แม๊ !! คุณครูสุดลำบากใจ เจอผู้ปกครอง ‘กดดัน’ ลูกตัวเองเหลืออีก 1 คะแนนจะไม่ติด 0 แต่แม่มาบอกว่า… ให้ครูช่วยปัดๆเศษ เพิ่มเกรดให้เป็นสักเกรด 1.5 หรือ 2 ไปสิ ทุกอย่างก็อยู่ที่ปลายปากกาครูอยู่แล้ว

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แม๊ !! คุณครูสุดลำบากใจ เจอผู้ปกครอง ‘กดดัน’ ลูกตัวเองเหลืออีก 1 คะแนนจะไม่ติด 0 แต่แม่มาบอกว่า… ให้ครูช่วยปัดๆเศษ เพิ่มเกรดให้เป็นสักเกรด 1.5 หรือ 2 ไปสิ ทุกอย่างก็อยู่ที่ปลายปากกาครูอยู่แล้ว

06 ต.ค. 2023

แม๊ !! คุณครูสุดลำบากใจ เจอผู้ปกครอง ‘กดดัน’

ลูกตัวเองเหลืออีก 1 คะแนนจะไม่ติด 0 แต่แม่มาบอกว่า…

ให้ครูช่วยปัดๆเศษ เพิ่มเกรดให้เป็นสักเกรด 1.5 หรือ 2 ไปสิ

ทุกอย่างก็อยู่ที่ปลายปากกาครูอยู่แล้ว พอคุณครูปฏิเสธ

แม่ไม่พอใจ พิมพ์มาต่อว่าในไลน์ยาวเลย เจอแบบนี้ทำไงดี?

           “คุณครูหวาน (นามสมมุติ)” อายุ 25 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (4 ต.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเด็กที่สอนไม่ส่งงานจนต้องติด 0 แต่พอผู้ปกครองรู้กลับมาต่อว่าและกดดันให้เราเพิ่มเกรดให้

            โดย “คุณครูหวาน (นามสมมุติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘ปฏิบัติหน้าที่เป็นครู สอนประจำวิชาหนึ่ง โดยรับผิดชอบสอนเด็กมัธยมปลาย เด็กวัยนี้ก็ค่อนข้างที่จะคุยรู้เรื่อง แล้วช่วงนี้เป็นช่วงประกาศคะแนนเก็บของเด็กๆ เพื่อให้เด็กๆ พอได้รู้ว่าเรามีคะแนนเก็บเท่าไหร่ ต้องทำคะแนนสอบปลายภาคเพิ่มอีกแค่ไหน ตามปกติก็จะเรียกเด็กๆ มาดูคะแนนก่อน แต่ในวันนั้นเกิดข้อผิดพลาดเผลอให้เด็กดูคะแนนเก็บ แล้วเด็กดันเห็นคะแนนรวมทั้งหมด เมื่อเด็กรู้คะแนนเก็บทั้งหมดก็จะสามารถคำนวณเกรดตัวเองได้เลย ตามเกณฑ์ทั่วไป อย่าง 80 คะแนนจะได้เกรด 4

              แล้วเมื่อเด็กเห็นคะแนนรวม ก็จะรู้ว่าตัวเองติด 0 ก็คือคะแนนไม่ถึง 50 ในคะแนนเต็ม 100 ตอนแรกตัวเด็กเองก็ไม่ได้มีพฤติกรรมโวยวายอะไร ดูแล้วก็ยอมรับ เดิมทีเด็กคนนี้ไม่ได้มีพฤติกรรมก่อกวนอะไร เรียกได้เลยว่าเป็นเด็กเรียบร้อยคนนึงเลย แค่ไม่ได้สนใจการเรียนขนาดนั้น

               ตกเย็นหลังจากเลิกเรียน ผู้ปกครองของเด็กคนนี้ก็ส่งแชทไลน์มาบอกทำนองว่า ลูกของเขามาบอกว่าติด 0 เป็นเรื่องจริงมั้ย? จากนั้นก็รีบชี้แจงไปว่าช่วงนี้ยังไม่ได้เป็นช่วงประกาศคะแนน แต่เกิดความผิดพลาดทำให้น้องเห็นคะแนนไปก่อน แต่ว่าน้องคะแนนรวมไม่ถึง 50 เลยทำให้น้องต้องติด 0 ซึ่งในตอนนั้นผู้ปกครองก็ไม่ได้มีการโวยวายอะไรในแชทไลน์ เป็นการรับทราบตรงกันก็จบไป

                 แต่ปรากฏว่าวันสุดท้ายที่เป็นวันสอบ อยู่ ๆครูที่ปฎิบัติหน้าที่ประจำชั้นด้วยกัน ก็เดินมาบอกว่า ‘น้อง เดี๋ยววันนี้ผู้ปกครองของเด็กคนนี้จะเข้ามาหานะ’ โดยที่ไม่ได้ถามก่อนเลยว่าสะดวกหรือว่างมั้ย แล้วพอผู้ปกครองที่เป็นคุณแม่เดินทางมาถึง ก็พูดคุยกันโดยที่คุณแม่เองก็ไม่ได้มีพฤติกรรมพูดคำหยาบ โมโหร้ายหรืออะไรเลย ก็คิดว่าเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องด้วยซ้ำ และในตอนแรกคิดว่าเหตุผลที่คุณแม่มาเพราะไม่พอใจที่ลูกจะติด 0 เพราะอีกแค่ 1 คะแนนนักเรียนก็จะไม่ต้องติด 0

                 เบื้องต้นก็ได้ชี้แจงไปว่า ไม่รู้ว่าจะเพิ่มคะแนนส่วนไหนให้กับเด็กได้แล้ว เพราะมันเป็นเกณฑ์ของวิชาการ เป็นระเบียบที่ว่าถ้าเพิ่มให้หนึ่งคนก็ต้องเพิ่มให้กับคนอื่น ๆด้วย เพราะเด็กทุกคนต้องมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน คุณแม่ก็พูดตอบกลับมาว่า ‘ลูกของเขาจำเป็นต้องใช้เกรดยื่นเข้ามหาวิทยาลัยนะ’ ซึ่งในกรณีแบบนี้คุณแม่จำเป็นต้องติดต่อทางวิชาการ เพราะคุณครูไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเกรดเองได้ ทางคุณแม่พูดขึ้นมาว่า ‘แล้วทำไมต้องติดต่อวิชาการ ในเมื่อคะแนนมันอยู่ในดุลยพินิจของครู แค่ปลายปากกาเองครูก็เพิ่มเองสิ’ โดยคำพูดและสีหน้าท่าทางของผู้ปกครองคนนี้แสดงออกถึงความกดดันมาก ๆในตอนนั้น โดยการพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้พูดเป็นการส่วนตัว แต่พูดคุยในห้องพักครู ซึ่งมีครูท่านอื่น ๆนั่งรวมอยู่ด้วย

                  สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนั้นก็คือการพยายามอธิบายให้ผู้ปกครองคนนั้นเข้าใจว่า ในการสอนของครูจะเป็นการสอนร่วมกับครูท่านอื่นด้วย ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจหรือเปลี่ยนแปลงเองได้คนเดียว อธิบายไปก็เหมือนจะจบเหมือนผู้ปกครองจะเข้าใจ

