ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

15 ส.ค. 2023

            ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน

หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ

ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน

สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

แฟนไม่เชื่อ คิดว่าเราคบชู้อย่างเดียวเลย ทำไมไม่เป็นห่วงกันบ้างเลย...

           “คุณสุ (นามสมมุติ)” อายุ 29 ปี สายที่สามของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 ส.ค.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาปัญหา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก กับปัญหาที่เมาแล้วละเมอเข้าห้องผู้ชาย จนแฟนเข้าใจผิด คิดว่าเราไปมีอะไรกับคนนั้นหรือเปล่า?

            โดย “คุณสุ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแฟนได้ 1 อาทิตย์แล้ว วันที่เกิดเหตุ หนูไปสังสรรค์กับเเฟน พอเสร็จก็กลับมาห้อง เกือบตี 2 กลับมาถึงก็ใช้ชีวิตกันแบบปกติ หนูไม่ได้เมาจนฟิวส์ขาด แต่พอเช้ามา แฟนหนูก็หารองเท้าของเขาไม่เจอปกติจะต้องวางไว้หน้าห้อง ซึ่งเราก็ยังคุยเล่นกันปกติ ยังแซวเขาว่าลืมไว้ที่ร้านหรือเปล่า?

            จนสักพักแฟนหนูเขาก็บอกว่าจะออกไปหารองเท้า ให้หนูอาบน้ำเเต่งตัว ถ้าเสร็จเเล้วไปเจอกันที่ร้านข้าว เดี๋ยวไปกินข้าวกัน  แล้วก่อนที่หนูจะออกไป เป็นปกติที่หนูจะมองหาแมวเพื่อให้แมวมากินข้าว แต่สายตาดันบังเอิญไปเห็นรองเท้าแฟนวางอยู่ที่ห้องผู้ชายคนอื่น ก็เลยคิดทบทวนว่าเมื่อคืนเราก็ไม่ได้ทำอะไรนะ แล้วก็ไม่ได้เมาขนาดที่ว่าจำอะไรไม่ได้เลย เราก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเรื่องชู้สาวอะไรเลยเหมือนกัน

            แต่หนูเพิ่งมาจำได้ว่าเมื่อคืนหนูฝัน โดยในฝัน หนูเดินออกไปบ้านใครก็ไม่รู้ มีเสียงผู้ชายมาเรียก แล้วในฝันเสียงผู้ชายที่เรียกคุ้นหูมาก หนูก็เดินออกไปแต่หนูไม่รู้ว่าเดินไปบ้านใคร ในฝันหนูเปิดประตูบ้านเขาเข้าไป แล้วเจอผู้ชายคนหนึ่งเเต่หนูไม่เห็นหน้า เห็นแต่รูปร่างเขาเป็นคนตัวเล็ก ดำ แล้วเขาก็ตะโกนใส่หูเหมือนประมาณตกใจว่าหนูไปบ้านเขาทำไม ซึ่งในฝันหนูตกใจมากแล้วหนูก็ออกจากบ้านเขามา หลังจากนั้นหนูก็จำอะไรไม่ได้เลยในฝัน แบบจำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไรต่อ

            พอเช้าวันนั้นหนูเห็นแล้วว่ารองเท้าอยู่หน้าห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะหนูไม่กล้าไปยืนดูรองเท้าว่ามันใช่ของเเฟนหนูจริงๆไหม หนูเลยทำได้เเค่เดินผ่านไป ซึ่งปกติเวลาอยู่ห้องหรือไปไหนใกล้ๆ หนูก็จะชอบใส่รองเท้าแฟนอยู่แล้ว ระหว่างที่ขับรถไปร้านข้าว หนูก็ทบทวนความฝันของตัวเองว่า เมื่อคืนฝันแบบนี้เเล้วมันจะเป็นจริงๆหรอ แล้วถ้าเกิดเดินไปจริงๆในฝันเจอผู้ชายคนหนึ่งตะโกนใส่ ถ้าหนูเดินเข้าห้องเขาจริงๆ ทำไมเช้ามาเขาถึงไม่มาถามว่าเดินเข้าห้องเขาทำไม เพราะเช้ามาก็ตื่นมาที่ห้องตัวเองเหมือนเดิม

