หัวหน้างานมีลูกมีเมียแล้ว แต่มาขอเลี้ยงดูเรา แบบไม่หวังผลอะไร เราปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็โอนมาให้ทีละ 1000 2000 5000 ตอนนี้อึดอัด ไม่อยากออกงานเพราะงานดี เงินก็ดี เสียดายงานนี้ จะทำยังไงดี?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หัวหน้างานมีลูกมีเมียแล้ว แต่มาขอเลี้ยงดูเรา แบบไม่หวังผลอะไร เราปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็โอนมาให้ทีละ 1000 2000 5000 ตอนนี้อึดอัด ไม่อยากออกงานเพราะงานดี เงินก็ดี เสียดายงานนี้ จะทำยังไงดี?

12 ธ.ค. 2023

          “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ธ.ค 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น กับปัญหาพี่ที่ทำงานอยากขอเลี้ยงดูเรา ทั้งๆ ที่เขาก็มีลูกมีเมียแล้ว

          โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘เป็นเรื่องที่พี่หัวหน้าที่ทำงาน เขาอายุห่างกับหนูเกือบ 20 ปี เขามาขอดูแลเรา ทั้งๆที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว แล้วหนูก็ไม่ได้อยากออกจากงาน เขามาพูดว่า “เขาอยากดูแล เขาไม่อยากได้อะไรจากเรา ขอแค่ดูแล” แต่พอมันเยอะขึ้นๆ หนูก็รู้สึกอึดอัด ก็เลยบอกเขาไปว่า “ไม่ต้องดูแลก็ได้ค่ะ แค่ถามไถ่กันอย่างนี้ก็พอ” แต่มันจะมีช่วงที่เขาให้คนมาถามเวลาเราคุยโทรศัพท์ ว่าเราคุยกับใคร? คุยกับผู้หญิงหรือผู้ชาย

          ช่วงแรกๆ ที่หนูมาทำงาน เขาก็จะซื้อน้ำ ซื้ออะไรมาให้ “หนูก็ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ” แต่พี่เขาก็บอกว่า “ไม่เป็นไร พี่แค่อยากช่วย เห็นเราเป็นรุ่นน้อง” แต่มันเริ่มข้ามเส้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เขาฟอลไอจีมา ไม่รู้ว่าหามาจากไหน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมาชวนเราไปทานข้าว ซื้อของราคาแพงให้เรา บางทีก็โอนเงินมาให้ ครั้งละ 1,000 บ้าง 2000 บ้าง มากสุด คือ 5000 บาท เขาบอกว่า “เขาแค่อยากให้ เขาไม่ได้ต้องการอะไร” หนูก็รู้สึกแปลกๆ เพราะมันมีด้วยหรอที่ให้แล้วไม่ต้องการอะไร เขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว และหนูเองก็มีคนคุยอยู่เหมือนกัน

          หลังจากนั้น 2 เดือนต่อมาเขาก็มาบอกว่า “ขอคุยในฐานะอื่นได้ไหม” หนูก็บอกเขาไปว่า “พอดีมีคนคุยแล้ว แล้วก็ไม่ได้คิดจะชอบเขา” เหมือนมันจะดีขึ้น แต่สักพักเขาก็มาชวนไปทานข้าว ส่งสติกเกอร์ ส่งไลน์ ส่งเพลงมาให้ บางทีหนูก็รำคาญแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ เป็นหัวหน้างานเรา เคยปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ตึงๆ ใส่เรา บรรยากาศมันก็จะตึงๆ บางทีก็เลยยอมไปกับเขาด้วย แล้วเขายังเคยทักไปหาคนคุยเราว่าคุยกับเราจริงไหม? เขาบอกว่าเขาต้องการความชัดเจน แต่งานนี้เงินดี แล้วงานก็ดีมาก ก็เลยไม่อยากจะออก หนูอยากจะปรึกษาว่าควรจะทำยังไง หรือหาคำพูดยังไง หรือว่าควรบอกภรรยาเขาเลยดีไหม?

          โดย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่กำลังเป็นห่วงความปลอดภัย มันปลอดภัยแค่ไหนถ้าเราทำงานอยู่กับเขา 2 คน ถ้าเกิดเขาใช้กำลังกับเรา ถ้าแนะนำตอนนี้คือปฏิเสธให้เด็ดขาด สิ่งที่เขาทำให้อึดอัด แล้วเขาน่าจะเริ่มเข้ามาได้ไม่นาน ฉะนั้นเขาน่าจะไม่ได้มีความหวังอะไรมาก การไม่ไปกินข้าวกับเขาสองต่อสองเป็นการดับความหวัง เพราะการไปกินข้าวกับเขามันเป็นการให้เขามีความหวัง แล้วเขารู้ว่าเราเป็นคนใจอ่อน แล้วของทุกอย่างไม่ต้องรับ เราต้องไม่รับของเขาเพื่อทำให้เขารู้ในความชัดเจน ต่อให้เขาจะไล่หนูออกหรือว่าต้องหางานใหม่ พี่ว่าก็หางานใหม่ถ้าเขาจะไล่เราออกด้วยเหตุผลแค่นี้

          ถ้าเขาให้เงินมาก็บอกไปว่าขอไม่รับ หนูรู้สึกอึดอัดหนูขอไม่รับดีกว่าหนูจะสบายใจกว่า การรับผลประโยชน์จากเขามันแปลว่าเรายอมรับนิดนึงแล้วต้องชัดเจน สำหรับพี่ถ้ายังเสียดายงานนี้ ก็ตีตัวออกห่างแสดงความชัดเจนเลย ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก เราพูดไปเลยว่า “พี่คะ สิ่งที่พี่กำลังทำอยู่หนูอยากให้หยุดเพราะหนูอยากมาที่นี่เพื่อทำงาน แล้วหนูรู้สึกอึดอัด แล้วหนูก็รู้จักกับครอบครัวพี่ ถ้าพี่จะถามหาความชัดเจนระหว่างเราหนูขอปฏิเสธตรงนี้เลย ว่าหนูไม่ได้คิดอะไร สิ่งที่พี่ทำอยู่มันทำให้หนูรู้สึกไม่สบายใจ” ชัดเจนไปเลยต่อให้เราไม่มีแฟนเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรกับเราแบบนี้’

