ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

15 ส.ค. 2023

            ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน

หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ

ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน

สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

แฟนไม่เชื่อ คิดว่าเราคบชู้อย่างเดียวเลย ทำไมไม่เป็นห่วงกันบ้างเลย...

           “คุณสุ (นามสมมุติ)” อายุ 29 ปี สายที่สามของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 ส.ค.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาปัญหา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก กับปัญหาที่เมาแล้วละเมอเข้าห้องผู้ชาย จนแฟนเข้าใจผิด คิดว่าเราไปมีอะไรกับคนนั้นหรือเปล่า?

            โดย “คุณสุ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแฟนได้ 1 อาทิตย์แล้ว วันที่เกิดเหตุ หนูไปสังสรรค์กับเเฟน พอเสร็จก็กลับมาห้อง เกือบตี 2 กลับมาถึงก็ใช้ชีวิตกันแบบปกติ หนูไม่ได้เมาจนฟิวส์ขาด แต่พอเช้ามา แฟนหนูก็หารองเท้าของเขาไม่เจอปกติจะต้องวางไว้หน้าห้อง ซึ่งเราก็ยังคุยเล่นกันปกติ ยังแซวเขาว่าลืมไว้ที่ร้านหรือเปล่า?

            จนสักพักแฟนหนูเขาก็บอกว่าจะออกไปหารองเท้า ให้หนูอาบน้ำเเต่งตัว ถ้าเสร็จเเล้วไปเจอกันที่ร้านข้าว เดี๋ยวไปกินข้าวกัน  แล้วก่อนที่หนูจะออกไป เป็นปกติที่หนูจะมองหาแมวเพื่อให้แมวมากินข้าว แต่สายตาดันบังเอิญไปเห็นรองเท้าแฟนวางอยู่ที่ห้องผู้ชายคนอื่น ก็เลยคิดทบทวนว่าเมื่อคืนเราก็ไม่ได้ทำอะไรนะ แล้วก็ไม่ได้เมาขนาดที่ว่าจำอะไรไม่ได้เลย เราก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเรื่องชู้สาวอะไรเลยเหมือนกัน

            แต่หนูเพิ่งมาจำได้ว่าเมื่อคืนหนูฝัน โดยในฝัน หนูเดินออกไปบ้านใครก็ไม่รู้ มีเสียงผู้ชายมาเรียก แล้วในฝันเสียงผู้ชายที่เรียกคุ้นหูมาก หนูก็เดินออกไปแต่หนูไม่รู้ว่าเดินไปบ้านใคร ในฝันหนูเปิดประตูบ้านเขาเข้าไป แล้วเจอผู้ชายคนหนึ่งเเต่หนูไม่เห็นหน้า เห็นแต่รูปร่างเขาเป็นคนตัวเล็ก ดำ แล้วเขาก็ตะโกนใส่หูเหมือนประมาณตกใจว่าหนูไปบ้านเขาทำไม ซึ่งในฝันหนูตกใจมากแล้วหนูก็ออกจากบ้านเขามา หลังจากนั้นหนูก็จำอะไรไม่ได้เลยในฝัน แบบจำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไรต่อ

            พอเช้าวันนั้นหนูเห็นแล้วว่ารองเท้าอยู่หน้าห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะหนูไม่กล้าไปยืนดูรองเท้าว่ามันใช่ของเเฟนหนูจริงๆไหม หนูเลยทำได้เเค่เดินผ่านไป ซึ่งปกติเวลาอยู่ห้องหรือไปไหนใกล้ๆ หนูก็จะชอบใส่รองเท้าแฟนอยู่แล้ว ระหว่างที่ขับรถไปร้านข้าว หนูก็ทบทวนความฝันของตัวเองว่า เมื่อคืนฝันแบบนี้เเล้วมันจะเป็นจริงๆหรอ แล้วถ้าเกิดเดินไปจริงๆในฝันเจอผู้ชายคนหนึ่งตะโกนใส่ ถ้าหนูเดินเข้าห้องเขาจริงๆ ทำไมเช้ามาเขาถึงไม่มาถามว่าเดินเข้าห้องเขาทำไม เพราะเช้ามาก็ตื่นมาที่ห้องตัวเองเหมือนเดิม

