่วยน้อง แต่กำลังทำร้ายป้าอยู่ “คุณหยก(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [31 ม.ค 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับการถ้าเราห้ามคนไม่ให้ซื้อของปลอม ถือว่าผิดมั้ยคะ? โดย “คุณหยก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หนูไปเดินตลาดกลางคืนแห่งหนึ่ง เพื่อจะดูของเล่น เราก็ไปเดินกับเพื่อนแล้วก็ไปหยุดอยู่ร้านหนึ่ง คนขายเป็นคุณป้า อายุเยอะหน่อย เราก็เดินดูของเล่นไป ด้วยความที่เราเป็นสาย Art Toy พอเราดู เราก็รู้แหละว่าเป็นของปลอม ก็หยิบ ๆ ถามราคาขำ ๆ แต่คงไม่ซื้อหรอก สักพัก มีเด็กวัยรุ่น น่าจะเป็นแฟนกัน เดินมายืนข้าง ๆ แล้วก็พูดประมาณว่า “เนี้ย นู้น นี่ นั้น เราอยากได้ เราเก็บเงินมาซื้อ” เราก็เหล่ ๆ พอเห็นจังหวะที่น้องหยิบขึ้นมา 2-3 กล่อง เหมือนจะซื้อ เราก็แบบคิดในใจว่า “น้องโดนแน่ ๆ ” หนูก็เลยพิมพ์ข้อความใส่โน้ตมือถือประมาณว่า “ปลอม ตามน้ำ อยู่นิ่ง ๆ” ด้วยความที่หนูเป็นกุลสตรี หนูก็เข้าไปหาน้องผู้หญิง จับมือน้อง แล้วบอกว่า (นามสมมติ น้องแอน) “น้องแอน วันนั้นเราไปเจอน้องที่นั่นใช่ไหม พี่จำเราได้ เรายังถ่ายรูปด้วยกันอยู่เลย” หนูก็เอามือถือไปจ่อที่หน้าน้อง พอน้องเห็นข้อความ น้องก็นิ่งไปเลย หนูก็พูดว่า “ป่ะ ไปกินข้าวกับพี่ไหม เราจะซื้อของตรงนี้ใช่ป่ะ มา BTS เดี๋ยวมันจะเกะกะหรือเปล่า ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ” แล้วหนูก็ลากน้องเดินออกไป แล้วก็อธิบายให้น้องฟังว่า “แกลองดูตรงนี้สิ จุดสังเกตมันตรงนี้ คือมันปลอม” น้องก็พูดว่า “อ้าวหรอพี่ หนูเกือบโดนแหนะ” เรื่องมันจะจบอยู่แค่นี้แหละ หนูก็ไม่อะไรหรอก แต่พอดีที่แยกย้ายกับเด็ก 2 คนนั้นไป หนูก็คุยกันกับเพื่อน เพื่อนมันก็บอกประมาณว่า “เฮ้ย คือจริง ๆ แล้ว การที่แกทำแบบนี้มันไม่โอเคหรือเปล่า เพราะว่าการซื้อขายมันเป็นเรื่องของคนสองคนที่เขาดีลกัน การที่เราเอาตัวเองไปแทรก มันไปขัดวงจรเขา แกช่วยน้องเขา แต่ในขณะเดียวกัน แกก็ทำร้ายป้าเขานะเว้ย” มันเป็นความนอยด์ในใจเรา ด้วยตรรกะของหนู หนูคิดว่าทำถูกแต่เพื่อนกลับมองว่าหนูเผือก ที่ไปยุ่งกับเขา ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นห่วงเรื่องที่หยกเอาตัวเองเข้าไปแทรก โดยที่มันอาจมีเอฟเฟคกับตัวหยกเอง เช่น ป้านั้นอาจจะมารุมตีหยก คือเหมือนหาเรื่องใส่ตัว เรื่องที่ป้าขายของผิดลิขสิทธิ์ เราไม่ใช่ตำรวจ เรื่องลิขสิทธิ์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ป้าเขาก็อาจหลบหลีกตำรวจอยู่ หรือตำรวจอาจจะเล็งป้าอยู่ แต่มันไม่ใช่หน้าที่เราที่จะจับกุมเขา หรือในกรณีแบบนี้ สมมติว่าเรานั่งอยู่ แล้วเห็นผู้ชาย/ผู้หญิงนั่งอยู่ ผู้หญิงลุกไปแล้วผู้ชายใส่อะไรลงไปในแก้ว เคสแบบนี้อันตรายถึงชีวิตเราได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่หยกเข้าหาด้วยวิธีการแบบนั้น ถ้าคนจิตไม่แกร่งเอาดี ๆ เขาตกใจ เขาอาจจะเหวอ ทำตัวไม่ถูก ประมาณว่า “คนนี้เป็นอะไรอ่ะ” พี่รู้สึกว่าวิธีนี้ทำได้นะในกรณีที่มันซีเรียสจริง ๆ ถ้าเป็นพี่ พี่ก็อาจจะหยิบมาแล้วก็พูดประมาณว่า “เอ๊ะ มันต้องมีตัวเลขตรงนี้หรือเปล่า