                  วันถัดมา ผู้ปกครองคนเดิมก็ส่งแชทไลน์มาอีกครั้ง เป็นข้อความยาวมาก ๆเรียงยาวมาขนาดที่ว่าต้องเลื่อนอ่านเรื่อย ๆแต่ไม่มีคำหยาบ โดยความหมายในข้อความนั้นประมาณว่า ครูขาดจริยธรรม ศีลธรรม ครูเองสามารถแก้ไขคะแนนได้ทำไมไม่แก้ ต้องให้ติดต่อวิชาการทำไม และประโยคที่ว่าเป็นครูประจำชั้น จะไม่ช่วยหรอ ลูกเขาก็ไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ได้เอาเกรดไปฆ่าคน เลยทำให้รู้ว่าจริง ๆแล้วสิ่งที่ผู้ปกครองไม่พอใจไม่ใช่การที่ลูกของเขาติด 0 แต่ไม่พอใจต้องการที่จะให้เพิ่มเกรดจากติด 0 เป็นเกรด 1.5 หรือ 2 เพื่อให้เกรดลูกเขาออกมาสวย ถึงเกณฑ์ที่จะยื่นเข้ามหาวิทยาลัย

                   ยอมรับตามความจริงก็เกือบจะใจอ่อนอยู่เหมือนกัน เพราะนักเรียนคนนี้ไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายอะไร เลยพูดออกไปวันที่ผู้ปกครองมาที่โรงเรียนว่า ถ้าให้ช่วยคือทำได้เพียงให้ไม่ติด 0 แต่นักเรียนก็ต้องมาทำงานเพิ่ม หรือต่อให้เด็กคนนี้จะติด 0 หรือ ไม่ติด 0 เกรดมากสุดที่ได้ก็คือ 1 จริง ๆ แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือ ผู้ปกครองมองหน้าแล้วพูดว่า 1.5 ได้ไหม หรือ 2 ได้ไหม ภาพที่ผู้ปกครองพูดใส่หน้ามันกลายเป็นภาพติดตาไปเลย

                   เหตุการณ์นี้ก็เข้าใจถึงความหวังดีของผู้ปกครองที่ทำเพื่อลูกจริง ๆเพียงแต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วข้อความที่เขาเคยส่งมา มันลบสิ่งที่เขาพยายามใส่ว่าเป็นครูอย่างนู้นอย่างนี้ออกไปไม่ได้ มันย้ำเตือนว่าเป็นอย่างนี้จริง ๆหรอ แม้จะรู้ตัวว่าไม่ได้เป็นครูอย่างที่เขาพูดมา การพูดคุยครั้งสุดท้ายคือไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว เพราะเขาปิดกั้นตัดสินไปแล้วว่าเป็นครูที่ขาดจริยธรรม ศีลธรรม ขาดความสามารถในการสอน เลยตอบกลับไปแค่ว่า ‘ขอบคุณค่ะ’ สิ่งที่ผู้ปกครองตอบกลับมาครั้งสุดท้ายคือ ‘อย่าแค่ขอบคุณนะ อ่านแล้วคิดตามด้วยนะ’ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูก่อนหน้านี้แล้ว แต่เหตุผลที่ลาออกไม่เกี่ยวกับผู้ปกครองคนนี้ โดยวันศุกร์นี้จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน เลยอยากปรึกษาพี่ ๆว่าจะทิ้งข้อความสุดท้ายในกลุ่มไลน์ผู้ปกครองอย่างไงดี ”

                   ‘ดีเจเผือก’ เริ่มให้คำปรึกษาว่า “ขอชื่นชมคุณครูนะครับ เสียดายที่ลาออกแล้ว ผมว่าการศึกษาเราต้องการครูแบบครูหวานเยอะเลย นี่คือตัวอย่างของครูที่ดี ที่ต้องเจอกับความพ่อแม่รังแกฉันที่หลาย ๆคนคงได้เห็นอะไรแบบนี้ และสงสารลูกของเขาที่ต้องมีคุณแม่แบบนี้ มันไม่ใช่แค่พฤติกรรมที่ สำหรับผมใช้คำว่า น่ารังเกียจ สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่เชื่ออย่างมาก ๆว่าระบบความคิดแบบนี้มันจะถูกถ่ายทอดลงไปในระบบความคิดของลูกเขาไม่มากก็น้อย ซึ่งเขาก็คงต้องการครูอย่างครูหวาน ที่จะทำให้เขารู้ว่าการสอนลูกที่แท้จริง การที่เขาช่วยลูกแบบไหน ที่เป็นการช่วยลูกจริง ๆ คนเราความรักบังตาแล้วก็ช่วยเหลือลูก ญาติพี่น้องในแบบที่มันไม่ใช่การช่วย มันยิ่งทำให้เขาเหมือนตกหลุมความเห็นแก่ตัว ความไม่ยอมรับกติกา ความซิกแซก ความใต้โต๊ะ ความคอรัปชั่นไปในตัวตั้งแต่เด็ก ซึ่งเรื่องเรียนเป็นเรื่องใหญ่มากนะ  ลองคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไปห้าง ต่อคิวเป็นไหม ไปสวนสนุกเขาต่อคิวกัน คนนี้แซงไหม ไปกินข้าวศูนย์อาหารเขาให้เก็บถาด คนนี้เก็บไหม สงสารเขา จุดแรกคืออยากจะบอกครูหวานคือจงมั่นใจในสิ่งที่ครูหวานทำนะครับ มันเป็นสิ่งที่ระบบการศึกษาไทยต้องการมาก ๆเลยนะครับ สุดท้ายคำพูดเหล่านั้นที่เขาพิมพ์มา มันก็คือแค่การพยายามกลับผิดเป็นถูก กลับถูกเป็นผิด บางทีเราอาจจะคิดแค่ว่าเราเจอกับคนที่ระบบความคิดผิดเพี้ยนไปหมด เพราะฉะนั้นเขาจะมองตรรกะในชีวิตเขากลับด้าน อย่าทำให้ระบบความคิดที่ผิดเพี้ยนของใครสักคนมาทำให้คุณค่าในตัวเราหายไปเลยครับ ส่วนข้อความสุดท้ายได้หมดเลยครับ เชื่อว่าครูหวานจะสื่อสารออกไปในแบบที่มันโอเค ความตั้งใจ ที่เราอยากจะเป็นครูแบบไหนพูดออกไปได้หมดเลย ”

                    ต่อมาที่ ‘ดีเจเติ้ล’ ให้คำปรึกษาว่า “ข้อความสุดท้ายครูหวานต้องไม่คาดหวังว่าเขาจะสำนึกจากข้อความครูหวานเลย พี่ว่าเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ควรจะเป็นตากฎกติกาคืออะไร เขาแค่ไม่อยากเล่นตามกฎกติกา เขาแค่อยากได้สิ่งที่อยากได้ ซึ่งบางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกเขาต้องการหรือเปล่า เราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังบ้านเขาเป็นยังไง เอาจากใจพี่ พี่ไม่อยากให้ครูหวานส่งอะไรปเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าพี่รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ครูหวานต้องอธิบายในสิ่งที่ครูหวานคิดอีกแล้ว คือในการกระทำของครูหวานถึงตอนนี้มันแสดงให้เห็นถึงจุดยืนในวิชาชีพนี้ของครูหวานแล้ว แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องด้วย ไม่ต้องไปสนใจในสิ่งที่แม่ของเด็กคนนั้นพูดเลย เพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดเขาต้องการอะไร เขาจะหาเรื่องมาเบนครูหวานทุกอย่างเลยเพราะครูหวานไม่ให้เขาแค่นั้น ซึ่งมันไม่ใช่ มันผิด แต่สิ่งที่ครูหวานทำคือสิ่งที่ถูกต้อง ถูกแล้วอยากให้เชื่อมั่น โดยไม่ต้องสงสัยว่าตัวเองทำถูกหรือผิด ”