            พอถึงร้านข้าวก็ถามแฟนว่าเมื่อคืนหนูได้เดินออกจากห้องไหม? แฟนก็บอกไม่รู้ เดินออกไปหรอ เพราะกลับมาถึงอาบน้ำเสร็จก็นอนหลับไปเลย แล้วหนูก็บอกแฟนว่า ตอนจะออกมาหนูเห็นเหมือนรองเท้าแฟนอยู่ห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็เล่าความฝันของหนูให้เขาฟัง แล้วแฟนหนูก็บอกว่าเมื่อคืนห้องนี้เขาเปิดไฟอยู่นะ สักพักแฟนหนูสีหน้าเปลี่ยนทันทีเพราะความคิดเขาคือคิดว่าหนูไปมีชู้กับห้องข้างๆ หนูก็พยายามอธิบาย เเฟนหนูเขาเริ่มอารมณ์ร้อน

            แล้วข้อเสียเขาเป็นคนที่งี่เง่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ หนูก็บอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนะ หนูไม่ได้ตั้งใจหนูไม่รู้จริงๆ เพราะเราก็ไม่เคยนอนละเมอเเล้วออกไปไหนมีแค่ละเมอเเล้วพูด ซึ่งหนูก็ได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดที่หน้าห้อง ภาพที่เห็นจากกล้องคือหนูเดินไปจริงๆค่ะ ตอนตี 3:24 แล้วหนูก็เดินกลับมาตอน ตี 3:24 เหมือนกัน หนูเปิดเข้าไปแล้วหนูก็เปิดออกมา

            แต่แฟนหนูเขาปักใจคิดว่าหนูไปมีอะไรจริงๆ เพราะเขาไม่ฟังอะไรเลย ทีนี้ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นหลานชายของพี่ที่ทำงานกับหนู สนิทกัน พอทะเลาะกับแฟน หนูก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เขาก็ตกใจ พี่เขาก็เลยโทรไปถามหลานเขาว่าเมื่อคืนนี้เห็นหนูเดินเข้าห้องไหม เขาก็บอกว่า ไม่รู้เลยครับ ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ไม่ได้ยินเลย ภาพจากกล้องวงจรปิดคือหนูกับมาจากร้านที่ไปสังสรรค์แต่ผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้อง เขานั่งเล่นอยู่โต๊ะม้าหินหน้าห้อง

            ณ ตอนนี้หนูกับแฟนทะเลาะกันแรงมาก หนูไปปรึกษาพี่ๆเพื่อนๆที่หนูสามารถคุยกับเขาได้เขาก็บอกว่าหนูไม่ปกติที่ละเมอแล้วเดิน  จนหนูปรึกษาหมอ หมอบอกว่าจริงๆเคสแบบนี้จะไม่ค่อยเกิดกับคนอายุแบบเรานะ จะเกิดแต่กับเด็ก ส่วนน้อยมากที่จะเกิดกับคนรุ่นนี้

            สิ่งที่หนูอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจ คือ ‘เขาก็ยื่นข้อเสนอมาว่ามีสองทางให้เลือก คือ หนูเก็บของออกไปกับจะให้เขาออกไป’

            เรื่องนี้ 3 ดีเจ ก็ได้ให้คำปรึกษาตรงกันว่า “อย่างแรกเลยต้องเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพ เพราะในกล้องก็ชัดเจนแล้วว่าเราเข้าไปแล้วออกมาเลย แล้วแฟนก็ควรที่จะพาคุณสุไปปรึกษาหมอดีกว่าทำไมถึงละเมอขนาดนี้ ไม่เห็นมุมที่จะต้องมาทะเลาะกันเรื่องหึงหวง

            ส่วนเรื่องที่ต้องย้ายออก คุณสุก็ให้เขาออกไปเอง เพราะมันดูงี่เง่ามากที่คุณสุแค่ละเมอเเล้วเดินไปห้องคนอื่น ทั้งๆที่กล้องวงจรปิดก็เห็นชัดเจน คุณสุทำได้เเค่รอเวลาได้อย่างเดียวให้เขาอภัย เพราะเขาไม่ได้มีการรับฟัง แต่ถ้าเราออกไปก็รอดูว่าเขาจะตามไหม ถ้าเกิดเขาตามก็ยื่นข้อเสนอเลยว่าต่อไปนี้ต้องฟังเหตุผล แต่ถ้าเขาไม่ตามก็คือเขาไม่ได้รัก เขาอาจจะอยากเลิก เพราะมันงี่เง่าเกินไปกับเรื่องนี้ แล้วเกิดการละเมอแบบนี้ มันจะต้องถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะมันคือมาจากความรัก เขาจะต้องกลัวว่าคนในห้องนั้นก็ทำไรคุณสุหรือเปล่า หรือถ้าคุณสุเดินไปตกบรรไดล่ะ

