แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

31 ม.ค. 2025

แฟนคือ “เดอะแบก” ของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาเป็นที่หนึ่ง

จนแทบมองไม่เห็นอนาคตของคู่เรา คบกันมา 10 ปี รู้สึกเหมือนยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม

ไม่มีภาพอนาคตของเราเลย ซื้อบ้านด้วยกันแต่เขาก็พาพี่สาว คุณแม่ มาอยู่ด้วย

เวลามีปัญหาอะไรเขาก็บอกว่าพูดไม่ได้เพราะเป็นคนกลาง

            “คุณเอ็น (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาของครอบครัวแฟนที่ส่งผลต่อชีวิตคู่

            โดย “คุณเอ็น (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนตั้งแต่อายุ 19 - 20 ปี จนตอนนี้ก็คบกันมา 10 ปีแล้ว เราสองคนไม่ได้มีฐานะที่ดีมาก เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย สร้างทุกอย่างมาด้วยกัน ในระหว่างนั้นก็มีปัญหาจากทางบ้านแฟนมาเรื่อยๆ ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเงินหรือเรื่องปัญหาในบ้านของเขา เรื่องของลูกๆ เขา ทางบ้านแฟนก็จะมีปัญหามาให้แฟนแก้ตลอด ส่วนแฟนก็ใจดี แก้ให้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน ภาระทุกอย่าง แฟนหนูเป็นเดอะแบกตลอด ด้วยความที่เราลำบากมาด้วยกัน หนูก็เห็นภาพทุกอย่างทั้งหมด หนูก็เข้าใจเขา เพราะเมื่อก่อนเราก็เสียดายเวลา เลยไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องพวกนี้

            แต่หลังๆ ก็จะมีเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน เพราะตอนนี้เราทั้งคู่ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน แต่บ้านเป็นชื่อแฟน และในบ้านก็ไม่ได้มีแค่หนูกับแฟน 2 คน แต่ที่อยู่ด้วยกันจะมีครอบครัวแฟนทั้งหมดเลย 5 คน มีแม่แฟน มีพี่-น้องแฟนอีก 2 คน พออยู่ด้วยกันหลายๆ คน ปัญหามันก็จะเกิดขึ้นทุกวัน แต่ในส่วนของหนู หนูก็รับผิดชอบตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ ก็มีช่วยแฟนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วย 100% จะช่วยแค่ค่าใช้จ่ายในบ้านที่หนูช่วยได้ แต่เรื่องในบ้าน เรื่องการรับผิดชอบก็จะเป็นหน้าที่แฟนทั้งหมด แม่เขาไม่ได้ทำงาน พี่สาวเขาอายุ 42 ปีก็ไม่ได้ทำงาน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพี่สาวแฟนไม่เคยทำงานเป็นกิจจะลักษณะเลย อยู่บ้านอย่างเดียว ไปทำงานที่ไหนก็โดนไล่ออกตลอด ก่อนหน้านี้พี่สาวเขาก็มีครอบครัว แต่ก็เลิกกันมาหลายปีแล้ว และกลับมาอยู่บ้าน คนที่อยู่บ้านอีกคนคือน้องที่ไปๆ มาๆ แต่ที่อยู่บ้านหลักๆ ก็มีแม่ พี่สาว แฟนและก็หนู แต่ก็ยังเป็นคำถามของหนูอยู่ ว่าเขาอยู่ได้ยังไง? ซึ่งแม่เขาก็ปกป้องเขาในระดับหนึ่ง

            ทุกวันนี้เวลาหนูคุยเรื่องอนาคต ด้วยความที่หนูกับแฟนหาเงินกันมาเอง เรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว หนูเลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องแต่งงาน หนูก็ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลย จนเงินหมดไปกับทางบ้านแฟนเยอะมาก หนูเลยคิดได้ว่ามีเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่หนูรู้สึกว่าหนูไม่ไหวแล้ว เมื่อก่อนหนูยอมทางบ้านแฟนค่อนข้างเยอะ แต่พอหลังๆ หนูไม่ค่อยฟังเขา เพราะด้วยหน้าที่การงาน วุฒิภาวะ ทำให้หนูเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างเยอะ เลยทำให้มีปากเสียงกับที่บ้านเขาเหมือนกัน แล้วเราอยู่ในบ้านเขาด้วย หนูก็เริ่มรู้สึกไม่ไหว ไม่รู้จะไปต่อหรือยังไงดี เพราะตลอดระยะเวลาที่คบกัน แฟนหนูเขาไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงหรืออะไรเลย เขาไม่เคยทำอะไรที่ผิดพลาดกับหนูเลย ติดแค่เรื่องครอบครัวเขาอย่างเดียว