                     ปิดจบกันที่ ‘ดีเจต้นหอม’ ให้คำปรึกษาว่า “ก็เป็นข้อความที่จะให้พิมพ์ กราบขอบคุณสมาคมผู้ปกครองที่ให้เกียรติหวานได้มาเป็นครูประจำโรงเรียนแห่งนี้ หวานได้เรียนรู้ทั้งข้อดีและข้อเสียมากมาย การที่เด็กจะเติบโตมาอย่างเพียบพร้อมและแข็งแกร่งนั้น ไม่ใช่ฝากความหวังไว้ที่โรงเรียนเท่านั้น คนในบ้าน โดยเฉพาะคุณแม่ควรมีศักยภาพมากพอในการดูแลให้ลูกเติบโต ซึ่งหากคุณแม่ขาดศักยภาพก็จะส่งผลต่อการเรียนของเด็ก อยากให้คุณแม่สังเกตลูก ๆดูนะคะ ใครที่ลูก ๆมีการเรียนที่ตกต่ำ อยากให้คุณแม่เนี่ยกลับไปเสริมทักษะพัฒนาตัวลูกและตัวเองด้วย ช่วงนี้เราจะสอนและคาดหวังให้ลูกโตไปไม่โกง ฉะนั้นมันควรจะถูกสอนตั้งแต่ที่บ้าน ให้มันจบที่รุ่นคุณแม่นะคะ จากนั้นครูหวานหนีไปให้ไกล แล้วเปลี่ยนชื่อไลน์ด้วย สายนี้ได้คำแนะนำครบรสครูหวานเลือกใช้ได้เลยนะ ”

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค

11 ต.ค. 2024

หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค

หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้านแต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามาเค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค หนูควรขออีกสัก 2 ปี แล้วกลับไปทักเขาดีไหมคะ? “คุณเนเน่ (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเราเป็น LGBTQ+ คบกับผู้ชายคนนึง เเต่พ่อเเม่แฟนไม่ชอบเราเลยต้องเลิกคุย ควรรอเขาดีมั้ย? โดย “คุณเนเน่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้หนูทำงานเป็นเซลล์ ได้ไปเจอผู้ชายคนนึงในแอป ๆ นึง เขาอายุ 29-30 ปี คุยกันจนได้มาอยู่กัน อยู่กินกันมาด้วยกันอะไรเเบบนี้เหมือนแฟนคนนึง คบกันได้ซักพักไม่ถึงปี โดยส่วนตัวหนูเป็นสาวสอง ตอนแรกครอบครัวเขาไม่รู้ว่าเขาคบกับหนู มีวันนึงตัวผู้ชายเขาจะพาหนูไปพบกับครอบครัวเขา เขาก็ได้บอกกับพ่อเเม่เขาว่าจะพาเราไปหานะ เเล้วก็ได้โทรกลับมาหาเราบอกว่า พ่อแม่เขาไม่โอเคนะที่เราเป็นสาวสองอะไรเเบบนี้ หนูต้องการอยู่กับเขาเเต่ตอนนี้เขาเลิกคุยกับหนูไปแล้วได้ประมาณครึ่งเดือน ก่อนหน้าที่จะเลิกกันเขาบอกว่าไม่อยากทิ้งหนูไปไหน ยังอยากอยู่กับหนู เเต่เหมือนเขาเลือกครอบครัว พ่อแม่เขาบอกว่าอายุก็ต่างกัน อายุเท่านี้จะไปทำงานอะไรได้ ดูเเลลูกเขายังไงได้ เเละเขาก็บอกว่าถึงเราคุยกันไปก็ไม่ได้คบกันอยู่ดี ซึ่งก่อนหน้านั้นลูกเขาเคยมีแฟนเป็นสาวสองมาก่อน เเต่เหมือนแบบไปหลอกลูกชายเขา หลอกเงิน หลอกอะไรเเบบนี้ ตัวเขาก็เลยไม่โอเคกับการที่ให้ลูกชายเขามีแฟนเป็นสาวสองอีกครั้ง เพราะกลัวเราจะไปหลอกเขาอีก หลังจากที่เลิกคุยกันก็มีการติดต่อกันนิดหน่อย ประมาณว่าทำอะไร เป็นยังไงบ้าง เเล้วเหมือนหนูจะทักไปหาเขาอีกเขาก็บอกว่าไม่อยากให้เราทักไปอีก กลัวลืมเราไม่ได้เเล้วก็ขอบล็อค หนูลืมเขาไม่ได้หรอกเพราะสำหรับหนูเขาเป็นผู้ชายที่ดีที่หนูเจอมา ถ้าเกิดคนเขารักเราจริงเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเรา มันมีอยู่วันนึงรถพ่อของเขาเสียกลางทางด่วน เเล้วเหมือนเขาเงินไม่พอเลยทักมายืมเรา เราก็เลยโอนไปให้ทันที หนูก็อยากรู้ว่า เฮ้ย! เราก็อยากรู้ว่าเราก็เคยช่วยพ่อเธอนะ ทำไมเธอไม่ลองคุยกับเขาว่าเราก็มีข้อดีนะ ตอนนั้นโอนไป 2 ยอด เป็นยอดรวม 5,000 บาท ตอนนี้เขาก็โอนคืนเเล้วเเต่คืนไม่หมดยังเหลืออีกนิดหน่อย เเต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะตอนที่เขามาหาเราเขาพาไปเลี้ยงข้าวเงี้ย เราก็ไม่เคยออกเองซักบาท หนูว่าจะเริ่มต้นใหม่ พยายามคุยกับคนอื่นเเต่ก็ไม่มีใครดีเท่าเขา ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าอีก 2 ปีบรรลุนิติภาวะเเล้ว หนูควรรอเขาอีกดีมั้ย?’ โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องถามว่าการรอของเนทรมานรึเปล่า ถ้าเรายังไม่ได้เจอไปเจอใครใหม่ มันก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะอยู่ไปแบบนี้ รอเขาอยู่เงียบ ๆ เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับความฝันนี้ได้ ถ้าชีวิตมันไม่ทรมานมาก คนเรามันรอได้อยู่เเล้วเเต่อย่าไปรบกวนเขา เเล้วลองดูพอเราโตขึ้น มีงานมีการเป็นหลักเป็นฐานมากขึ้น บ้านเขาจะเปิดรับเราอย่างที่เราคิดมั้ย เเต่เตือนตัวเองนะว่าผลลัพธ์มันจะออกมายังไงก็ได้ เขาอาจจะยังไม่ได้ชอบเราเหมือนเดิม 2 ปีอาจจะสูญเปล่าก็ได้ ก็เตือนตัวเองนะว่ามีสิทธิ์ผิดหวัง’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ’ไม่น่าลงทุนต่อ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่มีอะไรดีขึ้นในการรอ เพราะคบกันไม่ถึงเดือน ยังไม่มีความผูกพัน ยังไม่มีความรักเกิดขึ้นก่อตัวขึ้นมา การรอของเนเน่ถ้ามีความสุขก็รอไป เเต่คุณเเม่คิดว่าอย่าเอาใจไปเล่นทั้งใจเลยว่าจะรอผู้ชายคนนี้ ตามหาสิ่งที่ใช่สำหรับเรา อะไรที่ไม่ใช่เทได้นะ ไม่ใช่ไม่มีใครดีเท่าเขา เเค่เรายังไม่เจอ ช่วงเวลาสั้น ๆ มักจะหอมหวานเสมอมันยังไม่ใช่ ถ้าเริ่มต้นเเค่เนี้ยเเล้วเทเราอะ ไม่ต้องรอเขาไม่ได้ควรค่า’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ’การที่เราคบกันไม่ถึงเดือนเเล้วเขาพาเราไปเปิดตัวกับพ่อเเม่ คิดว่ามันสมเหตุสมผลมั้ย อย่าลืมนะเขาบอกมาเเล้วว่าเขาเคยมีแฟนเป็นสาวสอง พ่อแม่เขาก็ไม่ชอบ คนปกติก็ยิ่งระวังตัวนะว่าอย่าเพิ่งให้พ่อแม่รู้ เขาอยู่กับหนู 2 คนสบาย ๆ ในห้องก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องให้พ่อแม่ตัดสินเลยอยู่ด้วยกันถ้าเขาชอบหนูรักหนู ลองนิ่ง ๆ คิดดูว่าสิ่งที่เขาทำมันสมเหตุสมผลหรือเปล่า ถ้าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องจริง พี่ว่ามันก็ยากมากเหลือเกินที่หนูจะไปทำให้เขาไม่ชอบ ในเมื่อเราเกิดมาแบบนี้อ่ะ หนูอายุเท่านี้หนูมีความสุขกับชีวิตดีกว่า หนูควรจะเจอคนที่น่ารักกับหนูอ่ะ ยุคนี้มีพ่อแม่มากมายที่เขาโอเคที่ลูกเขาจะมีแฟนเป็นสาวสอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

