แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

31 ม.ค. 2025

แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง

จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม

ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

เวลามีปัญหาอะไรเขาก็บอกว่าพูดไม่ได้เพราะเป็นคนกลาง

            “คุณเอ็น (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาของครอบครัวแฟนที่ส่งผลต่อชีวิตคู่

            โดย “คุณเอ็น (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนตั้งแต่อายุ 19 - 20 ปี จนตอนนี้ก็คบกันมา 10 ปีแล้ว เราสองคนไม่ได้มีฐานะที่ดีมาก เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย สร้างทุกอย่างมาด้วยกัน ในระหว่างนั้นก็มีปัญหาจากทางบ้านแฟนมาเรื่อยๆ ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเงินหรือเรื่องปัญหาในบ้านของเขา เรื่องของลูกๆ เขา ทางบ้านแฟนก็จะมีปัญหามาให้แฟนแก้ตลอด ส่วนแฟนก็ใจดี แก้ให้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน ภาระทุกอย่าง แฟนหนูเป็นเดอะแบกตลอด ด้วยความที่เราลำบากมาด้วยกัน หนูก็เห็นภาพทุกอย่างทั้งหมด หนูก็เข้าใจเขา เพราะเมื่อก่อนเราก็เสียดายเวลา เลยไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องพวกนี้

            แต่หลังๆ ก็จะมีเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน เพราะตอนนี้เราทั้งคู่ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน แต่บ้านเป็นชื่อแฟน และในบ้านก็ไม่ได้มีแค่หนูกับแฟน 2 คน แต่ที่อยู่ด้วยกันจะมีครอบครัวแฟนทั้งหมดเลย 5 คน มีแม่แฟน มีพี่-น้องแฟนอีก 2 คน พออยู่ด้วยกันหลายๆ คน ปัญหามันก็จะเกิดขึ้นทุกวัน แต่ในส่วนของหนู หนูก็รับผิดชอบตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ ก็มีช่วยแฟนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วย 100% จะช่วยแค่ค่าใช้จ่ายในบ้านที่หนูช่วยได้ แต่เรื่องในบ้าน เรื่องการรับผิดชอบก็จะเป็นหน้าที่แฟนทั้งหมด แม่เขาไม่ได้ทำงาน พี่สาวเขาอายุ 42 ปีก็ไม่ได้ทำงาน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพี่สาวแฟนไม่เคยทำงานเป็นกิจจะลักษณะเลย อยู่บ้านอย่างเดียว ไปทำงานที่ไหนก็โดนไล่ออกตลอด ก่อนหน้านี้พี่สาวเขาก็มีครอบครัว แต่ก็เลิกกันมาหลายปีแล้ว และกลับมาอยู่บ้าน คนที่อยู่บ้านอีกคนคือน้องที่ไปๆ มาๆ แต่ที่อยู่บ้านหลักๆ ก็มีแม่ พี่สาว แฟนและก็หนู แต่ก็ยังเป็นคำถามของหนูอยู่ ว่าเขาอยู่ได้ยังไง? ซึ่งแม่เขาก็ปกป้องเขาในระดับหนึ่ง

            ทุกวันนี้เวลาหนูคุยเรื่องอนาคต ด้วยความที่หนูกับแฟนหาเงินกันมาเอง เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว หนูเลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องแต่งงาน หนูก็ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลย จนเงินหมดไปกับทางบ้านแฟนเยอะมาก หนูเลยคิดได้ว่ามีเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่หนูรู้สึกว่าหนูไม่ไหวแล้ว เมื่อก่อนหนูยอมทางบ้านแฟนค่อนข้างเยอะ แต่พอหลังๆ หนูไม่ค่อยฟังเขา เพราะด้วยหน้าที่การงาน วุฒิภาวะ ทำให้หนูเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างเยอะ เลยทำให้มีปากเสียงกับที่บ้านเขาเหมือนกัน แล้วเราอยู่ในบ้านเขาด้วย หนูก็เริ่มรู้สึกไม่ไหว ไม่รู้จะไปต่อหรือยังไงดี เพราะตลอดระยะเวลาที่คบกัน แฟนหนูเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงหรืออะไรเลย เขาไม่เคยทำอะไรที่ผิดพลาดกับหนูเลย ติดแค่เรื่องครอบครัวเขาอย่างเดียว