            ช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหนูคิดว่าจะเอาตัวเองออกมาจากบ้านนั้น อยากจะแยกอยู่แบบสงบๆ แต่หนูยังไม่ได้พูดถึงขั้นจะเลิกกับแฟน แค่จะย้ายออกมาเช่าคอนโดอยู่ เพราะเวลาที่กลับมาบ้านบรรยากาศมันไม่น่าอยู่ แต่แฟนหนูเขาก็ไม่ยอม และบอกว่า ถ้าออกจากบ้านไปก็คือต้องเลิกกับเขา แต่หนูก็ไม่ได้อยากเลิกกับแฟน แค่อยากให้เขาได้ดูแลครอบครัวเขา ซึ่งตอนนี้ที่มีปัญหากัน ต่างคนก็ต่างอยู่ ไม่ค่อยคุยกันแยกห้องกันไปเลย ส่วนใหญ่หนูจะมีปัญหากับแม่และพี่สาวแฟนมากกว่า เขามองว่าหนูเป็นคนขี้เกียจ เพราะเมื่อก่อนหนูเคยรีดผ้าของทุกคนในบ้าน พอวันหนึ่งไม่ทำ เขาก็บอกว่าหนูขี้เกียจ หนูก็มองว่ามันเป็นน้ำใจ หนูช่วยเพราะเผื่อบางคนไม่ว่าง หนูก็รีดให้ได้ แต่พอครั้งต่อไปมันกลายเป็นว่า ทำไมหนูไม่ทำละ? และก็มีเรื่องเงิน เขาคิดว่าแฟนหนูให้เงินหนูอยู่คนเดียว ไม่ให้ที่บ้านเขาด้วย ซึ่งหนูไม่เคยเอ่ยปากขอแฟนเลย หนูหาเองได้ บางเดือนหนูหาได้มากกว่าแฟนหนูด้วยซ้ำ แต่หนูกับแฟนเหมือนโตมาด้วยกัน เขาไม่มีเงิน หนูก็ให้ พอหนูไม่มี เขาก็ให้ ซึ่งเรื่องพวกนี้หนูไม่เคยไปเล่าให้พวกเขาฟังอยู่แล้ว เขาเลยมองว่าลูกเขาหลงหนูให้แต่หนูคนเดียว ไม่ให้พวกเขาเลย ทั้งๆ บ้านที่เขาอยู่ แฟนหนูก็เป็นคนผ่อน ค่าน้ำ ค่าไฟ แฟนหนูเป็นคนจ่ายหมด ซึ่งแม่และพี่สาวเขาจะออกแค่ค่ากินของเขา เพราะแม่เขาได้เงินส่วนนี้มาจากการรับซ่อมผ้าเล็กๆ น้อยๆ

            หนูกับแฟนเคยคุยกันเรื่องนี้ เขาก็บอกว่าเขาเป็นคนกลาง แต่หนูก็เคยชวนแฟนออกมาอยู่ข้างนอกกันสองคน เขาก็ไม่สะดวก ไม่กล้าปล่อยคนที่บ้านไว้ สถานะตอนนี้ของหนูกับแฟน คือไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีลูก อยู่กันมา 10 กว่าปีแล้ว บางช่วงจังหวะของชีวิตหนูจะทำอะไร หนูก็ไม่เห็นภาพในอนาคตว่าหนูจะทำต่อไปได้ยังไง หนูไม่รู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ในใจหนูก็สงสารเขาเพราะเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร หนูอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า หนูควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ถ้าหนูเดินออกมา หนูจะเห็นแก่ตัวไหม?

            เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดว่าหนูไม่ได้เห็นแก่ตัว หนูแค่รักตัวเอง ไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนี้อีกแล้ว แล้วหนูก็มีช้อยส์ให้เขาเลือกแล้ว แต่เขาดันยื่นคำขาดว่าถ้าย้ายออกเท่ากับเลิก สำหรับพี่ถ้าเขาเป็นคนกลางจริงๆ เขาก็ต้องเห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความสุขได้ยังไง การที่เขาเป็นคนกลางถ้าเขาไม่พยายามทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้น เขาก็ต้องมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งจากที่ฟังเขาก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเราขนาดนั้น และเขาก็ต้องเจอกับผู้หญิงที่รับที่บ้านเขาได้’

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปัญหาที่น้องกำลังเจอมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นปัญหาเรื้อรังระยะยาว การที่เอาคนในครอบครัวมาอยู่ในบ้าน ร่วมกันเป็นบ้านใหญ่ มันจะปรับเปลี่ยนอะไรยากมาก ถ้าวันหนึ่งคุณแม่แฟนไม่อยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่เราจะต้องดูแลพี่สาวเขาด้วยหรือเปล่า ถ้ามองในมุมของเขาก็คงคิดว่าถ้าแฟนแยกไปอยู่ข้างนอกความสัมพันธ์ที่คบกันมา 10 กว่าปี ความสัมพันธ์จะถอยหลังหรือเปล่า ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเขาอาจจะเลือกดูแลเรา แต่ผู้ชายคนนี้เขาก็เลือกครอบครับเขา ซึ่งก็ไม่ผิด และมันก็เป็นสิทธิของเราที่จะต้องเลือกดูแลตัวเอง รักตัวเอง และก็สงสารตัวเอง

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ ไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัว เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องเห็นแก่ครอบครัวใคร ครอบครัวเขายังไม่ช่วยกันเองเลย เรื่องอะไรจะต้องมาเป็นภาระเรา ยกเว้นถ้าน้องรับได้ว่าต้องรับภาระนี้ไปตลอดชีวิตก็อยู่กับคนๆ นี้ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวก็ออกมาเลย เสียเวลา

