พ่อหนูเอาเงินเกษียณไปเปย์สาวที่ไม่เคยเจอตัวจริง จนเงินหมด 2 แสน ทั้งๆที่ยังมีหนี้ของที่บ้านอยู่ หนูต้องบอกให้พ่อไปทำงานหาเงินมาใช้จ่ายหนี้ส่วนนี้ด้วย เพราะปัญหามาจากพ่อ การที่หนูบอกพ่อไปแบบนั้น จะดูเป็นลูกที่อกตัญญูไหมคะ

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พ่อหนูเอาเงินเกษียณไปเปย์สาวที่ไม่เคยเจอตัวจริง จนเงินหมด 2 แสน ทั้งๆที่ยังมีหนี้ของที่บ้านอยู่ หนูต้องบอกให้พ่อไปทำงานหาเงินมาใช้จ่ายหนี้ส่วนนี้ด้วย เพราะปัญหามาจากพ่อ การที่หนูบอกพ่อไปแบบนั้น จะดูเป็นลูกที่อกตัญญูไหมคะ

17 ม.ค. 2025

พ่อหนูเอาเงินเกษียณไปเปย์สาวที่ไม่เคยเจอตัวจริง จนเงินหมด 2 แสน

ทั้งๆที่ยังมีหนี้ของที่บ้านอยู่ หนูต้องบอกให้พ่อไปทำงานหาเงินมาใช้จ่ายหนี้ส่วนนี้ด้วย

เพราะปัญหามาจากพ่อ การที่หนูบอกพ่อไปแบบนั้น จะดูเป็นลูกที่อกตัญญูไหมคะ

          “คุณจู๊ฟ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี เป็นสายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [15 มกราคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว คุณพ่อเอาเงินเกษียณไปเปย์ผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้าจนเงินหมด

                โดย “คุณจู๊ฟ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูได้มีการวางแผนกับคนในครอบครัวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องที่ทางคุณพ่อจะเกษียณงานในวัย 55 ปี ซึ่งคุณพ่อพึ่งจะเกษียณเมื่อสิ้นปี 67 และคุณพ่อก็ได้คิดไว้ว่าอายุ 55 ก็ยังสามารถทำอะไรได้อีกเยอะ ก็เลยจะเอาเงินเกษียณไปลงทุนต่อยอดในการทำธุรกิจ เป็นของตัวเอง แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม่ก็ได้ไปเจอสลิปโอนเงินของพ่อที่โอนไปให้ผู้หญิงคนอื่น ทั้งหมด 2 แสนบาท และเงินก้อนนี้คือเงินที่จะเอาไปลงทุน ก่อนหน้านี้พ่อก็เคยมีพฤติกรรมที่คุยกับผู้หญิงคนอื่น หนูก็อดทนมานานแล้ว แต่ที่ตกใจที่สุด คือ จำนวนเงินที่พ่อโอนไปและผู้หญิงคนนั้น พ่อก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย

            ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนจริงๆรึป่าว เพราะพ่อคุยกันในโซเชียลอย่างเดียวเลย พ่อมีการโอนเงินไปให้เขาทีละ 20,000 – 60,000 – 80,000 แม่ของหนูเลยมาปรึกษากับลูกๆว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้คือจะทำยังไง? เพราะยังมีค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ที่ต้องจัดการ ค่าผ่อนบ้านและอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งหนูมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ลูกๆทุกคนก็ช่วยค่าใช้จ่ายในเรื่องการกินอยู่แล้ว แต่พวกค่าใช้จ่ายหลักๆก็จะเป็นทางพ่อมากกว่า พอมานั่งคุยกันหนูคิดว่าถ้าไม่ช่วยจะทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ไหม เพราะปัญหาทั้งหมดพ่อเป็นคนสร้างเอง ตอนที่ตกลงตอนแรก คือจะเอาเงินที่ได้จากเกษียณไปใช้จ่ายในส่วนนึงก่อนด้วย แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ ตอนนี้แม่ของหนูต้องการที่จะหย่ากับพ่อและขายบ้าน แล้วก็แบ่งเงินกัน แต่ฝั่งของพ่อไม่ยอมหย่าและไม่ขายบ้าน แต่พ่อก็ไม่ได้มีวิธีแก้ปัญหาอะไรเลย ซึ่งเงินจำนวน 2 แสนนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่พ่อจะได้แล้ว เลยทำให้ไม่เหลือเงิน แต่ก็ยังมีหนี้เหลืออยู่ และทางแม่ก็เป็นแม่บ้านและขายของที่บ้านหลังนั้นด้วย หนูอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า ถ้าเราคิดที่จะไม่ช่วยพ่อ มันจะผิดมั้ย จะดูอกตัญญูมั้ย?’

          “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้ความคำปรึกษาว่า ‘สุดท้ายเราก็ต้องเอาที่ตัวเองไหว ในเรื่องของความอกตัญญูคงต้องตัดออกไปก่อน ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่พ่อเป็นคนเริ่ม คนที่ควรเป็นเดือดเป็นร้อนก็ควรจะเป็นตัวของพ่อเองมากกว่า ลองเรียกคนในครอบครัวมาคุยกันว่าจะแก้ปัญหายังไง จะมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีกไหม?’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับคำถามว่าอกตัญญูไหม พี่มองว่าจู๊ฟก็ได้เข้าไปดูแลแล้วเท่าที่ทำได้ แต่ครั้งนี้ปัญหามันใหญ่เกินตัวเรา ซึ่งพี่มองว่าให้หาวิธีอื่นในการแก้ แต่ตัวของพ่อก็ต้องยอมให้ความร่วมมือด้วย อย่างเช่นให้พ่อออกไปทำงาน แล้วก็ให้เอาเงินเข้าแม่ทั้งหมด เพราะตอนนี้มองว่าไม่สามารถไว้ใจพ่อได้แล้ว หรือไม่ก็ต้องขายบ้านเพื่อเอาเงินมาใช้แล้วเปลี่ยนที่อยู่’

            สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้เอาแม่ออกมาอยู่กับจู๊ฟ ทำให้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเลยให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ในบ้านนั้นคนเดียว ให้เขารู้สึกว่าเขาต้องรับผิดชอบในบ้านนั้นแล้วให้สังเกตุดูว่าเขาได้ออกไปทำงานไหม ถ้ายังไม่ออกไปทำงานก็ปล่อยให้บ้านมันตัดไปเลยเดือนแรก เหตุการณ์นี่จะทำให้จู๊ฟเห็นเลยว่า พ่อคุณจู๊ฟไม่เอาอะไรแล้ว เพราะงั้นก็ให้แยกเลย’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

บริษัทแฟนจัดสัมมนา แต่แฟนเรามาบอกว่า หัวหน้าเขาขอเก็บเงินน้องๆผู้ชายในทีมหลักหมื่น เราเลยถามว่าบริษัทจัด ทำไมเธอต้องจ่าย? แฟนบอก "หัวหน้าเขาเตรียมเด็ก N รอไว้ที่นู่นแล้ว" จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้หนูควรทำยังไงดี?

02 ก.ค. 2024

บริษัทแฟนจัดสัมมนา แต่แฟนเรามาบอกว่า หัวหน้าเขาขอเก็บเงินน้องๆผู้ชายในทีมหลักหมื่น เราเลยถามว่าบริษัทจัด ทำไมเธอต้องจ่าย? แฟนบอก "หัวหน้าเขาเตรียมเด็ก N รอไว้ที่นู่นแล้ว" จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้หนูควรทำยังไงดี?

“คุณข้าว (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับแฟนไปสัมนาต่างประเทศ แต่โดนเก็บเงินจ้างเด็กเอ็น “คุณข้าว (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘แฟนต้องไปสัมนาไปดูงานกับทางบริษัทที่ต่างประเทศ แล้วแฟนมาบอกว่าต้องไปที่ที่นึง (ขอไม่เอ่ยชื่อ) แล้วเหมือนผู้จัดการจะเรียกเก็บเงินพนักงานในแผนกทุกคน เพื่อไปซื้อบริการ หรือจ้างเด็กเอ็นมาเอ็นเตอร์เทรน หนูงงว่า ทำแบบนี้กันได้ด้วยหรอ? เพราะผู้จัดการก็มีภรรยาแล้ว แล้วทำไมถึงจะจ้างเด็กเอ็น หนูไม่ค่อยสบายใจเลย ไม่ใช่หนูไม่ไว้ใจแฟนนะ แต่บางทีหนูไม่ไว้ใจเพื่อนร่วมงานเขา สมมติว่าแฟนหนูไม่ได้ทำก็จริง แต่ถ้าเกิดว่าโดนยั่วยุ พี่คุิดว่ามันจะอยู่เฉยๆได้ใช่มั้ยคะ ซึ่งหนูไม่โอเคเลยถ้าแฟนจะซื้อบริการ หนูถามเขาแล้วว่าอยากไปไหม เขาก็บอกว่า “ไม่อยากไป แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เพราะเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมา” หนูเพิ่งคบกันมาไม่นานมากเกือบครึ่งปี เวลามีอะไรก็จะเล่าให้ฟัง เขาเคยเล่าให้หนูฟังว่าเคยไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ครั้งนั้นมีเพื่อนไปด้วย เลยไม่ได้อยู่ร่วมวงเพราะแอบหนีกันมา แต่ครั้งนี้เพื่อนเขาไม่อยู่ด้วย หนูอยากถามว่า “ถ้าแฟนหนูไปหนูจะไว้ใจเขาได้ไหม หรือจะเอายังไงดี’ โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า “ถ้าพี่รับไม่ได้เรื่องเด็กเอ็น แฟนก็ไม่มีสิทธิ์ไปปาร์ตี้เด็กเอ็นอยู่แล้ว และพี่ก็เชื่อว่าไม่มีใครบังคับให้ใครใช้บริการนี้ได้ถ้าเจ้าตัวไม่เต็มใจ เป็นไปไม่ได้ เพราะนี้คือสิ่งที่ไม่ปกติ มันอาจจะเป็นพฤติกรรมปกติของผู้ชาย แต่ก็เป็นแค่คนเฉพาะกลุ่มที่ชอบแบบนี้ แล้วคนเหล่านี้ก็จะไม่บังคับคนที่ซื่อสัตย์ หรือรักแฟนให้ร่วมทำกิจกรรมนี้แน่นอน และด้วยประสบการณ์ของพี่ที่เขาเล่าว่า ”ปีที่เลยเคยเจอแบบนี้แล้วหนีออกมา“ มันคือการเล่าเกริ่นไปก่อนว่าเขาเป็นคนแบบไหน ถ้าหนีออกมาได้ มันไม่ได้ตั้งแต่แรก แล้วที่พี่ถามว่า ”ข้าวรับได้ไหมเรื่องเด็กเอ็น“ ถ้ารับไม่ได้ นั่นแปลว่ากิจกรรมนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับเธอ ต้องปฏิเสธ เพราะถ้าข้าวรับไม่ได้แล้วข้าวจะแคร์ผู้ชายคนนี้ทำไมที่เขาเป็นผู้ชายสายปาร์ตี้เด็กเอ็น ของแบบนี้ไม่มีใครบังคับให้ใครทำ มันไม่เหมือนการประกวดแต่งแฟนซีของงานเลี้ยงบริษัท อันนั้นมันเป็นกฎบริษัท แต่การใช้บริการเด็กเอ็นโดยการจ่ายเงิน ต้องมาจากความสัมครใจทั้งนั้น พี่จะไม่ตัดสินว่าแฟนข้าวเป็นแบบนั้นหรือป่าว แต่ถ้าข้าวรับไม่ได้ ไม่ผิดเลยที่จะยืนคำขาดว่า ไปสัมนากับบริษัทได้ แต่ไปกิจกรรมนี้ไม่ได้ แล้วในบริษัทไม่มีใครหน้าไหนบังคับเธอได้ด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธแล้วมันไม่น่าเกลียด แล้วพี่อยากให้ข้าวสังเกตุแฟน ไปเช็คเลยว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ระวังจะเจอตัวพ่อ ลองเผื่อใจไว้หน่อย เพราะผู้ชายดีๆปฏิเสธแน่นอน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดว่ามันไม่ใช่กิจกรรมหลักแน่ๆ ลองคิดดูนะว่ามีบริษัทจัดงานสัมนา แล้วปาร์ตี้เด็กเอ็นอยู่ในตารางกิจกรรม มันประหลาดนะ มันเหมือนกับแค่ไปเที่ยวกันแล้วพอกลางคืนก็ออกไปปาร์ตี้เตรียมเด็กเอ็นไว้ เพราะฉนั้น Main Event ควเป็นการไปเที่ยวไปทัวร์ แต่คงมีสักคืนหนึ่งที่แก๊งนี้จะแยกตัวออกไปเที่ยว เพราะฉนั้นไม่ใช่เรื่องเลยที่จะบอกว่าโดนบังคับ ไม่มีทางเลย ยิ่งกลุ่มหนึ่งแยกออกไป แล้วแฟนของข้าวบอกว่า “ตัวเองเค้าโดยบังคับ” ไม่เลยมึงอะอยากไปเองค่ะ ยิ่งบริษัทใหญ่ยิ่งไม่มีทางเลย พี่ยังไม่ได้ตัดสินแฟนหนูนะ ถ้าเกิดแฟนไม่อยากไปจริงๆ ลองให้เขาปฏิเสธ ลองไม่ไปดู แค่ไปเที่ยวปกติ ไปทัวร์ พอตกกลางคืนก็กลับเข้าห้อง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นด้วยกับทุกคนเลย พี่ว่าถ้าข้าวไม่ชอบ ก็บอกเขาไปเลย แล้วมาดูว่าเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เขาจะไป เขาจะไม่ไป หรือถ้าแบบขี้เหล่สุดคือเขาจ่ายเงินแต่ไม่ไป และมันก็มีวิธีที่ทำให้ข้าวสบายใจว่าเขาไม่ได้ไปจริงๆ วิดีโอคอลก็ยังได้ พี่ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องพิสูจน์ ว่าเขาไม่ไปที่นั้น ถ้าเขาพูดออกมาว่าไม่ชอบ ม่อยากไปที่นั้น พี่ว่าข้าวก็มีสิทธิ์ขอให้เขาทำในสิ่งที่เขาพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้ไปจริงๆ และยิ่งข้าวบอกว่า เขาได้เลื่อนขั้น เขายิ่งมีสิทธิ์เลือกว่าเขาจะทำอะไรไม่ทำอะไรนะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้าน เขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย” ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้