            ช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหนูคิดว่าจะเอาตัวเองออกมาจากบ้านนั้น อยากจะแยกอยู่แบบสงบๆ แต่หนูยังไม่ได้พูดถึงขั้นจะเลิกกับแฟน แค่จะย้ายออกมาเช่าคอนโดอยู่ เพราะเวลาที่กลับมาบ้านบรรยากาศมันไม่น่าอยู่ แต่แฟนหนูเขาก็ไม่ยอม และบอกว่า ถ้าออกจากบ้านไปก็คือต้องเลิกกับเขา แต่หนูก็ไม่ได้อยากเลิกกับแฟน แค่อยากให้เขาได้ดูแลครอบครัวเขา ซึ่งตอนนี้ที่มีปัญหากัน ต่างคนก็ต่างอยู่ ไม่ค่อยคุยกันแยกห้องกันไปเลย ส่วนใหญ่หนูจะมีปัญหากับแม่และพี่สาวแฟนมากกว่า เขามองว่าหนูเป็นคนขี้เกียจ เพราะเมื่อก่อนหนูเคยรีดผ้าของทุกคนในบ้าน พอวันหนึ่งไม่ทำ เขาก็บอกว่าหนูขี้เกียจ หนูก็มองว่ามันเป็นน้ำใจ หนูช่วยเพราะเผื่อบางคนไม่ว่าง หนูก็รีดให้ได้ แต่พอครั้งต่อไปมันกลายเป็นว่า ทำไมหนูไม่ทำละ? และก็มีเรื่องเงิน เขาคิดว่าแฟนหนูให้เงินหนูอยู่คนเดียว ไม่ให้ที่บ้านเขาด้วย ซึ่งหนูไม่เคยเอ่ยปากขอแฟนเลย หนูหาเองได้ บางเดือนหนูหาได้มากกว่าแฟนหนูด้วยซ้ำ แต่หนูกับแฟนเหมือนโตมาด้วยกัน เขาไม่มีเงิน หนูก็ให้ พอหนูไม่มี เขาก็ให้ ซึ่งเรื่องพวกนี้หนูไม่เคยไปเล่าให้พวกเขาฟังอยู่แล้ว เขาเลยมองว่าลูกเขาหลงหนูให้แต่หนูคนเดียว ไม่ให้พวกเขาเลย ทั้งๆ บ้านที่เขาอยู่ แฟนหนูก็เป็นคนผ่อน ค่าน้ำ ค่าไฟ แฟนหนูเป็นคนจ่ายหมด ซึ่งแม่และพี่สาวเขาจะออกแค่ค่ากินของเขา เพราะแม่เขาได้เงินส่วนนี้มาจากการรับซ่อมผ้าเล็กๆ น้อยๆ

            หนูกับแฟนเคยคุยกันเรื่องนี้ เขาก็บอกว่าเขาเป็นคนกลาง แต่หนูก็เคยชวนแฟนออกมาอยู่ข้างนอกกันสองคน เขาก็ไม่สะดวก ไม่กล้าปล่อยคนที่บ้านไว้ สถานะตอนนี้ของหนูกับแฟน คือไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีลูก อยู่กันมา 10 กว่าปีแล้ว บางช่วงจังหวะของชีวิตหนูจะทำอะไร หนูก็ไม่เห็นภาพในอนาคตว่าหนูจะทำต่อไปได้ยังไง หนูไม่รู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ในใจหนูก็สงสารเขาเพราะเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร หนูอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า หนูควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ถ้าหนูเดินออกมา หนูจะเห็นแก่ตัวไหม?

            เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดว่าหนูไม่ได้เห็นแก่ตัว หนูแค่รักตัวเอง ไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนี้อีกแล้ว แล้วหนูก็มีช้อยส์ให้เขาเลือกแล้ว แต่เขาดันยื่นคำขาดว่าถ้าย้ายออกเท่ากับเลิก สำหรับพี่ถ้าเขาเป็นคนกลางจริงๆ เขาก็ต้องเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความสุขได้ยังไง การที่เขาเป็นคนกลางถ้าเขาไม่พยายามทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้น เขาก็ต้องมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งจากที่ฟังเขาก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเราขนาดนั้น และเขาก็ต้องเจอกับผู้หญิงที่รับที่บ้านเขาได้’

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปัญหาที่น้องกำลังเจอมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นปัญหาเรื้อรังระยะยาว การที่เอาคนในครอบครัวมาอยู่ในบ้าน ร่วมกันเป็นบ้านใหญ่ มันจะปรับเปลี่ยนอะไรยากมาก ถ้าวันหนึ่งคุณแม่แฟนไม่อยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่เราจะต้องดูแลพี่สาวเขาด้วยหรือเปล่า ถ้ามองในมุมของเขาก็คงคิดว่าถ้าแฟนแยกไปอยู่ข้างนอกความสัมพันธ์ที่คบกันมา 10 กว่าปี ความสัมพันธ์จะถอยหลังหรือเปล่า ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเขาอาจจะเลือกดูแลเรา แต่ผู้ชายคนนี้เขาก็เลือกครอบครับเขา ซึ่งก็ไม่ผิด และมันก็เป็นสิทธิของเราที่จะต้องเลือกดูแลตัวเอง รักตัวเอง และก็สงสารตัวเอง

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ ไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัว เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องเห็นแก่ครอบครัวใคร ครอบครัวเขายังไม่ช่วยกันเองเลย เรื่องอะไรจะต้องมาเป็นภาระเรา ยกเว้นถ้าน้องรับได้ว่าต้องรับภาระนี้ไปตลอดชีวิตก็อยู่กับคนๆ นี้ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวก็ออกมาเลย เสียเวลา

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมลองย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟน แต่พออยู่กันไปเรื่อยๆ ก็เข้ากันไม่ได้ จนผมได้ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น พอแฟนจับได้เลยบอกเลิก แต่สิ่งที่ยังติดอยู่คือ คำพูดของแฟนที่บอกว่า ข้อดีข้อเดียวของเราคือ เราไม่เจ้าชู้ ตอนนี้ Move on จากคำพูดเขาไม่ได้เลย..

