แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

31 ม.ค. 2025

แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง

จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม

ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

เวลามีปัญหาอะไรเขาก็บอกว่าพูดไม่ได้เพราะเป็นคนกลาง

            “คุณเอ็น (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาของครอบครัวแฟนที่ส่งผลต่อชีวิตคู่

            โดย “คุณเอ็น (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนตั้งแต่อายุ 19 - 20 ปี จนตอนนี้ก็คบกันมา 10 ปีแล้ว เราสองคนไม่ได้มีฐานะที่ดีมาก เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย สร้างทุกอย่างมาด้วยกัน ในระหว่างนั้นก็มีปัญหาจากทางบ้านแฟนมาเรื่อยๆ ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเงินหรือเรื่องปัญหาในบ้านของเขา เรื่องของลูกๆ เขา ทางบ้านแฟนก็จะมีปัญหามาให้แฟนแก้ตลอด ส่วนแฟนก็ใจดี แก้ให้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน ภาระทุกอย่าง แฟนหนูเป็นเดอะแบกตลอด ด้วยความที่เราลำบากมาด้วยกัน หนูก็เห็นภาพทุกอย่างทั้งหมด หนูก็เข้าใจเขา เพราะเมื่อก่อนเราก็เสียดายเวลา เลยไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องพวกนี้

            แต่หลังๆ ก็จะมีเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน เพราะตอนนี้เราทั้งคู่ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน แต่บ้านเป็นชื่อแฟน และในบ้านก็ไม่ได้มีแค่หนูกับแฟน 2 คน แต่ที่อยู่ด้วยกันจะมีครอบครัวแฟนทั้งหมดเลย 5 คน มีแม่แฟน มีพี่-น้องแฟนอีก 2 คน พออยู่ด้วยกันหลายๆ คน ปัญหามันก็จะเกิดขึ้นทุกวัน แต่ในส่วนของหนู หนูก็รับผิดชอบตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ ก็มีช่วยแฟนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วย 100% จะช่วยแค่ค่าใช้จ่ายในบ้านที่หนูช่วยได้ แต่เรื่องในบ้าน เรื่องการรับผิดชอบก็จะเป็นหน้าที่แฟนทั้งหมด แม่เขาไม่ได้ทำงาน พี่สาวเขาอายุ 42 ปีก็ไม่ได้ทำงาน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพี่สาวแฟนไม่เคยทำงานเป็นกิจจะลักษณะเลย อยู่บ้านอย่างเดียว ไปทำงานที่ไหนก็โดนไล่ออกตลอด ก่อนหน้านี้พี่สาวเขาก็มีครอบครัว แต่ก็เลิกกันมาหลายปีแล้ว และกลับมาอยู่บ้าน คนที่อยู่บ้านอีกคนคือน้องที่ไปๆ มาๆ แต่ที่อยู่บ้านหลักๆ ก็มีแม่ พี่สาว แฟนและก็หนู แต่ก็ยังเป็นคำถามของหนูอยู่ ว่าเขาอยู่ได้ยังไง? ซึ่งแม่เขาก็ปกป้องเขาในระดับหนึ่ง

            ทุกวันนี้เวลาหนูคุยเรื่องอนาคต ด้วยความที่หนูกับแฟนหาเงินกันมาเอง เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว หนูเลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องแต่งงาน หนูก็ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลย จนเงินหมดไปกับทางบ้านแฟนเยอะมาก หนูเลยคิดได้ว่ามีเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่หนูรู้สึกว่าหนูไม่ไหวแล้ว เมื่อก่อนหนูยอมทางบ้านแฟนค่อนข้างเยอะ แต่พอหลังๆ หนูไม่ค่อยฟังเขา เพราะด้วยหน้าที่การงาน วุฒิภาวะ ทำให้หนูเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างเยอะ เลยทำให้มีปากเสียงกับที่บ้านเขาเหมือนกัน แล้วเราอยู่ในบ้านเขาด้วย หนูก็เริ่มรู้สึกไม่ไหว ไม่รู้จะไปต่อหรือยังไงดี เพราะตลอดระยะเวลาที่คบกัน แฟนหนูเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงหรืออะไรเลย เขาไม่เคยทำอะไรที่ผิดพลาดกับหนูเลย ติดแค่เรื่องครอบครัวเขาอย่างเดียว

            ช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหนูคิดว่าจะเอาตัวเองออกมาจากบ้านนั้น อยากจะแยกอยู่แบบสงบๆ แต่หนูยังไม่ได้พูดถึงขั้นจะเลิกกับแฟน แค่จะย้ายออกมาเช่าคอนโดอยู่ เพราะเวลาที่กลับมาบ้านบรรยากาศมันไม่น่าอยู่ แต่แฟนหนูเขาก็ไม่ยอม และบอกว่า ถ้าออกจากบ้านไปก็คือต้องเลิกกับเขา แต่หนูก็ไม่ได้อยากเลิกกับแฟน แค่อยากให้เขาได้ดูแลครอบครัวเขา ซึ่งตอนนี้ที่มีปัญหากัน ต่างคนก็ต่างอยู่ ไม่ค่อยคุยกันแยกห้องกันไปเลย ส่วนใหญ่หนูจะมีปัญหากับแม่และพี่สาวแฟนมากกว่า เขามองว่าหนูเป็นคนขี้เกียจ เพราะเมื่อก่อนหนูเคยรีดผ้าของทุกคนในบ้าน พอวันหนึ่งไม่ทำ เขาก็บอกว่าหนูขี้เกียจ หนูก็มองว่ามันเป็นน้ำใจ หนูช่วยเพราะเผื่อบางคนไม่ว่าง หนูก็รีดให้ได้ แต่พอครั้งต่อไปมันกลายเป็นว่า ทำไมหนูไม่ทำละ? และก็มีเรื่องเงิน เขาคิดว่าแฟนหนูให้เงินหนูอยู่คนเดียว ไม่ให้ที่บ้านเขาด้วย ซึ่งหนูไม่เคยเอ่ยปากขอแฟนเลย หนูหาเองได้ บางเดือนหนูหาได้มากกว่าแฟนหนูด้วยซ้ำ แต่หนูกับแฟนเหมือนโตมาด้วยกัน เขาไม่มีเงิน หนูก็ให้ พอหนูไม่มี เขาก็ให้ ซึ่งเรื่องพวกนี้หนูไม่เคยไปเล่าให้พวกเขาฟังอยู่แล้ว เขาเลยมองว่าลูกเขาหลงหนูให้แต่หนูคนเดียว ไม่ให้พวกเขาเลย ทั้งๆ บ้านที่เขาอยู่ แฟนหนูก็เป็นคนผ่อน ค่าน้ำ ค่าไฟ แฟนหนูเป็นคนจ่ายหมด ซึ่งแม่และพี่สาวเขาจะออกแค่ค่ากินของเขา เพราะแม่เขาได้เงินส่วนนี้มาจากการรับซ่อมผ้าเล็กๆ น้อยๆ