          ต่อมา “ดีเจอั๋น” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าหนูจะบอกภรรยาเขาหนูเตรียมหางานใหม่ ซึ่งถ้าหนูคิดว่าจะหางานใหม่อยู่แล้วก็ไม่ต้องไปบอกภรรยาอยู่ดี พี่ว่าไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นนั้น ถ้าเขาจะให้เงินเรา เราก็บอกไปว่า “ถ้าพี่เห็นหนูทำงานดี พี่ให้เป็นโบนัสเลยตอนปลายปี” จริงๆ นี่คือคุกคามอย่างชัดเจน และคุกคามโดยเอาหน้าที่การงานมากดทำให้เราอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถปฏิเสธ แล้วก็เราพูดไปเลยว่า “แล้วถ้าบังเอิญหนูทำอะไรให้พี่เข้าใจผิดไปว่าหนูมีใจ หนูขออภัยด้วยค่ะ แล้วสิ่งสุดท้ายที่หนูจะทำในชีวิต คือการยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว เพราะมันเป็นบาปค่ะ” แต่พี่ว่ายังไงเราควรหางานอื่นสำรองไว้’

          และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูเริ่มต้นงานอื่นได้ พี่ว่าสิ่งที่เขาทำมันเกินไปแล้ว พื้นที่ส่วนตัวของเรา มันคุกคามแล้วก็ยิ่งเขาชัดเจนว่าขอดูแลเราพี่ว่าเขาไม่ได้หวังดีกับเรา ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นได้ขนาดไหน ถ้าเขายังขนาดนี้ ทั้งที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว พี่ว่าหนูไปทำงานที่อื่นสำหรับพี่ แล้วยืนยันไปว่าหนูไม่มีอะไรมากกว่าการทำงานเลย น้องเอต้องคิดดีๆ พี่ว่าอย่าละเลยต้องระวัง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