29 เม.ย. 2025

ผมลองย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟน แต่พออยู่กันไปเรื่อยๆ ก็เข้ากันไม่ได้ จนผมได้ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น พอแฟนจับได้เลยบอกเลิก แต่สิ่งที่ยังติดอยู่คือ คำพูดของแฟนที่บอกว่า ข้อดีข้อเดียวของเราคือ เราไม่เจ้าชู้ ตอนนี้ Move on จากคำพูดเขาไม่ได้เลย..

“คุณเอ็กซ์(นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา[23 เมษายน 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา ยังรู้สึกผิดที่นอกใจแฟน เพราะข้อดีของเราข้อเดียวที่เขาบอกคือ เราไม่เจ้าชู้ โดย “คุณเอ็กซ์(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนได้ประมาณ 6 เดือน เขาอายุประมาณ 24 ปี ในช่วง 4 เดือนแรกผมกับเขาแทบจะไม่มีปัญหาอะไร เจอกันตลอด มีไปรับไปส่งกันบ้าง จนวันหนึ่งผมรู้สึกว่าเราน่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพราะผมอยากลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และผมเองก็ยังไม่เคยได้ย้ายมาอยู่กับแฟนสักครั้ง เลยลองปรึกษาแฟนดู ซึ่งแฟนก็ตกลง เราเลยได้เลือกคอนโดที่จะไปอยู่ด้วยกัน แต่หลังจากนั้น 2 เดือน เหมือนเราทั้งสองคนก็ได้เห็นข้อดีข้อเสียของกันและกัน ซึ่งก่อนที่ผมจะคบกับแฟน เขาเคยพูดประมาณว่า “เขาเป็นคนพูดตรง พูดแรงนะ เธอจะรับได้ไหม” ตอนนั้นผมก็ตอบโอเคไป พอผมได้มาอยู่กับเขา ผมเจอคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ‘ผมไม่สมบูรณ์แบบขนาดนั้นเลยหรอ’ เช่น ผมกำลังจะย้ายงาน แล้วผมต้องการคำปรึกษา เลยไปถามเขาว่า ”เธอ เรากำลังจะย้ายงาน เรารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลย รู้สึกว่าที่นี่ให้เงินเดือนประมาณหนึ่ง อีกที่ก็ให้ประมาณนี้ เราจะไปสัมภาษณ์ดีไหม“ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาอารมณ์เสียอยู่หรือเปล่า เขาก็พูดมาว่า “ทำไมเธอดูเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยเนาะ“ เขาก็พูดด้วยอารมณ์นิ่งๆ เงียบๆ ผมก็แบบงง กับคำพูดของเขา และก็รู้สึกแย่ประมาณหนึ่ง แล้วผมก็จะเจอกับเหตุการณ์ประมาณนี้เรื่อยๆ เหมือนอยู่ในกรอบ มีครั้งหนึ่งที่ผมตัดสินใจที่จะซื้อโต๊ะเพื่อจะใช้วางคอมพิวเตอร์ในการทำงาน เขาก็พูดประมาณว่า “เขาไม่ชอบโต๊ะนี้ เธอพอจะเปลี่ยนโต๊ะได้ไหม” ผมก็อธิบายเหตุผลของผม เขาก็มีเหตุผลของเขา เหมือนเราหาตรงกลางกันไม่ได้ เขาก็จะพูดต่อว่า “เอางี้ไหม เดี๋ยวเขาไปอยู่ห้องอื่น เธอก็อยู่ห้องของเธอไป” หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ ผมก็ได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมก็ไป repire story ผู้หญิงคนนั้น แล้วก็มีการพูดคุยกันบ้าง เหมือนได้ปรึกษาเรื่องทัศนคติ ตอนแรกผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ความรู้สึกก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังไม่เคยเจอกันเลย จนมาวันหนึ่งแฟนผมก็จับได้ว่าผมนอกใจ เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดที่จะลบแชทที่คุยกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งแฟนผมก็ได้ตัดสินใจที่จะบอกเลิกผม ผมก็ง้อเขาประมาณ 3 อาทิตย์ เขาก็บอกว่า เขาไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเขาไม่สามารถที่จะหาสาเหตุที่ผมนอกใจเขาได้และคำพูดที่เขาพูดมาแล้วผมรู้สึกแย่เลยคือ “เธอรู้ไหมว่า เธอไม่ได้อยู่ในสเปคเขาสักข้อเลย แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่เขาสามารถเอาไปบอกคนอื่นๆ ได้ ก็คือ การที่เธอมีเขาแค่คนเดียว” มันทำให้ผมรู้สึกผิด และก็ไม่ move on กับคำพูดนี้สักที ผมยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมทำลงไป ผมก็รู้ว่าการนอกใจเป็นเรื่องที่ผิดมาก แล้วผมก็รู้สึกแย่ที่ผมไม่สามารถแก้ไขคำพูดของเขา หรือกลับไปเป็นคนใหม่ให้เขาเห็นได้แล้ว เพราะเราก็เลิกกันมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่ผมก็ยอมรับกับผลรับที่ผมทำลงไป ตอนนี้ผมเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า ผมต้อง move on ยังไงกับความรู้สึกนี้ดี ที่ยังยึดติดกับเขาอยู่ครับ?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องใช้เวลา เพราะเพิ่งเดือนเดียวเอง ผมว่าคำหนึ่งที่ผมคิดว่ามันใช่ คือ ช่วงเวลาที่เรามีสิทธิ์ที่จะดูแล เราก็ควรที่จะใช้สิทธิ์ในการดูแลนั้นให้ดีที่สุดในฐานะคนคบกัน เมื่อไหร่ที่มันจบแล้วบางคนเขาไปเลย เขาไม่ได้ต้องการคำแก้ตัวอะไร ในคำพูดที่เขาพูด ผมคิดว่าเขามีอะไรที่ไม่ชอบในตัวคุณเอ็กซ์เยอะมาก พอได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเพิ่งอยู่ด้วยกันมาแค่ 2 เดือน นั้นแปลว่าในมุมของเขา เขาไม่ถูกใจในตัวคุณเอ็กซ์หลายอย่าง นั้นอาจทำให้เขาพูดจาไม่รักษาน้ำใจหรือเปล่า แต่อย่างน้อยคุณเอ็กซ์ก็เป็นแฟนที่ซื่อสัตย์ พอตรงนี้มันไม่เหลือแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทนกับผู้ชายคนนี้ทำไม ในเมื่ออย่างอื่นก็ไม่ได้ถูกใจ สมมติในเรื่องความมั่นใจ เขาอาจจะไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ เขาอาจจะชอบผู้ชายที่เป็นผู้นำ แต่ถ้าถามว่ามันผิดไหม มันก็ไม่ผิด บางทีถ้าคุณเอ็กซ์เจอผู้หญิงที่ชอบเป็นผู้นำ มันก็อาจจะไปด้วยกันได้ แค่ชีวิตที่ลองใช้ร่วมกันมันไม่เข้ากัน และเรื่องเดียวที่เขาคิดว่ามันดี ดันมาเจอแบบนี้ เขาก็เลยไปเลย ส่วนจะ move on ยังไง มันต้องใช้เวลา มันแล้วแต่คน บางคนอาจไปหาอะไรใหม่ๆ หรืออาจหาคนใหม่ๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลา เวลามันก็จะค่อยๆ เยี่ยวยาไปตามสเต็ปของมัน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่ผ่านมามันก็เป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต สิ่งที่คุณเอ็กซ์เจอก็ต้องรับบทเรียนไป ซึ่งมันมีราคาที่จะต้องจ่าย ของชิ้นนี้มันหลุดมือเราไปแล้ว มันไกลเกินกว่าที่มือเราจะเอื้อมถึงแล้ว ฉะนั้นอยากจะ move on ก็ต้องทิ้งอดีต ไม่ต้องไปคิดถึงว่าทำไมเราทำแบบนั้น ทำไมวันนั้นไม่ทำแบบนี้ ซึ่งมันผ่านไปแล้ว ให้มองหาทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิตเรา และถ้ามันยังเจ็บปวดอยู่ มันเป็นเรื่องของเวลา และราคาที่ต้องชดใช้ มีหนึ่งคำคมสำหรับคนที่ต้องการ move on ถ้าเรามั่วแต่ร้องไห้ น้ำตาทุกหยด เราเป็นคนเช็ดมันเอง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอ็กซ์ต้องยอมรับก่อนว่าสิ่งที่ตัวเองทำตอนนี้มันผิด ซึ่งมันก็มีทั้งคนผิดที่ได้รับโอกาส กับคนผิดที่ไม่ได้รับโอกาสแก้ไข ซึ่งในกรณีของแฟนคนนี้ พี่ว่าเอ็กซ์จะไม่ได้รับโอกาสแก้ไข จากนั้นก็ต้องให้อภัยตัวเอง เพื่อที่เราจะไปต่อให้ได้ ไม่งั้นเราก็นอนจมอยู่กับความรู้สึกผิดอย่างนี้ไปจนวันตาย มันไม่มีประโยชน์ ให้อภัยตัวเองเสร็จแล้วไปต่อ ถ้ามีโอกาสได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใหม่ก็ต้องไม่ทำแบบนี้อีก แค่นี้พอ เอาความผิดพลาดนี้เป็นบทเรียน มีชีวิตต่อไป และทำดีกับแฟนคนต่อๆ ไป มีปัญหาก็เคลียร์กันให้จบ ไม่ใช่มีปัญหาแล้วเอาใจไปคุยกับคนอื่น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