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

07 มิ.ย. 2024

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้วเราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิตย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา รู้สึกติดค้างไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย “คุณนิค (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [5มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักที่ความรู้สึกยังค้างคา โดย “คุณนิค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นเรื่องราวที่เราเคยถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไปนานมากแล้ว ซึ่งเรื่องมันจบไปแล้วแต่เรายังรู้สึกผิดอยู่ เริ่มจากเราเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมาก่อนตั้งแต่ม.ปลาย เค้าเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนแล้วก็ค่อยมาคบกับเราที่เป็นทอม เวลาที่เค้าทะเลาะกับเพื่อนเราก็จะอยู่ข้าง ๆ เค้าตลอด เค้าก็มักจะบอกกับเราว่า “อย่าทิ้งเค้าไปไหนนะ” เพราะเราเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเค้า จนจุดเปลี่ยนมันเกิดช่วงที่เราทั้งคู่เข้ามหาลัย เค้าสอบติดมหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด เราก็ไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่หลังจากนั้นได้ 2 อาทิตย์เค้าก็โทรมาบอกเลิกเราเลย ทั้งๆไม่มีสัญญาณอะไรและเราก็ไม่ได้เตรียมใจไว้เลย ซึ่งเหตุผลที่เค้าบอกเราคือเราขี้หึงเกินไป งี่เง่าเกินไป โทษความผิดให้กับเราหมดเลย เราเลยไปส่องเฟซบุ๊คของเค้า และสิ่งที่เราเจอคือเค้าโพสรูปคู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนคุยใหม่ของเค้า เราเลยโกรธเค้ามาก ไล่ลบรูปคู่ทั้งหมด บล็อกเค้าทุกช่องทาง แต่ด้วยความที่พี่สาวของเราเรียนที่มหาลัยเดียวกับเค้า เราเลยยังได้ทราบข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง หลังจากจบมหาวิทยาลัย แฟนเก่าเราประกาศแต่งงานทันที เราก็แอบรู้สึกช็อคนิดนึงแต่ก็รู้สึกว่ามันผ่านมานานมากแล้วทำไมถึงต้องไปคิดอีก แต่มันดันมีเรื่องบังเอิญที่ทำให้เราต้องไปเจอเค้าและภาพที่เราเห็นคือเค้ากำลังอุ้มลูกอยู่ เราตัวชา ทำตัวไม่ถูก เลยเลือกที่จะเดินสวนไป ผ่านไปสักพักเราก็ได้ยินข่าวคราวอีกทีคือเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งแม่และพี่สาวก็ไปให้กำลังใจเค้าและเหมือนจะดีขึ้น แต่สุดท้ายเค้าก็เสียชีวิต พอเราได้ยินแบบนั้นก็เหมือนโลกถล่ม สิ่งที่เราพยายามเกลียดเค้าหรือลืมเค้ามาโดยตลอดทำให้เราเสียศูนย์ไปเลย เราเลยขอแฟนคนปัจจุบันไปงานศพของเค้า และเราก็เสียใจที่คุยกับเค้าผ่านธูป และบอกกับตัวเองว่าทำไมเราไม่ทักไปคุยกับเค้า ทำไมเราถึงใจร้ายกับเค้า เราเลยกลับไปดูในเฟสบุ๊คคือเค้าไม่เคยลบรูปคู่กับเราเลย มันเลยยิ่งทำให้เราคิดว่าทำไมมีแต่เราที่มีทิฐิ และโกรธเค้าอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้เราต้องไปปรึกษาจิตแพทย์และกินยา แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงเค้าเราก็จะร้องไห้ตลอด เลยอยากจะถามพี่ ๆ ว่าเราผิดมั้ยที่ตอนเลิกกันเราบล็อกเค้าทุกช่องทาง และถ้าอยากเลิกคิดเรื่องนี้พี่ช่วยแนะนำมุมมองใหม่ให้ได้มั้ยคะเพราะเราจมปลักกับตรงนี้มานานมาเกินครึ่งปีแล้ว’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณนิคไม่ผิดที่บล็อกเค้าเพราะเค้าบอกเลิกเรา จริง ๆ สำหรับผู้หญิงเรื่องแบบนี้เค้าวางแผนมาแล้วว่าจะเลิก กะว่าไปถึงอีกจังหวัดเค้าจะหาวิธีบอกเลิก หรือเค้าอาจจะไปแล้วไปเจอใครที่นู้นภายใน 2 อาทิตย์ สำหรับหอมมันก็คือการนอกใจ ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เราต้องเสียดาย เป็นหอมหอมก็ไม่ทักหา อาจจะใช้เวลาไปสักพักถึงจะให้อภัย ฉะนั้นตรงนี้ไม่ผิดอยู่แล้วเพราะเลิกกันไม่ดี ส่วนรื่องเปลี่ยนมุมมอง หอมว่าเราไม่ใช่หมอดู ไม่มีใครรู้อนาคตว่าใครจะต้องไปเจออะไร แล้วสัจธรรมของชีวิตคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติมาก ไม่วันหนึ่งคุณนิคไปเค้าก็ไป