16 ก.ย. 2025

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้าน เขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย” ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้านเขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย”ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้ จะมีคนนึงเขามาประชิดตัวเราเดินตามติดๆ แล้วหันไปคุยโม้กับเพื่อน ทำเหมือนเราเป็นแฟนเขาหนูรู้สึกไม่ปลอดภัย ซอยที่อยู่ก็เป็นทางเข้าออกทางเดียว ไม่อยากเจอปัญหานี้แล้ว หนูจะทำยังไงดี?? “คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [10 ส.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาโดนแซวจากกลุ่มผู้ชายที่ไม่รู้จักขณะที่เดินกลับห้องหลังเลิกงาน โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ทุกวันหลังเลิกงานจะต้องเดินผ่านซอยหนึ่งกลับบ้าน แล้วจะมีคนกลุ่มนึงชอบนั่งสังสรรค์กินดื่มกันทุกวันด้วยเสียงที่ดังมาก ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ตื่นเช้ามาเราต้องเดินออกไปซื้อของกินที่เซเว่นอยู่แล้ว เขาก็จะแซวว่าน่ารักจังเลย มีแฟนหรือยัง ขยันทำงานจังเลย มีแฟนแบบนี้รักตายเลย ทุกครั้งที่เขาเห็นหนูเวลาเดินผ่าน เราต้องเดินก้มหน้า เพราะเราไม่อยากเห็น ไม่อยากมอง รู้สึกกลัวไปแล้วว่าเขาจะพูด จะทักอะไรหรือเปล่า เราก็ไม่ได้สนใจตรงนี้เพราะเป็นแค่คำพูด ยังทำเป็นไม่สนใจได้ แต่ที่เป็นปัญหาก็คือเขามาประชิดตัวเราและเดินตาม และหันไปพูดกับเพื่อนว่า “กลับบ้านก่อนนะ กลับบ้านแล้วนะ” อารมณ์เหมือนแฟนมาแล้ว และเขามาเดินติดกับเราเลย เราก็ไม่พูดอะไร รีบเดินอย่างเดียว พอถึงที่พักก็รีบวิ่งเลย เพราะทางเดินกลับมันคั่นกันแค่คูหาเดียว และเป็นซอยที่เข้าออกทางเดียว เขานั่งรวมตัวกัน 7-8 คน ทุกวันเลยยกเว้นวันที่ฝนตก เขาอายุก็กลางคน ประมาณ 30 - 50 ปี เป็นแก๊งพวกชอบนั่งกินเหล้าหน้าบ้าน น้ำอยู่หอคนเดียว แต่ว่ามีแฟนมาหาเดือนหนึ่งก็ 4 - 5 ครั้ง เราเคยเดินมากับแฟนแต่พวกเขาน่าจะไม่เห็น เพราะบางทีเรากลับดึก ถ้าแฟนมา กลุ่มนั้นก็เลิกกินกันแล้ว เราก็บอกแฟนนะเพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ 2 แล้วและเราก็กลัว แฟนก็บอกว่าจะเคลียร์งานและมาหาเราพรุ่งนี้ ช่วงกลางคืนแก๊งนี้เขาก็จะนั่งถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง ร้านค้าแถวนั้นก็จะปิดหมดแล้ว ในซอยก็เลยจะมีแต่คนกลุ่มนี้ที่นั่งอยู่ เราอยู่ที่ห้องเช่านี่มาได้ 4 - 5 ปีแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่เคยคิดที่จะย้ายเพราะตึกที่อยู่ตอนนี้ก็ราคาสอดคล้องกับรายได้ของเรา แต่แก๊งนี้เขาก็อยู่มานานกว่าเราอีก เราเคยคุยกับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่าไม่เคยมีใครโดนแบบนี้ ปัญหาของน้ำวันนี้ที่อยากจะปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนคือ เราจะรับมืออย่างไรดี? อยากได้ทางออกจากพี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน’ เริ่มด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพวกเขานั่งกันอยู่ตรงนั้น แล้วถึงขั้นเดินตามแบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา การเข้าออกซอยถ้ามันดึก หนูอาจจะเลี่ยงด้วยการไม่เดินเข้า หรือนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามา แบบนี้น่าจะเลี่ยงได้ เราไม่ต้องไปปะทะ ไม่ต้องไปอยู่ให้เขาทำจนเคยชิน จนรู้สึกว่าสามารถทำอะไรกับเราได้แบบไม่ขัดขืน หรือเราเปิดอกคุยกับเขาไปเลยว่า “ขอโทษนะคะ อย่าทำแบบนี้เลยหนูเป็นผู้หญิงคนเดียวแบบนี้มันตราย หนูไม่สบายใจเลย” การที่แฟนหนูมาพรุ่งนี้ เราอาจจะขอให้เขาอยู่หลายวันนิดนึง ให้ผู้ชายกลุ่มนั้นรู้ว่าหนูมีแฟนอยู่’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราคงต้องให้แฟนมาส่ง ถ้าเกิดเราอยู่คนเดียว ก่อนที่หนูจะเข้าไปคุยกับเขา อาจจะถามดีๆ เพื่อดูท่าทีและประเมินสถานการณ์ก่อน ถ้าเป็นคนดี เราก็พูดบอกไปว่า “หนูค่อนข้างไม่สบายใจเวลาเดินแล้วมีคนมาแซว ขอโทษจริงๆ นะคะ” แต่ถ้าคนกลุ่มนี้พูดไม่ดีเราก็หันหลังเดินกลับเลย คนพวกนี้สื่อสารด้วยไม่ได้ คุยช่วงหัวค่ำยังได้แต่ช่วงดึกไม่แนะนำ หลังจากนั้นก็เดินกับแฟนบ่อยๆ ธงสุดท้ายของเราคือการย้ายออก’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อันดับแรกเราต้องเลี่ยงเองก่อน นั่งมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปเลย หรือเลี่ยงเดินผ่านเวลาที่เขานั่งกินเหล้า ถ้าเลี่ยงไม่ได้ แนะนำธงสุดท้ายคือการย้าย ถ้าเราต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ทุกวัน เอาส่วนต่างมาเทียบกันในแต่ละเดือนที่จะต้องจ่ายเพิ่ม 500 - 1,000 บาท หรือหาห้องดีๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน’เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFung Fin