            พอถึงร้านข้าวก็ถามแฟนว่าเมื่อคืนหนูได้เดินออกจากห้องไหม? แฟนก็บอกไม่รู้ เดินออกไปหรอ เพราะกลับมาถึงอาบน้ำเสร็จก็นอนหลับไปเลย แล้วหนูก็บอกแฟนว่า ตอนจะออกมาหนูเห็นเหมือนรองเท้าแฟนอยู่ห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็เล่าความฝันของหนูให้เขาฟัง แล้วแฟนหนูก็บอกว่าเมื่อคืนห้องนี้เขาเปิดไฟอยู่นะ สักพักแฟนหนูสีหน้าเปลี่ยนทันทีเพราะความคิดเขาคือคิดว่าหนูไปมีชู้กับห้องข้างๆ หนูก็พยายามอธิบาย เเฟนหนูเขาเริ่มอารมณ์ร้อน

            แล้วข้อเสียเขาเป็นคนที่งี่เง่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ หนูก็บอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนะ หนูไม่ได้ตั้งใจหนูไม่รู้จริงๆ เพราะเราก็ไม่เคยนอนละเมอเเล้วออกไปไหนมีแค่ละเมอเเล้วพูด ซึ่งหนูก็ได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดที่หน้าห้อง ภาพที่เห็นจากกล้องคือหนูเดินไปจริงๆค่ะ ตอนตี 3:24 แล้วหนูก็เดินกลับมาตอน ตี 3:24 เหมือนกัน หนูเปิดเข้าไปแล้วหนูก็เปิดออกมา

            แต่แฟนหนูเขาปักใจคิดว่าหนูไปมีอะไรจริงๆ เพราะเขาไม่ฟังอะไรเลย ทีนี้ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นหลานชายของพี่ที่ทำงานกับหนู สนิทกัน พอทะเลาะกับแฟน หนูก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เขาก็ตกใจ พี่เขาก็เลยโทรไปถามหลานเขาว่าเมื่อคืนนี้เห็นหนูเดินเข้าห้องไหม เขาก็บอกว่า ไม่รู้เลยครับ ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ไม่ได้ยินเลย ภาพจากกล้องวงจรปิดคือหนูกับมาจากร้านที่ไปสังสรรค์แต่ผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้อง เขานั่งเล่นอยู่โต๊ะม้าหินหน้าห้อง

            ณ ตอนนี้หนูกับแฟนทะเลาะกันแรงมาก หนูไปปรึกษาพี่ๆเพื่อนๆที่หนูสามารถคุยกับเขาได้เขาก็บอกว่าหนูไม่ปกติที่ละเมอแล้วเดิน  จนหนูปรึกษาหมอ หมอบอกว่าจริงๆเคสแบบนี้จะไม่ค่อยเกิดกับคนอายุแบบเรานะ จะเกิดแต่กับเด็ก ส่วนน้อยมากที่จะเกิดกับคนรุ่นนี้

            สิ่งที่หนูอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจ คือ ‘เขาก็ยื่นข้อเสนอมาว่ามีสองทางให้เลือก คือ หนูเก็บของออกไปกับจะให้เขาออกไป’

            เรื่องนี้ 3 ดีเจ ก็ได้ให้คำปรึกษาตรงกันว่า “อย่างแรกเลยต้องเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพ เพราะในกล้องก็ชัดเจนแล้วว่าเราเข้าไปแล้วออกมาเลย แล้วแฟนก็ควรที่จะพาคุณสุไปปรึกษาหมอดีกว่าทำไมถึงละเมอขนาดนี้ ไม่เห็นมุมที่จะต้องมาทะเลาะกันเรื่องหึงหวง

            ส่วนเรื่องที่ต้องย้ายออก คุณสุก็ให้เขาออกไปเอง เพราะมันดูงี่เง่ามากที่คุณสุแค่ละเมอเเล้วเดินไปห้องคนอื่น ทั้งๆที่กล้องวงจรปิดก็เห็นชัดเจน คุณสุทำได้เเค่รอเวลาได้อย่างเดียวให้เขาอภัย เพราะเขาไม่ได้มีการรับฟัง แต่ถ้าเราออกไปก็รอดูว่าเขาจะตามไหม ถ้าเกิดเขาตามก็ยื่นข้อเสนอเลยว่าต่อไปนี้ต้องฟังเหตุผล แต่ถ้าเขาไม่ตามก็คือเขาไม่ได้รัก เขาอาจจะอยากเลิก เพราะมันงี่เง่าเกินไปกับเรื่องนี้ แล้วเกิดการละเมอแบบนี้ มันจะต้องถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะมันคือมาจากความรัก เขาจะต้องกลัวว่าคนในห้องนั้นก็ทำไรคุณสุหรือเปล่า หรือถ้าคุณสุเดินไปตกบรรไดล่ะ

