
02 ส.ค. 2024
เปิดความสนิท รับข้อคิดแรงบันดาลใจ จาก “เต้ และ อาร์ตตี้” สองเพื่อนซี้สุดปัง ผู้สร้างสรรค์พลังความสนุก จากแก๊ง Powerpuff Gay
CLUB นี้ยังคงรวมหลากหลายสีสันของชีวิต และคอยแบ่งปันแรงบันดาลใจดี ๆ ในทุกสัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์คกระทบไหล่กับตัวแม่ กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดซี้ จากจักรวาล Powerpuff Gay “เต้ และ อาร์ตตี้” จาก นักแสดงละครเวที และ เด็กภาพยนตร์และแอนิเมชั่น สู่การเป็น Content Creator ชื่อดัง ที่หลากหลายคนชื่นชอบ สีสันของชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ถูกส่งต่อเอาไว้แล้วในรายการย้อนวัยเด็ก และการยอมรับจากครอบครัว ของ อาร์ตตี้ และ เต้ Powerpuff Gayอาร์ตตี้ : “ในวัยเด็ก เราค่อนข้างจะเป็นคนที่ชอบเสียงหัวเราะ ชอบแสดงออกตั้งแต่เด็กๆ เลย เป็นคนชอบทำกิจกรรม ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ค่อยมีเพื่อน LGBTQ+ นะ จะมีเพื่อนผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าเราจบโรงเรียนหญิงล้วนมาคือตอน ม.ปลาย หนูเข้าไปอยู่โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนหญิงล้วนของจังหวัด แต่ว่าปีหนูเป็นปีแรกของโรงเรียนที่มีผู้ชายเข้ามา เพราะฉะนั้นก็จะมีนักเรียน 55 คนต่อ 1 ห้อง เป็นผู้หญิง 50 คน ผู้ชาย 5 คน แล้วผู้ชาย 5 คือกะเทย 3 เกย์ 1 ไม่ระบุเพศอีก 1 เพราะฉะนั้นเราก็จะมีเพื่อนเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ แต่พอเราเป็นกะเทย พอได้เข้าไปโรงเรียน ความกิจกรรมมันนำพาเรื่องความแปลกใหม่ สีสันหลังจากที่เราเข้ามาเรียนโรงเรียนหญิงล้วน แล้วด้วยความที่เรารำเป็น ชอบแสดง เวลามีงานฝรั่งเศส เราก็จะครีเอทการแสดงแบบปัง เอาความ Lip sync มาโชว์ ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน เราเลยกลายเป็นผู้นำพาสีสันเข้ามาในเรื่องการยอมรับตัวตนของคนในครอบครัว เราเกิดมาโชคดีที่สถาบันครอบครัวของเราค่อนข้างจะสนับสนุนกับสิ่งที่เราเป็น แล้วก็โชคดีที่สถาบันการศึกษาของเราทุก ๆ ที่ไม่เคยปิดกั้น แล้วก็ซัพพอร์ทเราทุกอย่าง เราเป็นหัวหน้ากิจกรรม เป็นตัวแทน ประกวดมารยาท เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันตลอด ซึ่งผู้ชายจริงหญิงแท้ก็มี แต่ทำไมต้องเป็นเรา เพราะฉะนั้นเราถูกซัพพอร์ทมาโดยตลอด ก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนกดขี่ จะมีแค่คำพูดจากเพื่อนที่ทำงานของคุณพ่อ ที่มีบ้างบางครั้งเรารู้สึกว่า ทำไมต้องพูดอะไรแบบนี้ ซึ่งพวกเขาเป็นคนนอกที่มีปัญหา แต่คนในบ้านเราไม่มีปัญหาเลย”เต้ : “ของเต้ เราเป็นคนที่ปิดบังเรื่องเพศไม่ให้ใครรู้มาตั้งแต่สมัยเด็ก แล้วมาเริ่มยอมรับตัวเองตอนช่วง ม.