นี่หนูต้องมาเจออะไรเนี่ย?? บริษัทจ้างวิทยากรมาบรรยาย ให้ความรู้พนักงาน บรรยายไปบรรยายมา เข้าเรื่อง "เอเลี่ยน - มนุษย์ต่างดาว" ตลอด เคยให้คะแนนแล้วก็ยังไม่เป็นผล ยังต้องเจอคนนี้เดือนละ 2 ครั้งไปอีกยาวๆ ไม่รู้จะทำยังไงดีวิทยากรคนนี้สนิทกับ CEO ด้วย

13 พ.ค. 2024

นี่หนูต้องมาเจออะไรเนี่ย?? บริษัทจ้างวิทยากรมาบรรยาย ให้ความรู้พนักงาน บรรยายไปบรรยายมา เข้าเรื่อง "เอเลี่ยน - มนุษย์ต่างดาว" ตลอด เคยให้คะแนนแล้วก็ยังไม่เป็นผล ยังต้องเจอคนนี้เดือนละ 2 ครั้งไปอีกยาวๆ ไม่รู้จะทำยังไงดีวิทยากรคนนี้สนิทกับ CEO ด้วย

“คุณเจ (นามสมมติ)” 26 ปี สายที่ห้าในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเข้าไปอบรมสัมมนา แต่เจอผู้บรรยายพูดออกนอกเรื่องจนไม่ได้ความรู้! โดย “คุณเจ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘บริษัทจะมีการจัดอบรมสัมนาใหญ่ที่มีผลต่อ KPI ของเราทุกเดือน เดือนละ 2 ครั้ง ในห้องประชุมใหญ่ และในปีนึงส่วนมากจะเจอกับคนที่มาบรรยาย ซึ่งคนนี้เขามาบ่อยที่สุด และเขาจะชอบพูดไปเรื่อย พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง สมมติว่าเรื่อง Innovation หรือการพัฒนา เขาก็จะพูดไปถึงว่า รู้ไหมว่าเทคโนโลยีพวกนี้มันมาจากเอเลี่ยน มันมีทฤษฎีอย่างนู้นอย่างนี้ พูดเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งเขาก็จะให้พิมพ์ส่งมาว่ามีอะไรให้แนะนำเพิ่มมั้ย เจพิมพ์ไปทุกครั้งที่ประเมิน และก็มีหลายคนที่เขาไม่ชอบ เพราะหลังอบรมสัมมนาหลายๆแผนกก็พูดกันว่า อะไรวะ ไม่เห็นมีประโยชน์เลย แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นพิมพ์ไหม ตามจริงเขาไม่น่าจะผ่านการประเมินมาอบรมสัมมนาอีก ถ้าคนอื่นพร้อมใจกันรีวิวว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่สาเหตุที่เจ้านายยังเอาเขามาอบรมสัมมนาบ่อยๆ เพราะเขาสนิทกับ CEO และ CEO ก็เคยเกริ่นเรื่องนี้มาแล้วว่า มีอะไรก็คุยกันได้นะครับ ผมชิล แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครกล้าพูด เพราะ CEO ก็ค่อยข้างอีโก้นิดนึง พยายามทำเหมือนว่า คุยกับผมได้นะ ซึ่งจริงๆแล้วคุยไม่ได้เลย อยากถามพี่ๆดีเจว่า ทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง? มันมีโอกาสมั้ยที่หนูจะสามารถปลุกระดม รายงาน HR ? จริงๆควรจะมีคนอื่นมาสัมมนาอบรมบ้าง แต่เขามาบ่อยมาก เจไม่รู้ว่าถ้ารวมตัว ล่ารายชื่อ หาคนที่เบื่อกับคนนี้แล้วมาประเมิน จะมีใครไปประเมินด้วยกันบ้าง จริงๆก็มีหลายคนที่นั่งงีบบ้าง นั่งเล่นโทรศัพท์บ้าง ประเด็นคือมีคนมา Discuss กับเขาด้วย เหมือนเริ่มกลายเป็นลัทธิ แล้วเริ่มมีคนสนใจ เพราะมาบ่อยขึ้น และตอนนี้แอบใช้น้องฝึกงาน เพราะอยู่แปปเดียวก็ต้องไปแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูไปทำงานพาร์ทไทม์ที่นึง เจอรุ่นพี่ อายุ 37 แล้ว ขอแอดไลน์กัน เขาถ่ายรูปคู่กับเด็ก 7 ขวบ ถามเขา เขาบอกน้อง คุยไปคุยมา เริ่มคิดถึงเค้า เค้าโทรมาขอเงิน 100 พอเราจะโอนให้ เขาบอก ขอ 200 เลยแล้วกัน

13 ก.ย. 2024

หนูไปทำงานพาร์ทไทม์ที่นึง เจอรุ่นพี่ อายุ 37 แล้ว ขอแอดไลน์กัน เขาถ่ายรูปคู่กับเด็ก 7 ขวบ ถามเขา เขาบอกน้อง คุยไปคุยมา เริ่มคิดถึงเค้า เค้าโทรมาขอเงิน 100 พอเราจะโอนให้ เขาบอก ขอ 200 เลยแล้วกัน

