ดีเจอึ้งทั้งห้อง สาวโทรปรึกษา หัวหน้าแฟน ชอบเอางานมาอ้างแล้วชวนแฟนเราไปเที่ยว ล่าสุดทนไม่ไหวแล้วเพราะ หัวหน้าชวนไปทริปส่วนตัวที่ต่างประเทศ บอกแฟนเราว่า 'เงินเดือนตั้ง 2 หมื่น ไปต่างประเทศ หมื่นห้าเอง ไปไม่ได้หรอ?'

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ดีเจอึ้งทั้งห้อง สาวโทรปรึกษา หัวหน้าแฟน ชอบเอางานมาอ้างแล้วชวนแฟนเราไปเที่ยว ล่าสุดทนไม่ไหวแล้วเพราะ หัวหน้าชวนไปทริปส่วนตัวที่ต่างประเทศ บอกแฟนเราว่า 'เงินเดือนตั้ง 2 หมื่น ไปต่างประเทศ หมื่นห้าเอง ไปไม่ได้หรอ?'

14 พ.ย. 2023

          “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย กับปัญหาที่หัวหน้าแฟนชอบชวนแฟนไปเที่ยว จนคุณบีและแฟนอึดอัด

          โดย “คุณบี (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หัวหน้าของแฟน เขาชอบชวนแฟนเราไปข้างนอกหลังเลิกงาน จนวันนี้ไม่ไหวแล้ว เพราะเขาชวนแฟนเรา ถามว่า “ไปต่างประเทศกันไหม” ไปส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวกับบริษัท แต่ไปกันเป็นทีม 5 คน ซึ่งแฟนก็ไม่ได้อยากไป ปฏิเสธไปแล้วว่า “ไม่ไป ไปไม่ได้จริงๆ ต้องเก็บตังไปเที่ยวกับแฟนนะ” เขาก็แบบ “ทำไมล่ะ มีเงินเดือนตั้ง 20,000 ไปต่างประเทศแค่ 15,000 เองไปไม่ได้หรอ นี่ก็ไปกันหมดเลยนะ ถ้าไม่ไปครั้งนี้พี่จะตัดหางปล่อยวัดแล้วนะ”

          ที่ผ่านมาก็ปฏิเสธตลอดว่า ไปไม่ได้จริงๆ แฟนรออยู่ที่บ้าน แฟนทำกับข้าวรอแล้ว วันนั้นที่ไม่ไหวจริงๆ บอกให้เขาโทรเคลียร์กับหัวหน้า เพราะหนูไม่ไหวแล้วทำไมต้องมาชวนบ่อยขนาดนี้ แฟนหนูเป็นของหนู ไม่ใช่ของเขา หนูก็ไม่ได้อยากให้แฟนหนูไปกับเขา หนูก็เลยบอกให้เขาโทรเคลียร์กันเลยได้ไหม ตอนแรกเขาไม่ยอมโทร แล้วหนูก็บอกว่า “ถ้าไม่โทรวันนี้ก็เลิกกันไปเลย” เขาก็เลยยอมโทร แล้วหัวหน้าเขาก็บอกว่า “ทำไมล่ะ พี่ก็ให้ใจเราไปแล้วนะ พี่ก็คิดว่าเราจะให้ใจพี่บ้าง”

          แล้วตอนที่คุยกันก็มีคำถามที่หนูเอ๊ะ ถามมาได้ยังไง คือเขาบอกว่า “จะเลือกเขาหรือว่าจะเลือกแฟน” แฟนหนูก็เลยบอกว่า “เลือกแฟน” เขาก็บอกว่า “ทำไมล่ะ หาตรงกลางไม่ได้หรอ” แฟนหนูเขาบอกว่า “หัวหน้าคนนี้เขาเป็นคนที่โดนอวยมาตลอดชีวิต” บางครั้งเขาก็มีชวนคนอื่นไปกันบ้าง บางครั้งก็ชวนไปกันสองคน แล้วเขาก็พูดว่า “ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ต้องทำงานกับพี่นะ ไปทำงานกับคนอื่น” แล้วเขาก็บอกว่า “ถ้าไปทำงานกับคนอื่นอะ พี่ก็จะเขียนใบลาออกเลยนะ” แฟนหนูก็บอกว่า “เนี่ยผมเขียนไปแล้ว เพราะผมทะเลาะกับแฟน ผมไม่อยากมีปัญหากับแฟน” เขาก็บอกว่า “ก็เขียนสิ เดี๋ยวพี่เขียนให้ พี่ก็จะออกด้วย” อยากจะถามว่าหนูใจแคบไหม

          ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาอย่างนี้นะบี ถ้าประโยคที่บีพูดกับพี่ บีไม่ได้โกหก เพราะว่าการที่ใครจะมาพูดอะไรแบบนั้นอะ มันประสาทมันไม่ใช่คนปกติ ถ้าบีไม่ได้โกหกพี่ในรูปประโยคอะ ก็คือหัวหน้าประสาท ผิดปกติ ไปต่างประเทศอย่างงี้ ไม่ต้องไป ไปต่างประเทศใช้เงินนะ มีเงินอยู่ 20,000 ไปต่างประเทศ 15,000!! ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต ไม่ต้องจ่ายเลยหรือไง ตอบสั้นๆ ไปเลย ไม่ไป ไม่มีเงิน แล้วเดินหนี ต่อให้คุณแฟนมีเงินเดือน 50,000 ก็ตาม ไม่มีสิทธิ์บอกว่าแค่ 15,000 เอง ให้ความคิดเห็นเหมือนกันคือ ไม่ต้องไป ไม่ไปแล้วรอดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคนนี้กลั่นแกล้งเราในหน้าที่การงาน ไปหาหัวหน้าใหญ่บอกว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก่อนออกก็บอกว่า อีบ้า’

