ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700 แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400 ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700 แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400 ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว

03 พ.ค. 2024

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700

แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400

ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว พอไม่ให้แม่ก็ร้องไห้ใส่

ลูกสาวเผยความรู้สึก หนูอยากจบลูปนี้จะทำยังไงดีคะ?

          “คุณมีน (นามสมมติ)” อายุ 13 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [1 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่ตัวเองโดนคุณแม่ยืมเงินตั้งแต่ ป.5 จนตอนนี้ขึ้น ป.1 แล้ว พฤติกรรมของแม่ก็ยังเหมือนเดิม

          โดย ​“คุณมีน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ย้อนกลับไปสมัยที่ยังเป็นเด็ก แม่ของหนูมักจะถามย้ำมาตลอด และถามย้ำแทบจะทุกปีว่า ‘ถ้าแม่กับพ่อเลิกกัน หนูจะเป็นอะไรไหม?’ จนกระทั่งขึ้นชั้น ป. 5 หนูก็บอกกับแม่ไปว่า ‘ถ้าแม่เหนื่อย แม่ก็ออกมานะ’ แล้วแม่ก็ถามอีกว่า ‘แล้วเราจะยังอยู่กับแม่ไหม?’ ตอนนั้นเลยตอบแม่ไปว่า ‘อยู่ค่ะ’ เวลาผ่านไปไม่นานพ่อกับแม่ก็หย่ากัน พ่อจึงย้ายไปอยู่กับภรรยาใหม่ ส่วนหนูก็อยู่กับคุณแม่

          หลังจากนั้นก็ขึ้นชั้น ป.6 หนูทำคะแนนสอบ O-Net ได้เต็ม จึงได้เงินสนับสนุนจากโรงเรียน 5,000 บาท พฤติกรรมของแม่ก็เริ่มเปลี่ยน แม่ก็เริ่มที่จะขอยืมเงินจากหนูทีละ 2,000 บาท โดยอ้างว่าจะเอาเงินไปเปิดบัญชีให้ หนูก็ไม่ได้คิดอะไร เอาเงินให้แม่ไป แล้วหนูก็มารู้ทีหลังว่า แม่เอาเงินไปลงทุนขายของ แต่ไม่ได้กำไรอะไรกลับคืนมาเลย ให้เหตุผลกับหนูว่า ‘แม่ขายไม่ดี’ ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่รู้เลยว่า ‘แม่เอาเงินของหนูไปใช้เพื่อการลงทุนขายของจริงหรือเปล่า ?’

          หลังจากนั้นก็ขึ้นชั้น ม.1 หนูก็ได้เงินค่าขนมเพิ่มจากพ่อ เป็นรายอาทิตย์ครั้งละ 700 บาท แม่ก็เริ่มที่จะขอยืมเงินอีกครั้ง ซึ่งขอยืมทีละ 300 - 400 บาท หนูก็ถามหาเหตุผลจากแม่ แม่ก็ให้เหตุผลว่า ‘เอาไว้ใช้ซื้อข้าวให้หนู’ หนูอยากจะถามแม่ว่า ‘แล้วเงิน 1,000 ที่พ่อให้แม่เอาไว้ซื้อข้าวให้หนูมันหายไปไหน ?’ แต่หนูก็ไม่ได้ถามออกไป ทำได้แค่ให้เงินแม่ไป รวมถึงช่วงปิดเทอมด้วย หนูได้เงินค่าขนม 500 บาท แม่ก็จะมาขอยืมทีละ 200 - 300 บาท แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ

            จนเคยมีครั้งหนึ่ง หนูลองปฏิเสธแม่ แม่เขาก็ร้องไห้ บอกกับหนูว่า ‘ทำไมหนูถึงไม่ช่วยเขาเลย หนูไม่รักเขาแล้ว’ ทุกครั้งที่ยืมเขาจะคืนบ้าง ไม่คืนบ้าง แต่จะขอยืมทุกครั้งเมื่อหนูได้เงิน ซึ่งหนูให้เกือบทุกครั้ง หนูก็ปล่อยเลยตามเลยไป โดยหลังจากที่แม่เลิกลงทุนขายของ แม่ก็ไปเป็นลูกจ้างขายของในตลาดหน้าโรงเรียน และตอนนี้แม่ก็ทำงานอยู่ในสถานบันเทิง ซึ่งแม่ก็ไม่ได้มีครอบครัวใหม่ ปัจจุบันแม่อายุ 46 ปีแล้ว

          หนูเคยถามว่า ‘แม่เอาเงินไปใช้ทำอะไร?’ แม่เคยให้เหตุผลว่าเอาไปเลี้ยงแมว เพราะหนูเคยเลี้ยงแมว ที่บ้านของแม่ ซึ่งแมวพวกนั้นก็ไม่ได้ทำหมัน ทำให้มีแมวเยอะ ภาระของแม่ก็เลยเยอะขึ้น ทั้งค่าอาหาร และค่าดูแลรักษา

            ในหลายครั้งที่แม่ยืมเงินหนู แต่ละอาทิตย์ หนูจะต้องบริหารเงินใช้เอง โดยการขอค่าขนมหรือค่าข้าวเพิ่ม จากคนอื่นในครอบครัว ซึ่งตอนนี้หนูขึ้น ม.2 แล้ว ตลอดระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ ป.5 ถึง ม.2 แม่ก็จะขอยืมเงินมาตลอด จากการคาดการณ์จำนวนเงินที่แม่ยืมก็น่าจะถึง 10,000 กว่า แม้ในตอนที่หนูชวนเขาไปเที่ยว หนูก็ต้องเป็นคนออกค่ากิน ค่าเดินทางให้เขาทั้งหมดเลย

            พ่อรับรู้เรื่องนี้ แต่พ่อไม่รู้ว่า ทุกวันนี้แม่ก็ยังยืมอยู่ ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ที่พ่อให้เงินหนูเพิ่ม เพื่อเอามาให้แม่ แต่แม่ก็ไม่รับเงินนั้น แต่ก็มาเอาเงินของหนูแทน พ่อกับแม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน เพราะจริง ๆ แล้ว แม่ก็ทำงานมีเงินหลักหมื่น พอเขาทะเลาะกัน แม่ก็มาคุยกับหนูว่า ‘ทำไมถึงไปบอกพ่อ ทำไมหนูถึงไม่ช่วยเขาเลย’ แม่มักพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนหนูจำได้ขึ้นใจ ตอนช่วงหลังๆ เวลาที่พ่อถามหนูก็ต้องแก้ต่างให้แม่

            หลังจากเหตุการณ์ที่แม่บอกว่า ‘หนูไม่รักเขา’ ทุกครั้งที่แม่ขอยืม หนูก็จะปฏิเสธ แต่แม่ก็ยังทำเหมือนว่าเสียใจ จนหนูต้องเป็นคนรู้สึกผิด เพราะหนูถูกปลูกฝังมาโดยตลอดว่า ‘คนเป็นลูกต้องกตัญญู’ แม้ว่าแม่จะไม่เคยทวงบุญคุณ แต่หนูก็จะรู้สึกแปลก แม่ของหนูเป็นคนที่ชอบดูดวง จนมาพูดกรอกหูกับหนูตลอดเลยว่า ‘เขามีดวงที่มีคนเข้าอุปถัมภ์ เหมือนว่าเดี๋ยวเขาก็จะรวยขึ้น เขาจะมีเงินเยอะ แล้วหนูจะไม่มีวันทิ้งเขา’ เหมือนกับว่า ‘ให้แม่มาก่อน เดี๋ยวแม่ก็รวย แม่ก็จะใช้เงินดูแลมีน’

            หนูอยากถามว่า ‘หนูควรจะทำอย่างไร ให้แม่หยุดยืมเงิน โดยที่ไม่ต้องมีปัญหาต่อ เพราะว่าหลังจากนี้ แม่คงไม่ได้มีบทบาทของความเป็นแม่อีกแล้วค่ะ’

            ​ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คงต้องบอกปัญหานี้กับพ่อ เพื่อให้พ่อเป็นคนจัดการปัญหาให้ เพราะแม่เขาคงคิดว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินของพ่อ เป็นเงินที่พ่อให้มา ไม่ใช่เงินของหนู เขาคิดว่านี่คือเงินที่พ่อ หรือญาติ ๆ ให้ เขาไม่ได้มองว่านี่คือเงินของมีน การที่เขามาเอาเงินจากมีน ก็เหมือนว่าเขาเอาเงินพ่อ ที่บางทีเขาอาจจะไปขอที่พ่อแล้ว แต่พ่อก็ไม่ให้ หรือมันอาจจะเป็นเงินที่เขาจำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม ซึ่งถ้าหนูบอกว่าอยากให้เรื่องนี้จบ หนูก็ต้องบอกพ่อ ให้พ่อจัดการกับเรื่องนี้ แล้วหนูก็ต้องเลือกสักฝั่ง ต้องไม่ปกป้องแม่ ต้องเลือกทำสิ่งที่ถูก แล้วเรื่องนี้ก็จะจบ เพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากเงินที่พ่อให้ หนูไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้เองได้ ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้พ่อฟังเหมือนที่โทรมาเล่าให้พวกพี่ฟัง’

            ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ข้อหนึ่ง น้องมีนต้องเรียกแม่มาคุย ถ้าไม่กล้าก็ข้ามข้อนี้ไป แต่ถ้ากล้าก็บอกแม่เลยว่า ที่มีนเรียกแม่มาคุย เพราะต่อจากนี้มีนจะไม่ให้แม่ยืนเงินแล้ว เพราะมีนก็ยังไม่มีรายได้ แล้วปัญหาของแม่ก็คือ มันดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ต้องออกค่าเทอม ทั้ง ๆ ที่แม่ควรจะมีส่วนในการดูแลมีนด้วยซ้ำ แล้ววันนี้มินก็ไม่ได้เรียกร้องให้แม่ทำหน้าที่แม่ด้วยซ้ำ มีนก็แค่อยากจะบอกแม่ว่าปัญหาของแม่ แม่ก็ต้องแก้เอง และถ้าแม่มีปัญหาเรื่องเงินอีก มีนจะต่อสายให้คุยกับพ่อ เพราะนั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ข้อสอง อาจจะแก้ว่าพ่อมีปัญหาเรื่องเงิน แม่ขอค่าเทอมหน่อย เพื่อให้แม่รู้ว่า นี่ก็เป็นหน้าที่แม่เหมือนกัน กับข้อสาม… วิธีของพี่เผือก… ให้ผู้ใหญ่จัดการปัญหานี้แทนเรา แล้วก็อยากให้มีนเข้มแข็งในการปฏิเสธ ต้องมีเด็ดเดียว ! สมมติว่าเขามาขออีก ก็บอกเขาไปเลยว่า ดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ต้องมาออกค่าเทอมให้มีน แม่รู้ใช่ไหมว่าการที่ทำให้เด็กคนนึงเกิดมา คนที่ทำให้เกิดมาจะต้องรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย อันนี้มันกลับตาลปัตรไปหมดเลย มีนต้องเข้มแข็ง ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ! ถ้าแม่ร้องไห้ก็คือต้องยื่นทิชชูให้แม่ แล้วก็บอกว่าจะร้องอีกแค่ไหน ให้กลับไปร้องที่บ้าน อันนี้ยากไปไหมคะ ถ้ายากพี่จะบอกวิธีที่ง่ายกว่านี้… บอกแม่ว่า มีนก็ไม่มีเหมือนกัน แล้วถ้าแม่อยากได้จริง ๆ มีนจะให้แม่คุยกับพ่อนะ แล้วมีนก็ต่อสายโทรศัพท์ตรงนั้นเลย ทำยังไงก็ได้ แต่หนูต้องไม่ให้เขายืม เพราะเขาจะติดนิสัยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เป้าหมายคือไม่ให้ยืมอีกแล้ว มีนต้องเก็บเงิน หรือบริหารเงินด้วยตนเอง เพราะตอนนี้มีนก็ 13 แล้ว เราต้องดูแลตัวเอง ! พี่ก็เห็นด้วย ที่คุณพ่ออาจจะต้องลงมาแก้ปัญหาเรื่องนี้ แล้วไม่ว่าแม่จะว่าเรายังไงก็ตาม ก็ไม่ต้องสนใจ ถ้าแม่เป็นแบบนี้อยู่ พ่อก็ต้องลงมาจัดการ’

            และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีแรก แบบประนีประนอมที่พี่คิดได้ตอนนี้ ลองบอกแม่ว่าพ่อให้เงินใช้รายวัน ถ้าจะมาขอยืมต้องไปเอากับพ่อ หนูใช้วันละ 100 ก็ไม่พอแล้ว ถ้าแม่ต้องการเงินเพิ่ม ก็ไปเอากับพ่อเลย หนูไม่มี ! วิธีสอง ก็คือการคุยกับคุณพ่อว่าแม่ยืมเงินหนู แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม พี่อยากบอกกับมีนว่า ถ้าแม่เขาพูดว่า ทำแบบนี้คือลูกอกตัญญู พี่ว่าตัวพี่และคนอื่น ๆ ที่ฟังอยู่ อยากบอกหนูว่าหนูไม่ใช่เด็กอกตัญญู อย่างที่หนูบอก คุณแม่เขาต้องดูแลหนูด้วยซ้ำ แต่นี่หนูเอาค่าขนมของตัวเองไปให้เขาตั้ง 3 ปี มันไม่ใช่สิ่งที่หนูจำเป็นต้องทำด้วยซ้ำ แต่นี่คือหนูก็รักเขา อยากช่วยเหลือเขา แต่บางครั้งเราต้องรู้ว่า ถ้าเราต้องช่วยเหลือคนอื่น เราต้องไม่ลำบากด้วย แต่ตอนนี้มันชัดเจนว่า ตัวหนูลำบากและหนูมีใช้ไม่พอ หนูต้องไปขอเพิ่ม หนูจึงไม่สบายใจ เขาจำเป็นต้องรู้ผิดชอบชั่วดี ว่าการที่เขามายืมเงินลูกที่ลูกได้อาทิตย์ละ 700 แสดงว่าเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่ามีนจะกินอยู่ยังไง หรืออาจเป็นเพราะว่าเค้ามั่นใจ ว่ามีนจะรอด เพราะว่ามีนยังมีพ่อกับป้าคอยดูแล แต่ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เสียคน !’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