            ส่วนเรื่องผู้ชาย ถ้าอยากให้มีความหวัง คุณสุต้องออกไป อย่างน้อยถ้าเขารักเรา เขาจะรู้สึกว่าคุณสุออกไปเพราะเขานะเพราะเขางี่เง่า ใดๆก็ตาม ตอนนี้คุณสุควรที่จะไปรักษาเรื่องละเมอก่อนดีกว่า มันอันตรายกับชีวิตคุณสุมากกว่านะ เพราะถ้าเกิดยังเดินละเมอแบบนี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นะ…’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึง ปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรู อยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย

21 มิ.ย. 2024

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึง ปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรู อยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึงปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรูอยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (19 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก’ เกี่ยวกับปัญหาพึ่งรู้ว่าเด็กเลี้ยงของพ่อเป็นเพื่อนสนิทเราสมัยมัธยม โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณพ่อเป็นคนที่เจ้าชู้ หน้าตาดี อายุยังไม่ถึง 50 ปี คุณพ่อเป็นคนมีเงิน ผ่านการแต่งงานมาทั้งหมด 8 ครั้ง และมีลูกทั้งหมด 10 คน ส่งเสียลูกทุกคน โดยคุณแม่ของหนูเป็นคนที่ 7 ส่วนตอนนี้คุณพ่ออยู่กับภรรยาคนที่ 8 ซึ่งหนูเรียนอยู่มหาลัยอาศัยอยู่กับคุณแม่ แต่หนูจะไปหาคุณพ่อบ่อยๆ เพราะสนิทกับคุณย่า และคุณพ่อก็จดทะเบียนกับภรรยาทุกคน ถ้าใครรับไม่ได้ก็จะหย่า เรื่องมันเกิดขึ้นตรงที่หนูมีเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมแต่อยู่คนละห้องกัน และก็มาสนิทกันอีกตอนมัธยม และเวลาหนูมีอะไรก็จะเล่าให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องพ่อด้วย พอขึ้นมัธยมปลายเรารู้สึกว่าเขาดูมีเงินมากขึ้น ปกติเขาอยู่กับคุณแม่ 2 คน หนูก็ถามว่า “ไปทำอะไรมา ทำไมมี iPhone” มีอะไรหลายๆอย่างใช้ คือดูรวยมากกว่าเรา ซึ่งตอนนั้นเขายังยืมเงินหนูจ่ายค่าเทอมอยู่เลย เขาก็บอกว่า “แม่เขาได้ไปทำงานเป็นแม่บ้านของฝรั่ง นานๆกลับบ้านมาทีเลยส่งเงินมาให้” ส่วนตัวหนูไม่เคยพาเพื่อนผู้หญิงไปรู้จักคุณพ่อเลย และคุณพ่อก็จะไม่รู้จักเพื่อนผู้หญิงของเราสักคน เพราะเรารู้ว่าพ่อเราเป็นคนแบบนี้เผลอไม่ได้ ช่วงปิดเทอมหนูกลับมาที่บ้านต่างจังหวัด ซึ่งบ้านหนูและเพื่อนสนิทอยู่ใกล้กัน และเขาก็พยายามจะให้หนูไปบ้านเขาทั้งที่แม่เขาก็อยู่ ปกติเวลาหนูไปบ้านเขาก็จะทำกับข้าวและกินข้าวกับแม่เขา แต่วันนั้นเขาพยายามจะพูดให้หนูเข้าไปในห้องเขาให้ได้ ประมาณว่า “เห้ย เข้าไปห้องเรามั้ย เพิ่งติดโทรทัศน์ใหม่ ติดแอร์ใหม่” พอเข้าไปเราก็เจอแหวนคุณพ่อ ตอนแรกก็ไม่ได้สงสัย แต่แหวนของคุณพ่อจะสลักชื่อเอาไว้ คือชื่อเขา พอหนูเห็น หนูก็เบลอไปหมด และถามเขาว่า “นี่อะไร มึงไปเอาของพ่อกูมาได้ไง” เขาบอกว่า “เขาขอโทษ เขาไม่ได้ตั้งใจ” เหมือนตั้งใจให้หนูรู้ว่าเป็นเด็กเลี้ยงของพ่อ ทีนี้ก็ทะเลาะกันบ้านแตก ถึงขั้นลงมือกับเขา แต่ก็แค่ตบหน้า เพราะหนูโกรธมาก คือเป็นเพื่อนกันมา 10 ปี แต่มาทำกันแบบนี้ หนูถามเขาอีกว่า “ไปเจอพ่อได้ยังไง” เขาก็ได้แต่ร้องไห้และขอโทษ หนูเลยกลับบ้าน บล็อคแชท บล็อคทุกอย่างไป และไม่ได้สนใจเพื่อน หลังจากนั้นหนูก็กลับบ้านมาถามพ่อว่า “พ่อรู้มั้ยคนนี้เพื่อนหนูนะ” พ่อก็บอกว่า “พ่อไม่รู้ พ่อไม่เคยรู้มาก่อนเลย” และพ่อก็บอกว่า “พ่อไปเจอกับเพื่อนหนูที่บาร์ประจำของพ่อและเพื่อนพ่อ” ซึ่งหนูก็เชื่อ เพราะเคยเล่าให้เพื่อนฟังว่าพ่อจะมานั่งที่บาร์นี้บ่อยๆ เหมือนเขาพาตัวเองไปเจอพ่อหนูบ่อยๆ ตอนนี้หนูกลับมาที่กรุงเทพ เพื่อนหนูเขาก็พยายามจะโทรหา พยายามทักหาโดยเอาแอคหลุมทักมา แล้วก็พยายามติดต่อพ่อหนู เพราะพ่อฟังหนูและตัดเขาออก ไม่ได้เลี้ยงหรือส่งเสียอะไร แล้วก็มีเพื่อนมาบอกว่าเขาจะไม่เรียนต่อเพราะมหาลัยที่เรียนเป็นมหาลัยเอกชน เขาไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม เขาเริ่มมีของใช้เริ่มรวยขึ้นมาตั้งแต่มัธยมปลาย แต่ตอนนั้นเขาก็ทำงานที่บาร์หลายๆที่ แถมมีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด เลยไม่รู้ว่าพ่อหนูส่งเสียเขาตั้งแต่ตอนไหน จนหนูไปถามพ่อ พ่อก็บอกว่า “ก็เลี้ยงมาตั้งแต่มัธยมปลาย” ประมาณเกือบ 4 ปี หนูจะต้องกลับบ้านไปหาคุณพ่อคุณยายบ่อยๆ เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำยังไงเมื่อเจอหน้าเพื่อนคนนี้? เพราะบ้านก็อยู่ใกล้กัน น่าจะได้เจอกันแน่นอน และเขาก็ยังคงพยายามติดต่อเรากับพ่อมาตลอด แต่พอติดต่อไม่ได้ก็จะมารังควานหนู พอหนูไม่ตอบโต้ ก็ไปรังควานภรรยาคนปัจจุบันของพ่อ จนพ่อต้องทะเลาะกับภรรยา โดยการพยายามแสดงตัวตน’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เท่าที่ฟังมาดูเหมือนเอไม่อยากยุ่ง เพราะฉนั้นเวลาเจอหน้า เราก็ปฏิสัมพันธ์ หรือคุยกันให้น้อยที่สุด คือไม่จำเป็นต้องพยายามไม่มองหน้า พยายามไม่คุย เพราะมันจะทำให้เขายิ่งพิเศษขึ้นมา ถ้าเวลาเจอกันในกลุ่มเพื่อนเยอะๆแล้วจงใจไม่มองเขาคนเดียว จะกลายเป็นว่าเขาอาจจะดูมี Something ขึ้นมา แต่ถ้าเราทักทายแค่แบบ พยักหน้าให้ และไม่สนใจ ทักเหมือนคนเคยรู้จักและไม่สารสัมพันธ์อะไรต่อ ไม่ต้องไปให้ค่าอะไรเขามากมาย ก็อาจจะทำให้คนอื่นที่มาเห็นอาการของเราสองคน มันก็จะดูปกติ เอาแค่พอเป็นมารยาท’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าได้เจอกันจริงๆพี่จะเคลียร์เลยว่า พอแล้วไม่ต้องขยันส่งอะไรมาหากูอีกแล้ว เพราะที่กูเงียบไปคือไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกันอีกแล้ว สิ่งที่มึงทำคงไม่ต้อฝพูดแล้วว่ามันรุนแรงขนาดไหนในแง่ของความรู้สึก ถ้าเจอกันก็เมินๆกันไป หนูมีชีวิตของหนู แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเทอม หรือเรื่องเงินอะไรของเขาเพราะนั่นก็คือชีวิตของเขา เขาต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้เห็นด้วยกับคำปรึกษากับทั้งดีเจเผือก และดีเจเติ้ล พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมให้บอกกับเพื่อนไปว่า “ออกไปจากชีวิตฉัน ฉันจะไม่คุยกับเธอแล้ว แล้วไม่ต้องมายุ่งกันอีก สิ่งที่มีงทำกูให้อภัยไม่ได้”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมสงสัยครับ เวลาผมเติมน้ำมันรถ 2000 บาท พนักงานจะเสนอบริการเช็ดกระจกให้ พอวันนี้ผมเติม 500 บาทพนักงานไม่ค่อยสนใจ และ ไม่ถามเช็ดกระจกให้ด้วย ผมเลยอยากรู้ว่า...