มันไม่ใช่ความผิดเรา สิ่งที่เราทำมันก็ถูกต้องแล้วคือต่างคนต่างใช้ชีวิตเพราะเลิกกันไปแล้ว นิคอาจจะรู้สึกเสียดายที่น่าจะให้อภัยและคุยกับเค้าเพราะนี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง หอมคิดว่ามันเป็นความเสียดายมากกว่าที่คุณนิคจะเก็บมาโทษตัวเองว่าเราทำผิดทำไมเราไม่คุยกับเธอ มันไม่ใช่แค่คุณนิคอย่างเดียว เค้าอยากคุยกับเรารึเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้ แล้วที่บอกว่าไลน์เด้งมาหาเราก็มีคนให้ข้อสันนิฐานว่า จริง ๆ เค้าอาจจะไม่ได้แอดเรามา แต่ถ้ามีเบอร์เราไลน์มันก็จะเด้งอัตโนมัติเวลาที่เค้าเปลี่ยนมือถือ และในเมื่อเค้าเป็นคนทิ้งเราก่อนเราก็ไม่ผิดที่เราทักเค้าไป แล้วการที่คุณนิครู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และวันที่เค้าเสียชีวิตแล้วคุณนิคจะไปอโหสิกรรมอันนี้ก็เปนเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งเค้าจะเจออะไร เค้าจะจากเราไปตอนไหน ถ้าคุณนิครู้สึกว่านี่เป็นบทเรียนและไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีก วันนี้คนที่อยู่ข้าง ๆ คุณนิค คุณนิคก็ต้องทำดีกับเค้าเช่น แฟนใหม่ที่เราคบ ถ้าวันหนึ่งเค้าเป็นอะไรขึ้นมาเราจะเสียดายอะไรที่เรายังไม่ได้ทำบ้าง ให้ทำกับคนนี้หรือทำกับคนรอบข้างเหมือนจะจากกันตลอดเวลา เพราะงั้นทำตีต่อกันกับคนที่ยังเหลืออยู่ อันนี้หอมว่าดีกว่า และเลิกคิดถึงคนที่จากไปแล้วและไม่ต้องโทษตัวเอง เพราะเค้าไปแล้วและไม่รับรู้อะไรแล้ว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ใกล้เคียงกับหอม เพราะพี่ก็ถามว่าว่าทำไมนิคคิดว่าตัวเองผิด แต่ด้วยจังหวะของการเลิกกันมันอาจจะกระทันหัน ซึ่งการเลิกกันแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับคู่อื่น ๆ คนเรามีการบอกบอกเลิกหรือวิธีหยุดความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็หายไปเลย บางคนก็มานั่งคุย อันนี้ก็แล้วแต่คู่ แล้วพอเลิกกันไปผมมองว่าต่างคนต่างวางตัวกันดี เอาจริงคุณนิคก็ไม่ควรทักไปอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีสาเหตุที่ต้องคุยกันในฐานะเพื่อนเก่าหรืออะไรก็ตาม ยิ่งทักคุยกันอาจจะยิ่งเป็นปัญหากับความสัมพันธ์ปัจจุบันของแฟนเค้าซะมากกว่า ผมว่าต่างฝ่ายต่างทำถูกแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน และสุดท้ายคนที่จะติดค้างเรื่องคำขอโทษก็น่าจะเป็นฝ่ายเค้ามากกว่า ผมมองว่าทุกอย่างดำเนินไปตามปกติที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีความผิดอะไรจากคุณนิคเลย ในเรื่องของมุมมองคุณนิคต้องล้างความคิดว่าตัวเองผิดก่อน ผมไม่เห็นว่าคุนนิคจะต้องมีอะไรที่ติดค้างหรือรู้สึกผิด เพราะต่างฝ่ายก็ต่างไปมีชีวิต คนที่เลิกกันแล้วบางทีก็ไม่เหมาะไม่ควรที่เราจะคบหากันต่อ แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตามมันต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจก้าวข้ามความเป็นเพื่อนมาเป็นแฟน มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ย้อนกลับไปไม่ได้ พอเลิกกันก็ต้องทำใจว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันจะไม่กลับมา และทุกอย่างี่เกิดขึ้นมาผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติทุกอย่าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะเสนอมุมมองที่ต่างพี่เผือกพี่หอมนิดนึง เท่าที่พี่ฟังมาพี่รู้สึกเสียดายชีวิตคุณนิคมากเลย พี่รู้สึกว่า 9 ปีตั้งแต่เลิกกับเค้าคุณนิคไม่ได้ไปไหนเลย อย่างตอนที่เจอเค้าอุ้มลูกแล้วคุณนิคหนี ถ้าเป็นคนที่มูฟออนแล้วพี่ว่าเค้าคงเดินไปถามสารทุกข์สุขดิบ แต่สำหรับเติ้ลมองว่าเหมือนคุณนิคยังอยากได้เค้าเป็นแฟน ยังเฝ้าดูชีวิตเค้าตลอด เรื่องของเค้ายังเข้ามากระทบจิตใจคุณนิคตลอด แล้วสุดท้ายคนที่ไม่ไปไหนก็คือตัวคุณนิค แต่วันนี้เค้าเสียไปแล้วแต่คุณนิคเองที่ยังไม่ไปไหน ซึ่งทำให้เติ้ลเสียดายเวลาที่คุณนิคจะไปมีความสุขกับตัวเอง ถ้าคุณนิคยังไม่เลิกคิดว่าตัวเองผิด ก็โปรดให้อภัยตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