22 พ.ย. 2023

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบเขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียนบางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสมไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิมตอนนี้แม่รู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ดีไหม? “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” อายุ 48 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวอายุ 11 ขวบ รู้สึกกังวลและเป็นห่วง เพราะเขาเครียดเกินวัย โดยสายนี้ “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ลูกสาวค่อนข้างมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเลยเวลาที่ลูกสาวอยู่ในโรงเรียน ต้องบอกว่าลูกสาวส่วนตัวเป็นคน Perfectionist มาก ทำอะไรก็ต้องดีทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ลายมือสวย ระบายสีสวย แม้กระทั่งการเรียนก็ต้องดีที่สุด เขาจะสร้างบรรทัดฐานของตัวเองให้เป็นคนที่ดีมาตลอด จนทำให้เขาเริ่มมีความเครียดสะสม พอลูกสาวเราขึ้น ป.5 การเรียนของเขาก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ครูที่สอนก็ไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อก่อน จะมีดุบ้าง ด่าบ้าง แต่ไม่ได้ดุหรือด่าลูกสาวเราคนเดียว หมายถึงว่าเขาก็พูดถึงโดยรวม แต่ลูกสาวเราก็จะเก็บมาคิดมาก เวลามีการบ้านเขาก็จะนั่งทำจนดึกดื่น ยิ่งช่วงสอบเขาจะนั่งติวหรืออ่านหนังสือดึกมาก บางทีอ่านไม่เข้าใจ เขาก็จะร้องไห้ หรือให้เราปลุกเขาตั้งแต่ตี 5 เรารู้สึกว่ามันเครียดเกินกว่าที่เด็กวัยนี้ควรจะเป็น ซึ่งเขาก็เป็นคนที่มีภาวะเครียดมาหลายปีอยู่แล้ว เคยมีเหตุการณ์หนึ่ง สมัยที่ลูกสาวเราเรียนอยู่ที่โรงเรียนเก่า เขามีภาวะเครียดเกี่ยวกับครูผู้สอน แม่ก็แก้ปัญหา โดยการพาเขาย้ายโรงเรียนไป ซึ่งเราก็มีการคุยกับครูไว้ว่าให้ดูแลเขาเป็นพิเศษ ตอนที่ลูกสาวขึ้น ป.5 คุณครูที่สอนแต่ละวิชาก็มีหลากหลายขึ้น แม่ก็เข้าใจ เพราะว่าแม่ก็อยากให้เขาเจอกับสังคมที่มันหลากหลายอยู่เหมือนกัน เพราะโตไปเขาก็ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่เหมือนว่าลูกสาวยังคงเครียดอยู่เหมือนเดิม วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า แม่ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ไหม? เพราะว่าคุยกับหลาย ๆ บอกเราคิดไปเอง บางคนก็บอกว่ามันคือธรรมชาติของเด็ก ดีแล้วที่ลูกสาวเรามีความขยันมุ่งมั่นดี แต่เราก็รู้สึกว่ามันหนักเกินไปอยู่ดี หรืออีกอย่างที่อยากสอบถามคือ เราเองหรือเปล่าที่ต้องไปพบจิตแพทย์เอง เพราะรู้สึกว่าเราจะห่วงลูกมากเกินไป ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า ‘สำหรับพวกเรา สิ่งที่เกิดกับลูกเป็นสิ่งที่ต้องคิดมาก ต้องใส่ใจอยู่แล้ว มันต้องคอยสังเกต สิ่งแบบนี้มันเป็นอะไรที่น่ากังวลมาก อะไรที่มันแพ้ไม่ได้ ยอมรับความผิดหวังไม่ได้ เราควรที่จะพาเขาไปพบจิตแพทย์เลยตอนนี้ เพราะว่าเด็กวัยนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว ตอนนี้เรายังควบคุมเขาได้ ควรที่จะพาเขาไปให้เร็วที่สุด มันเครียดเกินไป เหมือนว่าเขาไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเลย ได้วิ่งเล่นหมือนเด็กคนอื่น ๆ เลย ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกแล้วมันเครียด มันมีปัญหา ก็ไปพบจิตแพทย์ได้ เพราะเขาจะบอกเลยว่าคุณแม่ควรที่จะทำตัวยังไงเพราะว่าเราเป็น Effect สำหรับเขาอยู่แล้ว มันต้องเริ่มที่คุณแม่ เดี๋ยวลูกก็จะปรับไปตามนั้น การมีลูกเราคิดน้อยไม่ได้ มันควรมีความบาลานซ์กัน ในระหว่างรอที่จะไปพบแพทย์ เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกในเน็ตดูก่อน มันจะมีข้อมูลมากมาย ทั้งเทคนิคต่าง ๆ หรือคลิปวิดีโอที่มันจะพอเป็นแนวทางสำหรับคุณแม่ได้ หรือหากิจกรรมระหว่างครอบครัวให้เขารู้สึกได้ผ่อนคลาย รวมถึงการศึกษาที่มันเข้มข้นมากเกินไปอาจจะยังไม่เหมาะ ถ้ามันจะทำให้เด็กคนนึงต้องมีภาวะเครียดขนาดนี้ โรงเรียนทางเลือกอาจจะเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกสาวเศร้า คุยกับผู้ชายคนนึง เคยมีอะไรกันแล้ว แม่เป็นห่วงเลยฟอล IG ผู้ชาย ปรากฏผู้ชายทักมาจีบแม่ แม่ลองใจพาผู้ชายมาดื่มที่บ้านกัน 3 คน ไว้ใจแม่ สุดท้ายมารู้ทีหลังว่าแม่มีอะไรกับผู้ชายคนเดียวกับหนู

26 ม.ค. 2024

ลูกสาวเศร้า คุยกับผู้ชายคนนึง เคยมีอะไรกันแล้ว แม่เป็นห่วงเลยฟอล IG ผู้ชาย ปรากฏผู้ชายทักมาจีบแม่ แม่ลองใจพาผู้ชายมาดื่มที่บ้านกัน 3 คน ไว้ใจแม่ สุดท้ายมารู้ทีหลังว่าแม่มีอะไรกับผู้ชายคนเดียวกับหนู