15 ส.ค. 2023

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟนหลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกันสุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาทีแฟนไม่เชื่อ คิดว่าเราคบชู้อย่างเดียวเลย ทำไมไม่เป็นห่วงกันบ้างเลย... “คุณสุ (นามสมมุติ)” อายุ 29 ปี สายที่สามของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 ส.ค.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาปัญหา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก กับปัญหาที่เมาแล้วละเมอเข้าห้องผู้ชาย จนแฟนเข้าใจผิด คิดว่าเราไปมีอะไรกับคนนั้นหรือเปล่า? โดย “คุณสุ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแฟนได้ 1 อาทิตย์แล้ว วันที่เกิดเหตุ หนูไปสังสรรค์กับเเฟน พอเสร็จก็กลับมาห้อง เกือบตี 2 กลับมาถึงก็ใช้ชีวิตกันแบบปกติ หนูไม่ได้เมาจนฟิวส์ขาด แต่พอเช้ามา แฟนหนูก็หารองเท้าของเขาไม่เจอปกติจะต้องวางไว้หน้าห้อง ซึ่งเราก็ยังคุยเล่นกันปกติ ยังแซวเขาว่าลืมไว้ที่ร้านหรือเปล่า? จนสักพักแฟนหนูเขาก็บอกว่าจะออกไปหารองเท้า ให้หนูอาบน้ำเเต่งตัว ถ้าเสร็จเเล้วไปเจอกันที่ร้านข้าว เดี๋ยวไปกินข้าวกัน แล้วก่อนที่หนูจะออกไป เป็นปกติที่หนูจะมองหาแมวเพื่อให้แมวมากินข้าว แต่สายตาดันบังเอิญไปเห็นรองเท้าแฟนวางอยู่ที่ห้องผู้ชายคนอื่น ก็เลยคิดทบทวนว่าเมื่อคืนเราก็ไม่ได้ทำอะไรนะ แล้วก็ไม่ได้เมาขนาดที่ว่าจำอะไรไม่ได้เลย เราก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเรื่องชู้สาวอะไรเลยเหมือนกัน แต่หนูเพิ่งมาจำได้ว่าเมื่อคืนหนูฝัน โดยในฝัน หนูเดินออกไปบ้านใครก็ไม่รู้ มีเสียงผู้ชายมาเรียก แล้วในฝันเสียงผู้ชายที่เรียกคุ้นหูมาก หนูก็เดินออกไปแต่หนูไม่รู้ว่าเดินไปบ้านใคร ในฝันหนูเปิดประตูบ้านเขาเข้าไป แล้วเจอผู้ชายคนหนึ่งเเต่หนูไม่เห็นหน้า เห็นแต่รูปร่างเขาเป็นคนตัวเล็ก ดำ แล้วเขาก็ตะโกนใส่หูเหมือนประมาณตกใจว่าหนูไปบ้านเขาทำไม ซึ่งในฝันหนูตกใจมากแล้วหนูก็ออกจากบ้านเขามา หลังจากนั้นหนูก็จำอะไรไม่ได้เลยในฝัน แบบจำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไรต่อ พอเช้าวันนั้นหนูเห็นแล้วว่ารองเท้าอยู่หน้าห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะหนูไม่กล้าไปยืนดูรองเท้าว่ามันใช่ของเเฟนหนูจริงๆไหม หนูเลยทำได้เเค่เดินผ่านไป ซึ่งปกติเวลาอยู่ห้องหรือไปไหนใกล้ๆ หนูก็จะชอบใส่รองเท้าแฟนอยู่แล้ว ระหว่างที่ขับรถไปร้านข้าว หนูก็ทบทวนความฝันของตัวเองว่า เมื่อคืนฝันแบบนี้เเล้วมันจะเป็นจริงๆหรอ แล้วถ้าเกิดเดินไปจริงๆในฝันเจอผู้ชายคนหนึ่งตะโกนใส่ ถ้าหนูเดินเข้าห้องเขาจริงๆ ทำไมเช้ามาเขาถึงไม่มาถามว่าเดินเข้าห้องเขาทำไม เพราะเช้ามาก็ตื่นมาที่ห้องตัวเองเหมือนเดิม พอถึงร้านข้าวก็ถามแฟนว่าเมื่อคืนหนูได้เดินออกจากห้องไหม? แฟนก็บอกไม่รู้ เดินออกไปหรอ เพราะกลับมาถึงอาบน้ำเสร็จก็นอนหลับไปเลย แล้วหนูก็บอกแฟนว่า ตอนจะออกมาหนูเห็นเหมือนรองเท้าแฟนอยู่ห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็เล่าความฝันของหนูให้เขาฟัง แล้วแฟนหนูก็บอกว่าเมื่อคืนห้องนี้เขาเปิดไฟอยู่นะ สักพักแฟนหนูสีหน้าเปลี่ยนทันทีเพราะความคิดเขาคือคิดว่าหนูไปมีชู้กับห้องข้างๆ หนูก็พยายามอธิบาย เเฟนหนูเขาเริ่มอารมณ์ร้อน