19 ม.ค. 2024

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

“คุณโอ (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [17 มกราคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ภรรยาขอหย่าไปอยู่กับผู้ชายอื่น แต่ยังอยากเป็นแม่ของลูกอยู่ โดย “คุณโอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ผมแต่งงานกับภรรยามา 10 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ทุกเทศกาลวันหยุดยาว ผมก็จะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศเสมอ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาได้พาครอบครัวไปเคาท์ดาวที่ญี่ปุ่น พอกลับจากญี่ปุ่น ผมจับได้ว่าภรรยาแอบไปคุยกับผู้ชายคนอื่น ผมถามถึงสาเหตุ กลับได้คำตอบว่า ‘หมดรักผมแล้ว รักผู้ชายคนใหม่มากกว่า’ เพราะที่ผ่านมาภรรยารู้สึกเจ็บปวดที่อยู่กับผม เพราะเขารู้สึกเหมือนผมไปบงการชีวิต และพูดหักน้ำใจภรรยาอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่จับได้ ภรรยาก็บอกอีกว่า ‘ทั้งทองและกระเป๋าแบรนด์เนม เอาไปจำนำเพื่อเอาเงินไปให้ผู้ชายคนใหม่ยืม’ ฝั่งผู้ชายคนใหม่ก็รู้ว่าภรรยามีครอบครัวอยู่แล้ว ผมเป็นห่วง กลัวว่าภรรยาจะโดนหลอก จึงขอประชุมสายกัน 3 คน ผมขอให้ผู้ชายคนใหม่คืนเงิน สิ้นเดือนมกราคมนี้ เพื่อแลกกับการจะไปฟ้องร้อง เป็นสิ่งที่ภรรยาขอไว้ว่าถ้าไม่ฟ้องผู้ชายคนใหม่ ก็อาจกลับไปเป็นครอบครัวเหมือนเดิม พอจบการสนทนา ผมก็แอบโทรศัพท์ไปหาผู้ชายคนใหม่อีกครั้ง เพื่อยื่นข้อเสนออีกว่า ‘เงินที่ยืมไปจะไม่เอาคืน แต่ให้แลกกับการบอกความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น’ ผู้ชายคนใหม่ ก็เล่าให้ฟังว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ วีดิโอคอลกันไปจนถึงเรื่อง Sex แล้ว พอรู้แบบนี้ผมยิ่งกลัวว่าภรรยาตัวเองจะถูกแบล็คเมล์ ผมก็เลยดาวน์โหลดข้อมูลการสนทนาและรูปภาพทางแชทมาเก็บไว้ ตอนแรกยังไม่กล้าเปิดดู จนล่าสุดเปิดดู ก็ปรากฏว่ามีรูปภาพตามที่คิดไว้จริง ซึ่งผมกับภรรยาเคยเดินทางไปที่อำเภอ 1 ครั้งแล้ว เพื่อจดทะเบียนหย่า แต่ผมร้องไห้ ขอร้องว่าไม่อยากหย่า เพราะ พ่อ-แม่ ของผมก็หย่ากัน เลยไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้นอีก ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก่อนที่จะโทรมาหาทางรายการ ภรรยาบอกกับผมว่า ‘รักลูก และก็ยังรักผู้ชายคนใหม่ด้วย เราหย่ากัน แต่ยังขออยู่เป็นครอบครัวได้ไหม’ ไม่ได้เป็น สามี-ภรรยา เป็นแค่ พ่อ-แม่ของลูก “คุณโอ” จึงโทรมาปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับดีเจทั้ง 3 คน จะทำยังไง? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าเป็นพี่คงไม่พยายาม ไม่ฝืน ในสิ่งที่มันจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ภรรยาเลือกทุกอย่างไว้แล้ว เหลือแค่คุณโอยอมรับความจริง และปล่อยไป การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัวครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ หนึ่งลูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สองก็ต้องถามภรรยาให้แน่ว่า ถ้าไปแล้วดีกว่าเรา ยังทำใจได้ แต่ถ้าไปแล้วยังเอาของที่คุณโอซื้อให้ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายคนนั้น มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าตอนนี้จริง ๆ หรอ’ “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘สเตปแรก คุณโอต้องยอมรับให้ได้ว่า ภรรยาเขาไม่ได้รักคุณโอแล้ว จะด้วยระหว่างทางที่คุณโอได้ทำผิดพลาดอะไรกับภรรยา หรือที่จริงแล้วเป็นแค่ข้ออ้างที่จะไปรักผู้ชายคนใหม่ คุณโอต้องผ่านสเตปนี้ไปให้ได้ก่อน ถึงจะไปสเตปสอง คือการอยู่ด้วยกันแบบ พ่อ-แม่ ของลูก สิ่งที่คุณโอเคยบอกว่า พ่อ-แม่ เลิกกันและไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้น ถ้าคุณโอยังฝืน รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาไม่รัก แต่รั้งไว้เพื่อให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พี่เติ้ลว่ามันผิด เหมือนว่าหนึ่งการมีเป้าหมายแบบนั้น กระทำแบบนี้ มันไม่ได้ทำให้ครอบครัวดีขึ้น สองเราคิดว่าเราหลอกว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ลูกก็คงรู้ แบบนี้มันแย่กว่าครอบครัวที่แตกซะอีก หรือสเตปต่อไป ถ้าอยากทำให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แต่ พ่อ-แม่ ไม่ได้รักกันแล้วก็ทำได้นะ แต่ไม่อยากให้คุณโอ ส่งเสียหรือดูแลภรรยาแบบเกินไป ในเมื่อภรรยาเลือกคนใหม่แล้ว ภรรยาก็ต้องดูแลตัวเองและเขาก็ต้องทำหน้าที่แม่ของลูก ตามที่เขาอยากจะเป็น จะมาใช้ข้ออ้างว่าเป็นแม่ของลูก แล้วคุณโอต้องมารับผิดชอบทุกอย่าง ให้เงินให้ทอง แบบนี้ไม่ได้’ “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘ความจริงเจ็บปวดเสมอ เวลาเราเลิกกัน มันมีคนบาดเจ็บ คนที่บาดเจ็บคือคนที่ยังไม่มีคนใหม่ ถ้าเขารักลูกมากพอ เขาจะไม่มีคนอื่น เขาจะรักษาครอบครัวไว้มากกว่านี้ การที่ภรรยายังเลือกอยู่กับคุณโอ แล้วอ้างความเป็นแม่ เขายังรักสบายอยู่ ในเมื่อสถานะ สามี-ภรรยา สิ้นสุดแล้ว เราไม่ควรรับผิดชอบภรรยาเก่า คุณโอกับเขาแยกกันอยู่ถึงเวลาก็มาดูแลลูก ถ้าเขาทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี เงินที่เคยให้ภรรยา เอามาจ้างคนดี ๆ เลี้ยงลูกคุณโอ สิ่งที่ไม่ให้ทำคือ เลี้ยงดูปูเสื่อ ถ้าผู้ชายคนใหม่สุภาพบุรุษจริง เขาจะไม่เอาเงินผู้หญิง ถ้าสุภาพบุรุษจริง คุณโอที่เป็นสามีโทรศัพท์ไปหาเขา ผู้ชายดี ๆ เขาเลิกยุ่งไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณโอต้องสงสารตัวเอง ทำหน้าที่ พ่อ-แม่ เท่านั้น สามี-ภรรยามันจบแล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้าน ยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลย จนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วย บางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ"