ปลาย เหมือนกับว่ามีรุ่นน้องชอบมาถามบ่อย ๆ ว่า พี่เต้เป็นเกย์รึเปล่าอะไรแบบนี้ ตอนแรกเราก็ยังไม่ค่อยโอเคในการถามอะไรแบบนี้ จนมันเกิดความสงสัยว่าเอ๊ะหรือฉันเป็น แล้วมันก็บวกกับการที่เราบังเอิญไปชอบเพื่อนที่เป็นผู้ชายด้วย ก็เลยรู้สึกว่าก็ใช่แหละ เต้ก็เลยรู้สึกตัวเองไม่ได้ผิดแปลก และเป็นตัวของตัวเองแต่ว่าไม่ได้บอกใคร จนพอเราโตขึ้นมาช่วงนึงเหมือนที่บ้านเค้าก็คงจะรับรู้ได้ว่าเราไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีการคุยกัน จนมาทำงาน เราก็เลยได้มีโอกาสเปิดอกคุยกัน ตอนที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับคุณพ่อคุณแม่ ก็เลยไปนั่งคุยกับเค้าเลยว่าเต้ไม่ได้ชอบผู้หญิงนะ เต้ก็บอกเค้าตรง ๆ แล้วเค้าก็บอกว่าไม่แปลกใจ รู้อยู่แล้ว พอได้นั่งคุยกับเค้าไปเรื่อย ๆ ถึงรู้ว่ามันมีบางอย่างที่เค้าเป็นห่วง กลัวว่าเราอาจจะต้องใช้ชีวิตคนเดียว นี่คือปัญหาหลัก ๆ เลยของพ่อแม่ที่มีลูกเป็น LGBTQ+ จะต้องเจอพอเราได้พูดคุยกันมันปลดล็อคครับ เหมือนเป็นช่วงเวลาที่เราได้ยกบางอย่างที่มันหนักมาก ๆ ที่เราแบกมาแบบตั้งแต่เรารู้ตัวเอง ตั้งแต่อายุ 16 ปี จนมาบอกเค้าตอนอายุเกือบๆ 30 ปี แล้วมันสบายใจ หลังจากนั้นมาเต้ก็สนิทกับพ่อกับแม่ได้แบบเยอะขึ้นกว่าเก่า แล้วแม่อยากได้อะไร ป๊าอยากได้อะไร เราให้เค้าได้หมดเลยทุกอย่าง ตอนนี้เราสามารถแนะนำเครื่องสำอางให้แม่ใช้ได้โดยที่ไม่เคอะเขิน”อาร์ตตี้ : “พอพูดถึงประเด็นนี้ ต้องบอกว่ากะเทยเมื่อก่อน ถ้าเป็นกะเทยต้องเก่ง ต้องมีความสามารถ ต้องเรียนให้ดี ถึงจะเป็นที่ยอมรับ ทั้ง ๆ ที่เราก็แค่คน ๆ หนึ่ง”เต้ : “จริง ๆ เราก็ใช้ชีวิตของเราได้ ไม่ต้องไปพิสูจน์ให้ใคร”อาร์ตตี้ : “อย่างแม่เค้าจะเห็นอาร์ตกล้าแสดงออก ชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งเมื่อก่อนเค้าก็จะไม่ค่อยมีคอมเมนต์อะไร แต่ก็แค่รู้ว่าลูกเราไปซ้อมนะ แล้วเค้าก็ค่อนข้างที่จะปล่อยแล้วก็เชื่อใจเราว่าไปซ้อมเต้นกลับมาตี 1 ตี 2 เดี๋ยวมันก็กลับมา และเราก็ตั้งใจเรียนไม่เคยสอบตก ไม่เกเร เพราะฉะนั้นตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ เค้าไม่ค่อยมีฟีดแบ็คอะไรจนมาเป็น Tiktoker มันมีเรื่องของเงิน เรื่องของงาน มันเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ แล้วเราก็เป็นคนที่ชอบให้แม่เล่น Tiktok ด้วย เวลาเราแสดงจนมีงานเข้ามา