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

21 มิ.ย. 2024

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขาผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย”แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อนกลับไปหาคนเก่าเขาบอก “เราพูดเองนะว่าไม่ต้องรอ ตอนนี้มีคนใหม่แล้ว” “คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาขอคำปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา Position เรื่องเซ็กส์ที่ไม่ตรงกับแฟนเก่า โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ผมตัดสินใจบอกเลิกแฟนเก่าไป ซึ่งเหตุผลที่ผมบอกเลิกเค้า มันเป็นเหตุผลที่ไม่น่าเอามาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิก ผมกับแฟนเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ และ Position ของเราคือเราเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่ เวลาที่เค้าขอมีอะไรด้วยผมก็จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากมีอะไรด้วย ผมก็เลยคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะไปด้วยกันได้มั้ย ผมก็เลยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปทั้ง ๆ ที่เค้ายังรักผมมาก ตัวเค้าเองก็งงว่าเพราะอะไร แล้วเค้าก็ยื้อผมและว่าจะไม่ทำแล้วก็ได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมเองก็มั่นใจว่าจะเลิก ผมก็เลยบอกเลิกเค้าไป จนผ่านมา 1 เดือน ผมก็ไปคุยกับคนใหม่ที่ Position ตรงข้ามกัน ซึ่งในส่วนนี้ผมก็โอเคแล้ว แต่ในเรื่องของความรัก การเอาใจใส่ การดูแล ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ และไม่เหมือนกับคนเก่า ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่ และบอกเลิกกับคนใหม่ เลยทำใจอยู่พักหนึ่งและทักไปหาคนเก่าเพื่อบอกขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น และขอโอกาสในการกลับไปคบกันได้มั้ย แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเค้ามีคนคุยใหม่ไปแล้ว เพราะตอนนั้นผมบอกเค้าว่าไม่ต้องรอ ยังไงผมก็ไม่กลับ ซึ่งตอนที่เค้าบอกว่ามีคนใหม่ไปแล้วผมรู้สึกจุกมาก ทำอะไรไม่ถูก นึกสงสารเค้าตอนที่เราไปทำกับเค้า คือการไปมีคนใหม่ ตอนที่เค้ารู้ เค้าต้องเสียใจมากกว่าเราอีกกี่เท่า เค้าต้องนั่งร้องไห้คนเดียว พอเรามาเจอเองเลยรู้สึกอยากกลับไปรักเค้าอีกสักครั้ง ผมยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองในเรื่องของ Position เพราะผมพึ่งมาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันมีค่ามากแค่ไหน ณ ตอนนั้นผมเอาเรื่อง Position มาตัดสินความรักที่เค้ามีให้ผม ซึ่งมันไม่ควรเลย และตอนที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้วเค้าบอกกับผมว่า “ถ้าวันไหนที่เราและเค้าโสด เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” ผมเลยบอกเค้าว่าจะรอ แต่ผมก็คิดในใจว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่น่าให้อภัยเลย ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะรอเค้าหรือหายไปจากเค้าดี...?’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อกหักครั้งแรกมันจะเจ็บมากอยู่แล้ว ตอนนี้บิวแค่ต้องยอมรับความจริง พี่มองว่าบางอย่างมันเกิดขึ้นก็เพื่อให้เรารู้ตัว หรือทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง และบางครั้งการที่คนเราจะเรียนรู้อะไรบางอย่างมันจะต้องเสียไปก่อน บางครั้งเราต้องเก็บมันเป็นประสบการณ์ และยอมรับความจริง บางอย่างไปแล้วไปเลย ไม่ใช่ว่าเราจะฟูมฟาย โวยวาย เพื่อเรียกร้องโอกาสกลับมา และถ้าเรารักเค้าจริง สิ่งที่เราควรจะคิดคืออย่างที่พี่เติ้ลบอกว่าชีวิตของเค้าไม่ได้ต้องการการรักษาอะไร เค้าอาจจะได้ไปพบกับความรักที่ดีและเหมาะสมกับเค้า แล้วที่เค้าบอกว่า “ถ้าวันใดวันหนึ่งเราโสดทั้งคู่ เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” พี่ไม่อยากดับฝันนะบิว ประโยคนี้คือประโยคพื้นฐานในการบอกเลิกสำหรับวัยรุ่น แล้วอยากให้การเลิกกันครั้งนี้มันไม่ทำร้ายจิตใจกันมาก สิ่งที่บิวต้องทำตอนนี้คือยอมรับความจริง ว่าตัวเราเคยเสียคนรักไปคนหนึ่งไปด้วยเรื่องนี้นะ เอาไว้เป็นประสบการณ์ และถ้าจะรอ รอได้ครับ แต่ต้องรอเงียบ ๆ รอแบบที่ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเค้า ซึ่งบิวจะทำได้จริงรึป่าว มันทรมาน เพราะงั้นถ้าบิวเอาเรื่องนี้เป็นประสบการณ์แล้วไปหาคนรักที่เหมาะสมกับบิวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้จะไม่เจอใครอีก เพราะบิวพึ่ง 19 และนี้มันคือการอกหักครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกมันเจ็บเสมอ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความที่ประสบการณ์บิวน้อยมากในการมีแฟน คนแรกก็คือคนที่คบกัน 9 เดือน