          ต่อมาเป็น “ดีเจเติ้ล” ได้บอกว่า ‘ถ้าที่บีพูดมา ก็ปสด. มีความผิดปกติ ก็คือต้องได้รับการรายงาน พี่แนะนำให้ลองคุยกับหัวหน้าที่เป็น Top เจ้าของบริษัท เพราะว่านี่มันส่งผลกับการทำงาน อันนี้เป็นบ้าแล้ว บีไม่ต้องสงสัยในตัวเอง บีปกติแล้ว ไม่ต้องไป ไม่มีเงิน เก็บเงินไว้ไปเที่ยวกับบี เคลียร์ก่อนลองคุยกับหัวหน้าก่อน แต่ถ้าหัวหน้าเป็นบ้าเหมือนกันอีก พี่ว่า ออกเถอะ ปีเดียวเอง อันนี้ดูเอาแต่ใจมากเลย พูดอะไรไม่มีเหตุผลเลย’

           สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาพร้อมอุทานขึ้นมาทันทีว่า ‘โอ้ย อีบ้า!! ไม่ให้กูทำอะไรอย่างอื่นเลยหรอ เงินเดือนไม่มีรายจ่ายเลยมั้ง ประโยคที่พูดออกมาแต่ละประโยค จะเงินเดือนเท่าไหร่ มันก็ต้องเข้าใจว่าเงินเดือน 20,000 อ่ะ 15,000 มันใช้เลยไม่ได้ ถ้าเขาเป็นคนปกติไม่ว่าเขาจะเงินเดือนเท่าไหร่เขาต้องเข้าใจ แต่ละประโยคที่หลุดออกมาคิดว่าตรรกะเขาคงบิดไปแล้ว หรือบางทีการเป็นทนายมันต้องเชื่อมั่น ในสิ่งที่ยึดถือว่าโจทก์พูดแบบนี้คือถูก ฉันก็ต้องยึดมั่นตรงนี้ นี่คือตรรกะของฉันว่าลูกความฉันถูก คราวนี้เพี้ยนไปเลย ไม่สนสี่สนแปดอะไรเลย ให้ความคิดเห็นคือ ไม่ต้องไป บริษัทกฎหมายอื่นๆ ที่ดีมีเยอะแยะ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สิบปีที่แล้ว ผมคบกับแฟน แฟนบอกผมว่าแฟนท้อง ผมยืดอกรับแบบแมนๆ เลี้ยงลูกจนโต ไม่นานมานี้ สังเกตว่า แฟนผมเขาชอบแอบไปคุยกับผู้ชายอีกคน จนรู้ความจริงว่า ที่แท้ลูกที่ผมเลี้ยงมาเป็นลูกผู้ชายอีกคน ตอนนี้ผมเลิกกับแม่ของลูกแล้ว

20 มิ.ย. 2025

สิบปีที่แล้ว ผมคบกับแฟน แฟนบอกผมว่าแฟนท้อง ผมยืดอกรับแบบแมนๆ เลี้ยงลูกจนโต ไม่นานมานี้ สังเกตว่า แฟนผมเขาชอบแอบไปคุยกับผู้ชายอีกคน จนรู้ความจริงว่า ที่แท้ลูกที่ผมเลี้ยงมาเป็นลูกผู้ชายอีกคน ตอนนี้ผมเลิกกับแม่ของลูกแล้ว