30 ก.ย. 2025

ผมสงสัยครับ เวลาผมเติมน้ำมันรถ 2000 บาท พนักงานจะเสนอบริการเช็ดกระจกให้ พอวันนี้ผมเติม 500 บาทพนักงานไม่ค่อยสนใจ และ ไม่ถามเช็ดกระจกให้ด้วย ผมเลยอยากรู้ว่า...

ผมสงสัยครับ เวลาผมเติมน้ำมันรถ 2000 บาท พนักงานจะเสนอบริการเช็ดกระจกให้พอวันนี้ผมเติม 500 บาทพนักงานไม่ค่อยสนใจ และ ไม่ถามเช็ดกระจกให้ด้วย ผมเลยอยากรู้ว่า...ปกติเวลาเติมน้ำมันรถ พนักงานจะเช็ดกระจกให้เราตอนไหนขึ้นอยู่กับ ราคาน้ำมันที่เติมหรือ นิสัยส่วนบุคคลของพนักงานแต่ละคน ?? “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี เป็นสายสุดท้ายในรายการพุธทอล์ค พุธโทรเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [24 ก.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา“ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องขอเช็ดกระจกจากเด็กปั๊ม แต่กลับโดนมองแรงใส่เพราะเติมน้ำมันแค่ 500 บาท “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘วันนี้ผมไปเติมน้ำมันแล้วไปขอให้เขาเช็ดกระจกให้แต่โดนมองแรงใส่ ต้นเรื่องคือผมเคยเติมน้ำมันประมาณ 2,000-3,000 บาท เขาก็จะมาถามว่า ‘พี่เช็ดกระจกไหม?’ แต่พอวันนี้ผมไปเติมมาแค่ 400-500 บาท แล้วผมอยากเช็ดกระจก ผมก็ไม่กล้า เกรงใจเขา และน้ำที่ฉีดที่ปัดน้ำฝนเราก็หมด ก็เลยถามไปว่า ‘พี่เช็ดกระจกให้หน่อยได้ไหมครับ?’ เขาก็มองแรงใส่ ผมก็เลยคิดว่า หรือเพราะเราเติมน้อยไปเลยไม่มีบริการนี้ จะเดินไปขอเช็ดเองก็ไม่กล้า ผมเลยสงสัยว่าปกติแล้วเราขอให้เขาเช็ดกระจกให้ได้ไหม?’ ทางด้าน “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมว่าเรื่องเช็ดกระจก มันน่าจะเจอที่คน คือเติมแค่ 500 เนี่ย ต่อให้เราเรียกเช็ดก็จกเขาก็ต้องทำเพราะเขาจะลุ้นว่าจะได้ทิปรึเปล่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเติมมากเติมน้อยไม่น่าเกี่ยวกับบริการเสริมเพราะมันเป็นช่องทางที่น้อง ๆ พนักงานจะได้เงินเพิ่ม คิดว่าอย่างนั้น’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘ถ้าเราให้เขาเช็ดเขาก็ต้องเช็ด ทำฟรีก็ต้องเช็ด แต่หอมเป็นคนให้ทิปอยู่แล้ว เขาทำเพื่อทิปนะการเช็ดกระจก ยอดเติมน้ำมันไม่เกี่ยวกับเขาเพราะเขาไม่ใช่เจ้าของปั๊ม เขาอาจจะมองว่าเติมน้ำมันเยอะอาจจะให้ทิป มันก็แล้วแต่คน ถ้าเราต้องการให้เช็ด เขาก็ต้องจัดการให้มันเป็นหน้าที่ของเขา’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาปิดท้ายว่า ‘ไม่น่าเกี่ยวกับเงินที่เราเติม ถ้าคุณบีอยากได้ก็แจ้งเขาได้เลย แล้วก็อาจจะทิปเขาหน่อยเป็นน้ำใจ’เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFung Fin

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆ มาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้าน พีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี..