            หนูกับแฟนเคยคุยกันเรื่องนี้ เขาก็บอกว่าเขาเป็นคนกลาง แต่หนูก็เคยชวนแฟนออกมาอยู่ข้างนอกกันสองคน เขาก็ไม่สะดวก ไม่กล้าปล่อยคนที่บ้านไว้ สถานะตอนนี้ของหนูกับแฟน คือไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีลูก อยู่กันมา 10 กว่าปีแล้ว บางช่วงจังหวะของชีวิตหนูจะทำอะไร หนูก็ไม่เห็นภาพในอนาคตว่าหนูจะทำต่อไปได้ยังไง หนูไม่รู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ในใจหนูก็สงสารเขาเพราะเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร หนูอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า หนูควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ถ้าหนูเดินออกมา หนูจะเห็นแก่ตัวไหม?

            เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดว่าหนูไม่ได้เห็นแก่ตัว หนูแค่รักตัวเอง ไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนี้อีกแล้ว แล้วหนูก็มีช้อยส์ให้เขาเลือกแล้ว แต่เขาดันยื่นคำขาดว่าถ้าย้ายออกเท่ากับเลิก สำหรับพี่ถ้าเขาเป็นคนกลางจริงๆ เขาก็ต้องเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความสุขได้ยังไง การที่เขาเป็นคนกลางถ้าเขาไม่พยายามทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้น เขาก็ต้องมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งจากที่ฟังเขาก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเราขนาดนั้น และเขาก็ต้องเจอกับผู้หญิงที่รับที่บ้านเขาได้’

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปัญหาที่น้องกำลังเจอมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นปัญหาเรื้อรังระยะยาว การที่เอาคนในครอบครัวมาอยู่ในบ้าน ร่วมกันเป็นบ้านใหญ่ มันจะปรับเปลี่ยนอะไรยากมาก ถ้าวันหนึ่งคุณแม่แฟนไม่อยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่เราจะต้องดูแลพี่สาวเขาด้วยหรือเปล่า ถ้ามองในมุมของเขาก็คงคิดว่าถ้าแฟนแยกไปอยู่ข้างนอกความสัมพันธ์ที่คบกันมา 10 กว่าปี ความสัมพันธ์จะถอยหลังหรือเปล่า ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเขาอาจจะเลือกดูแลเรา แต่ผู้ชายคนนี้เขาก็เลือกครอบครับเขา ซึ่งก็ไม่ผิด และมันก็เป็นสิทธิของเราที่จะต้องเลือกดูแลตัวเอง รักตัวเอง และก็สงสารตัวเอง

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ ไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัว เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องเห็นแก่ครอบครัวใคร ครอบครัวเขายังไม่ช่วยกันเองเลย เรื่องอะไรจะต้องมาเป็นภาระเรา ยกเว้นถ้าน้องรับได้ว่าต้องรับภาระนี้ไปตลอดชีวิตก็อยู่กับคนๆ นี้ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวก็ออกมาเลย เสียเวลา