สิบปีที่แล้ว ผมคบกับแฟน แฟนบอกผมว่าแฟนท้อง ผมยืดอกรับแบบแมนๆ เลี้ยงลูกจนโต ไม่นานมานี้สังเกตว่า แฟนผมเขาชอบแอบไปคุยกับผู้ชายอีกคน จนรู้ความจริงว่า ที่แท้ลูกที่ผมเลี้ยงมาเป็นลูกผู้ชายอีกคนตอนนี้ผมเลิกกับแม่ของลูกแล้ว แต่ลูกก็ยังอยู่กับผม ผมเลี้ยงเขามาขนาดนี้แล้ว รักเหมือนลูกของตัวเองและเลี้ยงต่ออย่างดี จนตอนนี้เปิดใจคุยกับผู้หญิงคนใหม่ เขารู้ทุกเรื่องที่เกิดกับผม แต่ทุกครั้งเวลาเรามีปัญหากันเขาจะเอาปมเรื่องนี้มาด่าผม “พี่โง่ปะวะ ไปรับลูกใครมาเลี้ยงก็ไม่รู้” ผมควรจะไปต่อกับเขา หรือ พอแค่นี้ดี “คุณโจ๋ (นามสมมติ)” อายุ 37 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [18 มิ.ย.68] โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเลี้ยงลูกมานาน แต่เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง มีคนคุยใหม่เขาก็ไม่ยอมรับ โดย “คุณโจ๋ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมอายุเท่านี้เคยผ่านการแต่งงานมีครอบครัวมาแล้ว ผมคบกับคนนี้มาสิบปีก็ปกติดีทุกอย่าง จนวันหนึ่งผมจับได้ว่าเขาคุยกับผู้ชายคนอื่น ซึ่งข้อความนั้นเป็นการอัปเดตเรื่องลูกซะส่วนใหญ่ ผมสงสัยก็เลยเก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ จนเพิ่งได้รู้ว่าลูกที่ผมเลี้ยงมาตั้งนานไม่ใช่ลูกของผม เรื่องมันเกิดจากตอนนั้นอายุ 24 ปี เขาท้องผมก็คิดว่าเป็นของผม ก็แมน ๆ เลยรับเป็นลูก ผมก็เลี้ยงมาอย่างดี อนาคตดีเลย พอผมมาเห็นแชทก็ใจสลาย ไปถามเขาเขาก็ไม่ยอมรับจนต้องเปิดแชทให้ดู เขาก็ยอม หลังจากนั้นเราก็เลิกกันด้วยดี ตอนนี้ลูกยังอยู่กับผมเพราะผมผูกพันธ์ไปแล้ว และที่บ้านของผมก็รัก ทางด้านแฟนเก่าผม หลังจากเลิกรากันไปก็มีครอบครัวใหม่ของเขาแล้ว ไม่ค่อยได้มาหาลูกเท่าไหร่ หลังจากแยกกันได้ 3 ปี ตัวผมก็แอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นปีแล้ว วันหนึ่งมีโอกาสได้คุยกัน ผมเปิดใจไม่มีอะไรปิดบัง เริ่มตั้งแต่เล่าโปรไฟล์ว่าผมมีลูกมาแล้ว เล่าเรื่องทุกอย่างเพราะไม่อยากให้มีปัญหาในภายหลัง เขาก็โอเค คุยกันไป 6-7 เดือน ปมอันนี้ก็ทำให้ผมไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปคบกับเขาได้ เพราะเขามาว่าผมว่า “พี่โง่ปะวะ ไปรับลูกใครมาเลี้ยงก็ไม่รู้” ทั้ง ๆ ที่เขารู้โปรไฟล์ผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาก็ตึงใส่ผม ตอนแรกก็คุยกันมาดีโทรคุยกันบ้าง แต่พอพูดถึงลูก เขาก็อารมณ์ขึ้นทันที เขาบอกว่ามันเป็นปมของเขา เขาบอกอีกว่าถ้าเขาเจอผู้ชายที่ฐานะเท่ากันกับผมแล้วไม่มีลูก เขาพร้อมเขี่ยผมทิ้งได้ตลอด แต่ที่เขายังคุยอยู่ถึงทุกวันนี้เพราะผมมีประโยชน์ ผมช่วยเหลือเขาได้ตลอด อยากได้อะไรผมหาให้ พาไปไหนผมก็พาไป อยากลงทุนผมก็ช่วยเสนอแนวคิดให้ ผมแบ่งเวลาให้กับเขาและลูกได้ ผมก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า เวลามองมาเห็นผมมีโปรไฟล์แบบนี้ ผู้หญิงเขาจะมองแบบไหน? แบบเขาหรอ? และการตัดสินใจรับลูกคนอื่นมาเลี้ยง ผมตรรกะเพี้ยนมั้ย? ชอบมีคนพูดกับผมแบบนี้… ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องเริ่มที่ตัวคุณโจ๋ก่อน ถ้ามีความตั้งใจที่จะไม่บอกความจริงกับลูกแล้วจะเลี้ยงเขาเหมือนลูกแท้ ๆ ต้องเลิกคิดว่าลูกเป็นลูกของคนอื่นก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนมาว่าเราโง่ที่ไปเลี้ยงลูกคนอื่น ให้ตอบกลับไปว่า “อย่ามายุ่งกับลูกกู” ที่บอกว่าตายแทนลูกคนนี้ได้ จงประพฤติแบบนั้น แล้วเขาจะไม่มีคุณค่าพอที่จะอยู่ในชีวิตของเราอีกต่อไป ต่อไปประเด็นผู้หญิงคนอื่นจะคิดแบบนี้มั๊ย บอกเลยว่า ไม่ อาจจะมีคนที่คิดแบบนี้และไม่ได้คิดแบบนี้ เพราะยิ่งสมัยนี้มีอีกมากมาย การหย่าร้างกัน มีลูก มีความรักครั้งใหม่ เขาก็ดูแลในแบบที่เข้าใจกันได้ อย่าให้ความคิดแย่ ๆ ของผู้หญิงคนนึงมาทำให้เราผิด ซึ่งมันจะย้อนกลับไปที่ข้อแรกว่าคุณจะตั้งคำถามกับการมีลูกคนนี้ว่าเป็นปัญหาในชีวิตคุณหรือเปล่า ซึ่งมั่นไม่ควร โจ๋ไม่ควรลังเลว่าตัดสินใจถูกหรือผิด ตอนนี้มันขัดกันเองอยู่ ณ วันนั้นที่รับมาเขาคือลูกของเรา ณ วันนี้ไม่ว่าเราจะเจอความจริงอะไรก็ตาม เขาก็คือลูกของเรา ถ้าทำให้ตัวเองเชื่อว่าเขาคือลูกของเราได้ มันจะไม่มีคำถามอื่นแล้ว’ ต่อไป “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผู้หญิงไม่ได้คิดแบบนี้ทุกคน พี่มองว่าผู้หญิงที่หยาบคายแบบนั้นคือส่วนน้อยแค่โจ๋เลือกผิดคน เพราะคำพูดแต่ละคำไม่ให้เกียรติเราเลยสักนิด โง่ที่สุดของโจ๋ไม่ใช่การเก็บลูกคนนี้มาเลี้ยง แต่เป็นการเลือกผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในชีวิต ถึงเขาจะมองเรามีประโยชน์ แต่พี่ไม่เห็นประโยชน์ในตัวเขาเลย ถ้าเอาเข้ามา Toxic แน่นอน ถ้าลูกเราเป็นที่หนึ่งแล้วคนที่เข้ามาใหม่ต้องเดินไปพร้อมกับครอบครัวเราได้ ไม่ใช่มาเห็นแก่ตัว ผู้หญิงคนนี้ยังต่ำกว่ามาตรฐาน’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผู้หญิงดี ๆ ถ้าได้ฟังเรื่องราวนี้แล้วเค้าจะพูดว่า "โจ๋เป็นสุภาพบุรุษมากเลย, โจ๋มีความเป็นพ่อที่ดีเลย, พอรู้ความจริงแล้วยังเลี้ยงต่อนี่คือหัวหน้าครอบครัวที่พึ่งพาได้สุด ๆ" ผู้หญิงดี ๆ จะคิดแบบนี้ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงไปคิดเอาเอง ซึ่งที่โจ๋บอกว่าคบผู้หญิงคนนี้บอกกันทุกอย่างแบบไม่ปิดบังแม้กระทั่งเรื่องลูก สำหรับพี่ พี่มองว่าไม่จำเป็นต้องบอกใครเลยเพราะเขาคือลูกโจ๋ ผู้หญิงที่เข้ามาต้องเป็นอีกคนที่ทำให้โจ๋นั้นสมบูรณ์ ไม่ใช่เข้ามาให้ตั้งคำถามกับลูก ใครที่เข้ามาทำให้ลังเลสามารถตัดออกจากชีวิตได้เลย’ ทั้งนี้ “ดีเจต้นหอม” ได้ฝากไว้ว่า ‘ลูกต้องไม่ใช่ปมของเรา ลูกคือความสุข อย่าทำให้ความสุขนี้หายไป’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ยังไงคะคุณแม๊! คบกับแฟนมา 5 ปี ย้ายไปอยู่บ้านแฟน แต่แม่แฟนใช้ชื่อแฟนเก่า เรียกเราทุกครั้ง ทั้งๆที่ชื่อไม่เหมือนกันเลย แฟนเก่าแฟนเค้าเคยคบกันมา 7 ปี จนตอนนี้เราอึดอัดย้ายออกจากบ้านแฟนมาแล้ว ล่าสุด แม่เพิ่งแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนใน Facebook ด้วย