01 ธ.ค. 2023

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

“คุณชาเย็น (นามสมมติ)” อายุ 17 ปี สายที่สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่ว่าจะเรียนต่อหรือลาออกมาทำงานดีเพราะว่าสงสารพ่อแม่ที่ทำงานลำบากมาส่งตัวเองเรียน โดย “คุณชาเย็น (นามสมมติ)” ได้เริ่มปรึกษาว่า ‘หนูเลือกที่จะเรียนต่อ หรือว่าเลือกที่จะออกจากโรงเรียนดี หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานส่งหนูเรียนเพราะว่าหนูเป็นคนที่ไม่เข้าเรียน ชอบโดดเรียน เพราะในห้องหนูไม่มีเพื่อนเลย ก็จะโดดเรียนไปนั่งที่โรงอาหารกับเพื่อนห้องอื่น เพื่อนในห้องเดียวกันก็ไม่มีใครพูดกับหนู เพราะเขาเห็นหนูเป็นคนไม่ดีกันไปหมดแล้ว หนูเคยขึ้นไปเรียนครั้งนึง เรียนไปหนูก็ไม่มีความสุข หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหาส่งหนูเรียน หนูเห็นท่านทำงานลำบากแล้วสงสาร หนูเลยคิดว่า ออกทำงานดีไหมเพื่อหาเงินให้พ่อแม่บ้าง อยากหาเงินมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ตอนนี้หนูอยู่ ม.4 หนูคิดว่าจะไปทำเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วก็ไปเรียน กศน. เอาวุฒิม.6 ไปต่อมหาวิทยาลัยหนูคิดไว้ว่าอย่างนี้ หนูอยากปรึกษาว่าหนูควรลาออกมาทำงานหรือว่าควรจะเรียนต่อดี’ โดยเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเก ไม่เรียนหนังสือ ไม่ตั้งใจ เพื่อนพี่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พี่มีทั้งกลุ่มที่เป็นเด็กเรียน และไม่เรียน แต่พี่ชอบเอาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มเด็กเกเร เพราะพี่มีปัญหาทางบ้าน บ้านพี่ไม่ค่อยอบอุ่นพี่ก็เลยไปทำอะไรแบบนั้น แต่คนที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวหรือกลุ่มเกเรของพี่ ไม่ตายก็ติดคุก ไม่ติดคุกก็ติดยาแล้วก็เป็นบ้า ทั้งหมด 30 กว่าคน มีพี่รอดคนเดียว พี่เลยไม่แน่ใจว่าชาเย็นจะเป็น 1 ในคนที่รอดไหม ที่พี่รอดเพราะพี่หันกลับมาเรียนในวันหนึ่ง พี่เลือกที่จะไม่ติดยาแล้วก็ตายไปกับเพื่อน พี่เลือกวกกลับมา แล้วพี่รู้สึกเสียดายเวลาที่ ณ เวลานั้น กูไปทำอะไรอยู่วะ พี่ก็คิดแบบนี้ พี่อยากได้เงิน แต่การอยากได้เงินของพี่ พี่มีเป้าหมายในชีวิต ก็คือหาเงินเรียนในสิ่งที่ต้องการ พี่ฟังชาเย็น พี่ไม่เห็นเป้าหมายที่มันแข็งแรง เป็นเป้าหมายระยะสั้นๆ จะไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟแบบนี้ พี่ว่าความทะเยอทะยานมันน้อยไปหน่อย ถ้าเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วต้องไปเรียนต่อ สุดท้ายมันก็ต้องไปเรียนต่อ แล้วปัญหาที่เพื่อนไม่คุยกับเรา มันไม่แปลกหรอกเพราะเราไปอยู่กลุ่มที่มันคนละเคมีกับเขา ถ้าวันนี้เราอยากกลับไปอยู่ ในสังคมที่เพื่อนเขาคุยกับเรา เราก็ลองคุยกับเขาก่อน เราไปตั้งใจเรียนไปอยู่ในกลุ่มของเขา มันมีวิธีในการเขาหาเพื่อนได้เยอะแยะ พี่ว่าโลกข้างนอกอันตรายเกินไป แต่มันก็อยู่ที่ใจชาเย็นนะ ถ้าอยากออกมาหาเงินจริง ๆ อันนี้ต้องคุยกับพ่อแม่ เราก็ลองปรึกษาเขาว่าให้หนูออกมาทำงานดีไหม หนูอยากหาเงิน แต่เป้าหมายต้องแข็งแรงกว่านี้หน่อยว่าทำงานอะไร ต้องการเงินเท่าไหร่ พี่ว่าการเรียนหนังสือมันก็ให้อะไรมากกว่าที่เราคิด วุฒิการศึกษามันสามรถทำให้ง่ายกับการเปลี่ยนอาชีพ สมมติว่าอยากไปทำธุรการ ไปเรียนคุณครู แบบนี้เขาดูวุฒิการศึกษา ยกเว้นชาเย็นจะบอกว่าหนูอยากจะไปเป็นเน็ตไอดอล หนูสามารถทำเงินได้ 100 ล้าน ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา แต่ต้องถามตัวเองว่าแล้วเราชอบทางนี้ไหม หรือเรามีความสามารถทางนี้ไหม ถ้าวันนี้เรายังไม่รู้ตัวเองว่าต้องการอะไรหรือชอบอะไร พี่ว่าการเรียนไปก่อนเป็นสิ่งที่ดี พี่แนะนำแบบนี้ แต่ถ้าอยากจะออกจริงๆ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า เราต้องการเงินนี้ไปทำอะไร เพื่ออะไรแล้วเลือกอาชีพที่เหมาะกับเรา’ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เราอยู่กับเพื่อนแบบไหนก็มีความเป็นไปได้ว่าเราจะกลายเป็นคนแบบนั้นเยอะมาก เลือกอยู่กับคนที่จะพาเราไปสู่สิ่งที่ดี พาเราเจริญขึ้น อันนี้คำแนะนำแรก คำแนะนำที่สอง ถ้าสงสารคุณพ่อคุณแม่จริงๆ สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือทำให้เงินที่เขาจ่าย กลับมามีค่ากลับมาคุ้มค่า ไม่ยากเลยแค่เดินขึ้นไปเรียน ขึ้นไปแล้วเขาไม่คุยด้วยไม่แปลกครับเพราะว่า ชาเย็นบอกเคยขึ้นไปครั้งเดียวแล้วใครจะคุยกับหนูล่ะลูก เพราะเขาเรียนกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว หนูเพิ่งเคยขึ้นไปครั้งเดียว ถ้าสมมติหนูเป็นคนที่นั่งเรียนอยู่ แล้วก็มีใครไม่รู้ที่โดดเรียนตลอดเลย แล้ววันหนึ่งมาเพิ่งขึ้นมา หนูจะไปสนิทกับเขาหรอ หนูจะอยากคุยกับเขาหรอ ต่อให้เขาไม่ได้มองว่าหนูเป็นคนดีหรือไม่ดีก็เถอะ เขาก็ไม่ได้สนิทพอที่จะเดินเข้ามาคุย ถ้าเขารู้ว่าใครดีใครไม่ดีแล้วไม่อยากจะมาอยู่กับคนไม่ดี ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าชาเย็นจะบอก ชาเย็นไม่ใช่เป็นคนไม่ดี ชาเย็นแค่ขึ้นไปเรียนอยู่กับเพื่อนมันก็จะค่อยๆ รู้จักกันไปเอง ทีนี้ทำไมถึงอยากให้กับไปเรียน การเรียนให้มันจบอย่างน้อยคือการศึกษาขั้นต่ำ วุฒิการศึกษาที่ชาเย็นจะได้มันทำให้ชาเย็นจะเอาไปยื่นทำงานในอนาคตได้มากกว่าเยอะเลย แล้วโรงเรียนที่มีกฎระเบียบครอบไว้ชาเย็นยังไม่อยู่ แล้วถ้าไปเรียน กศน. ที่ไม่มีอะไรมาครอบไว้ ชาเย็นจะบังคับตัวเองได้หรอ แล้วจะจบไหม กศน. แล้วคิดว่าตัวเองจะสอบผ่านไหม จะเรียนตามเขาได้ไหมในเมื่อกฎของโรงเรียนหนูยังทำไม่ได้เลย พี่บอกสั้นๆ ว่า เรียนให้จบม.6 นี่เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่คนเราจะรับผิดชอบตัวเองได้’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากให้เรียน เพราะว่าฟังจนถึงตอนนี้ พี่อาจจะรีบตัดสินเร็วเกินไปแต่พี่คิดว่าชาเย็นไม่น่ารอดในการออกไปทำงานและหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองแล้วจะกลับไปเรียน กศน. ไปต่อมหาวิทยาลัย พี่คิดแบบี้เลยนะ อย่างที่พี่เผือกถาม หนูเรียนตอนนี้ตามหลักสูตรปกติหนูยังทำไม่ได้ ที่มีเงินจากพ่อแม่ที่ส่งให้หนูไปเรียน แล้วการที่ต้องไปเรียนและทำงานไปด้วยพี่ว่ามันยากมากเลยนะ อันนั้นพี่จะเห็นในกรณีของคนที่เขาไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน เขามีเป้าหมายว่า เขาทำงานเพื่อหาเงินเพื่อนส่งตัวเองเรียน กศน. อันนั้นพี่เข้าใจได้ และพี่เชื่อว่าแบบนั้นเขาจะประสบความสำเร็จ เขามีเป้าหมายในชีวิต แต่ตอนนี้ชาเย็นเหมือนเอาอันนี้มาแก้ปัญหาที่มันเป็นการแก้ปัญหาผิดวิธีมากเลย พวกพี่พยายามจะถามว่า การที่กลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจที่ทำงานส่งหนูเรียน หนูก็แค่ไปตั้งใจเรียนให้มันจบ หนูบอกปัญหาเรื่องเพื่อน พี่บอกว่าปัญหาเรื่องเพื่อนแค่นี้หนูยังสู้มันไม่ได้ หนูยังกลัว โลกข้างนอกพี่ว่ามันเลวร้ายกว่านี้อีก หนูจะทำอย่างไรถ้าหนูไปเสิร์ฟแล้วโดนเจ้าของร้านโกง หนูจะทำอย่างไรถ้าโดนลูกค้าด่า เพื่อนร่วมงานไม่คบ หรืออะไรก็ตามมันเกิดขึ้นได้ทั้งหมด โลกข้างนอกพี่ว่ามันโหดกว่าในโรงเรียน เยอะ เพื่อนไม่คุยกับหนูเพราะคิดว่าหนูเกเร ปัญหาแบบนั้นสำหรับพี่ มันสามารถแก้ปัญหาได้ แต่หนูเลือกที่จะเอาตัวเองออกจากโรงเรียน กระโจนเข้าสู่สิ่งที่มันมันเยอะกว่านี้ถ้ามันจะเกิดปัญหาขึ้น แล้วสำหรับพี่ การเรียนมันทำให้พี่มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ มันไม่ใช่แค่วิชาความรู้ที่เราจะได้จากโรงเรียน แต่มันยังหมายถึงการที่เราจะรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน รู้จักการเข้าสังคม รู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งตอนนี้พี่คิดว่ามันเร็วมากเลยที่ชาเย็นจะตัดสินใจหันหลังให้มันเลย เพียงเพราะว่าเพื่อนไม่คุยกับเรา ชาเย็นแก้ปัญหาที่ผิดอยู่ตอนนี้ เพราะคุณพ่อคุณแม่ลำบากในการหาเงินมาให้หนู หนูก็ต้องเห็นคุณค่าของมัน โดยการไปเรียนหนังสือและตั้งใจเรียน ช่วงม.ปลาย มันจะเป็นช่วงที่ทำให้หนูได้รู้ว่าหนูอยากเรียนเพื่อไปเป็นอะไร จะทำให้หนูได้รู้ว่าหนูชอบอะไร โลกภายนอกมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ที่หนูพูดพี่ว่าหนูยังไม่เจออะไรมาเลย สำหรับพี่ยังไงการเรียนก็สำคัญและมันก็ทำให้พี่เป็นผู้เป็นคนก็เพราะการเรียนนี่แหละ ทั้งเพื่อน คุณครู กิจกรรม ถ้าหนูเลือกออกมาแล้ว มันกลับไปหาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว คิดดีๆ นะ พี่อยากให้กลับไปเรียนหนังสือ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เมื่อก่อนผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง จนผมเล่นฟิตเนสแล้วภูมิใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้มากๆ เลยถ่ายรูปลงโซเชียล แต่แฟนผมไม่เข้าใจ เหมือนเขาบอกเราโพสเรียกแขก จะทำยังไงให้แฟนเข้าใจดีครับ? ที่ถ่ายลงก็อยากสร้างแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆด้วย