            ส่วนเรื่องผู้ชาย ถ้าอยากให้มีความหวัง คุณสุต้องออกไป อย่างน้อยถ้าเขารักเรา เขาจะรู้สึกว่าคุณสุออกไปเพราะเขานะเพราะเขางี่เง่า ใดๆก็ตาม ตอนนี้คุณสุควรที่จะไปรักษาเรื่องละเมอก่อนดีกว่า มันอันตรายกับชีวิตคุณสุมากกว่านะ เพราะถ้าเกิดยังเดินละเมอแบบนี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นะ…’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

12 ก.ย. 2023

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการเวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักทีกินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทันที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วยอยากได้วิธีการจากทุกคนว่าควรทำยังไงดี ถ้าเจอแบบนี้?? “คุณนิ (นามสมมุติ)” สายสุดท้ายของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆดีเจ ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาอยากรู้ว่าทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลท โดย “คุณนิ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่มหาวิทยาลัยจะให้เรียนคาบละ 50 นาที แล้วก็จะมีให้เดินทาง 10 นาที เพื่อที่จะไปเรียนวิชาใหม่ แต่จะมีอาจารย์คนหนึ่งก็คือสอนครบ 60 นาทีเลย แล้วตัวอาจารย์เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดุมาก อาจารย์เขาก็จะเข้าสอนก่อนเวลา ที่เขาปล่อยช้าบางทีก็ชอบเม้าท์ บางทีก็สอนบ้าง มันก็จะมีบางทีที่เขาสอนไม่ทันค่ะ หรือบางทีเขาก็สอนเสร็จเเล้วแต่ก็พูดเรื่องอื่นต่อ วิชานี้เป็นวิชาที่สาขาวิชาที่จะต้องเจอตลอด ๆ เลยเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

นักศึกษาท้อใจ โทรเล่าความรู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ใช้อำนาจข่ม ขายหนังสือเรียนหลายร้อย แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องเงิน ต้องส่งตัวเองเรียน ไปขออาจารย์ถ่ายแบบฝึกหัดแล้วส่งออนไลน์พร้อมเพื่อนคนอื่นได้ไหม? อาจารย์บอก ไม่ได้ มันจะละเมิดลิขสิทธิ์ สุดท้ายต้องจำใจจ่ายเงิน

20 พ.ย. 2023

นักศึกษาท้อใจ โทรเล่าความรู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ใช้อำนาจข่ม ขายหนังสือเรียนหลายร้อย แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องเงิน ต้องส่งตัวเองเรียน ไปขออาจารย์ถ่ายแบบฝึกหัดแล้วส่งออนไลน์พร้อมเพื่อนคนอื่นได้ไหม? อาจารย์บอก ไม่ได้ มันจะละเมิดลิขสิทธิ์ สุดท้ายต้องจำใจจ่ายเงิน