17 ม.ค. 2025

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆ มาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้าน พีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี..

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆมาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้านพีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี.. “คุณโมโม่ (นามสมมติ)” สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [15 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาลูกค้าชอบนั่งแช่ในคาเฟ่นานๆ โดย “คุณโมโม่” ได้เล่าว่า “ที่ร้านจะเป็นร้านขายขนมเล็กๆ มีที่นั่งประมาณ 3 ชุด คือ โต๊ะใหญ่ 1 ชุด โต๊ะเล็ก 2 ชุด แล้วจะมีน้องลูกค้าคนหนึ่งที่แรกๆ เขาก็มาซื้อทุกวันปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จะมีเหตุการณ์หนึ่งที่พีคๆ ของเขา คือ เขามานั่งทานที่ร้านคนเดียว แล้วเขาเอาชุดวาดระบายสีมากางเต็มโต๊หะ ซึ่งเขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะใหญ่ แล้วก็นั่งแช่อยู่แบบนั้น แต่เขาจะสั่งกาแฟวันละ 1 แก้วเท่านั้น แล้วก็อยู่ยาวๆ เลยคือ 2 - 3 ชั่วโมงจนไม่มีลูกค้าแล้ว เขาก็ทานกาแฟแก้วนั้นแป๊ปเดียวก็หมด แต่เขาก็ยังนั่งอยู่ เหตุการณ์ต่อมา คือ ช่วงปีใหม่ที่ร้านลูกค้าจะเยอะมากอยู่แล้ว น้องคนนี้เขาก็มาแต่พกขวดน้ำส่วนตัว 1.5 ลิตรมาด้วย เราก็ไม่เห็น มาเห็นตอนที่เราไปเก็บโต๊ะแล้วน้องเขาทิ้งขวดไว้ อันนี้เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อีกวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ติดๆ กันทุกวัน เขาก็มาเหมือนเดิม สั่งน้ำแก้วเดียว 65 บาท แล้วก็นั่งทานที่ร้าน เขาเลือกนั่งโต๊ะเล็กและมีอุปกรณ์ของเขาครบมือเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เขาเอาหูฟังอันใหญ่ๆ ที่แบบครอบทั้งหูมาใส่ ซึ่งน้องก็ยังเป็นเด็กมัธยม มีหนังสือ IPad มือถือ น้องเขาก็นั่งอยู่แบบนั้นจนลูกค้าเยอะ ไม่มีที่นั่ง น้องเขาก็ไม่ลุกไปไหน เราก็แบบเอ๊ะ... น้องเขาทำอะไร หนูเลยไปดู ทีนี้ก็เห็นน้องเขานั่งหลับ หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยไปจนลูกค้าหมดร้านไป วันต่อมาน้องเขาก็มาอีก ลูกค้าในร้านก็เยอะอยู่ เขาก็เอาหนังสือมาอ่าน อุปกรณ์ก็ยังครบมือเหมือนเดิม จนลูกค้าหมด ตอนอยู่ที่โต๊ะเขาไม่ได้อ่านหนังสือแต่เล่นมือถือ พอไม่มีลูกค้าก็จะเหลือแค่หนู แล้วก็น้องลูกค้าคนนี้ 1 คน เขาก็เอาหนังสือไปอ่านในห้องน้ำ ทีนี้เราก็จับเวลาเลยว่าเขาเข้าไปกี่นาที ก็คือเขาเข้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง อีกวันหนึ่งเขามาอีกเหมือนเดิม แต่ไม่สั่งขนมเลย ทั้งๆที่ร้านเราเน้นขายขนม แล้วเขาก็เอาขวดน้ำดื่มของตัวเองไปเติมน้ำที่ร้าน