27 ก.พ. 2024

เมื่อก่อนผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง จนผมเล่นฟิตเนสแล้วภูมิใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้มากๆ เลยถ่ายรูปลงโซเชียล แต่แฟนผมไม่เข้าใจ เหมือนเขาบอกเราโพสเรียกแขก จะทำยังไงให้แฟนเข้าใจดีครับ? ที่ถ่ายลงก็อยากสร้างแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆด้วย

“คุณแบงค์ (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่ โดย “คุณแบงค์(นามสมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมกับแฟนเป็นคู่รัก LGBTQ+ ที่คบกันมาประมาณ 3 ปีกว่า ๆ ซึ่งตอนแรกที่ผมคบกับแฟน ผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ไม่มั่นใจในตัวเอง เลยไม่ค่อยได้ลงรูปอวดหุ่นลงโซเชียล จนมาถึงช่วงหลัง ๆ ผมเริ่มมีความมั่นใจในหุ่นตัวเอง ก็ได้มีการลงรูปอวดหุ่นบนโซเชียลมากขึ้น จึงทำให้แฟนผมมองว่า ผมเริ่มเปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่คบกัน เป็นการลงโปรโมทตัวเองหรือเปล่า ผมก็ได้มีการถามกับแฟนไปว่า “จะให้ผมเลิกเล่นโซเชียลเลยหรือเปล่า” แต่แฟนผมก็มองว่า “มันคงเป็นการจำกัดสิทธิ์ผมเกินไป” ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องทำยังไง ซึ่งผมก็เอาชื่อแฟนมาใส่บนไบโอไอจี และลงรูปกับแฟนในสตอรี่ปกติ แต่รูปที่ผมลงอวดหุ่นก็จะมีคนอื่นมาแซว และส่งข้อความมาหา แฟนผมเห็นแล้วก็จะมาถามผมว่า คนนี้ใคร เวลาที่แฟนหึงก็จะนิ่งไป ผมจึงอยากถามว่า ผิดไหมที่ผมลงรูปอวดหุ่นบนโซเชียล?’ งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกว่า ‘ต้องให้แฟนทำความเข้าใจก่อนว่า เป็นเรื่องธรรมชาติของคนที่ออกกำลังกาย ที่จะหลงใหลในการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง อุส่าห์มีวินัยในการออกกำลังกายกี่วันต่ออาทิตย์ วินัยในการเลือกกิน เมื่อส่งผลดีต่อร่างกาย มีกล้ามก็จะส่องกระจกบ่อยขึ้น และจะถ่ายรูปลงโซเชียลมากขึ้น เพราะนั้นคือผลลัพธ์ของการพยายาม ก็อยากให้แฟนคุณแบงค์เบาใจขึ้นนิดนึง เพราะคนส่วนใหญ่เขาก็เป็น ส่วนปัญหาที่ว่าคุณแบงค์ลงรูปกับแฟนแค่ในสตอรี่ ก็อยากให้ลงเป็นโพสต์มากขึ้น ทำให้แฟนรู้สึกว่ามีเขาอยู่ ที่ยังเป็นเจ้าของกล้ามอันนี้อยู่ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่จริงแล้วมันเป็นสิทธิ์ของคุณแบงค์ ที่จะลงหรือไม่ลง ส่วนคนที่จะนอกใจ จะลงรูปหรือไม่ลงรูป ยังไงก็นอกใจ ด้วยความที่คุณแบงค์มีกล้ามแล้วดูดีขึ้น ก็อาจจะทำให้แฟนหวง ยิ่งพอลงรูปแล้วมีคนส่งข้อความมาหา คนที่เป็นแฟนคงรู้สึกว่ามันจะยังไงและยังคงเป็นเหมือนเดิมไหม หรือยังจะรักกันเหมือนเดิมหรือเปล่า สิ่งที่จะทำให้แฟนรู้สึกสบายใจขึ้นก็คือ ต้องลงรูปคู่กับแฟนบ้าง เพราะอย่างน้อยจะได้บอกกับชาวโลกว่า คุณแบงค์ไม่ได้โสด ถ้าทำแบบนี้ก็อาจจะทำให้แฟนรู้สึกสบายใจขึ้น ถ้านอกเหนือจากนี้คุณแบงค์ก็ต้องทำให้แฟนเห็นว่าจะลงรูปยังไง คุณแบงค์ก็ไม่มีทางนอกใจแฟนแน่นอน สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการกระทำด้วยว่า ยังไงก็ไม่นอกใจเขาแน่นอน’ สุดท้าย “ดีเจพี่อ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราต้องมีทัศนคติอันนี้ก่อนว่า ดีจังเลยที่แฟนยังหึงเราอยู่ เพราะถ้าเราไม่มีความสำคัญต่อใจเขาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหึง จะทำอะไรก็ทำเลย เพียงแต่ตอนนี้พี่อ้อยอยากให้แบงค์แก้ปัญหาให้ตรงปัญหา อย่าแก้ปัญหาด้วยการไปตีฟูปัญหา เช่น “งั้นจะไม่ให้ลงเลยไหมละ” ซึ่งมันไม่ถึงขั้นนั้น แฟนก็อยากให้คุณแบงค์มีความสุขในการใช้โซเชียล แต่แฟนคงเป็นห่วงว่าจะมีคนอื่นเข้ามายุ่งในความสัมพันธ์เราไหม วิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คือคุณแบงค์ต้องสร้างความมั่นใจให้กับแฟน เช่น เวลาลงรูปก็ถามแฟนว่า “แฟนไม่สบายใจกับรูปไหนหรือเปล่า ทำไมหรอ แต่เราภูมิใจนะที่เธอหวง จริง ๆ แล้วที่เราลงรูปไปเพราะเป็นความภาคภูมิในตัวเรา และเธอภูมิใจเถอะ เพราะฉันเลือกเธออยู่แล้ว” พี่อ้อยมองว่าถ้าเราสื่อสารกันทางบวกก็เป็นเรื่องที่ดี คุณแบงค์ยังมีความสุขในการลงรูปในโซเชียลเหมือนเดิม แต่ต้องสร้างความเชื่อใจให้แฟนมากขึ้น ว่าที่สุดแล้วเราเลือกเขา เพราะนี่คือปัญหาความรักที่อาจจะห่วงมากไปหน่อย แต่ถ้าเป็นปัญหาเรื่องของไม่รัก อันนี้พี่ว่าแก้ยากมากกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