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

05 เม.ย. 2024

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้าคุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้ ขอผ่อนเดือนละพันครูบอก OK แต่สิ้นเดือนมาเงียบกริบ ทำไงดีคะ? “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับคุณครูที่โรงเรียนของลูกมาขอยืมเงิน ด้วยความเป็นห่วงลูกเลยให้ยืมไป... โดย “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 66 ลูกชายได้เข้าเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเทอมไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ คุณครูประจำชั้นก็ทักมาบอกว่า “ลูกชายงอแง ร้องไห้ อยากกลับบ้าน” เป็นแบบนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ นุ๊กก็ได้มีการปรึกษากับคุณครู คุยกันปกติว่าลูกเป็นยังไง ยังร้องไห้อยู่ไหม นุ๊กก็คุยกับคุณครูไปเรื่อย ๆ จนคุณครูจับทางเราได้ว่า เราเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวและใจอ่อน ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับลูกก็จะยอมทุกอย่าง อยู่มาวันหนึ่งคุณครูก็ทักมาว่า “คุณครูขอรบกวนหน่อยได้ไหม ครูขอยืมเงินสัก 5,00 บาท พอดีครูต้องกลับต่างจังหวัดไปทำธุระ เดี๋ยวสิ้นเดือนคืนให้” ก่อนที่จะให้ยืม นุ๊กก็มีการไปถามกับแม่ว่าจะให้คุณครูยืมดีไหม เพราะนุ๊กก็ไม่รู้ว่าคุณครูเป็นคนยังไง แม่ก็บอกว่า “คุณครูคงเดือดร้อนจริง ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่แบกหน้ามายืมผู้ปกครองหรอก จะมีคุณครูที่ไหนมายืมผู้ปกครองเด็ก” คุณครูก็บอกให้เก็บดอกได้ แต่นุ๊กก็บอกว่าไม่เอา ขอแค่คืนตรงเวลาก็พอ แล้วนุ๊กก็โอนเงินให้ พอถึงสิ้นเดือน คุณครูก็เงียบ แต่ด้วยความที่คุณครูเป็นครูประจำชั้นของลูกชาย นุ๊กก็เกรงใจคุณครูด้วย ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงก็เลยปล่อยผ่าน นุ๊กก็คิดแค่ว่าถ้าคุณครูเขามี เขาคงคืนเอง แต่ทุกครั้งที่นุ๊กไปรับลูก ก็เจอคุณครูทุกวัน เขาก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผ่านมา 1 เดือน คุณครูก็ทักมาอีกว่า “น้องชายจะโดนยึดรถ คุณแม่ช่วยหน่อยได้ไหม 10,000 บาท” นุ๊กก็บอกว่าเงินเยอะขนาดนี้ไม่มีให้ เพราะนุ๊กรู้ว่าถ้าให้ไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้คืนไหม นุ๊กก็ปฏิเสธแต่คุณครูก็ไม่หยุดทักมา ทักมาทั้งวันบอกว่า คุณครูเครียด ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งนุ๊กก็ไม่อยากมานั่งฟังปัญหาของใคร ในแต่ละวันเลี้ยงลูกกับทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว นุ๊กก็ได้แต่บอกว่า “ไม่รู้จะช่วยยังไง ไม่รู้จะหาที่ไหน” ซึ่งนุ๊กก็หงุดหงิดตัวเองด้วยที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ แต่คุณครูก็ยังไม่เลิกทักมา เหมือนกับว่าถ้านุ๊กไม่มีให้ เขาก็จะไม่เลิกทักมา ด้วยความที่เป็นครูประจำชั้นจะบล็อกก็ไม่ได้ เพราะจะต้องส่งความเคลื่อนไหวลูกชายให้เราตลอด นุ๊กก็อยากลองคุยกับคุณแม่ของเด็กร่วมห้องของลูกชาย แต่ก็ได้ไปปรึกษากับแม่ แม่ก็บอกว่าให้นุ๊กคิดดี ๆ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคุณแม่ของเด็กคนอื่นจะเป็นยังไง เพราะลูกชายยังอยู่ในความดูแลของคุณครูคนนี้ มันเลยทำให้นุ๊กกลัว กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง แต่สุดท้ายเราก็โอนเงินให้คุณครูไปเหมือนเดิม นุ๊กก็ยอมรับว่าเป็นการซื้อความสบายใจของเรา เพราะนุ๊กก็ไม่ได้อยากมานั่งเครียดกับปัญหาชีวิตใคร แต่นุ๊กก็ได้มีการยื่นข้อเสนอไปว่า คุณครูต้องผ่อนคืนเดือนละ 1,000 บาท เพราะเงินก้อนนี้กดออกมาจากบัตรเครดิต คุณครูก็รับปาก แต่จนถึงทุกวันนี้นุ๊กก็ยังต้องมารับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ พอนุ๊กโอนเงินให้คุณครูไปแล้ว