14 มิ.ย. 2024

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้าน ยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลย จนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วย บางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ"

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้านยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลยจนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วยบางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ" ทุกคนโบกรถเมล์ท่าไหนกันคะ? “คุณรถเมล์ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปีปลายๆ สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาต้องโบกรถเมล์ท่าไหน คนขับถึงจะจอดรับ โดย “คุณรถเมล์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เนื่องจาก BTS ส่วนต่อขยาย มีการปรับขึ้นราคาเหมาเป็น 15 บาท แล้วทีนี้หนูจะอยู่ในช่วงสถานีที่ต่อขยายเลยต้องจ่าย 15 บาท ซึ่งดูจากเงินของตัวเองแล้ว มันมีทางที่จะประหยัดได้ ก็เลยตัดสินใจไม่ขึ้น BTS เปลี่ยนมาลองขึ้นรถเมล์ดู ซึ่งปัญหาคือวันนั้นหนูเลิกงานประมาณ 4 โมงเย็น หนูก็โบกรถเมล์สายหนึ่ง คือ รถเมล์สายนี้บางทีเขาก็จอด แต่บางทีเขาก็ไม่จอด หนูก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วหนูเจอเหตุการณ์นี้ประจำ จนหลายครั้งเข้าหนูก็ทนไม่ไหว ก็ได้มีการโทรไปร้องเรียนบ้าง แล้วล่าสุดหนูก็โบกรถเมล์สายเดิมแต่เขาไม่จอดรับหนูอีกแล้ว ซึ่งคันถัดไปมาพอดี หนูก็โบก แต่คันนี้เขาจอดรับ พอขึ้นรถเมล์ไป หนูก็เลยแกล้งๆ ถามพี่กระเป๋ารถเมล์ว่า “พี่คะคือหนูสงสัยอ่ะ ก่อนหน้าคันพี่ หนูก็โบกแต่เขาไม่จอดเลย” พี่กระเป๋ารถเมล์ก็ตอบมาว่า “หรอเขาไม่จอดหรอ เขาไม่เห็นรึป่าว หนูโบกยังไง” หนูก็อธิบายท่าโบกให้พี่กระเป๋ารถเมล์ฟัง คือ หนูยกแขนขนานกับถนน ส่วนฝ่ามือก็คว่ำลง แล้วก็ยกตรงๆ ไม่ได้มีการขยับแขนโบกขึ้นลงหรืออะไร เพราะหนูคิดว่ามันน่าจะเป็นท่าปกติ เป็นสัญลักษณ์ที่ใครๆ ก็รู้ หนูคิดแบบนั้น แล้วหนูก็ยืนท่านั้นอยู่นานมากๆ เพราะคิดว่าเขาต้องเปลี่ยนเลนมาเพื่อจอดรับ พี่กระเป๋ารถเมล์ก็บอกว่า “ตอนที่พี่เห็นหนูเมื่อกี้ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหนูจะโบกรถเมล์รึป่าว” พี่เขาก็แนะนำว่า รอบหน้าให้โบกขึ้นลง ก็เลยจะอยากจะปรึกษาพี่ๆ ว่าหนูควรทำยังไงดี’ โดย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ของหนูมันเหมือนคนที่ยืน แล้วแค่ยื่นแขนขนานกับถนนตรงๆ โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร คือการที่ยืนแบบนี้มันก็อาจจะดูแปลก แล้วคนขับอาจจะคิดว่าสรุป โบกมั้ย หนูโบกขึ้นลงเลยเคลื่อนไหวให้เขาเห็น ซึ่งรถเมล์เขาทำเวลารึป่าวอันนี้ไม่รู้นะ แต่เขาขับเร็วเป็นเรื่องปกติ สมมุติเขาขับเร็วแล้วมันไม่มีอะไรเคลื่อนไหว เขาอาจจะมองเป็นถังขยะ หรือคนถือป้ายโฆษณาข้างทาง อะไรแบบนี้รึป่าว แต่ถ้าโบกขึ้นลงแบบ “เห้ยยยยยย จอดดดด!” ถ้าแบบนี้อ่ะมันเห็น ลองเพิ่มการเคลื่อนไหวดู บางทีคนขับเขาไม่ได้ใส่ใจกับป้ายเท่าไหร่ไง เผลอๆ ไม่ทันเห็น ขับเลยไปแล้วก็ทำไรไม่ได้ เราต้องเรียกให้จิตเขาอยู่กับเราให้ได้’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใครมันจะมายืนท่านี้ขนานกับถนนอ่ะ ถ้าไม่ใช่โบกรถ พี่ว่ามันไม่เกี่ยวกับท่าโบกรถของหนูหรอก คือ คนขับรถอ่ะขี้เกียจเราต้องยอมรับว่ารถเมล์ในกรุงเทพมีหลายคันหลายสายมาก ที่บางทีเขาก็ไม่จอดเพราะเขาแค่ไม่อยากรับ อันนี้คือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ เขาก็แค่ไม่เข้ามารับ มันขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของคนขับคันนั้น ซึ่งมันก็มีคันดีๆ ที่จอดรับผู้โดยสารทุกป้าย แต่มันก็มีคันที่ผ่านไปเลย มันก็มีเยอะเช่นกัน พี่โดนประจำตอนสมัยเรียน ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ลองเคลื่อนไหวดู แต่พี่จะบอกว่า อย่าไปโทษตัวเอง มันเป็นที่คนขับ’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือท่านี้มันคือท่าโบกรถ มันจะมีอย่างงี้นะ สมมติถ้ารถเมล์สายเดียวกัน แล้วมันขับตีคู่กันมา คันแรกมันจะไม่จอด มันจะให้คันหลังจอด ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของคนขับอย่างที่พี่เติ้ลบอก คราวหลังนะโบกขึ้นลงเลยแรงๆ เลย ฟีลแบบ “กูอยู่นี่!!!!” ซึ่งคนส่วนใหญ่เวลาโบกรถเมล์เขาก็จะยืนค่อมไปอีกเลนเลย แล้วโบกขึ้นลงแรงๆ หนูลองเคลื่อนไหวดู ซึ่งคนขับก็ร้อยพ่อพันแม่ บางคนก็รับ บางคนก็ไม่รับ ดีชั่วก็อยู่ในนั้นอ่ะ คือคนขับอาจจะคิดแบบนี้ก็ได้ถ้า โบกแรงๆ แสดงว่าอยากกลับบ้านมาก แต่ถ้าโบกแบบนิ่งๆ แสดว่าไม่ค่อยอยากกลับบ้านเท่าไหร่ รอคันถัดไปละกัน แต่ถ้าผู้โดยสารโบกส่วนใหญ่เขาก็จะจอดรับนะ เพราะมันเป็นหน้าที่เขา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนมาเกือบปี ถ้าทำอะไรผิดแฟนจะปรับหนู โทษหนัก เบา ต่างวาระ แอบไปเที่ยวปรับ 3000 ทักหาแฟนเก่าปรับ 30000 ตอนนี้จ่ายไปเกือบ 50000 บางโทษผ่อนชำระได้ แต่ถ้าแฟนคุยกับหญิงอื่นหนูไม่มีสิทธิ์ปรับ