แม่ก็จะเริ่มมีฟีดแบ็คว่า ลองทำแบบนี้ดูมั้ย ผมมันดูไม่เป๊ะหนีบอีกมั้ย หรือพูดไม่ชัดแม่ขอปรับ เค้าก็จะมีคอมเมนต์เพราะมันเป็นเรื่องของงาน แล้วก็ใส่ใจตลอดเพราะเค้ารู้ว่านี่คืองานของลูก”เต้ : “เดี๋ยวต่อไปคุณแม่อาจจะเป็นคนเช็คเทปก่อนลงด้วย”จุดเริ่มต้นสู่แก๊ง Powerpuff Gay ของ เต้ และ อาร์ตตี้เต้ : “ของเต้ คือเต้จะเคยทำงานกับพี่ใหม่มาก่อน เป็นงานถ่ายแฟชั่น ไปถ่ายที่เยาวราช แล้วเราก็ทำผลงานออกมาแล้วกระแสตอบรับดี เต้ก็เลยบอกพี่ใหม่ว่ากระแสตอบรับมันดีเนาะ เราอยากทำอีก แล้วพี่ใหมก็บอกว่าถ้าทำต่อ แค่เราสองคนคงไม่ไหวหรอก เราต้องมีทีม ต้องมีอีก 2 คนเข้ามา ซึ่งพี่มีในหัวแล้ว 2 คน คือพี่หนุ่ม กับ พี่อาร์ตตี้”อาร์ตตี้ : “ตอนแรกอาร์ตไม่ได้เป็นเพื่อนกับใหม่ใน Facebook แล้ววันหนึ่งใหม่ก็มากดขอเป็นเพื่อน แว๊บแรกที่เห็นใหม่ เราก็คิดว่ามันเป็นคนยังไงนะ คือเราไม่ได้มีเพื่อนแบบนี้ ทรงมีหนวดแต่ว่าเป็นกะเทย แอบคิดว่าคนนี้ต้องแรงแน่ ๆ เพราะดูจากการแต่งตัว แต่ไม่เป็นไร ก็เป็นแค่เพื่อนในโซเชียลจะกลัวอะไร ก็เลยกดรับ แล้วเค้าก็ทักมาว่าสนใจอยากมาร่วมแก๊ง Powerpuff Gay ไหมซึ่งก่อนหน้านั้นเราก็จะแซวกันแค่ในคอมเมนต์ เพราะว่าเราจะเห็นผลงานของแต่ละคนใน Facebook อยู่แล้ว แต่ละคนชอบถ่ายคลิป ชอบถ่ายรูป เราก็จะแซวผ่านคอมเมนต์ ไม่คิดว่าวันหนึ่งใหม่จะกล้าทัก Facebook มาหาเรา”จาก The Powerpuff Girls สู่แก๊ง Powerpuff Gayเต้ : “เดี๋ยวเล่าพื้นเพก่อน พี่ใหม่เค้าชอบสีชมพู เป็นคนแบบหวาน ๆ ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้เค้าจะเป็นสีชมพูเป็นตัวบอสซั่มไป ส่วนพี่หนุ่มเค้าก็ชอบสีเขียว เค้าก็จะเป็นตัวบัตเตอร์คัพ ส่วนเต้ตอนแรกตั้งใจว่าจะเป็นศาสตราจารย์ เป็นคนที่โผล่มาตอนที่เค้าต้องการ เป็นคนที่คอยซัพพอร์ทข้างหลัง ต่อมาเหมือนกับว่าพี่ ๆ เค้าบอกว่าเธอไม่ต้องอยู่ข้างหลังหรอก เธอมาอยู่ข้างหน้ากับฉันเลย เค้าก็เลยให้เราเป็นตัวสีม่วงซึ่งเราก็ชอบเหมือนกัน มันเป็นความแตกต่างที่เรารู้สึกว่ามีคาแรกเตอร์ขึ้นมา”อาร์ตตี้ : “คือจริง ๆ แล้ว เราไม่ได้มารวมตัวกันเพื่อจะเลือกสีนะ แต่มันเป็นความบังเอิญที่ว่าแต่ละคนจะมีสีที่ชอบอยู่แล้ว แล้วบวกกับนิสัยตัวละครด้วย อย่างอาร์ตตี้ชอบสีฟ้า ก็จะเป็นตัวสีฟ้าที่มีคาแรกเตอร์แบบน่ารัก ๆ เป็นสาวแบบนักวิชาการผู้ช่ำชองในเรื่องของเศรษฐกิจ”หมอดูทัก! Powerpuff Gay คือส่วนผสมที่ลงตัวอาร์ตตี้ : “เคยไปดูดวง แล้วหมอดูพูดว่า 4 คนนี้แปลกนะ มันเป็นความต่างที่พอมาอยู่รวมกันแล้วมันครบ มันสมบูรณ์แบบพี่ใหม่ เค้าก็จะเป็นคนคุยกับลูกค้าฉะฉาน แล้วก็มีความรู้ความสามารถในเรื่องของแบบเสื้อผ้าแฟชั่น การถ่ายภาพนิ่ง และเป็นคนที่มีคอนเน็คชั่นเยอะมากพี่หนุ่ม ก็จะมีความสามารถในการไลฟ์สด เป็นคนที่ด้นสดได้เก่ง แล้วก็แบบมุกหรือ เค้ามีสกิล เวลาที่พี่หนุ่มเล่นมุกตลกที่มันจะไปส่อเสียดคนอื่น มันกลายเป็นว่ามันจะดูน่ารัก น่าเอ็นดู เค้าเลยกลายเป็นคนที่คนรักพี่เต้ เก่งเรื่องการใช้อุปกรณ์การตัดต่อทั้งหมด แล้วก็เค้าเรียนมาโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้อาร์ตตี้ ก็จะถนัดในเรื่องของการทำคลิป เพราะเราเล่น Tiktok บ่อย ก็จะเป็นคนที่มีภาพในหัว และเราเล่นละครเวทีที่รัชดาลัยมาด้วย บวกกับที่เราอยากเป็นผู้กำกับมิวสิควีดีโอ การได้มาทำเพจเหมือนเป็นการฝึกเราหลาย ๆแล้วพอ 4 คนมารวมกันมันเหมือนกับว่าแต่ละคนถนัดในศาสตร์ที่ต่างกัน แล้วพอมีงานเข้ามามันสามารถทำได้ สมมติเช่นมีไลฟ์สด หนุ่มจะเป็นคนนำนะ เล่นกับพี่ใหม่ อาร์ตเต้ก็จะเป็นคนซัพพอร์ท ถ้าเกิดมีงานภาพนิ่ง ใหม่ก็จะเป็นคนจัดเซ็ท เต้ถ่าย เราก็จะมีหน้าที่ในเรื่องการเขียนสตอรี่ไลน์ส่งลูกค้า”เต้ : “มันคือเรื่องแปลกที่พอถึงหน้างานแล้วทุกคนเหมือนรู้ตัวเองเลยว่าต้องไปอยู่แผนกไหน เราเหมือนเป็นโปรดักชั่นนึง แต่ละคนจัดการแต่ละแผนกไปเลย ไม่ได้ก้าวก่ายกัน อาจจะมีแค่บางงานขี้เกียจก็โยนให้เพื่อนทำ แต่หลัก ๆ เราจะรู้และจัดการงานของตัวเอง”การหาจุดกึ่งกลาง ในวันที่ความคิดไม่ตรงกันอาร์ต : “ส่วนมาก Powerpuff Gay จะทะเลาะกันเพราะว่าเรื่องงานเป็นหลัก จะทะเลาะกันเรื่องเงินก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะว่าต่างคนก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว เรื่องผู้ชายก็คงจะไม่เกี่ยวกัน แต่ว่าสุดท้ายจุดมุ่งหมายของเราคือ อยากให้งานมันออกมาดีที่สุด ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน เพราะฉะนั้นเวลาไม่ชอบ ไม่โอเค เราจะหาทางออกด้วยการโหวต”เต้ : “ถ้าผลออกมาเป็น 3 ใน 4 ก็คือทำเลย หรือว่าถ้าเป็น 2:2 ก็จะเอาความเห็นมาควบรวมกัน หาวิธีหยิบนั่นมาใส่ หยิบนี่มาปรับ หาจุดกึ่งกลางว่าแบบนั้นได้ไหม แบบนี้จะโอเคกว่ารึเปล่า”อาร์ต : “เพราะว่าพอเราทำงานมาจนถึงวันนี้ แต่ละคนมีประสบการณ์ มีฝีมือ และมีความมั่นใจว่าฉันคิดแบบนี้มันน่าจะโอเคดี แต่ถ้าสมมติว่ามีเพื่อน ๆ อีก 3 คนไม่เห็นด้วย ก็แสดงว่าความคิดนั้นไม่ใช่ละ ก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ แล้วตัดสินใจอีกครั้งว่า เค้าอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหน ความกดดันที่เจอทุกวันนี้คือพอมันโตขึ้น เราอยากคืนอะไรให้กับคนดูบ้าง คอนเทนต์มันต้องคิดอีกขั้นหนึ่งรึเปล่า อยากทำอะไรให้มันลึกกว่าเดิม จากเมื่อก่อนเราร้องเพลงกันบ้า ๆ บอ ๆ ตอนนี้มันต้องคิดแล้วว่าจะยังไงต่อ แล้วจะให้อะไรกับคนดูบ้าง”เต้ : “ตอนนี้ Powerpuff Gay เข้าปีที่ 5 แล้วครับ แก๊งเราเกิดก่อนโควิดแป๊บนึง แล้วเราอยู่ด้วยกันตลอดเลย”อาร์ตตี้ : “มีคนถามว่า 4 คนนี้ ตีกันรึเปล่า ทะเลาะกันรึเปล่า คือ รอเลน กับ ม้าม่วงเนี่ย ภาพจำคือเค้าจะไปคู่กันบ่อย แล้วเค้าเป็นสายแฮงค์เอาท์ กลางคืนก็จะไปปาร์ตี้กัน แต่เราอยู่กับแม่ เต้อยู่กับแฟน ก็เลยไม่ค่อยได้ไปปาร์ตี้กับสองคนนั้นเท่าไหร่ แล้วสองคนนั้นเวลาไปปาร์ตี้ก็จะมีมีม กลายเป็นไวรัล เลยทำให้คนเห็นอยู่ตลอดแล้วภาพจำคือเราเกิดมาพร้อมกัน 4 คนนี้มันอยู่ด้วยกันตอนโควิด คนก็เลยคิดว่าเวลาไปไหนต้องไปด้วยกัน แต่จริง ๆ แล้ว เราทุกคนก็มีชีวิตของกันและกัน มีความชอบที่แตกต่างกัน แล้วพอวันนึงเมืองมันเปิดเราก็ต่างคนต่างไปทำกิจกรรมที่ตัวเองเคยทำมาก่อนหน้านั้น”เต้ : “ใช่คือเรารักกันเหมือนเดิม สนิทเหมือนเดิม แต่แค่ว่าบุคลิกเราไม่เหมือนกัน ส่วนเต้ กับ อาร์ตตี้ ที่หลายคนเห็นว่าเราจิ้นกัน จริง ๆ ตอนแรกเราทะเลาะกันเรื่องงานค่อนข้างบ่อย เพราะแรก ๆ เหมือนกับเรายังไม่ค่อยจูนกัน เต้เป็นคนที่เรียนพวกฟิล์ม พวกตัดต่อมา เต้ก็จะมีวิชั่นของเต้ที่จะมองตรงไปอย่างเดียว แต่พอมาเจอพี่อาร์ตตี้ เค้าก็จะมีวิชาชีพของเค้าที่ทำมา เป็นมุมมองจากนักแสดง”อาร์ตตี้ : “คือก่อนหน้าที่หนูจะมาทำ Powerpuff Gay หนูเป็นผู้จัดการ พี่ต๊งเหน่ง รัดเกล้า มาก่อน แล้วหนูก็จะไปออกกองกับพี่ต๊งเหน่ง ก็มีโอกาสได้ไปเจอหม่อมน้อย เค้าจะชอบเรียกพี่โต๊งเหน่งให้มาเช็คเทปหน่อย ซึ่งเราก็เข้าไปด้วยแล้วมันเหมือนได้เรียนไปด้วย ได้รู้วิธีมองภาพกว้าง ภาพแคบมั้ย เรียนรู้วิธีการเล่า แล้วพอมาทำงานกับ Powerpuff Gay แรก ๆ งานมันจะเป็นแบบ MV ล้อเลียน เราจะเป็นคนเขียนบท แล้วก็เป็นอาร์ตไดเร็คเตอร์ เราก็จะวาดภาพเรียงกัน เพื่อให้อารมณ์คนดูมันเป็นอย่างที่เราจะสื่อสาร แล้วก็ส่งตัดต่อ ปรากฏว่าไม่ตรงกับภาพที่เราวางไว้”เต้ : “เพราะมันก็จะมีบางอย่างที่มีข้อจำกัดของมันในเรื่องของเครื่องมือ หรือเรื่องของฉากที่เราถ่ายออกมา ก็เลยกลายเป็นไม่เชิงว่าตีกัน แต่มันเป็นการคุยเพื่อปรับความเข้าใจ”อาร์ตตี้ : “ต้องชมเต้นะ เต้เป็นคนที่มาจากพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น เพราะฉะนั้นทัศนคติของเต้มันจะดี ไม่ค่อยนินทาคนอื่น ท่ามกลางกะเทยในกลุ่มที่มี 