แล้วข้อเสียเขาเป็นคนที่งี่เง่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ หนูก็บอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนะ หนูไม่ได้ตั้งใจหนูไม่รู้จริงๆ เพราะเราก็ไม่เคยนอนละเมอเเล้วออกไปไหนมีแค่ละเมอเเล้วพูด ซึ่งหนูก็ได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดที่หน้าห้อง ภาพที่เห็นจากกล้องคือหนูเดินไปจริงๆค่ะ ตอนตี 3:24 แล้วหนูก็เดินกลับมาตอน ตี 3:24 เหมือนกัน หนูเปิดเข้าไปแล้วหนูก็เปิดออกมา แต่แฟนหนูเขาปักใจคิดว่าหนูไปมีอะไรจริงๆ เพราะเขาไม่ฟังอะไรเลย ทีนี้ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นหลานชายของพี่ที่ทำงานกับหนู สนิทกัน พอทะเลาะกับแฟน หนูก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เขาก็ตกใจ พี่เขาก็เลยโทรไปถามหลานเขาว่าเมื่อคืนนี้เห็นหนูเดินเข้าห้องไหม เขาก็บอกว่า ไม่รู้เลยครับ ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ไม่ได้ยินเลย ภาพจากกล้องวงจรปิดคือหนูกับมาจากร้านที่ไปสังสรรค์แต่ผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้อง เขานั่งเล่นอยู่โต๊ะม้าหินหน้าห้อง ณ ตอนนี้หนูกับแฟนทะเลาะกันแรงมาก หนูไปปรึกษาพี่ๆเพื่อนๆที่หนูสามารถคุยกับเขาได้เขาก็บอกว่าหนูไม่ปกติที่ละเมอแล้วเดิน จนหนูปรึกษาหมอ หมอบอกว่าจริงๆเคสแบบนี้จะไม่ค่อยเกิดกับคนอายุแบบเรานะ จะเกิดแต่กับเด็ก ส่วนน้อยมากที่จะเกิดกับคนรุ่นนี้ สิ่งที่หนูอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจ คือ ‘เขาก็ยื่นข้อเสนอมาว่ามีสองทางให้เลือก คือ หนูเก็บของออกไปกับจะให้เขาออกไป’ เรื่องนี้ 3 ดีเจ ก็ได้ให้คำปรึกษาตรงกันว่า “อย่างแรกเลยต้องเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพ เพราะในกล้องก็ชัดเจนแล้วว่าเราเข้าไปแล้วออกมาเลย แล้วแฟนก็ควรที่จะพาคุณสุไปปรึกษาหมอดีกว่าทำไมถึงละเมอขนาดนี้ ไม่เห็นมุมที่จะต้องมาทะเลาะกันเรื่องหึงหวง ส่วนเรื่องที่ต้องย้ายออก คุณสุก็ให้เขาออกไปเอง เพราะมันดูงี่เง่ามากที่คุณสุแค่ละเมอเเล้วเดินไปห้องคนอื่น ทั้งๆที่กล้องวงจรปิดก็เห็นชัดเจน คุณสุทำได้เเค่รอเวลาได้อย่างเดียวให้เขาอภัย เพราะเขาไม่ได้มีการรับฟัง แต่ถ้าเราออกไปก็รอดูว่าเขาจะตามไหม ถ้าเกิดเขาตามก็ยื่นข้อเสนอเลยว่าต่อไปนี้ต้องฟังเหตุผล แต่ถ้าเขาไม่ตามก็คือเขาไม่ได้รัก เขาอาจจะอยากเลิก เพราะมันงี่เง่าเกินไปกับเรื่องนี้ แล้วเกิดการละเมอแบบนี้ มันจะต้องถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะมันคือมาจากความรัก เขาจะต้องกลัวว่าคนในห้องนั้นก็ทำไรคุณสุหรือเปล่า หรือถ้าคุณสุเดินไปตกบรรไดล่ะ ส่วนเรื่องผู้ชาย ถ้าอยากให้มีความหวัง คุณสุต้องออกไป อย่างน้อยถ้าเขารักเรา เขาจะรู้สึกว่าคุณสุออกไปเพราะเขานะเพราะเขางี่เง่า ใดๆก็ตาม ตอนนี้คุณสุควรที่จะไปรักษาเรื่องละเมอก่อนดีกว่า มันอันตรายกับชีวิตคุณสุมากกว่านะ เพราะถ้าเกิดยังเดินละเมอแบบนี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นะ…’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีเพื่อนสองคน ผู้ชายกับผู้หญิง แต่เพื่อนผู้หญิงมาปรึกษาว่าเพื่อนผู้ชายคนนี้ ชอบทักมาถามว่าอยู่คนเดียวไหม? แล้วก็ส่งรูป คลิป ช่วยตัวเองมาให้เพื่อนหนูดู เพื่อนหนูปฏิเสธแล้ว แต่ก็ยังส่งมา จนตอนนี้ดูมาเกือบ 2 ปีแล้ว