ซึ่ง 9 เดือนยังไม่รู้จักกันดีพอเลย โดยเฉลี่ย 2 ปีที่จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ความหลงความวาบหวิวมันจะค่อย ๆ ละเลือนหายไป ง่าย ๆ เลยนะคะ มันเหมือนแก้วที่มีฝุ่นอยู่แล้วยังไม่ตกตระกอน และบิวกำลังเปรียบเทียบระหว่างคนเก่ากับคนใหม่แค่ 2 คนเอง คือถ้าพี่มองพี่ก็ไม่รู้ว่ารุก-รับ มันสามารถเปลี่ยนกันได้ไหม และประเด็นคือบิวยังไม่เคยลองมาก่อนบิวจะไม่รู้ว่ามันโอเครึป่าว พี่มองว่าปัญหาเรื่องเซ็กส์เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน คนเก่ากลับมาก็ยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม แล้วจะแก้ไขได้รอดไหมก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นถ้าเป็นรุกเหมือนกัน พี่ก็จะตอบเลยว่าคนนี้ยังไม่ใช่ แล้วคนที่เลิกกันไปก็ยังไม่ใช่ คือวันนี้ที่คบกันไป 2 คน คือยังไม่ใช่ทั้ง 2 คนเลย บิวแค่เปรียบเทียบว่าคนไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าบิวใช้ชีวิตตามหาคนที่ใช่จริง ๆ มันจะไม่มีข้อเสียที่เป็นข้อใหญ่ขนาดนี้ เรื่องเซ็กส์สำหรับเด็ก 19 ไม่เราก็เค้าเดี๋ยวจะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าอยากจะรอเพราะรู้สึกว่าคนนี้ใช่แล้ว ก็รอได้ไม่เสียหาย เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่ใคร มันคือบิว และการรอก็ต้องเผื่อใจว่าถ้ากลับมาแล้วก็อาจจะเลิกกันอีกก็ได้ ถ้าเลิกกันอีกครั้งบิวก็ต้องแข็งแรงขึ้นกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้บิวดูเจ็บหนักมากด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่ เหมือนกับโดนมีดบาดครั้งแรกที่มันโคตรจะเจ็บเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าให้พี่แนะนำว่าเราควรจะหายไปจากชีวิตเค้าเลยไหม คือ ณ วันนี้เราไปยุ่งกับเค้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเค้ามีแฟนแล้ว เราต้องให้เกียรติคนที่เค้าคุยด้วย และการที่เราเข้าไปวุ่นวายกับแฟนเก่ามาก ๆ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง ให้หาใครสักคนคุยไปด้วยหรือตามหาคนที่ใช่ อย่าเสียเวลา และจะได้เรียนรู้ด้วยว่าคนที่ใช่เป็นแบบไหน เข้ากับเราได้ไหม หาไปเรื่อย ๆ มันคือเรื่องของชั่วโมงบิน’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกเป็น 2 อย่างนะบิว อย่างแรกเรื่องที่น้องบิวอกหักตอน อายุ 19 พี่เติ้ลว่านี่คือเรื่องปกติ เพราะถ้าอย่างพวกพี่ย้อนกลับไปตอนอายุ 19 พวกพี่ก็ทำอะไรผิดพลาดมาเยอะ พี่ว่าดีที่สุดคือการเอามันมาเป็นบทเรียน ว่าเราเคยเลิกรากับคนหนึ่งไป ในกรณีคนแรกเราอาจจะยังพยายามไม่พอ หรือถ้าเราลองพยายามเปิดใจมากกว่านั้น เราลองดูแล้วมันไม่ใช่แล้วเราเลิกกันก็อาจจะสบายใจกว่า ณ ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลพี่ว่าต้องเอามาเป็นบทเรียน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าพี่ย้อนกลับไปก็อยากไปตบกระบาลตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องบางเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราก็แค่ต้องไปต่อ และพี่ไม่อยากให้บิวคิดว่าผู้ชายคนแรกนั้นดีสุด ๆ จนคิดว่าตัวเองไม่สามารถหาได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มันไม่จริงหรอกบิว หนูพึ่งผ่านมาแค่ 2 คน พี่เชื่อว่าบิวทนอีกหน่อยรอให้เวลามันผ่านพ้นไป เดี๋ยวมันจะมีคนที่ทั้งดูแลบิวและเค้าก็จะมีรสนิยมเป็นรับที่ดูโอเคมาก ๆ ก็ได้ อันที่สองเรื่องรสนิยมทางเพศ การที่บิวบอกว่าถ้าเค้ากลับมาผมพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง พี่อยากจะบอกว่าบิวใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเกินไป เพราะ มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าบิวรองเป็นโพซิชั่นรับ แล้วบิวโอเคกับมัน และไปต่อได้อย่างเพอร์เฟค แต่พี่เห็นหลายคู่มากที่มีการพยายามแบบนี้ แต่สุดท้ายมันไม่สามารถไปได้จริง ๆ เพราะถ้าเค้าไม่แฮปปี้แบบสุด ๆ ที่จะทำ สุดท้ายเค้าก็อยากนะกลับไปเป็นแบบเดิมที่เค้าเป็น ซึ่งพี่ว่าเรื่องแบบนี้ในวัยเท่านี้มันค่อนข้างเป็นปัจจัยหนึ่งที่เค้าจะเลือกคู่ของกันและกัน หรือบางคนที่เค้าไม่ต้องการเซ็กส์มันก็จะไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าถ้าเป็นคนที่ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แล้วต้องการให้อีกฝ่ายสนองความต้องการของตัวเอง พี่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญ ถ้าเราต้องหักความต้องการของตัวเองขนาดนั้นแล้วเราไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น พี่ว่ามันจะไม่รอดในระยะยาว ตอนนี้บิวแค่เอาใจไปยึดติดกับคนแรกมาก ๆ จนไม่เหลือพื้นที่ให้กับตัวเองในอนาคตเลย ซึ่งถ้าตอนนี้เค้ามีคนใหม่แล้ว บิวต้องไปมีชีวิตของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