“คุณแซ่บ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่รู้สึกเหมือนโดนอำนาจข่มทางการเรียน โดย “คุณแซ่บ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ล่าสุด เปิดเทอม 2 ซึ่งในแต่ละรายวิชาก็เหมือนจะให้เราได้เลือกซื้อหนังสือ ใครจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ แล้วมันก็มีอยู่วิชานึงที่เรารู้สึกว่าเราไม่ซื้อก็ได้ เราหารกับเพื่อนเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เคยเรียนมา เรารู้สึกว่าหนังสือเล่มนึงไม่ได้ใช้ขนาดนั้นเพราะเหมือนที่อาจารย์สอนก็มีสไลด์ให้ แล้วมันมีอยู่วิชานึงอาจารย์ก็ให้ลงชื่อคนที่ซื้อหนังสือ เพราะว่าเขาจะนับจำนวน หนูไม่ได้ลงชื่อเพราะหนูหารกับเพื่อนเลยเขียนเป็นชื่อเพื่อนลงไป ทีนี้พอส่งกระดาษรายชื่อไป อาจารย์เขาเหมือนเห็นว่าที่ช่องชื่อหนูไม่มีการลงชื่อ อาจารย์เลยเรียกให้หนูไปคุยหน้าห้อง แต่ที่หน้าห้องก็มีเพื่อน ๆ นั่งอยู่ แล้วอาจารย์เขาก็บอกว่า ‘หนูแน่ใจหรอว่าหนูจะไม่ซื้อหนังสือ ตัวนี้จะเปิดเรียนเป็นเทอมสุดท้ายแล้วนะ’ ก็คือปีหน้าเขาจะปรับหลักสูตรอะไรแบบนี้ จะไม่ซื้อจริง ๆ หรอ หนูก็เลยตอบไปว่า ‘จริงค่ะ อยากลดค่าใช้จ่าย’ อาจารย์ก็เลยถามว่า ‘แล้วถ้าอาจารย์ให้ทำแบบฝึกหัดจะทำยังไง’ หนูเลยตอบว่า ‘ก็คงให้เพื่อนถ่ายหน้าแบบฝึกหัดมาให้ แล้วหนูจะเขียนคำตอบในโทรศัพท์แล้วค่อยส่งผ่านระบบแทนอะไรแบบนี้’ แล้วอาจารย์เขาก็บอกมาว่า ‘ถ้าอย่างนั้นมันจะติดเรื่องลิขสิทธิ์นะ หนูต้องเขียนหนังสือขออนุญาตอาจารย์’ เขาบอกว่าถ่ายรูปแล้วเขียนคำตอบลงกระดาษแล้วก็ส่งอาจารย์เขาอีกที เขาก็จะให้เขียนหนังสือแล้วก็จะเซ็นต์เก็บเป็นหลักฐานเอาไว้ แล้วทีนี้หนูก็เหมือนถามอาจารย์ว่ายังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ไม่เอา ทำไมอาจารย์ไม่เรียกมาทีเดียวอาจารย์ เขาก็ตอบว่ามันเหมือนเช็คชื่อยังไม่ถึง หนูก็เลยบอกว่าโอเคค่ะ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าหนูจะเอาหนังสือของญาติมาส่งอาจารย์ แล้วทีนี้หนูก็ไปนั่งที่พอซักพักอาจารย์เขาก็ปล่อยกลับให้กลับได้เลย หนูก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่เห็นเรียกคนอื่นเลย แล้วหนูก็เอาเรื่องนี้มาปรึกษาที่บ้าน เพราะว่าในความรู้สึกหนู อาจารย์เขาเหมือนถามย้ำซ้ำ ๆ ว่า ‘จะไม่ซื้อจริงหรอ ถ้าแบบเกรดไม่ดีจะทำยังไง’ ในความรู้สึกหนูเหมือนกับว่าถ้าไม่ซื้อหนังสือ เกรดหนูจะไม่ดี ที่บ้านก็เลยบอกว่าให้ซื้อไปเถอะลูก ให้มันจบ ๆ ไป เพราะว่าในตอนมัธยม หนูมีปัญหาอะไรแบบนี้แล้ว คือให้ลงชื่อเรียนพิเศษ แต่ว่าหนูไม่ได้ลงเรียน ทีนี้อาจารย์ที่เขาสอนพิเศษเหมือนเขาขายคอร์สพร้อมข้อสอบย่อย ที่จะเอาไปออกข้อสอบนักเรียนทั่วไป เหมือนนักเรียนที่เขาเรียน จะรู้แนวข้อสอบอยู่แล้ว แล้วห้องที่ไม่ได้เรียนก็ต้องมานั่งลุ้นเอาว่าจะออกอะไร ในความรู้สึกส่วนตัวหนูรู้สึกเหมือนมีอคติกับบุคลากรที่ทำแบบนี้ มันไม่ดี หนูอยากพูด มันรู้สึกอึดอัดมากเลย เหมือนหนูรู้ว่ามันผิด แต่ก็ต้องยอม หนูก็เลยอยากถามพวกพี่ ๆ ว่า ‘ถ้าสมมติเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ สายการทำงานแบบนี้ เจอแบบนี้ในสังคม เราควรจะปรับตัวยังไง จะตั้งรับยังไงดีคะ ?’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็วันนึงที่เราออกมาเราอย่าเป็นคนแบบนั้น เราคือเด็กรุ่นใหม่แล้ว เราก็คือมองแล้วจำไว้เลยว่านี่คือคนในยุคนี้ คนที่มันทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ พอรวมกันแล้วมันกลายเป็นฟันเฟืองที่ยิ่งใหญ่ แล้วถ้าเกิดคนพวกนี้ที่ทุจริตไปอยู่ในจุดที่มีอำนาจสูงสุด มันก็จะทำความฉิบหายได้เยอะมาก เราเติบโตมาแล้ว อย่าเป็นอย่างงั้น หนูจะใช้ชีวิตยังไง ก็คงใช้ชีวิตตามน้ำ ซื้อก็ซื้อเพื่อตัดปัญหา เหมือนไม้ซี่ที่งัดไม้ซุงไม่ไหว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มองไปรอบ ๆ ตัว ก็เห็นการโกงกันซึ่ง ๆ หน้าเยอะเลย พี่ไม่สามารถจะบอกให้แซ่บไปต่อสู้ความถูกต้องอะไร เพราะว่ารู้สึกแย่เหมือนกันที่เราจะบอกเด็กคนนึงไม่ได้ว่าแบบ งั้นหนูก็สู้เพื่อความถูกต้องสิ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าสู้ ร้องเรียนอะไรก็ไม่ได้ดีขึ้นมา แซ่บลองมองออกไปนอกมหาลัยมันมีอะไรที่ไม่โปร่งใสเต็มไปหมด คำถามคือแล้วเราคิดยังไง คือคนเจนพี่ฝากความหวังไว้ให้คน GEN Z นะ ว่าเด็กที่กำลังตาม ๆ มา มันเติบโตมาพร้อมกับตรรกะชีวิตอีกแบบนึง พี่มองขึ้นไป GEN ก่อนหน้าพี่มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว รุ่นพี่ก็ยังไม่ได้เป็นรุ่นที่คิดได้เหมือนรุ่นใหม่ ๆ รุ่นพี่ก็ยังอยู่ในรุ่นปรับตัว คนที่ปรับได้เหมือนเราก็มี คนที่มันยังอยู่กับชุดความคิดเดิม ๆ ก็มี ซึ่งมันไม่โปร่งใสเต็มไปหมด พวกพี่ก็ไม่ได้พอใจ พี่ถึงให้คำแนะนำกับแซ่บไม่ได้ว่าให้สู้เพื่อความถูกต้องสิ เพราะสู้ไปก็เท่านั้น’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พอฟังเสียงแซ่บเหมือนแซ่บจะผิดหวัง เดี๋ยวจะเฟล พี่แค่รู้สึกว่ามันมีครูที่เป็นแบบคนนี้หนึ่งคน แต่พี่ก็เชื่อว่าอาจารย์ท่านอื่น ๆ ก็ไม่เป็นแบบนี้กับแซ่บ มันก็ต้องมีอาจารย์ดี ๆ ด้วย แต่ถูกต้องแล้วที่หนูรู้สึกผิด พี่เห็นด้วย แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แล้วเราจะทำยังไงกับตัวเองต่อ ไม่อยากให้ตัวเองหมดหวังสิ้นหวัง หมดกำลังใจ ก็ต้องบอกตัวเองเลยว่าเราจะไม่เป็นคนแบบนั้นเหมือนที่เคยพูดกัน เราก็จะไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น เพราะตอนนี้เราควบคุมมันได้ แต่ตอนนั้นเราควบคุมไม่ได้เพราะอาจารย์นั่นมันเป็นคนแบบนั้น ในกลุ่มอาจารย์ที่เยอะ ๆ นางก็เป็นคนนิสัยแบบนั้น แต่เอาจริงมันอาจมีเหตุผลเบื้องหลัง บางคนเขาเสนอว่าแบบ คณะอาจเสนอมาว่าแบบช่วยหน่อยเว้ย ดันหนังสือขายหน่อย อะไรอย่างงี้เพราะเราก็ไม่รู้เบื้องหลังรู้ดีเทลละเอียดขนาดนั้น ตัวแซ่บเองก็ไม่รู้ มันก็เป็นไปได้หมดเลย ที่จะทำให้คน ๆ นึงตัดสินใจทำอะไรลงไป อย่างที่เราเห็นในข่าว เราไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นเขาเจออะไรมาหรืออะไอย่างนี้ด้วย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอม แล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’ แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน

05 ก.พ. 2024

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอม แล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’ แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอมแล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน ไปเล่าให้เพื่อน เพื่อนบอกไม่ควรทำเหมือนเราช่วยน้อง แต่กำลังทำร้ายป้าอยู่ “คุณหยก(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [31 ม.ค 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับการถ้าเราห้ามคนไม่ให้ซื้อของปลอม ถือว่าผิดมั้ยคะ? โดย “คุณหยก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หนูไปเดินตลาดกลางคืนแห่งหนึ่ง เพื่อจะดูของเล่น เราก็ไปเดินกับเพื่อนแล้วก็ไปหยุดอยู่ร้านหนึ่ง คนขายเป็นคุณป้า อายุเยอะหน่อย เราก็เดินดูของเล่นไป ด้วยความที่เราเป็นสาย Art Toy พอเราดู เราก็รู้แหละว่าเป็นของปลอม ก็หยิบ ๆ ถามราคาขำ ๆ แต่คงไม่ซื้อหรอก สักพัก มีเด็กวัยรุ่น น่าจะเป็นแฟนกัน เดินมายืนข้าง ๆ แล้วก็พูดประมาณว่า “เนี้ย นู้น นี่ นั้น เราอยากได้ เราเก็บเงินมาซื้อ” เราก็เหล่ ๆ พอเห็นจังหวะที่น้องหยิบขึ้นมา 2-3 กล่อง เหมือนจะซื้อ เราก็แบบคิดในใจว่า “น้องโดนแน่ ๆ ” หนูก็เลยพิมพ์ข้อความใส่โน้ตมือถือประมาณว่า “ปลอม ตามน้ำ อยู่นิ่ง ๆ” ด้วยความที่หนูเป็นกุลสตรี หนูก็เข้าไปหาน้องผู้หญิง จับมือน้อง แล้วบอกว่า (นามสมมติ น้องแอน) “น้องแอน วันนั้นเราไปเจอน้องที่นั่นใช่ไหม พี่จำเราได้ เรายังถ่ายรูปด้วยกันอยู่เลย” หนูก็เอามือถือไปจ่อที่หน้าน้อง พอน้องเห็นข้อความ น้องก็นิ่งไปเลย หนูก็พูดว่า “ป่ะ ไปกินข้าวกับพี่ไหม เราจะซื้อของตรงนี้ใช่ป่ะ มา BTS เดี๋ยวมันจะเกะกะหรือเปล่า ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ” แล้วหนูก็ลากน้องเดินออกไป แล้วก็อธิบายให้น้องฟังว่า “แกลองดูตรงนี้สิ จุดสังเกตมันตรงนี้ คือมันปลอม” น้องก็พูดว่า “อ้าวหรอพี่ หนูเกือบโดนแหนะ” เรื่องมันจะจบอยู่แค่นี้แหละ หนูก็ไม่อะไรหรอก แต่พอดีที่แยกย้ายกับเด็ก 2 คนนั้นไป หนูก็คุยกันกับเพื่อน เพื่อนมันก็บอกประมาณว่า “เฮ้ย คือจริง ๆ แล้ว การที่แกทำแบบนี้มันไม่โอเคหรือเปล่า เพราะว่าการซื้อขายมันเป็นเรื่องของคนสองคนที่เขาดีลกัน การที่เราเอาตัวเองไปแทรก มันไปขัดวงจรเขา แกช่วยน้องเขา