07 มี.ค. 2025

คบกับแฟนมาเกือบปี ถ้าทำอะไรผิดแฟนจะปรับหนู โทษหนัก เบา ต่างวาระ แอบไปเที่ยวปรับ 3000 ทักหาแฟนเก่าปรับ 30000 ตอนนี้จ่ายไปเกือบ 50000 บางโทษผ่อนชำระได้ แต่ถ้าแฟนคุยกับหญิงอื่นหนูไม่มีสิทธิ์ปรับ

“คุณหนู(นามสมมติ)”อายุ 27 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มีนาคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา โดนแฟนปรับเงินทุกครั้งที่ทำผิด โดย “คุณหนู(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คบกับแฟนได้ประมาณ 1 ปี เวลาที่หนูทำผิด แล้วเขาไม่โอเค เขาจะมาปรับเงินเราเพื่อเป็นการชดเชย ตอนนี้หนูโดนปรับเงินรวมทั้งหมด 50,000 บาทแล้ว และแฟนก็บอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งความผิดหลักๆ เลย ที่โดนปรับทีละมากๆ ก็คือ บางทีหนูแอบไปเที่ยวแต่บอกเขาว่านอนแล้ว อันนี้รอบแรกโดนประมาณ 3,000 - 5,000 บาท แล้วก็มีเรื่องที่หนูทำผิดเองคือ ทักไปหาแฟนเก่า ประมาณว่าอยากกลับไปหาแฟนเก่า พอเขาจับได้ เขาจะเลิก แต่หนูก็รั้งเขาไว้ เขาเลยปรับเป็นเงินแทน อันนี้โดนปรับ 30,000 บาท และเรื่องที่หนูคุยกับเพื่อนผู้ชาย ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกัน รู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่มัธยม หนูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนคนนี้ ส่วนเนื้อหาที่คุยกันก็ปกติ เวลาไปเที่ยวก็อาจจะมีถาม มีบอกบ้างว่าที่นี่สนุกนะ มาเที่ยวสิ ก็โดนปรับประมาณทีละ 10,000 - 20,000 บาท อีกรอบหนึ่ง คือเรื่องที่หนูไม่มั่นใจในตัวเขา เพราะเขามีเรื่องผู้หญิง ส่วนมากผู้หญิงที่ทักมาก็จะเป็นคนเดิมๆ เขาตอบผู้หญิงคนอื่น และก็มีบางครั้งที่เขาทักไปเอง แต่กับคนที่หนูมีปัญหา เขาก็ไม่ยอมบล็อก ไม่ยอมทำอะไรให้มันเคลียร์ แต่หนูก็ไม่เคยปรับเงินเขาเลย ซึ่งเขามีสิทธิ์ที่จะปิด บล็อก และเช็คโทรศัพท์หนูทุกอย่าง หนูให้สิทธิ์เขาหมดเลย เพราะว่าที่ผ่านมาหนูทำผิด หนูจะไม่ทำแล้ว แต่เขาบอกว่าหนูเป็นคนทำก่อน หนูไม่มีสิทธิ์ที่จะไปปรับเขา ที่หนูยอมให้เขาปรับเพราะตอนนั้นหนูก็ยังอยากไปต่อกับเขา แต่ก็เพิ่งมาเอ๊ะตอนหลังเขาเคยพูดอยู่ครั้งหนึ่งว่า จะทำผิดอะไรมา ต้องโดนทั้งจำทั้งปรับ จะเอาเงินมาอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมันเสียความรู้สึกเขาไปแล้ว เขาเลยบอกว่าเรายังไม่มีสิทธิ์ที่จะไปดูโทรศัพท์ของเขา ตอนนี้หนูข้องใจว่ามันเป็นเรื่องปกติไหม เพราะหนูก็รู้สึกว่าจำนวนเงินมันก็เยอะ และหนูโดนปรับแล้ว แต่หนูไม่มีสิทธิ์ที่จะเช็ค จะอะไรเขาอยู่ดี ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าเขาเลิกคุยกับผู้หญิงคนอื่นหรือยัง เขาบอกว่าเขาเลิกคุยแล้ว แต่บางทีหนูก็ยังเห็นมีเด้งมาอยู่ หรือว่าแฟนเก่าเขายังโทรมาหาอยู่ หนูก็สงสัยว่าเราจะต้องจ่ายขนาดนี้เลยหรอ? เพราะว่าในชีวิตประจำวันค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หนูก็เป็นคนจ่าย หารกันบ้าง เช่น ค่าอาหาร กินข้าว ไปคาเฟ่ ไปเที่ยว แล้วรายได้เราก็ไล่เลี่ยกัน แต่เขามองว่าเรามีรายได้เสริม และถ้าหนูไม่มีเงินก้อนจ่าย เขาก็ให้ผ่อนชำระได้เป็นรายเดือน