ลูกสาวเศร้า คุยกับผู้ชายคนนึง เคยมีอะไรกันแล้ว แม่เป็นห่วงเลยฟอล IG ผู้ชายปรากฏผู้ชายทักมาจีบแม่ แม่ลองใจพาผู้ชายมาดื่มที่บ้านกัน 3 คน ไว้ใจแม่สุดท้ายมารู้ทีหลังว่าแม่มีอะไรกับผู้ชายคนเดียวกับหนูตอนนี้ทั้งหนูและแม่เลิกยุ่งกับผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่รู้สึกไม่ค่อยดีกับแม่เลย ​“คุณแนน(นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 ม.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก’ กับปัญหาที่มารู้ทีหลังว่าแม่แอบมีอะไรกับคนคุยเรา โดย ​“คุณแนน(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คือหนูไปเจอผู้ชายคนหนึ่งในแอปพลิเคชัน ก็คุยกันแล้วไปเจอกัน แม่ของหนูก็มารู้ว่าหนูคุยกับคนนี้ แม่ก็ไปสืบมาและก็ให้หนูเลิกคุย หนูก็หลอกเขาว่าเลิก แต่จริง ๆ ก็ยังคุยอยู่ เขาก็จับได้อีกรอบนึง เขาก็เลยฟอลไอจีผู้ชายคนนั้นไป แล้วผู้ชายคนนั้นก็เลยทักมาจีบแม่ แม่ก็บอกให้หนูรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจีบแม่ ซึ่งผู้ชายคนนั้นอายุ 27 ปี แม่อายุ 40 ปี และที่แม่มาบอกแบบนั้นเพราะอยากให้หนูรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี แล้วเขาก็อยากลองใจผู้ชายคนนั้นเลยให้มานั่งดื่มที่บ้าน ผู้ชายคนนั้นก็มาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแม่เป็นแม่ของหนู แต่ผู้ชายคนนั้นเขาก็ยังคุยกับหนูปกติ และก็จีบทั้งแม่ทั้งหนู ตอนนั่งดื่มก็นั่งกัน 3 คน ฟังเพลงและก็ดื่มไปด้วย หนูดื่มได้นิดเดียวก็ขึ้นไปนอนก่อน คือหนูไว้ใจแม่ เวลาเจอหน้ากันเขาก็เรียกหนูว่าน้อง เรียกแม่ว่าพี่ ทีนี้เขาก็มาทุกวัน แม่ก็อนุญาตให้เขามา แล้วก็มีอยู่คืนหนึ่งที่หนูเมามาก ๆ แล้วก็ไปทำตัวหึงใส่เขา คือตอนแรกหนูบอกแม่ว่าแค่คุยกับคนนี้ไม่ได้มีอะไร แม่ก็มาแบบซักถามหนูว่าเคยมีอะไรกันใช่ไหมกับผู้ชายคนนี้ คือเขาซักจนหนูบอกไปว่า ใช่ ครั้งนึง เขาก็ร้องไห้ออกมา ที่เขาร้องไห้เพราะเขาบอกว่าคนนี้นิสัยไม่โอเค แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยมีอะไรกับผู้ชายคนนี้แต่ว่าหนูพึ่งมารู้ทีหลัง เขารู้ว่าหนูคุยแล้วแต่ว่าเขาเผลอไปมีอะไรด้วยเพราะเขาเมามาก ผู้ชายก็เมา แล้วแม่ก็เลยห้ามไม่ให้คุยอ้างว่านิสัยไม่ดีแต่ที่จริงตัวเองเคยมีแล้ว ซึ่งแม่ชอบผู้ชายคนนี้เลยบอกให้เลิก คือหนูให้อภัยแม่ได้ แต่ว่าบางทีก็ยังคิดถึงเรื่องนี้และมันทำให้หนูทุกข์ใจว่าทำไมแม่ถึงโกหกหนู คำถามคือหนูควรที่จะต้องจัดการกับความรู้สึกตรงนี้ยังไงอะค่ะ? ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ก็คือว่าเรายังเรียนอยู่ 20 ปีเรายังต้องใช้เงินแม่ ไม่ใช่ทุกคนบนโลกเป็นคนดี ก็แค่คนไม่ดีที่มีลูก เขาบังเอิญมีแนนออกมา ความผิดที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างร้ายแรงในฐานะคนเป็นแม่ ในฐานะที่พี่เป็นแม่ พี่ก็รู้สึกสะอึกกับเรื่องนี้ว่าปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับลูกเราได้ยังไง แต่วันนี้ถ้าแนนคิดจะให้อภัย พี่คิดว่าแม่คงได้รับบทเรียนแล้ว แล้วเราก็คงรู้แล้วว่าอย่าเอาผู้ชายเข้าใกล้แม่ ถ้าสมมุติว่าเรามีแฟนแล้ววันหนึ่งเขามายุ่งกับเราอีก เราก็พูดกับเขาดี ๆ ว่าให้แม่ควบคุมตัวเองหรือเป็นตัวอย่างที่ดีให้ได้ก่อน ก่อนที่จะสอนเรา แต่ถ้าแนนคิดจะให้อภัยแล้ว พี่คิดว่าแนนควรปล่อยวาง ไม่ต้องไปคิดเรื่องพวกนั้นอีก คิดซะว่าผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่งออกไปจากชีวิตเราแล้ว ผู้ชายดี ๆ เขาก็ไม่จีบทั้งแม่ทั้งลูกเหมือนกัน ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า พี่จะมองแบบนี้แนน ถ้าแนนอยากจะให้อภัยเขาเหมือนแบบแนนรักเขา พี่จะมองว่า อย่างน้อยแม่เขาจะทำตัวยังไง นั่นเป็นอีกเรื่องนึง แต่ว่าอย่างน้อยเขาทำให้เห็นจริง ๆ แล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าเอาเป็นผัว เหมือนเขาเอาตัวเขาทำให้เราเห็น อย่างน้อยปลายทางคือเราได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ควรเอาเป็นผัว ถ้าพยายามอยากจะให้อภัยเขา แต่ว่าสิ่งที่เค้าทำอันนั้นไว้อีกเรื่องนึง สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ถ้าเป็นพี่ก็คงคิดว่าเป็นแอลกอฮอล์ ถ้าจะคิดให้มันสบายใจขึ้น มันอาจจะเป็นแอลกอฮอล์ที่ทำให้สมองที่มันยับยั้งชั่งใจมันหายไป แล้วเพศชาย เพศหญิงอยู่ด้วยกันความยับยั้งชั่งใจมันหาย แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจ เพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆ จนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลย

16 ส.ค. 2023

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจ เพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆ จนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลย

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจเพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆจนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลยตอนนี้ไม่มั่นใจในตัวเองเลย ทำยังไงให้เอาความรู้สึกพวกนี้หมดไปสักที “คุณอิง (นามสมมุติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (9 ส.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมเกี่ยวกับปัญหานัด One Night Stand ครั้งแรก ยังไม่ทันเริ่ม ก็โดนเขาบอกว่าอย่าล่ก แล้วก็ออกจากห้องไปเลย โดย “คุณอิง (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เหตุการณ์ที่หนูเจอ ทำให้หนูเสียความมั่นใจจากการนัด ONS (One Night Stand) หนูขอเกริ่นก่อนว่า... ครั้งนี้คือการนัด ONS ครั้งแรกของหนู คิดว่าเรียนมหาลัยมา 4ปีแล้ว หนูก็อยากลองสักครั้งนึง เราเจอกันทางแอปหาคู่ ส่วนรูปที่ใช้ในโปรไฟล์กับตัวจริงก็ใกล้เคียงกัน ใส่ฟิลเตอร์นิดหน่อย ซึ่งเขาอายุพอๆกับหนู เราคุยกันและตกลงนัดกันคืนนั้นเลย เพราะอยู่ใกล้กันมาก หลังจากนั้นเขาก็มาที่ห้องหนู คือตอนนั้น ยอมรับเลยว่าเขินมากไม่รู้จะเริ่มยังไง หนูก็เลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยนู่น นั่น นี่ ช่วงแรกๆเขาก็ตอบหนูปกติ ดูจอยกับเรามาก สักพักนึงเขาก็เริ่มตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง นั่งเล่นโทรศัพท์บ้าง เริ่มไม่จอยแล้ว ซึ่งในระหว่างที่หนูชวนเขาคุย เขาจะพูดขึ้นมาตลอดเลยว่า เธออย่าล่กดิว่ะ อย่าล่กได้ปะ พอเห็นเขาพูดบ่อย ๆ หนูก็เลยเลิกถามเขา มันก็เลยกลายเป็นการเงียบใส่กัน แต่หนูว่า หนูก็ไม่ได้มีแสดงอาการตัวสั่น ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น หนูคิดว่าอาจจะชวนเขาคุยเยอะเกินไปกว่าที่หนูคิด ตอนคุยกันก็ถามประมาณ เธอเคยนัดหรือป่าว นัดมากี่คนแล้ว เรียนที่ไหน คณะอะไร คำถามประมาณนี้... หลังจากนั้นเขาก็พูดย้ำอีกรอบ เธอดูล่กจัง ถ้าไม่อยากทำ เดี๋ยวกลับก็ได้นะ หนูก็เลยถามเขาไปตรงๆว่า จะเริ่มเลยไหมหละ? เขาก็พยักหน้า แล้วเหมือนแบบสถานการณ์ตอนนั้นเขาดูแฮปปี้ขึ้นมาเลย ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาตึงใส่หนู แล้วทีนี้ก็ตามสเต็ปเลย เล้าโลมกันปกติ แล้วหนูก็เหมือนอยากจูบเขา ก็เลยถามเขาว่า ไม่ Kiss กันหน่อยหรอ เขาก็นิ่งใส่หนูไปแป๊ปนึง แล้วก็ตอบกลับมาว่า เราไม่ค่อยชอบจูบอะ หลังจากนั้นเขาก็หยุดทำทุกอย่าง แล้วก็พูดต่ออีกว่า เธอดูล่กว่ะ ไม่ธรรมชาติเลย แล้วเขาก็โยนเสื้อมาปิดหน้าอกหนูไว้ แล้วก็ลุกขึ้น บอกกับหนูอีกรอบว่า เธอดูล่กอะ ไม่ธรรมชาติ แล้วก็ออกจากห้องหนูไปเลย ตอนนั้นคือหนูนั่งเอ๋อเลย หนูตั้งตัวไม่ทันว่าหนูผิดอะไร ที่หนูโทรเข้ามาวันนี้ก็เพราะ มันเสียความมั่นใจไปแล้ว คืนนั้นหนูนอนไม่หลับ รู้สึกดาวน์มาก ไม่มั่นใจในตัวเอง หนูอยากรู้วิธีเอาความรู้สึกนี้ออกไป แล้วก็อยากรู้ว่าที่หนูทำออกไปคืนนั้นมันดูล่กจริงๆหรอ? หนูค้างคาใจมากที่อยู่ดีๆเขาก็ไปเลย ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับคนบางคนที่เขาจะนัดมาเพื่อมีเพศสัมพันธ์ เขาไม่ต้องการการพูดคุยนะ เขามาเพื่อต้องการทำสิ่งนั้นแล้วจบ แล้วก็กลับ มันไม่ใช่การมาเดท เขาไม่ได้ต้องการมาอารัมภบท ไม่ต้องการจะรู้จัก บางคนไม่สนใจชื่อด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร มันคือการนัดมาเพื่อทำกิจกรรมนั้นอย่างเดียว เรารู้สึกการที่น้องพยายามพูดคุย พยายามไปถามอย่าง “อยากจูบ” คือถ้าธรรมชาติคนที่เขาทำอะไรแบบนี้ เขาจะไม่ถาม ถ้าอยากทำเขาทำเลย พี่เลยรู้สึกว่าเนี่ยคือสาเหตุที่เขาทำแบบนั้นกับอิง แต่เอาจริง ๆ มันมีสาเหตุอีกมากมาย ที่พี่พูดคือพี่เดาจากสถานการณ์ที่อิงเล่ามานะ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่รู้ธรรมชาติของการนัดมีอะไรกันผ่านแอป เพราะเท่าที่พี่ฟัง พี่ไม่ได้รู้สึกมันล่ก หรืออะไรนะ พี่ก็รู้สึกมันคือการทำความรู้จักกันก่อน แบบเปิดประตูมาจะให้จุดระเบิด ปั้ง โป้ง เป้ง แล้วแยกย้าย มันก็ตลกนะ หรือเอาแบบนี้ คิดในมุมพี่ อิงดันไปเจอคนที่เขาโผงผาง คนละสไตล์กับเรา ทั้งสองคนอาจต้องการเซ็กส์เหมือนกัน แต่คนนึงไม่อยากคุย อีกคนอาจจะเออเราคุยกันก่อนสิ แล้วดันไปเจอคนที่ไม่รักษาน้ำใจ ขี้รำคาญ มันก็หงุดหงิดอะไรมาด้วยหรือเปล่า แต่พอพี่ฟังจบ พี่กลับรู้สึกโชคดีจังเลย เหมือนเป็นโชคดีของอิงที่ไม่ได้อะไรมากกว่านี้กับคนนี้ เพราะไม่รู้ว่าถ้ามีอะไรกันจริงๆ แล้วพอแยกย้าย บรรยากาศตอนนั้นอาจจะทำให้อิงรู้สึกยิ่งด้อยค่าตัวเองลงไปอีกหรือเปล่า เราอาจจะมาลงในสนามที่เราไม่เคย แล้วเราก็ไม่รู้ธรรมชาติของคนในแอปนี้ ว่าเขาต้องแนะนำตัวไหม คุยกันแค่ไหน หลายครั้งที่คนโทรเข้าพุธทอล์ค พุธโทร แล้วเล่าว่าไปเล่นผิดสนาม มือใหม่ เข้าไปเขาอาจจะมีทำเนียมของเขาที่เราอาจไม่รู้ เพราะฉะนั้นพี่ว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้เอาไปผูกกับความมั่นใจ หรือคุณค่าในตัวเอง พยายามคิดไว้ว่าในโลกที่เขานัดเจอกันผ่านแอป มันก็ไม่ต้องมานั่งประดิดประดอยกันมาก ถ้าเราอยากประดิดประดอย อยากคุยก็ต้องลองช่องทางอื่น เอาเป็นว่า รสนิยม สไตล์มันดันไม่ตรงกัน แล้วดันไปเจอคนไม่แคร์อะไรด้วย จะไปก็ไปเลย มันเลยทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราอยู่ถูกที่ ถูกเวลา แล้วก็ถูกคน มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งหลายทั้งมวลถ้าต้องการอะไรที่สวยงามก็หาช่องทางที่เหมาะสมกับเรา และกลับไปถามกับตัวเองว่า “ฉันเหมาะกับ One Night Stand หรือเปล่า” ปิดจบกันที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า “ไม่ต้องไปเสียความมั่นใจ คนนั้นก็อ่อนด้อยเหมือนกันแหละ ทำไมไม่เริ่มก่อนหละ มาว่าอิงล่ก ก็เปิดมาก่อนสิ ถ้าเปิดเราก็พร้อมตามอยู่แล้ว เป็นผู้ชายก็ลุกมากก่อนสิ งี้ก็มือใหม่เหมือนกันนั้นแหละ เข้าไม่ถูกไง” ‘เอาแบบนี้ถ้าอยากได้คนที่มีชั้นเชิง เป็นงานก็อาจจะต้องหาคนที่อายุมากกว่านี้ แล้วอิงเป็นคนชอบแบบมีเรื่องราวก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าแบบนี้เวลาหนูเข้าในแอป มันจะมีให้เลือกหลายประเภท มันมีโอกาสที่หนูจะเจอคนแบบจู่โจม หนูลองเปลี่ยนสนามไปร้านเหล้า มีคนแนะนำ เราดีลกันหน้างาน หนูยังเลือกคนได้ ยังสนทนากันได้นิดนึง ยังพอได้จีบกันหน่อย…..’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีนิสัย พูดเก่งเฉพาะกับคนสนิท พอมาฝึกงาน คุยเล่นกับพี่ๆไม่เป็น ก้มหน้าทำงานอย่างเดียว พอจบฝึกงาน ได้รับการประเมินจากพี่ๆว่า ทำงานโอเค แต่ไม่ค่อยพูดกับใครในที่ทำงาน กลัวว่าเวลาไปทำงานจริงๆ จะปรับตัวไม่ถูก อยากชวนคุยกับคนอื่นเก่งๆ ทำยังไงดีคะ?