ไม่แน่ใจเพราะหนูเคยเห็น” แล้วให้ดูรีแอคว่าคนขายเขาจะตอบยังไง แล้วให้น้อง 2 คนนั้น คิดด้วยตัวเอง พี่ชื่นชมในความตั้งใจของหยกที่จะช่วยเหลือคน แต่ว่าหยกต้องหาวิธีที่มันไม่ทำให้ตัวเองสุ่มเสี่ยงกว่านี้’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีการเข้าหาน่ากลัวมาก ถ้าเราจะใช้วิธีนี้ต้องเป็นเหตุการณ์เหมือนโดนลากไปเพื่อโดนปล้น เราเองไม่สนับสนุนของไม่ถูกลิขสิทธิ์ มันถูกต้องแล้ว แต่การที่เราเข้าไปแล้วเป็นนาตาชา โรมานอฟ ยื่นข้อความลับแบบนี้ พวกเรา 3 คน ตกใจกับวิธีการนี้มาก แล้วก็คิดว่าถ้าพี่เจอแบบนี้ พี่อาจจะไม่สนใจ แล้วซื้อตรงนั้นเลยก็ได้ หยกอยากช่วยน้องเขาจริง ๆ แต่เลือกวิธีการที่ซับซ้อนไปหน่อย หรือวิธีการแบบนี้มันอาจทำให้เพื่อนหยกตกใจ แล้วหาเหตุผลมา108 มาบอกว่าวิธีนี้ไม่เวิร์คหรอก เจตนาดีแต่หาวิธีการที่ไม่เป็นอันตรายขนาดนี้’ ก่อน “คุณหยก(นามสมมติ)” วางสาย พี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ‘เจตนาหยกดี พี่ไม่อยากให้หยกทิ้งเจตนานี้ แต่ใช้กับสถานการณ์ให้ปลอดภัยกว่านี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

พี่ๆคะ หนูจะทำยังไงต่อไปดี... คุณแม่เหลือเวลาอยู่กับหนูแค่ 6 เดือน ก่อนหน้านี้คุณแม่แอบไปหาหมอเองโดยไม่บอกใครเลย เพิ่งมาบอกหนูว่าเป็น "มะเร็งไขสันหลัง" ระยะที่ 3 ตอนนี้หนูกลัวและเสียใจที่สุดเลยค่ะ

22 ม.ค. 2024

พี่ๆคะ หนูจะทำยังไงต่อไปดี... คุณแม่เหลือเวลาอยู่กับหนูแค่ 6 เดือน ก่อนหน้านี้คุณแม่แอบไปหาหมอเองโดยไม่บอกใครเลย เพิ่งมาบอกหนูว่าเป็น "มะเร็งไขสันหลัง" ระยะที่ 3 ตอนนี้หนูกลัวและเสียใจที่สุดเลยค่ะ

“คุณเอ(นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (17 มค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาที่พึ่งรู้ว่าคุณแม่เป็นมะเร็ง ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ 6 เดือน โดย ​“คุณเอ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณแม่อายุประมาณ 53 ปี เป็นมะเร็งระยะที่ 3 ที่ไขสันหลัง ซึ่งอาการตอนนี้กำลังลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ คุณแม่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งแต่ไม่ได้บอกคนในครอบครัว และแอบไปรักษาคนเดียว คุณแม่มีลูก 2 คน หนูอายุ 21 ปี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ และพี่ชายอายุ 25 ปี ทำงานฟรีแลนซ์ ได้คุยกับพี่ชายพี่ก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน คุณพ่อก็อยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ได้อะไรกับคุณแม่แล้ว แค่ทำหน้าที่พ่อและแม่เฉย ๆ หลังจากที่พ่อรู้ว่าแม่เป็นมะเร็งก็ช็อคเหมือนกัน เขาไม่ได้รักกันแล้ว แต่ก็ยังมีความผูกพันอยู่ ตอนนี้คุณแม่ไม่ได้นอนที่โรงพยาบาลแต่ต้องไปฉีดมุ่งเป้า (คือการฉีดเฉพาะจุด) อยู่เรื่อย ๆ ตอนนี้คุณแม่ก็ใช้ชีวิตได้ปกติ แต่จะปวดตามกระดูก ตามข้อ ซึ่งวันที่คุณแม่มาบอก ตอนนั้นอยู่ ๆ เขาก็พูดว่า แม่เป็นมะเร็งระยะที่สาม แล้วที่เขาบอกว่าอยู่ได้อีก 6 เดือนคือมันห่างจากตอนนั้นแค่ 3 เดือน หนูรู้สึกว่ามันเร็วมาก และช่วงนี้เขาชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องเขาตายบ่อย ๆ มันก็ยิ่งทำให้หนูเครียด คุณแม่ก็เครียดมากเพราะเป็นห่วงว่าถ้าเกิดเขาไปแล้วจะอยู่กันยังไง...? ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘วันนี้คงเป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ยากลำบาก คือสถานการณ์ของการสูญเสีย แต่ต้องยอมรับว่าไม่ว่าใครทุกคนบนโลก เขาก็ไม่สามารถอยู่กับเราไปได้ตลอด ทีนี้เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องที่บ้านยังไม่ทันเตรียมตัว แล้วพี่ก็ไม่อยากให้คุณแม่เครียด ณ วันนี้ถ้าทุกคนที่บ้านเครียด ตัวคุณแม่เครียด มันก็จะทำให้ช่วงระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ความสุขมันก็ลดน้อยลงไปอีก เราอาจจะต้องเติมพลังบวกให้กันและกัน เหมือนกับก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคุณหมอคนหนึ่งที่เป็นมะเร็ง เค้าเองก็รู้ว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน เค้าก็เหมือนเติมพลังบวกให้กับตัวเอง ในการคิดว่ามันจะเป็นการออกเดินทางครั้งใหม่นะ เราอาจจะช่วยคุณแม่ ถ้าคุณแม่เป็นห่วงเรา เราอาจจะต้องทำตัวให้เราดูแข็งแกร่ง เป็นคนเก่ง แม่ไม่ต้องกังวลเลย เสาร์-อาทิตย์นี้อยากทำอะไรก็ทำด้วยกัน ให้รู้สึกว่าวันทุกวันเราสร้างความสุขแบ่งปันความสุขในทุก ๆ วันที่เราเจอกัน และก็เป็นกำลังใจให้กับเอและพี่ชายแล้วก็ครอบครัวทุกคนเลย ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าช่วงเวลามันมีแค่ 6 เดือนตามที่คุณหมอบอก ซึ่งจริง ๆ มันมีปาฏิหาริย์เยอะแยะมากมายว่าถ้ากำลังใจของคนไข้ดี บางทีมันอาจยาวนานกว่านั้น แต่ถ้า 6 เดือนตามนั้นจริง ๆ พี่ก็แค่อยากบอกน้องเอว่า อยากให้ใช้เวลากับท่านให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เวลามันเดินถอยหลัง ถ้าท่านอยากทำอะไรโดยที่มันไม่ไปขัดขวางการรักษา พี่อยากให้น้องเอใช้เวลาตรงนี้ให้เต็มที่ แล้วก็สิ่งหนึ่งที่พี่ฟังเหมือนท่านยังเป็นห่วง พี่อยากให้น้องเอทำเพื่อให้ท่านได้รู้ว่าถ้าไม่มีท่านอยู่จริง ๆ หนูกับพี่ชายจะอยู่กันได้ดี เพื่อที่ท่านจะไปอย่างไม่มีห่วงอะไร แต่ถ้าน้องเอทำให้ท่านรู้สึกเป็นห่วงด้วยการเสียใจ ไม่มีกำลังใจที่จะทำให้ท่านเห็นรอยยิ้ม พี่ว่าอันนี้ท่านจะยิ่งเป็นห่วง พี่รู้สึกว่าสิ่งหนึ่งที่บางทีคนที่ป่วยเขาไม่อยากเห็น คือคนรอบข้างเป็นทุกข์เพราะมันจะยิ่งทำให้เขาเป็นทุกข์ มันอาจจะต้องฝืน หนูอาจจะร้องไห้ในห้องได้หรือคุยกับพี่แล้วเศร้าใจได้ แต่เวลาอยู่กับท่านอยากให้ส่งพลังบวกให้กันและกัน เพราะเรื่องกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนป่วย ถ้าทำได้อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดท่านจะได้รู้สึกว่าเราอยู่กันได้และมีชีวิตต่อไปได้อย่างดี เขาจะได้ไม่เป็นห่วงเรามาก อย่างสุดท้ายพี่ฝากไว้ละกันเผื่อถ้าเวลามันมาถึง บางทีคนที่ป่วยเป็นโรคแบบนี้ เวลาเชื้อมะเร็งกัดกินแล้วไม่รู้สึกอะไร ถ้าคุณหมอบอกว่าในอีกไม่กี่วันเขาจะไม่รับรู้แล้ว อยากให้น้องเอและคนในครอบครัวไปคุยกับเขาเป็นวาระสุดท้าย เพราะ ณ ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก สำหรับผู้ป่วยก่อนที่เขาจะไม่รู้ตัวและสื่อสารอะไรไม่ได้อีกแล้ว อันนี้พี่พูดในกรณีที่ถ้าเวลานั้นมาถึงจริง ๆ เหมือนเราเตรียมให้เขาไปอย่างสงบ เคลียร์ทุกอย่างบอกเขาว่าไม่ต้องห่วง หนูกับพี่กับพ่อจะอยู่กันอย่างมีความสุข แล้วเราจะคิดถึงเค้าด้วยรอยยิ้มทุกครั้งเมื่อที่เค้าจากไปแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้น้องเอนะ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ จะไม่พูดถึงว่าเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ มันก็เป็นการประมาณการ สำหรับพี่ไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็นเท่าไหร่ การที่เราเกิดมาเรารู้ว่ามันต้องมีอายุขัย สิ่งในชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้มันมีอายุขัยของมัน ณ วันที่เราเกิด เราก็มาพร้อมกับแพ็กเกจคำว่าตายอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วแต่ไม่มีใครอยู่ได้ จริง ๆ มันเป็นสัจธรรมมากเลยเนาะ แต่ว่ามันก็ยากในวัย 21 ปีที่เราจะเข้าใจว่าไม่ว่าช้าหรือเร็วมันก็ต้องจากกันอยู่ดี ทีนี้ความรู้สึกกะทันหันของเอ ถ้าได้คุยกับคนอื่นที่ประสบเหตุกันคนละอย่างกับที่เอเจอ ในหลาย ๆ สายที่เค้าโทรมาว่าคนที่เขารักประสบอุบัติเหตุกะทันหันชนิดที่ว่าเราไม่ได้แม้แต่จะบอกลา ถ้าเค้าเลือกได้บางทีเค้าอาจจะอยากให้เค้ามีเวลาบ้างอย่างที่เอมี อันนี้พี่เปรียบเทียบให้ดูว่าในความที่เราคิดว่าเรากำลังเจอเรื่องราวที่เลวร้าย อย่างน้อยเรายังมีโอกาสทำให้ในทุก ๆ วันที่มันยังมีอยู่ด้วยกัน ย้อนไปในวัย 21 ปี พี่ก็เสียคุณแม่ไปตอนปี 2 ก็ ณ วันนั้นเรายังเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่ได้เป็นพ่อคน เรายังไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีต่อลูกมากพอ เรายังไม่ได้แสดงออก เรายังไม่ใช้โอกาสสุดท้ายในการบอกอะไรที่บางทีเรายังไม่ได้บอก เราก็แค่เขิน ไม่กล้าพูดอย่างที่เติ้ลบอก เพราะเราคิดว่ายังมีเวลา จนเมื่อเค้าไม่รู้ตัว เราถึงรู้ว่าคงไม่ได้บอกแล้ว ซึ่งถ้าเอได้ฟังอยู่ตอนนี้ก็คือ พี่ก็อยากให้เอมีโอกาสที่จะได้บอก บางครั้งเราแค่ไม่กล้าพูดว่ารัก เพราะว่าเราเป็นเด็กวัยรุ่นหรือเขิน ไม่กล้าพูด หรือคำพูดอื่น ๆ ที่เรายังไม่เคยบอก เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ เอก็ยังมีเวลาที่จะทำให้ทุกวันที่ยังมีเค้าอยู่มันไม่มีอะไรติดค้าง ซึ่งสุดท้ายไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เศร้าหรอก ทุกคนก็เศร้าทั้งนั้น วันสุดท้ายของมนุษย์มันเป็นสิ่งที่ประหลาดนะทุกคนต้องเจอ แต่เรามักจะถือสาว่าเราไม่ควรพูด เพราะมันเท่ากับแช่ง แต่ในความเป็นจริงถ้าเราได้พิจารณามันบ้าง ลองนึกดูบ้างว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่มีคนที่อยู่ข้าง ๆ มันจะเป็นยังไง อย่างน้อย ๆ ในวันนั้นเหมือนเราได้ซ้อมรับแรงกระแทกไว้แล้วบ้าง ซึ่งวันนี้เอมีโอกาสละพี่ว่าอยากให้ใช้โอกาสที่เรามีอยู่ตอนนี้บอกหรือคุยกับเค้าไม่ให้มันมีอะไรติดค้าง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1