ก่อนหน้านี้ตอนที่เราก็ยังคุยกันอยู่ ไม่มีสถานะที่ชัดเจน หนูก็ไปคุยกับอีกคนหนึ่ง แล้วก็โดนปรับแบบนี้เหมือนกัน ตลอดเวลาที่คบกันมาเขาก็ดูแลหนูดีจริงๆ อบอุ่น ใส่ใจหนูตลอด มีแค่เรื่องนี้ที่หนูรู้สึกว่ามันแปลก หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า แบบนี้ปกติไหม แล้วหนูควรไปต่อหรือควรพอแค่นี้ดีคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ มันแปลกไปหมดเลย เงื่อนไขของการคบกัน การปรับเงิน ปรับมาก ปรับน้อยแล้วแต่คดี และแว็บแรกที่เขามาในหัวพี่คือ สมกันเนอะคู่นี้ คุณหนูก็แสบ ไอแฟนก็ไถเงิน คนหนึ่งก็คุยกับแฟนเก่าว่าจะกลับไป ในขณะที่ผู้ชายก็ปรับเงินได้ แต่ตัวเองก็ทำด้วย และพอฟังแล้ว ความผิดก็มีทั้งคู่ แต่แฟนคุณหนูคนนี้ รู้สึกแปลกและไม่น่าคบหามากขึ้นไปอีก คือไม่ใช่เขาเป็นคนดีหรือพยายามทำตัวให้ดี เขาเหมือนหวังเอาเงินจากคุณหนู จากความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะตัวเขาเองก็ไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้ ไม่ให้คุณหนูทำอะไรด้วย เพราะฉะนั้นคำถามแรก ปกติไหม มันก็มีคู่ที่เขาปรับเงินกัน แต่เขาไม่ได้ปรับกันจริงจังหวังเงินแบบนี้ อันนี้คือเอาไป 50,000 ไม่มีเงินก้อนก็ผ่อนชำระได้ มันดูเป็น Business เกินไป ซึ่งมันแปลก แล้วถามว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ก็พิจารณาเอาเอง เพราะต้องยอมรับว่าฝั่งคุณหนูก็ไม่ได้ทำตัวดี แล้ววันหนึ่งคุณหนูลองไม่จ่ายค่าปรับดูว่ามันจะเป็นยังไงต่อ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันแปลกไปหมดเลยคุณหนู มันตุๆ ไปหมดทุกอย่างที่คุณหนูเล่ามาเลย ยังไม่ได้เป็นแฟนกันก็ปรับเงินแล้ว ผู้ชายคนไหนหรือคู่ชีวิตคนไหน ที่รู้ว่าแฟนของเราไปคุยกับแฟนเก่าว่าอยากจะกลับไป แล้วเขาปรับเงิน คนปกติคือเขาเลิก แสดงว่าผู้ชายคนนี้อะไรก็สามารถแลกด้วยเงินได้ และเขาอาจจะอยู่กับหนูเพราะเขาไม่ได้รักหนู เขาโอเคเพราะหนูเอาเงินฟาดให้เขาอยู่ มีผู้ชายคนไหนที่ปรับเงินเราได้ แต่พอตัวเองทำผิดก็ไม่ยอมให้เราปรับ เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เขาก็อยู่เพื่อเงินของหนู’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เหตุผลที่คนไม่ไปจากเรามีเยอะแยะมากมาย ที่อยู่ก็ไม่ใช่เพราะรัก อาจเป็นความเคยชิน หรือความสุขสบาย เป็นไปได้หมด แต่ว่าอยู่แล้วเรามีความสุขไหม ก็ต้องถามตัวเอง เพราะว่าเขาก็มีความเห็นแก่ตัวที่ค่อนข้างสูงเลย บางเรื่องเขาทำได้ เราทำไม่ได้ เหมือนมันไม่เท่ากัน คือถ้าจะตั้งกฎอะไรสักอย่าง มันควรเป็นเอกภาพ คือทุกคนใช้กฎนี้ร่วมกัน ไม่ใช่ว่ากฎนี้ถูกบังคับใช้กับฉันอย่างเดียว แต่ตอนนี้ก็เหมือนมันได้ถูกใช้กับเราแค่คนเดียว ก็รู้สึกว่าเห็นแก่ตัว ถ้าอยากได้ผู้ชายดี ต้องถามตัวเองว่า แล้วเราสมควรได้รับสิ่งนั้นไหม สำหรับวันนี้หนูก็ยังไม่พร้อม ถ้าการคบกับแฟนแล้วหนูยังคุยกับผู้ชายคนอื่นอยู่ และถ้าอยากได้ผู้ชายดีๆ จริงๆ ลองพัฒนาตัวเองก่อน ให้ดีพอที่จะได้รับผู้ชายดีๆ มาอยู่ในชีวิต แล้วแฟนคนนี้จะเอาเงินอีกก็คือเลิก เพราะผู้ชายคนนี้อยู่กับหนูก็เพราะเงิน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1