คุณครูก็จะมีการไลน์มาบอกพฤติกรรมของลูกชายเป็นการส่วนตัว แต่นุ๊กก็ไม่ต้องการให้คุณครูมาดูแลลูกเราเป็นพิเศษ อยากให้ดูแลเหมือนกับเด็กทุกคน ขอแค่ไม่ละเลยหน้าที่ความเป็นครูจากลูกเราก็พอ ระหว่างนั้นคุณครูก็ไลน์มาขอยืมเงินอยู่เรื่อย ๆ ทีละเล็กละน้อย นุ๊กก็โอนให้ แต่ก็มีที่นุ๊กลองเอาบัญชีที่เป็นชื่อของคนอื่นโอนไป และบอกกับคุณครูว่า “แม่ไม่มีแล้ว แม่หามาให้ครูได้เท่านี้ คุณครูก็ต้องคืน” เพราะยืมมาจากคนอื่น คุณครูก็คืนเงินในส่วนนี้ แต่ก็ยังไม่คืนยอดเก่าที่ยืมไป จนตอนนี้ยอดเงินที่คุณครูยืมไปทั้งหมด 30,000 บาท นุ๊กอยากจะมาระบายและอยากได้คำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มีแค่นุ๊กกับแม่ที่รู้อยู่สองคน แต่นุ๊กพูดกับแม่มากไม่ได้เพราะว่านุ๊กรู้ว่าตัวเองเป็นคนให้เขายืมเอง จะบอกใครก็ไม่ได้ ถ้าบอกสามีเขาคงอาละวาด นุ๊กก็กลัวลูกชายมีปัญหา อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข อยากขอคำปรึกษากับพี่ ๆ ดีเจว่า จะคุยกับคุณครูยังไง จะมีวิธียังไงบ้าง? เพราะนุ๊กยังมีความเกรงใจคุณครู เรื่องที่เขาเป็นครูคนแรกที่ทำให้ลูกชายนุ๊กเขียน ก.ไก่ และอ่านออกได้ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต่อให้คุณครูเป็นคนจับมือลูกคุณนุ๊กเขียน ก.ไก่ ได้ ก็เป็นคนละเรื่องกับการยืมเงินผู้ปกครอง ต้องบอกสามีให้ลุยแทน ถ้าเราต่อสู้ไม่ไหวก็ให้สามีไปคุย ถ้าคุยกับคุณครูไม่รู้เรื่องก็บอกว่า “ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงคุณครูคนอื่น หรือถึงผู้บริหารโรงเรียนก็เคลียร์หนี้มา แล้วมันก็จะจบอยู่แค่นั้น” เท่าที่คุณนุ๊กบอกว่าถ้าสามีรู้ บ้านแตกแน่นอน สามีคงมีพลังพอที่จะต่อสู้ได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณครูโรงเรียนอนุบาลทุกคนประเทศนี้ ในโลกนี้ ทำให้นักเรียนเขียนหนังสือและอ่านอออกได้ มันเป็นหน้าที่ที่คนเป็นคุณครูต้องทำให้นักเรียน เขาถูกจ้างมา เขาไม่ได้ทำฟรีเพื่อคุณธรรมค้ำจุนโลก คุณนุ๊กแคปหลักฐานการยืมเงินไว้แล้วให้ผอ.ดู ให้ผอ.ช่วย คุณนุ๊กยังต้องจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิตเองก็ยื่นหลักฐานให้ผอ.ช่วยเคลียร์ เพราะคุณนุ๊กได้มีการคุยกับคุณครูแล้ว แต่ไม่มีท่าทีว่าจะคืน หรือถ้าผอ.ไม่ช่วย คุณนุ๊กก็บอกสามีและบอกกับผอ.ไปว่าถ้าเรื่องนี้ถึงสามีก็คงมาในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง คุณนุ๊กต้องไม่ยอมเพราะคุณนุ๊กต้องจ่ายดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ซึ่งมันเยอะมาก แล้วทำไมเราต้องมาจ่ายให้เขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่คุณครูเป็นคนยืม แต่ตอนนี้เป็นห่วงทัศนคติของคุณนุ๊กมาก ๆ อยากให้คิดดี ๆ ว่าการช่วยคนอื่น เกรงใจคนอื่น จนตัวเองถูกทำร้ายเอง มันสมควรแล้วจริง ๆ หรอ ที่เราต้องเจอแบบนี้เพียงเพราะเราเป็นใจอ่อน ในสิ่งที่เราไม่ได้ทำผิด เรื่องบางเรื่องเราต้องปรึกษาคนรอบด้าน เรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แล้วก็ได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไลน์บอกคุณครูว่าสามีรู้เรื่องแล้ว คุณครูอาจต้องผ่อนจ่ายหรือคุณครูอาจจะต้องหาเงินก้อนมาคืน เพราะถ้าไม่ได้คืน สามีจะเอาเรื่องนี้ไปบอกผอ.ให้จัดการ ต้องเอาเรื่องให้ได้ และที่สำคัญคุณนุ๊กอย่าทำแบบนี้อีก ตรรกะผิดที่มองว่า คนไม่ดีแต่เราฝากลูกไว้กลับคนแบบนี้ ครูคนนี้ไม่ใช่ครูที่ดี ครูไม่ใช่แค่สอนเด็กในตำรา ครูต้องสอนการใช้ชีวิตเด็ก ฉะนั้นครูต้องมี Mindset ที่ดีก่อน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่ พี่ก็จะให้ลูกย้ายห้อง และจะบอกกับผอ.ว่าครูคนนี้มีพฤติกรรมแบบนี้ ยืมเงินผู้ปกครอง พี่จะไม่มีทางฝากลูกไว้กับครูแบบนี้แน่นอน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