15 มี.ค. 2024

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลยสุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก"ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา"ตอนสามีพี่อยู่กับหนูเขาก็พูดถึงแต่พี่" ขออยู่กัน 3 คนผัวเมีย “คุณเค(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (13 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟน โดย ​“คุณเค(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งมา 15 ปี เราเป็นแฟนกันตั้งแต่หนูอายุ 17 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ตลอดเวลา 15 ปี เราก็ใช้ชีวิตของเรา มีปัญหามากมายเข้ามา เขาก็ทะเลาะวิวาท ไปติดคุก เราก็รอเขาอยู่ 3 - 4 ปี จนเดินทางมาถึงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนปลายปีที่แล้ว หนูมีปัญหาเรื่องหนี้สิน บริหารการเงินผิดพลาด มันมาจากหนี้ก้อนเล็ก ๆ เหมือนเรายืมเงินจากเจ้านี้ไปจ่ายเจ้านู้น ก็เลยกลับกลายเป็นงูกินหาง แล้วทีนี้เขาก็มีการถามหนู แต่หนูบอกเขาไม่หมด จนวันหนึ่งเขามารู้ความจริง หนูก็คิดว่าเขาน่าจะช่วยหนูแหละ แต่เขากลับเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีในบ้านออกไป แต่การไปของเขาคือ เรายังไปมาหาสู่กัน ยังมารับไปกินข้าว ไปนอนด้วยกัน เราก็ไม่ได้เลิกขาดแต่เราแค่ห่างกัน แล้วเขาก็บอกหนูตลอดว่า เนี่ยเธอก็ไปจัดการของเธอให้เสร็จนะ แล้วเดี๋ยวเราก็กลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 เราตกลงเป็นแฟนกัน จนมาถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันนั้นหนูรู้สึกไม่อยากไปทำงาน เลยโทรไปถามเขาว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? ด้วยความที่เขาออกจากบ้านไปเช่าห้องอยู่ เขาก็บอกว่า ไม่ได้อยู่ห้อง หนูก็บอกว่า ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องล็อคห้องนะ เดี๋ยวจะไปนอน เขาบอกว่า ไม่ต้องมา ออกมาแล้ว ซึ่งหนูก็รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง หนูก็ไปถึงปุ๊บ เห็นรถเขาจอดอยู่ หนูก็เลยไลน์ไปถามอีกว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? เขาบอกว่า ไม่อยู่ ออกมาแล้ว หนูก็เลยถามตัวเองว่า ยอมรับได้หรือเปล่าถ้าต้องเจออะไร ก็เลยเลือกที่จะรออยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ก็คิดในใจว่าขึ้นไปดีกว่า แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนในหนังเลย พอหนูผลักประตูเข้าไปในตัวอาคาร เขาเดินลงมาด้วยกัน 2 คนจากบันไดขั้นสุดท้ายพอดี พอเขาเห็นหนู เขาดึงมือผู้หญิงคนนั้นไว้ข้างหลังเขา หนูก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่ถามอะไรสักคำ แล้วเดินหันหลังมาเลย หนูได้แต่บอกตัวเองว่ามันจบแล้ว และหนูก็ไม่ติดต่อเขาไปอีก จนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาไลน์มาว่า เธอพรุ่งนี้วันวาเลนไทน์นะ อยากได้อะไรหรือเปล่า? เขาอยากให้หนูเป็นครั้งสุดท้าย หนูก็ตอบไปว่า ไม่อยากได้อะไรเลย เพราะสิ่งที่ขอ ได้ขอไปหมดแล้ว ไม่เอาแล้ว เขาก็บอกว่า งั้นดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกัน หนูก็มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เช่าห้องเล็ก ๆ อยู่คนเดียว เพราะบางวันเราเลิกงานดึก เผื่อไม่ต้องกลับบ้าน ส่วนลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู วันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พอหนูขับรถจากที่ทำงานมาถึงหอพัก รถเขาก็จอดอยู่ หนูก็ตกใจว่าเขามาได้ยังไง เขาก็บอกว่า ทุกวันเขาไปแอบดูหนูที่ทำงาน แล้วก็สะกดรอยตามจนรู้ว่าหนูอยู่ที่นี่ ตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาพูดตลอดว่า ขอเวลาได้ไหม สัญญาด้วยชีวิตว่าวันหนึ่งจะกลับมา ขอโอกาสได้ไหม? ซึ่งหนูก็บอกเขาไปว่า ให้เวลาได้แต่ไม่นานพอถึงกับไม่มีกำหนด แล้วมันคาราคาซังแบบนี้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขามาหาหนู เขาก็จะพูดแบบนี้ ซึ่งหนูไม่อยากจะเชื่อในคำพูดเขาแล้ว เพราะการกระทำของเขามันทำให้เห็นชัดแล้วว่า เขาไม่กลับมาหรอก... แต่ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันมานาน ทุกครั้งที่เขาจะมา เหมือนเราใจอ่อนปล่อยให้เขามา ทุกครั้งที่หนูเริ่มที่จะอยู่ได้ พอเขามาหนูต้องเริ่มต้นใหม่อีก แต่หนูก็ได้บอกสิ่งที่ต้องการกับเขาไปแล้วว่า ถ้าคุณจะไป คุณไปจากเราได้เลย ไม่ต้องหันหลังกลับมา ซึ่งเขาก็บอกว่า เขารู้แค่ว่าเขาไม่มีวันทิ้งหนู เขาไปจากหนูไม่ได้ เขาไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็คิดถึงหนู แต่หนูบอกว่า ไม่เป็นไร ถ้าจะไปคุณไปให้สุดเลย แต่ถ้าวันหนึ่งคุณอยากกลับมา คุณต้องมาแบบ 100% เขาก็บอกว่า ขอได้ไหมอย่าเป็นแบบนี้ ช่วยยอมรับหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นความผิดของหนู ถ้าวันนั้นหนูไม่เป็นหนี้ ไม่มีปัญหาชีวิตแบบนั้น เขาก็ไม่ออกจากบ้านมาหรอก เราก็มีความสุขกันดี แต่วันนี้ที่เขาไปมีคนอื่นมันเป็นเพราะหนู ในเรื่องของความเป็นพ่อ เขาก็เป็นพ่อที่ดีในระดับหนึ่ง เขาส่งเงินมาให้ตลอดทุกอาทิตย์ แต่ตอนที่ลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู เราก็ไม่ได้ห่างกัน เพราะบ้านเราอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อก่อนเราทำงานกลางคืน ช่วงกลางวันลูกจะอยู่กับเรา เราจะไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปรับลูกมาอยู่ด้วยกัน พอถึงเวลานอนแค่นั้นที่จะให้อยู่กับตายาย หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เขายอมรับว่ารักผู้หญิงคนนั้น แต่รักหนูมากกว่า วันที่หนูจับได้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ทางผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาหนูว่า พี่จะเอายังไง? หนูก็บอกว่า พี่ต้องเอาสามีพี่คืนสิ เขาก็บอกว่า ไม่ให้ ก็นี่จะเอาเหมือนกัน หนูก็บอกว่า พี่ก็ไม่อยากแย่งผู้ชายกับใครนะ แม้ผู้ชายคนนี้จะเป็นสามีพี่ก็ตาม ถ้าหนูจะเอาก็เอาไปเถอะ จนเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้โทรมาหาหนูและถามว่า พี่คิดว่าเราจะใช้ชีวิตกันแบบ 3 คนได้ไหม เพราะเขาก็ยังคิดถึงพี่ พี่จะรับได้ไหม? หนูก็บอกว่า รับไม่ได้ ไปอยู่กันเถอะ หนูอยากถามว่า หนูจะทำยังไง ให้ตัวเองเด็ดขาดที่ไม่ให้เขามาหาอีก? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีวันทำได้ ไม่ต้องพยายาม หนูเฝ้าบอกทั้งตัวเองและพวกพี่ทั้ง 3 คนว่าหนูทำใจได้ แต่ในความเป็นจริงหนูไม่มีวันทำได้ ถ้าทำได้มันทำไปแล้ว และปลายทางที่ยังบอกเขาว่า ถ้าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ เธอต้องกลับมา 100% นะ แค่คำนี้ก็บอกแล้วว่าต่อให้เขาไปเลวระยำตำบอนที่ไหน กลับมาได้ทุกเมื่อ สำหรับเคก็ยอมผู้ชายคนนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ไม่มีวันที่เคจะต่อต้านอะไรเขาได้ เพราะลึก ๆ แล้วจิตใต้สำนึกเคไม่ได้จะต่อต้านเขา จริง ๆ วิธีการที่เราจะตัดใครสักคน ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าก็ตัดให้มันเด็ดขาด แต่สุดท้ายเราฟังออกว่า ใครที่มีความเด็ดเดี่ยวที่จะตัดจริง ๆ กับใครที่ไม่มีวันตัดได้ คือถ้าคนที่บอกว่าตัวเองเด็ดขาด มันจะไม่รับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะขอกลับมาด้วยรูปแบบไหน เขาจะไม่มีวันได้กลับมา แต่ตอนนี้กับเคมันไม่ใช่ วัดจากอายุเขาอยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เขาคือส่วนที่เลวร้ายของชีวิต ถ้าเป็นร่างกายเขาก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับเนื้อร้าย วันหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาก้อนเนื้อร้ายนั้นออกไป แต่เราเองนี่แหละที่พยายามแย่งชิงเนื้อร้ายกลับมา มันแค่นี้เอง โดยที่เราคิดว่านี่คือแฟนคนแรกที่อยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เราไม่ได้คิดว่าชีวิตฉันแย่มาครึ่งชีวิตแล้ว คำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องครบพ่อ แม่ ลูก 3 คน จำนวนของคนครอบครัวที่น้อยที่สุดคือ 2 คน ตอนนี้โรงเรียนเขาสอนเด็กทุกคนแบบนี้ หลาย ๆ ครอบครัวเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เมื่อมีใครสักคนออกไป ลองเปลี่ยนความคิดนี้ดูใหม่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมัน แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีกับชีวิต ครอบครัว และลูกของตัวเอง ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ช่วยยังไงในเมื่อปากเคยังบอกให้เขาเข้ามา พวกพี่จะทำอะไรได้ แย่งเขากลับมายังง่ายกว่าเลย เพราะผู้หญิงคนนั้นเขาเริ่มลังเลแล้วว่า ผู้ชายอยู่กับเรายังบอกคิดถึงเมียเก่า แต่สิ่งที่แย่งชิงคือ แย่งขยะกันอยู่ไง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สบายใจหรอก โยนกันไป โยนกันมา ขยะติดมือใครคนนั้นก็เหม็นแค่นั้นเอง แล้วก็ผู้ชายที่มีคนอื่น มีโลกสองใบ ยังจะโยนความผิดให้กูอีก เพราะว่ากูเป็นหนี้ถึงทำให้มึงมีเมียน้อยมันใช่ไหมล่ะ ตอนนี้พี่ก็เหลือแค่งัดปากเคขึ้นมาบอกว่า ไม่ให้มา ปากเคเป็นคนพูดเอง เคต้องรู้จักปฏิเสธ และขอย้ำเลยว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ใช่พ่อ แม่ ลูกเท่านั้น ครอบครัวที่สมบูรณ์คือ การดูแลเด็กคนนี้ด้วยความรัก ความสุข ด้วยกำลังแรงกายแรงใจทั้งหมดที่เธอมี ซึ่งวันนี้เธอจะเอาความสุขไปดูแลลูกไม่ได้เลย ถ้าชีวิตเธอยังไม่มีความสุข ผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต ต่อให้มันไปมีเมียน้อยก็ไม่มีความสุข กลับมาก็ไม่มีความสุข ให้ผู้คนหญิงคนนั้นไป เด็ดเดี่ยวในการพูดว่า ไม่ แล้วบล็อก ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉัน เธอไม่ได้ดีพอที่จะเป็นสามีที่ดีและพ่อของลูกฉัน ณ วันนี้ทำหน้าที่พ่อไป เพราะหน้าที่สามีสิ้นสุดตั้งแต่มีผู้หญิงคนนั้นแล้ว สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่พูดมันอาจจะทำร้ายความรู้สึกหนู แต่ว่าพี่อยากให้หนูมีชีวิตที่ดีกว่านี้ คำถามที่หนูถามว่า ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้ พี่ก็จะบอกว่า ทำให้ได้อย่างที่หนูพูดกับพวกพี่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นรายการ ถ้าหนูจำไม่ได้หนูไปเปิดฟังอีกทีก็ได้ เอาจริง ๆ หนูเป็นคนฉลาด หนูพูดเหมือนหนูรู้ทุกอย่างว่าสามีคนนี้เป็นคนแบบไหน หนูแค่ต้องทำให้ได้อย่างที่หนูรู้ด้วยการใช้สมอง เพราะพี่รู้สึกว่าทุกครั้งเวลาที่เขากลับมา หนูจะใช้ความรู้สึกอย่างเดียวเลยว่า หนูขาดเขาไม่ได้ แต่ถ้าหนูใช้สมองตามที่หนูคิด อย่างที่พูดกับพวกพี่มาทั้งหมด หนูจะบอกกับตัวเองได้ทันทีว่า หนูจะไม่ปล่อยให้คนนี้กลับเข้ามาในชีวิตเป็นอันขาด มันยากพี่เข้าใจ แต่ถ้าเราใช้เหตุผลคุยกับตัวเอง พี่ว่าหนูจะผ่านมันไปได้ การที่เขาอยู่กับเรามาตลอดครึ่งชีวิต แล้วเขาทำกับเราแบบนี้ มันยิ่งชัดเจนเหลือเกินว่า คนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยที่เราจะต้องรักษาเอาไว้ อยากให้กลับไปฟังสิ่งที่ตัวเองพูดทั้งหมด แล้วทุกครั้งถ้าเขาจะกลับมาก็เปิดสิ่งที่พูดให้พวกพี่ฟังก็ได้ และเราเป็นคนเลือกได้นะเค ไม่ใช่เขาเป็นคนเลือก ว่าจะกลับหรือไม่กลับมาในชีวิตเรา มันเป็นสิทธิ์ของเรา เหมือนที่เขาเลือกชีวิตของเขาที่จะทิ้งเราไปและมีผู้หญิงคนอื่น...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1