เพราะที่ร้านเราจะมีน้ำดื่มให้ทานฟรีเป็นแบบเหยือก เขาก็เอาขวดตัวเองไปเติมจนหมดเหยือก แต่หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร และอีกวันหนึ่งน้องเขาก็มาอีก จนเราเดินเข้าไปถามน้องเขาว่า “น้องรับอะไรเพิ่มไหมคะ?” น้องก็มองหน้าเรามึนๆ แล้วก็บอกว่า “อ๋อ ไม่ครับ” เราก็บอกว่า “พอดีว่าเดี๋ยวมีลูกค้าจองโต๊ะเข้ามา พี่ขอรบกวนได้มั้ยคะ” น้องก็บอก “อ๋อ งั้นผมย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นได้ไหม” ทั้งๆ ที่น้องก็ไม่เหลืออะไรทานแล้ว เขาสั่งแค่น้ำแก้วเดียวแต่เขาก็ยังนั่งอยู่ หนูก็เลยบอกเขาไปว่า “อ๋อ พอดีว่าเขามาเยอะอ่ะค่ะ” ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 ครึ่ง น้องก็เลยบอกว่า “อ๋อเดี๋ยวบ่าย 3 ผมไปครับ” แล้วก็คือบ่าย 3 เป๊ะน้องเขาก็ไปจริงๆ อีกวันหนึ่งเขาก็มาอีก พกขวดน้ำมาอีก ทีนี้เราก็เลยเดินไปเตือนเขาว่า “น้องครับ ขอรบกวนไม่เอาน้ำดื่มหรืออาหารข้างนอกเข้ามาทานที่ร้านได้มั้ยครับ” เขาก็แบบ “อ๋อ ครับ” แค่นี้ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร หลังจากนั้นเขาก็ยังมาทุกวัน ๆ เหมือนเดิม แต่พฤติกรรมพกขวดน้ำมาก็เริ่มหายไป มีวันหนึ่งที่หนูก็ทักเขาว่า “อ๋อ น้องวันนี้เหมือนเดิมเนอะ” น้องเขาก็เหมือนไม่ได้อยากคุยกับเรา น้องก็บอก “อ๋อ ไม่ครับ” แล้วเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นเลย หนูก็เข้าใจได้ว่า น้องเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครรบกวนเขา หนูไม่ทราบว่าเขาโดดเรียนมามั้ย หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือช่วงเด็กม.6 ใกล้สอบเข้ามหาลัยอาจจะเข้า-ออกโรงเรียนช่วงไหนก็ได้ บางทีน้องเอาของมาวางโต๊ะเต็ม ลูกค้าที่ไม่มีที่นั่งเขาก็กลับไป ซึ่งตรงนี้เราเสียโอกาส เสียลูกค้าที่เขาตั้งใจมากินขนม หนูอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไง?” ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ให้ตั้งกฎเวลาว่าให้นั่งได้กี่ชั่วโมง 1 แก้ว ให้นั่งได้กี่ชั่วโมง หรือลองถามๆ เรื่องเรียนเขาหน่อยว่าไม่เข้าเรียนหรอ หรือมีเรื่องอะไรที่บ้าน เผื่อน้องเขามีปัญหา เราจะได้จัดการกับเขาอีกแบบหนึ่ง’ นอกจากนี้ “คุณโมโม่” ยังทิ้งท้ายถึงผู้ใช้บริการด้วยว่า “อยากให้เห็นใจผู้ประกอบการนิดนึง การใช้สถานที่หรืออะไรก็ตาม บางทีเราเอางานไปทำในที่ของเขา อยากให้เขาเห็นใจทางร้านด้วย เพราะบางทีทางร้านก็อึดอัดใจที่จะพูด เพราะกลัวจะเป็นดราม่า”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ซื้อลิปมากี่อัน เพื่อนคนเดิมก็ยืมใช้ทุกอัน เค้าไม่ยืมคนอื่นเลยค่ะ รอแต่จะยืมของหนู เช้าก็ทา เที่ยงก็ทา ก่อนกินข้าว หลังกินข้าวก็ทา พีคสุด ปากมันยังไม่เช็ดปากก็หยิบไปทา ตอนนี้กลิ่นลิปหนูเปลี่ยนด้วย ต้องซื้อใหม่ตลอด เจอแบบนี้ทำไงดี?