13 ก.ย. 2024

หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

“คุณตาล (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (11 ก.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาหมั้นกับแฟนเลยปล่อยท้อง แต่จับได้ว่าแฟนไปทำผู้หญิงคนอื่นท้องเหมือนกัน โดย “คุณตาล (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาเกือบ 3 ปี เขาดีกับหนูทุกอย่างจนทำให้หนูไว้ใจเขา และช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเขาบอกหนูว่า เขาอยากมีลูก ด้วยความที่พวกเรามีแพลนที่จะหมั้นกัน หนูจึงตัดสินใจว่า ถ้าอยากมีหนูก็จะมีให้ พอผ่านมาไม่กี่เดือน ก็รู้ว่าตัวเองท้องตามที่อยากได้ เราดีใจมากบอกพ่อแม่เขา แล้วก็พาหนูไปฝากครรภ์ พอหลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 วัน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง แอดเฟซบุ๊กหนูมา หนูจึงเข้าไปดูด้วยความสงสัยว่าเป็นใคร ทำไมถึงแอดมา พอเข้าไปดูสตอรี่ที่เขาตั้งเอาไว้ ก็ได้เห็นว่าเขาอยู่กับแฟนเรา ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาๆ เป็น 10 อัน หนูจึงไปถามแฟนว่า “คนนี้คือใคร ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน” แฟนหนูก็ยอมรับแต่โดยดีว่า “เขาคุยกับผู้หญิงคนนี้อยู่” หนูทั้งโกรธ และตกใจ คือเขามีคนอื่นก่อนหนูท้องอยู่แล้ว แต่ที่ให้หนูตั้งท้องเพราะเขารู้ว่า ถ้าหนูท้องแล้วจับได้ว่าเขามีคนอื่น หนูก็ต้องให้อภัยเขาอยู่แล้ว หลังจากนั้นหนูก็คุยกับเขา หนูก็ให้โอกาสเขาปรับปรุงตัว แล้วก็เลิกกับผู้หญิงคนนั้น พอหลังจากนั้น 3 - 4 เดือน หนูเข้าไปส่องเฟซของผู้หญิงคนนั้น ก็เห็นว่าเขาโพสต์ว่าเขาท้อง หนูก็สงสัยว่าเขาท้องกับใคร ก็เลยไปถามแฟน ตอนแรกแฟนไม่ยอมรับ พอหนูเค้นถามไปเรื่อย จนเขายอมรับว่า “เขากำลังไปคุยกัน เพราะผู้หญิงคนนั้นขู่ว่า ถ้าแฟนของหนูไม่กลับไปคบกับเขา เขาจะฆ่าตัวตาย” แฟนหนูเลยยอมกลับไปคบกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งผู้หญิงคนนั้นที่ท้อง ก็ท้องกับแฟนหนู ตอนนี้ท้องประมาณ 2 - 3 เดือน หลังจากนั้น แฟนก็มาขอโอกาสหนู เขาบอกว่า “ถ้าให้เลือก เขาเลือกหนู เขาตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นได้ แต่เขาตัดขาดจากลูกไม่ได้” ซึ่งหนูเลยบอกว่า “ถ้าให้อยู่แบบนั้น หนูไม่โอเค” แล้วคำตอบที่ได้มาจากเขาคือ “งั้นขอไม่เลือกใคร จะอยู่คนเดียวเอง” ตอนนี้คือพ่อแม่ของหนูอยากให้หนูกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด หนูคิดว่าจะกลับบ้าน แล้วหนูก็คิดว่า ต่อให้กลับไปคืนดีกับเขาก็คงทำไม่ได้ เพราะหนูหมดความเชื่อใจเขาไปหมดแล้ว หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรมูฟออนจากตรงนี้ยังไงดีคะ?’ เริ่มจาก “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ในภาวะของคนเป็นแม่จะมีฮาร์โมนอะไรบางอย่างที่ฟุ้งซ่าน และเป็นความกังวล พอเป็นลูกคนแรกตาลอาจจะคิดว่า เวลานี้เราไม่ควรอยู่คนเดียว แต่ในการที่พี่ได้คุยกับตาล ตาลเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ค่อนข้างแน่วแน่ ซึ่งตอนนี้เหมือนตาลได้ตัดแฟนที่เป็นเนื้อร้ายอออกไปได้ 1 ก้อนแล้ว ทีนี้เราต้องอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดซึ่งคือลูกของเรา พี่อยากให้ตาลมีความสุขและสนุกกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดมา ให้มีความสุขกับการรอคอยว่าเมื่อไหร่เขาจะเกิด ตัดไปเลยว่าการมีความสุขไม่ต้องมีผู้ชายคนนั้น ยิ่งตัดผู้ชายคนนั้นออกไปได้เท่าไหร่จะยิ่งดี ความสุขของตาลจะหดหายก็ต่อเมื่อตัดเขาไม่ขาด เขาจะวุ่นวายจนทำให้ตาลรู้สึกลังเล ในมุมของพี่ พี่อยากให้ตาลกลับไปอยู่กับที่บ้านกับพ่อแม่ แล้วรู้สึกว่า ”เราไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ตอนนี้เราอยู่กับคนที่รักเราทั้งหมดเลย คนที่ไม่รักเรา คนที่เห็นแก่ตัว คนที่พูดจาโกหกใส่เรา มันออกไปแล้ว” แล้วถ้าระหว่างนี้ตาลรู้สึกว่าเหงา ฟุ้งซ่าน หรืออยู่คนเดียว ตาล Direct มาหาพี่เลย เดี๋ยวพี่จะเป็นเพื่อนคุยกับตาล ทำยังไงก็ได้พี่หอมไม่อยากให้ตาลกลับไป พี่อยากให้ตาลมีความสุข อีกไม่กี่เดือนน้องจะเกิดมาแล้ว ”เราจะซื้อของอะไรไว้ดี เราจะสอนอะไรเขาดี” อย่าให้ใครมาทำลายความสุขเรา คนที่เขามาเพื่อทำร้ายเรามันจะออกไปแล้ว อดทนอีกนิดนึง เมื่อไหร่ที่มันออกไป วันนั้นจะไม่มีอะไรกวนใจตาลได้เลย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีที่ตาลจะมูฟออนคือโฟกัสกับตัวเองและลูกเลย หลังจากที่เราโชคร้ายเจอคนที่ไม่ดีคนนี้ จากนี้ไปมีจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตาลจะตั้งใจเลี้ยงลูกโดยมีคุณตาคุณยายช่วยเลี้ยงเขามาให้ดีที่สุด แล้วลูกก็จะออกมาเป็นคนดีที่ไม่ทำตัวเหมือนพ่อ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และพร้อมรับให้ตาลกลับบ้านเสมอ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เริ่มใหม่ ดูแลตัวเอง อีก 3 เดือนก็จะได้เจอเขาแล้ว ถ้าเป็นพี่พี่จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ให้เขาไม่ทำผู้หญิงคนไหนเสียใจ เขาจะไม่มีวันทำแบบนี้กับสิ่งที่พ่อทำกับแม่เขา เอาให้พ่อในอนาคตมาเห็น มันละอายใจตัวเอง เราต้องยืนอย่างสง่า กับลูก กับตา กับยาย’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้ความคิดเห็นต่อว่า “ผู้ชายคนไหนที่ทำร้ายภรรยาในขณะที่ท้องอยู่ ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ พี่ให้เป็น 1 ในเคสที่ไม่น่าคบหามากที่สุด พี่ว่ามันเกิดกว่าจะให้โอกาส ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้โอกาส หรืออยู่กับเขาต่อ แถวเขายังหลอกให้ตาลท้องอีก ใจร้ายมาก เห็นด้วยกับพี่หอมเลยว่า การเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนบรรยากาศ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่น่าจะดีที่สุด อย่างน้อยยังมีคนที่ช่วยเลี้ยงน้อง แล้วอยากให้ตาลรู้เสมอว่า ด้วยฮอร์โมนจากการคลอด ไม่ว่าจะเศร้าอยู่ หรือปกติ ก็มีโอกาศที่จะเป็นซึมเศร้าหลังคลอด แต่ให้คิดว่า ถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่อาจจะหนักกว่านี้ก็ได้ พี่คิดว่าตาลเป็นคนฉลาด และรู้ว่าควรเลือกสิ่งไหนให้ตัวเองและลูก แล้ววันนี้ตาลได้เลือกแล้ว ด้วยความมั่นใจและเด็ดขาดในการตัดสินใจครั้งนี้ ขอเป็นคนที่สนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้ของตาล หลังจากนั้นไม่ต้องกังวลอะไรมาก แม่เลี้ยงเดี่ยวเก่งๆมีเยอะมากมากในวยุค จงเชื่อว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราและลูกแล้วในวันนี้ คนบางคนไม่มีดีกว่ามี และดูแลสุขภาพให้ดีนอนให้ดี กินให้ดี รู้สึกอุ่นใจที่ตาลตัดสินใจแบบนี้นะ ตาลเด็ดเดี่ยวมาก พวกพี่ขอส่งกำลังใจให้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เรามีเพื่อน 2 คนที่คบกันมา 10 กว่าปี แล้วก็มีแฟนที่คบกันมา 7-8 ปี หลังๆพอเพื่อนนัด เราเทเพื่อนไป 2-3 ครั้งแล้ว เพราะต้องไปเจอ ไปอยู่กับแฟน จนตอนนี้เพื่อนสนิท ค่อยๆเฟดหายไปจากเรา เราอยากได้วิธีบาลานซ์ความสัมพันธ์ ระหว่าง เพื่อน กับ แฟน จังเลยค่ะ

09 ธ.ค. 2024

เรามีเพื่อน 2 คนที่คบกันมา 10 กว่าปี แล้วก็มีแฟนที่คบกันมา 7-8 ปี หลังๆพอเพื่อนนัด เราเทเพื่อนไป 2-3 ครั้งแล้ว เพราะต้องไปเจอ ไปอยู่กับแฟน จนตอนนี้เพื่อนสนิท ค่อยๆเฟดหายไปจากเรา เราอยากได้วิธีบาลานซ์ความสัมพันธ์ ระหว่าง เพื่อน กับ แฟน จังเลยค่ะ