3 คน ที่บางทีก็จะหย่อนภาพใครสักคนมาในแชทแล้วก็เมาท์ แต่เต้ก็จะแค่หัวเราะแบบพอเป็นพิธี บางครั้งคงไม่ได้เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้อยากให้บรรยากาศมันเสีย”เต้ : “คือเราเคยอยากมีบทใช่ไหม เราเคยส่งข้อความของเราเข้าไป แล้วก็เหมือนแบบ ไม่มีใครตอบเลย เต้ส่งไปปุ๊บทุกคนอ่านหมดเลย 4 คน แล้วก็หายไปเลย ก็เลยกลัวมุกแป๊ก เลยไม่เล่นละ”คอมเมนต์เชิงลบ ที่ถูกรับจบด้วยเหล่าแฟนคลับเต้ : “ยังไม่ค่อยเจอคอมเมนต์ลบแบบแรง ๆ สักเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่คนที่เค้าเข้ามาดูเหมือนกับว่าทุกคนจะเข้าใจความเป็นเรา อย่างล่าสุดที่ทำรายการผีด้วยกัน มันก็จะเป็นการทดลองทำ แล้วทุกคนก็จะไม่ได้มาคอมเมนต์เชิงลบ แต่ก็จะเป็นแบบว่าปรับปรุงเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหม ก็จะเป็นข้อติที่ติเพื่อให้เราแก้ไขมากกว่า”อาร์ตตี้ : “คนที่ตามเราก็ต้องขอบคุณ เป็นคนน่ารักไม่ค่อยมีคอมเมนต์ที่มันบั่นทอน แต่จะเป็นการแนะนำ แล้วก็หาทางออกให้เรา และค่อนข้างที่จะเอ็นดูพวกเราแต่มันก็จะมีแบบบางคอมเมนต์ที่บางทีเค้าอาจจะหยอกเราเล่น แต่ว่ามันก็แรง แล้วเราก็สะอึกเหมือนกัน แต่เราก็ใช้วิธีมองข้าม หรือให้เทพพิทักษ์ที่เป็นแฟนคลับของเราจัดการ คือหมายถึงว่าแฟนคลับของเรา พอเค้าเห็นว่าคน ๆ มารังควาน เค้าก็จะออกมาปกป้องเราเอง โดยที่เราแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ต้องไปด่าต่อ แค่บอกว่าขอโทษค่ะ ได้ค่ะเดี๋ยวจะปรับปรุงให้ดีขึ้นนะคะ แล้วถ้าคนอื่น ๆ เห็นว่าคอมเมนต์นี้มันมีอคติ ทั้ง ๆ ที่พวกเราไม่ได้ผิดอะไรเลย เค้าจะออกมาปกป้องเราเอง”เปิดหัวใจ ส่องความรักของ เต้ และ อาร์ตตี้ Powerpuff Gayเต้ : “ตอนนี้ก็เป็นชีวิตความรักที่มีความสุขครับ เหมือนกับว่าเราได้เจอความชัดเจนจากคน ๆ นึง คือสุดท้ายแล้วเต้มาได้บทเรียนอย่างหนึ่งจากชีวิตความรักที่มันผ่าน ๆ มา เต้รู้สึกว่า สิ่งเดียวที่เราต้องการ คือเรื่องความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ฉันอยากจะเป็นแฟนเธอนะแค่นี้ แล้วพอต่างคนต่างมีศีลเสมอกัน แล้วทุกอย่างมันพาไปด้วยกันได้เอง ต่อให้ระหว่างทางมันจะเป็นแบบไหน แต่เต้รู้สึกว่ามันสามารถพาไปด้วยกันได้”อาร์ต : “เป็นเหมือนกันค่ะ คืออาร์ตเป็นคนที่โหยหา อยากมีสามีมาโดยตลอด แล้วตอนที่มีจริง ๆ มันก็มีทั้งสิ่งที่เป็นไปตามที่เราคิดไว้ และก็มีบางอย่างที่ไม่ใช่แบบที่เราคิดไว้ แต่มันก็เป็นการเรียนรู้ เมื่อก่อนความรักของเราคือเธอต้องอย่างงี้นะ ไปไหนมาไหนต้องรายงานทุกชั่วโมง