10 ม.ค. 2025

ซื้อลิปมากี่อัน เพื่อนคนเดิมก็ยืมใช้ทุกอัน เค้าไม่ยืมคนอื่นเลยค่ะ รอแต่จะยืมของหนู เช้าก็ทา เที่ยงก็ทา ก่อนกินข้าว หลังกินข้าวก็ทา พีคสุด ปากมันยังไม่เช็ดปากก็หยิบไปทา ตอนนี้กลิ่นลิปหนูเปลี่ยนด้วย ต้องซื้อใหม่ตลอด เจอแบบนี้ทำไงดี?

“คุณแพร (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร’ เมื่อคือวันพุธที่ [8 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเพื่อนยืมลิปสติกบ่อยมาก แถมใช้แล้วลิปสติกมีกลิ่นแปลกไป! โดย “คุณแพร (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูซื้อลิปสติกมาใหม่ เพื่อนขอลอง แล้วก็ทาไปที่ปากเลย ตอนแรกหนูคิดว่าจะใช้นิ้วแตะ ๆ ก่อนแล้วค่อยทา ต่อมาเพื่อนก็ถามว่าซื้อที่ไหน? กี่บาท? หนูก็บอกไป แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มยืมบ่อยขึ้นก่อนเข้าเรียน เลิกเรียน ก่อนกินข้าว หลังกินข้าว ก็มาขอหนูว่า “มึงขอยืมลิปหน่อย” ไปห้องน้ำก็ทา เดินไปไหนก็ทาทั้งวัน ทามากกว่าหนูอีก พอบอกว่าหนูขายต่อ เพื่อนก็บอกกลับมาว่า “บ้าหรอ กูก็ต้องเอาอันใหม่สิ” หนูก็เลยส่งพิกัดอันใหม่ให้เขา เขาก็ไม่ซื้อ แล้วตอบมาแบบเปลี่ยนเรื่องแทน พอวันต่อมาเขาก็ยังยืมหนูเหมือนเดิม ซึ่งเขาก็มีลิปของเขา หนูก็ถามว่าไม่ใช้ลิปตัวเองแล้วเหรอ? เขาก็บอกว่า “ก็ต้องใช้ของมึงด้วย” กลุ่มหนูมีกัน 3 คน อีกคนหนึ่งคือเพื่อนของเขา ที่มาจากประถมด้วยกัน เขาไม่เห็นเคยยืมของเพื่อนคนนั้นเลยสักครั้ง ยืมแต่ของหนูคนเดียว หนูเริ่มไม่โอเคตรงที่กลิ่นลิปของหนูมันเริ่มเปลี่ยน เหมือนมันบูดเพราะหลังกินข้าวปากมัน ๆ เขาก็ยังทา หนูไม่กล้าปฏิเสธแบบตรง ๆ เขานิสัยดีทุกอย่าง แต่ติดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย หนูเคยบอกว่าไม่ให้แล้ว แต่เขาก็บอกกลับมาว่า “โห ขี้งกว่ะ” หนูเลยให้ยืมมาตลอด ไม่ใช่แค่ลิปด้วย กระเป๋า เสื้อ เสื้อกันหนาว เขาจะขอเลย พูดแบบว่าถ้าหนูไม่ใช้ ขอได้ไหมอยากได้ เพื่อนอีกคนก็โดนแบบเดียวกัน เรื่องกิ๊บติดผม เขาบอกว่าขอติดได้ไหม? พอเขาติดแล้วก็เนียน ๆ เอากลับบ้านไปเลย พอทวงเขาก็จะทำเป็นลืม หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า ถ้าเจอสถานการณ์อย่างนี้ หนูควรทำอย่างไรดี?’ ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ควรบอกไปตรง ๆ เลยว่าของแบบนี้มันใช้ร่วมกันไม่ได้ หนูต้องบอกว่ามันมีเหตุผลของการไม่ให้ยืม มันเป็นสิ่งที่พูดได้ โตแล้วบอกเขาได้ หนูต้องรู้จักปฏิเสธ’ นอกจากนี้ “ดีเจเผือก” ยังพูดเสริมอีกว่า ‘ซื้อให้ไปเลย มึงกูไม่ให้ยืมแล้วนะ ใช้อันนี้ไปเลย ของแบบนี้มันไม่ใช้ร่วมกัน มันเหมือนแปรงสีฟัน ถ้าเพื่อนใหม่พึ่งเจอกันแล้วมันจะคัดกรองกันด้วยเรื่องลิป เรื่องยืมของก็โอเค ‘หาเพื่อนใหม่’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1