“คุณหวาน (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ ‘พุธทอล์ค พุธโทร’ เมื่อคือวันพุธที่ [4 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการบาลานซ์ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแฟน โดย “คุณหวาน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทกับแฟน หวานมีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นผู้หญิง ในกลุ่มจะมีอยู่สามคน เราอะคบกับเพื่อนกลุ่มนี้มาตั้งแต่มัธยม เลยสนิทกันมาก คุยกันทุกอย่าง คุยกันแทบทุกวัน จากตอนนั้นถึงตอนนี้ประมาณ 10 กว่าปีแล้ว และจะมีช่วงขึ้นมหาวิทยาลัย แต่ละคนก็เรียนมหาลัยคน จึงใช้วิธีการคอลคุยกัน ถ้าวันว่างก็จะมาเจอกัน เราจะปรึกษาปัญหาชีวิตกันทุกอย่าง แต่ปัญหามันเริ่มจากที่หวานมีแฟน และหวานก็คบกับแฟนคนนี้มาตลอดระหว่างที่มีเพื่อนกลุ่มนี้ จนตอนนี้คบกันมาเข้าปีที่ 7-8 แล้ว ก็คือไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแฟนเลย คบกับแฟนปกติดีทุกอย่าง แต่ว่ามันจะมีช่วงเวลาที่เรานัดเพื่อน แล้วทีนี้บางครั้งมันมีเหตุให้ต้องยกเลิกนัดของเพื่อน แล้วไปกับแฟน มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง จนครั้งล่าสุดเรานัดกัน แต่หวานยกเลิก เพราะว่าแฟนหวานไปทำงานต่างจังหวัด ไม่ได้กลับมานาน ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขากลับมากรุงเทพฯพอดี ถ้าได้ไปเจอ ก็จะไม่ได้เจอแฟนอีกเป็นอาทิตย์ หวานก็เลยขอยกเลิกนัดเพื่อน จริงๆก็คือขอเลื่อนเป็นวันอื่น แต่เพื่อนไม่ว่าง เพื่อนก็เลยไปกันสองคน หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หวานก็รู้สึกว่าในกลุ่ม หวานจะมีกลุ่มไว้คุยกันสามคนกับเพื่อน ในกลุ่มจะคุยกันในเรื่องต่างๆ เรื่องนู้น เรื่องนี้อยู่ตลอด แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้น ในกลุ่มคือเงียบมาก ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือพูดคุยอะไรกันเลย เลยรู้สึกว่ามันแปลกๆ หวานก็ได้ทักเพื่อนคนหนึ่งไปก่อน สมมติว่าชื่อ ‘เอ’ หวานก็ทักเอไปว่า ‘บีเป็นอะไรหรือเปล่ามันเงียบๆไปนะ’ เอก็ตอบว่า ‘มึงอะชอบเทนัด พวกกูนัดมึงก็ไม่อยากจะมา ถ้ากูคุยแล้วกูนัดมึง มึงก็เทกูอีก’ หวานก็เลยอธิบายไปว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นเพราะอะไร เพื่อนก็ได้บอกกลับมาว่าเข้าใจ หลังจากนั้น หวานก็ทักไปหาบี เพื่อที่จะให้บีเข้าใจตรงกัน บีก็บอกว่าบีอะไม่ได้โกรธนะ แต่บีพูดมาประโยคหนึ่งว่า ‘ชีวิตของหวานตอนนี้ ไม่ได้ต้องการออกมาเจอพวกเขาเหมือนเดิมแล้ว’ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้คือเราไปไหนไปกัน ดึกขนาดไหน ตีหนึ่งตีสองไปหมด แต่ด้วยความที่หวานมีแฟน ก็เลยต้องแบ่งเวลา การจะไปข้างนอกแล้วกลับดึกๆมันก็เลยทำไม่ได้แล้ว เพราะมันมีคนที่รอหวานกลับบ้านเหมือนกัน และก็อยากจะมีเวลากับแฟนด้วย คือหวานไม่ได้อยู่กับแฟนทุกวัน หวานต้องแบ่งให้เวลากับที่บ้านด้วย แฟนด้วย เพื่อนด้วย หวานเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ถ้าเป็นพี่ๆจะมีวิธีการจัดการปัญหา เกี่ยวกับการบาลานซ์เวลาระหว่างเพื่อนสนิทกับแฟนยังไง? แล้วหวานควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้? คือหวานพยายามทักไปบอกเพื่อนแล้ว เพื่อนบอกว่าไม่ได้โกรธ แต่ตอนนี้ทุกอย่างคือไม่เหมือนเดิมเลย ความสัมพันธ์ตอนนี้คือไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้หวาน 28 เดี๋ยวซัก 30 กว่าหวานจะชิว แล้วหวานก็จะอยู่กับแฟน พี่เคยมีเพื่อนเป็นชะนีล้วนจากมหาวิทยาลัย สนิทกันมาก เจอกันทุกวัน ไปนอนค้างด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกันเกือบทุกอาทิตย์ แต่พอเพื่อนมีแฟน พี่ก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวให้ได้ เคยผ่านช่วงงอนมาแล้ว เคยด่ากันจนถึงขนาดออกกลุ่มมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพื่อนกันจนถึงทุกวันนี้ และยังไปกินข้าวกัน แต่ว่าเหลือแค่สามเดือนครั้งแล้วตอนนี้ จากกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เจอกันได้ทุกอาทิตย์ แต่เราก็ไม่ได้โกรธอะไรกันแล้ว ทุกวันนี้ตอนอายุ 43 ความสัมพันธ์ ความรัก มันยังอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เข้มข้นแบบเมื่อก่อนแล้ว เมื่อต่างคนต่างมีคู่ชีวิต เขาจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งนั้น พี่ว่ามันเกิดขึ้นได้และเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ เราก็ต้องเข้าใจเพื่อนว่าเขามีสิทธิที่จะรู้สึกแบบนั้น มันต้องยอมเป็นไปตามเงื่อนไขของชีวิตตัวเอง ความสำคัญมันไม่เหมือนกันอีกต่อไปแล้ว’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ามันเป็นไปตามวัย อย่างตอนอายุ 15 มีแฟนแล้วเพื่อนบอกให้เลือกกับแฟน พี่ก็เลิกเลยนะ กับแฟนคนแรกโดยที่ไม่ได้ทะเลาะกัน คือเพื่อนต้องมาก่อนตอนนั้น พอเราโตมาเลยรู้ว่ามันก็ไม่ใช่เพื่อนที่ดี แต่เราเสียผู้ชายที่ดีไปแล้ว หลังจากโตมากขึ้น เพื่อนก็ต้องรู้ว่าผู้ชายสำคัญ เพราะเวลาที่มึงมีแฟน กูก็จะไม่ห้ามมีสักคำ ต่อให้มึงนัดกับกูว่าจะออกมา แต่อยู่ ๆ ผู้ชายโทรตาม กูก็จะบอกว่าโอเคไปหาผู้ชายก่อน เพื่อนมาเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจเปลี่ยนเพื่อน พี่รู้สึกว่าอายุ 28 แล้วมันไม่ใช่เด็กแล้ว มันต้องรู้ว่าผู้ชายสำคัญมากแค่ไหน เวลาเรามีแฟนเราอยากอยู่กับแฟนอยู่แล้ว เพื่อนมีหน้าที่ซัพพอร์ตเรา สมมติว่า อะวันนี้ฉันมีผู้ชายนะ ต้องคุยกับเพื่อนให้เข้าใจเลยว่า เธอฉันมีผู้ชาย ฉันอยู่กับผู้ชายก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมาหาเธอ เธอโอเคไหม ถ้าเขาไม่โอเคเปลี่ยนเพื่อนเลย หาเพื่อนผู้หญิงที่มันแมน ๆ มันจะเข้าใจเรื่องนี้ เดี๋ยวกูกลับมาเองวันที่ผู้ชายเลิกกับกู มึงมีหน้าที่ซัพพอร์ต มีหน้าที่ฉีดยากู ต่อให้วันนี้กูทะเลาะกับแฟน แล้ววันหน้ากูไปดีกัน มึงก็ต้องกินอาหารหมาเพื่อกู นี่คือเพื่อน! ความรักให้ไปแล้วมันไม่ต้องมีเงื่อนไข แค่เห็นกูมีความสุข มึงก็มีความสุข หาเพื่อนแบบนี้’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เราไม่ได้จะสร้างครอบครัวกับเพื่อน อันนี้คือสิ่งที่จะบอก ในตอนอายุ 28 วงเพื่อนมันยังสำคัญแหละ แต่นี้แหละคือช่วงเริ่มต้นของการออกไปสร้างครอบครัว แล้วก็ค่อยๆ ห่างจากวงเพื่อน แค่อยู่ในระยะปรับตัวกันเท่านั้นเอง เพื่อนก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์นี้ เราก็ยังไม่เคยเจอสถานการณ์นี้ เมื่อก่อนบ้านพี่คือที่รวมตัวของแก๊งเพื่อนเลย แล้วพอการเข้ามาของลูกจ๋า(ภรรยาดีเจเผือก) ตัวแปรสำคัญที่สุด เขาจะนอนไม่ได้ถ้ามีเสียงคุยกันอยู่หน้าห้อง เพื่อนก็ค่อย ๆ หาย แต่ข้อดีของฝั่งผู้ชายคือมันไม่งอนกัน มันเข้าใจ กำลังจะบอกว่าถ้ากลุ่มสามคนนี้ไม่เข้าใจ แล้วมันต้องเลิกคบกัน อย่าไปคิดมาก ก็แปลว่ามันหมดเวลาที่จะเป็นเพื่อนกันแค่นั้นเอง ชีวิตมันก็ไหลไปตามขั้นตอนของมัน ถ้ามันจะงอนกันในวันนี้ เดี๋ยวมันก็จะกลับมาเจอกัน ในวันที่แต่ละคนมีครอบครัว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ? หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลย

02 ก.พ. 2024

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ? หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลย

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ?หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลยแต่อาทิตย์ก่อนน้องเพิ่งจากไปด้วยอุบัติเหตุที่มาจากความประมาทของคนอื่น เสียใจที่สุดเลยค่ะ “คุณบี (นามสมมุติ)” อายุ 26 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [31 ม.ค. 67] ได้โทรมาขอกำลังใจ ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับน้องหมาที่เพิ่งเสียชีวิตไป โดย “คุณบี (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘หนูเพิ่งสูญเสียน้องหมาที่อยู่ด้วยกันมา 15 ปีจากอุบัติเหตุ น้องหมาอยู่กับหนูมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งผ่านมาอาทิตย์นึงเอง ครั้งนี้เหมือนหนูสูญเสียคนสำคัญของหนูครั้งแรกในชีวิตเลย หนูอยากจะขอกำลังใจจากพี่ทั้ง 3 คน นอกจากกำลังใจที่หนูอยากได้ ความเสียใจมันมีอยู่แล้วเพราะด้วยความที่น้องอยู่กับหนูมานาน น้องจากไปด้วยอุบัติเหตุ เลยทำให้อีกความรู้สึกนึงที่มันเกิดขึ้นในใจหนูคือ ความโกรธ ความโมโห คนที่มันทำ มันทำให้หนูย้ำคิดย้ำทำ ปล่อยว่างไม่ได้ ว่าเราจะโกรธเขาตลอดเวลาเลย’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘การจากไปด้วยอุบัติเหตุ เป็นอะไรที่สถานการณ์ยากลำบากที่สุด เพราะว่าเราไม่มีเวลาเตรียมตัว ให้นึกถึงว่า ไม่ช้าก็เร็ว เราทุกคนก็ต้องจากกัน จะจากเป็นหรือจากตายมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถึงเวลานั้นเราต้องเข้มแข็ง เวลาของความเสียใจมันใช้เวลา ยิ่งผูกพันมาก ๆ พี่ก็ใช้เวลาเป็นปี เป็นเรื่องที่ทำใจค่อนข้างยาก ให้เวลาเยียวยา จะไม่บอกว่าอย่าเสียใจนะ ยังไงมันก็เสียใจอยู่แล้ว ถือว่าที่โทรมาในพุธทอล์ควันนี้ พวกพี่กำลังกอดอยู่แล้วกัน เป็นกำลังใจให้นะ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘พี่อยากบอกน้องบีว่า น่าอิจฉามากเลย หนูเหมือนมีพี่ชายที่รักหนูมากแล้วอยู่กับหนูมา 15 ปี บางคนเขาอาจจะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ในชีวิตเลยก็ได้ เขาแค่นำไปอยู่ดาวหมาก่อน เดี๋ยววันนึงมันก็เป็นคิวของพวกเราเอง แล้ววันนั้นเราก็จะไปเจอกับเขาบนดาวดวงนั้น แต่ว่าถ้าคิดถึง พี่ว่ามองอะไรที่นึกถึงแล้วทำให้ยิ้ม นึกถึงภาพที่อยู่กับเขา โตมากับเขาหรืออื่น ๆ ให้มีความสุขแล้วก็คิดว่าสักวันหนึ่งเราก็จะไปเจอกับเขาบนนั้น เป็นกำลังใจให้นะ... สำหรับพี่ ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันหมด มันเหมือนถูกวางไว้แล้ว เหมือนว่าการที่เราต้องซวยเจอเรื่องแบบนี้ เพราะว่าถ้าคนนี้ไม่มาจังหวะนี้ มันก็จะไม่มาชนน้องหมาของเรา แต่พี่รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนเราเลี่ยงไม่ได้เลย โดยเฉพาะมันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่ใช่คนบนฟ้าที่มองลงมาแล้วเห็นว่า ถ้าเราไม่ออกไปตอนนี้ เราจะเจอใครอะไรแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุตามชื่อของมัน เราไม่สามารถควบคุมมันได้ พี่ว่าต้องยอมรับแล้วก็เข้าใจมัน การที่เราไปผูกใจเจ็บ มันจะทำให้ตัวเราเองนั่นแหละจะเจ็บไปต่อเรื่อย ๆ และก็ไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ ถ้าพี่ตอบเร็ว ๆ แบบนี้นะ น้องหมาเขาเสียไปแล้ว เสียเพราะคนใจร้าย แต่สุดท้ายเขาโชคดีมาก ๆ ที่ได้เจอคุณ ก่อนที่เขาจะจากไป การผูกใจเจ็บมันทำให้หนูไม่มีความสุข และถ้าน้องหมาเขามองลงมา เขาเห็นบีไม่มีความสุขเขาก็ไม่มีความสุข เพราะตอนนี้เขาอยู่กับหนูไม่ได้อีกแล้ว นึกถึงแต่เรื่องดี ๆ ไว้ดีกว่า สำหรับพี่นะ’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘ยอมรับก่อนว่าพี่ไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงแบบอยู่ด้วยกันยาว ๆ แต่ 15 ปี ที่อยู่ด้วยกันพี่ว่าก็คงไม่ต่างอะไรกับเราเสียคนในครอบครัวคนนึงไป สิ่งนึงที่พี่คุยกับลูกชายของพี่ 4 ขวบ เมื่อมีการศูนย์เสียเกิดขึ้นคือ เขาจะย้ายไปอยู่ในสมองของเรานะ คนที่จากไปเราจะเจอกับเขาได้แค่เราหลับตา เขาจะมาอยู่ในสมองของเรา จดจำเขาไว้ในความทรงจำของเรา อย่าลืมเขาแค่นั้น เขาจะอยู่กับเราไปตลอด พี่รู้สึกว่า คนเรามันมีอายุไข ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้วันนึงเราก็ต้องจากกัน พอวันนี้มันเกิดเหตุนี้ขึ้นมา มันกะทันหัน มันทำใจยาก มันทำให้บีเกิดความโกรธ ซึ่งถ้าเป็นพี่ก็คงโกรธมาก ๆ แต่มันเป็นเรื่องปกติที่เราโกรธ ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก ความประมาทจากบุคคลที่ 3 มันยิ่งทำให้เราโกรธ แต่หลังจากความโกรธนั้นสิ่งที่จะทำร้ายจริง ๆ คือทำร้ายเรา น้องไปแล้วคนที่เขาทำเขาอาจจะแคร์หรือไม่แคร์ก็ไม่รู้ แต่คนที่ยังรับความโกรธ ความโมโหอยู่ข้างใน คนที่โดนทำร้ายแน่ๆ คือเรา สุขภาพจิตเสีย พอเราอยู่กับความเครียด ความโกรธ ความเศร้ามาก ๆ เคมีในสมองก็จะหลั่งออกมาอีกแบบนึง สุดท้ายแล้วมันจะกระทบกับร่างกายเรา คนที่รับผลกระทบคือเรา เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะไปจมกับความโกรธ พี่ก็เลยเลือกที่จะให้อภัย ถ้าวันนั้นคนนั้นเลือกที่จะหยุดเวลาสั้น ๆ ได้ก็คงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น สุดท้ายมันก็กลับมาที่ประโยคที่ว่าต้องใช้เวลา จนกว่าเราจะเห็นด้วยกับประโยคนี้ได้จริง ๆ ว่า เขาคงไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก’ พี่ ๆ ดีเจทั้ง3 คนเพิ่มเติมว่า ‘15 ปี คิดถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา 15 ปี บีคิดว่า 15 ปี มันต้องใช้เวลาทำใจเท่าไหร่ อาจจะต้องให้เวลามันหน่อย ช่วงนี้ก็เศร้าได้แค่เรารู้ตัวว่าก็เศร้า ไม่เป็นไรหรอกให้เวลา ให้ร่างกาย ให้ชีวิตเราเจอกับความเศร้า ในมุมของผู้ใหญ่ที่อายุ 40 กว่า คิดว่า อันนี้ก็ฝึกบีนะ เพราะเดี๋ยวบีก็ต้องเจอการศูนย์เสียอีกเต็มไปหมด อันนี้เหมือนเป็นเคสนึง ว่าบีจะผ่านไปได้เท่าไหร่ ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ จะช้าจะเร็วเดี๋ยวมันต้องมาแน่ ๆ บีต้องเจอพวกพี่ทุกคนก็ต้องเจอหมด แต่เราจะอยู่อย่างไรให้มีชีวิตอยู่ต่อได้จากการศูนย์เสียคนที่รักไป ให้เวลาเยียวยา’ ก่อนวางสายไป “คุณบี(นามสมมุติ)” ขอฝากถึงแฟนๆ รายการ พุธทอล์ค พุธโทร ว่า ‘บางคนอาจจะบอกว่า แค่หมาตัวนึง ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่หนูอยากบอกว่า ทุกชีวิตมันมีค่าเท่ากัน แค่หมาตัวนึงของคุณแต่ว่าเขาคือโลกทั้งใบหรือคนในครอบครัวของเราเลย หนูอยากให้ทุกคนเลิกมองว่าชีวิตคนกับชีวิตสัตว์มันมีค่าไม่เท่ากันสักที’ สุดท้ายนี้พี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน ให้กำลังใจกอด “คุณบี(นามสมมุติ)” แน่น ๆ น้าาาเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=SZ-XdtFvSHUt=646sใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1