มันเหมือนเป็นเจ้าของชีวิต และเราก็ไม่ชอบส่วนความรักตอนนี้ก็คือรู้สึกปล่อย ให้เกียรติ ให้พื้นที่กันและกัน ไม่ต้องมานั่งคิดกังวลแล้วว่าเค้าอยู่ไหน เค้าไปกับใคร แล้วสุดท้ายก็คือเราให้เกียรติเค้ามากพอ เค้าก็ให้เกียรติเรา กลายเป็นเซฟโซนของกันและกัน”สีสันแรงบันดาลใจจาก เต้ และ อาร์ตตี้ Powerpuff Gayเต้ : “สำหรับคนที่อยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ สิ่งที่เราได้เรียนรู้มาจากพี่ ๆ ทั้ง พี่ใหม่ พี่หนุ่ม พี่อาร์ตตี้ คืออย่าหยุด อย่าท้อ อย่าถอย เพราะว่าเราไม่รู้ว่าคอนเทนต์ไหนที่เราตั้งใจทำมันจะสำเร็จ เพราะอย่างพวกเราก็ไม่ใช่ว่าทำคอนเทนต์แรกแล้วสำเร็จต่อให้มาทำคอนเทนต์ที่ 1 ถึง 100 มันอาจจะไปสำเร็จที่ 101 ก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเราเดาไม่ได้ อยู่ที่ว่าเราจะดูแลคอนเทนต์ของเราและช่องของเรายังไง ให้ไปในทิศทางที่โอเค”อาร์ต : “เวลาที่เราเป็นวิทยากร แล้วเค้าถามว่าทำยังไงถึงดัง เราจะบอกเสมอว่า อย่าคาดหวัง แต่ต้องกลับมาถามตัวเองให้ชัดก่อนว่าเราอยากทำจริงรึเปล่า นี่คือความสุขของเราจริงรึเปล่า ถ้าคำตอบในหัวมันคือใช่ นี่แหล่ะคือความสุข แล้วเราจะขยัน เราอยากจะทำคอนเทนต์ในทุก ๆ วัน โดยที่ไม่เบื่อ ไม่เหนื่อย คนจะดูหรือไม่ดูยังไงไม่รู้ แต่อย่างน้อย เราจะมีกำลังใจในการทำคอนเทนต์ในทุก ๆ วัน เพราะนี่คือสิ่งที่เราชอบ ขอให้ยึดมั่นว่านี่คือความสุขของคุณ เราจะได้ไม่เหนื่อยในทุก ๆ วัน”คำขอบคุณจาก เต้ และ อาร์ตตี้ Powerpuff Gayอาร์ตตี้ : “ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ คน 4 คนมารวมตัวกันเริ่มจากศูนย์ แต่เราทำเพราะว่าเราอยากทำ เราอยากเป็น เราอยากแต่งตัวเป็นคนโน้นคนนี้ ใส่วิกแล้วก็ได้ร้องเพลงกับเพื่อน ๆ แต่มาวันหนึ่งความไร้สาระของพวกเรามันกลับมีคนชอบ แล้วทุกคนให้คุณค่ากับสิ่งที่พวกเราทำ”เต้ : “มันเคยมีคอมเมนต์หนึ่งที่แบบว่า จริง ๆ หนูเกือบจะลาโลกนี้ไปแล้ว แต่เพราะว่าหนูบังเอิญมาเปิดเจอพวกพี่ พวกพี่ช่วยชีวิตหนูไว้ แล้วไม่ใช่แค่คนเดียว มันมีคอมเมนต์แบบนี้เยอะมาก”อาร์ตตี้ : “ในช่วงโควิดเราเจอแบบนี้เยอะมาก และเราได้แต่บอกว่าน้องเข้มแข็งนะ แล้วก็ขอบคุณจริง ๆ ที่น้องมาคอมเมนต์เรา เพราะเอาจริง ๆ มันก็เหมือนพลังอีกอันหนึ่ง ที่ทำให้พี่อยากจะทำคอนเทนต์ในทุก ๆ วัน เพราะพี่รู้ว่ามันมีคนอีกเยอะที่ต้องการพลังบวก และต้องการเสียงหัวเราะแบบนี้”พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “พี่อ้อย” และ “ก็อตจิ” ได้ในทุกสัปดาห์ติดตามชมรายการย้อนหลัง