22 มี.ค. 2024

ยังไงคะคุณแม๊! คบกับแฟนมา 5 ปี ย้ายไปอยู่บ้านแฟน แต่แม่แฟนใช้ชื่อแฟนเก่า เรียกเราทุกครั้ง ทั้งๆที่ชื่อไม่เหมือนกันเลย แฟนเก่าแฟนเค้าเคยคบกันมา 7 ปี จนตอนนี้เราอึดอัดย้ายออกจากบ้านแฟนมาแล้ว ล่าสุด แม่เพิ่งแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนใน Facebook ด้วย

“คุณปาล์ม (นามสมมติ)” อายุ 33 ปีสายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [20 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับแม่แฟนชอบเรียกชื่อเราเป็นแฟนเก่าตลอด โดย “คุณปาล์ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมา 5 ปี ทุกครั้งที่ต้องไปเจอแม่แฟนหรือพูดคุยกัน เขาจะชอบเรียกชื่อหนูเป็นชื่อแฟนเก่าของลูกชายเขาตลอด ปกติหนูแทนตัวเองว่าหนูตลอด แต่แฟนจะเรียกชื่อของหนู แล้วคุณแม่เขาก็ชอบไปแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนเราด้วย เพราะเป็นรูปที่แฟนเก่าถ่ายกับหลานเขา หลานเป็นลูกของน้องชายแฟนที่แม่เคยเลี้ยง แต่หนูก็พยายามที่จะทำดีด้วย พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีตลอด ตอนนี้หนูกับแฟนมีลูกด้วยกันแล้ว และก็แยกบ้านอยู่กับแม่แฟน แต่ก่อนที่จะแยกบ้านแม่เขาเคยพูดว่า ไม่ชอบเด็ก เกลียดเด็ก ไม่อยากได้ยินเสียงเด็ก หนูเลยแยกออกมาอยู่ที่อื่น เพราะหนูคิดว่า 5 ปีแล้วทำไมถึงยังเรียกผิดอยู่ แล้วหนูก็รู้สึกในใจว่าแม่เขาคิดอะไรเพราะแม่ก็อายุแค่ 55 เอง หนูอยากถามพี่ ๆ คิดว่าแม่เขาคิดอะไรไหมแล้วมีวิธีรับมือยังไงบ้าง คำแนะนำจากดีเจเผือก : มันแก้ไม่ได้หรอกกับคนที่ใช้ชีวิตมา 55 ปี มันมีแหละเวลาที่ผ่านไปแล้วจะชนะใจแม่ผัวได้ แต่ก็อย่าไปคาดหวังว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นแบบที่จะต้องรักกันเอ็นดูกัน แต่ถ้าเราเปลี่ยนเขาไม่ได้เราก็ต้องเปลี่ยนที่ความรู้สึกของตัวเองว่าเราอย่าเอาความสุขของเราไปผูกกับปฏิกิริยาของเขามาก แล้วยิ่งได้แยกกันอยู่คิดว่าความปวดหัวมันลดไปเยอะเลยนะ คือจินตนาการว่าถ้ายังอยู่บ้านเดียวกันพวกคำพูดอะไรเหล่านี้คงจะทำร้ายเราแทบจะทุกวัน ซึ่งคำว่าทำร้ายเราต้องเข้าใจก่อนว่าบางทีเขาก็พูดไปเรื่อยนะ มันอาจจะไม่ถูกต้องถูกใจเราแต่บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าเจตนาเขาเป็นแบบไหน เราฟังก็ไม่รู้หรอกว่าคาแรคเตอร์แม่สามีคุณปาล์มเขาเป็นแนวไหนกันแน่ พูดไปเรื่อย ปากร้ายใจดีหรือไม่ชอบหน้ากันจริง ๆ แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณปาล์มอยากเอาชนะใจก็เป็นตัวของตัวเองแหละ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเราเชื่อมั่นว่าตัวเราไม่ได้มาร้ายอะไร แล้วเราก็เป็นแม่ของหลานเขา เป็นเมียของลูกเขาวันนึงก็อาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่คุณปาล์มไม่ต้องไปหวังว่าจะดีขึ้นอะไรมากมายเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปอยู่ใกล้อะไรมากมีความสุขกับสามีกับลูกของตัวเอง เดี๋ยวพอเขาอายุสัก 3-4 ขวบ คุณปาล์มก็จะมีความสุขกับลูกมาก เพราะเดี๋ยวเขาเริ่มพูดเอง มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น อะไร ๆ ที่ออกมาจากปากเขามันจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ก็อยู่กับสิ่งที่สร้างความสุขให้เราอะไรที่มันทำให้เรารบกวนจิตใจมากก็เลี่ยง ๆ ไม่ต้องไปเจอ ส่วนเรื่องเรียกชื่อผิด ๆ ถูก ๆ อยู่ก็แทนชื่อตัวเองไปเลย ถ้ายังผิดอีกก็หายใจลึก ๆ และคิดว่าเขาเป็นแม่ผัวเราแค่นั้นเอง คำแนะนำจากดีเจเติ้ล : พี่เห็นด้วยกับพี่เผือกว่าต้องไม่คาดหวังว่าเขาเรียกเราถูก ทำตัวให้ชินไปเลยว่าถ้าฉันไปบ้านเมื่อไรฉันจะมีอีกชื่อนึง เพราะว่าตอนนี้เราไม่รู้ว่าที่เขาเรียกเพราะเขาหลงลืม เขาติดปากหรือเขาตั้งใจซึ่งคิดไปก็ปวดหัว แต่ตอนนี้หนูออกมาอยู่กับครอบครัวแล้วอะพี่ว่าก็แฮปปี้และที่เขายอมปล่อยออกมา แล้วยิ่งไปคาดหวังก็จะยิ่งเฮิร์ทป่าว ๆ สำหรับพี่ก็แค่คนคนนึงที่เราไม่ได้สนิทอะไรกับชีวิตมากก็ไม่ต้องคาดหวังว่าเขาจะมาจำอะไรเราหรอกสำหรับพี่นะ ถ้ามันจะทำให้พี่ะบายใจอันนี้ตอบแบบจริงใจ ถ้าตอบแบบขำ ๆ ปาล์มลองแทนตัวเองเป็นชื่อที่เขาเรียกไปเลย สมมติเขาเรียกหนูว่ากิ๊ฟ อ๋อค่ะกิ๊ฟก็ว่าอย่างนั้นแหละ ดูสิว่าเขาจะเอ๊ะไหม ถ้าเขาแกล้งจริง ๆ เขาก็คงแบบ อ้าวไม่ได้ชื่อกิ๊ฟแล้วทำไมแทนตัวเองว่ากิ๊ฟอะ ก็ลองดูว่าจะเอายังไง และ คำแนะนำจากดีเจต้นหอม : พี่ว่าแม่ผัวยังไม่ได้ร้ายอะไรมาก มันแค่มีปัญหาเล็กน้อยสำหรับการได้แม่ผัวอย่างนี้ แล้วเขาไม่ยุ่งกับเราคือเป็นบุญที่สุดแล้ว การที่เรามีครอบครัวและแม่ผัวไม่มาวุ่นวายกับเรานี่คือข้อดีที่ใหญ่มากมาทดแทน แต่ถ้าเรื่องนี้มันกวนใจ อันดับที่ 1 คือแทนชื่อตัวเองทุกครั้งแบบที่พี่เผือกบอก แทนตัวเองว่าปาล์มอย่างนู้น ปาล์มอย่างนี้ และอย่างที่ 2 ก็คือพี่เติ้ล ก็เป็นคนนั้นไปเลยไม่ต้องไปคิดว่ามันคือแฟนเก่า แต่มันชื่อซ้ำกันได้ไม่เป็นไรฉันชื่อนี้ได้ กับ 3 แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ไปเลยที่เกี่ยวกับชื่อคุณ ถ้าสุดท้ายแล้วไม่รอดจริง ๆ ก็เปลี่ยนที่ความคิดเราเพราะว่าสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ชั่งน้ำหนักแล้วมันมากกว่าสิ่งเล็กน้อยนี้มาก แล้วให้ลูกเราเรียกว่า แม่ปาล์ม ๆๆ ทุกครั้ง หรือจริง ๆ เขาอาจจะลืมจริง ๆ ก็ได้เพราะเราก็ไม่ได้เจอเขาบ่อยขนาดนั้นเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น เรียนจบแล้ว จะอยู่เที่ยวต่อก่อนกลับไทย 1 เดือน ทักไปขอเพื่อนผู้หญิง จะขออยู่ด้วยชั่วคราว แต่เพื่อนผู้หญิงบอกว่าไม่สะดวก ก็เลยไปขอเพื่อนผู้ชายที่เรียนด้วยกันที่ญี่ปุ่น