31 พ.ค. 2024

หนูมีนิสัย พูดเก่งเฉพาะกับคนสนิท พอมาฝึกงาน คุยเล่นกับพี่ๆไม่เป็น ก้มหน้าทำงานอย่างเดียว พอจบฝึกงาน ได้รับการประเมินจากพี่ๆว่า ทำงานโอเค แต่ไม่ค่อยพูดกับใครในที่ทำงาน กลัวว่าเวลาไปทำงานจริงๆ จะปรับตัวไม่ถูก อยากชวนคุยกับคนอื่นเก่งๆ ทำยังไงดีคะ?

“คุณยาหยี (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาคุยไม่เก่ง โดย “คุณยาหยี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงปลายปีที่แล้วหนูเรียนอยู่ปี 4 เทอม 2 ซึ่งใกล้จะจบแล้ว เลยได้มีโอกาสไปฝึกงานที่หนึ่ง ทีนี้ตอนที่ฝึกงานมันก็ปกติดี จะประชุมหรือนำเสนองานหนูก็ทำได้ดีมาตลอด แต่สิ่งที่มันเป็นปัญหาจนกลายเป็นข้อเสียของหนู คือหนูเป็นคนคุยไม่เก่งในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องงาน เช่น ตอนที่หนูต้องไปกินข้าวกลางวันกับพี่ ๆ ที่ทำงาน ซึ่งมันเป็นช่วงที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกัน เราจะรู้ว่าพี่ ๆ เค้าจะโยน Topic มาให้หนู เช่น ยาหยีเคยดูหนังเรื่องนี้มั้ยซึ่งหนูก็ตอบไปตามปกติ แต่หนูไม่รู้ว่าจะต้องคิดคำพูดยังไง ทำยังไง ให้บทสนทนามันสามารถไปต่อได้ จริง ๆ ก็มีพี่ที่อายุใกล้ ๆ กัน แต่ส่วนใหญ่เค้าจะโตกว่าหนูค่อนข้างเยอะ พอตอนหลังหนูฝึกงานจบด้วยความที่ตอนทำงานหนูเงียบ ๆ พี่ ๆ เค้าจึงแจ้งมาว่าหนูเป็นคนที่เงียบเกินไป ขี้เกรงใจเกินไป คือหัวหน้าก็แนะนำมาด้วยความหวังดีว่า หลังจากที่เราจบฝึกงานนี้ไปเราต้องไปทำงานที่อื่น เราควรที่จะพูดดีกว่าไม่พูด หนูก็เลยอยากถามว่า หนูอยากเอาปัญหาตรงนี้มาแก้ไขในการทำงานในอนาคต ให้มันไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หัวหน้าเค้าคอมเม้นท์มาเค้าซีเรียสกับปัญหานี้มากน้อยแค่ไหน มันส่งผลร้ายแรงกับการประเมินของยาหยีมากน้อยแค่ไหน บางทียาหยีอาจจะทำงานเพอร์เฟคมากซะจนเค้าพยายามที่จะหาที่ติสักหน่อย ให้เด็กคนนี้ได้พัฒนาอะไรอีกสะหน่อย มันอาจจะแค่เลเวลนี้ก็ได้ หรือ เค้ามาในความรู้สึกที่ว่า เด็กคนนี้ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เลย ต้องคุยมากกว่านี้ไม่งั้นเธอทำงานกับคนอื่นไม่ได้นะ ในประโยคคล้าย ๆ กันมันมีความหนักเบาที่ต่างกัน เพราะว่าถ้ายาหยีบอกว่าถ้าเป็นเพื่อนสนิทหนูจะเป็นผีบ้าเลย ซึ่งพี่เชื่อว่าผีบ้าเนี่ย ถ้าเจอคนไม่สนิทมันก็จะลดลงมาในเลเวลที่ไม่ถึงกับไร้มนุษยสัมพันธ์ มันก็อาจจะลงมาในเลเวลปกติ แต่อาจจะตอบน้อยหน่อย พี่เลยไม่รู้ว่ากายหยาบหรือกายละเอียดเราต่างกันมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าจะถามเรื่องของการเข้าสังคมให้เป็นคนช่างพูด ช่างคุย พี่ไม่รู้ว่าจะให้ยาหยีไปฝึกยังไง แต่ข้อดีคือยาหยีมีตัวตนสนุกสนาน เฮฮาเวลาอยู่กับเพื่อนสนิท เราลองจินตนาการว่าเราสนิทกับคนเหล่านั้นมากขึ้นแล้วได้มั้ย หรือสุดท้ายแล้วยาหยีอาจจะไม่ต้องกังวลอะไรเลยก็ได้ มันอาจจะเป็นรีแอคปกติกับคนที่เรายังไม่สนิท ถ้ายาหยีเริ่มทำงานที่ไหนไป ระยะเวลามันมากกว่าฝึกงานอยู่แล้ว พอเราค่อย ๆ สนิทขึ้น เราก็จะเริ่มพูดคุยมากขึ้น ร่างผีบ้าเราก็จะออกมามากขึ้น สุดท้ายมันก็อาจจะไม่เป็นปัญหา แต่พี่จะให้เป็นเทคนิคเบื้องต้น คือ ให้ฟังเรื่องของอีกฝ่ายเยอะ ๆ แล้วเอาเรื่องของเค้ามาคุยเป็นหลัก เราอย่าพึ่งตั้งใจที่จะพูดแต่เรื่องของเรามากจนเกินไป บางทีเรื่องที่เราคิดว่าน่าสนใจแล้วพูดออกไป เค้าอาจจะไม่ได้สนใจกับเรื่องที่เล่ามากเท่าไหร่นัก พี่เลยจะรู้สึกว่าเราต้องระวังการเล่าเรื่องของเรามากจนเกินไป เราอาจจะเน้นไปที่การต่อยอดเรื่องที่เค้าเล่า ทำให้อีกฝั่งรู้สึกสนุกที่คุยกับเรา’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดเหมือนพี่เผือกว่า พี่ต้องรู้ข้อมูลจากยาหยีว่ามันเป็นปัญหาขนาดไหน เพราะว่าการที่ยาหยีเล่าว่าไปฝึกงานแล้วไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์เท่าไหร่ พี่ว่ามันปกติ เพราะสถานะเราคือเด็กฝึกงาน แต่ถ้าพื้นฐานยาหยีเป็นคนพูดคุยอยู่แล้ว พี่ว่าถ้าอยากจะเพิ่มทักษะนี้เพื่อคุยกับคนที่ไม่สนิทได้จริง ๆ มันจะมีคอร์สที่ฝึกการพูด ฝึกการเข้าสังคม ถ้าหนูมีเงิน มีเวลา แล้วอยากจะฝึกจริง ๆ แต่ถ้าอยากลองทำเองง่าย ๆ พี่ว่าเวลาออกจากบ้านไปเจอผู้คน เช่นแม่ค้า ลองคุยกับเค้าดูมั้ย เหมือนทำให้มันชินไปเอง’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่าอย่าไปสะกดจิตตัวเองว่า คุยไม่เก่งแล้วประหม่า ปล่อยให้มันไหลไปตามธรรมชาติ มันจะมีพวก How To ในเน็ตก็เสริชได้เลยที่สอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพี่รู้สึกว่ายาหยีไม่ได้มีปัญหาขนาดนั้น หนูสามารถแก้ไขได้ ปกติหนูชอบดูข่าวดาราหรือข่าวใหม่ ๆ มั้ยเพราะมันมีหัวข้อเป็น 108 อย่าง หรือการถามคำถามตอบกลับเวลาที่คนอื่นถามมามันก็ดี ให้ยาหยีฝึกถามคำถามตอบกลับ เพราะคนที่เค้าตั้งคำถามมาแปลว่าเค้าอยากจะพูดคุยกับเราอยู่แล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1