13 ก.ย. 2024

หนูมีเพื่อนสองคน ผู้ชายกับผู้หญิง แต่เพื่อนผู้หญิงมาปรึกษาว่าเพื่อนผู้ชายคนนี้ ชอบทักมาถามว่าอยู่คนเดียวไหม? แล้วก็ส่งรูป คลิป ช่วยตัวเองมาให้เพื่อนหนูดู เพื่อนหนูปฏิเสธแล้ว แต่ก็ยังส่งมา จนตอนนี้ดูมาเกือบ 2 ปีแล้ว

หนูมีเพื่อนสองคน ผู้ชายกับผู้หญิง แต่เพื่อนผู้หญิงมาปรึกษาว่าเพื่อนผู้ชายคนนี้ชอบทักมาถามว่าอยู่คนเดียวไหม? แล้วก็ส่งรูป คลิป ช่วยตัวเองมาให้เพื่อนหนูดู เพื่อนหนูปฏิเสธแล้วแต่ก็ยังส่งมา จนตอนนี้ดูมาเกือบ 2 ปีแล้ว เพื่อนผู้หญิงบอก ถ้าเขากล้าส่งมา ก็กล้าดู หนูจะทำไงดีคะ? “คุณขนมปัง (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [11 ก.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเพื่อนผู้หญิงโดนเพื่อนผู้ชายส่งรูปของลับมาให้เป็นเวลากว่า 2 ปี โดย “คุณขนมปัง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีกลุ่มเพื่อน 3 คนรวมหนูด้วย อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ม.ปลาย แล้วตอนม.ปลายหนูก็จะสนิทกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ “ส้มส้ม” ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนผู้ชายชื่อ “กาย” ที่คุยกันได้แต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น พอช่วงจบมัธยมเรา 3 คนก็แยกย้ายกันไปต่อมหาลัยคนละที่ ซึ่งตัวหนูกับกายก็แทบไม่ได้คุยกันเลยเพราะเราไม่ได้สนิทกันตั้งแต่ต้น แต่ว่ากายกับส้มเค้าจะยังมีติดต่อกันเพราะเค้าสนิทกัน จนเรื่องเริ่มมาพีคช่วงปี 2 - 3 อยู่ดี ๆ กายจะเริ่มทักไปหาส้มส้มว่า “ทำอะไรอยู่ , อยู่กับใคร” พอส้มส้มบอกว่าอยู่คนเดียวกายจะเริ่มถามส้มส้มว่า “อยากดูมั้ย” ซึ่งหมายถึงอวัยวะเพศของกาย ส้มส้มเลยตอบว่าไม่ดูแต่สุดท้ายกายก็ส่งมา และไม่ได้ส่งมาแค่ครั้งเดียว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากายส่งรูป และคลิปอวัยวะเพศมาเยอะจนนับไม่ถ้วนเลย แถมช่วงหลังก็หนักข้อขึ้นเป็นคลิปช่วยตัวเอง แถมยังวิดีโอคอลมาโชว์อีก ประเด็นคือ กายก็เหมือนจะมีคนคุยหรือแฟนอยู่แล้ว และส้มส้มเองก็มีแฟน ซึ่งทั้งแฟนส้มส้มและกายก็เป็นพี่น้องที่รู้จักกันและสนิทกัน ทุกครั้งกายจะบอกให้ส้มส้มลบแชทเพราะกลัวแฟนส้มส้มรู้ ส้มส้มก็เหมือนปลงก็ฟีลประมาณว่าถ้าจะส่งก็ส่งมาเดี๋ยวดูให้ก็ได้ หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ว่าแบบนี้คืออะไร? และอยากรู้ว่าการที่ผู้ชายส่งแบบนี้ให้ผู้หญิงคือต้องการอะไร?’ โดย “ดีเจทั้ง 3 คน” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้คนส่งมาไม่เท่ากับคนที่ดูมาตลอดนะ เพราะคนที่ส่งมาคำตอบง่าย ๆ คือโรคจิต ส่วนคนดูไม่หยุดหย่อนนี่จิตกว่านะที่ผูกพันกับมันไปแล้วนะ ทีนี้ต้องไปเอาความจริงกับส้มส้มแล้วนะว่าส้มส้มไม่ชอบจริง ๆ หรอ เพราะถ้าคนเราไม่ชอบจริง ๆ อะบล็อกไปตั้งนานแล้ว เพราะนี่คือเรื่องคุกคามทางเพศที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะถ้าโทรมาให้ดูแบบนี้นี่คือการใช้เราเป็นเครื่องมือทางเพศแล้วนะ เพราถ้านาน ๆ ที่ส่งมาแล้วเม้าท์กับเพื่อนว่า “เออมันส่งมาอีกละนะ” ยังพอเข้าใจ แต่นี่ส่งตลอด ละพอกายโทรมาก็รับ จริง ๆ มันง่ายมากแต่เค้าไม่เลือกทำมันอะ เค้าเลือกที่จะรับสารนั้น เพราะถ้าพี่เป็นส้มพี่บอกแฟนแล้วนะว่าไปจัดการให้หน่อย เพราะคำแนะนำพวกพี่คือบล็อกไม่มีอะไรยากเลย พี่ว่าเรื่องนี้มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่จะคิดว่าเค้าผิดปกตินะ เพราะมันไม่มีช่องไหนได้เลยที่จะบอกว่าเค้ามีเหตุผลที่จะทำ เช่นมาจีบหรืออะไร แต่เค้าเป็นโรคจิต เรื่องที่มันไม่ปกติอย่าทำให้มันปกติ เพราะเรากำลังถูกคุกคาม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมผิดไปแล้ว... ภรรยาจับได้ว่าผมเซฟรูปเพื่อนภรรยาไว้ในไดร์ฟ ใช้ AI ตัดต่อให้เพื่อนภรรยาเปลือย จะเก็บไว้ดูคนเดียว เพราะไปอ่านเจอในกระทู้มาว่า ‘ลองกับคนใกล้ตัวจะตื่นเต้นดี’ พอภรรยาเห็น รับไม่ได้ ไม่ให้อภัยผม ต่อจากนี้ผมจะทำยังไงดีครับ?