หนูไปทำงานพาร์ทไทม์ที่นึง เจอรุ่นพี่ อายุ 37 แล้ว ขอแอดไลน์กัน เขาถ่ายรูปคู่กับเด็ก 7 ขวบถามเขา เขาบอกน้อง คุยไปคุยมา เริ่มคิดถึงเค้า เค้าโทรมาขอเงิน 100 พอเราจะโอนให้เขาบอก ขอ 200 เลยแล้วกัน โอนเสร็จ เพิ่งรู้ว่าบัญชีเมียเขา และ เขาก็หายไปเลยไม่เจอที่ทำงานแล้ว “คุณเบสท์ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [11 ก.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาโอนเงินให้ผู้ชายที่มาจีบ 200 มารู้ทีหลังว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว จากนั้นเขาก็หายไป เงินก็ไม่คืน โดย “คุณเบสท์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ขอเกริ่นก่อน พอดีหนูมีเพื่อนสนิทคนนึง เขาทำงานพาร์ทไทม์ในห้างสรรพสินค้าที่นึง เขาก็มาชวนหนูไปทำงาน หนูก็เลยตอบตกลงเพราะค่าตอบแทนค่อนข้างสูง ทีนี้เขารับเด็กพาร์ทไทม์เยอะ หนูเลยได้ไปเจอกับคนๆนึง เขาหล่อ ดูทรงแบดบอย เขาทำงานโซนเดียวกับหนู แล้วเขาก็สนิทกับเพื่อนหนูมาก่อน ต่อมาเขาก็เหมือนจะมาเต๊าะๆ จีบๆหนู ตอนแรกหนูก็ไม่ค่อยชอบ พราะเขาอายุค่อนข้างห่างกับหนูเยอะเลย เขาอายุ 37 ปี ด้วยความที่หนูโสดนาน ไม่มีคนคุยด้วย และเป็นคนใจง่ายนิดๆ พอเขาเต๊าะเข้ามากๆหนูก็ไปชอบเขาแล้ว หลังจบงานเขามาขอไลน์หนู หนูก็ให้ไป พอเขาแอดมา รูปโปรไฟล์ของเขาที่หนูเห็นคือเขากำลังจูงเด็กผู้ชายคนนึงอายุประมาณ 6 – 7 ขวบ หนูก็เลยถามเขาว่าลูกหรอ? เขาบอกว่าเป็นน้อง ด้วยความที่หนูซื่อบื้อก็ไม่ได้คิดอะไร น้องก็น้อง พอเลิกงานเขาก็ทักมาคุยว่า “คิดถึงนะ ฝันดีนะ เจอกันนะ พรุ่งนี้บ่ายสองเดี๋ยวพี่พักงานแล้วจะโทรหานะ” หนูก็รอโทรศัพท์จากเขา จนวันนั้นทั้งวันเขาก็ไม่โทรมา หนูก็เลยตัดใจ ไม่เอาแล้ว ไม่ชอบแล้ว พอเช้าวันถัดมาเขาโทรมาหาหนูช่วง 10 โมง หนูก็เลยกลับมาชอบเขา เขาก็บอกหนูว่า “คิดถึงจังเลย เดี๋ยววันจันทร์ไปกินหมูกระทะกันนะ วันนี้มีแพลนจะไปไหนมั้ย ไปไหนก็อย่าให้ไลน์ผู้ชายนะ อย่าให้ไลน์ใครนะ” เหมือนเขาหวง เป็นห่วงเรา หนูก็เลยคิดกับตัวเองว่า เอาล่ะ ดูทรงเหมือนจะมีแฟนแล้วแหละ ทีนี้เขาก็บอกหนูว่าน้องติดต่อเพื่อนคนนี้ได้มั้ย? บอกเขาว่าโอนตังให้พี่หน่อยร้อยนึง หนูก็งงๆ สะลึมสะลือ เลยให้เขาพูดใหม่อีกรอบ เขาก็บอกว่า “ยืมตังคนนี้ให้หน่อยนะ ให้เขาโอนให้หน่อย” สักพักนึงหนูก็บอกโอเคค่ะ เขาก็วกกลับมาที่หนูว่า “หรือน้องมีก่อนมั้ยตอนนี้?” หนูก็โอนไวด้วย เปย์ ตอนแรกหนูก็ถือสายรอให้เขาส่งคิวอาร์โค้ดมาให้ แล้วเขาก็บอกว่า “เออ...น้องเป็นสองร้อยได้มั้ย?” เดี๋ยวบ่ายสองวันนี้พี่โอนคืนให้ แล้วหนูก็โอนให้เขา ตอนแรกหนูก็สงสัยว่าทำไมบัญชีปลายทางเป็นของผู้หญิง ใช้นางสาว แต่หนูก็เข้าใจว่าคงจะโอนค่าอื่นๆหรือเปล่า? หลังจากนั้นเขาก็ไม่คืน บ่ายสองแล้วก็ไม่คืน วันถัดไปก็ไม่คืน หนูไลน์ไปหาก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ คือเขาหายไปเลย ตอนแรกหนูก็ไม่กล้าบอกเพื่อนว่าพี่คนนี้มาขอตัง เพราะกลัวเพื่อนจะว่าเราเป็นสายเปย์ไปเปย์ผู้ชาย จน 4 ทุ่มวันนั้นหนูไลน์ไปบอกเพื่อน เพื่อนหนูก็เลยมาบอกว่า “มึง กูขอโทษนะ รู้หรือเปล่าว่าเขามีลูก มีเมียอยู่แล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอก ไม่ได้คิดว่ามึงจะจริงจัง” ตอนนั้นพอหนูรู้ หนูนอยเลย คือไม่ได้ติดเรื่องเงินเลย แต่หนูนอยมันไม่ใช่อ่ะ ทีนี้เพื่อนก็ถามว่าโอนเข้าบัญชีใครนะ หนูก็เอาชื่อบัญชีให้ดู มันพีคตรงที่บัญชีนั้นเป็นบัญชีเมียเขา เพื่อนหนูก็รู้จักกับเมียเขา เพราะเคยทำงานด้วยกัน เพื่อนเลยเล่าให้ฟังว่าเมียเขาค่อนข้างที่จะโอ้อวดว่าที่บ้านซื้อรองเท้าแบรนด์ดังให้ลูกเลยนะ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ เวลาที่หนูให้ใครยืมเงิน หนูไม่เคยทวงเงิน เพราะอยากให้เขาคืนด้วยจิตสำนึกของตัวเอง แต่พอหนูมารู้ว่าคนนี้มีลูก มีเมียแล้ว หนูก็เลยไม่โอเค หนูเป็นคนที่ทวงสุภาพมากเลยนะแบบทักไปบอกว่าทิ้งเลขบัญชีไว้ให้ก่อนนะคะ ไม่ได้ไปจี้ทวง ซึ่งคนนี้เขาก็หายไปเลย หนูทักไปเขาก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ เขาเคยบอกว่าเขาทำงานประจำที่นี้ๆ เพื่อนหนูรู้จักกับคนที่ทำงานที่เดียวกับเขา พอไปถามถึงเขา คนที่ทำงานที่เดียวบอกว่า พี่คนนี้เขาลาออกไปเดือนนึงแล้ว เพื่อนหนูทักไปทั้งทางเมียและผัวเลยแต่ไม่มีใครตอบเลยสักคน หนูอยากได้วิธีทวงตังหรือไม่ก็อยากให้พี่ๆดีเจพูดอะไรให้เขาคืนตังหนูหน่อย?’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึง ปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรู อยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย

21 มิ.ย. 2024

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึง ปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรู อยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึงปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรูอยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (19 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก’ เกี่ยวกับปัญหาพึ่งรู้ว่าเด็กเลี้ยงของพ่อเป็นเพื่อนสนิทเราสมัยมัธยม โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณพ่อเป็นคนที่เจ้าชู้ หน้าตาดี อายุยังไม่ถึง 50 ปี คุณพ่อเป็นคนมีเงิน ผ่านการแต่งงานมาทั้งหมด 8 ครั้ง และมีลูกทั้งหมด 10 คน ส่งเสียลูกทุกคน โดยคุณแม่ของหนูเป็นคนที่ 7 ส่วนตอนนี้คุณพ่ออยู่กับภรรยาคนที่ 8 ซึ่งหนูเรียนอยู่มหาลัยอาศัยอยู่กับคุณแม่ แต่หนูจะไปหาคุณพ่อบ่อยๆ เพราะสนิทกับคุณย่า และคุณพ่อก็จดทะเบียนกับภรรยาทุกคน ถ้าใครรับไม่ได้ก็จะหย่า เรื่องมันเกิดขึ้นตรงที่หนูมีเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมแต่อยู่คนละห้องกัน และก็มาสนิทกันอีกตอนมัธยม และเวลาหนูมีอะไรก็จะเล่าให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องพ่อด้วย พอขึ้นมัธยมปลายเรารู้สึกว่าเขาดูมีเงินมากขึ้น ปกติเขาอยู่กับคุณแม่ 2 คน หนูก็ถามว่า “ไปทำอะไรมา ทำไมมี iPhone” มีอะไรหลายๆอย่างใช้ คือดูรวยมากกว่าเรา ซึ่งตอนนั้นเขายังยืมเงินหนูจ่ายค่าเทอมอยู่เลย เขาก็บอกว่า “แม่เขาได้ไปทำงานเป็นแม่บ้านของฝรั่ง นานๆกลับบ้านมาทีเลยส่งเงินมาให้” ส่วนตัวหนูไม่เคยพาเพื่อนผู้หญิงไปรู้จักคุณพ่อเลย และคุณพ่อก็จะไม่รู้จักเพื่อนผู้หญิงของเราสักคน เพราะเรารู้ว่าพ่อเราเป็นคนแบบนี้เผลอไม่ได้ ช่วงปิดเทอมหนูกลับมาที่บ้านต่างจังหวัด ซึ่งบ้านหนูและเพื่อนสนิทอยู่ใกล้กัน และเขาก็พยายามจะให้หนูไปบ้านเขาทั้งที่แม่เขาก็อยู่ ปกติเวลาหนูไปบ้านเขาก็จะทำกับข้าวและกินข้าวกับแม่เขา แต่วันนั้นเขาพยายามจะพูดให้หนูเข้าไปในห้องเขาให้ได้ ประมาณว่า “เห้ย เข้าไปห้องเรามั้ย เพิ่งติดโทรทัศน์ใหม่ ติดแอร์ใหม่” พอเข้าไปเราก็เจอแหวนคุณพ่อ ตอนแรกก็ไม่ได้สงสัย แต่แหวนของคุณพ่อจะสลักชื่อเอาไว้ คือชื่อเขา พอหนูเห็น หนูก็เบลอไปหมด และถามเขาว่า “นี่อะไร มึงไปเอาของพ่อกูมาได้ไง” เขาบอกว่า “เขาขอโทษ เขาไม่ได้ตั้งใจ” เหมือนตั้งใจให้หนูรู้ว่าเป็นเด็กเลี้ยงของพ่อ ทีนี้ก็ทะเลาะกันบ้านแตก ถึงขั้นลงมือกับเขา แต่ก็แค่ตบหน้า เพราะหนูโกรธมาก คือเป็นเพื่อนกันมา 10 ปี แต่มาทำกันแบบนี้ หนูถามเขาอีกว่า “ไปเจอพ่อได้ยังไง” เขาก็ได้แต่ร้องไห้และขอโทษ หนูเลยกลับบ้าน บล็อคแชท บล็อคทุกอย่างไป และไม่ได้สนใจเพื่อน หลังจากนั้นหนูก็กลับบ้านมาถามพ่อว่า “พ่อรู้มั้ยคนนี้เพื่อนหนูนะ” พ่อก็บอกว่า “พ่อไม่รู้ พ่อไม่เคยรู้มาก่อนเลย” และพ่อก็บอกว่า “พ่อไปเจอกับเพื่อนหนูที่บาร์ประจำของพ่อและเพื่อนพ่อ” ซึ่งหนูก็เชื่อ เพราะเคยเล่าให้เพื่อนฟังว่าพ่อจะมานั่งที่บาร์นี้บ่อยๆ เหมือนเขาพาตัวเองไปเจอพ่อหนูบ่อยๆ ตอนนี้หนูกลับมาที่กรุงเทพ เพื่อนหนูเขาก็พยายามจะโทรหา พยายามทักหาโดยเอาแอคหลุมทักมา แล้วก็พยายามติดต่อพ่อหนู เพราะพ่อฟังหนูและตัดเขาออก ไม่ได้เลี้ยงหรือส่งเสียอะไร แล้วก็มีเพื่อนมาบอกว่าเขาจะไม่เรียนต่อเพราะมหาลัยที่เรียนเป็นมหาลัยเอกชน เขาไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม เขาเริ่มมีของใช้เริ่มรวยขึ้นมาตั้งแต่มัธยมปลาย แต่ตอนนั้นเขาก็ทำงานที่บาร์หลายๆที่ แถมมีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด เลยไม่รู้ว่าพ่อหนูส่งเสียเขาตั้งแต่ตอนไหน จนหนูไปถามพ่อ พ่อก็บอกว่า “ก็เลี้ยงมาตั้งแต่มัธยมปลาย” ประมาณเกือบ 4 ปี หนูจะต้องกลับบ้านไปหาคุณพ่อคุณยายบ่อยๆ เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำยังไงเมื่อเจอหน้าเพื่อนคนนี้? เพราะบ้านก็อยู่ใกล้กัน น่าจะได้เจอกันแน่นอน และเขาก็ยังคงพยายามติดต่อเรากับพ่อมาตลอด แต่พอติดต่อไม่ได้ก็จะมารังควานหนู พอหนูไม่ตอบโต้ ก็ไปรังควานภรรยาคนปัจจุบันของพ่อ จนพ่อต้องทะเลาะกับภรรยา โดยการพยายามแสดงตัวตน’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เท่าที่ฟังมาดูเหมือนเอไม่อยากยุ่ง เพราะฉนั้นเวลาเจอหน้า เราก็ปฏิสัมพันธ์ หรือคุยกันให้น้อยที่สุด คือไม่จำเป็นต้องพยายามไม่มองหน้า พยายามไม่คุย เพราะมันจะทำให้เขายิ่งพิเศษขึ้นมา ถ้าเวลาเจอกันในกลุ่มเพื่อนเยอะๆแล้วจงใจไม่มองเขาคนเดียว จะกลายเป็นว่าเขาอาจจะดูมี Something ขึ้นมา แต่ถ้าเราทักทายแค่แบบ พยักหน้าให้ และไม่สนใจ ทักเหมือนคนเคยรู้จักและไม่สารสัมพันธ์อะไรต่อ ไม่ต้องไปให้ค่าอะไรเขามากมาย ก็อาจจะทำให้คนอื่นที่มาเห็นอาการของเราสองคน มันก็จะดูปกติ เอาแค่พอเป็นมารยาท’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าได้เจอกันจริงๆพี่จะเคลียร์เลยว่า พอแล้วไม่ต้องขยันส่งอะไรมาหากูอีกแล้ว เพราะที่กูเงียบไปคือไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกันอีกแล้ว สิ่งที่มึงทำคงไม่ต้อฝพูดแล้วว่ามันรุนแรงขนาดไหนในแง่ของความรู้สึก ถ้าเจอกันก็เมินๆกันไป หนูมีชีวิตของหนู แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเทอม หรือเรื่องเงินอะไรของเขาเพราะนั่นก็คือชีวิตของเขา เขาต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้เห็นด้วยกับคำปรึกษากับทั้งดีเจเผือก และดีเจเติ้ล พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมให้บอกกับเพื่อนไปว่า “ออกไปจากชีวิตฉัน ฉันจะไม่คุยกับเธอแล้ว แล้วไม่ต้องมายุ่งกันอีก สิ่งที่มีงทำกูให้อภัยไม่ได้”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1