15 มี.ค. 2024

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลยสุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก"ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา"ตอนสามีพี่อยู่กับหนูเขาก็พูดถึงแต่พี่" ขออยู่กัน 3 คนผัวเมีย “คุณเค(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (13 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟน โดย ​“คุณเค(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งมา 15 ปี เราเป็นแฟนกันตั้งแต่หนูอายุ 17 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ตลอดเวลา 15 ปี เราก็ใช้ชีวิตของเรา มีปัญหามากมายเข้ามา เขาก็ทะเลาะวิวาท ไปติดคุก เราก็รอเขาอยู่ 3 - 4 ปี จนเดินทางมาถึงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนปลายปีที่แล้ว หนูมีปัญหาเรื่องหนี้สิน บริหารการเงินผิดพลาด มันมาจากหนี้ก้อนเล็ก ๆ เหมือนเรายืมเงินจากเจ้านี้ไปจ่ายเจ้านู้น ก็เลยกลับกลายเป็นงูกินหาง แล้วทีนี้เขาก็มีการถามหนู แต่หนูบอกเขาไม่หมด จนวันหนึ่งเขามารู้ความจริง หนูก็คิดว่าเขาน่าจะช่วยหนูแหละ แต่เขากลับเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีในบ้านออกไป แต่การไปของเขาคือ เรายังไปมาหาสู่กัน ยังมารับไปกินข้าว ไปนอนด้วยกัน เราก็ไม่ได้เลิกขาดแต่เราแค่ห่างกัน แล้วเขาก็บอกหนูตลอดว่า เนี่ยเธอก็ไปจัดการของเธอให้เสร็จนะ แล้วเดี๋ยวเราก็กลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 เราตกลงเป็นแฟนกัน จนมาถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันนั้นหนูรู้สึกไม่อยากไปทำงาน เลยโทรไปถามเขาว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? ด้วยความที่เขาออกจากบ้านไปเช่าห้องอยู่ เขาก็บอกว่า ไม่ได้อยู่ห้อง หนูก็บอกว่า ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องล็อคห้องนะ เดี๋ยวจะไปนอน เขาบอกว่า ไม่ต้องมา ออกมาแล้ว ซึ่งหนูก็รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง หนูก็ไปถึงปุ๊บ เห็นรถเขาจอดอยู่ หนูก็เลยไลน์ไปถามอีกว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? เขาบอกว่า ไม่อยู่ ออกมาแล้ว หนูก็เลยถามตัวเองว่า ยอมรับได้หรือเปล่าถ้าต้องเจออะไร ก็เลยเลือกที่จะรออยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ก็คิดในใจว่าขึ้นไปดีกว่า แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนในหนังเลย พอหนูผลักประตูเข้าไปในตัวอาคาร เขาเดินลงมาด้วยกัน 2 คนจากบันไดขั้นสุดท้ายพอดี พอเขาเห็นหนู เขาดึงมือผู้หญิงคนนั้นไว้ข้างหลังเขา หนูก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่ถามอะไรสักคำ แล้วเดินหันหลังมาเลย หนูได้แต่บอกตัวเองว่ามันจบแล้ว และหนูก็ไม่ติดต่อเขาไปอีก จนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาไลน์มาว่า เธอพรุ่งนี้วันวาเลนไทน์นะ อยากได้อะไรหรือเปล่า? เขาอยากให้หนูเป็นครั้งสุดท้าย หนูก็ตอบไปว่า ไม่อยากได้อะไรเลย เพราะสิ่งที่ขอ ได้ขอไปหมดแล้ว ไม่เอาแล้ว เขาก็บอกว่า งั้นดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกัน หนูก็มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เช่าห้องเล็ก ๆ อยู่คนเดียว เพราะบางวันเราเลิกงานดึก เผื่อไม่ต้องกลับบ้าน ส่วนลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู วันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พอหนูขับรถจากที่ทำงานมาถึงหอพัก รถเขาก็จอดอยู่ หนูก็ตกใจว่าเขามาได้ยังไง เขาก็บอกว่า ทุกวันเขาไปแอบดูหนูที่ทำงาน แล้วก็สะกดรอยตามจนรู้ว่าหนูอยู่ที่นี่ ตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาพูดตลอดว่า ขอเวลาได้ไหม สัญญาด้วยชีวิตว่าวันหนึ่งจะกลับมา ขอโอกาสได้ไหม? ซึ่งหนูก็บอกเขาไปว่า ให้เวลาได้แต่ไม่นานพอถึงกับไม่มีกำหนด แล้วมันคาราคาซังแบบนี้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขามาหาหนู เขาก็จะพูดแบบนี้ ซึ่งหนูไม่อยากจะเชื่อในคำพูดเขาแล้ว เพราะการกระทำของเขามันทำให้เห็นชัดแล้วว่า เขาไม่กลับมาหรอก... แต่ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันมานาน ทุกครั้งที่เขาจะมา เหมือนเราใจอ่อนปล่อยให้เขามา ทุกครั้งที่หนูเริ่มที่จะอยู่ได้ พอเขามาหนูต้องเริ่มต้นใหม่อีก แต่หนูก็ได้บอกสิ่งที่ต้องการกับเขาไปแล้วว่า ถ้าคุณจะไป คุณไปจากเราได้เลย ไม่ต้องหันหลังกลับมา ซึ่งเขาก็บอกว่า เขารู้แค่ว่าเขาไม่มีวันทิ้งหนู เขาไปจากหนูไม่ได้ เขาไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็คิดถึงหนู แต่หนูบอกว่า ไม่เป็นไร ถ้าจะไปคุณไปให้สุดเลย แต่ถ้าวันหนึ่งคุณอยากกลับมา คุณต้องมาแบบ 100% เขาก็บอกว่า ขอได้ไหมอย่าเป็นแบบนี้ ช่วยยอมรับหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นความผิดของหนู ถ้าวันนั้นหนูไม่เป็นหนี้ ไม่มีปัญหาชีวิตแบบนั้น เขาก็ไม่ออกจากบ้านมาหรอก เราก็มีความสุขกันดี แต่วันนี้ที่เขาไปมีคนอื่นมันเป็นเพราะหนู ในเรื่องของความเป็นพ่อ เขาก็เป็นพ่อที่ดีในระดับหนึ่ง เขาส่งเงินมาให้ตลอดทุกอาทิตย์ แต่ตอนที่ลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู เราก็ไม่ได้ห่างกัน เพราะบ้านเราอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อก่อนเราทำงานกลางคืน ช่วงกลางวันลูกจะอยู่กับเรา เราจะไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปรับลูกมาอยู่ด้วยกัน พอถึงเวลานอนแค่นั้นที่จะให้อยู่กับตายาย หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เขายอมรับว่ารักผู้หญิงคนนั้น แต่รักหนูมากกว่า วันที่หนูจับได้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ทางผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาหนูว่า พี่จะเอายังไง? หนูก็บอกว่า พี่ต้องเอาสามีพี่คืนสิ เขาก็บอกว่า ไม่ให้ ก็นี่จะเอาเหมือนกัน หนูก็บอกว่า พี่ก็ไม่อยากแย่งผู้ชายกับใครนะ แม้ผู้ชายคนนี้จะเป็นสามีพี่ก็ตาม ถ้าหนูจะเอาก็เอาไปเถอะ จนเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้โทรมาหาหนูและถามว่า พี่คิดว่าเราจะใช้ชีวิตกันแบบ 3 คนได้ไหม เพราะเขาก็ยังคิดถึงพี่ พี่จะรับได้ไหม? หนูก็บอกว่า รับไม่ได้ ไปอยู่กันเถอะ หนูอยากถามว่า หนูจะทำยังไง ให้ตัวเองเด็ดขาดที่ไม่ให้เขามาหาอีก? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีวันทำได้ ไม่ต้องพยายาม หนูเฝ้าบอกทั้งตัวเองและพวกพี่ทั้ง 3 คนว่าหนูทำใจได้ แต่ในความเป็นจริงหนูไม่มีวันทำได้ ถ้าทำได้มันทำไปแล้ว และปลายทางที่ยังบอกเขาว่า ถ้าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ เธอต้องกลับมา 100% นะ แค่คำนี้ก็บอกแล้วว่าต่อให้เขาไปเลวระยำตำบอนที่ไหน กลับมาได้ทุกเมื่อ สำหรับเคก็ยอมผู้ชายคนนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ไม่มีวันที่เคจะต่อต้านอะไรเขาได้ เพราะลึก ๆ แล้วจิตใต้สำนึกเคไม่ได้จะต่อต้านเขา จริง ๆ วิธีการที่เราจะตัดใครสักคน ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าก็ตัดให้มันเด็ดขาด แต่สุดท้ายเราฟังออกว่า ใครที่มีความเด็ดเดี่ยวที่จะตัดจริง ๆ กับใครที่ไม่มีวันตัดได้ คือถ้าคนที่บอกว่าตัวเองเด็ดขาด มันจะไม่รับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะขอกลับมาด้วยรูปแบบไหน เขาจะไม่มีวันได้กลับมา แต่ตอนนี้กับเคมันไม่ใช่ วัดจากอายุเขาอยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เขาคือส่วนที่เลวร้ายของชีวิต ถ้าเป็นร่างกายเขาก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับเนื้อร้าย วันหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาก้อนเนื้อร้ายนั้นออกไป แต่เราเองนี่แหละที่พยายามแย่งชิงเนื้อร้ายกลับมา มันแค่นี้เอง โดยที่เราคิดว่านี่คือแฟนคนแรกที่อยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เราไม่ได้คิดว่าชีวิตฉันแย่มาครึ่งชีวิตแล้ว คำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องครบพ่อ แม่ ลูก 3 คน จำนวนของคนครอบครัวที่น้อยที่สุดคือ 2 คน ตอนนี้โรงเรียนเขาสอนเด็กทุกคนแบบนี้ หลาย ๆ ครอบครัวเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เมื่อมีใครสักคนออกไป ลองเปลี่ยนความคิดนี้ดูใหม่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมัน แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีกับชีวิต ครอบครัว และลูกของตัวเอง ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ช่วยยังไงในเมื่อปากเคยังบอกให้เขาเข้ามา พวกพี่จะทำอะไรได้ แย่งเขากลับมายังง่ายกว่าเลย เพราะผู้หญิงคนนั้นเขาเริ่มลังเลแล้วว่า ผู้ชายอยู่กับเรายังบอกคิดถึงเมียเก่า แต่สิ่งที่แย่งชิงคือ แย่งขยะกันอยู่ไง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สบายใจหรอก โยนกันไป โยนกันมา ขยะติดมือใครคนนั้นก็เหม็นแค่นั้นเอง แล้วก็ผู้ชายที่มีคนอื่น มีโลกสองใบ ยังจะโยนความผิดให้กูอีก เพราะว่ากูเป็นหนี้ถึงทำให้มึงมีเมียน้อยมันใช่ไหมล่ะ ตอนนี้พี่ก็เหลือแค่งัดปากเคขึ้นมาบอกว่า ไม่ให้มา ปากเคเป็นคนพูดเอง เคต้องรู้จักปฏิเสธ และขอย้ำเลยว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ใช่พ่อ แม่ ลูกเท่านั้น ครอบครัวที่สมบูรณ์คือ การดูแลเด็กคนนี้ด้วยความรัก ความสุข ด้วยกำลังแรงกายแรงใจทั้งหมดที่เธอมี ซึ่งวันนี้เธอจะเอาความสุขไปดูแลลูกไม่ได้เลย ถ้าชีวิตเธอยังไม่มีความสุข ผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต ต่อให้มันไปมีเมียน้อยก็ไม่มีความสุข กลับมาก็ไม่มีความสุข ให้ผู้คนหญิงคนนั้นไป เด็ดเดี่ยวในการพูดว่า ไม่ แล้วบล็อก ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉัน เธอไม่ได้ดีพอที่จะเป็นสามีที่ดีและพ่อของลูกฉัน ณ วันนี้ทำหน้าที่พ่อไป เพราะหน้าที่สามีสิ้นสุดตั้งแต่มีผู้หญิงคนนั้นแล้ว สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่พูดมันอาจจะทำร้ายความรู้สึกหนู แต่ว่าพี่อยากให้หนูมีชีวิตที่ดีกว่านี้ คำถามที่หนูถามว่า ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้ พี่ก็จะบอกว่า ทำให้ได้อย่างที่หนูพูดกับพวกพี่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นรายการ ถ้าหนูจำไม่ได้หนูไปเปิดฟังอีกทีก็ได้ เอาจริง ๆ หนูเป็นคนฉลาด หนูพูดเหมือนหนูรู้ทุกอย่างว่าสามีคนนี้เป็นคนแบบไหน หนูแค่ต้องทำให้ได้อย่างที่หนูรู้ด้วยการใช้สมอง เพราะพี่รู้สึกว่าทุกครั้งเวลาที่เขากลับมา หนูจะใช้ความรู้สึกอย่างเดียวเลยว่า หนูขาดเขาไม่ได้ แต่ถ้าหนูใช้สมองตามที่หนูคิด อย่างที่พูดกับพวกพี่มาทั้งหมด หนูจะบอกกับตัวเองได้ทันทีว่า หนูจะไม่ปล่อยให้คนนี้กลับเข้ามาในชีวิตเป็นอันขาด มันยากพี่เข้าใจ แต่ถ้าเราใช้เหตุผลคุยกับตัวเอง พี่ว่าหนูจะผ่านมันไปได้ การที่เขาอยู่กับเรามาตลอดครึ่งชีวิต แล้วเขาทำกับเราแบบนี้ มันยิ่งชัดเจนเหลือเกินว่า คนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยที่เราจะต้องรักษาเอาไว้ อยากให้กลับไปฟังสิ่งที่ตัวเองพูดทั้งหมด แล้วทุกครั้งถ้าเขาจะกลับมาก็เปิดสิ่งที่พูดให้พวกพี่ฟังก็ได้ และเราเป็นคนเลือกได้นะเค ไม่ใช่เขาเป็นคนเลือก ว่าจะกลับหรือไม่กลับมาในชีวิตเรา มันเป็นสิทธิ์ของเรา เหมือนที่เขาเลือกชีวิตของเขาที่จะทิ้งเราไปและมีผู้หญิงคนอื่น...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1