08 มี.ค. 2024

ผมผิดไปแล้ว... ภรรยาจับได้ว่าผมเซฟรูปเพื่อนภรรยาไว้ในไดร์ฟ ใช้ AI ตัดต่อให้เพื่อนภรรยาเปลือย จะเก็บไว้ดูคนเดียว เพราะไปอ่านเจอในกระทู้มาว่า ‘ลองกับคนใกล้ตัวจะตื่นเต้นดี’ พอภรรยาเห็น รับไม่ได้ ไม่ให้อภัยผม ต่อจากนี้ผมจะทำยังไงดีครับ?

“คุณปุ๋ย (นามสมมติ)” อายุ 39 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 มีนาคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ภรรยาไปเจอรูปวาบหวิวของคนใกล้ตัวที่เราแอบเซฟไว้ โดย “คุณปุ๋ย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้ผมมีปัญหากับภรรยา เนื่องจากภรรยาเปิดคอมพิวเตอร์ผมเพื่อหารูปลูกสาวที่ภรรยาเผลอลบไป แล้วดันไปเจอรูปวาบหวิว หนังติดเรท ซึ่งเป็นรูปของเพื่อนสนิทและคนใกล้ตัวของภรรยาที่ผมเป็นคนตัดต่อ เพื่อเอาไว้ช่วยตัวเอง เพราะผมไปอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตว่า “ลองช่วยตัวเองกับรูปคนใกล้ตัวจะตื่นเต้นมากกว่า” พอภรรยาเห็นรูปพวกนั้นก็พยายามคิดหาเหตุผลกับตัวเองว่าผมทำแบบนั้นทำไม จนภรรยาบอกกับผมว่าเราควรแยกทางกัน ส่วนลูกสาวภรรยาจะเป็นคนดูแลเอง อีกอย่างหนึ่งที่ผมยอมรับผิด คือ ผมเฉยชากับครอบครัวและมักจะผลักภาระทุกอย่างเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้ภรรยาดูแลทั้งหมด ซึ่งภรรยาก็ทำงานไปด้วยและเลี้ยงลูกไปด้วย เวลาที่ผมเหนื่อยกับการทำงานและกลับบ้านมาเจอลูกงอแง ผมก็จะผลักให้ภรรยา เรื่องนี้ก็สะสมมาเรื่อย ๆ จนทำให้ผมมองว่าความรักที่เคยมีให้กันจืดจางลง ยิ่งภรรยาไปเจอรูปวาบหวิวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ภรรยาก็พูดกับผมว่า “ผมทำหน้าที่พ่อได้ขาดตกบกพร่อง ในเรื่องของการดูแลภรรยาและลูก” ผมเองก็รู้สึกผิดกับภรรยามาก เพราะไม่ดูแลเหมือนตอนแรก ๆ ที่จีบกัน หลังจากที่ภรรยาขอหย่า ผมก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง พยายามเข้าหาลูก ดูแลลูกมากขึ้น ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เหนื่อย แต่ลูกก็เข้าหาผมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผมคิดกับตัวเองว่าผมก็ทำได้แต่ทำไมผมถึงไม่ทำตั้งแต่แรก ตอนนี้ภรรยาก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ภรรยาก็ยังมองว่าที่ผมทำอยู่เพราะรู้สึกผิดหรือเปล่า ทำแค่ช่วงแรก ๆ พอเวลาผ่านไปก็คงเป็นเหมือนเดิมอีก เพราะความเชื่อมั่นที่มีผมเป็นคนทำมันพังกับมือตัวเอง แล้วผมจะเป็นคนแก้ไขได้ยังไง? ซึ่งเหตุผลที่ภรรยาขอหย่าก็คือ ภรรยารับไม่ได้เรื่องรูปวาบหวิว เพราะภรรยาไม่รู้จะทำตัวยังไงเวลาเจอเพื่อน จะมองหน้าเพื่อนติดไหม? ทำไมภรรยาต้องมารู้สึกผิดกับเพื่อน ทั้งที่ภรรยาไม่ได้เป็นคนทำผิด แล้วยิ่งผมก็มีลูกสาว ผมทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกลูกสาว ภรรยารู้สึกขยะแขยงผมมาก ผมก็รู้สึกแย่มาก ๆ อยากขอโอกาสแก้ตัว แก้ไขเรื่องนี้ ผมก็กลัวว่าภรรยากับลูกจะทิ้งผมไปก่อนที่ผมจะทำสำเร็จ เพราะภรรยามองว่ามันทรมานมาก เรื่องที่อยากขอคำปรึกษาคือ ผมจะสร้างความเชื่อใจใหม่ให้กับภรรยาได้ยังไง?’ งานนี้ “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘2 สิ่งที่ผู้หญิงจะดูคือ 1. คือความตั้งใจในการสำนึกผิดและเรื่องคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก 2. คือการกระทำ ซึ่งจุดอ่อนของผู้หญิงคือ ลูก เล่นกับลูกในสิ่งที่ภรรยาเล่นกับลูกไม่ได้ ทำให้ครอบครัวนี้ขาดคุณปุ๋ยไม่ได้ แต่ไม่ได้ทำเพื่อเอาคะแนน ทำเพื่ออยากรักษาครอบครัวไว้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องมาจากใจ ถ้าวันนี้ครอบครัวที่มีภรรยาและลูกคือความสุขของคุณปุ๋ย ทุ่มทุกอย่างให้สุด เพื่อที่จะดูแลครอบครัวนี้ ให้เวลา และชดเชยในสิ่งที่ผ่านมา ทำให้ภรรยาไม่เหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือทางจิตใจ ก็อยากอวยพรให้ภรรยายังอยากอยู่เป็นครอบครัวต่อ เพราะฉะนั้นรีบซื้อใจลูกให้ได้มากที่สุด’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณปุ๋ยต้องบอกกับตัวเองก่อนว่าต้องเหนื่อยแน่ ๆ กับการที่จะทำทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ถ้าคุณปุ๋ยเห็นปลายทางว่า ความเหนื่อยที่เราจะต้องตัด เรื่องรสนิยมบางอย่างที่เราชอบออก เปลี่ยนแปลงนิสัยที่เคยทำกับครอบครัว และไม่รู้ว่าความไว้ใจจะกลับมาเมื่อไหร่ ซึ่งคุณปุ๋ยก็ไม่มีสิทธิ์ไปเร่งภรรยาว่าทำมาจะกี่ปีแล้วแต่ทำไมยังต้องทำอยู่ ทั้งหมดคือคุณปุ๋ยต้องทำใจยอมรับเลยว่า ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งสิ้น ถ้าคุณปุ๋ยอยากให้ปลายทาง ยังคงเป็นครอบครัวเหมือนเดิมอย่างที่คุณปุ๋ยต้องการ พี่อยากให้กำลังใจว่า สักวันมันต้องมีวันที่คุณปุ๋ยเหนื่อยมาก ๆ ทั้งเอาใจภรรยาและดูแลลูก ก็อยากให้คุณปุ๋ยนึกถึงภาพสุดท้ายว่า วันนั้นเรายังมีกันและกันเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก สุดท้ายไม่ว่าคุณปุ๋ยจะพยายามสักเท่าไหร่ แต่ภรรยาไม่สามารถเอาความเชื่อใจนั้นกลับมาได้ คุณปุ๋ยก็ต้องยอมรับให้ได้ หลังจากนั้นก็หาวิธีที่จะเป็นพ่อแม่ของลูกให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ อย่าเอาแต่ความต้องการเราอย่างเดียว จนอีกคนเขาไม่มีความสุข’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องนี้ต้องขอบคุณลูกสาวให้เยอะ ๆ คุณปุ๋ยต้องใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดเพื่อภรรยาและลูก คุณปุ๋ยทำเพื่อตัวเองมาตลอด ละเลยครอบครัวจนลูกสาว 4 ขวบ ซึ่งเป็นเวลาที่นานมาก ต่อจากนี้ไม่ว่าภรรยาจะไม่มีเหตุผล หรืองี่เง่าอะไร คุณปุ๋ยคงต้องยอมทุกอย่าง เพื่อที่จะให้ได้ใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้สำหรับผมมันหนักเหลือเกิน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