แต่ในขณะเดียวกัน แกก็ทำร้ายป้าเขานะเว้ย” มันเป็นความนอยด์ในใจเรา ด้วยตรรกะของหนู หนูคิดว่าทำถูกแต่เพื่อนกลับมองว่าหนูเผือก ที่ไปยุ่งกับเขา ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นห่วงเรื่องที่หยกเอาตัวเองเข้าไปแทรก โดยที่มันอาจมีเอฟเฟคกับตัวหยกเอง เช่น ป้านั้นอาจจะมารุมตีหยก คือเหมือนหาเรื่องใส่ตัว เรื่องที่ป้าขายของผิดลิขสิทธิ์ เราไม่ใช่ตำรวจ เรื่องลิขสิทธิ์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ป้าเขาก็อาจหลบหลีกตำรวจอยู่ หรือตำรวจอาจจะเล็งป้าอยู่ แต่มันไม่ใช่หน้าที่เราที่จะจับกุมเขา หรือในกรณีแบบนี้ สมมติว่าเรานั่งอยู่ แล้วเห็นผู้ชาย/ผู้หญิงนั่งอยู่ ผู้หญิงลุกไปแล้วผู้ชายใส่อะไรลงไปในแก้ว เคสแบบนี้อันตรายถึงชีวิตเราได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่หยกเข้าหาด้วยวิธีการแบบนั้น ถ้าคนจิตไม่แกร่งเอาดี ๆ เขาตกใจ เขาอาจจะเหวอ ทำตัวไม่ถูก ประมาณว่า “คนนี้เป็นอะไรอ่ะ” พี่รู้สึกว่าวิธีนี้ทำได้นะในกรณีที่มันซีเรียสจริง ๆ ถ้าเป็นพี่ พี่ก็อาจจะหยิบมาแล้วก็พูดประมาณว่า “เอ๊ะ มันต้องมีตัวเลขตรงนี้หรือเปล่า ไม่แน่ใจเพราะหนูเคยเห็น” แล้วให้ดูรีแอคว่าคนขายเขาจะตอบยังไง แล้วให้น้อง 2 คนนั้น คิดด้วยตัวเอง พี่ชื่นชมในความตั้งใจของหยกที่จะช่วยเหลือคน แต่ว่าหยกต้องหาวิธีที่มันไม่ทำให้ตัวเองสุ่มเสี่ยงกว่านี้’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีการเข้าหาน่ากลัวมาก ถ้าเราจะใช้วิธีนี้ต้องเป็นเหตุการณ์เหมือนโดนลากไปเพื่อโดนปล้น เราเองไม่สนับสนุนของไม่ถูกลิขสิทธิ์ มันถูกต้องแล้ว แต่การที่เราเข้าไปแล้วเป็นนาตาชา โรมานอฟ ยื่นข้อความลับแบบนี้ พวกเรา 3 คน ตกใจกับวิธีการนี้มาก แล้วก็คิดว่าถ้าพี่เจอแบบนี้ พี่อาจจะไม่สนใจ แล้วซื้อตรงนั้นเลยก็ได้ หยกอยากช่วยน้องเขาจริง ๆ แต่เลือกวิธีการที่ซับซ้อนไปหน่อย หรือวิธีการแบบนี้มันอาจทำให้เพื่อนหยกตกใจ แล้วหาเหตุผลมา108 มาบอกว่าวิธีนี้ไม่เวิร์คหรอก เจตนาดีแต่หาวิธีการที่ไม่เป็นอันตรายขนาดนี้’ ก่อน “คุณหยก(นามสมมติ)” วางสาย พี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ‘เจตนาหยกดี พี่ไม่อยากให้หยกทิ้งเจตนานี้ แต่ใช้กับสถานการณ์ให้ปลอดภัยกว่านี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