04 ก.ค. 2025

หนูเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น เรียนจบแล้ว จะอยู่เที่ยวต่อก่อนกลับไทย 1 เดือน ทักไปขอเพื่อนผู้หญิง จะขออยู่ด้วยชั่วคราว แต่เพื่อนผู้หญิงบอกว่าไม่สะดวก ก็เลยไปขอเพื่อนผู้ชายที่เรียนด้วยกันที่ญี่ปุ่น

หนูเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น เรียนจบแล้ว จะอยู่เที่ยวต่อก่อนกลับไทย 1 เดือน ทักไปขอเพื่อนผู้หญิงจะขออยู่ด้วยชั่วคราว แต่เพื่อนผู้หญิงบอกว่าไม่สะดวก ก็เลยไปขอเพื่อนผู้ชายที่เรียนด้วยกันที่ญี่ปุ่นเพื่อนคนนี้บอกว่า มาเลย นอนด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา หนูรู้สึกว่าอยากประหยัดเงิน แต่จะบอกแฟนหนูยังไงดีให้เขาเข้าใจว่าจะขออยู่ห้องเพื่อนผู้ชายคนนี้ กลัวว่าแฟนจะหึง แต่ถ้าต้องไปจ่ายค่าโรงแรมเองหนูก็คิดว่าจะรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว “คุณทราย (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ก.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจก็อตจิ - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องราววีซ่าเหลือ อยากเที่ยวต่อ มีเพื่อนให้พักฟรีแต่ก็ดันเป็นเพื่อนผู้ชาย แต่กลัวแฟนไม่สบายใจ โดย “คุณทราย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนอยู่ประเทศญี่ปุ่น โครงการ 1 ปี เดือนหน้าจะเรียนจบแล้วแต่วีซ่ายังไม่หมดจึงวางแผนที่จะเที่ยวต่อ ซึ่งการวางแผนเที่ยวก็ต้องจองโรงแรมก่อน แต่เราก็มีเพื่อนที่ยังอยู่ญี่ปุ่นสามารถให้เราไปพักฟรีด้วยได้ แต่ประเด็นคือ เขาเป็นเพื่อนผู้ชาย แต่เราเป็นผู้หญิง หนูเองก็มีแฟนอยู่ที่ประเทศไทยก็เลยตัดสินใจอยู่ว่าจะจองโรงแรมดีมั๊ยหรือว่าไปนอนหอพักกับเพื่อนดี แต่ก็เกรงใจแฟนกลัวแฟนจะไม่สบายใจ ไม่รู้จะบอกแฟนยังไงดี? ปกติหนูกับแฟนมีอะไรจะปรึกษากันตลอด มาอยู่ญี่ปุ่นความสัมพันธ์ก็ยังดี แต่ช่วงนี้เขาไปเกณฑ์ทหาร ก็เลยไม่ได้ปรึกษาในเรื่องนี้ หนูอยากไปอยู่หอเพื่อนผู้หญิงก็เป็นหอในไปอยู่ด้วยไม่ได้ หนูอยากจะถาม 2 คำถามคือ 1. ในฐานะที่หนูยังเป็นนักศึกษาอยู่ยังไม่มีรายได้ของตัวเอง ควรจะอยู่หอเพื่อนหรือไปจองโรงแรมดี 2. ถ้าตัดสินใจไปพักกับเพื่อนผู้ชายจะบอกแฟนยังไงดี’ ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน “ดีเจเผือก - ดีเจก็อตจิ - ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาตรงกันว่า ‘จะไปนอนที่หอพักของเพื่อนผู้ชายไม่ได้เด็ดขาดไม่ว่ากรณีไหนก็ตามเพราะเขาเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง บนโลกใบนี้ผู้หญิงผู้ชายเป็นเพื่อนกันได้แต่จะไปนอนค้างด้วยกันเป็นเดือนไม่ได้ หรือถ้ามีเหตุจำเป็น มากที่สุดก็ให้แค่ 1 คืนเท่านั้น หรือไม่ก็ไปหาที่พักแบบ Airbnb หรือ Hostel อะไรราคาถูกก็นอนไป อย่าดิ้นรนหรือพยายามทำอะไรเกินตัว การอยู่ต่อเพื่อที่จะเที่ยวเพราะวีซ่าเหลือ มันไม่ใช่เหตุผลจำเป็นอะไรเลย ที่สำคัญเรื่องนี้อย่าไปเอ่ยปากถามแฟนเด็ดขาดเพราะจะกลายเป็นว่าทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้ เขาอาจจะระแวงเราไปเลย จากความสัมพันธ์ดี ๆ จะกลายเป็นไม่โอเค จริงอยู่ที่เราไว้ในแฟนแต่เราไม่ควรไว้ใจคนอื่นหรือใครทั้งสิ้น’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘จริง ๆ มันไม่ใช่แค่เรื่องแฟนหึง แต่มันมีเรื่องความปลอดภัยของตัวเราเองเข้ามาเกี่ยวด้วย เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทำอะไรเรา รู้จักกันมาแค่ 1 ปีเอง ไม่มีใครการันตีได้เลย ต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย หรือสมมติว่าอยากมาหางานที่นี่ ก็ตั้งเดดไลน์ไว้ ถ้าเดือนนี้เราเช่าคอนโด แล้วต้องหางานให้ได้ภายในตอนไหน ถ้าเดือนนี้ไม่สามารถมีเงินจ่ายค่าคอนโดได้ให้บินกลับเลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนู แม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาที ให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ

29 มี.ค. 2024

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนู แม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาที ให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนูแม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาทีให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ พีคสุด นัดครอบครัวผู้ชายมากินข้าวด้วยกัน ตอนนั้นหนูยังเด็ก ทำตัวไม่ถูกเลย “คุณน้ำ(นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (27 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่สวมรอยเป็นเราไปคุยกับผู้ชายในเฟสบุ๊คจนได้คบกัน ถึงขั้นนัดกันไปกินข้าวกับครอบครัวผู้ชายคนนั้น! โดย ​“คุณน้ำ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มันเริ่มมาจากหนูมีเฟซบุ๊ก น่าจะช่วงวัยประถม ประมาณ ป.4-ป.5 และไม่ได้รู้สึกว่าการที่แม่รู้พาสเวิร์ดหรือเข้าไปอ่านแชทเวลาเราคุยกับเพื่อนเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะตอนนั้นเด็กมาก ๆ เลยคิดว่าแม่คงเป็นห่วง แต่มันกลายเป็นว่าคุณแม่ตอบแชท ตอบคอมเมนท์แทน โดยที่ทำตัวเป็นเราและเป็นอย่างนี้มาเรื่อย ๆ จนประมาณช่วง ม.1 โรงเรียนไม่ให้เอาโทรศัพท์ไป เพราะฉะนั้นหนูจะเล่นโทรศัพท์ได้ตอนที่อยู่บนรถ ก่อนจะลงจากรถเข้าโรงเรียน และตอนเลิกเรียน ทีนี้หนูก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้แม่ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน หนูเห็นแล้วว่ามีผู้ชายคนนึงแอดเฟซบุ๊กหนูมา แต่หนูไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอหนูกลับมา เฟซบุ๊กผู้ชายคนนั้นหายไป แต่มีแชทที่แบบถามต่อว่า เธอชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ คุณแม่ก็ตอบแทนปกติ แต่หนูมารู้ทีหลังว่า... จริง ๆ แล้วคุณแม่เอาไอดีไลน์ของคุณแม่ให้เขาไป แล้วเขาก็ไปคุยกันในไลน์ โดยที่คุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะชอบเอารูปลูกสาวหรือลูกชายตั้งเป็นโปรไฟล์ เขาอาจจะรู้สึกว่าไม่ได้แปลกอะไร แต่ว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย แล้วมันก็เกินเลยมาเรื่อย ๆ หนูแอบเห็น message ที่เด้งมา ตอนแรกเข้าใจว่าคงคุยกันปกติ แต่ไป ๆ มา ๆ มันเป็นการคุยเหมือนจีบกันเชิงชู้สาว จนมารู้ทีหลังว่าเขาคบกัน คุณแม่ก็มาพูดประมาณว่า ช่วยวิดีโอคอลคุยกับเขาให้หน่อยซัก 5-10 นาทีได้ไหม? ทั้ง ๆ ที่หนูไม่ได้รู้จัก ไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่ให้หนูตีหน้าซื่อคุยวิดีโอคอลกับเขา หนูก็คุย ๆ ไปให้มันหมดเวลา แล้วก็วางสาย คุณแม่ก็คุยกันต่อในแชท คุณพ่อทำงานอยู่ต่างจังหวัดกลับมาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่คุณพ่อจับไม่ได้เพราะอาจจะเป็นคนไม่ค่อยเล่นโซเชียล และไม่ค่อยสนใจอะไร เขาก็ดูอินโทรเวิร์ตหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่คุยกับคุณแม่เลย ตอนหนูอายุ 15 ปี เป็นวันที่หนูต้องเปลี่ยนบัตรประชาชน หนูก็ถ่ายรูปลงมาจากอำเภอปุ๊บ แล้วคุณแม่ก็บอกว่า เดี๋ยวเราไปสยามกัน เนี่ยไปกินข้าวกัน นัดไว้แล้ว หนูก็ถามว่า ไปกินข้าวอะไร เขาก็เลยบอกว่า เขานัดผู้ชายคนนั้นกับครอบครัวเขาไว้แล้ว ต้องไปนะ เพราะว่าเขามาแล้ว หนูก็รู้สึกเหมือนโดนมัดมือชก ตอนนั่งกินอาหารก็คุยกันปกติ หนูอึดอัดมาก จนแบบหนูจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วแม่ของผู้ชายก็บอกผู้ชายคนนั้นว่า เนี่ย ไปกับน้องสิลูก จนหนูคิดว่าไม่ไปดีกว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หนูก็พยายามที่จะบอกผู้ชาย โดยใช้แอคหลุมไอจีของหนูทักไปเลยว่า เธอรู้ไหมที่คุยกันมาตลอด 4-5 ปี แล้วที่นัดไปเจอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ๆ ผู้ชายก็ไม่เชื่อ หนูก็ตั้งกล้องอัดหน้าตัวเองพูดว่า เนี่ย ดูหน้าเอาไว้ แล้วก็จำเสียงไว้ เสียงเราเป็นแบบนี้ พอเขาไม่เชื่อ หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงหนูก็ปล่อยเขาไป แล้วเหมือนผู้ชายเริ่มจะรู้ว่านี่คือแอคหลุมของหนู แต่หนูไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจว่าแอคหลุมเป็นของแม่ไหม เพราะหนูคิดว่าผู้ชายมันก็ต้องแคปแชทที่หนูคุยส่งไปให้แม่ แม่ก็คงน่าจะบอกว่า นั่นแม่เราอย่าไปสนใจเลย ฟีลแบบสลับกัน และหนูพยายามหาว่าแม่กำลังจะทำอะไร ก็เลยเริ่มรู้ว่าแม่มีอีกเฟซบุ๊ก มีอีกไอจีนึงที่แม่สร้างเอง เหมือนเป็นอีกโลกที่เอาไว้คุยกับผู้ชายคนนั้น ด้วยความที่อยู่กับแม่ที่บ้าน 2 คน ก็เลยไปบอกเขาว่า แม่ทำแบบนี้ไม่โอเคเลยนะ เลิกได้ไหม เขาก็ขำแล้วบอกว่า จะอะไรนักหนาก็คุยกันผ่านแชท ไม่ได้ไปหาเขาสักหน่อย หนูก็เคย message ไลน์ไปบอกคุณพ่อ คุณพ่อก็อ่านแต่ไม่ตอบ แต่พอเวลาผ่านไปเหมือนคุณแม่ทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ หนูก็บอกว่า หนูทนไม่ไหวแล้วนะ หนูจะต้องบอกพ่อแล้วนะ เขาก็บอกว่า ครั้งที่แล้วก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าบอกอีกจะเลิกกันแล้วนะ จนปัจจุบันหนูเริ่มมีสังคม มีแฟน หนูควรจะทำยังไง หนูถึงจะเอาพื้นที่ส่วนตัวคืนมา หรือหนูควรจะเปิดเฟซบุ๊กใหม่ไปเลย? ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูต้องเรียกแม่มาคุย แล้วการคุยของหนูไม่ได้ถามว่าแม่โอเคไหม หนูต้องบอกโหมดที่แม่จะใช้ชีวิตอยู่กับหนูให้แม่รับทราบ หนูเปลี่ยนพาสเวิร์ดเฟซบุ๊กก่อนที่จะเรียกแม่เข้ามาคุย ให้ทุกอย่างมันเป็นไพรเวทอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเรา คนอื่นจะเข้ามาก้าวก่ายไม่ได้ เรียกแม่มาคุยเลยว่า... 1. รับรู้เรื่องความเป็นส่วนตัวของเรา แล้วก็เราไม่ยุ่งเรื่องแม่ แม่ไม่ยุ่งเรื่องเรา อะไรที่เราอยากให้แม่รับรู้หรืออยากให้แม่แสดงความคิดเห็นเราจะบอก 2. เรื่องที่แม่แอบอ้างเป็นตัวตนของเราอันนั้นผิด อย่าทำอีก เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าถูกคุกคามแล้วไม่ปลอดภัย ถ้าทำทั้งหมดแล้วแม่ยังเป็นแบบนี้อยู่ เรื่องนี้จะเรียกพ่อมาคุย แล้วจะถามความคิดเห็นจากพ่อด้วย และถ้าพ่อกับแม่จะเลิกกัน ไม่ใช่ตัวหนูที่เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ แต่เป็นเพราะแม่ทำตัวแบบนี้ แล้วก็เราจะไม่คอลไลน์กับผู้ชายโดยที่เราหลอกเขา เพราะเท่ากับเราสมรู้ร่วมคิดกับแม่ ถ้าแม่อ้างเหตุผลอะไร ให้พูดไปเลยว่า ไม่ ก่อนที่แม่จะทำอะไร อยากให้แม่ใช้ความคิดมากกว่านี้ อีกนิดแม่จะเข้าข่ายไม่ปกติแล้ว ถ้าแม่ยังเป็นอย่างนี้หรือไม่สามารถขจัดนิสัยแบบนี้ออกไปได้ แม่ต้องปรึกษาแพทย์แล้ว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘การปลอมตัวเพื่อสวมรอยเป็นใครสักคนเพื่อคุยมันคือการหลอก ผู้ชายโดนเต็ม ๆ พี่ดูสารคดีของเมืองนอกเยอะเกี่ยวกับพวกหลอกลวง สวมรอย แล้วจุดจบมันไม่ค่อยดีทั้งนั้นเลยที่พี่ดู พี่เลยค่อนข้างตกใจ พอคิดตาม ที่มันรู้สึกไม่ปลอดภัยถูกต้องแล้วน้ำ เพราะฉะนั้นถ้าจะคุยกับแม่ น้ำต้องเด็ดขาดว่านี่มันไม่ใช่แล้ว สิ่งที่แม่ทำ มันอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับลูกสาวตัวเองได้ ถ้าคิดว่าคุยไม่รู้เรื่องก็ปิดเฟสบุ๊คไปเลย ให้เขารู้ว่าเราไม่เอาแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ต้องปิดเฟสบุ๊ค ปิดช่องทางทุกอย่างที่เขาจะเป็นหนูได้ แม่ต้องไม่มีตัวตนของหนูอีกต่อไปแล้ว ต้องดูว่าเขาทนได้ไหม ถ้าเขาไม่ไหวต้องพาเขาไปหาหมอ แต่ถ้าไปหาหมอแล้วเขาทำไม่ได้ เขาก็ต้องหย่ากับพ่อ ตอนนี้เขามีพ่อเป็นสามี เขาไม่สามารถไปคุยกับคนอื่นได้ นอกจากเขาต้องหย่า ทีนี้เขาจะคุยกับคนอื่นไม่ว่า แต่เขาก็ต้องห้ามสวมรอยเป็นคนอื่น เขาต้องคุยในฐานะเป็นเขาเอง ถ้าเราอยากให้ปัญหานี้ยุติ ต้องถอนรากถอนโคน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1