27 พ.ย. 2023

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้านไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้าย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น!ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลาเขาเหลือเราแค่คนเดียว ถ้าไม่อยากคุยกับป้าจะดูแย่รึป่าว... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาครอบครัวที่พ่อกับป้าระหองระแหงกัน จนทำให้รู้สึกลำบากใจ โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนแรกบ้านหนูอยู่กัน 5 คน คือ หนู , พ่อ , แม่ , คุณป้า (พี่สาวพ่อ) และน้องชาย ทีนี้เหมือนความสัมพันธ์ของป้ากับพ่อแม่ไม่ค่อยดีมานานแล้ว มีเหตุการณ์ที่พ่อว่าป้าแรง ๆ ทำให้วันนั้นป้าขอออกจากบ้านไป ซึ่งหนูเป็นคนกลาง ประกอบกับหนูก็สนิทกับป้าที่สุดในบ้าน ป้าเขาก็เลยจะคอยมาเล่าเวลาพ่อกับแม่ทำอะไรไม่โอเค หรือบางทีพ่อกับแม่ทำอะไรที่ไม่โอเคกับเขา เขาก็จะเอามาเล่าให้หนูฟัง หลังจากที่เขาออกจากบ้านหนูไป ป้าเขาก็ย้ายออกไปอยู่กับพี่สาวแท้ ๆ ด้วยกันอีกคนนึง แต่เหมือนอยู่ไม่ได้ เขาอยากกลับมาอยู่ที่บ้านมากกว่า เขารอพ่อมาง้อแต่พ่อหนูเขาก็ไม่ไปง้อ เพราะพ่อบอกว่า “ป้าเขาออกไปเอง ไม่ได้ไล่” ต่อจากนั้นป้าเขาก็ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว เป็นเหมือนหอพัก ก็ตามสไตล์คนแก่เขาไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนตลอด 60 ปี พอไปอยู่ก็เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ก็เลยไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชมาเดือนนึง ทีนี้พอออกมา เขาก็พูดว่า “ถ้าเขาอยู่ไม่ได้อีก จะยอมไปอยู่โฮมแคร์ (บ้านพักคนชรา) แล้ว” เพราะว่าตอนแรกหนูอยากให้เขาไปอยู่โฮมแคร์มากกว่า อย่างน้อยมันก็มีคนดูแล แล้วสุดท้ายพอออกมาประมาณ 1 เดือนก็อยู่ข้างนอกไม่ได้ เลยยอมไปอยู่โฮมแคร์ ช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาพึ่งออกไปจากบ้าน และก็ก่อนที่จะไปเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ป้าเขาจะโทรหาหนู มาว่า มาด่าพ่อกับแม่ให้หนูฟังทุกวัน แทบจะตลอดเวลาเลย ทำให้หนูรู้สึกเครียดและไม่อยากจะรับสายเขา แต่พอเขาย้ายเข้าไปอยู่โฮมแคร์ เหมือนเขาก็บอกว่ามันก็โอเคนะ แต่พออยู่มาได้ซักพักนึงป้าเขาก็บ่นว่าอยากออกแล้ว เพราะเหมือนเค้ามีปัญหากับคนในนั้น ตอนนี้เขาบอกว่าอยากจะออกมาอยู่หอข้างนอกเหมือนเดิม แม่ก็เคยถามว่าอยากจะให้เขากลับมาอยู่มั้ย? ซึ่งก่อนหน้านี้หนูก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่ มันจะมีช่วงที่หนูไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน แล้วพอมาช่วงหลัง ๆ หนูมานั่งทบทวนดู คือทุกครั้งที่ป้าเขาเจอหน้าหนูจะต้องว่าพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ด่าให้หนูฟัง มันทำให้หนูรู้สึกไม่อยากคุยกับเขา แต่หนูก็รู้ว่าเขามีแค่เรา มันเลยเหมือน “คุยก็เครียด ไม่คุยก็เครียด” หนูอยากจะถามว่า “หนูควรที่จะเปลี่ยนความคิดตัวเองมั้ย คือเขาก็แก่แล้ว และหนูก็พยายามคิดว่าเขามีเราแค่คนเดียว” แต่ที่หนูไปหาจิตแพทย์ เขาก็บอกว่าให้เราเอาตัวเองเป็นหลักถ้าเรารู้สึกไม่ดี หนูเลยคิดว่า หรือว่าเขาควรจะอยู่ในโฮมแคร์ต่อมั้ย คือหนูอยากรู้ความคิดเห็นพี่ ๆเฉยๆ ว่าคิดยังไงกัน... ซึ่ง “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าเพิ่มเติมว่า ‘นิสัยอื่น ๆ ของคุณป้าก็นิสัยดี แต่แค่รู้ว่าเขาเป็นช่วงวัยทองเฉย ๆ ส่วนเรื่องที่มีปัญหากับที่โฮมแคร์ เหมือนว่ามีคนในนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงชอบเปลี่ยนผ้าอ้อมตอนที่คนอื่นเขากำลังกินข้าวกัน แล้วเหมือนกับว่าป้าหนูเขาก็ไม่พอใจเพราะมันเหม็น เจ้าหน้าที่ก็เคยพูดกับคนที่ติดเตียงคนนี้ไปแล้วว่า “ไว้ค่อยเปลี่ยนได้มั้ย” คนนั้นเขาก็ไม่ยอม ซึ่งคนที่ติดเตียงเขาอยู่มาก่อนเลยมีพรรคพวกในนั้นเยอะ ป้าหนูเขาเลยเหมือนทะเลาะและโดนรุม คือเขาบอกว่าเขาจะไม่ไปอยู่โฮมแคร์ที่ไหน ๆ อีกแล้ว เขาบอกว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่ว่าหนูมองว่า ถ้าเป็นราคาที่มันสูงกว่านี้ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอย่างงี้ แต่ว่าด้วยสถานะทางการเงินไม่ได้เอื้ออำนวยเราขนาดนั้น คือ คุณป้าจะมีพี่สาวของคุณป้าที่ให้เงินแต่ละเดือนทุกเดือนอยู่ ตอนแรกป้าหนูเขาจะใช้เงินที่เก็บไว้ แต่ว่าช่วงที่เขาไปอยู่กับพี่สาว แล้วพี่สาวเขาไม่โอเค ให้ออกอะไรแบบนี้ เขาก็โทรมาคุยกับพ่อหนูว่าเดี๋ยวจะให้เดือนละเท่านี้ ๆ นะ “พาป้ากลับไปได้มั้ย” เพราะพี่สาวป้าเขาก็พึ่งหายจากมะเร็ง ลูกเขาก็ไม่อยากให้เขาเครียดด้วย พ่อหนูเขาก็ไม่ค่อยอยากให้ป้ากลับมาอยู่บ้านเหมือนกัน เพราะเหมือนพ่อมองว่าป้าทำให้น้องชายหนูทำอะไรเองไม่เป็น แต่จริง ๆ หนูมองว่าปัญหามันก็เกิดจากทุกคนในบ้าน ซึ่งหนูไปอยู่หอตั้งแต่อายุ 13 ก็เลยไม่ได้สนิทใกล้ชิดกับคนในบ้านขนาดนั้น แล้วเหมือนแม่กับป้าก็สปอยน้องขั้นสุด จากที่หนูคิด ป้าหนูก็ช่วยน้องเกินไปจริง ๆ น้องหนูอายุ 21 ป้ายังช่วยจัดกระเป๋าไปมหาลัยให้อยู่เลย หรือแม้แต่ตอนนี้น้องหนูยังนั่งรถเมล์เองไม่เป็นเลย