11 ก.ย. 2023

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมาสุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน พอเราเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดรู้ว่าเป็นคนนอก แต่จะมองข้ามเรื่องนี้ยังไงดี? เพราะต้องทำงานร่วมกัน “คุณเตย (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมกับปัญหาที่ทำงานชอบจับคู่จิ้นให้คนอื่น โดย “คุณเตย (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท แล้วต้องย้ายสาขาไปอยู่อีกที่สาขานึง พอเราย้ายเข้าไปก็เจอวัฒนธรรมการจับคู่จิ้น แซว ชง โดยที่คนแซวก็ไม่ได้สนว่าคนที่จับคู่ เค้าจะแต่งงานแล้ว มีครอบครัว หรือแบบว่ามีแฟนอยู่แล้ว อย่างล่าสุด มีน้องผู้ชายคนนึงเพิ่งเข้ามาใหม่ คนในบริษัทก็ถามน้องผู้ชายว่า ‘น้องผู้หญิงคนนี้น่ารักไหม? ถ้าน่ารักก็จีบสิ’ แต่คนในบริษัทก็รู้ว่าน้องทั้ง 2 คนต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบชง ชอบแซว แต่เป็นกันทั้งแผนก ส่วนน้องที่ถูกชงตอนแรก ๆ ก็ปฏิเสธ ‘พี่ก็อย่าแซวสิ’ สุดท้ายไม่รู้ว่าไปชงกันถูกมุมหรืออะไรยังไง จนน้องทั้งคู่ลงเอยด้วยการนอกใจแฟนของตัวเอง มามีความสัมพันธ์กันจริง แต่เราเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ชงรู้สึกยังไงกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์พวกเค้าก็เฮฮา ยังชง ยังแซวกันอยู่เรื่อย ๆ เราก็ไม่ได้ไปสุงสิงอะไรกับพวกเค้า แต่เวลาทำงานมันต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะมีพวกคำทะลึ่ง คำส่อเสียดที่แบบว่า พูดกันไปไม่คิดถึงจิตใจแฟนของคนที่โดนแซว โดนจิ้นบ้างเลย คือในสถานการณ์นี้เรารู้ว่าเราเป็นคนนอก แต่เราก็มีความรู้สึกที่ควรจะให้เกียรติถึงแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันก็ตาม อยากจะได้คำแนะนำว่าเราจะมองข้ามเรื่องนี้ยังไง คือเราต้องทำงานในห้องเดียวกับพวกเค้า ทุกวันนี้พยายามแล้วที่จะช่างมัน คิดว่าเรามาทำงานหาเงิน แต่มันก็อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้…. งานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันอยู่ที่ความอึดอัดนั้นมันทำให้เรายังมีแรงลุกไปทำงานหรือเปล่า? คือเรื่องพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากันนะ บางทีคนนึงฟังอาจจะรู้สึกก็ช่างมันดิ ใครมันจะบิ้ว จะปีนต้นงิ้วก็ไปเถอะ เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาหูฟังสักอัน ฟังเพลงไป บางคนอาจจะรู้สึกแค่นั้นก็พอแล้ว แต่กับเตยอาจจะรู้สึกว่า คำพูดคำจาที่บิ้วกันมา ไม่ได้แคร์ศีลธรรมเลย มันทำให้เตยอึดอัดถึงขนาดที่ว่าไม่มีสมาธิทำงานเลยหรือเปล่า หรือกระทบอะไรขนาดไหน อันนี้เตยก็ต้องตอบตัวเองก่อน ถ้าถึงขั้นทำให้อึดอัดแล้วก็ไม่มีความสุขเลย กับการที่ต้องไปนั่งในแผนกนั้นก็หางานใหม่ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ศีลเสมอหรือมีภูมิต้านทานเรื่องตรงนี้ไม่พอ หรือถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา ก็รู้สึกว่าช่างเค้า ใครจะดีจะชั่วก็ดูไว้ แล้วเราก็อย่าไปเป็นแบบคนพวกนั้น หน้าที่ของการไปทำงาน พื้นฐานก็คือ การไปทำงาน หารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อันดับที่สองก็คือการเข้าสังคม ซึ่งถ้าสังคมนั้นมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะไปเข้า เราก็จงหาแต่เงินแล้วก็กลับบ้าน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ หนึ่งอดทน สองหางานใหม่ อะไรง่ายกว่ากันก็เลือกอันนั้นเลย ถ้ารู้สึกหางานใหม่ยาก แล้วหางานใหม่มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ชอบด้วยนะ พี่ยังรู้สึกว่าเคสนี้ยังเบานะ เคสอื่นๆ คือกระทบเข้ามาสู่ตัวเองเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบเตย เค้าแค่เป็นคนอีกประเภทที่เตยไม่ชอบ วิธีการยังพอใส่หูฟังได้ แล้วก็คนเราเจอคนร้อยพ่อพันแม่ตลอด ที่เข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกใจเรา มันคือความแตกต่าง ซึ่งการที่เราไม่ชอบ เราสามารถละได้โดยการช่างมัน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ส่วนคู่นั้นที่นอกใจแฟน เดี๋ยวชีวิตมันพังเอง ชีวิตรักที่มันไม่ซื่อสัตย์โอกาสที่จะได้รักที่ดีมันยากอยู่แล้ว มันคือชีวิตเขา แค่เขาไม่มายุ่งกับเราคือพอแล้ว ต่อให้ลาออกไป ก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใครที่ไม่ชอบอีก ฉะนั้นสิ่งที่ฝึกเราได้ก็คือ พวกนี้ยังเบา ช่างมัน ปล่อยวาง อยู่ห่างๆ ไม่ชอบก็คือไม่คบ คุยได้แต่ไม่คบ ไม่ต้องถึงขั้นไม่คุย โกรธเขา เพราะจะทำให้เราเครียดแทน’ ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เพิ่งไปอ่านหลักที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ เค้าบอกถ้าเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ หนึ่งเปลี่ยนเค้า เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ซึ่งในกรณีนี้เตยเปลี่ยนเค้าได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะเราไม่สามารถไปบอกเค้าได้ว่า “พี่คะรณรงค์อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ทุกคนผิดศีลธรรม น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้วทำแบบนี้ไม่ดี” เราพูดไม่ได้ แต่กรณีนี้เราทำได้คือ ปรับตัวเอง เตยต้องช่างมัน แต่พี่เข้าใจนะแง่ศีลธรรม แต่ถ้ามันยังไม่ได้มาลุกลามพื้นที่สิทธิของเรา ลองพิจารณาพวกเค้าเป็นบัว 4 เหล่าไปเลย มันต้องมีคนที่ไม่รู้อยู่แล้ว ลองพิจารณาว่าคนเรามันก็แค่นี้ เราก็อย่าไปทำเหมือนเค้า เราดูเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าสุดท้ายยังทนไม่ไหว มันก็ยังมีข้อสุดท้ายคือ เดินออกมา แค่นี้ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอปัญหา….’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1