แต่ทุกวันนี้ที่ป้าไม่อยู่ น้องเขาก็ทำด้วยตัวเองเพราะหนูไม่ช่วย ก็เห็นว่าน้องก็ทำได้ “กำลังคิดว่าหนูมองเขาในแง่ร้ายเกินไปมั้ย ทำกับเขาแย่รึเปล่า ที่ไม่อยากรับสายเขา ไม่อยากคุยกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็เหลือเราแค่คนเดียว” ด้าน “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องที่ว่าหนูมองโลกในแง่ร้ายจนรู้สึกกับเขาแบบนั้น เท่าที่พี่ฟังมา ถ้าพฤติการณ์รอบข้างเป็นแบบนี้ ถ้าเขาไปอยู่ที่ไหนแล้วคนก็จะไม่อยากอยู่กับเขา แสดงว่าเขาก็คงจริง ๆ แหละที่ทำให้หนูรู้สึกแบบนี้ จนหนูต้องไปคุยกับคุณหมอ พี่ว่ามันมีมูลแหละ หนูคงไม่ได้อยากรู้สึกไปเอง เพราะตอนนี้เหตุการณ์มันก็ชัดเจนว่าไปอยู่กับใครก็มักจะมีปัญหา พี่คิดว่าน่าจะให้เขาไปอยู่บ้านพักคนชราเพราะกลัวว่าถ้าไปอยู่คนเดียวจะซึมเศร้าอีก แล้วมันอาจจะนานไปจนสายเกินแก้พี่ว่ามันมีผลกระทบเยอะกว่าการไปอยู่บ้านพักคนชรา คือตอนนี้มันอยู่ที่ว่าเขาปรับตัวกับคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเงื่อนไขในชีวิตเขา เขาไม่มีที่ไปแล้ว หนูก็ต้องคุยกับเขาให้ได้ว่าเขาจะต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ เพราะบ้านพักก็มีเพื่อน มีอาหารต่าง ๆ ให้ ซึ่งมันก็ดีกว่าการไปอยู่หอพักคนเดียว เราอาจจะต้องคุยกับเขาให้เขาเห็นว่าเราหวังดีกับเขา บอกเขาตรง ๆ’ ต่อมาเป็น “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ป้า ป้าต้องฟังนะป้าต้องทบทวนก่อนว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นในชีวิตป้าจนป่านนี้ ทำไมป้าถึงอยู่กับใครไม่ได้ ป้าต้องมีเวลาทบทวนตัวเองหรือคุยกับตัวเอง ไม่งั้นป้าจะย้ายที่จนไม่มีที่สิ้นสุด ป้าจะย้ายไปเรื่อย วันนี้ปัญหา คือ ป้าไม่สามารถอยู่กับใครได้ ป้ากำลังเล่นบทผู้ถูกกระทำ คนรอบข้างกระทำป้าทั้งหมด วันนี้ไหน ๆ ป้าอยู่บ้านพักคนชรา อยากให้ป้าทบทวนว่าเราสามารถปรับตัวอะไรได้บ้าง ป้าเป็นคนเก่ง ใช้ความเก่งของตัวเองในการปรับตัวให้อยู่กับคนอื่น มันไม่มีใครที่ทำอะไรถูกใจเราทั้งหมดหรอก แต่เราต้องอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้ เราต้องอยู่บนที่นี้ให้ได้ ฉะนั้นเราลองปรับเปลี่ยนตัวเองดูมั้ย ลองปล่อยวางดูมั้ย เผื่อว่าอะไรดี ๆ มันจะดีขึ้น บอกป้าเขาอย่างงี้ บอกให้ป้าได้คิด เพราะจากเสียงหนูแล้ว หนูเป็นคนที่ยอมป้าทุกอย่าง แล้วหนูเป็นคนที่แบบเหมือนเป็นฟูกให้กับป้า “มีอะไร ก็มาล้มทางนี้” นี่คือฟูกชิ้นสุดท้ายแล้วป้า ก่อนที่ป้าจะเสียหนูไปอีกคน เพราะหนูบอกแล้วว่าหนูไม่ต้องการพลังงานลบ หนูจะรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่ป้ายังอยู่ที่นี่อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ และมันก็เป็นประโยชน์กับชีวิตป้า แล้วพอป้าจะขอพูดเรื่องนั้น ให้บอกป้า หยุดดดดด! ไม่ต้องพูด ให้ป้าคิดก่อนว่าสิ่งที่ป้าจะพูดออกมานั้นคนอื่นเสียหายหรือไม่ ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ป้าพูด คนอื่นเสียหายป้าไม่ต้องพูดหรือลืมมันไป วันนี้ต้องการโทรแค่ “ป้ากินข้าวยัง สบายดีมั้ย” ต้องการแค่นี้ อยากได้แค่ความห่วงใยในมุมบวก เราควรมาแลกซึ่งกันและกัน และถ้าเกิดว่าป้าปรับตัวสามารถเข้ากับคนอื่นได้ วันนึงป้าอาจจะกลับมาอยู่ในบ้านเราก็ได้นะ แต่ถ้าเราไม่อยากให้เขากลับมาก็อย่าพูดประโยคนี้ออกไป’ และสุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาตัวเองให้รอดก่อน ยุคนี้เอาตัวเองให้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่ต้องกังวลอะไรก็ยากแล้ว ในเวลาแบบนี้เราจะแบกเขาไปได้ถึงไหน ก็คือจะดูแลไปตลอดเลยมั้ย ถ้าคุณหนูมีกำลังและสามารถดูแลได้ ก็ทำได้ตามความต้องการ แต่เท่าที่ฟังมาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ เราก็มีคุณพ่อคุณแม่ของเราที่เราจะต้องดูแล ช่วยเหลือเท่าที่เราจะช่วยเหลือได้ การที่ป้าไปอยู่โฮมแคร์แล้วเราก็ต้องช่วยเหลือ คือ เราก็ช่วยเหลือตรงนั้นได้ แต่หมายความว่าจะเอาเขามาอยู่ในชีวิตเราตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเวลาจะช่วยเหลือใคร เราเองก็ต้องสบายใจด้วย ถ้าเราไม่สบายใจเราจะมีกำลังไปช่วยเหลือเขาได้ยังไง ถ้าการมีอยู่ของเขามันทำให้เราสภาพจิตใจไม่ดีเลย แล้วมันดีจริง ๆ เหรอกับการที่หยิบยื่นมือไปช่วยเขาแล้วเราก็เจ็บเอง พี่เชื่อว่าการจะช่วยเหลือใคร ตัวเราต้องสบายใจก่อน สบายใจปุ๊บ จิตมันก็ดี เราก็มีกำลังที่จะช่วยเหลือกัน แต่เท่าที่ฟังดูเรื่องที่เปลี่ยนผ้าอ้อมตอนกินข้าวมันก็พอมีเหตุมีผลอยู่ แต่ว่าพอพิจารณาจากทั้งชีวิตเขาแล้ว มันก็น่าแปลกที่เขาจะมีปัญหาตลอดทางจริง ๆ แล้วก็เชื่อว่าต่อให้ด่าไปก็ไม่น่าเปลี่ยน คิดว่าด่าไป เขาก็จะงอนแล้วก็จะหาย สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มา 60 ปีแล้ว มันกลายเป็นตัวเขาไปแล้ว มันคงยากที่เขาจะเปลี่ยนแล้ว เขาไม่ได้เกิดมาพร้อมทัศนคติที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งถ้าเขาไม่เปลี่ยนและเราไม่ไหว ก็เอาเท่าที่เราไหว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1